คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ใหญ่แห้งไม่งอก : ชามที่สี่ (100%)
หลังจากส่งพี่ยุนกิ ยองแจ แทฮยองถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว ทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน ผมกับเพื่อนสนิทตัวเตี้ยเดินออกมาหน้าปากซอยเช่นเดิม จีมินโบกแท็กซี่เพื่อกลับไปตามทางของตนเอง ดังนั้นผมจึงเดินทอดน่องไปเรื่อยๆ จนเกือบถึงคอนโด ระหว่างทางที่เดินอยู่นั้น สมองสั่งการให้คิดวิธีการจีบพี่ยุนกิอย่างจริงจัง ต้องทำยังไงถึงคนตัวเล็กจะรู้สึกดีกับเขา
ผมก้าวเท้าออกจากลิฟท์
เดินตามทางเดินไปไขกุญแจห้องของตนเอง
ห้อง 0218
ร่างสูงดันประตูให้กว้างพอที่จะพาตัวเองเข้าไปได้หลังจากนั้นหันปิดประตูและกดล็อคเพื่อความปลอดภัย
โฮซอกถอดรองเท้าเดินไปโยนกระเป๋าที่โซฟาตามด้วยทิ้งตัวลงข้างๆ
“เฮ้ออออ” ผมถอนหายใจออกมาหลังจากใช้ความคิดอย่างหนัก
ผมไม่แน่ใจว่าพี่ยุนกิจะรู้รึยังเรื่องที่ผมแอบชอบพี่เขามาหกปี
แต่ข้อความในไลน์ที่ส่งมาวันนี้มันทำให้ผมแอบคิดเข้าข้างตัวเอง...
พี่เขาอาจจะคิดอะไรกับผมเหมือนกันมั้ง?
แต่คนอย่างพี่ยุนกิน่ะเหรอ
จะมาสนใจเด็กแบบผม... แค่คิดก็แค่นหัวเราะออกมาเพราะสมเพชตัวเอง
บางทีความรักของผมมันอาจจะไม่สมหวังแต่ก็ขอลองสักตั้งแล้วกัน คนอย่างจองโฮซอก ไม่มีคำว่า ‘กลัว’ อยู่ในพจนานุกรมอยู่แล้ว
คิดได้ดังนั้น
ผมเลยควานหาโทรศัพท์มือถือ หยิบขึ้นมากดเข้าแอพพลิเคชั่นยอดฮิตสีเขียว เลื่อนหาข้อความแชทที่เคยคุยกับพี่ยุนกิไว้
นอกจากจีมินแล้ว ก็มีพี่ยุนกินี่แหละคือคนที่เขาไม่เคยกดลบแชทเลย
เพราะอะไรน่ะเหรอ?
เพราะยามที่ย้อนอ่านข้อความที่คุยกัน
ถึงพี่เขาจะตอบสั้นแถมตอบไม่ตรงคำถาม บางทีก็ส่งข้อความมากวนใจผมบ้าง
แต่ผมก็ยิ้มออกมาได้ทุกทีที่อ่านเลยยังไงล่ะ
Hohope :
นอนรึยังครับ?
ผมส่งข้อความไปและนั่งจ้องหน้าจออยู่สักพัก
เห็นว่าพี่ยุนกิไม่มีท่าทีจะตอบกลับ ผมจึงวางโทรศัพท์ไว้ที่โซฟา
ตัดสินใจเดินหยิบผ้าเช็ดตัวและเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่ออาบน้ำ
หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว
ร่างสูงที่มีผ้าเช็ดตัวคาดเอวและมีผ้าขนหนูผืนเล็กแปะอยู่บนหัวนั้นชออกมาจากห้องน้ำ
หยิบเสื้อผ้าชุดนอนที่จะสวมใส่ในคืนนี้เดินกลับเข้าไปแต่งตัวในห้องน้ำอีกครั้ง
ตือดึง!
Minsuga : นอนแล้ว
เมื่อแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย
ผมใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กขยี้ผมของตนเองเดินเข้าไปดูโทรศัพท์เพราะได้ยินเสียงแจ้งเตือน
สไลด์จิ้มหน้าจออยู่สองสามทีก็เห็นว่าพี่ยุนกิตอบกลับมาแล้ว
Hohope : ถ้าพี่ยุนกินอนแล้วล่ะก็...
ตอนนี้ใครเป็นคนตอบครับ?
Minsuga : แมว
HoHope : ว้าว แฟนตาซีมาก!!! สวัสดีน้องแมว!
Minsuga :
คนอะไรคุยกับแมว เป็นบ้าเหรอ?
Hohope : ใช่
ตอนนี้กำลังเป็นบ้าเพราะคิดถึงคนที่กำลังตอบผมอยู่น่ะ 5555555555555555555555555555555555
หึหึ.. ปฏิบัติการจีบพี่ยุนกิ เริ่มได้!!!
Minsuga : ขอโทษที
เมื่อกี๊แมวพิมพ์
Hohope :
แมวตัวนั้นต้องน่ารักมากแน่ๆ
Minsuga :
แมวมันก็น่ารักทุกตัวเถอะ
Hohope : แต่แมวที่ชื่อมินยุนกิน่ะ น่ารักกว่าแมวทุกตัวบนโลกเลยนะครับ
Minsuga :
Hohope :
นี่คือวิธีแก้เขินของพี่เหรอ? 555555555555555555555555555555
เห็นสติ๊กเกอร์ที่คนตัวเล็กส่งมาก็หลุดขำออกมา
ดูไปดูมามันก็หน้าคล้ายพี่ยุนกิ ก็เจ้าตัวชอบทำหน้านิ่งเกือบตลอดเวลาเลยนี่นา
Minsuga : กวนประสาท!
Hohope : ไม่เอาอ่ะ
ผมไม่อยากกวนประสาทพี่ ผมอยากกวนใจมากกว่าว่ะ 5555555555555555555555
Minsuga : ไปนอนไป๊
น่ารำคาญจริงๆ
Hohope :
ผมรู้นะว่าพี่แอบยิ้มอยู่น่ะ หึหึ
Minsuga :
รู้ได้ยังไง นายเป็นตัวไรที่เกาะผ้าห่มฉันอยู่รึไงไอ่เด็กมีเงิง
Hohope : โหย
ผมขอเป็นผ้าห่มที่โอบกอดพี่ตอนนอนดีกว่า ไม่เป็นหรอก ตัวรงตัวไรอะไรนั่นอ่ะ
Minsuga : นายฝันอยู่เหรอ?
ตื่นซะเด็กน้อย
Hohope :
ไม่น้อยแล้วนะ โฮซอกไม่น้อยแล้ว ... ตอนนี้โตเต็มวัยแล้วครับพี่
Minsuga : นายมันโตแต่ตัว
สมองเท่าเม็ดถั่วเขียว
Hohope : แหม
ไม่ได้โตแค่ตัวนะพี่ อย่างอื่นของผมก็โตด้วย
Minsuga : นี่นายคิดอะไรทะลึ่งอยู่ใช่ไหม?
Hohope :
ผมไม่ได้คิดเลยนะ แหนะ! หรือพี่คิด?
Minsuga : ใช่
ฉันกำลังคิดว่า เมื่อไหร่นายจะเลิกกวนฉันแล้วไปนอนสักที
Hohope : อยากได้ยินเสียงคนแถวนี้บอกฝันดีก่อนนอนไง
Minsuga :
Hohope : ว้า! คืนนี้คงนอนไม่หลับแน่ๆ เลย
Minsuga Incoming call …
เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!
พี่ยุนกิคอลไลน์มา พี่ยุนกิคอลไลน์มา!!! ทุกคนครับพี่ยุนกิคอลไลน์มา!!!
ใจเย็นนะเว้ยโฮซอก
มึงต้องตั้งสติ กดรับสิว้ะ!!
หลังจากตะเกียดตะกายดีดดิ้นอยู่บนโซฟาด้วยความดีใจปนตกใจก็สั่งตัวเองให้ตั้งสติและกดรับทั้งทีมือสั่น
[ … ]
“…”
ใจผมเต้นแรงจนจะหลุดออกมาเต้นข้างนอกแล้วครับ !
[ เงียบทำไม ] เสียงนุ่มจากปลายสายทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินเสียงพี่ยุนกิผ่านทางโทรศัพท์ เสียงเล็กน่ารักมากเลย
อ่า... โฮซอกอยากจะกรี๊ดให้โลกแตก!
“ก็พี่เงียบก่อนอ่ะ
คอลมาแล้วเงียบใช้ได้ที่ไหนกัน”
[ งั้นฉันวางก็ได้
]
“ฮะ...เฮ้ย ผมล้อเล่น
อย่าวางนะ!”
ผมรีบพูดจนลิ้นแทบพันกันก่อนที่คนตัวเล็กนั่นจะกดวาง
[ อือ ]
“พี่ไม่นอนเหรอ?
ดึกแล้วนะ”
[ กำลังจะนอนแต่มีคนแถวนี้ส่งไลน์มากวนเลยยังไม่ได้นอนสักที
]
“พี่ยุนกิง่วงรึยังอ่ะ?”
[ ง่วงแล้ว ]
“งั้น... ผมไม่กวนพี่แล้วดีกว่า
พี่ไปนอนเถอะ”
[ อือ ]
“เอ่อ...
พรุ่งนี้ตอนเย็นจะแวะไปที่ร้านนะพี่ยุนกิ”
[ อือ ]
ผมยิ้มพลางขยี้ผมตัวเองเพื่อให้แห้ง
พาดผ้าขนหนูผืนเล็กไว้ที่โซฟา เดินเข้าไปเปิดไฟห้องนอนและล้มตัวลงที่เตียงกว้าง
“นอนเถอะ
ถ้าพี่นอนดึกหน้าพี่จะแก่เร็วนะ 555555555555555555”
ผมพูดพร้อมกลั้วหัวเราะเบาๆ
[ ฉันยังหน้าเด็กกว่านายอีก
คุยกับนายด้วยทีไรปวดหัวทุกที ]
“รบกวนปวดหัวต่อไปนะครับ
เพราะหลังจากนี้ผมคงจะคุยกับพี่บ่อยขึ้น”
[ ... ]
“ฝันดีนะครับพี่ยุนกิ”
[ อือ ]
“…”
[ ฝันดี ]
พี่ยุนกิกดวางไปแล้วแต่รอยยิ้มที่ใบหน้าผมยังคงอยู่
คำพูดของพี่เขาอาจจะดูห้วนไปบ้างแต่ผมก็ไม่ถือสาอะไรหรอก เพราะผมชินไปแล้วล่ะ
ในเมื่อมันคือตัวตนของพี่เขา ผมก็ไม่อยากให้พี่เขาเปลี่ยนแปลงอะไร
ที่รู้คือคืนนี้ผมคงนอนหลับฝันดียิ่งกว่าทุกวัน เสียงนุ่มที่บอกฝันดีในคืนนี้เป็นสองคำสั้นๆ
ที่ผมอยากได้ยินอีก ถ้ารู้ว่าจะได้ยินคำบอกฝันดีจากพี่ยุนกิแบบนี้ ผมคงลงมือจีบจริงจังไปนานแล้วล่ะครับ
ร่างสูงลุกขึ้นเดินไปปิดไฟแล้วกลับมานอนบนเตียงที่เดิม
ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวแล้วกอดรัดหมอนข้างแทนคนตัวเล็กในความคิด ถ้าเปลี่ยนหมอนข้างเป็นพี่ยุนกิได้ก็คงดีไม่ใช่น้อยเลยล่ะเนอะ
.
.
.
.
.
.
04.00 น.
โฮซอกดับเครื่องลูกชายคู่ใจ
BMW 118i สีดำไว้ข้างถนน เขาไม่ค่อยได้นำออกมาใช้เท่าไหร่เพราะไม่อยากให้ใครรู้นัก
จากนั้นเดินหิ้วถุงของกินสองสามถุงเดินสาวเท้าไปยังบ้านในซอยด้วยความเงียบ
หลังจากที่ได้คุยกับคนตัวเล็กเมื่อคืน
จู่ๆ ผมรู้สึกตัวตื่นมาตอนตีสาม รีบอาบน้ำแปรงฟันออกจากคอนโดหาซื้ออาหารสำหรับมื้อเช้าสองสามอย่าง
ปกติแล้วถึงจะมีเรียนก็ไม่เคยตื่นเช้าขนาดนี้
ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมตื่นขึ้นมาเหมือนกัน
รู้ตัวอีกทีก็จอดรถอยู่แถวบ้านพี่ยุนกิแล้วนี่ล่ะ
จะขับรถไปจอดหน้าบ้านก็กลัวเสียงดังจนชาวบ้านแถวนี้ตื่น
แถมกลัวพี่ยุนกิจะรู้ด้วย ผมเลยเลือกที่จะจอดรถไว้หน้าปากซอยและเดินเข้ามาแทน
ฟิ้วววว ...
อื้อหือ! ลมพัดทีหนึ่งนี่ขนลุกไปหมดเลยครับ
เพิ่งรู้ว่าอากาศเวลานี้มันหนาว
ถ้ารู้ว่ามันอากาศแบบนี้ผมไม่ใส่เสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นเหนือเข่าออกมาแบบนี้หรอก!
เพราะอากาศที่หนาวเย็นทำให้ร่างสูงรีบสาวเท้าให้เร็วขึ้นและเดินได้ไม่นานก็ถึงบ้านของมินยุนกิ
โฮซอกนำถุงของกินที่ซื้อติดมือมาแขวนไว้หน้าประตูบ้านของคนตัวเล็กพร้อมแปะแผ่นโพสอิทที่หน้าถุง
ชะเง้อมองเข้าไปในบ้านพบแต่เพียงความมืด
อ่า
โชคดีชะมัดที่มาถึงก่อนครอบครัวของพี่ยุนกิจะตื่นกัน
ผมคิดว่าบ้านนี้คงตื่นกันเช้ามากแน่ๆ
เพราะต้องไปซื้อของที่ตลาดเตรียมทำขายก๋วยเตี๋ยวตอนเย็น
หลังจากยืนคิดอะไรเพลินๆ
อยู่ได้สักพัก ผมคิดว่าควรจะกลับได้แล้ว จึงหันหลังเดินกลับแต่ก็ต้องยืนนิ่งอีกครั้ง
นึกขึ้นได้ว่าบ้านของแทฮยองอยู่ใกล้กับพี่ยุนกิเลยนี่หว่า...
“รู้อย่างนี้ซื้อเผื่อแทแทด้วยซะก็ดี
ลืมไปได้ยังไงกันว้ะ” ผมบ่นกับตัวเองเงียบๆ พลางขยี้ผมตัวเอง
วันนี้ตั้งแต่ตื่นมาก็คิดถึงแต่พี่ยุนกิคนเดียวเลย
เอาไว้วันหลังแล้วกันนะแทแท โฮซอกจะไม่ลืมแน่นอน!
ผมเดินกลับไปที่ลูกชายที่จอดอยู่ข้างถนนหน้าปากซอยของตนเอง
ขับไปเรื่อยๆ เพื่อกลับคอนโด
ใช้เวลาไม่นานร่างสูงจอดรถใต้ตึกคอนโด
ลงจากเจ้าลูกชายคันสีดำ มือซ้ายล้วงกระเป๋า
ส่วนมือขวาควงกุญแจรถเดินขึ้นไปยังห้องของตนเอง
วันนี้รู้สึกว่าชีวิตดี๊ดี
ใครด่าตอนนี้ก็ไม่โกธรครับบอกเลย ผมจะยิ้มรับด้วยซ้ำ 555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555
ใช้เวลาเพียงสองนาทีร่างสูงก็ถึงที่หมายปลายทางคือห้อง
0218 นั่นเอง
เมื่อเดินเข้าไปในห้องแล้วมองดูเวลา มันเพิ่งจะตีห้าเองเหรอ?
“นอนอีกสักรอบแล้วค่อยตื่นไปมหาลัยแล้วกัน”
คิดได้ดังนั้นผมเดินเข้าไปล้มตัวนอนบนเตียง
หลับตาลงได้ไม่นานร่างสูงก็เข้าสู่ห้วงนิทรา
.
.
.
.
.
.
“อาตี๋!!! ไม่รู้ใครเอาอะไรมาแขวนหน้าบ้าน ลื้อตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะ!!!”
เสียงทุ้มของประมุขประจำบ้านดังขึ้นจนทำให้ลูกชายผิวขาวนอนหลับอยู่บนเตียงสะดุ้งตื่น
“โอ๊ย
เตี่ยเสียงดังอะไรแต่เช้าว้ะเนี่ย” มินยุนกิลุกขึ้นนั่งยีผมตัวเองด้วยความขัดใจ
ก่อนจะก้าวเท้าลงจากเตียงเดินสะลึมสะลือออกจากห้องนอนเพื่อลงตามเสียง
“มีอะไรเหรอพี่เฮีย?”
ยองแจเปิดประตูโผล่หน้าออกมาถามร่างเล็กที่กำลังเดินผ่านห้องตนเอง
“ไม่รู้เหมือนกัน
เฮียกำลังจะลงไปดูเนี่ย ลื้อนอนต่อเถอะ มีเรียนตอนบ่ายไม่ใช่เหรอหืม?” ยุนกิปรือตามองยองแจที่ยืนทำหน้ามึนไม่ต่างจากเขาเท่าไหร่
“อ่า ใช่ครับ
งั้นผมขอไปนอนต่อนะ” ยองแจพูดจบใช้มือปิดประตู
เดินกลับไปล้มตัวลงนอนต่อ
ร่างเล็กเห็นลูกพี่ลูกน้องที่ปิดประตูห้องนอนเรียบร้อยแล้วก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย
ยองแจเป็นเด็กน่ารัก หลังจากที่ย้ายมาอยู่บ้านผมเพราะมันอยู่ใกล้มหาลัย
ผมรู้สึกดีใจมาก เพราะผมเป็นลูกชายคนเดียว
มียองแจเพิ่มเข้ามาทำให้ไม่เหงาเหมือนเมื่อก่อน
ยุนกิเดินลงบันไดไปข้างล่างเห็นพ่อตนเองทำท่าลับๆ
ล่อๆ อยู่ข้างกำแพงยื่นหน้าออกไปดูนอกบ้านทางหน้าต่างแล้วก็กลับมาหลบหลังกำแพงเช่นเดิม
นี่เตี่ยเล่นอะไรแต่เช้า มันกวนเวลานอนของเขามากเลยนะ
“มีอะไรอ่ะเตี่ย
เสียงดังแต่เช้าเลย” ผมเอ่ยถามหลังจากเดินเข้าไปใกล้
“ลื้อดูหน้าประตูรัวสิ
มีใครเอาถุงอะไรมาแขวน จะใช่ระเบิดรึเปล่าก็ไม่รู้!!!”
“โหย
ใครมันจะเอาระเบิดมาแขวน ไม่มีหรอก เตี่ยก็แค่เดินออกไปดูดิ ไม่เห็นต้องเรียกอั๊วเลยอ่ะ” แค่ถุงสองสามถุงเอง เตี่ยคิดได้ยังไงว่ามีใครเอาระเบิดมาแขวน
ผมล่ะปวดหัวเลย
“ลื้อเข้าไปดูสิ
อั๊วกลัว!” ชายร่างท้วมส่ายหัวปฏิเสธอย่างกล้าๆ กลัวๆ
พร้อมดันร่างลูกชายให้เดินออกไป
“เฮ้อ ก็ได้
อั๊วไปดูเองก็ได้” ร่างเล็กเดินออกไปหยิบถุง
เมื่อกางออกดูของข้างในทำได้แค่กรอกตาแล้วหันไปบอกกับพ่อตนเอง
“น้ำเต้าหู ข้าวต้มกุ้ง
หมูปิ้ง ซาลาเปา ขนมจีบปู มันใช่ระเบิดที่ไหน เตี่ยมาดูดิ” ผมกวักมือเรียกผู้เป็นพ่อ
“แน่ใจเหรอ ลื้อดูดิๆ
นะ”
“แน่ใจดิ ถุงสีขาวโลโก้เซเว่นเนี่ย เซเว่นบ้านเตี่ยขายระเบิดเหรอ?”
“กวนละอาตี๋ ไหนอั๊วขอดูหน่อย” ชายร่างท้วมเดินเข้าไปหาลูกชายชะเง้อหน้ามองเข้าไปในถุงที่ยุนกิกางไว้
“สบายใจรึยังเตี่ย
ผมจะได้ไปนอนต่อ” ผมยื่นถุงให้พ่อตนเอง
“ใครมันเอามาแขวนไว้
ทำเอาอั๊วตกใจหมดเลย”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน
ถ้าเตี่ยไม่กิน วางไว้บนโต๊ะในห้องครัวก็ได้
เดี๋ยวผมกับยองแจค่อยตื่นลงมาจัดการเอง ขอตัวไปนอนก่อนนะเตี่ย” ผมยัดของกินสองสามถุงใส่มือพ่อแล้วเดินขึ้นห้องเพื่อนอนต่อ
ตือดึง!
JR.ซิ่งไม่หยุด : อรุณสวัสดิ์จ้ะคนสวย อย่าลืมทานข้าวเช้านะจ้ะ
ผมเดินไปมองดูหน้าจอโทรศัพท์
ใครส่งอะไรมาแต่เช้าอีกวะเนี่ยยยยยยยยยย ผมอยากนอน!
JR.ซิ่งไม่หยุด... ใครว้ะ?
Minsuga : คุณคือใคร?
JR.ซิ่งไม่หยุด : เจอกันเมื่อวานแท้ๆ ลืมกันได้ลงคอ เสียใจจุง
Minsuga : ใครว้ะ?
JR.ซิ่งไม่หยุด : คนที่คุณก็รู้ว่าใคร
Minsuga :
ถ้าจะกวนประสาทฉันจะบล็อกแล้วนะ
JR.ซิ่งไม่หยุด : ผมคือคนที่เมื่อวานตอนเย็นขอไอดีไลน์คนสวยไงจ้ะ
Minsuga :
อ๋อ สงสัยอยากโดนตบอีกสินะถึงยังปากเสียแบบนี้
JR.ซิ่งไม่หยุด : ถ้าตบด้วยความรักถึงจะยอมนะครัช!
Minsuga : กวนตีนเหรอ?
JR.ซิ่งไม่หยุด : เปล่ากวนเลยคร้าบบบบบบบบบบบ
ดูสิ! ขนาดมันไม่กวนนะ
ถ้ามันกวนจะขนาดไหน?
Minsuga : เอาที่นายสบายใจ
JR.ซิ่งไม่หยุด : นี่แหละคร้าบ ได้คุยกับคนสวยผมสบายใจแล้วจ้า อย่าลืมทานมื้อเช้านะ
ย้ำทำไมสองรอบ? หรือคนที่เอาของกินมาแขวนไว้คือเขา? ต้องใช่แน่ๆ คงไม่มีใครเล่นแปลกๆ แบบมันแน่
Minsuga : อือ ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็บายนะ
ฉันจะนอนต่อแล้ว
ผมตอบกลับ
กดล็อคหน้าจอวางโทรศัพท์ไว้ที่โต๊ะข้างเตียง จากนั้นทิ้งตัวลงนอน
ดึงผ้าห่มขึ้นมาเอาหน้าซุก
อ่า... การนอน คือ สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผมจริงๆ
.
.
.
.
.
.
นักศึกษาปีหนึ่งแต่ละคนที่เดินออกจากห้องเรียนด้วยท่าทางอิดโรย
รวมถึงสามหนุ่มโฮซอก จีมิน และแทฮยองด้วยเช่นกัน
วันนี้พวกเขาเรียนตั้งแต่สิบโมงถึงห้าโมงเย็นโดยที่ไม่ได้แม้แต่พักกินข้าวด้วยซ้ำ
ทำให้แต่ละคนหมดสภาพดูอ่อนแรงกันเช่นนี้
“โอ๊ย กว่าจะเลิกคลาส
ถ้าอาจารย์สอนต่ออีกสักห้านาทีฉันร้องไห้แน่ๆ”
แทฮยองทำหน้างอแงเดินห่อไหล่โดยมีโฮซอกและจีมินประกบทั้งสองข้าง
“มานี่แทแทฉันช่วยถือกระเป๋าให้” จีมินดึงกระเป๋าของร่างบางมาพาดไว้บนไหล่
“ขอบใจนะจีมิน” แทฮยองยิ้มบางส่งให้เพื่อนตัวอวบ
“ไปคอนโดฉันกัน
แทแทจะได้ไปช่วยทำความสะอาดห้องตามที่ตกลงกันไว้”
ผมเดินล้วงกระเป๋าพลางบอกให้เพื่อนทั้งสองคนไปยังคอนโดของผม
“กูรู้นะว่ามึงคิดอะไร
ไม่เห็นต้องทำเป็นบอกว่าจะให้แทแทไปช่วยทำความสะอาดเลยไอ่หน้าม้า ” จีมินยักคิ้วกวนประสาทให้เพื่อนตัวสูง
“หึ แสนรู้จริงๆ
นะมึงน่ะ ไหนขอมือหน่อยสิ๊ 555555555555555555555555555555555555” ในเมื่อมึงกวนประสาทกูก่อน กูก็จะกวนประสาทมึงกลับนะเพื่อนรัก
“กูไม่ใช่หมาไอ่เหี้ยโฮป” จีมินเอื้อมมืออ้อมหลังแทฮยนองจะตีผม แต่ผมดันหลบได้ซะก่อน
“อย่ามัวแต่เถียงกันเลย
ไปกันเถอะ ฉันจะได้รีบทำรีบกลับ หิวมากๆ อ่ะ”
แทฮยองห้ามทัพก่อนที่เพื่อนทั้งสองจะเถียงกันนานกว่านี้ เขาแทบจะสลบเพราะการเรียนวันนี้คงดูดพลังงานของเขาไปด้วย
“ไปแท็กซี่แล้วกัน
ไม่ไกลมากหรอก” ผมว่าพลางเดินนำไปหน้ามหาลัย
ร่างสูงโบกแท็กซี่บอกปลายทางที่จะไปหลังจากนั้นทั้งสามคนก็มุ่งหน้าไปยังคอนโดของโฮซอก
พวกเขาใช้เวลาร่วมกันจนกระทั่งจองกุกมาที่คอนโดของโฮซอกในตอนเย็น
บรรยาการศกระอักกระอ่วนที่เกิดจากเจ้าของห้องทำให้ต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้านเหลือเพียงเจ้าของห้องที่ยังคงยืนอยู่ที่ระเบียงห้อง
“เป็นห่าอะไรมึง”
“....”
“นี่เครียดจนต้องสูบบุหรี่เลยรึไง
ไหนบอกกูว่าเลิกแล้ว”
“เรื่องของกู”
โฮซอกตอบกลับโดยไม่หันมามอง
“นี่มึงไม่เห็นกูเป็นเพื่อนแล้วใช่ไหมเจโฮป”
“เฮ้อ.. กูเป็นห่วงแทแทว่ะ”
โฮซอกถอนหายใจหนึ่งทีก่อนจะหันหน้ามาคุยกับเพื่อนรัก
“มึงแน่ใจ?” จิมินถาม
“แน่ใจอะไรของมึง ไอ่เตี้ย”
“แน่ใจว่ามึงห่วง ไม่ใช่หึง!!”
ร่างอวบกระแทกเสียง
“เอ่อ นี่มึงรู้?”
“กูเป็นเพื่อนมึงมากี่ปี
ทำไมกูจะดูไม่ออกว่ามึงอ่ะเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อกับแทฮยอง”
“เฮ้อ...” โฮซอกถอนหายใจอีกครั้ง
“กูรู้แค่กูไม่พูดเท่านั้นแหละเพื่อนรัก
กูสงสัยมาสักพักแต่ก็มั่นใจวันนี้แหละ”
“กูควรทำไง?”
“มึงควรถามใจตัวเอง
ไม่ใช่มาถามกูนะ”
“กูไม่รู้จะทำยังไงว่ะ
พี่ยุนกิกูก็ชอบของกูมาหลายปี ส่วนแทแทกูก็ชอบ อยู่กับแทแทแล้วทำให้กูยิ้มตลอดเลย
กูไม่ได้อยากเป็นแบบนี้เลยนะมึง ไม่งั้นกูไม่เครียดจนมาดูดหรี่หรอกเนี่ย”
โฮซอกพยายามอธิบายความสับสนในใจ
“มึงใจเย็นเว้ย
อย่าใช้สมอง เรื่องแบบนี้มึงต้องถามใจตัวเองดู เชื่อกูดิ”
จิมินเข้าไปตบบ่าเพื่อนรักเบาๆ
“เฮ้อออออ.....”
“มึงลองคิดว่า
ถ้าไม่มีพี่ยุนกิ กับไม่มีแทฮยอง อย่างไหนมันทรมานกว่ากัน
ความรักมันห้ามกันไม่ได้นะเจโฮป แต่ถ้ามึงรักคนสองคนพร้อมกัน มึงควรห้ามหัวใจตัวเองให้เหลือแค่คนเดียว”
คำพูดของจีมินที่คุยกันก่อนมันจะกลับบ้านไปยังคงวนเวียนอยู่ในความคิดผม
ตอนนี้ผมสับสนไปหมด ทั้งเรื่องของพี่ยุนกิและเรื่องของแทฮยอง
ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนโลเลมาก่อนจนกระทั่งวันนี้
ยิ่งคิดผมก็ยิ่งเครียด
แถมดูจากวันนี้แล้วจองกุกน่าจะชอบแทฮยองเพื่อนผมอีกด้วย ผมไม่อยากทำให้จองกุกเสียใจ
แต่ผมเองก็ไม่อยากเสียใจเหมือนกัน
มาร์ลโบโร่ไอซ์บลาสกล่องสีดำถูกขึ้นมาด้วยมือของร่างสูง
ไม่นานนักควันสีเทาลอยออกฟุ้งจากการกระทำของโฮซอก
หลังจากที่เคยเลิกสูบบุหรี่ไปนานแล้ว แต่กลับต้องมาใช้มันเพราะความเครียดอีกครั้ง
ผมชัดเจนกับการแอบชอบพี่ยุนกิมาตลอดหกปี
แต่มาวันนี้เพิ่งรู้ตัวว่าเผลอหวั่นไหวกับแทฮยองเพื่อนของผมเอง ...
เหี้ยเอ้ย!
คิดแล้วอยากจะกระโดดลงจากระเบียงจริงๆ
ไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้...
ผมไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย การที่เรารักคนสองคนไปพร้อมกันมันเป็นไปไม่ได้
ผมเชื่อแบบนั้น แต่ผมควรจะทำยังไงกับความรู้สึกนี้ล่ะ?
ผมควรจัดการกับความรู้สึกตัวเองยัง?
ตือดึง!
VtaehyungV : โฮซอกอ่า..
ฉันขอโทษนะที่ไม่ได้ลาก่อนกลับ
ผมยืนนิ่งมองแจ้งเตือนที่สว่างขึ้นจากหน้าจอโทรศัพท์...
เฮ้อ ให้ตายสิ วันนี้ผมเผลอทำเรื่องไม่ดีออกไปโดยไม่รู้ตัว ผมมันแย่จริงๆ
ปลดปล่อยความเครียดไปกับมาร์ลโบโร่ในมืออยู่ประมาณสิบห้านาที
ร่างสูงก็ขยี้ก้นบุหรี่ทิ้งในที่เขี่ยบุหรี่ข้างกระถางต้นไม้
จากนั้นตอบข้อความของแทฮยองกลับ
Hohope : ขอโทษทำไมล่ะ
ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษแทแท
VtaehyungV : โฮซอกจะขอโทษฉันทำไมล่ะ?
Hohope : ก็ที่ฉันทำกิริยาไม่ดีออกไปไง
ที่ฉันหงุดหงิด แต่ทั้งหมดเป็นเพราะแทแทนะ
VtaehyungV : เพราะฉัน?
ฉันทำอะไรให้นายไม่พอใจจริงๆสินะ ฉันขอโทษ
Hohope : ฉันหึงแทแท
VtaehyungV : หึงฉัน?
Hohope : ฉันจะบอกว่าหวงน่ะ
ไอโฟนมันเลือกคำให้ผิด คือฉันหวงเพื่อนน่ะ เวลามีคนมาจีบไอ่จีมินฉันก็หวงแบบนี้แหละ
แทแทไม่ต้องคิดมากนะ
VtaehyungV : อ๋อ อย่างนี้นี่เอง
ฉันก็ว่าอยู่ เป็นเพื่อนจะมาหึงกันทำไม
Hohope : ใช่ๆ เราเป็นเพื่อนกัน
VtaehyungV : อาฮะ
ฉันไม่กวนโฮซอกแล้วล่ะ ฝันดีนะเพื่อน
Hohope : ฝันดีนะแทแท
ผมเดินถือโทรศัพท์ไปหยิบกุญแจรถยนต์ราคาแพงของตนเองและขับไปที่จอดที่หน้าบ้านของจองกุก
หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนหารายชื่อได้ไม่นานก็ทักไปทันที
Hohope : ไอ้จอน นอนรึยัง?
JeonJK : กำลังจะนอน
ลูกพี่มีอะไรเหรอจ้ะ
Hohope : พี่ขอคุยอะไรด้วยหน่อย
เรื่องแทแท ออกมาหน้าบ้านหน่อย
ทันทีที่ผมส่งข้อความไป
ร่างสูงของน้องคนสนิทก็เดินออกมาหน้าบ้านทั้งชุดนอน
“ลูกพี่ชอบพี่วีใช่ไหม?”
จองกุกเอ่ยถามทันทีที่เจอหน้าโฮซอก
“เออชอบ
แต่ความรู้สึกมันยังแค่เริ่มต้น”
“แล้วพี่ยุนกิ?”
“ก็ยังชอบอยู่เหมือนเดิม”
“ถ้าพี่ชอบพี่วี
ก็ควรเลิกชอบพี่ยุนกิแล้วหันมาจริงจังกับพี่วีคนเดียว
จอนไม่อยากเห็นพี่วีต้องเสียใจถ้าเกิดพี่วีเขาชอบลูกพี่จริงๆ”
จองกุกพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ถ้าแทแทเขาชอบพี่
จะหลีกทางให้รึไง?” ผมถามกลับ
“ก็ถ้าพี่วีเขามีความสุขกับคนที่เขารัก
จอนก็ยินดี แค่พี่วีมีความสุขก็พอ”
“นี่ชอบเขามากใช่ไหม
จริงจังมากสินะ” ผมถามต่อ
“ชอบจนตอนนี้คิดว่ามันเริ่มกลายเป็นความรักแล้วอ่ะลูกพี่
อยากทำทุกอย่างให้พี่วีมีความสุข ไม่คิดครอบครอง แค่อยากดูแล อยากให้พี่วียิ้ม
แบบนี้เรียกว่าความรักใช่มั้ยอ่ะ”
จองกุกตอบผมด้วยรอยยิ้ม
ทำให้ผมรู้สึกว่า ผมควรหลีกทางให้เด็กคนนี้มีความสุขกับเพื่อนของผม
ผมยอมแพ้แล้วล่ะ
“ถ้าจริงจังกับแทแท
พี่ก็จะจัดการกับความรู้สึกของตัวเอง ของพี่มันแค่เริ่มต้นไม่เป็นไรหรอก”
“โห
ลูกพี่ไม่ต้องมาทำตัวเป็นพระเอกหลีกทางให้จอนหรอก ชอบพี่วีก็จีบ
แต่คงยากหน่อยเพราะมีจอนเป็นคู่แข่ง5555555555555555555”
“มึงนี่มันกวนตีน” ผมพูดพลางผลักหัวจองกุกเบาๆ
“ก็เหมือนลูกพี่แหละ
นี่สืบถอดมาจากลูกพี่โฮซอกเลยจ้ะ”
“แทนที่จะรับสิ่งดีจากพี่ไปนะไอ้จอน
หมดธุระแล้วเข้าบ้านไปนอนไป”
โฮซอกไล่อีกคนก่อนจะเปิดประตูรถยนต์สีดำคันหรู
ยืนพิงรถหันหน้าไปหาจอกกุกอีกครั้ง
“กลับดีๆ นะลูกพี่”
“อืม
เออพี่เกือบลืม เวลาแทแทเขาคุยไลน์กับมึงอ่ะ เขายิ้มตลอดเลยนะ”
“เห้ย จริงดิ
ลูกพี่อย่าหลอกให้จอนดีใจเก้อนะ”
ผมเห็นจองกุกทำตาโตด้วยความตกใจและดีใจ จนทำให้ผมหลุดขำออกมา
“เออ
มึงก็ดูแลเพื่อนพี่ให้ดีล้ะกัน วันไหนทำแทแทเสียใจเมื่อไหร่ ตายแน่ไอ้จอน”
โฮซอกพูดจบก็ขึ้นรถก่อนจะปิดประตู
และขับรถออกไป ผมขับรถเรื่อยๆ โดยไม่มีจุดหมาย
รู้แค่ว่าตอนนี้ผมยังไม่อยากกลับคอนโด
หันมองรอบข้างอีกทีก็มาจอดรถอยู่ริมแม่น้ำ
เห็นพื้นหญ้าสีเขียวสะบัดไปมาตามแรงลงทำให้ผมเปิดประตูลงจากรถเดินไปนั่งท่ามกลางความมืด
สายลมที่พัดมาอ่อนๆ
ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายเล็กน้อย มันต้องบ้ามากแน่ๆ ที่ดึกดื่นป่านนี้ยังนั่งอยู่
ใครผ่านมาคงตกใจคิดว่าเป็นผี แต่ใครจะสนใจล่ะ?
หลังจากนี้ไปผมจะขีดเส้นระหว่างผมและแทฮยองเอาไว้
เพื่อไม่ให้ตัวเองก้าวผ่านไปและแทฮยองเผลอก้าวเข้ามา การที่ทำแบบนี้มันเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว
ผมไม่เคยเห็นจองกุกจริงจังกับใครมาก่อนจนกระทั่งมันเจอกับแทฮยอง
ความรักของผมที่มีต่อจองกุกมันมีมากจนผมไม่สามารถยอมให้คนที่เปรียบเสมือนน้องชายของผมเองต้องพบกับความเสียใจที่เกิดจากความโลเลของผม
นอกจากจีมินและก็มีจองกุกนี่แหละที่คอยอยู่ข้างผมเสมอหลังจากที่ผมต้องพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิต...
เมื่อนึกถึงเรื่องนั้นอีกครั้งผมก็พาลน้ำตาจะไหลขึ้นมา
คิดถึง... ผมคิดถึงอ้อมกอดที่อบอุ่น ผมคิดถึงเสียงไพเราะและรอยยิ้มหวานที่คอยส่งยิ้มมาให้ผมทุกครั้ง
ผมคิดถึงแม่นะครับ ผมคิดถึงแม่มากๆ เลย ...
ร่างสูงปาดน้ำตาออกจากใบหน้าที่หยดลงมาจากดวงตา
เงยหน้ามองท้องฟ้าพบแสงสว่างระยิบระยับจากดวงดาว
“แม่คงคอยมองผมอยู่ใช่ไหม?
ผมคิดถึงแม่นะครับ...”
การที่ผมร้องไห้ออกมาแบบนี้มันทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอทุกครั้งยามที่นึกถึงแม่
แต่มันก็ห้ามไม่ได้จริงๆ
การสูญเสียที่ทำให้ผมต้องแยกออกมาอยู่คอนโดคนเดียวเพื่อไม่ให้ต้องทนเห็นภาพซ้ำๆ
ของแม่ที่มีเต็มภายในบ้านไปหมด มันก็ไม่ช่วยให้ดีขึ้นเลย
เพราะในความคิดผมยังคงเห็นรอยยิ้มของแม่อยู่เสมอ
อุบัติเหตุรถชนที่พรากชีวิตของแม่ผมไปทำให้ผมเกลียดความประมาทและความเร็ว
ผมเหมือนคนบ้าไปชั่วขณะ ไม่พูดไม่จากับใคร ไม่กินข้าวกินปลาและขังตัวเองอยู่ในห้อง
ปิดกั้นทุกทางที่มันทำให้ผมต้องรับรู้เรื่องราวร้ายๆ
และโทษโชคชะตาที่ทำให้แม่ต้องจากผมไป มีอยู่ช่วงหนึ่งมันทำให้ผมไม่กล้าที่จะขับรถไปไหนเองจนต้องพึ่งรถโดยสารประจำทางแทน
เมื่อหายจากอาการกลัว ทุกครั้งที่ขับรถเองผมเตือนตัวเองเสมอให้มีสติและไม่ประมาท
ยั้งตัวเองไม่ให้ขับรถเร็วจนเกินไป
กว่าผมจะก้าวผ่านความเสียใจครั้งนั้นไปได้
มีจีมินและจองกุกคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง คอยแวะเวียนมานอนเป็นเพื่อนตอนกลางคืน
คอยพาไปกินข้าว พาไปเที่ยว คอยสร้างเรื่องตลกๆ ให้ผมยิ้มได้ คอยเยียวยาหัวใจและคอยให้กำลังใจจนผมทำใจได้
ผมยังนึกขอบคุณทั้งสองคนทุกครั้งที่ทำให้ผมกลับมาเป็นผู้เป็นคนเหมือนเดิม เรื่องราวที่ผ่านมามันทำให้ผมรักจีมินมากและรักจองกุกมากเหมือนน้องชายแท้ๆ
ผมจะไม่ยอมให้เรื่องของผมและแทฮยองทำลายความสัมพันธ์ดีๆ
ระหว่างพวกผมเด็ดขาด เพราะฉะนั้น ผมจะจัดการความรู้สึกของตนเองและหันไปจริงจังกับพี่ยุนกิคนที่แอบชอบมาตลอดหกปี
ปล่อยให้สายลมพาเรื่องเศร้าออกไป ร่างสูงพูดกับดาวบนฟ้าอีกครั้ง
“ผมจะเข้มแข็งและใช้ชีวิตเพื่อแม่ต่อไป
แม่เป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ ผมรักแม่นะ”
หลังจากใช้เวลาปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความคิดนานนับชั่วโมง
ร่างสูงลุกขึ้นเดินกลับไปยังรถคันสีดำและขับกลับคอนโด
.
.
.
.
.
“อ่ะแฮ่ม!
สวัสดีตอนเย็นครับน้องๆ หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นยังไงกันบ้างครับ? วันนี้ที่พี่นัดน้องๆ
มาคงยังไม่ลืมกันใช่ไหมว่าพี่นัดมาเรื่องอะไร? เอาล่ะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา
ไหนใครยังหาพี่รหัสของตัวเองยังไม่เจอบ้างยกมือขึ้นครับ” มาร์คต้วนกอดออกยืนมองรุ่นน้องด้วยรอยยิ้ม
รุ่นน้องค่อยๆ ถยอยยกมือขึ้นที่ละคนสองคน จนนับได้ประมาณสิบกว่าคนที่ยังคงหาพี่รหัสตนเองไม่เจอ
“ว้าว
ปีนี้ถือว่าหาเจอกันเยอะเลยนะ ที่พี่ให้น้องๆ ไปหานั่นคือปีสี่
ส่วนปีสองและปีสามเดี๋ยวจะให้มาแนะนำตามสายรหัสของตัวเองแล้วกัน ส่วนใครที่ยังไม่เจอลุกขึ้นออกมายืนข้างหน้าเลยครับ
พี่จะลงโทษ” ร่างสูงของมาร์คผายมือออกข้างๆ
เว้นระยะให้รุ่นน้องได้ออกมายืนกัน
รุ่นน้องต่างลุกขึ้นมายืนก้มหน้าเงียบๆ
เพราะกลัวบทลงโทษของรุ่นพี่ แจ็คสันที่ยืนถือกระดาษโพสอิทยื่นไปให้เพื่อนหน้าหล่อ
“บทลงโทษ คือ พี่จะให้น้องๆ
เล่นเกมส่งแผ่นกระดาษโดยใช้ปากไปเรื่อยๆ ให้ยืนสลับกับพี่รหัสของตัวเองครับ
ไม่ต้องกลัวหรอกครับ เด็กบริหารแบบพวกเราไม่ลงโทษรุนแรงขนาดนั้น พี่รหัสครับช่วยเฉลยและไปยืนข้างและน้องลงข้างๆ
น้องรหัสเลยครับผม”
รุ่นพี่ต่างเดินเข้าไปนั่งรวมกลุ่มกับรุ่นน้องและบางคนเดินไปยืนอยู่ข้างน้องรหัสที่ตัวเองที่ยังหาพี่รหัสไม่เจอ
ทำให้น้องบางคนถึงกับยกมือขึ้นกุมหัว ก็บางคนสงสัยแต่ไม่คิดว่าจะใช่พี่รหัสตัวเองนี่หว่า
แจ็คสันและดาซมเองก็เดินเข้าไปนั่งข้างแทฮยองและจีมิน
เว้นพื้นที่ว่างข้างโฮซอกไว้เพราะพี่รหัสของโฮซอกยังยืนแหกปากอยู่ด้านหน้านั่นไง
“เราว่าดูน้องที่โดนลงโทษกันดีกว่า
ไม่ต้องสงสัยหรอกว่าทำไมพี่ๆ ถึงโดนลงโทษด้วย เพราะคณะเรา ถ้าน้องโดน
พี่ก็ต้องโดนครับ เริ่มกันได้เลย”
ตำแหน่งที่ยืนนั้นสลับกันทั้งชายหญิง หญิงหญิง
หรือชายชายก็มี
ทำให้ทุกคนต่างสงเสียงแซวกันอย่างสนุกสนานที่เห็นบางคนทำกระดาษหล่นจนปากแตะโดนกัน เล่นเกมบทลงโทษนี้กันไปเรื่อยๆ
บางคนถึงกับนั่งบิดตัวเขินแทนคนเล่นด้วยซ้ำ
ก็เด็กคณะบริหารหน้าตาดีน้อยซะที่ไหนล่ะ แถมยังมีเกมอื่นๆ ให้เล่นกันอีกด้วย
เมื่อความสนุกหมดลงและความมืดเริ่มคลานเข้ามา
มาร์คสั่งให้รุ่นน้องกลับนั่งรวมกลุ่มแบบเดิม
“มีอีกหนึ่งเรื่องที่พี่จะพูดคือ
คณะเรามีประกวดดาวเดือน พี่อยากให้น้องๆ ให้ความร่วมมือด้วยนะครับ
เมื่อเลือกกันได้แล้วพี่จะให้ปีสองคอยดูแลเรื่องนี้แล้วกันนะ กลับบ้านได้ครับน้องๆ
ตั้งใจทบทวนบทเรียนกันด้วยนะครับ”
มาร์คปล่อยให้รุ่นน้องได้กลับไปพักผ่อนกันตามสบายและเดินเข้าไปหาโฮซอก
จีมินและแทฮยองที่ยืนคุยอยู่กับแจ็คสันและดาซม
“พี่อยากให้เราลงประกวดเดือนนะแทฮยอง” แจ็คสันบอกกับแทฮยองน้องรหัสของตนเอง
“โหย ผมไม่กล้าอ่ะพี่แจ็คสัน
แถมยังหน้าตาไม่ดีด้วย ไม่เอาหรอก” แทฮยองส่ายหัวรัว
“ใครบอกกันคะ
น้องวีหน้าตาดีจะตายไป ใครเห็นรอยยิ้มก็ต้องหลง พี่ยังหลงเลยนะคะ” มาร์คที่เดินไปยืนอยู่ข้างแจ็คสันพูดพร้อมรอยยิ้มกว้าง
“ใช่ๆ สายรหัสเราลงประกวดทุกปีนะน้อง
เพราะสายรหัสเรามีแต่คนหน้าตาดี ตอนพี่เป็นเฟรชชี่ พี่ก็ลงประกวดเนี่ยน้อง” แจ็คสันเสยผมยืนเก๊กหล่อ
“แล้วปีพี่แจ็คใครได้อ่ะครับ?” จีมินถาม
“ของแบบนี้มันแน่นอนอยู่แล้ว
หลักฐานมันอยู่บนใบหน้าครับน้อง”
“แสดงว่าคงไม่ใช่พี่แจ็คสันแล้วมั้ง” ผมพูดขึ้นลอยๆ
แจ็คสันที่ได้ยินดังนั้นถึงกับหันขวับมามองโฮซอกด้วยสายตาเรียบนิ่ง
“เพิ่งเห็นโฮซอกพูดจาดีก็วันนี้แหละ” มาร์คต้วนเอ่ยแซว
“งั้นแสดงว่าพี่มาร์คก็เป็นเดือนคณะใช่ไหมครับ?” แทฮยองเอียงคอถาม
“แหม น้องวีนอกจากหน้าตาน่ารัก ยังพูดจาน่ารัก
เหมาะที่จะให้พี่รักจริงๆ เลยค่ะ”
“พอๆ มึงเข้าเรื่อง สรุปน้องแทฮยองลงประกวดนะ” แจ็คสันปรามเพื่อนก่อนจะบอกกับแทฮยอง
“เอ่อ... จะดีเหรอ เอาไงดีอ่ะ?” คนน่ารักสะกิดเพื่อนทั้งสองถามความเห็น
“อื้อ ลงไปดิแทฮยอง
ลองดูก็ไม่เสียหาย” จีมินตอบ
“น้องจีมินก็ต้องลงด้วยนะคะ นะๆ”
ดาซมเขย่าแขนน้องรหัสตัวเอง
“งั้นถ้าจีมินลงประกวด
ผมก็ลงด้วยครับ” แทฮยองโยนให้จีมินเป็นคนตัดสินใจ
“นะคะน้องวีคนดี
พี่จะเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ให้น้องแทฮยองเอง”
มาร์คจับมือแทฮยองขึ้นมาเขย่าเบาๆ
“ให้มันน้อยๆ หน่อยไอ่ต้วน นั่นน้องรหัสกู” แจ็คสันตีมือเพื่อนตัวเองแล้วดึงมือแทฮยองออก
“นิดๆ หน่อยเองหน่า”
“น้องรหัสกู กูหวงเว้ย
ถ้าอยากจับมือก็นู้น น้องรหัสมึงไง”
แจ็คสันเพยิดหน้าไปทางโฮซอกที่ยืนทำหน้าเซง
“เหอะ
ให้ตายกูก็ไม่จับหรอก จะลงประกวดรึเปล่าล่ะ ถ้าจะลงก็ลงไป”
มาร์คพูดกับโฮซอกราวกับไม่สนใจว่าน้องรหัสตัวเองจะประกวดหรือไม่
“ถ้าแทฮยองลงประกวดผมก็จะลง” ผมตอบพลางเหล่มองไปทางแทฮยอง
ถ้าแทฮยองลงประกวดผมเชื่อว่าไอ่พี่ต้วนมันต้องเข้ามาวนเวียนใกล้แทฮยองแน่ๆ
ผมจะไม่ยอมให้เข้าใกล้แทฮยองหรอก แทฮยองต้องเป็นของไอ่จอนเท่านั้น
ห้ามใครเข้ามาแย่ง!
“งั้นลงประกวดทั้งสามคนเลยนะคะพี่จะได้ส่งชื่อให้
ไว้พี่จะพาไปเลี้ยงสายรหัสนะน้องจีมิน พี่ไปก่อนนะคะ”
ดาซมหันไปขยิบตาให้โฮซอกและหยิกแก้มจีมินเบาๆ ก่อนจะเดินออกไป
ร่างอวบยกมือขึ้นมาถูแก้มตัวเอง
ทำกันขนาดนี้ได้ยังไง จีมินมองตามหลังดาซมสาวสวย
“งั้นตกลงตามนี้แล้วกันนะคะ
จะกลับบ้านรึยังคะ พี่ไปส่งไหม?”
มาร์คถามรุ่นน้องด้วยรอยยิ้มเช่นเดิม
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเกรงใจ” แทฮยองโบกมือปฏิเธส เขยิบเข้าไปยืนใกล้โฮซอก
“อย่าค่ะน้องวี
อย่าใช้คำว่าเกรงใจกับพี่ สำหรับแม่ของน้องโคโค่ลูกพี่ พี่มาร์คยินดีค่ะ”
ผมได้ยินแล้วแทบจะอ้วก
อื้อหืออออออออออออออออออออออออ แม่ของน้องโคโค่
แหวะ!
“ไม่ต้องไปส่งหรอกจ้ะ
ยังไงพี่วีก็ต้องกลับกับแฟน”
ร่างสูงของจองกุกเดินเข้ามาท่ามกลางวงสนทนา
ใช้มือเอวพลางยิ้มโชว์ฟันกระต่ายให้มาร์คต้วน
“ใคร? ใครแฟนน้องวี?!” มาร์คขมวดคิ้วโวยวายหลังจากได้ยินจากเด็กแปลกหน้าทีเดินเข้ามา
“จอนนี่แหละจ้ะ
แฟนพี่วี” จองกุกพูดพร้อมกระชับเอวร่างบางให้เข้ามายืนใกล้ๆ
“อ้าว
มารับแทฮยองแล้วเหรอไอ่จอน นึกว่าวันนี้กูต้องไปส่งแทฮยองเองซะแล้ว” จีมินทักบุคคลที่เดินเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย
“จอนมารอตั้งนานแล้วจ้ะพี่จีมิน
แต่เห็นว่าพวกพี่ยังไม่เดินออกมาสักทีเลยเดินเข้ามาตามหา”
ร่างสูงของจองกุกตอบคำถาม
“ไม่! ไม่จริงใช่ไหมคะน้องวี ไอ่เด็กแว๊นซ์นี่ไม่ใช่แฟนน้องวีหรอกใช่ไหม
แกโกหกใช่ไหมห้ะไอ่เด็กฟันจอบ!”
มาร์คส่ายหน้าสับสนกับสิ่งที่ได้ยิน
โอ้โห!!! ไอ่พี่ต้วน
มึงไม่ได้ดูฟันมึงเลยครับ จอบไม่ต่างกับน้องกูเท่าไหร่หรอกหน่า ผมอยากจะสวนกลับแต่ทำได้แค่คิดในใจ
อยากจะให้พี่เขาอ่านสายตาผมได้เหลือเกิน
ทันใดนั้นมาร์คต้วนเหลือบหันไปมองโฮซอกที่ส่งสายตามองมาทางเขา
กูรู้นะว่ามึงด่ากูอยู่โฮซอก มึงก็มีเงิงเหมือนกันแหละว่ะ!
“เอ่อ...”
ร่างบางทำสีหน้าตอบไม่ถูก
“แฟนน้องแทฮยอง?” แจ็คสันถามย้ำมองอย่างอึ้งๆ
“ตอบเขาไปสิจ้ะพี่วี ถ้าไม่ตอบจอนจูบโชว์ตรงนี้เลยนะ” ร่างสูงกระซิบบอกแทฮยอง
“เอ่อ... ใช่ครับ นี่แฟนผมเอง” แทฮยองยิ้มแห้งส่งให้รุ่นพี่ทั้งสองคน
“ไปได้แล้วไป พาแทแทกลับดีๆ
นะเว้ยไอ่จอน” ผมหันไปบอกจองกุก เห็นหน้าของไอ่พี่ต้วนกับพี่แจ็คสันก็ได้แต่ยิ้มมุมปาก
คงอึ้งกันเลยสินะ ตอนผมรู้ผมเองก็ยังงงเลยครับ
แค่ยอมถอยให้ไม่กี่วันก็ได้แทฮยองเป็นแฟนแล้ว
“รับทราบจ้ะลูกพี่ เรากลับกันเถอะจ้ะพี่วี” จองกุกเอ่ยชวนแทฮยอง
“งั้นผมขอตัวกลับบ้านก่อนนะครับ
ฉันกลับก่อนนะ พรุ่งนี้ไว้เจอกัน”
แทฮยองโค้งลารุ่นพี่ทั้งสองคนและหันไปบอกเพื่อน จากนั้นเดินไปตามแรงจูงมือของจองกุก
“นี่น้องวีเขาชอบแนวนี้เหรอว้ะมึง...
กูปวดใจ คุณแม่ครับต้วนปวดใจ! กูเล็งมาตั้งแต่มหาลัยเปิด หายไปอาทิตย์เดียวน้องเขามีแฟน”
หลังจากตั้งสติได้สายตามองแผ่นหลังของคนทั้งสองที่เดินจูงมือกันออกไปก็โวยวายออกมา
มือใหญ่ของมาร์คยกขึ้นมากุมที่ตำแหน่งหัวใจ
“เอาหน่า
เด็กนั่นอาจจะมีอะไรดีที่ชนะใจน้องแทฮยองก็ได้”
แจ็คสันตบบ่าปลอบใจเพื่อนตัวสูง
“ผมลาล่ะครับ
กลับกันเหอะ” ผมบอกลารุ่นพี่ เดินลากไอ่เพื่อนตัวเตี้ยออกมา
จากนั้นทั้งสองคนก็หันมาสบตากัน
ก่อนจะยิ้มมุมปากออกมา ด้วยความที่เป็นเพื่อนกันมานาน มองตาก็รู้ใจโดยที่ไม่บอก เป็นที่รู้ๆ
กันอยู่ว่าทั้งสองจะไปไหน ใช่ครับ... ผมกับจีมินจะไปร้านพี่ยุนกิ
.
.
.
.
.
สิ่งแรกที่ผมเห็นเมื่อเดินถึงร้านพี่ยุนกิ คือ
ไอ่แว๊นซ์ซิ่งไม่หยุดยืนล้วงกระเป๋าประกบข้างด้วยลูกสมุนตัวสูงของมัน ทั้งสามคนคุยกันอย่างสนุกสนาน
มันจะเกินหน้าเกินตาจองโฮซอกไปแล้วโว้ย!!!
“สวัสดีพี่ยุนกิ ผมซื้อขนมมาฝาก” ผมเดินแทรกกลางวงเข้าไปยื่นถุงขนมให้พี่ยุนกิ เหลือบมองหน้าอีกสองคนแล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“ขนมอะไรอ่ะ?” ร่างเล็กให้ความสนใจกับขนมในมือของโฮซอก
“ไม่มีมารยาทเลยว่ะ
คนเขากำลังคุยกันจู่ๆ ก็แทรกเข้ามาแบบนี้”
จูเนียร์พูดขึ้นลอยๆ
“ขนมจีบน่ะ”
ผมไม่สนใจเสียงนกเสียงกา แต่กลับตอบคำถามของร่างเล็กพร้อมรอยยิ้มบางแทน
“ทำไมช่วงนี้ซื้อขนมจีบมาฝากบ่อยจัง
ยังไงก็ขอบใจ ไปนั่งก่อนแล้วกัน เอาก๋วยเตี๋ยวเหมือนเดิมกันใช่มั้ย เดี๋ยวฉันทำให้”
ยุนกิรับถุงขนมวางไว้บนตู้กระจกใสที่ใส่จำพวกเส้นก๋วยเตี๋ยวและเครื่องก๋วยเตี๋ยวอื่นๆ
ก่อนจะชี้ให้โฮซอกและจีมินไปนั่งในร้าน
“ไม่เป็นไร ผมยังไม่หิว
วันนี้อยากเป็นลูกมือช่วยพี่ยุนกิทำก๋วยเตี๋ยว”
ผมโยนกระเป๋าให้จีมินรับแล้วเพยิดหน้าให้มันไปนั่งที่โต๊ะ
ร่างอวบเข้าใจความหมายที่เพื่อนตัวสูงสื่อถึงเขา จึงไปนั่งตามคำสั่ง
มันคงไม่อยากให้ไอ่แว๊นซ์สองคนนั้นป้วนเปี้ยนใกล้พี่ยุนกิเป็นแน่แท้เลยออกตัวขนาดนั้นทั้งๆ
ที่มันทำอาหารไม่เป็น
“ก็ดี
วันนี้ยองแจไม่ว่างมาช่วยเหมือนกัน นายสองคนเลิกกวนฉันแล้วกลับไปดีๆ หรือจะเข้าไปนั่งกินก๋วยเตี๋ยวในร้านเลือกมา” ยุนกิถามจูเนียร์และยูคยอมที่ยืนทำหน้าไม่ถูกหลังจากที่ถูกถาม
ตั้งแต่มาถึงร้านทั้งจูเนียร์และยูคยอมเข้ามากวนเขาไม่เลิก
ไล่ให้ไปนั่งรอในร้านดีๆ ก็ไม่ไม่ยอมไป สงสัยต้องให้ออกแรงกันหน่อยถึงจะยอมเชื่อฟัง
“ผมกลับก่อนดีกว่า
บรรยากาศแถวนี้เริ่มไม่ค่อยดี ไม่อยากจะอยู่ ขอตัวก่อนนะคร้าบคนสวย”
“ไปก่อนนะเจ๊”
ทั้งจูเนียร์และยูคยอมบอกลายุนกิก่อนจะเดินออกจากร้านไปแต่ก็ยังไม่วายหันกลับมามองหน้าโฮซอกและจีมินด้วยใบหน้าเขม่น
“เหอะ”
ผมสบ่ถออกมาเบาๆ
ผมเริ่มเกลียดขี้หน้ามันแล้วนะ สงสัยคงจะได้ปะทะกันบ้าง
ให้มันรู้บ้างว่าใครเป็นใคร
“นึกยังไงอยากเป็นลูกมือฉัน” ยุนกิเท้าเอวคุยกับร่างสูง
“ผมกินมาตั้งหกปี อยากลองทำบ้างไง”
จริงๆ คือ ผมอยากไล่ไอ่สองคนนั้นไปมากกว่า...
“ใช่แน่เหรอ?” ยุนกิยิ้มมุมปาก
“ใช่สิ
ว่าแต่เมื่อคืนหลับสบายไหมครับ?”
“เอ่อ... อือ” ยุนกิหลบสายตาที่มองมาจากโฮซอก
“ผมคิดว่าพี่หลับสบายเลยล่ะ
ผมเรียกเท่าไหร่พี่ก็ไม่ตื่น 555555555555555555555555555555555”
หลังจากที่พี่ยุนกิคอลมาบอกฝันดีในคืนนั้น ทุกๆ เช้าผมเอาอาหารเช้าไม่ซ้ำกันในแต่ละวันไปแขวนไว้หน้าบ้านพี่เขาจนเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์แล้วล่ะ
นอกจากอาหารเช้าแล้วผมและพี่ยุนกิยังคุยเฟสไทม์กันทุกวันอีกด้วย ผมเองที่เป็นคนเฟสไทม์หาพี่ยุนกิก่อน
ช่วงแรกๆ พี่เขาก็ไม่ยอมหรอกครับ บอกให้คอลปกติก็พอ ไม่อยากให้เห็นสภาพตอนนอนของเขา แต่โดนผมอ้อนเข้าไปจนหลังๆ มานี้ยอมเปิดกล้องให้เห็น การเห็นหน้าพี่เขาก่อนนอนทุกคืนมันทำให้ผมหลับฝันดีนี่นา
ผมมักจะชวนพี่ยุนกิคุยเรื่องต่างๆ บางครั้งก็เล่าเรื่องสนุกๆ ให้พี่เขาฟังบ้าง
จนพี่เขาเผลอหลับก่อนเป็นประจำ ผมมักจะรอให้พี่เขาหลับก่อนถึงจะตัดสาย
ก็เวลาที่พี่ยุนกินอนมันน่ารักจะตายไป น่ารักจนผมอดที่จะแคปหน้าจอเก็บไว้ไม่ได้เลยล่ะครับ
“นายพูดมาก
ฉันเลยฟังจนหลับไงไอ่เด็กบ้า”
“แต่พี่ก็ทนฟังผมพูดทุกคืนไม่ใช่เหรอครับ?” ผมยกยิ้มมุมปาก
“กะ..ก็ฉันไม่รู้จะทำอะไรเลยฟังนายพูดไง!!!” ร่างเล็กกระแทกเสียงเล็กน้อย เปลี่ยนท่ายืนเป็นหันข้างให้ร่างสูงแทน
“ไม่ใช่ว่าอยากคุยกับผมหรอกเหรอครับ?” ผมก้มกระซิบข้างหูคนตัวเล็ก
“ใครจะอยากคุยกับนายกันไอ่เด็กมีเงิง!” ยุนกิเอียงหน้าหลบให้ห่างจากใบหน้าของร่างสูง
“พี่ไงอยากคุยกับผม”
“ฉันไม่ได้อยากคุยกับนาย!”
“คนปากแข็ง หึ”
“ฉันปากแข็งยังดีกว่านายที่ปากหมานะ”
อื้อหืออออออออออออออออออออออ!
ร้ายกาจมาก พี่ยุนกิร้ายกาจมาก!
“พูดแบบนี้ระวังโดนจูบปิดปากนะพี่
5555555555555555555555555” ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ร่างเล็ก
“ถ้านายทำแบบนั้นโดนต่อยแน่ๆ”
ยุนกิก้าวถอยหลังตั้งการ์ดขู่ร่างสูง
“โว้ว! ใจเย็นๆ
อย่าเพิ่งตีกัน ผมหิวแล้วพี่ยุนกิ!” จีมินตะโกนบอกคนทั้งสองที่ทำท่าจะมีเรื่องกัน
“พี่ลืมไปเลยว่ะ ขอโทษที
จะทำให้เดี๋ยวนี้แหละ” ยุนกิหันไปบอกกับจีมินพลางมือขาวหยิบนู้นหยิบนี่ทำก๋วยเตี๋ยวให้ลูกค้า
“หยิบชามมาสิ อยากช่วยไม่ใช่เหรอ”
ยุนกิสั่งโฮซอกที่ยืนมองเขาเงียบๆ
ผมหยิบชามตามคำสั่งของคนตัวเล็กก่อนจะยื่นให้
ไม่นานนักยุนกิลวกเส้นก๋วยเตี๋ยวใส่ชาม หยิบเครื่องอื่นๆ ใส่และปรุงรสนิดหน่อย
ดันชามไปให้โฮซอก ก่อนที่มือขาวจะชี้ไปทางจีมิน
“เอาไปเสิร์ฟให้เพื่อนนาย”
“ครับผม”
ผมพยักหน้ารับคำสั่งก่อนจะหยิบช้อนและตะเกียบวางบนถ้วย เดินเอาไปเสิร์ฟให้ไอ่เพื่อนตัวเตี้ย
“ไปพูดอะไรเข้าล่ะมึง
พี่ยุนกิทำท่าขู่ฟ่อๆ ยิ่งกว่าแมว”
จีมันถามเพื่อนตัวสูงหลังจากที่เอาก๋วยเตี๋ยวมาเสิร์ฟให้
“พูดกวนตีนพี่เขาไปนิดนึงว่ะ
ไม่มีอะไรหรอก 55555555555555555555555”
“เออ วันนี้ยองแจจะมาป่ะว้ะ?”
“พี่ยุนกิบอกว่ายองแจไม่ว่างว่ะ
วันนี้คงไม่ได้มาช่วย”
“โอ๊ยยยยยยยยยยยย! กูคิดถึงยองแจอ่ะ ไม่เจอหน้ากันตั้งแต่เมื่อวาน”
“ไอ่เหี้ยเตี้ย แค่วันนี้ไม่เจอเอง
ไม่ถึงกับตายหรอกหน่า มึงก็เว่อร์ไป” ผมผลักจีมินก่อนจะทิ้งให้กินก๋วยเตี๋ยวไป
จากนั้นเดินกลับไปช่วยพี่ยุนกิเหมือนเดิม
“พี่ยุนกิ
วันนี้เก็บร้านเสร็จแล้วไปหาอะไรกินกันนะ”
“กว่าจะเข็นรถก๋วยเตี๋ยวกลับไปถึงบ้านฉัน
ร้านแถวนี้คงปิดกันหมดพอดี” ร่างเล็กตอบโดยไม่หันไปมองหน้าโฮซอก
“งั้น...
พี่ทำอะไรก็ได้ให้ผมกินหน่อยดิที่ไม่ใช่ก๋วยเตี๋ยวอ่ะ ทำที่บ้านพี่ก็ได้”
“แล้วทำไมต้องบ้านฉัน?”
“หรือพี่จะไปคอนโดผม?”
“ไม่มีทาง!” ยุนกิส่ายหัวปฏิเสธ
“งั้นก็ที่บ้านพี่
โอเคนะพี่ยุนกิ ตกลงตามนี้” ผมพูดเองเออเองเสร็จสรรพ
พี่ยุนกิถึงกับหน้ามามองหน้า
“แล้วทำไมต้องเป็นฉัน
อยากกินอะไรก็ให้จีมินทำก็ได้นี่ จีมินทำอาหารอร่อยจะตายไป”
“ผมอยากกินข้าวฝีมือพี่
ชัดเจนพอไหมพี่ยุนกิ” ผมจ้องเข้าไปในดวงตาของอีกคน
“อือ...ก็ได้
แต่ก่อนจะเข้าบ้านแวะซื้อของก่อนแล้วกัน” แก้มที่เคยขาวซีดตอนนี้กลับเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความเขินที่ได้ยินประโยคดังกล่าวจากร่างสูง
หึหึหึ ผมจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แล้วกันเรื่องที่พี่ยุนกิกำลังเขินผมอยู่น่ะ
“ครับผม นั่น! ลูกค้ามาแล้วพี่ยุนกิ”
“อะ..อ้อ!
อือๆ” ยุนกิเปลี่ยนไปต้อนรับลูกค้าแทนการคุยกับเด็กหนุ่ม
ไอ่เด็กหน้าม้ามันจะรู้ไหมว่าเขาเขินเนี่ย หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านเขารู้สึกว่าเด็กคนนี้ให้ความสนใจกับเขามากกว่าปกติ
พูดจาเพราะขึ้นแต่ก็ยังคงความกวนตามนิสัยของมันไว้ เวลาจะเข้ามาที่ร้านก็มีของติดไม้ติดมือมาให้ตลอด
แถมยังเฟสไทม์หาเขาทุกคืนด้วย ทั้งที่แต่ก่อนส่งข้อความมากวนเป็นครั้งคราวไม่บ่อยเท่าไหร่นัก
เวลาผ่านไปสักพักจีมินที่นั่งคร่ำครวญเรื่องของยองแจขอตัวกลับบ้านไปก่อนจนเหลือแค่โฮซอกและยุนกิสองคน
“ลูกค้าเริ่มน้อยแล้วพี่หิวรึยัง?
ดื่มน้ำอะไรไหมเดี๋ยวผมไปซื้อมาให้” โฮซอกถามร่างเล็กที่หยิบปลายผ้าขนหนูสีขาวผืนเดิมที่เจ้าตัวมักจะพาดไว้ที่บ่าทุกวันขึ้นมาเช็ดเหงื่อตามใบหน้าขาวและลำคอ
อึก... ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ทำไมจู่ๆ รู้สึกว่าพี่ยุนกิเซ็กซี่...
ใบหน้าและลำคอขาวนั่น...
เฮ้ย! ตั้งสติ มึงต้องตั้งสติโฮซอก!
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็จะปิดร้านแล้ว
ค่อยกินทีเดียว”
“พี่ยุนกิมาขายก๋วยเตี๋ยวทุกวันแบบนี้ไม่มีเวลาวันไหนว่างเลยดิ?”
“อือ ถามทำไม?”
“เปล่า ไม่มีอะไร”
เมื่อลูกค้าออกจากร้านหมดแล้ว
ทั้งสองคนช่วยกันล้างจานทำความสะอาดและเก็บของอื่นๆ ด้วยความไม่เร่งรีบ
“พี่คงเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เดี๋ยวผมเข็นเอง พี่แค่ช่วยถือกระเป๋าผมก็พอ” ไม่นานนักโฮซอกเสนอตัวที่จะเข็นรถแทนคนตัวเล็ก เพราะไม่อยากให้คนตัวเล็กเหนื่อยมากไปกว่านี้
“อือ”
ร่างเล็กพยักหน้า ก้าวเดินออกไปช้าๆ พร้อมเด็กหนุ่มที่เข็นรถก๋วยเตี๋ยวของเขาอยู่
“วันนี้ขอบใจที่มาช่วย” ร่างเล็กพูดขอบคุณระหว่างที่เดินกลับบ้านของเขา
“ผมเต็มใจ อีกไม่นานผมคงได้มาช่วยพี่บ่อยๆ
แล้วล่ะ 555555555555555555555555”
“เด็กแบบนายเชื่อไม่ได้หรอก” ร่างเล็กเบ้ปาก
“ตอนนี้พี่อาจจะไม่ค่อยเชื่ออะไร
แต่ต่อไปนี้ผมจะทำให้พี่ค่อยๆ เชื่อในตัวผม”
ผมคิดว่าพี่เขาคงสับสนกับการกระทำของผมไม่มากก็น้อยแหละมั้ง
แต่ผมอยากทำให้พี่เขาเชื่อและมั่นใจในตัวผมมากกว่านี้ก่อน
อยากให้พี่เขารู้สึกเองว่าผมจริงใจกับพี่เขาจริงๆ
“ทำให้ได้แบบที่พูดเถอะนายน่ะ”
“พี่คอยดูแล้วกัน” ผมยืนยันเสียงหนักแน่น
“แวะซื้อของกันเถอะ” ยุนกิบอก มือขาวชี้ไปยังซุปเปอร์มาร์เก็ตทางบ้านไปยังบ้านของตนเอง
“พี่เดินเข้าไปก่อนเลย
เดี๋ยวผมตามไป”
ร่างเล็กพยักหน้า เดินเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ตไปก่อน
โฮซอกมองหาที่เหมาะพอที่จะจอดรถเข็นไว้ ก่อนจะเข็นไปจอดและเดินตามร่างเล็กไป
บรรยากาศในซุปเปอร์มาร์เก็ตตอนนี้มีผู้คนอื่นเดินอยู่ประปรายเพราะเป็นเวลาดึกแล้ว
ยุนกิเดินหยิบของใส่รถเข็นอย่างเพลิดเพลินจนลืมว่ามีอีกหนึ่งคนที่มาด้วย
ผมเดินตามหาพี่ยุนกิตามล็อคต่างๆ จนพบที่ล็อคชั้นวางขนม คนตัวเล็กกำลังขมวดคิ้วมองขนมทั้งสองในมือราวกับตัดสินใจไม่ถูกว่าจะซื้ออะไร ผมเห็นปฏิกิริยาแบบนั้นอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ พี่ยุนกิโตกว่าผมก็จริงแต่รูปร่างและใบหน้าอ่อนดูเหมือนเด็กมัธยมด้วยซ้ำ การที่ขมวดคิ้วมองขนมแบบนั้นน่ะ มันน่ารักไม่ใช่น้อยเลยนะ
“ตกลงเรามาซื้อขนมกันใช่ไหมพี่ยุนกิ
หยิบขนมเต็มรถขนาดนี้ 5555555555555555” ผมเดินเข้าไปทัก
ร่างเล็กสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะเก็บของในมือทั้งสองอย่าง
“ของที่จำเป็นต้องซื้อหยิบมาแล้ว มันอยู่ข้างใต้
นายจะเห็นได้ยังไงล่ะไอ่บ้า”
“งั้นไปจ่ายเงินกัน ผมหิวแล้วอ่ะ”
ผมเดินไปเข็นรถไปยังเค้าเตอร์จ่ายเงิน
พนักงานยิ้มต้อนรับก่อนจะสแกนบาร์โค๊ดของต่างๆ ตามหน้าที่
“สี่ร้อยห้าสิบสองบาทค่ะ”
“นี่ครับ”
ผมยื่นแบงค์ห้าร้อยตัดหน้าร่างเล็กก่อนจะรวบถุงทั้งหมดไว้ในมือ
“เฮ้ย!
ฉันจ่ายเองได้ เอาเงินไปเลย!” ยุนกิโวยวายยื่นเงินในมือไปทางร่างสูง
“พี่ทำกับข้าวให้ผมก็พอแล้วหน่า” ผมรับเงินถอน เดินเลี่ยงหลบมือขาวที่พยายามจะยัดเงินใส่กระเป๋าเสื้อผม
“อย่ามาทำตัวป๋าน่ะ
นายยังเรียนอยู่เลยนะ!”
“ถึงผมจะเรียนอยู่ แต่ผมดูแลพี่ได้แล้วกัน”
“ใครอยากให้นายดูแล
ฉันดูแลตัวเองได้โว้ย!”
ผมยักไหล่เดินนำออกจากซุปเปอร์มาเก็ตไปที่รถเข็นขายก๋วยเตี๋ยว
วางถุงทั้งหมดบนรถ ออกแรงเข็นอีกครั้งเพื่อไปบ้านของยุนกิ คนตัวเล็กบ่นกระปอดกระแปดไม่หยุดจนถึงบ้านของตน
“เปิดประตูดิพี่ยุนกิ”
“อือ หากุญก่อนได้ไหมล่ะ รีบรึไงห้ะ”
ร่างเล็กขวาญหากุญแจในกระเป๋ากางเกงก่อนจะไขเปิดประตู
ทันทีที่เปิดประตูโฮซอกเข็นรถเข้าไปในบ้านของคนตัวเล็ก
“ถอดรองเท้า เข้าไปนั่งรอที่โซฟา อย่าเสียงดังล่ะ
พ่อกับยองแจคงอยู่บนห้องใกล้เข้านอนแล้ว” ยุนกิสั่งร่างสูง
ส่วนเจ้าตัวเดินหิ้วถุงที่ซื้อมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ตเข้าไปในครัว
เริ่มลงมือทำอาหารง่ายๆ สำหรับพอกินสองคน
สิบนาทีผ่านไป กลิ่นหอมของข้าวผัดลอยออกมาจากครัว
โฮซอกที่เคลิ้มจะหลับถึงกับรู้สึดตัวตื่น
“มานั่งตรงนี้สิ” ยุนกิเดินถือจานข้าวผัดสองจานวางไว้ที่โต๊ะหน้าโซฟา ก่อนจะนั่งลงที่พื้น
ผมลงไปนั่งที่พื้นตรงข้ามกับพี่ยุนกิก่อนจะก้มลงสูดกลิ่นอาหารฝีมือร่างเล็ก
“จะกินทางจมูกรึไง”
“ถึงผมจะดูบ้าแต่ผมไม่ถึงขนาดกินข้าวทางจมูกนะพี่ยุนกิ
5555555555555555555555555555”
“รีบกินได้แล้วจะได้รีบกลับ”
“นี่ไล่ผมใช่ป่ะพี่ยุนกิ?” ผมแกล้งพูดตัดพ้อ
“ไม่ได้ไล่ แต่นี่มันดึกแล้ว
กลับดึกๆ มันอันตรายนะเว้ย”
“เป็นห่วงผมเหรอครับ?”
“ปะ...เปล่า! รีบกินไปเลย!”
ผมอมยิ้มก่อนจะเริ่มทานข้าวฝีมือของคนตัวเล็ก ขนาดข้าวผัดธรรมดายังอร่อยกว่าที่จีมินทำอีกครับบอกเลย!
จุ๊ๆ อย่าไปบอกไอ่จีมินมันนะครับ
ทั้งสองทานข้าวหมดเรียบร้อย
หน้าที่ล้างจานเป็นของใครไปไม่ได้นอกจากโฮซอก ด้วยเหตุผลที่ว่า ยุนกิทำอาหารให้เขากินแล้ว
ร่างสูงต้องตอบแทนบ้าง ใช้เวลาล้างจานไม่นานทั้งสองคนมายืนคุยกันที่รั้วหน้าบ้านของมินยุนกิ
“ถึงคอนโดแล้วผมจะเฟสไทม์มาหานะพี่ยุนกิ”
“อือ ไปได้แล้ว กลับดีๆ ล่ะ”
“ครับผม
ไปอาบน้ำพักผ่อนได้แล้วพี่อ่ะ ผมไปแล้วนะ” ผมบอกลาก่อนจะเดินทางกลับคอนโดของตัวเอง
ตือดึง!
ผมหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดู
เห็นว่าเป็นไอ่จอนไลน์มาจึงกดเข้าไปอ่าน
JeonJK : ลูกพี่
จอนมีเรื่องรบกวนหน่อย
Hohope : มีเรื่องอะไร
JeonJK : ลูกพี่ช่วยไปรับพี่วีไปเรียนหน่อยดิ
จอนเป็นห่วงพี่วีอ่ะ อยากไปเองแต่พี่วีสั่งห้ามไว้ให้เข้าเรียนไง ห้ามโดดเรียน
จอนมันจะห่วงอะไรแทแทขนาดนี้เนี่ย
หรือว่าเกิดเรื่องอะไรไม่ดีกับแทแทรึเปล่า
Hohope : เออได้
เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับแทแทรึเปล่าไอ้จอน
JeonJK : แฟนเก่าพี่วีมาหาเรื่องดิลูกพี่
นี่โดนต่อยมาด้วยหนึ่งหมัดเนี่ย ไว้ชำระแค้นทีหลัง ตอนนี้จอนเป็นห่วงความปลอดภัยของพี่วีมากกว่า
Hohope : มันเป็นใคร
JeonJK : คิมซอกจิน
มันเปิดคาเฟ่แมวอยู่ในตลาดอ่ะจ้ะ มันตั้งใจย้ายมาแถวนี้เพราะจะได้ใกล้ชิดพี่วีนี่แหละ
Hohope : เรื่องไปรับแทแท
เดี๋ยวจัดการให้ ยังไงก็เพื่อนพี่ แค่นี้ไม่รบกวนหรอก ส่วนไอ่คิมซอกจินอะไรนั่น ขอเวลาหาข้อมูลมันก่อนได้จัดการชำระแค้นแน่
JeonJK : ขอบคุณนะลูกพี่
ช่วยดูแลพี่แทแทหน่อย แต่ห้ามจีบนะเว้ย ถึงจะเป็นลูกพี่แต่จอนก็หวงแฟนจอน
Hohope : เออ
กูไม่แย่งแฟนน้องตัวเองหรอก นอนได้แล้วไอ้จอน ต้องตื่นเช้าไปเคารพธงชาติ
ไปสายกูจะฟ้องแทแทนะ
JeonJK : คุยกับแฟนอีกแปบก็จะนอนแล้วจ้ะ
ฝันดีนะลูกพี่
เห็นน้องมีความสุขกับคนที่มันรักผมก็ดีใจด้วยครับ
แถมยังปรับปรุงตัว ตั้งใจเรียน ไม่เกเรอีก
แทแททำให้ไอ้จอนมันเปลี่ยนไปในทางที่ดีได้ขนาดนี้
ผมก็อยากให้ทั้งสองคนเขารักกันนานๆ ครับ
ผมทำถูกแล้วที่เลือกถอยให้จอนแล้วกลับไปมั่นคงกับพี่ยุนกิ
“ฮัลโหล
มีเรื่องให้ช่วยหน่อย”
[สำคัญมากสินะ
ถึงยอมโทรมาหาขนาดนี้]
“อือ ไปหาประวัติคนชื่อ
คิมซอกจิน ให้หน่อย”
[ชื่อคุ้นหูจังว่ะ
เออเดี๋ยวจัดการให้ ว่าแต่มันไปทำอะไรนายล่ะ]
“มันไม่ทำอะไรผมหรอก
แต่มันจะทำแทแท”
[ห้ะ เออๆ
เดี๋ยวจะให้คนรีบหาข้อมูลแล้วจะเอาไปให้] ปลายสายตอบกลับด้วยความตกใจ
“ขอบใจ แค่นี้แหละ บาย”
โฮซอกกดวางสายก่อนจะวางโทรศัพท์ไว้ข้างเตียง
ใจจริงเขาก็ไม่อยากจะโทรไปหรอก
แต่เรื่องของแทฮยองมันจำเป็นที่จะต้องยอมไปขอความช่วยเหลือจากชายคนที่เขาเพิ่งวางสายไป
คงเหลือแค่เขาคนเดียวนั่นล่ะ ที่ผมยังติดต่อด้วยจนถึงทุกวันนี้
ถึงแม้จะไม่อยากคุยกับเขาเท่าไหร่ โดนผมด่าบ้าง โดนเมินบ้าง
แต่เวลามีเรื่องเดือดร้อนทีไร กลับมีเขาที่ยื่นมือเข้ามาช่วยผมทุกที โดยที่ไม่ต้องบอก
เหอะ... คนแบบเขาน่ะจะเป็นคนดีไปแล้วมั้ง
TBC
ครบ 100% แล้วววววววววววววววววววววววววววววววว
ใครกันที่โฮซอกโทรหา? ไม่บอกหรอก ปล่อยให้สงสัยไปก่อน อิ้อิ้
เข้ามาพร่ำเพ้อในแท็กกัน #ฟิคใหญ่แห้งไม่งอก อีกอย่างเราอยากรู้ฟีดแบคฟิคเรื่องนี้ค่ะ 5555555555555555555
ตอนนี้เรามีบอทน้องจอนแล้วนะ ส่วนคนอื่นๆ เดี๋ยวจะตามมา แอคอยู่หน้าบทความค่ะ ไปคุยกับน้องได้น้า
คอมเม้นท์คือกำลังใจเนอะ อยากให้ถึงห้าสิบคอมเม้นท์สักที
เราจะงอแงแล้วน้า ยอดวิวเข้าดูเยอะมากแต่คอมเม้นท์น้อยง่ะ TwT
แต่ยังไงก็รักคนอ่านเสมอค่ะ จุ้บ<3
ความคิดเห็น