คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ใหญ่แห้งไม่งอก : ชามที่สาม (100%)
หลังจากที่สามหนุ่มจัดการมื้อเที่ยงกันอย่างเอร็ดอร่อยเรียบร้อยแล้ว
จึงพากันเดินทอดน่องย่อยอาหารไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงร้านเบเกอรี่ที่โฮซอกแนะนำไว้
ภายนอกร้านตกแต่งด้วยต้นไม้และดอกไม้ต่างๆ ล้อมรอบ
ทำให้ดูร่มรื่นและสดชื่นไปในเวลาเดียวกัน อีกทั้งยังคงเงียบสงบเหมาะแก่การมานั่งพักผ่อนจากความเหนื่อยล้าในแต่ละวัน
“โฮซอกรู้จักร้านแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย?” แทฮยองพูดกลั้วขำ
“แหม ทำไมล่ะ
เห็นแบบนี้ฉันก็รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาดนะ 555555555555555”
ผมตอบและหัวเราะขึ้น
“เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่ด้วยไหม
พูดมาได้ไม่อายปากนะมึงไอ่หน้าม้า 55555555555555555555555555” จีมินพูดแทรกขึ้นทำให้โดนผมโบกหัวไปหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้ล้วนๆ
ไม่มีความอื่นใดๆ ผสม
“เข้าไปกันเถอะ
ไม่ต้องสนใจไอ่เตี้ยนี่หรอก”
ผมหันไปบอกกับแทฮยอง
จูงมือร่างบางให้เดินตามเข้าไปในร้าน ทิ้งให้จีมินยืนกุมหัวเพราะโดนฝ่ามือผมปะทะกับหัวมันอยู่คนเดียว
“ว้าว! ร้านน่ารักจัง”
แทฮยองมองไปรอบร้านพร้อมรอยยิ้มกว้าง
ภายในร้านก็ไม่ต่างจากนอกร้านสักเท่าไหร่นัก
ผนังสีขาวสะอาด เสริมด้วยโต๊ะและเก้าอี้ไม้สีอ่อน
ของตกแต่งภายในร้านมีทั้งต้นกระบองเพชรต้นเล็กและของอื่นๆ อีกหลากหลาย
เพลงทำนองดนตรีสบายๆ ที่เปิดคลอเสียงเบาทำให้ร้านดูอบอุ่นและผ่อนคลาย
ชวนให้ใช้บริการจากทางร้านมากยิ่งขึ้น
“สวัสดีจ๊ะคู่หูตัวแสบ
หาที่นั่งตามสบายเลยนะ”
เจ้าของร้านแสนสวยเอ่ยต้อนรับเมื่อเห็นลูกค้าประจำเดินเข้ามาในร้าน
“สวัสดีคร้าบพี่โบรา
/ สวัสดีครับ”
จีมินและโฮซอกกล่าวทักโบราเจ้าของร้านคนสวยอย่างสนิทสนม
ผมทักทายพี่โบราเสร็จหลังจากนั้นจูงมือแทฮยองเดินไปยังโต๊ะในสุดริมกระจกเพื่อให้มีความเป็นส่วนตัว
มุมนี้เป็นมุมที่ผมและจีมินชอบนั่ง นอกจากจะได้ความสดชื่นจากต้นไม้สีเขียวนอกร้านแล้วยังได้ความสงบอีกด้วย
เพราะลูกค้าส่วนใหญ่มักเข้ามาไม่ถึงส่วนนี้สักเท่าไหร่
“พอมีแทฮยองแล้วลืมกูเลยดิ๊!” ประโยคแรกหลุดออกมาจากปากร่างอวบของจีมิน
น้ำเสียงตัดพ้อเพื่อนตัวสูงหลังจากนั่งลงที่เก้าอี้นั้นทำให้โฮซอกหลุดขำออกมาอย่างห้ามไม่ได้
“ฮ่ะๆ กูลืมมึงตรงไหน
ถ้ากูลืมคงปล่อยมึงไว้ร้านอาหารเมื่อกี๊แล้วไอ่เตี้ย”
ผมดันให้แทฮยองนั่งด้านในติดกระจกและผมนั่งลงเก้าอี้ตัวข้างๆ
ร่างบาง จากนั้นตอบจีมินที่นั่งเบ้ปากใส่ผมอยู่
“ใช่สิ๊
กูมันไม่น่ารักเหมือนแทฮยอง เดี๋ยวนี้มีอะไรก็แทฮยองๆ ไม่สนใจกู”
“ขี้น้อยใจเป็นตุ๊ดไปได้ไอ่เตี้ย 55555555555555555555”
“กูไม่ใช่ตุ๊ดโว้ย! กูผู้ชายแมนทั้งแท่ง รูปหล่อ พ่อรวย คารมณ์ดี มีซิคแพ็ค!” จีมินพูดจบดึงชายเสื้อขึ้นโชว์ซิคแพ็คของตนเอง
“แทแทปิดตาเดี๋ยวนี้!!!” ผมแหวเสียงดังทำให้ร่างบางตกใจจนยกมือขึ้นปิดหน้าปิดตาตามคำสั่งทันที
“โหย อะไรของมึง
กูจะโชว์ให้แทฮยองดู นี่กูอุตส่าห์เข้าฟิตเนสเกือบทุกวันเพื่อสิ่งนี้เลยนะ
สาวคนไหนเห็นเป็นต้องหลงอยากจะลูบไล้!!!
มึงไม่มีแบบกูอ่ะดิเลยไม่อยากให้แทฮยองเห็นซิคแพ็คกู
กลัวแทฮยองหลงกูแล้วไม่สนใจมึงใช่ไหมไอ่เงิงบาน!”
จีมินปล่อยชายเสื้อลง โวยวายตามประสาคนโดนขัดใจ
“แทแทยังใสใสราวกับผ้าขาว
มึงอย่าเอาสีดำของมึงมาป้ายเขาสิว้ะไอ่เหี้ยนี่ ลามกจริงๆ ลูบไล้เหี้ยอะไร
ตัวสั้นแบบมึงเขาคงคิดว่ามึงเป็นลูกเขามากกว่ามั้ง” ผมชี้หน้าจีมินและหันไปมองแทฮยองที่ยังคงเอามือปิดหน้าปิดตาอยู่
และจู่ๆ ประโยคนี้ก็เข้ามาในความคิด...
เชื่อฟังแบบนี้ก็น่ารักดีนะ
“หยามกูมากไอ่ใจหมา
ถึงตัวจะสั้นก็ไม่มีผลในแนวราบเหอะ”
ร่างอวบยักไหล่ราวกับไม่สนใจคำพูดของเพื่อนเมื่อสักครู่
ผมหัวเราะในลำคอหลังจากได้ยินคำพูดของจีมิน ค่อยๆ
ดึงมือแทฮยองออกจากใบหน้ามากุมไว้หลวมๆ ใต้โต๊ะ ร่างบางจึงลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ
และสิ่งแรกที่เห็นคือโฮซอกมองเขาด้วยสายตาที่ดูอบอุ่นและส่งรอยยิ้มบางให้เขาอยู่
อ่า... จู่ๆ แทฮยองก็รู้สึกร้อนที่ใบหน้าขึ้นมา
ให้ตายเถอะครับ! โฮซอกทำแบบนั้นมันหมายความว่ายังไง
“วันนี้พาหนุ่มน้อยน่ารักที่ไหนมาด้วยเนี่ย” โบราเดินเข้ามาวางเมนูบนโต๊ะให้แก่สามหนุ่ม
“เพื่อนที่มหาลัยครับพี่โบรา
น่ารักเนอะ”
ผมเลื่อนสายตาจากมองแทฮยองเป็นไปมองพี่โบราและตอบทำถามแทน
“พี่ชื่อ โบรา นะคะ
เป็นเจ้าของร้านจ๊ะ”
โบรายิ้มกว้างให้แทฮยองที่ยกมือเกาท้ายทอยด้วยความเขินที่ได้ยินโฮซอกพูดกับสาวสวยคนนี้
“ผมชื่อ แทฮยอง ครับ
ยินดีที่ได้รู้จักครับพี่โบรา” ร่างบางแนะนำตัว
โค้งอย่างสุภาพให้แก่โบราพี่สาวคนสวยเจ้าของร้าน
“จ๊ะ ลองดูเมนูก่อนนะ
ร้านพี่อร่อยทุกอย่างเลย ฮ่าๆ”
โบราพยักหน้าและชวนให้ดูเมนูของร้านตนเอง
“ผมเอาแบล็คฟอเรสต์กับชาเขียวปั่นเหมือนเดิมครับพี่โบราคนสวย” จีมินสั่งเป็นคนแรก
“ผมก็ลาเต้เย็นเหมือนเดิมครับ” ผมบอกกับพี่โบราและยื่นเมนูกลับไปให้
“แทฮยองล่ะจ๊ะ
รับอะไรดีเอ่ย?” โบรายิ้มหวานให้แทฮยอง
“ฮันนี่โทสต์กับชาเขียวแอปเปิ้ลครับ!”
ร่างบางใช้มืออีกข้างที่โฮซอกไม่ได้กุมไว้ชี้เมนูสุดโปรดของเขาพร้อมยิ้มจนตาเป็นรูปเสี้ยวพระจันทร์และริมฝีปากกลายเป็นรูปหัวใจรอยยิ้มประจำตัว
“โอเคจ๊ะ รอสักครู่นะ” เจ้าของร้านคนสวยเก็บเมนูถือไว้ในมือและเดินหายเข้าไปหลังร้าน
“ทำท่าดีใจเชียว
ชอบกินฮันนี่โทสต์กับชาเขียวแอปเปิ้ลเหรอหืม?”
ผมเท้าคางมองอีกคนและคุยด้วยเสียงเบาให้ได้ยินกันสองคน
“อื้อ! ฉันชอบฮันนี่โทสต์กับชาเขียวแอปเปิ้ลมากเลย”
ร่างบางยิ้มกว้าง พยักหน้าจนผมฟุ้งไปหมด
ผมเห็นแทฮยองพยักหน้าจนผมฟุ้งก็อดหมั่นเขี้ยวไม่ได้จนต้องยื่นมือที่เท้าคางอยู่ไปบีบจมูกอีกคนส่ายไปมา
“หมั่นเขี้ยวจริงๆ
เลย” ผมกลั้นขำที่เห็นหน้าอีกคนทำหน้างอ
“ฮื่อ! แกล้งฉันอีกแล้ว ปล่อยเลยนะปล่อยยยยยยย”
แทฮยองพยายามส่ายหน้าหลบมือของอีกคน
“ปล่อยก็ปล่อย” ผมดึงมือกลับมาเท้าคางเช่นเดิมและยิ้มขำกับจมูกสีแดงระเรื่อจากฝีมือผม
“ปล่อยมือด้วย!” แทฮยองเขย่ามือเป็นเชิงบอกว่าให้ปล่อยมือเขาได้แล้ว
“ไม่ปล่อยหรอก หึหึ”
“เดี๋ยวจีมินเห็นขึ้นมาจะทำยังไงเล่า!”
ผมเหล่ไปมองจีมินก็เห็นว่ามันคุยโทรศัพท์งุ้งงิ้งอยู่คนเดียวก็รู้เลยว่า
คนปลายสายนั่นไม่ใช่ใครห่างไกลเลย คงเป็นยองแจของมันนั่นแหละ
“ไอ่เตี้ยคุยโทรศัพท์อยู่ไม่สนใจพวกเราหรอก” ผมยักคิ้วกวนนประสาทให้ร่างบางเห็น
“ถ้าอยากจับมือนักก็ไปจับมือของคนอื่นสิ
จะจับมือของฉันทำไม ปล่อยยยย”
ร่างบางเขย่ามืออีกครั้งและเพิ่มแรงดึงมือออกมากกว่าเดิม
“ก็มือคนอื่นไม่นุ่มน่าจับเหมือนแทแทนี่
5555555555555555555555555”
“ไอ่คนบ้า!”
“ทำไมล่ะ
ฉันจับมือแล้วเขินรึไง?”
“บ.. บ้า! ใครเขิน ไม่มี๊!” ร่างบางปฏิเสธกลบเกลื่อนความเขิน
ใบหน้าเริ่มขึ้นสีเรื่อยๆ จนสีแดงลามไปถึงใบหู
“ถ้าไม่เขินแล้วทำไมหน้าแดงอ่ะ
555555555555555555555555555555”
“อากาศมันร้อนน่ะ..” แทฮยองใช้มืออีกข้างพัดใบหน้าตนเองให้สมกับคำพูด
“ร้อนทั้งๆ
ที่ในร้านเปิดแอร์ ไม่เนียนเลยนะ หึหึ” ผมหัวเราะในลำคอ
ยิ่งแกล้งยิ่งน่ารัก
ก็แหม เป็นธรรมดาที่ผู้ชายชอบแกล้งคนน่ารักนะครับ 5555555555555555555555555555555555555555555
“ถ้าไม่ปล่อยฉันจะงอนแล้วนะ” ร่างบางทำหน้ามุ่ยเบะปากคว่ำ
“โอเค ไม่แกล้งแล้ว
ปล่อยก็ได้” ผมปล่อยมือที่กุมไว้และนั่งยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“ฮ่าๆ ฉันไม่ได้ขี้งอนขนาดนั้น โดนหลอกแล้วโฮซอก แบร่!” แทฮยองแลบลิ้นใส่ร่างสูงที่นั่งยิ้มอยู่ข้างๆ
“หลอกแค่นี้ไม่เป็นไร ฉันให้อภัยได้
แต่ถ้าหลอกให้รักแล้วทิ้งนี่ฉันไม่ยอมนะ
555555555555555555555555555555555555555”
ได้ทีก็ขอหยอดหน่อยเถอะครับ
เวลาแทฮยองเขินมันน่ารักน้อยซะที่ไหน!
“หึ่ย! ไม่คุยกับโฮซอกแล้ว!”
ร่างบางหันหน้าหนีร่างสูงเพราะเขาเริ่มรู้สึกร้อนที่ใบหน้าอีกแล้ว ฮือออออออออออ ทำไมโฮซอกชอบทำให้เขินก็ไม่รู้
เขาเริ่มจะทำตัวไม่ถูกแล้วนะ
“จะไม่คุยกับฉันจริงดิ?
จีมินคุยกับน้องยองแจอยู่ มันไม่คุยกับแทแทหรอกนะ ไม่กลัวเหงาเหรอ?”
“ฉันคุยคนเดียวก็ได้!”
“หืม... คุยคนเดียว?
ติ๊งต๊องแล้วแทแท 5555555555555555555 หันมาคุยกับฉันดีๆ
เลยนะ” ผมจับคางให้อีกคนหันหน้ามามองและดีดหน้าผากเบาๆ
ไปหนึ่งที
“โฮซอกชอบแกล้งฉันนี่
ใครจะอยากคุยด้วยอ่ะ” ร่างบางเบ้ปากกรอกตาไปมา
“ไม่เคยได้ยินเหรอ
ผู้ชายน่ะชะ...”
“มาแล้วจ้า” โบรานำขนมมาเสิร์ฟพอดีทำให้โฮซอกที่พูดยังไม่จบประโยคเป็นอันชะงักไป
“ตอนนี้อยู่ร้านพี่โบรา ยองแจเอาขนมอะไรไหมจ๊ะ
อ่อ โอเคครับ แล้วเจอกันตอนเย็นนะคนดี”
ผมได้ยินจีมินที่คุยโทรศัพท์ก็ได้แต่ส่ายหัว
พูดกับผมไม่เคยจะพูดเพราะขนาดนี้หรอกครับ ดูมันพูดกับยองแจของมันดิ
หวานจนพญามดจะขึ้นตามตัวมันอยู่แล้ว 555555555555555555555555555555555555
“ทำไมขนมมันเยอะจนเต็มโต๊ะขนาดนี้อ่ะพี่โบรา
พวกผมสั่งนิดเดียวเองนะครับ” จีมินที่วางสายเรียบร้อยแล้วมองไปยังโต๊ะที่เต็มไปด้วยขนมและเครื่องดื่มจึงถามขึ้นด้วยใบหน้าสงสัย
“พี่อยากให้แทฮยองชิมนี่นา
ถือว่าพี่ให้แล้วกันจ๊ะ ถ้ากินแล้วติดใจจะได้มาบ่อยๆ ไง”
โบราตอบและโปรยรอยยิ้มหวาน
“แฮะๆ
มันไม่เยอะไปเหรอครับ?”
ร่างบางกวาดสายตามองไปยังโต๊ะก็หนักใจขึ้นมา
เยอะขนาดนี้ถ้ากินหมดต้องน้ำหนักขึ้นแน่ๆ แถมยังเกรงใจพี่โบราด้วย
“ไม่เยอะหรอก
ทานให้อร่อยนะจ๊ะ” โบรารีบตัดบทเดินหนีไปต้อนรับลูกค้าที่เพิ่งเดินเข้าร้านโดยทิ้งให้สามหนุ่มมองหน้ากันแบบงงๆ
“พี่โบราใจดีจัง” แทฮยองเอ่ยชมและมองตามหลังเจ้าของร้านคนสวย
“ฉันเลยชอบมาบ่อยๆ ไง
สวยแถมใจดีทำขนมก็อร่อยอีก” ผมพยักหน้าและมองพี่โบราเช่นกัน
ตั้งแต่รู้จักร้านพี่โบราเมื่อสามปีก่อน
ผมก็มาแทบทุกวัน แถมมาบ่อยพอๆ กับที่ผมไปร้านพี่ยุนกิเลยนั่นแหละ
“กินกันเถอะ
เห็นขนมแล้วอดใจไม่ไหวว่ะ” จีมินตักขนมชิมเป็นคนแรกเช่นเคย
ทั้งสามคนเริ่มชิมขนมและพูดคุยคุยไปเรื่อยๆ
ทั้งเรื่องมีสาระและไม่มีสาระ ขนมบนโต๊ะพร่องลงไปทีละนิดและร่างบางหันไปเห็นโฮซอกนั่งมองเขากินอยู่ก่อนแล้วก็เลื่อนจานฮันนี่โทสต์ของโปรดไปทางโฮซอก
“ลองชิมดูสิโฮซอก
อร่อยมากเลยนะ”
ร่างบางชวนให้ร่างสูงชิมขนมพร้อมพยักหน้ายืนยันว่าขนมของโปรดเขานั้นอร่อยจริงๆ
“ป้อนหน่อยสิ” ผมอ้าปากรอร่างบางป้อน
ร่างบางเลิกคิ้วมองเล็กน้อยแต่มือก็ตักฮันนี่โทสต์ป้อนโฮซอก
ร่างสูงได้ทีเลยแกล้งงับช้อนค้างไว้ไม่ยอมให้ร่างบางดึงช้อนกลับ
“จะงับไว้อีกนานไหม” แทฮยองใช้แรงดึงช้อนเบาๆ เพราะกลัวร่างสูงจะเผลอกัดปากตนเองถ้าเขาดึงออก
ผมอมยิ้มส่ายหัวดึงช้อนที่ปากมาถือไว้แทน
และกินขนมที่แทฮยองป้อน
“อร่อยไหม?
หวานไปรึเปล่า โฮซอกดูไม่น่าจะชอบอะไรหวานๆ สักเท่าไหร่นะ”
“อืม... ก็หวานนะ
แต่หวานน้อยกว่าแทแทอ่ะ”
ตามนิสัยผมเลยหยอดร่างบางด้วยคำพูดหวานเลี่ยนชวนให้อ้วกซะเลย
“ไม่ใช่แล้วไอ่บ้า!” แทฮยองผลักร่างสูงเบาๆ
“ถ้าไม่ใช่ก็คงหวานเพราะคนป้อนน่ารักแน่ๆ”
ยังครับยัง ผมยังไม่หยุดหยอดอีกคนตรงหน้า 555555555555555555555555555555555555555
“ชมฉันน่ารักอีกแล้วอ่ะ
ฉันเป็นผู้ชายนะ!!!”
“อย่าเสียงดังสิ อ่ะ
อ้าปากเร็ว” ผมตักฮันนี่โทสต์คำเล็กๆ แล้วยื่นจ่อปากแทฮยอง
มองแกมบังคับว่าผมป้อนแล้วเขาต้องกิน
“อ้ามมมมม” ร่างบางอ้าปากจะกินขนมแต่ก็งับได้เพียงลมเปล่าเพราะโฮซอกดึงช้อนออก
“ฮื่อ! ฉันจะกินนนนนนนนนน” แทฮยองทำหน้างอเล็กน้อย
นั่นมันของโปรดเขาเชียวนะ!
“อ่ะๆ ไม่แกล้งแล้ว” ผมป้อนอีกคนดังเดิม
ร่างบางยื่นหน้ามางับขนมและถอยกลับไปนั่งหลับตาพริ้มซึมซับรสชาติขนมแสนอร่อยอยู่คนเดียว
“กินยังไงเนี่ยเลอะเทอะจริงๆ” ผมเขยิบตัวเข้าไปใกล้แทฮยอง ใช้มือเช็ดคราบน้ำผึ้งที่มุมปากอีกคน
แทฮยองหยุดนิ่งไปชั่วขณะ
มองหน้าอีกคนระยะใกล้ที่ใช้มือเช็ดปากให้เขาอยู่
เมื่อตั้งสติได้ก็รีบหยิบทิชชู่ขึ้นมาเช็ดปากตัวเอง สัมผัสจากนิ้วมืออุ่นที่มุมปากเมื่อกี๊ยังคงรู้สึกอยู่
ใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ทำให้ร่างบางเผลอใช้มือลูบตำแหน่งสิ่งที่เต้นเร็วภายในร่างกายอย่างเบาๆ
ฟู่วววว
ใจเย็นนะแทฮยอง! ใจเย็น!!! เขาทำได้แต่บอกตัวเองว่าให้ใจเย็นๆ
และบังคับไม่ให้ตัวเองแสดงกิริยาอะไรแปลกๆ ออกไปให้อีกคนรับรู้
“โตแล้วยังต้องให้ฉันดูแลเหมือนเด็กๆ
เลยนะ ฮ่าๆ” ผมถอยตัวกลับมานั่งที่เดิมและกลั้นขำ ก็ร่างบางที่นั่งข้างเขานี่เหมือนเด็กจริงๆ
“ฉันโตแล้วต่างหาก!
ไม่ใช่เด็กแล้วนะ” แทฮยองเถียงร่างสูง
“โตแต่ตัว
สมองยังเป็นเด็กรึเปล่าเราน่ะ 555555555555555555555555555”
โฮซอกหลุดหัวเราะออกมาทำให้โดนร่างบางฟาดด้วยฝ่ามือเรียวนั่น
“อ่ะแฮ่ม! เดี๋ยวฉันมาไปสั่งขนมให้น้องยองแจแปป สวีทกันจนฉันเป็นหมาหัวเน่าแล้วมั้ง
เหอะ!” จีมินแขวะเพื่อนทั้งสอง
ลุกขึ้นเดินไปสั่งขนมกับพี่โบราที่เคาน์เตอร์
“เห็นไหมโฮซอก
จีมินต้องน้อยใจแน่ๆ เลย”
ร่างบางทำหน้าหงอยมองร่างอวบของเพื่อนที่เดินไปสั่งขนม
“โหย
มันตอแหลไปงั้นแหละ 5555555555555555555555555555” ผมพูดจากนั้นเอนตัวนั่งพิงเก้าอี้สบายๆ
และยกแก้วลาเต้เย็นขึ้นมาดื่มทำเหมือนเรื่องของจีมินคือปกติของมันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร
หลังจากที่จีมินสั่งขนมเรียบร้อยแล้ว
ร่างอวบจึงเดินกลับมาพร้อมกล่องขนมสองสามกล่องและนั่งลงที่เดิม
“ซื้อให้น้องยองแจเยอะขนาดนี้ไม่กลัวน้องเขาอ้วนเหรอว้ะมึง?” ผมมองกล่องขนมที่มันถือก็ถามออกไป
“จริงๆ น้องยองแจเขาไม่เอาขนมหรอก
แต่กูอยากซื้อให้ ให้น้องเขาอ้วนสิดี จะได้ไม่มีใครมาจีบน้องเขาไงมึง”
จีมินวางกล่องขนมลงที่เก้าอี้ข้างตัวและกลับมานั่งกินขนมดังเดิมด้วยความอารมณ์ดี
“แผนสูงนะมึง
กลัวแพ้คนที่เอาขนมไปให้น้องคราวก่อนก็บอกมาไอ่เตี้ย กูรู้ทันมึงครับเพื่อน 5555555555555555555555555555555” แหม ทำมาเป็นพูด
ผมรู้ว่ามันกลัวจะโดนคนอื่นแย่งน้องยองแจสุดที่รักมันไปต่างหาก
เลยซื้อขนมไปมัดใจเขาบ้าง
“เออ รู้แล้วยังจะถามอีก
อย่าโชว์ง่าวครับเพื่อนรัก 55555555555555555555555555”
ร่างอวบหัวเราะเสียงดังพร้อมตบมือรัวราวกับถูกใจที่ได้ด่าเพื่อนตัวสูง
“ไอ่เหี้ย! มึงด่ากูโง่เหรอ”
“กูเปล๊า!
ถ้ากูด่าคือ เจโฮปมึงมันโง่ แต่นี่ก็บอกว่าอย่าโชว์ง่าวแค่นี้เอง กูด่ามึงตรงไหน?”
“เออ กูจะยอมให้ มีอีกทีโดนแน่ๆ
กูจะโบกหัวหลายๆ ทีจนมึงตัวหดเหลือสองเซนติเมตรเลย”
“เฮ้ออออ กัดกันอีกแล้วสองคนนี้” ร่างบางที่นั่งมองเพื่อนสองคนทะเลาะกันก็ส่ายหัวจากนั้นหันไปสนใจขนมต่อ
“มึง
ที่แทแทบอกว่ากัดกันอีกแล้ว แทแทว่าเราเป็นกระต่ายป่ะวะ?” จีมินยืดตัวไปกระซิบกับโฮซอกเสียงเบา
“โหย
ไอ่เหี้ยเตี้ยยยยยยยยยยยยยยยยย กระต่ายเหี้ยอะไรของมึง
เขาว่ามึงกับกูเป็นหนูแกสบีต่างหาก!”
ร่างสูงดันหน้าผากให้เพื่อนกลับไปนั่งเหมือนเดิม
“หนูแกสบีที่หน้าพ่อมึงสิ
กระต่ายเว้ย!”
“กูกับมึงมันไม่เหมาะจะเป็นกระต่ายเว้ย! มันดูฟรุ้งฟริ้งไป ต้องหนูแกสบีสิว้ะ เท่นะเว้ยมึง!”
“กูไม่อยากเป็นหนู
มันสกปรก กระต่ายดิสะอาด ขนนุ่มๆ น่าฟัดจะตายไป”
“เชิญมึงชื่นชมกระต่ายไปคนเดียวเถอะ
อย่างกูต้องหนูแกสบีเท่านั้น”
“โอ๊ย!
55555555555555555555555555555555555555555555555”
ร่างบางที่ได้ยินบทสนทนาของเพื่อนทั้งสองก็กลั้นขำไว้ไม่ไหวจนต้องหัวเราะออกมา
นี่เพื่อนของเขาสติดีกันรึเปล่าเนี่ย
“หัวเราะอะไรแทแท?”
ผมเห็นแทฮยองหัวเราะจนน้ำหูน้ำตาไหลจึงเอ่ยถามเพื่อคลายความสงสัย
“ก็พวกนายสองคนตลกอ่ะ
ฮ่ะๆ ฮื่อ ห.. หะ หยุดหัวเราะ มะ..ไม่ได้ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ”
ร่างบางยกมือปาดน้ำตาที่ดวงตาสวยและพยายามหยุดหัวเราะ
ผมกับจีมินเห็นแทฮยองหัวเราะไม่หยุดก็มองหน้ากับและยิ้มออกมา
ที่ผมกับมันเถียงกันเมื่อกี๊ไม่ใช่ไม่รู้นะครับว่าแทฮยองด่าพวกผมเป็นหมา
แต่อยากสร้างความบันเทิงให้แทฮยองมากกว่าจึงทำเป็นไม่รู้และเถียงกันอย่างปัญญาอ่อน
ถึงจะปัญญาอ่อนแต่ได้เห็นรอยยิ้มและได้ยินเสียงหัวเราะของแทฮยองพวกผมก็ดีใจแล้วล่ะ
“ฮ่ะ เฮ้อ เหนื่อยจัง” ร่างบางที่หยุดหัวเราะได้แล้วก็นั่งสงบสติอารมณ์ตนเองและถอนหายใจออกมา
“ก็เล่นหัวเราะจนน้ำตาไหล
ไม่เหนื่อยก็ให้มันรู้ไปสิแทฮยอง 555555555555555”
จีมินพูดหยอก
“ก็มันฮาจริงๆ นี่นา”
“หัวเราะมากตีนกาขึ้นไม่รู้ด้วยนะ” ผมจิ้มที่หางตาแทฮยอง
“เฮ้ย ฉันยังไม่แก่! ไม่มีหรอก ตีนกงตีนกาอะไรกัน” ร่างบางทำตาโต
ยกมือขึ้นมาจับหางตาสองข้างแล้วส่ายหัวไปมาราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ร่างสูงพูด
“ก็ไม่รู้สินะ” ผมทำหน้าเหลอหลาไม่รู้ไม่ชี้ ตักขนมขึ้นมากิน
ตอนนี้ขนมบนโต๊ะของพวกเขาพร่องลงไปเยอะจนเหลืออยู่ไม่กี่ชิ้น
ผมจึงเลื่อนจานขนมที่เหลือไปทางแทฮยอง ดูเหมือนแทฮยองจะชอบทานขนมหวานมากจริงๆ
ร่างบางที่กินขนมอย่างเอร็ดอร่อยจนลืมตัว
ไม่รู้เลยว่าเพื่อนทั้งสองเลื่อนจานขนมให้ รู้ตัวอีกทีบนโต๊ะหน้าเขาตอนนี้เต็มไปด้วยขนม
“โฮซอกกับจีมินไม่กินแล้วเหรอ?” แทฮยองชี้ขนมตรงหน้า
“แทฮยองกินอิ่มฉันก็อิ่มด้วยอ่ะ” จีมินใช้น้ำเสียงทะเล้นบอกกับแทฮยอง
“ถ้าฉันน้ำหนักขึ้นพวกนายต้องไปออกกำลังกายเป็นเพื่อนฉันเลยนะ”
“กินแค่นี้น้ำหนักไม่ขึ้นหรอกหน่า” ผมหยิกแก้มร่างบางเบาๆ
“ไม่แน่หรอก
วันนี้ฉันกินเยอะมากเลยอ่ะ“
หลังจากแทฮยองพูดจบร่างบางก็ก้มหน้าก้มตากินขนมต่อ
ตือดึง!
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาสไลด์ดู
อ่า ไลน์จากคนตัวเล็กที่ขายก๋วยเตี๋ยวนั่นเอง
Minsuga : ช้า
Hohope : คิดถึงผมอีกแล้วสินะ 5555555555555555555555555
Minsuga : มีคนมาขอไอดีไลน์
ก็แค่คนขอไอดีไลน์ทำไมต้องบอกผมด้วยล่ะเนี่ย?
เปลี่ยนเป็นบอกคิดถึงผมคงดีกว่าเยอะ 55555555555555555555555555555555555555555555
เดี๋ยวนะ...
เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!
มัน!!!
คือ!!!
ใคร!!!
ใครมันกล้ากระตุกหนวดเสือว้ะ!!!
Hohope : เขาขอแล้วพี่ให้ไปรึเปล่าล่ะ?
Minsuga : ให้ดิ ก็เขาขอ
Hohope : พี่ไว้ใจคนอื่นให้ไปง่ายๆ
ได้ยังไง?
Minsuga :
เห็นเขาชอบผ่านหน้าร้านบ่อยๆ เลยให้ไป เขาอาจจะเป็นคนดีก็ได้
Hohope : แล้วพี่จะบอกผมทำไม?
Minsuga :
เพราะตอนนี้เขานั่งอยู่ในร้าน
เหี้ยเอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!
เดี๋ยวมึงเจอกูแน่ อย่าให้เจอหน้า
พ่อจะเสยคางด้วยรองเท้าคอนเวิร์สที่ใช้อยู่นี่แหละ
Hohope :
มันก็ไม่เกี่ยวกับผมอยู่ดีป่ะพี่ยุนกิ
ผมพิมพ์ตอบกลับและควานหากระเป๋าของตัวเอง อยากจะวิ่งออกไปจากร้านตอนนี้ด้วยซ้ำแต่ติดที่แทฮยองยังนั่งกินขนมอย่างสบายอกสบายใจอยู่
ผมเลยนั่งอดทนนั่งรอทั้งที่สติได้ลอยไปร้านพี่ยุนกิเรียบร้อยแล้ว
“ขนมร้านพี่โบราอร่อยกว่าทุกร้านที่เคยกินมาจริงๆ” แทฮยองเลียปากตนเองหลักจากจัดการขนมหมดแล้วเรียบร้อย
“งั้นไปกันเดินเล่นที่ตลาดกันเถอะ
เรานั่งอยู่ร้านพี่โบราจนสี่โมงครึ่งแล้วนะเนี่ย”
ผมทำท่าทียกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู
“เออว่ะ ลืมสนิทเลย
อยากเจอน้องยองแจเร็วๆ แล้ว รีบไปกันเถอะ”
จีมินหยิบข้าวของตนเองและถุงกล่องขนมเดินนำไปยังเคาน์เตอร์
“ฮื่อ ฉันกินเยอะจนลุกไม่ไหวอ่ะ” ผมที่ลุกขึ้นยืนรอแทฮยอง หันไปมองตามเสียงของร่างบาง
มือของของแทฮยองยื่นมาทางผมพลางเบะปาก
“แทแทนะแทแท จริงๆ เลยเรา” ผมจับมือแทฮยองและดึงขึ้น จูงมือเดินไปยังเคาน์เตอร์เพื่อจ่ายเงิน
“วันนี้พี่ให้กินฟรี
ไม่ต้องจ่ายหรอกจ๊ะ” พี่โบราพูดทันทีที่ผมปละแทฮยองเดินไปถึง
“อ๋า ได้ยังไงกันครับ
ผมเกรงใจจริงๆ” แทฮยองรีบปฏิเสธ
“ขนมอร่อยไหมหื้ม” เจ้าของร้านคนสวยยื่นมือมาหยิกแก้มร่างบางด้วยความเอ็นดู
“อร่อยมากเลยครับ! ผมกินจนแทบจะเดินไม่ไหวแล้ว”
“สงสัยต้องให้คู่หูตัวเองอุ้มไปแล้วมั้ง
ฮ่าๆ” โบราแซวร่างบาง
“แฮะๆ ไม่เอาดีกว่าครับ ขอบคุณสำหรับขนมอร่อยๆ
นะครับพี่โบรา” แทฮยองโค้งขอบคุณเจ้าของร้านคนสวย
“ไว้เจอกันใหม่นะจ๊ะแทฮยอง
เจ้าสองตัวแสบด้วย ดูแลแทฮยองดีๆ นะ อย่าพาไปซนที่ไหนล่ะ”
โบราชี้โฮซอกและจีมินสลับกัน หลังจากนั้นโบกมือให้แทฮยอง
“คร้าบผม ไปก่อนนะครับ” แทฮยองยิ้มกว้างให้เจ้าของร้านพลางกระตุกมือโฮซอกให้พาเดิน
“ไว้ผมจะมาใหม่นะครับ” ผมบอกกับพี่โบรา เดินจูงมือแทฮยองออกจากร้านเหมือนตอนที่เดินเข้ามา
แอบยิ้มอยู่คนเดียวก็มือของแทฮยองเวลาผมกุมไว้ทำให้ผมรู้สึกดีเหมือนผมปกป้องเขาได้
ขนาดมือของผมใหญ่กว่ามือแทฮยองที่เล็กเหมือนเด็กๆ
นั่นยิ่งทำให้ผมยิ้มออกมาได้ง่ายๆ
จีมินที่บอกลาพี่โบรา
เดินตามผมออกมาในมือถือของเต็มไปหมด ส่วนอีกมือกำลังกดหน้าจอโทรศัพท์ยิกๆ
ไม่สนใจผมกับแทฮยองเลย ผมว่ามันคงคุยกับน้องยองแจของมันอีกนั่นแหละ
ตือดึง!
พี่ยุนกิแน่ๆ ผมสไลด์ดูอีกครั้งก็เห้นว่าเป็นพี่ยุนกิจริงๆ
ที่ส่งไลน์มา
Minsuga :
ก็อยากให้เกี่ยวแต่ไม่รู้คนแถวนี้จะอยากเข้ามาเกี่ยวด้วยรึเปล่า : )
เอ๊ะ...
พี่เขาหมายความว่ายังไง?
Hohope : กำลังจะไป อย่าให้ไอ่คนที่ขอไลน์กลับไปก่อนแล้วกันพี่ยุนกิ หึหึหึ
ผมตอบไลน์พี่ยุนกิและเก็บโทรศัพท์เช่นเดิม
เหล่มองแทฮยองก็เห็นว่าร่างบางกำลังก้มมองเท้าของผมกับเขา และพยายามก้าวขาข้างเดียวไปพร้อมกับผม
ให้ตายเถอะครับ!!!
การกระทำแบบนี้มันน่าฟัดชะมัดเลยว่ะ!
ร่างสูงแกว่งมือที่จับกับร่างบางไปมา
เดินช้าลงเพื่อให้ร่างบางก้าวทัน
ทั้งคู่แกว่งมือเล่นราวกับคู่รักเดินเล่นชมบรรยากาศยามเย็นกันสองคนโดยมีจีมินเป็นอากาศไร้ตัวตน
ไม่นานนักทั้งสามคนก็เดินมาถึงตลาด
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบค่ำแล้ว ผู้คนต่างเดินขวักไขว่กันไปมาทั้งภายในและภายนอกตลาด
“คนเยอะจัง”
แทฮยองบ่นพลางหลบหลีกคนที่เดินเข้ามาเบียด
“เดี๋ยวกูไปร้านพี่ยุนกิก่อนนะ
คิดถึงน้องยองแจใจจะขาดแล้ว”
จีมินบอกกับเพื่อนทั้งสองหลังจากนั้นรีบวิ่งหายเข้าไปในฝูงชนเพื่อไปหาเจ้าของหัวใจ
“เดินไปเรื่อยๆ แล้วกันเนอะ
ให้รีบเดินฉันคงเดินไม่ไหวอ่ะ จุกไปหมดแล้ว” แทฮยองย่นจมูกคุยกับโฮซอก
“อยากกินเยอะเองนี่ 55555555555555555555555555” ขนาดกินข้าวไปแล้วยังกินขนมได้เยอะ
แต่ผมก็เชื่อแหละว่ากระเพาะของคาวกับกระเพาะของหวานเขาคงแยกกัน
ผมเห็นแทฮยองโดนคนเบียดจึงกระชับมือที่จับไว้ให้แน่นขึ้น
ดันให้แทฮยองเดินข้างหลังผม ถึงจะสูงแต่แทฮยองก็ตัวบาง
ผมเลยใช้ตัวผมเองเป็นเกราะกำบังแรงเบียดและแรงกระแทกจากคนอื่นแทนร่างบาง
แทฮยองดูบอบบางผมกลัวโดนคนอื่นเบียดมากๆ
จะเจ็บตัวเอาน่ะสิครับ ผมถึกกว่าเป็นไหนๆ แค่นี้ทนได้อยู่แล้ว
“โฮซอก!
น้องแมววววววววววว” ร่างบางกระตุกมือที่จับกัน โผล่หน้าไปมองเจ้าแมวตัวเล็ก
ใช้มืออีกข้างชี้ให้โฮซอกเห็นแมวตัวเล็กที่เดินหลบผู้คนไปนอนหลังถังขยะ
“มันสกปรกนะแทแท” ผมขมวดคิ้วขืนตัวแทฮยองไม่ให้วิ่งเข้าไปหาแมวตัวนั้น
“ไม่เป็นไรหรอก เห็นเดินอยู่แบบนั้นต้องไม่มีเจ้าของแน่เลยโฮซอก
ฉันสงสารน้องแมวอ่า”
“ไปดูได้แต่ห้ามอุ้มนะโอเคไหม?” ผมตั้งข้อตกลงกับร่างบาง ดูแล้วแทฮยองคงรักสัตว์ไม่น้อยเลย
ผมกลัวจะไปฟัดเจ้าแมวนั่นเข้าน่ะสิ สกปรกขนาดนั้นเดี๋ยวติดเชื้อโรคขึ้นมาแย่เลย
“อื้อ โอเค!”
ร่างบางรีบตกลงยิ้มจนปากเป็นรูปหัวใจและเขย่ามือเร่งให้ร่างสูงพาตนเองไปหาเจ้าแมวตัวเล็ก
หลังจากแทฮยองตกลงกับผมแล้ว
จึงเดินพาไปหาแมวตัวเล็กที่นอนหลบอยู่ มันทำท่าขู่ฟ่อๆ ใส่ผมที่เดินเข้าไปใกล้
“เฮ้ เจ้าเหมียว ไม่ต้องตกใจนะ
มานี่เร็ว เมี๊ยววววว” แทฮยองปล่อยมือจากโฮซอก
เดินเข้าไปนั่งยองๆ ใกล้แมวตัวนั้น
เมี๊ยววววว
แมวตัวเล็กเห็นแทฮยองเรียกด้วยท่าทางปลอดภัยจึงย่องช้าๆ
เข้าไปหาร่างบาง ทันทีที่เดินถึงแทฮยอง
มือเรียวก็ยื่นไปลูบหัวแมวตัวเล็กด้วยความเอ็นดู
“ฮื่อ น่ารักจังเลย
ตัวผอมแบบนี้ต้องไม่ค่อยได้กินข้าวแน่ๆ เลยอ่ะโฮซอก”
ร่างบางบ่นงึมงัมให้ร่างสูงได้ยิน
“งั้นเดี๋ยวฉันมา อย่าไปไหนนะเข้าใจไหม?
ห้ามอุ้ม ห้ามฟัดเจ้าตัวเล็กด้วยนะ” ผมเตือนร่างบางอีกครั้ง
ปล่อยให้ร่างบางอยู่กับแมวตัวนั้นและเดินออกมา
เดินหาของที่เจ้าแมวตัวเล็กนั่นกินได้อยู่ไม่นานก็ซื้อลูกชิ้นสามไม้ติดมือ
ดังนั้นผมจึงเดินกลับไปหาแทฮยองที่นั่งเล่นกับแมวราวกับร่างบางสนุกที่ได้เล่นกับเจ้าตัวเล็กนี่
“อ่ะ เจ้าตัวเล็กคงหิว
ฉันเลยซื้อมาให้” ผมยื่นถุงลูกชิ้นให้แทฮยองและนั่งยองๆ
ข้างๆ ร่างบาง
“โฮซอกใจดีมากเลยอ่ะ” ร่างบางยิ้มอย่างจริงใจให้เพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ ดึงลูกชิ้นออกมาจากถุง
ฉีกให้เป็นชิ้นเล็กๆ
จากนั้นยื่นให้แมวตัวเล็กที่เอาหน้าคลอเคลียอ้อนร่างบางอยู่ไม่ห่าง
“ต่อไปเจ้าตัวเล็กนี่ต้องติดแทแทแน่ๆ” ผมมองดูแมวตัวเล็กกินจนเพลินพูดออกมาลอยๆ
“อยากเอาไปเลี้ยงที่บ้านจังแต่พ่อต้องว่าแน่ๆ
เลยอ่ะ”
แทฮยองทำหน้าหงอยยามนึกถึงพ่อที่ชอบดุเวลาเขาพาสัตว์ที่ไม่มีเจ้าของไปเลี้ยงที่บ้านทั้งหมาเอย
แมวเอย เพราะแทฮยองชอบหมาและแมว แถมรักสัตว์สุดๆ
จึงสงสารเวลาที่เห็นเจ้าตัวเล็กพวกนี้โดนทิ้ง
“ชอบแมวเหรอหืม?”
“อื้อ
ทั้งหมาทั้งแมวเลย ฉันรักสัตว์น่ะ อย่างน้อยมันก็ไม่เคยทำร้ายฉันเหมือนคนอื่นๆ”
แทฮยองลูบหัวเจ้าแมวตัวน้อยที่กินลูกชิ้นอยู่ตรงหน้าของเขาทั้งสองคน
“อืม... ก็จริง
แต่ฉันเองก็จะไม่ทำร้ายแทแทเหมือนกับเจ้าสัตว์พวกนี้แหละนะ”
“อื้อ รู้แล้ว” ร่างบางพยักหน้ายิ้มๆ
“ฉันกับจีมินจะดูแลแทแทเอง” ผมยื่นมือไปยีผมร่างบางอีกครั้ง จนตอนนี้ผมเริ่มชินกับการดูแลคนข้างๆ
ไปแล้ว เหมือนที่ผมคอยดูแลจีมินนั่นล่ะครับ
“ไปกันเถอะ
ไว้ค่อยแวะมาหาเจ้าตัวเล็กใหม่”
แทฮยองวางลูกชิ้นทั้งหมดไว้ให้เจ้าแมวตัวเล็กและยืนขึ้นเต็มความสูง
“ไปเดินเล่นกัน” เมื่อผมลูกขึ้นยืน แบมือไปทางแทฮยอง
ร่างบางไม่พูดอะไรแต่กลับยื่นมือไปจับกับมืออุ่นคู่นั้นแทน
โฮซอกกุมมือร่างบางอีกครั้งและพาเดินไปดูของรอบตลาด
เดินจนเกือบทั่วตลาด
ทั้งคู่ก็มาถึงร้านก๋วยเตี๋ยวของยุนกิ ร่างเล็กที่ยืนลวกเส้นก๋วยเตี๋ยวอยู่นั้นเงยหน้าขึ้นมามองลูกค้าที่กำลังยืนอยู่หน้าร้านก็เห็นว่าเป็นโฮซอกและแทฮยอง
แต่คนตัวขาวกับรู้สึกหน่วงแปลกๆ
ที่เห็นทั้งสองคนจับมือกันอยู่...
“สวัสดีครับพี่ยุนกิ” แทฮยองทักทายยุนกิที่มองมาทางเขา ร่างบางปล่อยมือจากโฮซอกและเดินเข้าไปนั่งโต๊ะเดียวกับจีมินที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“เข้าไปนั่งสิ
จะยืนบังหน้าร้านฉันอีกนานไหม?” ยุนกิใช้น้ำเสียงนิ่งพูดกับร่างสูงที่ยืนมองตนเองอยู่
ผมไม่ตอบคำถามของคนตัวขาว
เดินเข้าไปยืนระยะประชิดแทนและก้มกระซิบบอกกับคนตัวขาวข้างหู
“วันหลังอย่าให้เบอร์
ให้ไอดีไลน์กับใครอีกนะพี่ยุนกิ”
“นายเป็นใครทำไมฉันถึงต้องทำตามคำสั่งของนายด้วยไอ่เด็กหน้าม้า”
ยุนกิเขยิบถอยออกห่างจากเด็กตัวสูงเล็กน้อย
“ผมเป็นคนที่คอยเป็นห่วงพี่นี่แหละครับ”
“บ้ารึไงจะมาเป็นห่วงฉันทำไมว้ะห้ะ?! ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับนายสักหน่อย!”
ร่างเล็กทำหน้ายุ่งหลังจากได้ยินที่โฮซอกพูดกวนประสาทเขา
“ตอนนี้ยังไม่เป็น
แต่อนาคตข้างหน้าได้เป็นแน่ครับพี่ยุนกิ” ผมสบตาพี่ยุนกิได้ไม่นานก็ต้องเดินไปนั่งโต๊ะเดียวกับเพื่อนทั้งสองคน
เพราะพี่ยุนกิถลึงตาใส่พร้อมทำท่าจะฟาดผมด้วยที่ลวกเส้นก๋วยเตี๋ยว
ผมกวาดสายตามองหาลูกค้าในร้านคนที่คาดว่าน่าจะเป็นคนที่เข้าไปขอไอดีไลน์พี่ยุนกิก็พบแต่ผู้ชายสองคนท่าท่างเหมือนเด็กแว๊นซ์เอาแต่มองพี่ยุนกิที่ยืนอยู่หน้าร้าน
ต้องใช่มันสองคนแน่ๆ
...
ผมนั่งจ้องราวกับจะกินเลือดกินเนื้อมันสองคน
จนทั้งสองคนคงรู้สึกได้ถึงสายตาที่จับจ้องไปยังพวกเขา
ไม่นานนักทั้งสองหันมาทางโต๊ะผม และสบตาเข้ากับผมพอดี
ชายแปลกหน้าทั้งสองทำท่ากวนเบื้องล่างพร้อมสายตาหาเรื่องนั้นทำให้โฮซอกแทบจะลุกขึ้นไปต่อย
“หึ...” ผมอดทนและมองการกระทำของคนที่กวนตีนทั้งสองคนและหัวเราะขึ้นมาในลำคอ
“เป็นอะไรรึเปล่ามึง?”
จีมินถามออกมาด้วยความสงสัยกับท่าท่างของเพื่อนสนิท
“แค่มีคนกวนตีนกูนิดหน่อย” ผมส่งซิกให้เพื่อนสนิทหันไปมองชายแปลกหน้า
“กูรู้จักว่ะ หึ
กวนตีนแต่ไหนแต่ไรแล้วมึง แถวนี้ไม่ใช่ถิ่นมันนี่หว่า ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ว้ะ?”
“มึงรู้จักได้ไง
มันสองคนคือใคร?”
ผมเหล่หันไปมองแทฮยองก็ถอนหายใจออกมาที่ร่างบางไม่ได้สนใจคำพูดของพวกผมเพราะก้มหน้าก้มตานั่งเล่นโทรศัพท์ในมืออยู่
“คู่กัดแก๊งไอ่จอนมันอ่ะ
เคยเจอพร้อมไอ่จอนตอนมันขี่รถไปส่งที่บ้าน”
จีมินพูดเสียงเบาลงเพื่อไม่ให้แทฮยองได้ยินคำพูดของพวกเขา
“น่าต่อยให้ปากแตกชิบหาย
ดูมันทำหน้าดิ ถ้าพี่ยุนกิกับแทฮยองไม่อยู่ กูเดินเข้าไปถีบยอดหน้ามันแล้ว
คันตีนยิกๆ แล้วว่ะ!”
ผมกัดฟัดข่มความใจร้อนของตนเองไว้ไม่ให้เผลอทำอะไรวู่วามออกไป
“วันนี้ปล่อยมันไปก่อนเถอะมึง
แทฮยองอยู่ด้วยกูไม่อยากให้เขาไม่ปลอดภัย”
จีมินเหล่มองเพื่อนร่างบาง
“อืม
กูก็คิดเหมือนมึง เลยนั่งอดทนอยู่นี่ไง”
ผมพยายามทำหน้านิ่งไว้
“แปลกใจที่พวกมันมาป่วนเปี้ยนอยู่แถวนี้ว่ะ
ถิ่นของพวกมันห่างจากย่านนี้มากเลยนะ”
“ที่แน่ๆ พวกมันคงเป็นคนที่ขอไลน์พี่ยุนกิกูสัมผัสได้”
“อ๋อ! ที่ของขึ้นนี่เพราะพวกมันยุ่งกับพี่ยุนกิสินะ 55555555555555555555555” หลังจากที่จีมินรู้เหตุผลก็หัวเราะออกมา
“เออ
กูหงุดหงิดชิบหาย”
ผมหงุดหงิดจริงๆ นะ
อยากจะเข้าไปอัดพวกมันสักหมัดสองหมัด!
“ถ้ามึงยังอยู่แบบนี้ก็รอดูคนอื่นคาบไปแดกเถอะเพื่อน
ลงมือทำอะไรจริงจังสักทีก่อนที่จะเสียพี่เขาไป”
“ตั้งแต่วันนี้กูว่าจะจีบพี่เขาจริงจังแล้วว่ะ!”
ผมกุมขมับแล้วหลับตาเพื่อผ่อนคลายความหงุดหงิดในใจ
“สู้นะเว้ยเพื่อน!”
จีมินชูกำปั้นให้กำลังใจเพื่อนสนิท
เขาดีใจที่เพื่อนของเขาคิดได้สักทีว่าควรจริงจังเรื่องของพี่ยุนกิได้แล้วหลังจากคอยมองพี่เขาอยู่หกปี
“วันนี้จะกินอะไรเหมือนเดิมใช่ไหมนายทั้งสองอ่ะ?”
ร่างเล็กที่เดินเข้ามาถามถึงโต๊ะของสามหนุ่มพร้อมทำหน้าอึนตามนิสัยของเขาเช่นเดิม
“แห้งใหญ่ไม่งอกเหมือนเดิม” ผมพยักหน้าตอบรับ
“วันนี้ขอเป็นเส้นใหญ่น้ำแล้วกันพี่ยุนกิ
แล้วนี่เมื่อไหร่น้องยองแจจะมาอ่ะ?”
“มากี่ครั้งก็ถามถึงยองแจทุกครั้ง
มาตอนไหนนายก็เห็นเองแหละ”
ยุนกิบอกกับจีมินพลางยื่นมือไปสะกิดแทฮยอง
“แทฮยองอยากกินอะไรไหมหื้ม?
เดี๋ยวพี่ทำให้สุดฝีมือเลย” ร่างเล็กยิ้มกว้างให้กับแทฮยองที่เงยหน้าจากหน้าจอโทรศัพท์ขึ้นมามองคนที่สะกิด
“อ่า
เอาเกาเหลาลูกชิ้นแล้วกันพี่ยุนกิ ทำให้อร่อยๆ เลยนะ!”
ร่างบางตอบกับคนตัวเล็กที่สะกิดเขาพร้อมรอยยิ้มรูปหัวใจ
“รอแปปนะแทฮยอง
เดี๋ยวพี่ไปทำมาให้” พูดจบคนตัวขาวหันหลังกลับไปทำก๋วยเตี๋ยวหน้าร้านที่ประจำของเขา
“คุยกับใครเนี่ยแทแท
เห็นก้มหน้าก้มตาอยู่นานแล้วนะ”
ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้มองหน้าจอของอีกคน
“เอ่อ...
ไม่มีอะไรหรอกฉันก็เล่นอะไรไปเรื่อยน่ะ”
ร่างบางสะดุ้งที่โดนถามกดล็อคหน้าจอเก็บเข้ากระเป๋ากางเกงทันที และยิ้มบางให้โฮซอก
“ห้ามมีความลับนะ” จีมินที่นั่งมองแทฮยองอยู่ก็พูดขึ้นเช่นกัน
“แฮะๆ ไม่มีอะไรจริงๆ
นะ!” แทฮยองทำหน้าจริงจังเพื่อให้เพื่อนทั้งสองคนเชื่อ
ไม่ได้หรอก...จะให้คนอื่นรู้ไม่ได้ว่าเขาคุยกับเด็กบ้าที่เป็นวินมอเตอร์ไซค์
“ถ้ามีใครมาจีบหรือเข้ามากวนใจอะไรรีบบอกเลยนะ
พวกฉันจะจัดการให้!” จีมินกอดอกพร้อมทำหน้าเข้ม
“ใครเขาจะสนใจฉัน 55555555555555555555555”
แทฮยองหัวเราะกลบเกลื่อน ก็คำพูดของจีมินน่ะมันแทงใจดำเขาสุดๆ
ไปเลยล่ะ
“มีหลายคนที่อยากจะจีบแต่แทแทไม่รู้ตัวมากกว่า” ผมเลิกสนใจชายสองคนที่กวนเบื้องล่างและหันมาให้ความสนใจกับแทฮยองแทน
“ฉันไม่เห็นจะมีอะไรดีใครเขาจะอยากได้ไปเป็นแฟนกัน
55555555555555”
ผมดีดหน้าผากร่างไปหนึ่งที
“อย่าพูดแบบนี้อีกนะ”
“โอ๊ย! ฉันเจ็บนะ”
ร่างบางยกมือทาบหน้าผากตนเองแล้วจ้องมองร่างสูง
“ก็ต้องเจ็บสิ
วันหลังห้ามพูดดูถูกตัวเองแบบนั้นอีกนะเข้าใจไหม?”
ผมใช้น้ำเสียงจริงจังบอกกับแทฮยอง
ร่างบางที่เห็นเพื่อนทั้งสองจริงจังเรื่องของเขาก็พยักหน้ายอมรับเพราะไม่อยากให้เพื่อนทั้งสองคนเป็นห่วง
“ก๋วยเตี๋ยวมาแล้ว” ยุนกิเดินเอามาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะของทั้งสามคน
ขณะที่กำลังจะหันหลังกลับไปก็ต้องหยุดเพราะแรงสัมผัสที่ข้อมือทำให้ต้องหันกลับไปมองอีกครั้ง
“ใส่ถั่วงอกให้ผมอีกแล้วอ่ะพี่ยุนกิ” ผมชี้ถั่วงอกสีขาวที่นอนเรียงกันในชามก๋วยเตี๋ยว
“ต้องให้ฉันตอบแบบเดิมไหมไอ่เด็กนี่!” คนตัวขาวสะบัดข้อมืออกจากอีกคนแล้วบ่นเสียงดัง
“ถ้าโฮซอกไม่กิน
เอามาให้ฉันก็ได้นะ” แทฮยองเลื่อนชามเกาเหลาของตนเองไปข้างๆ
ชามของร่างสูง
“นั่นไง
มีคนช่วยกินแล้ว หยุดกวนฉันสักที”
ยุนกิเดินกลับไปต้อนรับลูกค้าไม่สนใจร่างสูงทั้งที่ในใจแอบหน่วงอีกครั้งที่เห็นโฮซอกกับแทฮยองดูสนิทสนมกัน
ผมเหลือบมองใบหน้าขาวของพี่ยุนกิก็ถอนหายใจออกมาช้าๆ
ใช้ตะเกียบคีบถั่วงอกใส่ชามเกาเหลาของแทฮยอง
“ทำไมโฮซอกถึงไม่กินถั่วงอกอ่ะ
อร่อยจะตาย”
ร่างบางถามสายตามองมือของร่างสุงที่คีบถั่วงอกอยู่
“ไม่อร่อยอ่ะ
ฉันโคตรเกลียดถั่วงอกเลย” ผมตอบคำถามของแทฮยองด้วยท่าทีสบายๆ
ทั้งที่มือยังคงคีบถั่วงอกไม่หยุด ทำไมวันนี้พี่ยุนกิใส่มาเยอะเป็นพิเศษว้ะเนี่ย
เหนื่อยจะคีบออกแล้วนะ
“ถ้าไม่กินก็ให้ฉันนี่แหละ
ฉันกินแทนเอง 555555555555555555”
“ดีเลย
จะได้ไม่เสียดายของ 55555555555555555”
“เริ่มมืดแล้วว่ะ ยองแจยังไม่มาอีกอ่ะ
กูเป็นห่วงเขาว่ะไอ่โฮป!” จีมินมองดูเวลา
กระวนกระวายนั่งไม่ติดเก้าอี้มองไปยังนอกร้าน
“เดี๋ยวเขาก็มาหน่ากินก๋วยเตี๋ยวรอเขาไปก่อน” ผมใช้ตะเกียบชี้ชามก๋วยเตี๋ยวของมัน
จีมินหยิบตะเกียบขึ้นมาเขี่ยไปเขี่ยมาในชาม
จากนั้นจัดการก๋วยเตี๋ยวตามคำพูดของเพื่อน ผมเห็นดังนั้นจึงลุกไปเอาน้ำแข็งและโค้กหลังร้านที่เดิมเช่นทุกวันและกลับมานั่งที่โต๊ะ
จัดการเรื่องน้ำอยู่เงียบๆ
เมื่อเทใส่แก้วเรียบร้อยแล้วเลยเลื่อนแก้วไปให้เพื่อนทั้งสองคน
“ขอบใจนะ” แทฮยองเอ่ยขอบคุณโฮซอก
“ไม่เป็นไร
พี่ยุนกิทำอร่อยไหม?” เห็นแทฮยองกินเกาเหลาก็คิดว่าได้คำตอบแล้วล่ะว่าพี่ยุนกิทำอร่อย
ก็ร่างบางเล่นกินยังไม่วางช้อนเลยนี่นา
“อื้อ อร่อยมากเลยอ่ะ
น้ำซุปรสชาติกำลังดีเลย”
ผมยิ้มกับคำตอบของร่างบาง
เริ่มกินก๋วยเตี๋ยวของตนเองบ้าง วันนี้พี่ยุนกิยังคงทำอร่อยเหมือนทุกวัน
“คนสวยจ้ะ เก็บเงินหน่อยสิจ้ะ”
ใครมันกล้าเรียกพี่ยุนกิแบบนี้ว้ะห้ะ?!
ชายคนหนึ่งที่นั่งโต๊ะห่างออกไปไม่ไกลนักตะโกนบอกเรียกพี่ยุนกิ
ผมได้ยินประโยคที่มันเรียกพี่ยุนกิเลยหันไปมอง อ๋อ!
ไอ่คนที่มันกวนตีนผมนั่งเอง บังอาจมากนะมึงเรียกพี่ยุนกิว่าคนสวย
ไม่รู้จักพี่ยุนกิซะแล้ว หึหึ
“เมื่อกี๊เรียกใครสวย?” ยุนกิเดินเข้าไปถามชายหนุ่มสองคนที่โต๊ะ
“ก็เรียกคนสวยคนนี้ไงจ้ะ” ชายคนที่หนึ่งตอบชี้ไปยังยุนกิและอีกคนหัวเราะร่วน
“เหรอ สวยมากไหม”
“สวยม๊ากมากเลยจ้ะ”
เพี๊ยะ!
ยุนกิตบหัวคนพูดไปหนึ่งทีพร้อมฉีกยิ้ม คนที่โดนตบหัวได้แล้วกุมหัวมองหน้าร่างเล็กด้วยความอึ้ง
ไม่เคยมีใครกล้าทำกับเขาถึงขนาดนี้!!!
“แล้วแบบนี้ฉันยังสวยอยู่รึเปล่าห้ะ?!!!” ร่างเล็กตะโกนใส่หน้าคนที่มอง
“เฮ้ย นี่กล้าตบหัวลูกพี่ผมได้ยังไง
เจ๊รู้ไหมลูกพี่ผมเป็นใคร!!!” ชายตัวสูงอีกคนลุกขึ้นยืนทำท่าจะเข้าไปเอาเรื่องกับยุนกิ
“อ้าว
ลูกพี่แกเป็นใครไม่รู้เหรอถึงต้องมาถามฉันอ่ะ?
โง่รึเปล่าลูกพี่ตัวเองแค่นี้ก็ไม่รู้จัก” ยุนกิเถียงกลับอย่างไม่ยอม
ผมแอบขำที่เห็นชายสองคนนั้นโดนพี่ยุนกิตอกกลับจริงๆ
นะ พี่ยุนกิของผมธรรมดาซะที่ไหน ท่าท่างดูกลัวพี่ยุนกิทั้งคู่เลยนะนั่น 555555555555555555555555555555555555
“ลูกพี่ผม คือ จูเนียร์ซิ่งไม่หยุด
ส่วนผมนี่ ยูคคยอมบิดมิดไมล์ เลยนะ ไม่รู้จักรึไงเจ๊?!”
ชายที่ชื่อยูคคยอมก้มหน้าแหกปากมองร่างเล็กของยุนกิ
“เด็กแว๊นซ์แบบพวกนายฉันไม่อยากรู้จักหรอก”ยุนกิยักไหล่ไม่รู้ไม่ชี้
“เงียบได้แล้วคยอม!” จูเนียร์ดุลูกน้องให้เงียบ
ยุนกิจึงหันไปมองหน้าอีกคนนิ่งๆ
“ขอโทษแทนลูกน้องผมด้วยนะจ้ะ ผมไม่ถือเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี๊เพราะเห็นว่าคนสวยทำก๋วยเตี๋ยวอร่อย
สองชามนี่เท่าไหร่จ้ะ?” จูเนียร์โปรยยิ้มให้ร่างเล็ก
“ห้าสิบบาท
ถ้ายังไม่เลิกเรียกคนสวยโดนตบกะโหลกอีกทีแน่ๆ”
“อ่ะนี่จ้ะ
ขอบคุณสำหรับก๋วยเตี๋ยวและไอดีไลน์นะจ้ะ ไว้จะแอดไปนะคนสวย”
จูเนียร์ยื่นแบงค์ห้าสิบให้ร่างเล็กหลังจากพูดจบก็รีบวิ่งออกไปจากร้านโดยที่ไม่รอยูคคยอมที่ยืนเอ๋ออยู่เลย
“ลูกพี่รอคยอมด้วยสิลูกพี่!!!” ร่างสูงของยูคคยอมรีบวิ่งใส่เกียร์หมาตามลูกพี่ของตนเองไปทันที
ยุนกิมองแล้วส่ายหัวไปมา
จัดการเช็ดโต๊ะเก็บแก้วน้ำและชามก๋วยเตี๋ยวไปวางไว้ในกะละมังใบใหญ่เพื่อล้างตอนร้านปิด
ผมอมยิ้มอยู่คนเดียว
เห็นพี่ยุนกิเป็นแบบนี้ผมก็สบายใจ ความโหดของพี่เขานี่คงเส้นคงวาจริงๆ
ชีวิตมีค่าอย่าซ่ากับมินยุนกินะครับทุกคน 55555555555555555555555555555555
“ทำไมพี่ยุนกิโหดจังโฮซอก
เมื่อกี๊พี่เขาน่ากลัวมากเลยอ่ะ” แทฮยองแอบกระซิบกับร่างสูงเงียบๆ
“นั่นล่ะพี่ยุนกิ
ถึงจะดูโหดแต่จริงๆ แล้วพี่เขาใจดีนะ ไม่ต้องกลัวหรอก 555555555555” เห็นแทฮยองทำท่าตัวสั่นก็ขำออกมา
ก้ท่าทางสั่นเหมือนลูกนกตกน้ำน่ะน่ารักมากเลยครับ
“อื้อ”
จีมินที่กินก๋วยเตี๋ยวหมดชามวางตะเกียบแล้วเงยหน้ามามองรอบข้างราวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครูตนเองไม่ได้รับรู้เรื่องด้วยเลย
เพราะมัวแต่ใจลอยถึงยองแจ
“เกิดอะไรขึ้นว้ะ?
แล้วไอ่สองคนนั้นไปไหนแล้ว มันกลับไปแล้วเหรอ?”
จีมินถามเพื่อนสนิท
“เออ โดนพี่ยุนกิเล่นงานไปแล้วว่ะ
มึงน่าจะเห็นหน้าของไอ่พวกนั้นนะ โคตรฮาอ่ะ 55555555555555555555555555555555555” ผมหัวเราะเสียงดังเมื่อนึกถึงหน้าของไอ่สองคนเมื่อกี๊
“ดีแล้วว่ะ ไปได้ก็ดี รกหูรกตา”
“เฮีย ขอโทษที่มาช่วยช้านะ
พอดีมีกิจกรรมที่มหาลัยอ่ะ”
ยองแจกล่าวขอโทษลูกพี่ลูกน้องหลังจากที่เดินเข้ามาในร้าน
ยุนกิโบกมือเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร
“ยองแจจ๋า”
จีมินดีดตัวลุกขึ้นทันทีที่เห็นยองแจ กวักมือเรียกไม่หยุดหย่อนให้เดินเข้ามากใกล้ๆ
“มีอะไรหืมจีมิน?” ยองแจเดินเข้าไปหาและถามขึ้น
“นี่ขนมฉันซื้อมาฝาก” จีมินหยิบถุงกล่องขนมหลายกล่องยื่นให้พร้อมยิ้มจนตาปิด
“บอกแล้วนี่นาว่าไม่เป็นไรอ่ะ
ฉันเกรงใจ แฮะๆ” ยองแจรับขนมมือถือไว้
พูดเสียงอ่อนกับร่างอวบ
“ฉันเต็มใจซื้อให้นี่นา เอ้อ! นี่แทฮยอง เรียนมหาลัยเดียวกับพวกเรา เพื่อนที่คณะฉันเอง”จีมินผายมือไปทางแทฮยอง
“ยินดีที่ได้รู้จักนะยองแจ” แทฮยองยิ้มกว้างให้ยองแจ
“อื้อ เช่นกันนะ ยินดีที่ได้รู้จัก” ยองแจเองก็ยิ้มกว้างส่งให้แทฮยองเช่นกัน
“วันนี้ทำไมกลับมาช้าจัง กลับดึกๆ
คนเดียวมันอันตรายนะยองแจ วันหลังโทรมาบอกก็ได้ฉันจะได้ไปรับ” จีมินบอกด้วยความเป็นห่วง
“มหาลัยอยู่ไม่ไกลแถมฉันก็อยู่แถวนี้มาตั้งแต่เด็ก
ไม่อันตรายหรอก อีกอย่างฉันก็เป็นผู้ชายนะ ใครจะกล้าทำอะไรกัน ฮ่าๆ” ยองแจพูดกลั้วหัวเราะ
“ฉันก็เป็นห่วงอยู่ดีอ่ะ” จีมินนั่งลงดังเดิมเงยหน้ามองอีกคนด้วยสายตาเป็นห่วงที่ปิดไม่มิด
“ขอบใจที่เป็นห่วงนะ
ฉันขอตัวไปช่วยพี่ยุนกิก่อน” ยองแจยิ้มบาง
เดินไปช่วยยุนกิขายก๋วยเตี๋ยว ร่างอวบทำได้แค่มองตามยองแจเพียงเท่านั้น
“ยองแจน่ารักจัง
น่ารักทั้งพี่ทั้งน้องเลยอ่ะ” แทฮยองมองสองพี่น้องที่ยืนขายก๋วยเตี๋ยวอยู่หน้าร้าน
“เนอะ น่ารัก...” ผมพูดเสียงเบาตามองคนตัวขาวที่ยืนอยู่หน้าหม้อมือไม้หยิบจับทำก๋วยเตี๋ยวอย่างคล่องเคล่ว
“ห้ะ ว่าไงนะ?” ร่างบางเอียงหูไปทางโฮซอกเพื่อให้ได้ยินที่อีกคนพูด
“ไม่มีอะไรหรอก อิ่มแล้วใช่ไหม
งั้นเดี๋ยวพวกฉันไปส่ง” ผมยีผมร่างบางจนฟู
“อิ่มแล้วอ่ะ
แต่รอพี่ยุนกิปิดร้านก็ได้ จะได้ช่วยกันเก็บร้าน
ยังไงก็ต้องกลับทางเดียวกับพี่ยุนกิอยู่แล้ว”
ร่างบางเท้าคางพูดกับร่างสูง
“ดึกเลยนะ แทฮยองรอไหวรึเปล่า? 55555555555555555” จีมินถามแทรกขึ้นมา
“รอไหวสิ ถ้ามีพวกนายสองคนอยู่ด้วย” ร่างบางยักคิ้วกวนเพื่อนทั้งสองคน
ทว่าเพื่อนทั้งสองกลับไม่ได้มองว่ากวนเลยสักนิด แต่กลับมองว่ามันน่ารักซะมากกว่า
“รอก็รอ”
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเกมรอเวลาพี่ยุนกิปิดร้าน
แทฮยองเห็นร่างสูงเล่นเกมก็หยิบโทรศัพท์ของตนเองขึ้นมาเล่นบ้าง
เล่นได้ไม่นานก็ต้องขมวดคิ้วเพราะไลน์ที่เข้ามารัวจนทำให้เครื่องเขาค้างซะนี่
จีมินที่เห็นว่าไม่มีอะไรทำก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นตามเพื่อนทั้งสอง
“พวกนายไม่กลับบ้านกันเหรอ?” เนื่องจากที่ร้านไม่ค่อยมีลูกค้าแล้วเพราะเป็นเวลาดึกแล้ว
ร่างเล็กจึงเดินเข้าไปถามสามหนุ่มที่ยังคงนั่งอยู่ขยับไม่ไปไหน
“รอกลับพร้อมพี่ยุนกิครับ” เป็นแทฮยองที่เงยหน้าจากหน้าจอขึ้นมาตอบร่างเล็ก
“อ๋อ อีกไม่นานก็จะปิดร้านแล้วล่ะ
รอหน่อยนะ” ยุนกิยิ้มบางให้กับคำตอบของแทฮยอง
หลังจากที่ลูกค้าไม่มีแล้ว ยุนกิ ยองแจ
และทั้งสามหนุ่มช่วยกันล้างจานเก็บร้านอย่างรวดเร็ว พากันเดินกลับบ้านพร้อมเสียงพูดคุยอย่างสนุกสนาน
โฮซอกและจีมินที่เสนอตัวว่าจะไปส่งทั้งสามคนนั้น กลายเป็นรับหน้าที่ลากรถเข็นขายก๋วยเตี๋ยวไปเป็นที่เรียบร้อย
ผมมองพี่ยุนกิที่คุยกับแทฮยองและยองแจอยู่นั้นก็ยิ้มตามร่างเล็กออกมาได้อย่างง่ายดาย
เพราะพี่ยุนกิยิ้ม ผมเลยยิ้ม ...
พี่ยุนกิยิ้มออกจะดูดีแต่ทำไมพี่เขาชอบทำหน้านิ่งกันนะ?
ผมอยากจะรู้จริงๆ แต่เอาเถอะ หลังจากนี้ไปผมจะทำให้พี่เขายิ้มเอง
TBC
ขอโทษที่หายไปนานเพราะช่วงนี้ทำงานหนักมาเลยค่ะ T_T
คอมเม้นต์ คือ กำลังใจเนอะ ฮ่าๆ
และกำลังใจดีๆ จากทุกคนเป็นแรงผลักดันให้ฟิคเรื่องนี้ดำเนินต่อไปได้นะคะ
ด้วยรักและห่วงใย จุ้บ<3
ความคิดเห็น