คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : 0 0 | Les Invitations
Les invitations de vacances en THAÏLANDE
[บัตรเชิญสำหรับทริปทัวร์ประเทศไทย]
สวัสดีเพื่อนๆน้องๆ นี่แจ็คสันสุดหล่อเองนะ แบบว่า… ฉันคิดถึงพวกนายมาก และมันคงจะเป็นการดี ถ้าเราจะไปเที่ยวด้วยกันสักหน่อย (บอกเลยว่าฉันชวนแต่เพื่อนสนิทและรักมากเชียวนะ !) งานนี้ได้รับอภินันทนาการจากเพื่อนสนิทคนไทยของฉันให้ไปพักที่บ้านของเขาได้ด้วย ถ้าพวกนายสะดวก รบกวนตอบกลับจดหมายเชิญฉบับนี้ด้วย แล้วฉันจะรออย่างใจจดใจจ่อนะ
รักทุกคนยิ่งกว่าสโลแกนการบินไทย
JACKSON W.
คุณว่ามันจะมีคนบ้าสักกี่คนที่ส่งการ์ดเชิญทริปไปเที่ยวทะเลที่ต่างประเทศอย่างกับงานแต่งงาน บอกเลยว่าถ้าไม่บ้าจริงๆ ไม่เพี้ยนจริงๆแบบ “หวังเจียเอ๋อ” หรือชื่อที่เจ้าตัวตั้งขึ้นเพื่อความดัดจริตชีวิตต้องป็อปยามเข้ากรุงอย่าง แจ็คสัน ที่ส่งมาให้เขาผ่านทางไปรษณีย์ ถ้าไม่ติดว่าผู้ชายคนนี้เป็นเพื่อนเขาที่สนิทกันตั้งแต่สมัยประถมจนถึงมัธยมปลายแล้วล่ะก็… เขาไม่มีทางรับไอ้จดหมายบ้าๆแบบนี้แน่
ถึง : อิมแจบอม เพื่อนสุดเลิฟสมัยประถมที่หล่อน้อยกว่าแจ็คสัน
ดูมันจ่าหน้าซองไปรษณีย์เข้าสิ คิดว่า อิมแจบอม คนนี้จะอายตอนเซ็นรับไปรษณีย์ไหม ? แต่ก็อย่างที่บอกไปว่าคนส่งมานั้นออกจะเพี้ยนๆบ้าๆไปสักหน่อย แต่ถ้าใครได้คนอย่างแจ็คสันเป็นเพื่อนล่ะก็ รับรองได้เลยว่าคุณจะเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกที่มีเพื่อนที่ดีอย่างที่หาที่ไหนไม่ได้จริงๆ
ชายหนุ่มผิวขาวในทรงผมสีดำที่มีหน้าม้ายาวเล็กน้อยกวาดสายตาอ่านจดหมายเชิญที่เขียนติดสำนวนทะเล้นตามแบบฉบับของเจ้าตัว ทำเอาใบหน้าของคนเขียนผุดขึ้นมาในหัวของแจบอมเสียดื้อๆ ก่อนที่มือหนาจะคว้าปากกามาเขียนยุกยิกๆลงด้านหลังแผ่นบัตรเชิญ
ไงมึง… กูไปนะ กรุณาส่งรายละเอียดตารางทัวร์มาให้ด้วย
จาก แจบอมที่หล่อกว่าแจ็คสัน
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันที่คนนับถือศาสนาคริสต์จะเข้าไปทำพิธีในโบสถ์ และเขาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น กิจกรรมในโบสถ์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะรับศีล และจบพิธีมิสซาประจำสัปดาห์
ชายหนุ่มร่างสันทัดในทรงผมสีแดงเพลิงเดินล้วงกระเป๋าผิวปากกลับหอพักอย่างอารมณ์ดี ขายาวๆพาเขาก้าวมาจนถึงคอนโด และเขาก็พบว่า มีซองบัตรเชิญเหน็บไว้อยู่หน้าประตูห้อง มือเรียวหยิบคีย์การ์ดขึ้นมาแตะบนประตูห้องที่มีระบบรักษาความปลอดภัยชั้นดีและสมกับราคา โดยไม่ลืมที่จะหยิบซองจดหมายเข้าไปด้วย
ถึง : เพื่อนข้างห้อง มาร์คคลุงตุงทุกสถานการณ์
ทันทีที่อ่านจ่าหน้าซองจบ มันทำให้เขาแทบจะอยากเดินไปถล่มประตูห้องเพื่อนสนิทที่อาศัยอยู่ห้องข้างๆ ก็ดูคุณพี่แกเล่นจ่าหน้าซองมาสิ ขืนคนอื่นมาเห็นเข้า เขาอาจจะถูกมองว่าเป็นไอ้โรคจิตไปโดยปริยาย แต่เขาก็ยังเลือกที่จะแกะซองจดหมายออกมา (แม้ว่าจะมีเปอร์เซ็นต์ต้องเจอความไร้สาระของเพื่อนสนิทข้างห้อง) ดวงตากลมโตค่อยๆไล่อ่านจดหมายอย่างตั้งใจ ก่อนจะหัวเราะในลำคอเบาๆ และเดินออกจากห้องพักที่เพิ่งเข้ามาได้ไม่นาน
มาร์คเดินไปยังห้องข้างๆ ตั้งท่าเตรียมจะเคาะประตู แต่กลับพบกระดาษโพสท์อิทสีเหลืองแผ่นเล็กแปะอยู่หน้าห้องพร้อมข้อความที่สุดแสนจะชุ่ยยิ่งกว่าไก่เขี่ย แต่แน่นอนว่าคนพันธุ์เดียวกันแบบเขาย่อมอ่านออกอยู่แล้ว
ถึงมาร์คกี้ขยี้ใจพี่หวัง ตอนนี้ออกไปทำงาน กลับสามทุ่ม กรุณาฝากข้อความไว้บนโพสท์อิท
เหมือนคนเขียนจะรู้ดีมากๆว่าเขาต้องวิ่งแจ้นมาหาทันทีหลังอ่านการ์ดเชิญจบ แต่ขอร้อง… ช่วยลบไอ้ชื่อนั่นออกจะดีมากๆ ขืนคนในหอมาเห็นเขาได้โดนเข้าใจผิดแน่ๆว่าเป็นกิ๊กกับมัน มาร์คถอนหายใจกับความบ้าของเพื่อนข้างห้อง ก่อนจะเอาปากกาขีดทับข้อความของแจ็คสันจนแน่ใจว่าเละจนอ่านไม่ออก ก่อนจะเขียนข้อความตอบกลับคำเชิญลงบนโพสท์อิทสีเหลืองที่เหลือพื้นที่อยู่น้อยนิด
กูไปแน่… ขอบใจที่ชวนว่ะ ถึงหอแล้วมาห้องกูด้วย
จาก ต้วนอี้เอินคนหล่อและแมนม้ากมาก
“พอกันทีโว้ย !!!”
ชีทเรียนนับร้อยแผ่นถูกโยนขึ้นจนปลิวกระจายไปรอบห้อง ก่อนที่ร่างสูงโย่งจะล้มตัวแผ่หลาลงบนเตียง ใบหน้าหล่อที่เริ่มอิดโรยจากการอดนอนมาเป็นเวลา 3 คืนติดๆเพราะต้องปั่นโปรเจคต์ไฟนอล ดวงตาคมไล่มองไปรอบๆห้องที่เต็มไปด้วยกระดาษที่เขาเพิ่งโปรยไปเมื่อครู่นี้ ก่อนจะถอนหายใจเสียงดังเมื่อนึกถึงตอนที่ต้องมานั่งเก็บชีทเป็นร้อยๆแผ่น
กูไม่น่าซ่าเลย =___=
บางทีก็อยากมีโมเม้นท์เท่ๆโปรยชีทเรียนตอนจบบ้าง แต่ก็นะ เห็นโปรเจคต์ค้างๆคาๆแบบนี้ก็เริ่มคิดหนักแล้วเหมือนกันว่าปีนี้จะเรียนจบหรือเปล่า มือหนาเสยผมก่อนจะขยี้ผมตัวเองด้วยความหงุดหงิดใจ แล้วลุกขึ้นเดินเก็บแผ่นกระดาษนับร้อยแผ่นที่เพิ่งถูกโปรยไปเมื่อครู่นี้
ก๊อก ก๊อก !
เสียงเคาะประตูยิ่งทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเป็นเท่าตัว แต่ก็จำใจต้องเดินออกไปเปิด และพบว่าคนที่ยืนอยู่คือเจ้าของหอพักรุ่นอาจุมม่าที่ยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตรพร้อมยื่นซองจดหมายมาให้ และเขาก็ต้องยิ้มกลับตามมารยาท
“ขอโทษที่รบกวนนะจ๊ะ พอดีไปรษณีย์มาส่งจดหมายเมื่อกี้นี้ เห็นว่าเป็นชื่อของเราพอดี ป้าเลยแวะเอาขึ้นมาให้”
“อา… ขอบคุณมากครับ” ชายหนุ่มโค้งอย่างสุภาพก่อนจะรับมา
ถึง : คิมยูคยอม หลานรหัสที่น่ารักยิ่งกว่าชิวาว่าข้างบ้าน
เจ้าของจดหมายอ่านชื่อจ่าหน้าซองก่อนจะยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี เมื่อรู้ว่าคนส่งจดหมายเป็นใคร มือหนาแกะซองจดหมายและอ่านอย่างรวดเร็ว
นักศึกษาหนุ่มชั้นปีที่ 4 ได้แต่ยืนอมยิ้มปนขำในใจเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย และทำให้อดคิดถึงคนส่งจดหมายไม่ได้ คนที่ส่งจดหมายฉบับนี้มีสถานะเป็นลุงรหัสของเขาที่จบการศึกษาไปแล้ว 2 ปี ส่วนตัวของเขาเรียนอยู่ชั้นปีสุดท้าย และกำลังต่อสู้กับการปั่นโปรเจคต์จบอยู่ ยูคยอมพยายามมองหาปากกาในห้องที่แสนจะรกของเขาเพื่อเขียนตอบกลับจดหมายของรุ่นพี่คนสนิท
ผมไปด้วย ไว้เจอกันนะฮยอง คิดถึงมาก :)
คิมยูคยอม หลานรหัสของลุงกากาที่หน้าตาดียิ่งกว่าโทมินจุน
ถึงเวลาเปลี่ยนเวรแล้ว
นาฬิกาแขวนผนังที่บอกเวลา 7 โมงเช้า ทำให้คนที่ยืนมองรีบถอดเสื้อกาวน์สีขาวตัวยาวออกแล้วพาดมันไว้บนเก้าอี้ทำงานประจำ มือเรียวขยี้ตาเล็กน้อยพอให้ตาสว่างขึ้นจากการอดนอนทั้งคืน ก่อนจะกวาดสัมภาระใส่กระเป๋าถือแบบลวกๆแล้วเดินออกจากห้องฉุกเฉินเพื่อกลับบ้านที่อยู่ด้านหลังของโรงพยาบาล
นายแพทย์หนุ่มเดินกลับบ้านในสภาพอิดโรยพอสมควร อาชีพแพทย์ที่หลายๆคนใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักหนา อาจจะเป็นทั้งความฝันของใครบางคน หรืออีกส่วนหนึ่งที่เลือกจะทำตามความฝันของพ่อแม่ แต่ใครจะรู้ว่ามันเป็นอาชีพที่เหมือนสวรรค์แค่ตอนสอบติดเท่านั้น หลังจากนั้นเขาก็ไม่เคยรู้จักคำว่า การนอนแบบเต็มอิ่ม อีกเลย อีกทั้งยังพรากหลายๆอย่างไปจากชีวิตของเขาอีกด้วย
เวลา ครอบครัว ความเป็นส่วนตัว และ คนรัก…
แต่อย่างไรเสีย เขากลับมีความสุขเวลาที่ได้ยินคำขอบคุณจากผู้ป่วย มีความสุขเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของญาติผู้ป่วย มีความสุขที่ได้ช่วยชีวิตคนอีกคนหนึ่ง อย่างน้อยๆมันก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกว่าอาชีพนี้มันแย่ไปเสียทุกอย่าง
เดินคิดอะไรมาเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งหยุดอยู่หน้าประตูห้องของตัวเองในที่สุด เขาปวดหัวและง่วงมากจนไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองเดินมาจนถึงคอนโด ขึ้นลิฟต์ และเดินเข้ามาจนหยุดหน้าห้องตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่ แม้ว่าเขาจะต้องนอนตอนเช้า และทำงานตอนกลางคืน แต่ถ้าให้พูดตามตรง บอกเลยว่าเขายังไม่ชินกับการใช้ชีวิตผิดมนุษย์เท่าไหร่นัก
มือขาวของหมอหนุ่มเตรียมจะไขประตู แต่กลับพบว่ามีซองจดหมายเสียบอยู่ที่กล่องรับจดหมายข้างประตู แต่ความง่วงทำให้เขาไม่ได้สนใจว่ามันมาจากใคร หรือเกี่ยวกับอะไรมากนัก จึงทำเพียงแค่หยิบมันออกมาแล้วเดินเข้าห้องไป
ซองจดหมายถูกวางไว้บนโต๊ะที่มีซองจดหมายขนาดใกล้เคียงกันวางไว้อยู่ก่อนหน้าแล้วหลายสิบซอง โอเค เขายอมรับว่ามันค่อนข้างแย่ที่ไม่เคยเปิดจดหมายเหล่านั้นอ่านเลย แต่ดูจากลักษณะซองที่ค่อนข้างสวยงามแล้วก็เดาได้ไม่ยากว่ามันคือการ์ดเชิญงานแต่งงานบ้าง งานสังสรรค์บ้าง ซึ่งงานเหล่านั้นก็มักจะจัดช่วงตอนกลางคืน และมันก็ชนกับเวลาทำงานของเขาเกือบทุกครั้ง เขาจึงไม่สนใจการ์ดเชิญและล้มเลิกความคิดที่จะไปงาน จึงทำเพียงแค่โทรไปแสดงความยินดีกับเจ้าของการ์ดเหล่านั้นแทน
R R R R~
คุณหมอร่างโปร่งกรอกตาขึ้นมองเพดานอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย เมื่อจู่ๆได้ยินเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้นจากในกระเป๋ากางเกง เวลาเจ็ดโมงเช้าของวันอังคารมันควรจะเป็นช่วงเวลาเร่งรีบของคนทำงาน แต่กลับโทรมาหาในเวลานี้ทำให้เขาจำใจต้องรับอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะนั่นอาจเป็นสายจากคนที่โรงพยาบาล หรือ คนที่มีธุระสำคัญกับเขา แต่เขาก็ต้องแปลกใจอีกครั้ง เมื่อเบอร์ที่ขึ้นโชว์บนหน้าจอโทรศัพท์กลับเป็นเบอร์แปลกที่เขาไม่ได้บันทึกเอาไว้ ถึงกระนั้นเขาก็เลือกที่จะสไลด์ปลดล็อคเพื่อรับสายตามมารยาท
“ยอโบเซโย…” หมอหนุ่มรับสายด้วยน้ำเสียงที่เขาพยายามแสดงออกให้อีกฝ่ายได้รับรู้อย่างชัดเจนว่าตอนนี้เขากำลังเหนื่อยและเพลียมากๆจากการอดนอนตลอดทั้งคืน
[What’s up Jinyoung !]
เสียงทักทายเป็นภาษาอังกฤษจากปลายสายทำให้หมอหนุ่มตัวขาว หรือ ปาร์คจินยอง ถึงกับเบิกตาขึ้นและสร่างจากความง่วงทันที
“แจ็คสันเหรอ !?!” น้ำเสียงที่ติดออกจะตื่นเต้นของจินยองทำให้เขาอยากจะเอาหัวโขกกำแพงเล็กน้อยที่ดันทำตัวนิสัยไม่ดีไปในตอนแรก
[ดีใจที่ยังจำกันได้นะน้องหมอจินยอง~]
“อย่าเรียกแบบนั้น ฉันขนลุก”
[ฉันเดาว่านายคงได้จดหมายจากฉันแล้ว และฉันก็เชื่อว่าคนอย่างนายต้องเอามันไปวางกองไว้บนโต๊ะแน่ๆ]
ทายถูกเผง… สมกับที่เป็นเพื่อนกันมา 4 ปีในรั้วมหาวิทยาลัย และเป็นรูมเมทเพียงคนเดียวที่จินยองสามารถอยู่ด้วยได้ในสมัยเรียน ในตอนนั้นจินยองจัดอยู่ในจำพวกเด็กเนิร์ดที่ต้องอ่านหนังสือและท่องตำราอยู่ตลอดเวลาตามประสานักศึกษาแพทย์ แน่นอนว่าเขาเป็นคนโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง และรักความเป็นส่วนตัวมาก และเพราะนิสัยนั้นของเขาทำให้ต้องเปลี่ยนรูมเมทถึง 4 คน แต่เมื่อแจ็คสันเข้ามาอยู่กับเขา ตอนแรกยอมรับว่ารำคาญผู้ชายพูดมากคนนี้ แต่ถึงกระนั้นแจ็คสันก็ไม่เคยรุกล้ำความเป็นส่วนตัว อีกทั้งยังคอยเทคแคร์เขาเป็นอย่างดีในช่วงใกล้สอบ ทั้งซื้อข้าวซื้อน้ำมาให้ อาสาเอาหนังสือไปคืนที่ห้องสมุดให้ หรือแม้แต่แอบเข้าไปหยิบชีทเรียนแทนเขาในวันที่เขาขาดเรียนเพื่ออ่านหนังสือก็เคยทำมาแล้ว (แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่) รวมถึงเวลาขึ้นเวร Extern ก็ได้แจ็คสันเป็นคนคอยไปรับไปส่งที่โรงพยาบาล แม้ว่าเจ้าตัวจะติดเที่ยวไปบ้าง แต่ก็ไม่เคยกลับหอเกินตีสองซึ่งเป็นเวลาที่จินยองอ่านหนังสือจบ และไม่เคยพาเพื่อนเข้าห้องโดยพลการ เป็นผู้ชายที่จินยองเปิดใจให้เกินร้อยในฐานะเพื่อนสนิทคนเดียวของเขาในรั้วมหาวิทยาลัย และหลังจากเรียนจบ ก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันไป ไม่ได้เจอกันอีกเลย ถ้าให้นับคร่าวๆ เขากับแจ็คสันก็ไม่ได้เจอกันมาเกือบๆ 2 ปีแล้ว เพราะหน้าที่การงานที่ยุ่งกันทั้งสองฝ่าย จินยองที่มักจะรับอาสาเข้าเวรตอนกลางคืนเพราะเขาชอบทำงานอย่างสงบๆ และแจ็คสันที่เปิดกิจการโรงเรียนสอนเต้นซึ่งตอนนี้ได้ขยายสาขาไปเปิดในหลายๆประเทศในเอเชีย
“รู้ดีตลอดนะ”
[แหงสิ คบกันมาตั้งกี่ปี เอาเป็นว่าเปิดซองอ่านของฉันด้วย ไม่งั้นโกรธ และจะเอารูปที่ถ่ายสมัยเรียนลงเพจ Cute Doctor แน่ !]
“ไหนๆก็โทรมาแล้ว บอกผ่านโทรศัพท์ก็ได้มั้ง”
[ไม่เอาล่ะ ฉันอุตส่าห์ตั้งใจทำบัตรเชิญนั่นมากเลยนะ เปิดดูด้วย !]
“ทำไม การ์ดแต่งงานเหรอ ?”
[ถ้าการ์ดแต่งงานฉันโทรมาชวนนายเลยน่าจะง่ายกว่า นี่ไม่ใช่การเชิญธรรมดาๆนะ ไม่รู้ล่ะ เปิดอ่านด้วย อ่านเสร็จก็เขียนตอบกลับมาหาฉันหน่อย ฉันจะรออย่างใจจดใจจ่อสำหรับการเสียสละเวลาของคุณหมอบ้างาน]
“อา… ก็ได้ๆ” จินยองตอบอย่างเหนื่อยใจกับความแปลกประหลาดของเพื่อนสนิท ก่อนจะกดวางสายไป แล้วจึงเดินกลับมาหยิบซองจดหมายที่วางด้านบนสุดขึ้นมาดู
ถึง : เพื่อนสนิทที่สุดของแจ็คสันคนหล่อ ปาร์คจินยองคนน่ารัก
เพียงแค่ชื่อจ่าหน้าซองก็ทำให้จินยองที่ยิ้มยากถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อย ก่อนจะแกะซองและไล่อ่านข้อความจนหมด จึงหยิบปากกาขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วค่อยๆนั่งเขียนให้ลายมืออ่านง่ายที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้
ไปด้วยก็ได้ ขอวันที่ด้วยนะ จะได้ลางาน
รักและคิดถึงเสมอ (จินยอง)
ถ้าวันหนึ่ง รุ่นพี่ที่คุณเคยแอบชอบสมัยเรียนส่งจดหมายมาชวนคุณไปเที่ยว คุณจะทำอย่างไร ?
นิ้วชี้ของมือข้างขวากดคลิกลงไปบนคำว่า POST ก่อนที่หน้าจอจะถูกลิ้งค์เข้าไปยังหน้าอัพเดทนิยายออนไลน์ที่เขาใช้เวลาแต่งมาร่วมเดือนและมีจำนวนผู้เข้าชมหลักหมื่น รวมไปถึงยอดคอมเม้นท์อีกมากมาย และวันนี้ก็ได้เวลาที่เขาจะอัพเดทตอนใหม่เสียที ซึ่งเขาก็ลงไปเพียงแค่ประโยคเดียวเพื่อเกริ่นเนื้อหาและเรียกความสนใจจากผู้อ่าน ซึ่งแน่นอนว่ามันได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เพราะภายในไม่กี่นาทีต่อมา คอมเม้นท์ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นทำนองที่ว่ารอติดตามอยู่
มือคู่สวยที่ผ่านการพิมพ์นิยายมานับปีละทิ้งจากคอมพิวเตอร์ชั่วคราว ดวงตาที่ยากจะคาดเดาความรู้สึกจับจ้องไปที่ซองจดหมายที่เขาเพิ่งรับมันมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน โดยมีบัตรเชิญวางทับอยู่บนซองจดหมายอีกที
เขาหยิบมันขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งซองจดหมายและตัวบัตรเชิญด้านใน ใบหน้าที่กำลังประมวลผลอะไรบางอย่างราวกับสงสัยและงุนงงกับที่มาที่ไปของจดหมายฉบับนี้ แต่แน่นอนว่า สิ่งที่ทำให้หัวใจของเขามันไม่เหมือนเดิม ก็คงจะไม่พ้นเจ้าของจดหมายที่เขียนชื่อไว้หราบนซอง
ถึง : ชเวยองแจ เด็กโง่ของแจ็คสันฮยอง :P
ยองแจถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจ เขาควรจะทำอย่างไร ถ้าจู่ๆรุ่นพี่ที่ขาดการติดต่อกันไปเกือบปีส่งจดหมายชวนไปเที่ยวต่างประเทศ แน่นอนว่าเขาต้องดีใจอยู่แล้วที่รุ่นพี่อุตส่าห์นึกถึงเขาและชวนไปเที่ยว
แต่ที่น่าหนักใจและทำให้เขาคิดหนัก ก็คงไม่พ้นว่าหัวข้อที่ว่า รุ่นพี่คนนั้นคือคนที่เขาเคยให้ความรู้สึกมากกว่าเป็นรุ่นพี่ร่วมชมรม คนที่เขาแอบชอบมาตลอด 4 ปีในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัย แม้ว่ารุ่นพี่คนนี้จะจบก่อนเขา 1 ปีก็ตาม แต่ความรู้สึกนั้นมันยังคงวนเวียนอยู่กับเขามาตลอด
แน่นอนว่าตอนนี้… ก็ไม่ต่างกัน
และนั่นก็ทำให้เขาคิดตอนต่อไปของนิยายได้ทันที ในความเป็นจริงแล้ว เขาต้องการใช้มันเป็นข้ออ้างในการโปรยคำถามเพื่อขอความคิดเห็นจากเหล่านักอ่านของเขามากกว่า และแน่นอนว่ายองแจก็คิดไม่ผิดที่ใช้วิธีนี้ในการหาคำตอบ
All Comments
#1 : ฉันรอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อเลยนะคะ >___< แต่ว่าถ้าคนที่ฉันชอบชวนไปเที่ยว ฉันจะไม่ปฏิเสธหรอกนะคะ เพราะโอกาสแบบนี้ก็คงมีไม่บ่อยหรอก จริงมั้ยไรท์เตอร์ ?
#2 : ตายแล้ว~ ให้เดาว่ารุ่นพี่คนนี้ต้องเคยมีซัมติงกับนางเอกใช่มั้ย แล้วพระเอกจะทำยังไงล่ะ ? ถ้าเป็นฉัน ฉันก็คงต้องดูว่าก่อนที่จะไม่ได้เจอกัน เขาทำให้ฉันประทับใจพอที่จะไปเจอมั้ย ?
#3 : ตอบยากนะเนี่ย แต่ฉันก็คงไปแหละ เพียงแต่อาจจะหาเพื่อนติดไปสักคน จะได้ไม่อึดอัด
#4 : ไปเลย ไปเลย #เชียร์เต็มที่
และอีกหลายความคิดเห็นที่แสดงออกมาในทำนองเดียวกัน ทำให้เขาเริ่มคิดหนัก มือบางพลิกบัตรเชิญหน้าตาประหลาดที่แจ็คสันนั่งวาดและเขียนด้วยลายมือตัวเองพร้อมถอนหายใจออกมาอีกครั้ง แม้ในใจจะสับสนและคิดไม่ตก แต่ทว่ามือกลับควานหาปากกามาเขียนตอบจดหมายเสียแล้ว
ขอบคุณที่ชวนมากๆนะครับ แล้วผมจะรอวันนั้น คิดถึงเสมอ.
ชเวยองแจ
สุดท้ายก็แพ้หัวใจตัวเองจนได้ ชเวยองแจคนโง่ !
“ตกลงคนที่พี่จะให้มาค้างที่บ้านพักของผมมีกี่คน ?”
[ถ้าให้นับคนที่ชวนตอนนี้ รวมแบมด้วยก็เป็น 7 คน แต่ยังไม่ชัวร์นะ รอคำตอบก่อน]
“ผมยังไงก็ได้ จะได้ไปจัดห้องรอไว้ก่อน แต่คอนโดของผมมีแค่ 3 ห้องนอนนะ ต้องแบ่งๆกันนอน”
[ไม่มีปัญหา พวกฉันนอนที่ห้องนั่งเล่นก็ยังได้]
“ตกลงเอาเป็นวันที่ 12 – 17 เมษาใช่มั้ย เดี๋ยวจะได้ให้แม่บ้านที่คอนโดไปทำความสะอาดห้องไว้ให้ เพราะผมก็ไม่ค่อยได้ไปที่คอนโดเท่าไหร่ ช่วงนี้งานยุ่งมาก”
[อืม เอาตามนั้นแหละ มันเป็นช่วงเทศกาลบ้านนายพอดีใช่มั้ยล่ะ ?]
“ใช่พี่ ช่วงสงกรานต์พอดี … แล้วพี่จองไฟล์ทบินยัง ?”
[ยังเลยว่ะ ดูๆอยู่เนี่ย แต่ไม่น่าจะมาพร้อมกันหมด งานแม่งไม่ตรงกันสักคน]
“ไม่เป็นไร คอนโดไม่ไกลจากสนามบินเท่าไหร่ เดี๋ยวผลัดกันไปรับก็ได้ งั้นแค่นี้ก่อนนะพี่ งานเข้าว่ะ”
[เออ ขอบใจมาก กำลังจะวางพอดี โทรข้ามประเทศมันเปลือง บาย~]
คนปลายสายตัดสายทิ้งไป ก่อนที่เขาจะต่อสายไปอีกเบอร์เพื่อติดต่อแม่บ้านเรื่องให้ทำความสะอาดคอนโด และเมื่อวางสายแล้ว เด็กหนุ่มวัยยี่สิบต้นๆที่เพิ่งเรียนจบมาหมาดๆก็ต้องกลับมาผจญกับงานตรวจสอบเอกสารอีกหลายสิบชุดที่ถูกเจ้านายตีกลับมาให้อย่างหงุดหงิด
แบมแบม หรือ กันต์พิมุก หนุ่มโสดไฟแรง อดีตนักเรียนทุนที่ได้ไปศึกษาต่อที่ประเทศเกาหลีใต้ และต้องกลับมาทำงานใช้ทุนให้บริษัทเอกชนของประเทศเกาหลีใต้ที่เข้ามาขยายสาขาในประเทศไทยที่เป็นคนออกค่าใช้จ่ายตลอด 4 ปีที่ประเทศเกาหลีให้เขา และตอนนี้เขาก็อยากจะระเบิดอารมณ์ออกมาเมื่อเห็นว่าเอกสารนับสิบฉบับที่เขาใช้เวลาตรวจสอบทั้งคืนโดนตีกลับมาเพราะความไม่รอบคอบของฝ่ายบัญชีที่คำนวณงบผิดพลาด และแน่นอนว่าเขาก็ต้องมานั่งแปลเอกสารเหล่านั้นเป็นภาษาเกาหลีใหม่ทั้งหมด
ให้มันได้แบบนี้สิ !
แบมแบมจิ๊ปากอย่างขัดใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากก้มหน้าก้มตาแปลโดยมีพจนานุกรมเล่มมหึมาตั้งอยู่ข้างๆ โชคดีที่เขาเรียกได้ว่าแทบจะเป็นพนักงานดีเด่นประจำบริษัท และเขาก็สามารถขอลาหยุดงานได้ยาวกว่าทุกคนในบริษัท ซึ่งเอกสารการขอลางานเพิ่งได้รับอนุมัติให้ผ่านเมื่อครู่นี้ ทำให้แบมแบมจำใจต้องยอมเร่งทำงานนี้ให้เสร็จเพื่อเตรียมตัวลาไปจัดการธุระทริปทัวร์ประเทศไทยของรุ่นพี่คนสนิทที่เป็นพี่บัดดี้สมัยเรียนมหาวิทยาลัยอย่างแจ็คสัน
บางทีก็อยากจะตะโกนให้โลกรับรู้เหลือเกินว่า…
แบมแบมเป็นคนนะ ไม่ใช่เครื่องจักร !
แฮ่... จบไปแล้วกับอินโทร (สาบานว่านี่คืออินโทร ???)
ภาษาอาจจะยังไม่สวยเท่าที่ควร แต่จะพยายามไปเรื่อยๆค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่หลงเข้ามาอ่าน ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ
ขอเตือนล่วงหน้าว่าฟิคเรื่องนี้มีหลายอารมณ์มากจริงๆค่ะ
ทีนี้ก็มารอลุ้นกันว่า คู่ไหนจะได้บทไหนไป
และใครจะลงเอยกับใคร
(อย่าเชื่อแท็กและรูปมาก ใส่ไว้เพื่อประดับบทความค่ะ)
จะคอมเม้นท์หรือไม่ก็แล้วแต่วิจารณญาณเลยค่ะ
แต่ถ้าขี้เกียจเม้นและอยากสกรีม เชิญได้ที่แท็ก #ฟิคโลกกลม ได้เลยค่ะ
เราจะรออ่านคอมเม้นท์จากทุกท่านอย่างใจจดใจจ่อนะคะ
PS. ตอนต่อไป อัพเมื่อครบ 7 คอมเม้นท์ค่ะ (เลขสวย)
ความคิดเห็น