คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : 0 6 | Est-ce que vous croyez dans les destinés ?
06 | Est-ce que vous croyez dans les destinés ?
11.00 AM @ Khaosan Road BKK.
วันนี้เป็นวันที่ 13 เมษายน ถือเป็นวันสำคัญทางประเพณีและวัฒนธรรมของประเทศไทย เป็นวันที่ผู้คนทั่วโลกรู้จักกันในชื่อเรียกว่า “วันสงกรานต์”
และตามตารางที่แจ็คสันเขียนไว้ในกำหนดการ ทำให้พวกเขาทั้ง 7 คนมาหยุดอยู่ที่ที่หนึ่ง ซึ่งมีประชาชนและนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมหาศาลกำลังสาดน้ำใส่กันอย่างสนุกสนาน แม้ว่าจะต้องเบียดเสียดกันท่ามกลางมวลมหาประชาชนก็ตาม แต่ทุกคนก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด มีแต่จะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆเสียด้วย ที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ยอดฮิตที่คนไทยจะมารวมตัวกันเล่นสงกรานต์ ชื่อเรียกของสถานที่นี้ก็คือ “ถนนข้าวสาร” นั่นเอง
“ฉันออกไปรอข้างนอกได้มั้ย ?” จินยองถอนหายใจออกมาอย่างแรงเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ซึ่งมันเป็นบรรยากาศที่ค่อนข้างเลวร้ายสำหรับคนรักความสงบอย่างเขาเป็นอย่างมาก
“เฮ้ย นานๆจะได้มาทำอะไรแบบนี้สักทีนะจินยอง” แจ็คสันแยกเขี้ยวใส่อีกคน
“แต่…”
“เอาน่า ลองเข้าไปเล่นดูก่อน”
“โห~~~” ผิดกับจินยองก็คงจะเป็นยูคยอมที่ดูจะตื่นเต้นกับบรรยากาศรอบข้างแบบสุดๆ
“โอเวอร์…”มาร์คแกล้งพูดขึ้นมาลอยๆโดยไม่ได้สบตาอีกคน แต่แน่นอนว่าต่อให้เป็นเด็กอนุบาลก็ต้องมองออกอยู่ดีว่ามาร์คจงใจพุ่งเป้าไปที่ใคร
“ว่าผมเหรอ ?” ยูคยอมหันมามองคนที่อาวุโสกว่า
“ฉันพูดอะไรหรือยัง ?”
“ดูก็รู้ว่าจงใจว่าผมชัดๆ”
“ร้อนตัวไปเองมากกว่ามั้ง” มาร์คส่ายหัวเบาๆ แต่สีหน้าของเขากลับขัดกับคำพูด ใบหน้าหล่อกระตุกยิ้มนิดๆเมื่อเห็นสีหน้าที่ทำท่างอแงเหมือนเด็กๆของคนตัวสูง
“มาร์ค ยูคยอม กูขอร้องเถอะ ถ้ามึงไม่ชอบขี้หน้ากันมากก็ไม่ต้องคุยกัน โอเค้ ?” แจ็คสันถอนหายใจก่อนจะเดินเข้ามาคั่นกลางระหว่างทั้งสองคน
“เพื่อนพี่หาเรื่องผมก่อนนะ” ยูคยอมฟ้อง
“ทีเวลานายหาเรื่องฉัน ทำไมไม่บอกไอ้สั้นมันบ้างล่ะ ?”
ซ่า !
สงครามประสาทขนาดย่อมของยูคยอมกับมาร์คต้องหยุดชะงักไป เมื่อมีใครบางคนสาดน้ำเข้ามากลางกลุ่มของพวกเขา แต่เป็นโชคดีของทุกคน เพราะจากตำแหน่งที่ยืนอยู่ ทำให้น้ำสาดเข้ามาไม่ถึงตัวของเขา เว้นเสียแต่ใครคนหนึ่งที่ยืนห่างจากกลุ่มเล็กน้อย และเป็นคนเดียวที่ยังไม่พูดอะไรตั้งแต่มาถึงที่นี่
“ชิบหาย…”
แจ็คสันถึงกับหลุดอุทานออกมาเมื่อเห็นสีหน้าของ แจบอม ผู้เคราะห์ร้ายคนเดียวในกลุ่มที่ถูกน้ำสาดใส่เข้าอย่างจังจนเปียกไปทั้งตัว ใบหน้าหล่อคมขมวดคิ้วเป็นปม แสดงถึงอาการไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“…” ไม่มีคำพูดใดๆออกมาจากปากของแจบอม ดวงตาคมตวัดไปจ้องวัยรุ่นชายคนหนึ่งที่สาดน้ำจากถังใส่เขาเต็มๆ
“แจบอม… มึงใจเย็นๆนะ” แจ็คสันรีบเข้าไปหาแจบอมที่ตั้งท่าจะเปิดสงครามกับคนแปลกหน้าที่ทำให้เขาตัวเปียกโดยที่ยังไม่ทันตั้งตัว
“พี่จะโกรธไม่ได้นะครับ มันเป็นประเพณีของที่นี่” แบมแบมพยายามอธิบายให้คนต่างวัฒนธรรมเข้าใจ
“เอาน่า ยังไงๆก็ต้องเปียกอยู่แล้ว” แจ็คสันตบบ่าคนที่กำลังหัวเสียเบาๆ
“ผมอยากเล่นจะแย่แล้ว เราจะเข้าไปข้างในกันรึยังครับ ?” ยองแจที่ยืนอัดลมปืนฉีดน้ำขนาดใหญ่ของตนมาพักใหญ่ถามขึ้น
“ผมก็อยากเล่นแล้วเหมือนกัน” ยูคยอมที่ผสมดินสอพองใส่กระป๋องว่าพลางโบกไม้โบกมือให้บรรดาวัยรุ่นผู้หญิงที่ยืนกรี๊ดกร๊าดอยู่ด้านใน
เมื่อเห็นว่าทุกคนพร้อมแล้ว แจ็คสันและแบมแบมจึงเดินนำทุกคนเข้าไป ถนนที่ถูกปิดตลอดเส้นทางแน่นขนัดไปด้วยประชาชนทั้งไทยและต่างชาติ น้ำที่ถูกฉีดถูกสาดมาจากทุกสารทิศบริเวณรอบข้างทำให้ทุกคนตัวเปียกกันอย่างรวดเร็ว อีกทั้งเสียงเพลงที่เปิดดังกระหึ่มยิ่งทำให้บรรยากาศรอบข้างสนุกสนานมากขึ้น
และก็เป็นธรรมเนียมของการเล่นสงกรานต์ที่ว่า หากใครหน้าตาดีหรือถูกสเป็ค ก็จะถูกรุมป้ายแป้งป้ายดินสอพอง บวกกับสถานะชาวต่างชาติของพวกเขา ทำให้ถูกหนุ่มสาวบริเวณนั้นรุมล้อมเพื่อป้ายดินสอพองกันยกใหญ่
ตอนนี้ทั้งเจ็ดคนถูกแยกออกจากกันเป็นกลุ่มๆเนื่องจากจำนวนผู้คนรอบข้าง ทำให้ถูกคนกระจัดกระจายกันออกไป ซึ่งก็มีทั้งคนที่โชคดีอย่างเช่นยูคยอมและยองแจที่ได้ไปด้วยกันเป็นคู่
“ขอป้ายหน่อยนะค้า~” มือบางของหญิงสาวที่เต็มไปด้วยดินสอพองค่อยๆป้ายลงบนแก้มของยูคยอม
“ขอบคุณค้าบ~” เด็กหนุ่มตอบกลับเป็นภาษาไทยพร้อมส่งยิ้มหวานให้ เรียกเสียงกรี๊ดจากหญิงสาวบริเวณรอบข้างได้เป็นอย่างดี
“ทำไมไม่มีผู้หญิงมาป้ายแป้งให้พี่บ้างเลย” ยองแจบ่นเป็นเชิงน้อยใจ เมื่อพบว่าไม่มีผู้หญิงอยู่รอบข้างเขาแม้แต่คนเดียว มิหนำซ้ำยังมีแต่เด็กๆมาสาดน้ำใส่เขาเสียอย่างนั้น
“คนมันหล่อก็แบบนี้ล่ะฮะ” ยูคยอมตอบในขณะที่ยังคงถูกสาวๆรอบข้างป้ายดินสอพอง
“พี่ไม่แปลกใจแล้วล่ะว่าทำไมพี่มาร์คถึงหมั่นไส้นาย”
“โห พี่ยองแจงอนผมเหรอ ผมล้อเล่นน่า”
“เออ พี่ถามอะไรหน่อยสิ จำเป็นมั้ยว่า จะต้องป้ายแป้งให้ผู้หญิงเท่านั้น ?” ยองแจถามเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้
“อันนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เห็นแบมแบมบอกว่า ชอบใครก็ป้ายได้เลย”
“…”
ชอบใครก็ป้าย…
“มีอะไรรึเปล่าพี่ยองแจ ?”
“ป…เปล่าๆ” ยองแจตอบพลางก้มมองกระป๋องใส่ดินสอพองราวกับคิดอะไรบางอย่าง
และนอกจากจะมียูคยอมและยองแจที่เป็นผู้โชคดีแล้ว ก็ยังมีมาร์คและแบมแบมที่โชคดีได้ไปเป็นคู่อีกด้วย ชายหนุ่มผมแดงตัดกับผิวขาวในเสื้อกล้ามแขนกว้างกับกางเกงขาสามส่วน อีกทั้งรอยยิ้มที่มีเขี้ยวนิดๆ ทำให้สาวๆรอบข้างกรี๊ดกร๊าดได้ไม่ยาก และเพียงไม่กี่อึดใจ ใบหน้าหล่อของชายหนุ่มก็เปื้อนไปด้วยดินสอพองหลากสี
ในขณะที่ทางของแบมแบมก็ไม่ต่างกัน แต่จะแตกต่างกันเล็กน้อยตรงที่ด้านของแบมแบม นอกจากจะมีผู้หญิงแล้ว ก็ยังมีผู้ชายบางส่วนเข้ามาร่วมเล่นด้วย
“คนนี้น่ารักจังเลย” หญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังป้ายแป้งทีแก้มแบมแบมชมขึ้นมา
“ขอบคุณนะครับผม”
“น้อง พี่ขอป้ายแป้งหน่อยดิ” เสียงทุ้มๆห้วนๆของผู้ชายแปลกหน้าดังขึ้นจากด้านหน้าของแบมแบม
“น้องครับ พี่ขอป้ายแป้งด้วยนะ”
“ป้ายแป้งหน่อยนะครับ”
สารพัดคำขอจากบรรดาผู้ชายหลายคนที่เดินตรงเข้ามาหาแบมแบมทำให้เขาเริ่มรู้สึกใจไม่ดี แต่ก็ไม่อยากปฏิเสธเพราะเนื่องจากเป็นธรรมเนียมปฏิบัติในเทศกาลนี้ เขาไม่ได้โง่ถึงขนาดที่จะไม่รู้ว่าคนพวกนี้คิดอะไรอยู่ มือของทุกคนที่ป้ายแป้งบนใบหน้าของเขาล้วนซุกซนแทบทั้งสิ้น บางคนก็เกลี่ยแก้มไปมา บางคนก็ทำเนียนเลื่อนลงมาจับเนื้อจับตัวของเขา ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้ชายด้วยกัน แต่มันก็ทำให้แบมแบมรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ
“ข…ขอโทษนะครับ” แบมแบมพยายามถอยตัวออกห่างจากคนล่าสุดที่กำลังป้ายแป้งให้เขาอยู่
“น้องรังเกียจพี่เหรอ ?”
“คือไม่…”
“ผู้ชายด้วยกัน จะรังเกียจอะไรล่ะ” มือหนาของคนแปลกหน้ายังคงลูบบริเวณแก้มของแบมแบมเบาๆ แต่กลับทำให้แบมแบมรู้สึกอึดอัดใจและอยากจะถอยออกมา
“คือ…”
“อ้อ… หรือว่าน้องก็ เป็น เหมือนกันเหรอ ?”
“คือผมไม่…”
“ไม่เป็นไร เป็นก็ดี จะได้คุยกันง่ายๆหน่อย” คำพูดของอีกฝ่ายทำให้แบมแบมถึงกับอึ้งไป ในขณะที่อีกฝ่ายค่อยๆใช้มือลูบใบหน้า ไล่ลงมาที่แขน และค่อยๆเลื่อนลงมาหมายจะจับเอวบางของแบมแบม
แต่แล้วร่างเล็กก็ต้องชะงักเมื่อมีมือของใครบางคนเอื้อมมากอดเอวของเขา และเมื่อหันกลับไปจึงพบว่าเป็นคนรู้จักของเขาที่มาด้วยกัน
‘ Sorry , he is my boyfriend. ’
“พ…พี่มาร์ค !?!” ประโยคที่ออกมาจากปากของคนผมแดงทำให้แบมแบมถึงกับหน้าขึ้นสี แต่สถานการณ์ตรงหน้าทำให้เขาไม่มีอารมณ์จะมาคิดอะไรหยุมหยิม แขนของคนเป็นรุ่นพี่กระชับให้แบมแบมขยับเข้าไปใกล้ตนมากขึ้น
“อะไรว้า~ มีแฟนแล้วเหรอ”
“…” แบมแบมเหลือบไปมองคนที่กำลังกอดเอวของเขาอยู่ ซึ่งมาร์คก็พยักหน้าเบาๆเป็นคำตอบ
“ค…ครับ นี่… แฟนผมเอง” ร่างเล็กตอบแบบตะกุกตะกัก แต่ดูเหมือนคนแปลกหน้าคนดังกล่าวจะรู้ว่านี่คือละครตบตาที่ไม่เนียนเอาเสียเลย
“Get out ! If you don’t want to get hurt.” [ออกไปซะ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว] เมื่อเห็นว่าฝ่ายทำท่าจะไม่เชื่อ มาร์คจึงรีบพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่พร้อมจะมีเรื่อง
“Mark , Calm down.” แบมแบมที่ไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไรจึงทำได้แค่ไหลไปตามสถานการณ์ในตอนนี้
“เออ ไปก็ได้วะ เซ็งชิบ…” ชายแปลกหน้าสบถออกมาก่อนจะเดินจากไป แบมแบมจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“เฮ่อ…”
“แบมแบม…” และก็ถึงคราวที่มาร์คจะต้องหันมาให้บทเรียนกับคนเป็นรุ่นน้อง
“ครับ ?” แบมแบมขานรับเบาๆ เพราะเขาก็พอจะรู้ชะตากรรมของตนเองอยู่เนืองๆ
“คราวหน้าก็หัดปฏิเสธบ้าง ไม่ใช่ยื่นเฉยปล่อยให้คนอื่นลวนลาม ถ้าพี่มาไม่ทันจะทำยังไง ?”
“ขอโทษครับ”
“ขอโทษทำไม แบมไม่ได้ทำอะไรพี่สักหน่อย พี่แค่จะบอกว่าคราวหลังให้ระวังตัวบ้าง”
“แต่พี่ไปโกหกเขาว่าเป็น… เอ่อ… เป็นแฟน ? มันจะดีจริงๆเหรอครับ ถ้าพี่ต้องถูกคนอื่นมองว่าเป็น…”
“ก็ยังดีกว่าที่แบมจะโดนทำอะไรมากกว่านั้นรึเปล่าล่ะ ?”
“…”
“อย่าคิดมากเลย อีกอย่าง ต่อให้โดนมองว่าเป็นไอ้อย่างว่าก็ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน ยังไงพี่กับไอ้นั่นก็ไม่ได้รู้จักกันอยู่แล้ว จะไปกลัวทำไม”
“เมื่อกี๊นี้…พี่มาร์คเท่มากๆเลยนะครับ”
เท่มาก…
จริงๆนะ…
แบมแบมพยายามสะบัดหัวไล่ความคิดแปลกๆที่อยู่ในหัวของเขา แต่สิ่งที่เขาพูดออกไปมันตรงกับที่ใจคิดจริงๆ สำหรับแบมแบมแล้ว คนๆนี้ทั้งใจดี และช่วยเหลือเขามาหลายครั้ง และถึงขั้นยอมโกหกในทางลบเพื่อช่วยเขา
“อย่าชม เดี๋ยวเหลิง”
“จริงๆนะครับ พี่ช่วยผมมาตั้งหลายครั้งแล้ว ไม่รู้จะตอบแทนยังไงเลยล่ะครับ”
“อย่าไปคิดแบบนั้นสิ เอ้า ไปเล่นกันต่อดีกว่า อ้อ… จับมือพี่ไว้ด้วย จะได้ไม่หลงกัน”
เมื่อเห็นว่าเสียเวลาไปมาก มาร์คจึงชวนแบมแบมให้กลับเข้างาน โดยไม่ลืมที่จะจูงมืออีกคนไว้เพื่อไม่ให้พลัดหลงกันอีก แม้ว่าตอนนี้จะมีผู้คนอยู่ในพื้นที่เป็นจำนวนมาก แต่สำหรับแบมแบมแล้ว ตอนนี้เขากลับมองไปที่คนๆเดียว คนที่อยู่ด้านหน้าของเขา และเป็นคนที่จับมือของเขาเอาไว้
คุณว่ามันแปลกไหม ? คนบางคนที่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมานาน แต่ไม่เคยรู้สึกคิดอะไรเกินเลย แต่กับคนบางคนที่เพิ่งรู้จักกันเพียงไม่กี่วัน คุยกันไม่กี่ประโยค กลับทำให้คุณรู้สึกว่า อะไรๆมันจะไม่เหมือนเดิม และถ้าถามว่าสิ่งนั้นมันคืออะไร คำตอบก็คงจะเป็น…
ความรู้สึกของแบมแบมในตอนนี้
.
.
.
.
และถ้าหากจะถามว่า ใครคือคนที่โชคร้ายในการเล่นสงกรานต์ครั้งนี้ ก็คงจะไม่พ้นแจ็คสันที่พลัดหลงกับทุกคนจนมาอยู่ท่ามกลางคนแปลกหน้านับร้อยคนเพียงลำพัง แม้ว่าจะพยายามมองหาพรรคพวกของตัวเอง แต่โอกาสที่จะหาเจอก็น้อยพอสมควร
แต่ก็นับว่าเป็นโชคดีของแจ็คสันที่ถูกสาวๆรุมล้อมปะแป้งเหมือนกับคนอื่นๆ และนั่นก็ทำให้เขาลืมเรื่องที่จะตามหาเพื่อนไปเสียสนิท มือนุ่มๆของบรรดาสาวๆทั้งหลายทำเอาแจ็คสันถึงกับเคลิบเคลิ้มตามประสาชายหนุ่มทั่วไป
“อ้าว นั่นมันพี่แจ็คสันนี่”
“เฮ้ย ยองแจ !?!”
แจ็คสันถึงกับยิ้มร่าเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนเรียกเขา และจากที่ฟังยองแจเล่า ก็ทำให้แจ็คสันรู้ว่า ยองแจพลัดหลงกับยูคยอมเพราะถูกบรรดาสาวๆภายในงานรุมปะแป้ง ทำให้เขาหารุ่นน้องตัวโตไม่เจอ และเดินหลงทางอยู่ในงานคนเดียว
หากแต่ความจริงที่แจ็คสันจะไม่มีทางรู้ก็คือ ความจริงแล้ว ยองแจต่างหากที่เป็นฝ่ายขอแยกตัวออกมาจากยูคยอมเพื่อมาตามหาใครบางคน โดยมีวัตถุประสงค์อยู่ที่ดินสอพองในกระป๋องที่เหลืออยู่ค่อนกระป๋อง
ชอบใครก็ป้าย…
คำพูดของยูคยอมทำให้ยองแจต้องแยกตัวออกมาตามหาคนที่เขา “ชอบ” และคนๆนั้นก็คงจะไม่พ้นรุ่นพี่ตัวสั้นที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าของเขา แม้ว่าขณะเดินมาจะมีผู้หญิงและเด็กๆมาขอให้เขาปะแป้งให้บ้าง แต่ยองแจก็พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้เหลือมากพอที่จะเอามาปะให้คนที่เขาตามหา
“ไหนๆก็มาแล้ว มาเดินด้วยกันเลย” แจ็คสันเดินตรงเข้ามากอดคอรุ่นน้องที่ตัวสูงกว่าที่เอาแต่ยืนนิ่ง
“…”
“เฮ้ย ทำตัวสนุกๆหน่อยสิ ตอนแรกดูตื่นเต้นมากเลยไม่ใช่รึไง ?”
“พี่แจ็คสัน…”
“ว่าไง ?”
“คือ…”
“…”
“ผมขอปะแป้งให้พี่หน่อยได้มั้ย ?”
โอ๊ย ยองแจ ไอ้บ้า !
ยองแจได้แต่สบถอยู่ในใจ และอยากจะตบปากตัวเองแรงๆที่จู่ๆก็ถามออกไปตรงๆเสียอย่างนั้น ร่างบางก้มหน้าลงหลังจากถามจบเพื่อรอฟังคำตอบ
“นึกว่าจะถามอะไร ทำไมจะปะไม่ได้ล่ะ เอาข้างไหน ซ้ายหรือขวา ?” คำตอบของแจ็คสันทำให้ยองแจเงยหน้าขึ้นมามอง และพบว่าอีกฝ่ายยังคงยิ้มเป็นปกติ อีกทั้งยังพองแก้มแถมใช้นิ้วชี้แล้วยื่นหน้ามาใกล้ๆเขาอีกต่างหาก
“เฮ้ย… จะปะแป้ง ไม่ได้จะหอมแก้ม เข้าใจอะไรผิดป่ะเนี่ย ?” ท่าทางที่ดูน่ารักของแจ็คสันทำให้ยองแจถึงกับหัวใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ใบหน้าน่ารักของยองแจค่อยๆขึ้นสีแดง แต่ก็เป็นโชคดีของยองแจที่แจ็คสันไม่ได้สังเกต
“ก็ให้เลือกไง จะปะข้างไหน ?”
“จะข้างไหนมันก็เละเหมือนกันนั่นแหละ” ยองแจยิ้มจนตาหยี มือเรียวค่อยๆควักดินสอพองขึ้นมาป้ายหน้าคนเป็นรุ่นพี่เบาๆ ก่อนจะชักมือที่เริ่มสั่นเพราะความเขินกลับเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“ป้ายแค่นี้มันจะไปได้อะไร มันต้องแบบนี้…”
แจ็คสันคว้ากระป๋องที่ใส่ดินสอพองมาจากยองแจ มือหนาที่เต็มไปด้วยวัตถุเปียกสีขาวค่อยๆป้ายลงไปบนใบหน้าใสของรุ่นน้องจนแก้มกลมทั้งสองข้างถูกปกปิดไปด้วยดินสอพอง ก่อนจะแกล้งหยิกไปที่แก้มนุ่มของอีกฝ่ายเป็นเชิงหยอกล้อ แต่กลับทำให้ยองแจแทบจะลงไปนั่งกับพื้นเพราะความเขินอาย
“มันต้องป้ายแบบนี้ ป้ายให้เต็มหน้า แค่เอามาแปะๆบนหน้ามันจะได้อะไรเล่า”
“ก…ก็…”
“แล้วก็นี่… ของแถม”
“โอ๊ย !!! พี่ เย็น !!!”
ยองแจร้องเสียงหลงเมื่อถูกแจ็คสันเล่นทีเผลอแกล้งเอาก้อนน้ำแข็งที่อยู่ในถังน้ำยัดใส่คอเสื้อ ร่างบางดิ้นพล่านอยู่พักใหญ่ ก่อนจะทำหน้ามุ่ยแล้วคว้าขันน้ำมาสาดใส่รุ่นพี่คืน
และหนึ่งในความลับใหญ่ของยองแจก็คือ เมื่อคืนที่ผ่านมาเขาแอบไปหาข้อมูลของวันสงกรานต์มาจากอินเทอร์เน็ต มีคนบอกว่า ถ้าได้เล่นสงกรานต์กับคนที่ตัวเองชอบ ถือว่าเป็นเรื่องราวดีดีเรื่องหนึ่งในชีวิต และเป็นโมเม้นท์ที่คนโสดหลายๆคนใฝ่ฝัน
และตอนนี้ยองแจก็ทำมันสำเร็จแล้วล่ะ…
แต่ถ้าถามว่า ใครที่โชคร้ายมากกว่าแจ็คสันที่พลัดหลงกับเพื่อนจนต้องอยู่คนเดียวในตอนแรก คำตอบก็จะเป็นชื่อผู้ชายสองคนที่พยายามหลบหน้ากันมาตลอดอย่าง อิมแจบอม และ ปาร์คจินยอง ที่ถูกกระแสฝูงชนเบียดเสียดจนทั้งคู่ถูกแยกออกมาจากกลุ่มเพื่อน
ในความจริงแล้ว ก็เป็นโชคดีของแจบอมและจินยองที่อย่างน้อยๆก็ไม่ต้องเดินเล่นสงกรานต์อย่างโดดเดี่ยว แต่เพราะสถานะที่ค้ำคอระหว่างทั้งสองคนที่เรียกว่า “แฟนเก่า” ต่างหากที่ทำให้ความโชคดีนี้แปรเปลี่ยนไปกลายเป็นความโชคร้ายมากถึงมากที่สุด หรือถ้าจะอธิบายให้ถูก ก็ควรจะพูดว่า…
เป็นโชคดีของอิมแจบอม
และเป็นโชคร้ายของปาร์คจินยอง
แม้ว่าจินยองจะพยายามเดินเลี่ยงไปในบริเวณที่มีคนอยู่ไม่มาก แต่เขาก็ไม่สามารถหลบพ้นผู้คนที่เดินเข้ามาขอปะแป้ง ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ซึ่งจินยองก็ไม่สามารถปฏิเสธคนเหล่านั้นได้
ในขณะที่แจบอมที่ไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวอะไรเท่าไหร่นัก และเกือบจะมีเรื่องฟาดปากกับคนที่สาดน้ำใส่เขาอยู่เนืองๆ ก็ได้แต่เดินตามจินยองอยู่ห่างๆ มีคนเดินเข้ามาขอปะแป้งบ้าง ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้ปฏิเสธ แต่สายตาของร่างสูงก็ยังคงจับจ้องไปที่แฟนเก่าของตนไม่วางตาเพื่อไม่ให้คลาดกัน
และจินยองก็รู้ตัวดีว่าเขากำลังถูกอีกคนเดินตาม ร่างบางหยุดเดินก่อนจะหันกลับมาและพบว่าแจบอมยืนอยู่ห่างจากเขาเพียงไม่กี่ก้าว ใบหน้าหวานเริ่มแสดงความไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเห็นคนตรงหน้า ในขณะที่แจบอมยังคงมีสีที่ดูเหมือนจะไร้อารมณ์เหมือนเคย
“คุณเลิกเดินตามผมสักทีเถอะครับ” จินยองพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงความไม่พอใจเล็กน้อย
“…”
“…”
“จินยอง คุยกันดีๆได้มั้ย ?” คำพูดเดิมๆของแจบอมถูกส่งไปถามคนตรงหน้า
“แล้วตอนนี้ผมพูดอะไรไม่ดีรึเปล่าครับ ?”
“มันไม่ใช่แบบนั้น หมายถึง… คุยแบบที่เราเคยคุยกัน” ใบหน้านิ่งเฉยในตอนแรกของแจบอมค่อยๆอ่อนลงเมื่อเห็นสีหน้าเรียบเฉยของจินยอง
“แบบที่เราเคยคุยกัน ยังไงเหรอครับ ?”
“…”
“ใช่แบบที่พูดว่า ‘ ออกไปจากชีวิตของฉันซะ ’ … แบบนี้รึเปล่าครับ ?”
ประโยคที่หลุดออกมาจากปากของจินยองทำให้แจบอมถึงกับหน้าชา และจินยองเองก็รู้สึกเจ็บไปทั้งใจไม่ต่างกัน ใบหน้าหวานค่อยๆหลุบต่ำลงเพื่อหลบสายตาของแจบอมที่กำลังมองเขาอยู่ ประโยคสั้นๆที่สะกิดเรื่องราวในอดีตให้ผุดขึ้นในห้วงความทรงจำของทั้งสองคน และเป็นประโยคสุดท้ายที่เขาได้ยินจากปากของแจบอมในวันนั้น…
“ฉันขอโทษ”
“…”
“จินยอง ฉันขอโทษ”
“คุณจะขอโทษผมทำไมล่ะครับ ? ผมเคยบอกแล้วไง ว่าพวกเราคุยกันได้ในสถานะเพื่อนของแจ็คสัน”
“แต่ฉันไม่อยากได้สถานะนั้น”
“แสดงว่าคุณพอใจกับสถานะแฟนเก่าใช่มั้ยครับ ?”
“มันไม่ใช่แบบนั้น”
“ผมไม่รู้ว่าคุณอยากจะคุยกับผมในสถานะอะไร แต่ถ้านอกเหนือจากคำว่าเพื่อนของแจ็คสัน หรือ แฟนเก่าแล้ว ผมคงให้คุณมากไปกว่านี้ไม่ได้จริงๆ ขอโทษครับ”
น้ำเสียงสั่นๆของจินยองเป็นเหมือนของมีคมที่บาดซ้ำลงไปในใจของแจบอม แต่เขาก็ไม่สามารถละสายตาไปจากคนตรงหน้าที่กำลังก้มลงเพื่อหลบหน้าของเขาได้ และเขาก็รู้ดีว่า คนอย่างจินยอง พูดคำไหนคำนั้น และคำพูดของจินยองก็เปรียบเสมือนกำแพงที่ตั้งขึ้นมากั้นระหว่างเขาและจินยองออกจากกันอย่างชัดเจน
จู่ๆสายตาของร่างสูงก็ไปสะดุดกับกระป๋องพลาสติกสีฟ้าใบหนึ่งที่มีดินสอพองอยู่เล็กน้อย คำพูดของจินยองวกกลับเข้ามาในหัวของเขาอีกคน ก่อนที่แจบอมจะยิ้มออกมาเล็กน้อย
“นี่ คุณปาร์คจินยอง…” น้ำเสียงที่เริ่มมีชีวิตชีวาของแจบอมทำให้จินยองค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา สรรพนามและท่าทางที่เปลี่ยนไปของแจบอมทำให้จินยองเกิดความสับสน
“…”
“ผมกับคุณยังคุยกับในฐานะเพื่อนของแจ็คสันได้จริงๆใช่มั้ย ?”
“ค…ครับ…”
“ถ้างั้น ผมขอปะแป้งให้คุณได้มั้ย ?”
“ว่าไงนะครับ ?”
“ผมเห็นคนเล่นปะแป้งกัน ผมก็แค่อยากเล่นบ้าง แต่พอดีไม่มีเพื่อนน่ะ”
“…”
“อย่าคิดมากสิคุณ เล่นในฐานะเพื่อนของแจ็คสันไง”
รอยยิ้มบางๆค่อยๆผุดขึ้นมาบนใบหน้าของแจบอม เดิมที ความสัมพันธ์ของเขากับจินยองก็เริ่มต้นมาจากการเป็น “เพื่อนกัน” และมันก็พัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ
และถ้าในครั้งนี้ ถ้าเขาจะขอใช้สถานะเพื่อนของแจ็คสันที่จินยองยื่นมาให้เป็นตัวตั้งต้นในการเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เขาก็ไม่ผิดใช่ไหมล่ะ เพราะอย่างไรเสีย คำว่าเพื่อนของแจ็คสัน มันก็เท่ากับคำว่า “เพื่อน” อยู่ดี
สรุปง่ายๆก็คือ… เขาจะขอใช้สถานะคำว่า “เพื่อนของแจ็คสัน” ในการจีบปาร์คจินยองอีกครั้ง
ผมทำแบบนั้นได้ใช่ไหมครับ ?
เอ้า ขอสามคำให้อิมปมค่ะคุณ
อนุญาตให้ด่าให้สาปได้เต็มที่ 5555555555555
กราบสวัสดีรีดเดอร์ทุกคนหลังจากหายหน้าหายตาไปนานพอสมควร
และวันนี้ช่วงทอล์กของเราก็จะกลายเป็นคลาสสอนวิชาภาษาฝรั่งเศสกันนะคะ
(ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทุกคนอยากจะเรียนรึเปล่า แต่เราอยากสอนค่ะ 5555555555)
จะได้ถือว่า การอ่านฟิคก็มีประโยชน์เหมือนกัน
นอกจากจะสนุก (รึเปล่า ?) แล้วยังได้ภาษาฝรั่งเศสไปใช้แบบชิคๆเก๋ๆด้วย
หาที่ไหนไม่ได้แล้วนะเธอ (เหรอ ??)
ว่าแล้วก็ขอเข้าสู่คลาสคำศัพท์ ณ บัดนี้…
เริ่มจากชื่อเรื่อง Les vacances (เลส์ วาก๊องซ์) = วันหยุดพักผ่อน
ชื่อตอนที่ 1 Les Invitations (เลส์ แองวิตาซิยง) = คำเชิญ / บัตรเชิญ
ชื่อตอนที่ 2 Bon Voyage (บง โวยาจ) = เดินทางโดยสวัสดิภาพ
(เชื่อว่าเป็นคำที่หลายๆคนคุ้นเคยดี ฮิฮิ)
ชื่อตอนที่ 3 Bienvenue (เบียง เวอนู) = ยินดีต้อนรับ
ชื่อตอนที่ 4 Passé (ปาสเซ่) = อดีต
ชื่อตอนที่ 5 La première jour (ลา เพอร์มิแยร์ ชู) = วันแรก
ชื่อตอนที่ 6 Il l y bien longtemps (อิลลียา เบียง ลองตอง) = กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
และตอนล่าสุด Est-ce que vous croyez dans les destinés ?
(แอส เกอะ วู โครเย่ ด็อง เลส์ เดสติเน่) = คุณเชื่อในพรหมลิขิตรึเปล่า ?
(เป็นชื่อตอนที่ยาวจนกลัวไม่มีคนอ่านเหลย =___=;;;)
รีดเดอร์คงคิดว่าไรท์เตอร์ต้องเจออากาศร้อนจนบ้าไปแล้วแน่ๆ
ซึ่งต้องขอบอกว่า “ใช่” ค่ะ ! 5555555555
แต่ถ้าลองไปอ่านดูดีๆจะพบว่าชื่อตอนกับเนื้อเรื่องก็ค่อนข้างสอดคล้องกันอยู่นะคะ
(คิดว่าแบบนั้นนะ 555555555)
สุดท้ายนี้ก็ยังคงต้องขอพูดแบบเดิมว่า
ขอขอบคุณรีดเดอร์ทุกคนที่ติดตามเรื่องนี้มาตลอด ทั้งติดตามและหลงเข้ามา
ทุกคอมเม้นท์และการแหก (?) ในแท็กเป็นกำลังใจของเราจริงๆค่ะ
สามารถคุยกันได้ที่ @mookiizsgc7 หรือแหกในแท็ก #ฟิคโลกกลม เช่นเดิมนะคะ
สำหรับตอนหน้า จะมาเร็วหรือช้า อยู่ที่ยอดคอมเม้นท์และความอยากของรีดเดอร์ค่ะ
ไรท์ตามใจรีดเสมอ ฮริ…
(บอกตามตรง เคยฝันว่าไม่มีคนอ่านฟิค จะลงแต่ละตอนนี่กลัวมาก 5555555)
เพราะเรารักคุณยิ่งกว่าการบินไทย อริ๊อริ๊ …
ปล. ทอล์กบ้าอะไรโคตรจะยาว 5555555555555555
ความคิดเห็น