คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : 0 3 | Passé.
03 | Passé
เขาไม่เคยคิดว่าคนที่เขาพยายามตามหามาตลอดสามปีจะมาอยู่ตรงหน้าเขาเพียงเพราะทริปบ้าๆของแจ็คสัน
“กูขอออกไปสูบบุหรี่นะ” แจบอมที่นั่งเงียบอยู่นานพูดขึ้นมาหลังจากที่จินยองเดินออกจากห้องไปก่อนหน้านี้ไม่นานนัก
“เอาที่มึงสบายใจเลย” แจ็คสันตอบ แจบอมจึงลุกขึ้นเดินออกไปจากห้อง
เขาออกจากห้องตามหลังจินยองมาประมาณห้านาที และเขาก็รู้จักจินยองดีพอที่จะรู้ว่า คนอย่างจินยองที่พยายามหนีหน้าเขาคงจะเลือกเดินลงบันไดแทนการใช้ลิฟต์เพื่อถ่วงเวลา แจบอมจึงเลือกที่จะใช้ลิฟต์เพื่อให้ไล่ตามอีกคนทัน และแจบอมก็ต้องยิ้มออกมาเมื่อสิ่งที่เขาทายเอาไว้มันไม่ได้บิดเบี้ยวไปสักนิด เมื่อเห็นว่าจินยองกำลังเข้าไปในมินิมาร์ท
แจบอมยืนรอดูเชิงอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจินยองจะเดินออกมา และเขาก็ไม่ใช่คนใจเย็นพอที่จะยืนรออะไรนานๆ ร่างสูงโปร่งจงเดินเข้าไปในมินิมาร์ท และยืนมองหาจังหวะที่จินยองจะเดินเลี้ยวเข้าไปในมุมที่วางชั้นหนังสือสำหรับจำหน่าย
“ไม่เจอกันตั้งสามปี ใจคอจะไม่คุยกับฉันจริงๆเหรอ ?”
ประโยคแรกดังขึ้นจากปากของแจบอม ใบหน้าขาวของคนตัวบางค่อยๆเงยขึ้นมาสบตากับเขาด้วยสีหน้าเดียวกับตอนเจอกันครั้งแรกเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ดวงตาของจินยองแสดงความตกใจออกมาเหมือนในตอนแรกไม่มีผิด
“แจบอม...”
“…”
“ลงมาแบบนี้เดี๋ยวคนอื่นจะสงสัยเอานะ” คำพูดของจินยองอาจจะฟังดูตลก หากแต่สีหน้าของจินยองกลับทำให้แจบอมพูดอะไรไม่ออก ดวงตากลมโตของจินยองพยายามหลบสายตาของเขาอยู่
“จินยอง คุยกันดีๆได้มั้ย ?”
“แล้วบอกได้มั้ย ฉันควรทำหน้ายังไงตอนคุยกับนาย ?” จินยองถามกลับด้วยประโยคที่ยาวขึ้น แต่กลับทำให้แจบอมจุกและหน้าชา
“…”
“บอกฉันสิแจบอม…”
‘ ฉันควรทำหน้ายังไงเวลาคุยกับคนที่บอกเลิกฉัน แถมยังควงผู้หญิงคนอื่นมาด้วย ’
“…”
“ถ้าตอบฉันไม่ได้ ก็ไม่มีเหตุผลที่เราต้องคุยกัน” สีหน้าของจินยองไม่ได้แสดงความเสียใจ น้ำเสียงไม่ได้แสดงถึงความเศร้า ไม่มีอาการฟูมฟายใดๆทั้งสิ้น จินยองยังคงนิ่ง ใบหน้าสวยไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ แต่กลับเหมือนมีของแหลมคมทิ่มแทงแจบอมจนเขาพูดไม่ออก
“…”
“แต่เรายังคุยกันในสถานะเพื่อนของแจ็คสันได้นะครับคุณแจบอม ถ้าหมดธุระแล้ว ผมขอตัวนะครับ”
จินยองโค้งให้ร่างสูงที่ยืนนิ่ง ก่อนจะเดินออกจากมินิมาร์ทไป ทิ้งให้แจบอมยืนมองตามคล้อยหลัง ทั้งลักษณะคำพูดและการกระทำที่เปลี่ยนไปเหมือนคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน มันทำให้แจบอมรู้สึกชาวาบไปทั้งตัวจนไม่มีแรงจะวิ่งตามอีกคนออกไป
ดวงตาคมมองคนที่เดินออกไปจนลับตา มือหนาล้วงกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบซองบุหรี่ขึ้นมา สารเสพติดที่ถูกอัดเข้าไปในร่างกาย พร้อมควันที่ถูกปล่อยออกมา ไม่ได้ช่วยให้แจบอมเลิกคิดเรื่องที่เพิ่งผ่านไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อนได้เลย หากแต่ในห้วงความคิดกลับมีแต่คนที่ชื่อ ปาร์คจินยอง บุคคลที่เขาไม่เคยลืมตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาวนเวียนอยู่ตลอด พร้อมกับเหตุการณ์เมื่อสามปีก่อนระหว่างทั้งคู่ที่กลับเข้ามาในหัวของแจบอม บุหรี่มวนสั้นที่ถูกสูบจนหมดถูกทิ้งลงพื้นพร้อมกับที่เท้าลงไปเหยียบซ้ำเพื่อดับขี้เถ้า ก่อนที่บุหรี่มวนถัดไปจะถูกนำขึ้นมาจุดไฟ และปล่อยให้เหตุการณ์ในความคิดของเขาดำเนินซ้ำไปซ้ำมา
.
.
.
“กลับมาแล้ว”
“หายไปนานจัง คนที่มินิมาร์ทเยอะเหรอ ?” แจ็คสันถามอย่างเป็นห่วงที่เห็นว่าเพื่อนหายออกไปนาน
“อืม…” จินยองตอบสั้นๆ ก่อนจะรู้สึกได้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งมองที่เขาอยู่ มาร์คกำลังจ้องมองเขาราวกับจับผิดอะไรบางอย่างในฐานะคนที่รู้เรื่อง
“แจบอมออกไปสูบบุหรี่นานเนอะ สงสัยสูบจนหมดซองเลยมั้ง” คนผมแดงพูดขึ้นมา โดยที่สายตาแอบจ้องมายังจินยอง พร้อมรอยยิ้มมุมปากนิดๆเป็นเชิงเย้าแหย่ ซึ่งจินยองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก
“อ้าว เขาจะสูบกี่มวนก็เรื่องของเขาป่ะพี่ ?” เด็กร่างหมีที่กลายสถานะเป็นบุคคลต้องห้ามของมาร์คโพล่งขึ้นมาพร้อมทำหน้าตากวนประสาท
“ไม่ยุ่งสักเรื่องจะตายมั้ย ?” มาร์คหันไปแหวใส่
“แบมแบม มีรายการทีวีอะไรน่าดูบ้างเปล่า นอนเหี่ยวแบบนี้เบื่อจะแย่แล้วอ่า~” ยูคยอมเลือกที่จะเมินมาร์ค แล้วหันไปชวนแบมแบมคุย
“ดูหนังมั้ยล่ะ ?” แบมแบมว่าพลางเดินไปหยิบตะกร้าที่เต็มไปด้วยดีวีดี ซึ่งได้รับความสนใจจากทุกคนเป็นอย่างดี
“ฉันอยากดูสไปเดอร์แมน” มาร์คพูดชื่อหนังเป็นคนแรก
“มี Begin Again มั้ย ?”
“ดู The Hobbit กันเถอะ”
“Fast & Furious ก็ดีนะ”
ตะกร้าที่อัดแน่นไปด้วยแผ่นหนังถูกรื้อโดยผู้ชายตัวโตทั้งห้าคน มีเพียงจินยองที่กึ่งนั่งกึ่งนอนพิงโซฟามองทุกคนอยู่ห่างๆตามประสาคนรักสงบ ใช้เวลาประมาณห้านาทีในการถกเถียง จึงได้ข้อสรุปว่า วันนี้พวกเขาจะใช้เวลาทั้งวันในการดูหนัง
ทุกคนได้รับสิทธิ์ให้เลือกหนังคนละแผ่น ก่อนจะเข้าประจำที่นั่ง แจ็คสัน ยองแจ ยูคยอม และแบมแบมนั่งบนพื้นที่เป็นพรม ส่วนมาร์คกับจินยองนั่งบนโซฟา โดยที่ทุกคนไม่ลืมที่จะหยิบผ้าห่มติดตัวออกมาคนละผืนในการปักหลักดูหนังระยะยาว บรรยากาศภายในห้องเริ่มเงียบสงบ มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศและเสียงจากหน้าจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ที่ดังอยู่ภายในห้อง
หนังเรื่องแรกที่ถูกเปิดคือหนังผี ซึ่งถูกเลือกโดยแจ็คสัน บรรยากาศเงียบสงบในห้องยิ่งเป็นตัวขับอารมณ์ร่วมของทุกคนให้รู้สึกเกร็ง กลัว และลุ้นไปพร้อมๆกัน
“พ…พี่ฮะ…” เสียงสั่นๆของยูคยอมที่นั่งหลบมุมอยู่ข้างโซฟาดังขึ้นเบาๆ
“…”
“ผม…ผม… ผมขอ…”
ก๊อก ก๊อก !
ปัง !!!!
“เหี้_ !!!!”
สิ้นเสียงอุทานที่ดังสนั่นของทุกคน หลังได้ยินเสียงเคาะประตูห้องที่บังเอิญพอดีกับซาวด์เอฟเฟคต์ของหนังผีซึ่งกำลังถึงจุดไคลแม็กซ์ (แน่นอนว่ามันเป็นเสียงที่พร้อมจะทำให้คุณหัวใจวายได้ทุกเมื่อ) ดังขึ้นมา แจ็คสันที่ตะโกนดังกว่าเพื่อนต้องเดินไปหยุดเครื่องเล่นดีวีดี จินยองที่ใช้หมอนปิดหน้าตัวเอง แบมแบมที่เอาผ้าห่มคลุมตัว เว้นเพียงมาร์คที่มีสภาพปกติเพียงคนเดียว
“ไอ้แจบอมแม่งมาได้ผิดเวลามาก” แจ็คสันบ่นอุบระหว่างเดินไปเปิดประตูให้เพื่อนตัวดีที่อ้างว่าสูบบุหรี่แต่หายไปนานสองนาน
“แค่กูเคาะประตูนี่ถึงกับต้องแหกปากเลยเหรอวะ เสียงโคตรดัง” แจบอมทักขึ้นเมื่อแจ็คสันเปิดประตูให้เขา
“เออสิวะ มึงมาได้ผิดเวลามาก กำลังถึงตอนไคลแม็กซ์พอดีเลย”
“อึก…ฮึก…” เสียงสะอื้นเบาๆดังขึ้นจากผ้าห่มผืนหนาที่ถูกม้วนจนกลายเป็นก้อนสิ่งมีชีวิตก้อนหนึ่ง
“…”
“ออม…ม่า… อึก ฮือ…” เสียงร้องไห้ภายใต้ผ้าห่มที่ม้วนเป็นก้อนทำให้ทุกสายตาจับจ้องไปยังก้อนผ้าห่มที่เคลื่อนไหวดุ๊กดิ๊กอยู่
“ยูคยอม ??” ยองแจสะกิดมือขาวๆที่โผล่พ้นออกมาจากก้อนผ้าห่มเพียงเล็กน้อย
“ยูคยอม โอเคเปล่าวะ ?” แจ็คสันรีบดึงผ้าห่มออก เผยให้เห็นร่างของเด็กที่ตัวโตเกินวัยกำลังนั่งกอดเข่าพร้อมซุกหน้าลงกับแขน
“ไม่เอาหนังผี… ผมไม่ดูแล้ว อึก…” เสียงสะอึกสะอื้นของยูคยอมที่หลุดออกมาทำให้ทุกคนนิ่งไปชั่วขณะ
“แม่ง… หัวใจจะวาย” ยูคยอมสูดหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับใบหน้าหล่อที่แดงก่ำเงยหน้าขึ้นเพื่อทำให้อาการสะอึกสะอื้นทุเลาลง
“อะไรของมึงวะยูคยอม มึงกลัวผีเหรอ ?” เป็นแจ็คสันที่ถามขึ้นโดยพยายามกลั้นขำไว้เพื่อไม่ให้รุ่นน้องเสียกำลังใจ
“ก็บอกตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่ดูๆ ยังจะเปิดกันอยู่นั่นแหละ แล้วพี่แจบอมก็เข้ามาตอนเสียงซาวด์ดังด้วยนะ” เด็กร่างหมีโวยใส่คนเป็นลุงรหัส ทั้งยังหันไปมองแจบอมที่ก่อความผิดไว้โดยไม่รู้ตัว
“อ้าว ผิดอีกกู” แจบอมเกาหัวแกร่กๆด้วยความงุนงงพร้อมส่ายหัว
“ฉันขอโทษนะ ไม่รู้ว่ายูคยอมจะกลัวขนาดนี้ เปลี่ยนเรื่องก็ได้” แบมแบมขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ เพราะหนังผีเรื่องนั้น เขาเป็นคนเลือกมันเอง
“แต่ฉันว่ามันสนุกออก กำลังถึงตอนไคลแม็กซ์ด้วยนะ” มาร์คที่นั่งมองอยู่บนโซฟาพูดขึ้น ใบหน้าหล่อที่ติดไปทางสะใจนิดๆทำให้ยูคยอมค้อนใส่
“…”
“แบมแบม ยองแจ จะเปลี่ยนจริงๆเหรอ พี่ยังสนุกอยู่เลย” มาร์คหันไปตีหน้าเป็นเชิงเสียดายใส่แบมแบมที่กำลังเลือกหนังอยู่กับยองแจ
“เอ่อ…” สายตาของมาร์คทำให้ทั้งสองคนรู้สึกเกรงใจ แต่ก็อดสงสารอีกคนที่นั่งตัวสั่นอยู่ไม่ได้
“แต่จะเปลี่ยนก็ได้นะ คิดๆไปแล้วพี่ก็สงสารเด็กแถวๆนี้ที่กลัวจนร้องไห้ เดี๋ยวจะหาว่ารุ่นพี่รังแกรุ่นน้องอีก” มาร์คพูดด้วยใบหน้านิ่งๆ แต่ก็ไม่วายแอบเหลือบมองคนที่นั่งจ้องตนอยู่เหมือนกัน
“แบมแบม พี่ยองแจ ไม่ต้องเปลี่ยนก็ได้ ผมดูได้” และยูคยอมก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ถือคติว่า ลูกผู้ชาย ฆ่าได้ หยามไม่ได้ และยิ่งคนที่กำลังคิดจะหยามเขาตอนนี้คือคนที่เขาเคยแกล้งเอาไว้ แน่นอนว่าเขาจะไม่มีทางยอมเสียฟอร์มเป็นครั้งที่สองแน่
“อย่าเลยว่ะ มาร์ค มึงก็ไปแกล้งน้องมัน ยูคยอมก็เหมือนกัน มึงอย่าทำซ่า” แจ็คสันหันไปปรามทั้งสองคนที่เริ่มก่อสงครามประสาทอีกครั้ง
“…” มาร์คกรอกตาอย่างเซ็งๆพร้อมเบะปากใส่แจ็คสัน และการตัดสินทุกอย่างก็จบลงที่การเปลี่ยนแผ่นหนัง
เวลาตลอดช่วงบ่ายของทุกคนหมดไปกับการดูหนัง และก็มีบางคนอย่างยูคยอม ยองแจ และจินยองที่นั่งหลับเป็นระยะๆ จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงค่ำ แน่นอนว่าความเหนื่อยบวกกับความขี้เกียจทำให้ทุกคนตัดสินใจกินบะหมี่ถ้วยเป็นอาหารมื้อเย็นอีกวัน ก่อนจะทำธุระส่วนตัวจนเสร็จ และจบลงที่การแยกย้ายห้องนอนของแต่ละคน
“ยูคยอม มึงง่วงยัง ?” แม้ว่าตัวจะนอนอยู่บนเตียง แต่แจ็คสันยังคงตาสว่าง ผิดกับยูคยอมที่ใกล้จะหลับเต็มที
“จะหลับแล้ว พี่มีอะไรเปล่า ?” เด็กตัวโตที่นอนข้างๆถามด้วยเสียงงึมงำๆอยู่ในคอ
“กูยังไม่ง่วงเลย”
“นอนนับแกะไป เดี๋ยวก็หลับเอง ผมนอนละนะ” ยูคยอมไม่ได้สนใจคนเป็นรุ่นพี่เท่าไหร่นัก ร่างสูงเอื้อมไปปิดไฟหัวนอนก่อนจะหลับไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้แจ็คสันนอนตาสว่างท่ามกลางความมืด
“…”
“…”
“มึงหลับจริงๆเหรอ ?”
“…”
เสียงกรนเบาๆของยูคยอมเป็นคำตอบให้แจ็คสัน ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มกว่าๆของไทย หรือประมาณห้าทุ่มของเกาหลี ซึ่งยังไม่ใช่เวลานอนของเขา ผิดกับยูคยอมที่เป็นนักศึกษาชั้นสุดท้ายที่ไม่ค่อยได้มีเวลานอนเท่าไหร่นัก การได้นอนเร็วๆจึงเป็นสิ่งที่เขาต้องการมากถึงมากที่สุด
แจ็คสันลุกขึ้นเดินออกมาจากห้องนอน และพบว่าแจบอมกำลังนั่งดูซีรี่ย์ตะวันตกของช่องเคเบิลอยู่กับมาร์คเงียบๆ ห้องทางซ้ายมือซึ่งเป็นห้องนอนของจินยองเงียบสนิท และด้วยนิสัยรักความเป็นส่วนตัวของจินยอง ทำให้แจ็คสันไม่อยากรบกวนเท่าไหร่นัก ดังนั้นห้องด้านขวามือที่เป็นห้องของยองแจกับแบมแบมจึงเป็นสถานที่ที่แจ็คสันเลือกที่จะเข้าไป
“แบมแบม ยองแจ นอนกันรึยัง ?” แจ็คสันเคาะประตูพลางถามบุคคลด้านใน
“ยังคร้าบ~” เสียงคำตอบของแบมแบมทำให้แจ็คสันตกลงเองว่าเป็นคำอนุญาตให้เข้าไปในห้องได้
ห้องนอนของทั้งคู่ยังคงเปิดไฟอยู่ อีกทั้งเสียงหัวเราะคิกคักที่ไม่รู้ว่าทั้งสองคนไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่ทำให้แจ็คสันงงไปเล็กน้อย แต่กว่าจะรู้ตัวอีกที หมอนใบใหญ่ก็ถูกโยนใส่หน้าแจ็คสันเข้าอย่างจังเสียแล้ว
“โอ๊ย !”
“นี่แน่ะ !” หมอนใบที่สองจากยองแจลอยมาโดนหน้าของแจ็คสันอีกครั้ง
“เอาไปอีก ฮ่าๆ” แบมแบมขว้างใส่เป็นรอบที่สาม
“ย้า !! อะไรของพวกนายเนี่ย !”
เสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจของทั้งสองคนทำให้แจ็คสันโวยวายออกมา ก่อนจะระเบิดหัวเราะด้วยความสะใจ เป็นอันรู้กันว่าแจ็คสันจะเข้ามามีส่วนร่วมกับการเล่นสงครามปาหมอนครั้งนี้ด้วย
“คนแรก… แบมแบม !” แจ็คสันหยิบหมอนที่เพิ่งถูกปาใส่เขาเมื่อไม่นานมาขว้างกลับ
“เสียใจด้วย !” แบมแบมหยิบหมอนข้างขึ้นมาฟาดกลับ
“ยองแจ อย่าหนีนะ !” แจ็คสันหันไปชี้เป้าหมายอีกคนที่ตั้งท่าจะกระโดดลงจากเตียง
“เชื่อก็บ้าแล้ว ใครสนล่ะครับ ?” ยองแจหัวเราะออกมาก่อนจะคลานไปหลบด้านข้างของเตียง
“ได้ๆ ยังไงก็หนีไม่พ้นหรอกเว้ย” แจ็คสันวิ่งอ้อมไปอีกฝั่งของเตียงที่มียองแจหลบอยู่ แต่ก็ช้ากว่าแบมแบมที่ปาหมอนใส่เขาอีกรอบ
“สองรุมหนึ่งแม่งโคตรขี้โกง !” เมื่อเห็นว่าตัวเองหมดทางสู้ แจ็คสันจึงโวยวายออกมาอย่างไม่ชอบใจเหมือนเด็กๆ
“ช่วยไม่ได้ พี่เข้ามาให้โดนรุมเอง เนอะพี่ยองแจ” แบมแบมหัวเราะอย่างชอบใจเมื่อเห็นคนเป็นรุ่นพี่ออกอาการฟึดฟัด
“นั่นสิ พี่ไม่มีสิทธิ์โวยวายนะ”
“เออๆ ยอมแพ้ก็ได้วะ” แจ็คสันหลุดขำออกมาก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงของยองแจและแบมแบม
“ยูคยอมหลับแล้วเหรอ ?” แบมแบมถาม
“หลับไปตั้งแต่หัวมันแตะหมอนแล้ว ถึงต้องมาอยู่ห้องพวกนายนี่ไง”
แบมแบมกับแจ็คสันคุยกันไปเรื่อยๆ ในขณะที่ยองแจปลีกตัวออกมาหยิบหนังสือนิยายที่เขาพกติดตัวมาจากที่เกาหลีเพื่อใช้อ่านเวลาว่าง หนังสือนิยายเล่มหนาถูกวางลงบนเตียง ส่วนยองแจเดินกลับไปเก็บเสื้อผ้าใช้แล้วและของที่วางไว้ด้านนอกใส่กระเป๋าเดินทางเพื่อให้ห้องเป็นระเบียบเรียบร้อย
แกร่ก
R R R R ~
เสียงลูกบิดประตูดังขึ้น ประตูห้องถูกเปิดแง้มออก ตามมาด้วยเสียงริงโทนโทรศัพท์ที่ดังลอดเข้าในห้องจนเจ้าของโทรศัพท์ต้องรีบวิ่งออกไปที่หน้าประตู
“แบมแบม แม่โทรมา” เป็นมาร์คที่หยิบโทรศัพท์มาให้แบมแบมเพราะเขาชาร์จแบตทิ้งไว้ด้านนอก
“ครับๆ ขอโทษที่รบกวนนะครับ” แบมแบมรีบรับโทรศัพท์พร้อมโค้งขอบคุณเล็กน้อยให้คนตรงหน้าแล้วปลีกตัวออกไปจากห้องนอน
“ไม่เป็นไร”
“สวัสดีเพื่อนต้วน” แจ็คสันที่นอนในท่าตามสบาย ยกแขนขึ้นแล้วใช้มือรองศีรษะทักทายคนมาใหม่
“เออ กูไปละ จะไปดูหนังต่อ” มาร์คพยักหน้าก่อนจะเดินออกไป ทั้งห้องนอนตอนนี้จึงเหลือเพียงแค่แจ็คสันกับยองแจที่อยู่อีกมุมของห้อง
แจ็คสันเหลือบไปเห็นหนังสือนิยายของยองแจวางอยู่ จึงถือวิสาสะหยิบขึ้นมาเปิดดูผ่านๆ ตัวหนังสือที่มองดูยุกยิกๆเป็นร้อยๆหน้าผ่านตาแจ็คสันจนเขารู้สึกลายตา และได้แต่ตั้งคำถามในใจว่า ยองแจทนอ่านอะไรพรรค์นี้ไปได้อย่างไร
ฟึ่บ
กระดาษใบเล็กๆแผ่นหนึ่งหล่นลงมาจากหนังสือ พอดีกับที่ยองแจจัดของเสร็จและหันมาเห็นแจ็คสันกำลังเปิดหนังสือของตนอยู่ จึงรีบวิ่งปรี่เข้ามาคว้าหนังสือนิยายออกจากมือของแจ็คสันด้วยใบหน้าตื่นตระหนก
“อย่านะ !” ยองแจพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจเล็กน้อย
“หา ?” แจ็คสันได้แต่งุนงงกับรุ่นน้องของตัวเอง ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นกระดาษที่หล่นลงมาจากหนังสือ ก่อนที่จะหยิบขึ้นมา
“เฮ้ย ! อย่านะพี่ !” ยองแจถึงกับหน้าถอดสีเมื่อเห็นว่ารุ่นพี่ของตนหยิบของที่หล่นอยู่บนเตียงขึ้นมา แล้วจึงพุ่งเข้ามาพยายามจะแย่งของในมือของแจ็คสัน
“หน้าตาแบบนี้แม่งมีความลับแน่ๆ ไหน ดูหน่อย” แจ็คสันยิ้มออกมาอย่างคนเหนือกว่า
“ไม่เอา พี่ ผมขอล่ะ เอาคื…”
“อ้าว นี่มันรูปพี่นี่หว่า…”
คำพูดของแจ็คสันทำให้ยองแจถึงกับนิ่งไปพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัวไม่เป็นจังหวะ กระดาษที่แจ็คสันหยิบขึ้นมาดูไม่ใช่เศษกระดาษธรรมดา หากแต่มันคือรูปโพลารอยด์ที่เป็นรูปของแจ็คสันเมื่อสองปีก่อน รูปที่เขาได้มันมาตอนวันเรียนจบของแจ็คสัน ซึ่งแจ็คสันเป็นคนทำมันและมอบให้เขาเอง
จะได้ไม่ลืมกัน… ให้เด็กโง่ของแจ็คสันฮยอง :P
ข้อความที่เขียนโดยลายมือชุ่ยๆของแจ็คสันซึ่งอยู่บนรูปโพลารอยด์ เป็นเพียงรูปถ่ายใบเล็กๆ แต่กลับเป็นของที่ยองแจพยายามเก็บรักษามาตลอดสามปี และใช้มันเป็นที่คั่นหนังสือที่เขาอ่านเพื่อที่จะได้เห็นมันตลอดเวลา
และอาจจะเป็นเหตุผลว่า ทำไมเขายังลืมแจ็คสันไม่ได้ตลอดช่วงสองปีที่ผ่านมา
“โหย ดีใจว่ะ มีคนเก็บไว้ด้วย พี่นึกว่านายจะทิ้งมันไปแล้วนะเนี่ย” รอยยิ้มที่ผุดขึ้นมาจากหน้าของแจ็คสันทำให้ยองแจทั้งดีใจทั้งกลัวในเวลาเดียวกัน ดีใจที่เจ้าของยังไม่ลืม กลัวว่าแจ็คสันจะรู้ และอะไรๆจะไม่เหมือนเดิม
“…”
“เอามาเป็นที่คั่นหนังสือเหรอ หน้าพี่เหมาะกับอะไรพรรค์นี้รึไง ?” แจ็คสันพูดไปขำไป แต่กลับทำให้ยองแจแอบโล่งอกอยู่ในใจที่แจ็คสันไม่ติดใจอะไร
“ก็… ไม่รู้อ่ะ”
“ดีใจที่นายยังเก็บมันไว้นะ พี่ลืมไปแล้วนะว่าเคยทำอะไรแบบนี้ด้วย พอมาเห็นตอนนี้แล้วอายตัวเองว่ะ ฮ่าๆ”
แจ็คสันหัวเราะพลางพลิกรูปโพลารอยด์ดูไปมาอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง โดยที่ยองแจได้แต่ยืนมองทั้งเจ้าของโพลารอยด์และรูปที่อยู่ในมือของเจ้าของ ในสายตาของยองแจ แจ็คสันไม่เคยเปลี่ยนไปจริงๆ ตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน จนกระทั่งตอนนี้
ถ้าเป็นแบบนี้ เมื่อไหร่ผมจะลืมพี่ได้ล่ะ ?
“นึกถึงวันแรกที่เจอกันเลย…” แจ็คสันพูดขึ้นมาพร้อมหันมามองหน้าคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
“หมายถึง…?”
“วันแรกที่พี่เจอนายไง ไอ้เด็กหลงทาง ฮ่าๆ”
“อย่าพูดถึงมันเลย ผมขอร้องล่ะ” ใบหน้ากลมของยองแจเริ่มขึ้นสีแดงนิดๆ ยิ่งเมื่อเห็นรอยยิ้มของแจ็คสัน มันยิ่งทำให้เขารู้สึกควบคุมสติไม่อยู่จนอยากจะเดินหนีออกไปจากตรงนี้
วันแรกที่เจอกับแจ็คสัน เป็นวันที่ยองแจรู้สึกไม่ประทับใจเท่าไหร่นัก วันที่เขาหลงทางอยู่ในมหาวิทยาลัย แถมยังโชคร้ายซ้ำซ้อนเมื่อจักรยานที่ใช้เป็นพาหนะเกิดโซ่หลุดระหว่างทาง และเหมือนพระเจ้าจะยังไม่เห็นใจเขา เมื่อจู่ๆดันมีผู้ชายที่ดูท่าทางไม่ค่อยเต็มเต็งเท่าไหร่นักเดินร้องเพลงพร้อมเต้นระหว่างทาง และเดินเข้ามาช่วยซ่อมโซ่จักรยานให้เขา แต่ใครจะรู้ว่า หลังจากวันนั้นผู้ชายที่ดูจะล้นๆจะกลายเป็นคนที่ยองแจไม่เคยลืมอีกเลย และเป็นคนที่รบกวนหัวใจของเขามาเป็นเวลาสี่ปีเต็มๆในรั้วมหาวิทยาลัย และอีกสองปีที่ไม่ได้เจอกันหลังเรียนจบ จนกระทั่งถึงตอนนี้…
“ไม่คิดว่าหลังจากนั้นจะเจอนายบ่อยมาก บ่อยจนเบื่อหน้าไปเลย ฮ่าๆ” แจ็คสันหัวเราะออกมา เมื่อนึกถึงสมัยเรียน แม้ว่าทั้งคู่จะเรียนกันคนละคณะ คนละสาขา แต่เพราะกิจกรรมของมหาวิทยาลัย ทำให้พวกเขาได้เจอกันบ่อยๆจนสนิทกัน
“แล้วนึกครึ้มอะไรถึงมารื้อฟื้นเรื่องสมัยเรียนซะงั้นล่ะ ?” ยองแจถามถึงแม้ว่าตัวเขาเองก็อดที่จะคิดถึงมันไม่ได้เหมือนกัน
“เพราะความทรงจำมีไว้ให้คิดถึงไง … เป็นไง คมป่ะ ?”
“คมตรงไหนเนี่ย ? โอ๊ย พอเถอะ ผมจะนอนแล้ว ง่วง…” ยองแจรีบตัดบทก่อนที่เรื่องราวในอดีตจะถูกรื้อมากไปกว่านี้ เขาพยายามไม่นึกถึงมัน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียดายเวลาในอดีตที่เขาตัดสินใจอะไรบางอย่างพลาดไป
“ง่วงแล้วเหรอ ? โดนหาว่าเป็นเด็กหลงทางนี่งอนเลยเหรอ ?” แจ็คสันยังคงยิ้มทะเล้น ก่อนที่มือหนาจะเอื้อมไปขยี้กลุ่มผมของยองแจจนกระเซิง
“ไปนอนได้แล้วไป”
“อะไรว้า~ ไปก็ได้” แจ็คสันแกล้งเบะปาก ก่อนจะเดินออกจากห้องนอนของยองแจและแบมแบม แต่ก็ไม่วายหันกลับมาหาคนที่กำลังจะนอนราวกับจะพูดอะไรบางอย่าง
‘ ฝันดีนะ เด็กโง่ ’
.
.
“ไปนอนได้แล้วมั้งแบมแบม จะห้าทุ่มแล้วนะ” มาร์คที่นั่งอยู่ข้างๆแบมแบมเอ่ยขึ้นมาหลังจากเหลือบมองนาฬิกาแขวนผนัง
“ขอดูอีกนิดนะครับ ใกล้จะจบแล้ว”
มาร์คไม่ได้ว่าอะไรเด็กดื้อที่คุยโทรศัพท์กับแม่เสร็จไปพักใหญ่ แต่แอบหนีมานั่งดูหนังกับเขาและแจบอมเพราะเรื่องที่ฉายในตอนนี้ดันเป็นเรื่องที่เจ้าตัวชอบ และแจบอมก็มีสภาพใกล้จะหลับอยู่รอมร่อ
R R R R ~
เสียงโทรศัพท์สั่นดังขึ้นอีกครั้งจากมุมที่ทุกคนวางชาร์จแบตไว้รวมกัน มาร์คจึงรับหน้าที่ลุกขึ้นไปหยิบเช่นเดิม ชายหนุ่มผมแดงเดินกลับมาพร้อมกับไอโฟนรุ่น 4S ที่สั่นอยู่มือใน พร้อมยื่นให้แจบอมโดยคว่ำหน้าโทรศัพท์ลงเพื่อบ่งบอกให้รู้ว่า ตนมีมารยาทพอที่จะไม่มองหน้าจอโทรศัพท์ของคนอื่น แต่แจบอมต่างหากที่กลับดูร้อนรนเมื่อรู้ว่าโทรศัพท์ที่มาร์คถือมาเป็นของตน ร่างสูงรีบคว้าแล้วเดินออกจากห้องไปทันที แต่เชื่อได้เลยว่าคนคิดน้อยอย่างแจบอมไม่มีทางทันคนอย่างมาร์คแน่นอน
รูปล็อคสกรีนของแจบอมที่เป็นรูปคู่ระหว่างแจบอมกับจินยอง
เขาเห็นมันหมดแล้ว
ดูเหมือนว่าสัปดาห์นี้จะมีอะไรสนุกๆให้เขาลุ้นอีกเยอะเลยล่ะ
แล้วก็... เรื่องนี้เป็นความลับระหว่างพวกคุณกับผมนะ…
ยู้วฮูว มาแล้วค่ะ
เป็นไงเอ่ย ทายประโยคสปอยล์กันถูกมั้ยคะ ?
ในแชปที่แล้วเราบอกไปว่า ทามไลน์เรื่องนี้จะมีแค่เจ็ดวัน
แต่ช้าแต่... เจ็ดวันนี้ เราจะได้เห็นไซด์สตอรี่ในอดีตของแต่ละคนด้วยล่ะค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมานะคะ
อยากให้คนอ่านวิจารณ์ได้ตามสบายเลย
เราอาจจะยังแต่งไม่เก่งมาก ภาษาอาจจะยังไม่สวยเท่าที่ควร
แต่เราจะพยายามให้เต็มที่ค่ะ
ขอบคุณอีกครั้งจากใจค่ะ !
สุดท้ายนี้ ขอบอกว่า...
รักรีดเดอร์ยิ่งกว่าสโลแกนการบินไทย
สามารถเม้าท์มอยกันได้ที่ทวิต @mookiizsgc7 หรือแท็ก #ฟิคโลกกลม ค่ะ
/ซารังเฮรอบบทความ
ความคิดเห็น