ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [GOT7] LES VACANCES. #BNIOR #JACKJAE #YUGMARK #MARKBAM

    ลำดับตอนที่ #6 : 0 5 | il y a bien longtemps. [1]

    • อัปเดตล่าสุด 1 เม.ย. 58





    05 | il y a bien longtemps. [1]
     

     

    หืม ??

     

    คำพูดของจินยองทำให้มาร์คถึงกับทำตาโตด้วยความงุนงง แต่ก็ไม่เท่ากับอีกคนที่นอนอยู่บนโซฟาที่แม้ว่าจะไม่ได้แสดงออกทางสีหน้าออกมา แต่มาร์คก็รู้สึกได้ว่า ไม่มีทางที่อิมแจบอมจะไม่คิดอะไรแน่ๆ

     

    พอดีนอนไม่ค่อยหลับ ก็เลยอยากมีเพื่อนคุยน่ะ

    ไหนตอนแรกบอกว่าอยากนอนคนเดียวไง ?

    คือ…” จินยองหยุดพูดไป ใบหน้าหวานค่อยๆก้มหน้าลงเมื่อเริ่มรู้ว่าถูกอีกคนจับไต๋ได้

    “…” มาร์คค่อยๆเหลือบสายตาไปมองคนที่นอนอยู่บนโซฟา แน่นอนว่าดวงตาคมคู่นั้นกำลังจ้องมองเขาอยู่

    “…”

    งั้นเอาแบบนี้ก็แล้วกัน ฉันจะเข้าไปนั่งคุยด้วยจนกว่านายจะหลับ แล้วฉันจะออกมานอนข้างนอกเหมือนเดิม โอเคมั้ย ?มาร์คยื่นข้อเสนอที่ยุติธรรมกับทั้งสองคน

    ก็ได้จินยองพยักหน้า ก่อนที่ทั้งสองคนจะหายเข้าในห้องนอน

     

    ตลอดเวลา 1 ชั่วโมง แจบอมที่พยายามฝืนข่มตานอนกลับรู้สึกกระสับกระส่าย ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถหลับลงได้เสียที โทรทัศน์ถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง แม้ว่าดวงตาคมจะมองไปที่ประตูห้องนอนของจินยองอยู่ตลอดเวลา และในที่สุดมาร์คก็เดินออกมาจากห้อง แจบอมจึงรีบย้ายสายตากลับไปมองที่โทรทัศน์แทน

     

    อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้นสิมาร์คทักขึ้นหลังจากที่ห้องมาจากห้องของจินยอง

    อะไรของนายแจบอมหันมามองคนผมแดงที่กำลังล้มตัวนอนบนฟูกที่ปูไว้บนพื้น

    คิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ? ขอโทษเถอะ ฉันรู้ว่านายมองฉันตั้งแต่ตอนที่จินยองเรียกแล้วด้วยซ้ำ

    “…”

    รู้แม้กระทั่งความสัมพันธ์เดิมของนายกับจินยองด้วยมาร์คเงยหน้าขึ้นมามองแจบอม และพบว่าร่างสูงที่นอนอยู่บนโซฟากำลังชักสีหน้าใส่เขาอยู่

    พูดอะไร ?

    ฉันไม่รู้หรอกว่าพวกนายสองคนมีเรื่องอะไรกันมาก่อน แต่ไหนๆก็มีโอกาสเจอกันแล้ว เคลียร์กันหน่อยก็ดีนะ

    “…”

    ฉันก็ไม่ได้อยากจะยุ่งนักหรอก แต่นายสองคนแสดงออกชัดเจนเกินไป และจินยองก็เป็นฝ่ายเล่าให้ฉันฟังเองด้วย

    จินยองเนี่ยนะ ?แจบอมถามย้อนกลับดเมื่อได้ยินประโยคหลัง

    ขนาดนายยังตกใจเลยใช่มั้ยล่ะ ฉันก็ไม่คิดว่าจินยองจะมาพูดอะไรแบบนี้ให้ฉันฟังเหมือนกัน เพิ่งรู้จักกันแค่วันสองวันด้วยซ้ำ

    นายคุยอะไรกับจินยองไปบ้าง ?

    ถ้าเป็นเมื่อกี๊นี้ ไม่ได้คุยเรื่องของนายเลย สบายใจได้ จินยองบอกฉันแค่ว่า เคยเป็นแฟนกับนาย แค่นั้นเอง แล้วก็บอกว่า จบกับนายไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ก็เลยมองหน้ากันไม่ติด

    “…”

    “…”

    ก็จริง…” แจบอมพูดขึ้นมาเบาๆ แววตาคมที่ดูเหมือนจะไร้อารมณ์ของแจบอมค่อยๆเผยแววเศร้าออกมาทีละนิด

    หมายถึงอะไร ?

    ฉันกับจินยองจบกันไม่ดีเท่าไหร่

    “…”

    แต่ถ้าเป็นไปได้ ฉันก็อยากย้อนกลับไปวันแรกที่ฉันได้เจอจินยองอีกครั้ง…”

     

    แจบอมพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้ฟังดูแข็งๆห้วนๆเหมือนที่เขาชอบพูดเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น ท่าทีที่ดูอ่อนลงทำให้มาร์คถึงกับต้องหันมามองเขาอีกครั้ง ก่อนที่เรื่องราวในอดีตจะเริ่มย้อนกลับเข้าในความทรงจำของแจบอมอีกครั้ง

     

    .

    .

    .

    .

     

     

     

    20XX | February , 14 @ ใต้อาคารคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์

     

     

                “พวกมึง ! เห็นกิจกรรมของไอ้พวกคณะวิศวะฯรึยัง !?!”

     

                เสียงของผู้ชายในคณะคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา ก่อนจะวิ่งมายังใต้อาคารที่มีนักศึกษาชายอีกหลายสิบชีวิตกำลังนั่งพับจรวดกระดาษ ส่วนนักศึกษาหญิงที่มีเพียงน้อยนิดกำลังเขียนข้อความลงบนจรวดที่ถูกพับแล้วเพื่อทำโปรเจคต์สำหรับวันวาเลนไทน์ของคณะ

     

                “ยังว่ะ ทำไมวะ ?นักศึกษาชายคนหนึ่งเงยหน้าขึ้นมาถาม ใน

                กิจกรรมพวกมันแม่งโคตรแย่งซีนเลยว่ะ กูว่าโปรเจคต์จรวดของพวกเราคงสู้ไม่ได้แล้วแหละ

                “มึงว่าไงนะ !!” นักศึกษาหลายสิบชีวิตแทบจะตะโกนขึ้นมาพร้อมกันเมื่อได้ยินคำพูดของคนมาใหม่

                มึงแต่โปรเจคต์ของเรามันก็ไม่ได้แย่เลยนะหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งกลางวงพูดขึ้นมาเบาๆ

    กูก็ไม่ได้บอกว่าโปรเจคต์ของพวกเรามันไม่ดี แต่มึงช่วยฟังกูพูดให้จบก่อน…”

     

    กระดาษมาแล้วเว้ย ! ’

     

    ชายหนุ่มผมดำสนิทที่มีหน้าม้าปรกลงมาเล็กน้อยตะโกนขึ้นมาจากลานจอดจักรยานด้านหลังอาคาร ในมือของร่างสูงกำลังถือกระดาษจำนวนสี่รีมเดินตรงมายังกลุ่มเพื่อนๆที่กำลังถกเถียงกันอยู่ด้วยสียิ้มแย้มเพราะไม่รู้เรื่องรู้ราว

     

    ทำไมพวกมึงทำหน้าหมาโดนยาเบื่อแบบนั้นกันวะ ?คนมาใหม่ถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อนๆที่หยุดการกระทำทุกอย่าง รวมไปถึงเพื่อนร่วมคณะที่เพิ่งมาถึงก่อนหน้าเขาไม่นานนัก

    ไอ้แจบอม มึงไปตัดต้นไม้ผลิตกระดาษมารึไง ไปโคตรนาน

    พอดีร้านถ่ายเอกสารเค้าไม่ยอมขายให้ กูเลยปั่นจักรยานไปซื้อที่ร้านเครื่องเขียนหน้ามหาลัย แล้วนี่มีเรื่องอะไรกัน ?แจบอมวางกระดาษที่ถือมาก่อนจะเริ่มเข้าสู่บทสนทนา

    เดี๋ยวนะแจบอมดอกกุหลาบที่เอวมึง ??” เพื่อนร่วมคณะสาวคนหนึ่งชี้ไปที่เข็มขัดของแจบอมที่เหน็บดอกกุหลาบสีแดงไว้หนึ่งดอก

    อ๋อ เมื่อกี๊ตอนกูปั่นจักรยานเข้ามา ก็มีผู้หญิงคณะวิศวะฯเอามาให้ รู้สึกจะแจกแถวๆสี่แยกหน้ามหาลัย ทำไมวะ ?

    มึงมันกบฏ ไอ้เลว !!!” คนที่เพิ่งมาถึงก่อนหน้าเขาไม่นานพุ่งเข้ามาบีบคอแจบอมเป็นเชิงหยอกล้อแต่สีหน้าและท่าทางของเขากลับจริงจังเอามากๆ

    เดี๋ยวสิเว้ยไอ้แดฮยอน !!”

    โอเคในเมื่ออยู่กับครบแล้ว และมีหลักฐานอยู่ที่ตัวไอ้แจบอม กูจะขออธิบายสิ่งที่กูเจอเมื่อกี๊นี้เลยนะคนที่เพิ่งลงไม้ลงมือกับแจบอมไป หรือ แดฮยอน หันกลับมาเข้าสู่โหมดจริงจัง

    “…”

    ตอนนี้คณะวิศวะฯมันทำกิจกรรม ปิดสี่แยกแจกกุหลาบ ในวันวาเลนไทน์ แน่นอนว่าผลตอบรับของมันดีมาก เพราะผู้หญิงชอบผู้ชายคณะวิศวะฯเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และตอนนี้กิจกรรมวาเลนไทน์ของคณะอื่นแม่งเงียบเหงามาก ทั้งกิจกรรมแจกเพลงรักของคณะอักษรฯ หรือกิจกรรมส่งใจไปถึงเธอของคณะวิทยาศาสตร์ ตอนนี้เหลือแค่คณะเราที่ยังไม่ได้เริ่มโปรเจคต์ และกูก็คาดว่า ถ้าพวกเราไปเริ่มโปรเจคต์กันตอนนี้ แม่งจะอ้างว้างมาก กูพูดจากใจไม่อ้อมค้อมเลยนะ

    “…”

    และดอกกุหลาบที่มึงได้มาก็มาจากกิจกรรมของคณะวิศวะฯนั่นแหละแจบอม

     

    หลังจากที่แดฮยอนพูดจนจบ ทุกคนในที่นั้นก็เกิดอาการอึ้งไปชั่วขณะ โปรเจคต์สำหรับวันวาเลนไทน์ที่ทุกคนกำลังจัดเตรียมในตอนนี้คือ โปรเจคต์ร้อยคำรักคืนสู่นักศึกษา โดยนำจรวดกระดาษที่มีข้อความบอกรักและให้กำลังใจจากเหล่านักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ขึ้นไปโปรยจากที่สูง เพื่อให้ทุกคนได้รับอย่างทั่วถึง แต่หลังจากที่ได้ฟังเรื่องจากแดฮยอนแล้ว ทำให้ทุกคนเริ่มเกิดอาการวิตกกังวลขึ้นมา

     

    มึงแต่พวกเราตั้งใจทำมากเลยนะ กูว่าไม่แป้กหรอก ถ้าเราตั้งใจ ยังไงคนก็สนใจเว้ยเฟย หญิงสาวในกลุ่มเอ่ยขึ้นมา

    อีกอย่าง จะให้เตรียมกิจกรรมใหม่ตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วนะ ของก็ไม่มี เวลาก็ไม่มี นี่มันก็จะเที่ยงแล้วนะจินอุนท้วงขึ้นมาอีกคน

    แต่ถ้าเป็นแบบที่แดฮยอนบอกจริงๆ แล้วถ้าคดีพลิก กิจกรรมพวกเราแป้ก แม่งพลาดเลยนะซูจีเถียงกลับ

    กูก็คิดแบบซูจีนะ

    แต่โปรเจคต์นี้ไอ้แจบอมมันอุตส่าห์คิดเลยนะเว้ย !! แล้วพวกเราก็นั่งพับหลังคดหลังแข็งมาถึงขนาดนี้แล้วนะ

     

    บรรยากาศที่เริ่มมาคุในตอนนี้ทำให้ทุกคนเริ่มแตกคอกันเอง บางส่วนก็ยืนยันที่จะทำกิจกรรมนี้ต่อ แต่บางคนก็เริ่มไม่เห็นด้วยเพราะกลัวในสิ่งที่แดฮยอนเล่ามา แจบอมซึ่งเป็นเจ้าของความคิดกิจกรรมนี้ได้แต่ยืนมองเพื่อนๆถกเถียงกัน อีกใจหนึ่งก็อยากจะทำมันต่อเพราะเขานั่งคิดมันมาทั้งคืน ถึงแม้ว่ากิจกรรมมันจะดูง่าย แต่เขาก็อยากจะคืนความสุขเล็กๆน้อยๆให้คนอื่น แต่อีกใจหนึ่งเขาก็เริ่มกลัวว่า ความสุขที่เขาจะส่งไปมันจะไม่ถึงทุกคนอย่างที่เพื่อนๆหลายๆคนบอก

     

    พวกมึงหยุดพับกระดาษ กูขอเวลา 10 นาที เดี๋ยวกูกลับมา

     

    เมื่อพูดจบ แจบอมก็รีบวิ่งตรงไปยังลานจอดจักรยานด้านหลังอาคารโดยที่ไม่ฟังเสียงของเพื่อนๆที่เรียกตามหลัง ร่างสูงปั่นจักรยานออกไปยังทิศทางเดิมกับในตอนแรกที่เขาปั่นออกไป ผ่านสี่แยกหน้ามหาวิทยาลัยที่เป็นจุดทำกิจกรรมของคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่กำลังครื้นเครงและอบอวลไปด้วยความอบอุ่นจากทุกคนในที่นั้น แต่แจบอมก็ไม่ได้สนใจไปมากกว่าเป้าหมายที่เขากำลังจะไปในตอนนี้

    มหาวิทยาลัยของเขาตั้งอยู่ในย่านหนึ่งของเกาหลี ซึ่งเป็นย่านที่ถูกเรียกว่า ย่านเด็กเก่ง เพราะเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยชื่อดังถึงสองมหาวิทยาลัย อาณาเขตสี่แยกหน้ามหาวิทยาลัยก็ถูกกินพื้นที่ไปโดยมหาวิทยาลัยทั้งสองแห่งที่ตั้งอยู่ด้วยกัน  ทำให้ทั้งสองมหาวิทยาลัยมักจะมีกิจกรรมระหว่างคณะร่วมกันบ่อยๆ และนักศึกษาส่วนใหญ่ก็จะคุ้นเคยกันดี อย่างเช่นกิจกรรมปิดแยกแจกกุหลาบของคณะวิศวกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยของแจบอมเองก็ได้รับความสนใจจากนักศึกษาของอีกมหาวิทยาลัยเป็นอย่างดี

    จักรยานคันเก่งถูกปั่นไปยังอาคารหนึ่งที่อยู่ทางซ้ายมือของมหาวิทยาลัยเพียงเล็กน้อย ป้ายคณะที่เขียนไว้อย่างชัดเจนว่า คณะแพทยศาสตร์ทำให้แจบอมยิ้มออกมา เขาจอดจักรยานไว้ด้านหน้าอาคาร และเดินตรงไปยังที่ที่หนึ่ง

    ดวงตาคมพยายามมองหาคนที่ทำให้เขายอมปั่นจักรยานออกมาจากมหาวิทยาลัย และด้วยความที่ด้านหน้าอาคารเรียนนี้ค่อนข้างเงียบ ทำให้เขาพบคนที่เขากำลังตามหาได้อย่างไม่ยากเย็น

     

    นักศึกษาแพทย์คนนั้น

     

     

    ย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน

     

    แจบอมกำลังปั่นจักรยานไปยังร้านขายเครื่องเขียนเพื่อไปซื้อกระดาษสำหรับทำกิจกรรมวันวาเลนไทน์เพิ่ม บรรยากาศสงบๆในตอนเช้าทำให้ร่างสูงเพลิดเพลินกับการปั่นจักรยานและมองไปรอบๆ ถนนที่ยังไม่ค่อยมีรถรามากนักทำให้การจราจรค่อนข้างเป็นไปอย่างราบรื่น

     

    ปาร์คจินยอง คุณมีปัญหาอะไร ?

     

    เสียงทุ้มต่ำที่ค่อนไปทางไม่พอใจดังขึ้นจากมุมหนึ่งของอาคารที่แจบอมกำลังขับจักรยานผ่าน เมื่อเขาขี่ไปได้อีกนิดจึงพบว่ามีนักศึกษาคนหนึ่งกำลังยืนคุยอยู่กับผู้ชายสูงวัยที่ดูท่าทางว่าจะเป็นอาจารย์ แจบอมเลือกที่จะไม่สนใจเพราะถือว่าไม่ใช่ธุระของเขา และเขาก็ยังมีภาระที่ต้องทำอยู่

    แต่ยิ่งเมื่อขี่เข้าไปใกล้ทั้งสองคนมากเท่าไหร่ เขาได้เห็นสีหน้าของคนเป็นนักศึกษาที่กำลังเจื่อนสนิท และท่าทางของอาจารย์ที่แสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจน ใบหน้าหวานของคนเป็นนักศึกษาที่ดึงดูดแจบอมให้มองจนไม่อาจละสายตาได้ได้แต่ก้มหน้าลง สุดท้ายแจบอมจึงตัดสินใจเลี้ยวไปหลบอยู่มุมตึกเพื่อแอบดูเหตุการณ์

     

    “…”

    ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณกำลังมีปัญหาอะไร แต่คุณต้องรู้จักแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องเรียนให้ได้ อาชีพหมอต้องรับผิดชอบชีวิตคนๆหนึ่งนะครับ ความรับผิดชอบเป็นสิ่งสำคัญมาก แต่สิ่งที่คุณเป็นในตอนนี้มันบ่งบอกว่าคุณเป็นคนไร้ความรับผิดชอบ

    “…”

    คุณไม่ทราบจริงๆเหรอครับว่าวันนี้มีสอบย่อย

    “…”

    เพื่อนๆไม่ได้บอกคุณเลยเหรอครับ ?

    คือผมผมไม่ได้คุยกับใครเลยครับ ผมก็เลย…”

    ที่ผมเรียกคุณมาคุยวันนี้ ผมไม่ได้จะติเรื่องที่คุณได้คะแนนน้อยนะครับ แต่ผมสังเกตมาหลายครั้งแล้วว่าคุณไม่ยอมเข้าเรียน และผมก็รู้มาตลอดด้วยว่าเพื่อนต่างคณะของคุณเข้ามาหยิบชีทเรียนให้คุณ แต่ผมก็ยอมมาตลอดเพราะถือว่าอย่างน้อยคุณก็ยังใส่ใจที่จะเรียน

    “…”

    ที่ผมจะบอกคุณก็คือ คุณควรมีความรับผิดชอบมากกว่านี้ และต้องหัดมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนในคณะบ้าง เพื่อนต่างคณะไม่สามารถช่วยเหลือคุณได้ตลอดเวลา และคุณก็ไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวคนเดียว ถ้าคุณคิดว่าการที่คุณหยุดเรียนไปอ่านหนังสือที่มีแต่ทฤษฎี แต่คุณไม่คิดจะเข้าเรียนภาคปฏิบัติ ผมบอกเลยว่า อาชีพหมอของคุณพังแน่

    “…”

    ผมหวังว่าคุณจะเข้าใจที่ผมเรียกคุณมาคุยในวันนี้ และผมอยากจะให้คุณปรับทัศนคติของคุณ ในฐานะที่ผมเป็นอาจารย์ ผมพูดจากใจเลยว่าผมเป็นห่วงและหวังดีกับลูกศิษย์เสมอ

    ขอบคุณครับอาจารย์ ผมจะปรับปรุงตัวครับ…”

    ผมขอให้คุณทำได้อย่างที่พูดก็แล้วกัน

    “…”

    เรื่องบางเรื่อง เก็บไว้คนเดียวมันก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอกนะ คุณปาร์คจินยอง มีปัญหาอะไรก็หัดพูดให้คนอื่นรับรู้บ้าง ไม่มีใครรู้ใจคุณไปเสียทุกเรื่องหรอก

    หมายความว่ายังไงครับ ?

    หน้าตาของคุณมันฟ้องว่าคุณกำลังมีเรื่องอยู่ในใจ แต่ผมจะไม่ถามคุณหรอกนะ เพียงแค่ชี้แนะให้ว่าคุณควรจะทำยังไง ผมไปล่ะ โชคดีนะ

    ขอบคุณครับนักศึกษาที่ถูกเรียกชื่อว่า ปาร์คจินยอง ก้มหัวให้อาจารย์ ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะหินอ่อนนอกตัวอาคารเพียงคนเดียว หนังสือเล่มหนาถูกนำมาตั้งบนโต๊ะ นิ้วเรียวค่อยๆเปิดไล่อ่าน แต่ดูเหมือนว่าสายตาของเขาจะไม่ได้จดจ้องไปบนตำราเรียนแม้แต่น้อย

     

    ทุกเหตุการณ์ตกอยู่ในสายตาของแจบอมที่แอบยืนดูอยู่มุมตึก ยิ่งเห็นรูปร่างท่าทางและใบหน้าของนักศึกษาคนนั้นก็ยิ่งทำให้แจบอมรู้สึกอยากจะเดินเข้าไปปลอบทั้งๆที่เขายังไม่รู้จักคนๆนั้นเสียด้วยซ้ำ แต่เมื่อนึกถึงภาระที่เขาได้รับมอบหมายจากเพื่อนๆร่วมคณะ ทำให้แจบอมต้องรีบปั่นจักรยานออกไปจากบริเวณนั้น

     

     

    และตอนนี้เขาก็พบว่า นักศึกษาที่ชื่อ ปาร์คจินยอง คนนั้นยังคงนั่งอยู่ที่เดิม แต่เปลี่ยนจากการอ่านหนังสือในตอนแรกเป็นนอนฟุบอยู่กับโต๊ะ ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาไม่มีทีท่าว่าจะสนใจคนที่นอนอยู่สักนิด แจบอมแอบยืนมองทั้งจินยองและบรรยากาศรอบๆคณะแพทย์ของมหาวิทยาลัยใกล้เคียงอยู่ครู่หนึ่งราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง

    แจบอมยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อเขานึกอะไรขึ้นมาในหัวได้ ก่อนจะรีบปั่นจักรยานตรงกลับไปที่คณะของตัวเองซึ่งมีเพื่อนๆนั่งรออยู่หลายสิบชีวิต ใบหน้าของทุกคนบ่งบอกถึงความเหนื่อยและหงุดหงิดที่ต้องมานั่งรอแจบอมที่ขอปลีกตัวออกไปอยู่ครู่หนึ่ง

     

    มึงหายไปไหนมาวะ ?แดฮยอนรีบเดินเข้ามาถามเขาทันทีหลังจากเห็นว่าแจบอมมาถึงแล้ว

    พวกมึงกูว่ากูคิดอะไรออกแล้วล่ะ

    ว่ามา ให้ไวเลย นี่มันก็ปาไปเที่ยงกว่าแล้วซูจีพูดด้วยน้ำเสียงที่ติดจะเหวี่ยงนิดๆ

    ก่อนอื่น กูจะมีข่าวร้ายจะมาบอกว่า กูขอยกเลิกโปรเจคต์นี้แจบอมพูดพลางกวาดสายตามองเพื่อนๆที่แสดงสีหน้าออกมาหลากหลาย บางคนก็ไม่พอใจ บางคนก็ดูเหมือนจะงุนงงกับสิ่งที่เขาพูด

    มึงว่ายังไงนะ !?!” แน่นอนว่ากลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยรีบแย้งขึ้นมา

    กูขอโทษที่ต้องมาขอยกเลิกกะทันหัน แต่กูรู้สึกว่า บางทีตัวอักษรมันก็ไม่เพียงพอที่จะส่งความสุขให้ทุกคน คือ…” แจบอมนิ่งไปเมื่อหันไปเห็นลังหลายสิบใบที่เต็มไปด้วยจรวดกระดาษ

    “…”

    แต่กูมีความคิดที่ดีกว่านั้น

    “…” คำพูดของแจบอมทำให้ทุกคนหันมามองเขาเป็นตาเดียว สายตาที่คาดหวังของทุกคนทำให้แจบอมรู้สึกเบาใจขึ้นมา

    กูไม่รู้ว่าพวกมึงจะโอเคกับสิ่งที่กูเสนอรึเปล่านะ แต่ตอนนี้กูคิดออกแค่นี้จริงๆ เพราะจะให้มาเตรียมของตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว

    ไหน มึงลองพูดมา

    กิจกรรมที่กูจะเสนอ กูขอตั้งชื่อมันว่า Free Hug แบ่งปันรัก พักใจกับสถาปัตย์ …”

    ฟรีฮัก ?? หมายถึง กอด ??

    ใช่ ในเมื่อวันนี้เป็นวันวาเลนไทน์ หลายๆคนก็คงได้ดอกกุหลาบ ขนม หรือพวกข้อความบอกรักกันไปแล้ว และสิ่งที่พวกเราจะทำต่อจากนั้นก็คือ การกอด

    มันจะดีเหรอวะมึงบางคนเค้าถือเรื่องถูกเนื้อต้องตัวนะ

    กูรู้ แต่กูเชื่อว่ากูคิดมาดีแล้วจริงๆ มันเป็นสิ่งที่เราไม่ต้องเตรียมอะไรเลยนอกจากใจของพวกเรานี่แหละ มีคนอีกมากมายที่ไม่มีใครรับฟังพวกเขา มีคนอีกมากที่ต้องการความรัก และความสุข กูคิดว่าโปรเจคต์นี้เป็นการส่งความสุขที่น่าจะไปได้ถึงใจคนรับมากกว่าการเขียนตัวอักษรที่สัมผัสได้แค่ตาเห็น

    มึงยกเหตุผลมาขนาดนี้ พวกกูจะกล้าปฏิเสธเหรอวะ ?เพื่อนร่วมคณะบางคนเริ่มแสดงท่าทีเห็นด้วย

    และที่สำคัญ กูคิดว่ากิจกรรมนี้มันสอดคล้องกับคณะของเราด้วย พวกเราคือนักศึกษาคณะสถาปัตย์ พวกเราเรียนเพื่อที่จะได้ออกแบบที่อยู่อาศัยให้คนอื่น และกูก็คิดว่า มันคงจะดี ถ้าพวกเราได้เป็นที่พักพิงทางใจให้คนอื่น ในความเป็นจริง คณะของเราทำได้แค่ออกแบบตัวอาคารเท่านั้น แต่จริงๆแล้วพวกเราสามารถสร้างที่อยู่ทางใจให้คนอื่นได้กูเชื่อแบบนั้น แล้วพวกมึงคิดว่ายังไง ??

    แจบอมกูโอเค !!!”

    กูด้วย !”

    กูก็โอเค คำตอบพร้อมสีหน้ายินดีของเพื่อนๆทำให้แจบอมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

    แต่งานนี้พวกมึงต้องใจกล้ากันหน่อยนะ

    “…”

    กูจะให้ทุกคนแบ่งกลุ่ม จับคู่ หรือใครอยากจะฉายเดี่ยวก็ได้ ไปตามอาคารของทุกคณะ และไปที่มหาวิทยาลัย OO ที่อยู่ข้างๆด้วย กูอยากให้ความสุขที่พวกเราจะมอบให้มันส่งไปถึงทุกคน

    เฮ้ย เดี๋ยวๆ ไป ม.ข้างๆด้วยเหรอวะ ?เฟยรีบท้วงขึ้นมาเมื่อได้ยินชื่อมหาวิทยาลัยใกล้เคียง

    เออ ไหนๆจะทำแล้ว ก็ทำให้มันสุดๆไปเลย กูไม่อยากให้มันเป็นแค่โปรเจคต์เรียกร้องความสนใจของคณะ แต่กูอยากให้มันมีคุณค่าทางจิตใจกับคนอื่นจริงๆ

    นี่มึงคิดว่าตัวเองเป็นพระเอกหลุดออกมาจากซีรี่ย์เหรอแจบอม ?

    “…”

    แต่เอาเถอะ พูดมาขนาดนี้กูก็เห็นด้วยกับไอเดียของมึงนะ แล้วคนอื่นๆล่ะ คิดยังไง ?แดฮยอนหันไปถามคนอื่นๆ

    ก็ถ้ามันเป็นไอเดียที่แจบอมเสนอ พวกเราก็ไม่ขัดหรอก

     

    เพื่อนๆพูดพร้อมพยักหน้าในเชิงเห็นด้วยทั้งหมด ในสายตาของทุกคน แม้ว่ามองเผินๆแจบอมเป็นคนที่ดูเหมือนจะเข้าถึงยาก และยากที่จะเข้าใจ แต่ต้องยอมรับว่าความคิดของเขามักจะผ่านการไตร่ตรองมาเป็นอย่างดีแล้ว และมักจะมีอะไรที่คาดไม่ถึงแฝงอยู่ในความคิดของแจบอมเสมอ

     

    งั้นก็ตกลงตามนี้นะ เอากระดาษที่เหลือมาช่วยกันเขียนป้ายก่อนซูจีรีบแจกกระดาษพร้อมปากกาให้ทุกคนช่วยกันเขียนคำว่า Free Hug ตัวใหญ่ๆลงไปบนกระดาษนับสิบแผ่น ก่อนจะแจกจ่ายให้ทุกคน

    ทีนี้ใครจะไปกับใคร ไปที่ไหนก็เลือกเอาเลย

    กูขอไปคณะวิศวะกับฮยอนอากายุนยกมือพร้อมกอดคอเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ

    เป็นผู้หญิงก็ช่วยรักษาภาพนิดนึงเถอะมึง

    งั้นกู จงออบ จุนฮเว จะไปคณะบัญชีของ ม.ข้างๆก็แล้วกัน

    กูขอไปคณะอักษรฯคนเดียว พวกมึงห้ามมาแย่งซีนกู

    พวกมึงแม่ง…”

     

    เสียงพูดจับจองพื้นที่และคู่ของตนดังขึ้น บางคนก็แย่งที่จะไปคณะเดียวกัน บางคนก็พยายามหาทางไปคณะที่มีคนที่ตนแอบชอบอยู่ และแจบอมก็เป็นหนึ่งในประเภทหลัง ต่างกันที่ว่า เขาไม่ได้ไปหาคนที่เขาชอบ แต่เขาแค่อยากไปคณะที่เขาจะเจอกับนักศึกษาแปลกหน้าคนนั้น

     

    งั้นกูขอไปคณะแพทย์ของมหาลัยข้างๆนะหลังจากพูดจบ แจบอมก็ได้รับสายตาที่บ่งบอกถึงความอยากรู้อยากเห็นจากเพื่อนๆทุกคนทันที

    ทำไมต้องเป็นคณะแพทย์…”

    และทำไมต้องเป็นมหาลัยข้างๆ ?

    มหาลัยเราก็มีคณะแพทย์นะเพื่อน

    “…”

    คือกู…” หลังจากโดนคำถามแดกดันมารวดเดียว แจบอมก็ถึงกับไปไม่ถูก

    หรือว่ามึงแอบซุกใครไว้ !?!”

    เฮ้ย ไม่มีจริงๆเว้ย !!”

    แล้วทำไมมึงต้องขึ้นเสียงสูง…?” น้ำเสียงเรียบๆเย็นๆของเพื่อนร่วมคณะคนหนึ่งถามขึ้นมา

    เออ คือมันไม่มีอะไรจริงๆ กูแค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง เดินในมหาลัยตัวเองจนเบื่อแล้ว เอาเป็นว่าตอนนี้พวกมึงเตรียมแยกย้ายกันได้เลย ขอให้โชคดีนะ กูหวังว่าทุกคนจะชอบกิจกรรมของพวกเรา

     

    พูดจบ แจบอมก็รีบเดินออกมาจากวงของเพื่อนๆเพื่อไม่ให้ถูกซักไซ้ไต่ความใดๆต่อ ร่างสูงปั่นจักรยานคู่ใจโดยไม่ลืมแวะไปเอาโทรโข่งจากฝ่ายกิจกรรมของมหาวิทยาลัยติดมือไปด้วย

    ใช้เวลาไม่นานนัก แจบอมก็มาอยู่ที่อาคารคณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัย OO ซึ่งอยู่ข้างๆกัน เวลาเที่ยงวันซึ่งเป็นเวลาพักของนักศึกษาส่วนใหญ่ ทำให้มีผู้คนเดินกันขวักไขว่ ดวงตาคมพยายามมองหาเป้าหมายของตนในบริเวณนั้น แต่กลับไม่พบแม้แต่เงา

     

    ไปไหนของเขานะ ??

     

    ป้ายที่ถูกทำจากกระดาษลังโดยมีข้อความขนาดใหญ่เขียนไว้อย่างชัดเจนว่า FREE HUGS ถูกยกขึ้นเหนือศีรษะของแจบอม โทรโข่งที่ร่างสูงนำติดมาถูกนำขึ้นมาใช้งาน ท่ามกลางสายตานับร้อยคู่จากบริเวณนั้น

     

    ขอสวัสดีเพื่อนๆพี่ๆน้องๆคณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัย OO ทุกคนนะครับ ผมเป็นตัวแทนนักศึกษาจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัย CC ที่อยู่ข้างๆครับ

     

    เสียงประชาสัมพันธ์ผ่านโทรโข่งของแจบอม ทำให้ทุกคนในที่นั้นหันมามองเขาเป็นตาเดียว ยอมรับว่าเขาเองก็อายพอสมควรที่จะต้องมาทำอะไรแบบนี้ท่ามกลางผู้คนมากมาย

    ทุกคนส่งสายตามองราวกับเขาเป็นคนประหลาด ไม่มีใครเดินเข้ามาหาแจบอมเป็นเวลาห้านาที ร่างสูงเริ่มใจเสียเล็กน้อย แผ่นป้ายที่ถูกเตรียมมาถูกลดลงมาอยู่บริเวณหน้าอก แจบอมสูดหายใจเข้าเพื่อให้ตนรู้สึกสบายใจ และพยายามหาทางแก้ไขสถานการณ์

     

    พี่คะ…” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูท่าทางเป็นรุ่นน้องของเขาดังขึ้นมาจากด้านข้าง

    ครับ ?

    กอดได้จริงๆใช่มั้ยคะ ?คำถามของนักศึกษาแพทย์ผู้หญิงคนดังกล่าวทำให้แจบอมยิ้มออกมาด้วยความดีใจ

    จริงๆครับร่างสูงตอบกลับด้วยรอยยิ้มพร้อมอ้าแขนทั้งสองข้างออก

     

    นักศึกษาสาวเดินเข้าไปสวมกอดเขาเบาๆท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย และจากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เริ่มมีคนทยอยเข้ามาหาแจบอมไม่ขาดสาย อ้อมกอดของแจบอมถูกแจกให้กับนักศึกษาแพทย์หลายร้อยคนที่เดินเข้ามาหาเข้าเรื่อยๆ บางคนก็เข้ามาขอถ่ายรูปคู่ด้วย ซึ่งแจบอมก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร หรือบางคนที่นำสติกเกอร์รูปหัวใจมาติดที่เสื้อให้เขา รอยยิ้มจากทุกคนทำให้แจบอมถึงกับยิ้มออกมาจนดวงตาเกือบจะปิดเป็นเส้น

    บรรยากาศหน้าตึกเรียนคณะแพทยศาสตร์ในตอนนี้กำลังถูกปกคลุมด้วยบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น นักศึกษาทุกคนทั้งชายและหญิงในที่นั้นยังคงให้ความสนใจกับแจบอมอย่างต่อเนื่อง อ้อมกอดที่ถูกมอบให้ทุกคนยังคงได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ดอกกุหลาบนับสิบดอกในมือของแจบอมเปรียบเสมือนเครื่องหมายแทนคำขอบคุณจากเหล่านักศึกษาที่เขาได้นำความรักมามอบให้ถึงที่

     

    ขอบคุณมากนะครับแจบอมพูดในขณะที่ยังกอดหญิงสาวคนหนึ่งอยู่

    พวกเราก็ต้องขอบคุณเหมือนกันค่ะ คุณรู้ไหม คณะของเราไม่ได้มีบรรยากาศที่อบอุ่นแบบนี้มานานแล้วนะคะ

    งั้นเหรอครับ ?

    ขอบคุณจริงๆค่ะ แล้วนี่ ฉันให้คุณนะหญิงสาวผละออกจากแจบอมพร้อมติดสติกเกอร์รูปหัวใจอันเล็กไว้บนเสื้อของเขา

    ขอบคุณเช่นกันนะครับ

     

    ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ ผู้คนจึงเริ่มซาลงเพราะเริ่มได้เวลาเข้าเรียนแล้ว แต่ก็ยังคงมีคนประปรายอยู่บ้าง แจบอมพยายามมองหาคนที่ทำให้เขาได้แรงบันดาลใจในการคิดกิจกรรมนี้ แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าคนๆนั้นจะมาปรากฏตัว

     

    อาจจะไปเข้าเรียนแล้วมั้ง

     

    ร่างสูงพยายามคิดแง่ดี และในที่สุดกิจกรรมฟรีฮักของเขาก็จบลงพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าของนักศึกษาในที่นั้น แจบอมก้มลงไปหยิบป้ายและโทรโข่งเพื่อเตรียมตัวกลับคณะของตน แม้ว่าจะไม่ได้เจอเป้าหมายของตนก็ตาม แต่สิ่งที่เขาได้ทำไปในวันนี้มันก็ทำให้เขามีความสุขอยู่ไม่น้อย แต่แล้วแจบอมก็ต้องชะงักเมื่อเขากำลังหันหลังเตรียมจะกลับไปยังที่ที่จอดรถจักรยานเอาไว้

     

    ผู้ชายที่ชื่อ ปาร์คจินยอง

     

    คนที่เขากำลังตามหา

     

    กำลังอยู่ตรงหน้าของเขา

     

    เอ่อ…” ร่างบางมีท่าทีนิ่งไป เมื่อเห็นว่าเขากำลังถือป้ายและโทรโข่งเตรียมจะกลับคณะ

    “…”

    ผมคงมาช้…”

    ยังกอดได้อยู่นะ แจบอมยิ้มให้คนที่มีท่าทีเป็นคนขี้อาย แขนแกร่งทั้งสองข้างถูกอ้าออกอีกครั้งเพื่อรอรับอีกคน รอยยิ้มบางๆที่ถูกส่งไปให้ใบหน้าหวานตรงหน้าที่แฝงไปด้วยความเศร้า

    “…”

    กอดได้จริงๆ

     

    ฟึ่บ

     

    แขนทั้งสองข้างของคนตัวเล็กตรงเข้ามากอดกลางลำตัวของแจบอม ใบหน้าหวานซบลงบนไหล่ข้างขวาของแจบอม ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมาจากปากของนักศึกษาแพทย์คนนี้แม้แต่คำเดียว แจบอมค่อยๆกระชับอ้อมแขนกอดคนตรงหน้าแน่นขึ้น

     

    ชีวิตผมโคตรแย่เลย…” เสียงอู้อี้ดังขึ้นแม้ว่าใบหน้าของร่างเล็กจะยังคงซบไหล่ของเขาอยู่

    “…”

    ยายของผมเพิ่งเสียไปเมื่อไม่นานมานี้ ผมรู้สึกเหมือนว่าตัวเองไม่เหลือใคร

    ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ ?แจบอมถาม ในขณะที่มือหนาค่อยๆเลื่อนขึ้นไปลูบกลุ่มผมของคนที่กำลังระบายความในใจอย่างแผ่วเบา

    “…”

    ลองเปิดใจให้คนรอบข้างดูสิ

    คุณพูดเหมือนอาจารย์ของผมเลย

    ไม่มีใครอยู่ได้ด้วยตัวคนเดียวหรอกนะ ไม่มีคำตอบใดออกมาจากปากของคนตัวเล็ก แต่แจบอมกลับสัมผัสได้ถึงความชื้นจากบริเวณไหล่ของเขาที่กำลังเป็นที่พักพิงของคนตรงหน้า

    ร้องไห้เหรอ ?

    “…”

    บางทีเพื่อนๆก็อาจจะรับฟังสิ่งที่นายอยากพูดก็ได้นะ

    “…” ไม่มีคำตอบจากจินยองอีกครั้ง นอกจากการส่ายหน้าเบาๆ

    “…”

    เพื่อนสนิทของผมอยู่คณะอื่น ผมผมไม่มีเพื่อนที่คณะนี้หรอก

    นั่นมันแย่มากเลยนะแจบอมแกล้งพูดด้วยสีหน้าเหวอ ทั้งๆที่ความจริงแล้วเขารับรู้หมดจากการที่แอบฟังบทสนทนาระหว่างจินยองกับอาจารย์ของเขา

    ชีวิตผมมันแย่ทุกอย่าง ผมไม่มีเพื่อน คนที่ผมรักก็ไม่อยู่แล้ว การเรียนของผมก็แย่ มันแย่จนผมไม่อยากชีวิตอยู่แล้วล่ะ

    พูดแบบนี้ไม่ดีนะ รู้รึเปล่า ?

    “…”

    อย่างน้อยๆก็อยู่เพื่อตัวเองไง

    “…”

    แล้วนายก็ไม่ได้อยู่คนเดียวด้วย เพราะตอนนี้นายยังมีฉันอยู่ตรงนี้

    แต่คุณไม่ใช่เพื่อนของผม…”

    งั้นต่อไปนี้ เราเป็นเพื่อนกัน ฉันชื่ออิมแจบอม

    “…”

    “…”

    ผมชื่อ จินยอง ปาร์ค จินยอง

    เห็นมั้ย แค่นี้เราก็รู้จักกันแล้ว ต่อไปนี้ถือว่าเราเป็นเพื่อนกัน นายไม่ได้อยู่คนเดียวแล้วนะ

    “…”

    เข้าใจที่ฉันพูดรึเปล่า ?

    อื้อ

    เวลาเจอกันก็ทักทายด้วย ห้ามเมิน ห้ามทำเป็นไม่รู้จัก เพราะเราเป็นเพื่อนกันแล้ว

    ขอบคุณนะ

    “…”

    ขอบคุณที่รับฟังผม ทั้งๆที่เราไม่รู้จักกันมาก่อน ขอบคุณที่กอดผม แม้ว่าเราจะไม่รู้จักกัน ขอบคุณที่คุณแจบอมยอมเป็นเพื่อนกับผม

    ถ้าเป็นหมอแล้วขี้แย จะไปรักษาใครได้ หืม ?

    “…”

    ขอบคุณเหมือนกัน

    ครับ ?

    ขอบคุณที่เป็นแรงบันดาลใจให้ฉันคิดกิจกรรมดีๆแบบนี้ได้ ขอบคุณที่ทำให้ฉันมีโอกาสคืนความสุขและแบ่งปันความรักให้คนอื่นๆ

    ขอบคุณผม ??

    ใช่ฉันหวังว่าความรักที่แบ่งไปให้มันจะไปถึงนายนะ ขอบคุณที่ทำให้ฉันมีโอกาสได้สร้างที่พักพิงทางใจให้คนอื่นด้วย

    “…”

     

    ร่างเล็กค่อยๆผละตัวออกจากแจบอม หลังจากที่ทั้งคู่ยืนกอดกันอยู่พักใหญ่ ใบหน้าหวานที่ขึ้นสีแดงนิดๆทำให้แจบอมยิ้มออกมา ในขณะที่อีกคนก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาไม่ยอมมองหน้าเขา

     

    งั้นฉันไปแล้วนะ

    ครับ

    อย่าลืมนะ เจอกันคราวหน้าต้องทักฉันด้วย เพราะเราเป็นเพื่อนกันแล้วแจบอมส่งยิ้มให้คนตรงหน้าพร้อมชูนิ้วก้อยขึ้นมา

    อื้ม ขอบคุณนะจินยองค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มบางๆที่ทำให้แจบอมถึงกับหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ก่อนจะส่งนิ้วก้อยมาเกี่ยวกับอีกคน

     

    จักรยานของแจบอมถูกปั่นออกไปช้าๆ โดยมีจินยองยืนมองตามจนอีกคนหายลับตาไป ใบหน้าและรอยยิ้มของคนที่ทำให้เกิดแรงบันดาลใจในครั้งนี้ทำให้แจบอมถึงกับยิ้มไม่หุบ

     

    ดูเหมือนว่าเขาจะตกหลุมรักปาร์คจินยองเข้าให้ซะแล้วล่ะ







    กระซิกๆ
    ก็ไม่ได้จะรำพึงรำพันอะไรหรอกนะ
    แต่คอมเม้นท์กับยอดวิวช่างบาดใจหัวใจและไส้ติ่งไรท์เหลือเกิน
    แต่ก็ช่างมันเถอะ... /นั่งตกปลาในคลองแสนแสบแก้ช้ำใจ

    ตอนนี้เราเริ่มพาทุกคนกลับไปยัง Side Story กันแล้วนะคะ
    อึ้งล่ะสิ ไม่คิดว่าอิตาพี่บีจะมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งได้ขนาดนี้ใช่มั้ยล่ะ ?
    ทุกคนไม่ต้องกลัวในความฉลาดปนรู้มากของพี่มาร์คกันนะคะ
    เพราะเดี๋ยวเราจะมีบทเรียนสอนคนฉลาดด้วย
    ว่าไอ้การที่รู้เรื่องของคนอื่นไปซะหมดเนี่ย มันไม่ได้ดีอย่างที่คิดเลยล่ะ

    แล้วก็ขอเคลียร์หน่อยนะ
    ฟิคเราเป็นฟิคดราม่าและฟิคซีเรียส
    แต่จาก EP ที่แล้ว ทุกคนทำฟิคเรากลายเป็นฟิคตลกไปเลย
    ทำไมทำกันได้ลงคอ 55555555555555555
    แต่ถ้าชอบกันก็ดีใจค่า ขอบคุณมากๆนะคะ <3

    เดี๋ยวมาลุ้นกันต่อนะคะ ว่า Side Story คู่ต่อไปจะเป็นใคร
    และเรื่องราวในปัจจุบันจะเป็นยังไงหนอ...


    ปล. สามารถเจอกันได้ที่ทวิต @mookiizsgc7 กับแท็กฟิค #ฟิคโลกกลม เช่นเดิมนะคะ
    รอบต่อไปอัพเมื่อเม้นท์ครบ 100 ค่ะ (อยากได้เลขสวยๆบ้าง ประเด็นอยู่ตรงนี้)




    O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×