คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ใหญ่แห้งไม่งอก : ชามที่สอง (100%)
“อ้าว แทแทบ้านอยู่แถวนี้เหรอ?” โฮซอกถามร่างบางที่เดินคุยอยู่กับจีมิน
ผมหันซ้ายหันขวามองตามทาง บ้านแทฮยองอยู่หลังตลาดบางท่านนี่เอง
ไม่คิดว่าจะอยู่ใกล้ๆ กับคอนโดผม เพราะคอนโดผมเลยไปอีกไม่ไกลมาก
“อื้ม ฉันเพิ่งย้ายมาเองน่ะ ยังไม่ชินทางแถวนี้เลย”
“ฉันอยู่หอพักแถวตลาดบางท่านเหมือนกัน
แบบนี้เราสองคนก็อยู่ใกล้กันเลยอ่ะดิ”
จีมินเลิกคิ้วมองหน้าเพื่อนทั้งสองคนสลับกัน
“จีมินเช่าห้องอยู่กับโฮซอกเหรอ?”
“เปล่าหรอก
ฉันไม่ได้อยู่แถวนี้น่ะ” ผมตอบคำถามของแทฮยอง
“ฉันเช่าห้องอยู่คนเดียวอ่ะ
ถ้าวันไหนฉันเหงาขอมาหาแทฮยองที่บ้านได้ไหม? นะๆๆๆๆๆ” จีมินกอดแขนแล้วเอาหัวถูแขนแทฮยอง
แหม
ไอ่เตี้ยนี่ทำเป็นอ้อน ตอนอยู่กับผมแทบจะกินหัว!!!
“ได้สิ
ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่ พ่อกับแม่ฉันต้องดีใจแน่ๆ ที่เห็นฉันมีเพื่อนใหม่”
ร่างบางพูดพลางยิ้มตาหยี
“แทฮยองใจดีที่สุดเลยว่ะ
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว วันนี้ฉันก็ขอนอนกับแทฮยองด้วยเลยแล้วนะ นอนคนเดียวที่ห้องมันเหงา
555555555555555555555555555555555”
“ให้มันน้อยๆ หน่อยไอ่เตี้ย
ฉันเห็นแกพาสาวขึ้นห้องไม่ซ้ำหน้า”
ผมพูดดักทางเพื่อนสนิท
อยู่คนเดียวมาตั้งนานเพิ่งจะมาเหงา อยากจะตบให้กระโหลกแยก
“สาวที่ไหน ไม่มี๊ ปาร์ค
จีมินรักเดียวใจเดียว หัวใจมีแต่น้องยองแจคนเดียวเว้ย” จีมินเอามือทาบอกตนเองแล้วเชิดหน้าใส่ร่างสูง
เฟี้ยววววววววววววว!
“พี่วีของจอน!!!!”
เสียงดังจากท่อรถมอเตอร์ไซค์ที่แต่งตามสไตล์เด็กแว๊นซ์ดังไปทั่วทั้งซอย
แถมยังมีเสียงตะโกนโหวกเหวกเรียกใครคนใดคนหนึ่งด้วย เด็กหนุ่มทั้งสามคนยกมือปิดหูกันแทบไม่ทัน
“ไอ่เด็กแว๊นซ์พวกนี้ เสียงท่อรถมันก็ดังแล้ว ยังจะตะโกนแหกปากอีก” จีมินบ่นขึ้นมาเป็นคนแรก ตามด้วยเสียงโฮซอกตามมา
“นั่นดิว้ะ น่าจะเรียกตำรวจให้มาจับไปนอนเล่นในกรงให้หมด
มลพิษทางเสียงชิบหาย”
“อื้ม น่าจะจับไปฆ่าให้หมด”
แทฮยองพูดขึ้นมาบ้าง
ผมกับจีมินหันไปมองแทฮยองแบบงงๆ
น่ารักขนาดนี้แต่ทำไมโหดจังว่ะ...
“หืม? ฆ่าเลยหรอ โหดเหมือนกันนะเนี่ยแทฮยอง” แทฮยองไม่ตอบอะไรได้แต่พยักหน้าแล้วยิ้มบางๆ ระหว่างเดินเรื่อยๆ โฮซอกก็อุทานเสียงดัง
“ชิบหาย!!! กูเพิ่งนึกได้ วันนี้เราไม่ได้ไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านพี่ยุนกิเลยว่ะ”
ผมกระวนกระวาย ก้มดูนาฬิกาที่ข้อมือ
21.30 น.
เพิ่งนึกได้เมื่อกี๊
เดินไปสักพักผมลืมซะสนิทเลย ไม่ทันแน่ๆ พี่ยุนกิต้องปิดร้านแล้วแน่ๆ ขุ่นพระ! ยอดยาหยีของผมได้แจกเบอร์
แจกไลน์ให้หนุ่มคนไหนไหมเนี่ยยยยยยยยยยยยยย
“เออว่ะ ชิบหายแล้ว
น้องยองแจกูจะโดนเด็กแว๊นซ์มาเต๊าะบ้างป่ะว้ะ ฮืออออออออออออออออออ” จีมินเบะปากร้องงอแงออกมาเหมือนเด็ก
“ยองแจ... แฟนของจีมินเหรอ?”
“ว่าที่แฟนน่ะ กำลังจีบอยู่
อีกไม่นานก็จะได้เป็นแฟนแล้ว”
อื้อหือ!!! พูดมาได้ กูนี่แดกก๋วยเตี๋ยวมาหกปีจนเส้นก๋วยเตี๋ยวมันซึมเข้ากระแสเลือดแล้ว
ยังสัมผัสไม่ได้เลยว่าน้องยองแจจะยอมตกลงเป็นแฟนกับมึงไอ่เตี้ยจีมิน
“เหรอไอ่เตี้ย
มึงทำให้ยองแจคุยกับมึงเกินวันละสองประโยคให้ได้ก่อนไหม” ผมเอ่ยแซะมันไปหนึ่งดอก
“มึงเนี่ยชอบดับฝันกูจริงๆ
ไอ่เงิงบาน ไอ่ม้าไม่มีสติ!!!”
ผมเห็นจีมินกำมือแน่น อ้าปากพะงาบๆ
เหมือนอยากจะด่าผมต่อแต่คิดคำด่าไม่ออก ยกนี้ผม Win!!!
5555555555555555555555555555555555555555555555555555
“พวกนายสองคนนี่ตลกดีจัง
ยังกับคู่กัดอ่ะ” ร่างบางของแทฮยองยิ้มขำที่เห็นเพื่อนทั้งสองคุยกัน
“นี่แทฮยองไม่ได้ว่าเราสองคนเป็นหมาใช่ป่ะ?”
จีมินถาม
“เปล่านะ ฮ่าๆ ขอให้จิมินได้คบกับน้องยองแจไวๆ
นะ ฉันเป็นกำลังใจให้” ร่างบางยิ้มให้กำลังใจร่างอวบ
“แทฮยองนี่ทั้งใจดี ทั้งน่ารัก
ไม่เห็นเหมือนมึงเลยไอ่เงิงบาน วันๆ คอยแต่แกล้งกู ปากหมาอีกมึงอ่ะ”
“พูดอะไรกูได้ยินนะไอ่เตี้ย
เดี๋ยวปั๊ดตบแสกกลางกระบาล”
ผมยกมือทำท่าจะตบหัวมัน แหม่... นินทาระยะเผาขนเลยนะไอ่เหี้ยเตี้ย
“เอ่อ
แล้วโฮซอกล่ะ? มีแฟนรึยัง?” แทฮยองเอียงคอมองอีกคนตาโต ถามออกมาด้วยใบหน้าใสซื่อ
แทฮยอง... นี่จะแอทแทคผมเหรอ อย่าทำน่ารักใส่แบบนี้!!! โอ๊ย คนหล่อหัวใจจะวายตายกับความน่ารักของคนตรงหน้า
“โหยยยยยย
ระดับจองโฮซอก หล่อเท่ห์ดูดีเพอร์เฟคขนาดนี้” ผมเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงยืนเก๊กหล่อ
ยิ้มมุมปากตอบคำถามร่างบาง แต่ก็ต้องหยุดพูดเพราะอีกคนพูดแทรกขึ้นมา
“มีแฟนแล้วเหรอ?” แทฮยองนั่นเองที่ถามแทรกอีกคนเพื่อต้องการคำตอบ
“โสดสนิท
จีบเขายังไม่ติดเหมือนกัน” จีมินตอบแทน
“อย่าขายกูดิไอ่ห่านี่
เมื่อกี๊กูกำลังหล่อเลย”
ผมเตะก้นมันด้วยความหมั่นไส้อย่างสุดขีด
ไม่เคยจะยอมให้กูหล่อบ้างเลยไอ่เพื่อนเวร!!!
“ค่อยยังชั่ว”
แทฮยองก้มหน้าแอบยิ้มพูดกับตนเองเบาๆ
“ห้ะ
เมื่อกี้แทแทพูดว่าอะไรนะ แอบนินทาฉันคนเดียวอยู่ใช่ป่ะ?” เหมือนได้ยินอีกคนบ่นอะไรสักอย่าง
ผมจึงเอียงหูเข้าไปใกล้
“อ๋อๆ ฉันบอกว่า ง่วงน่ะ
ไม่มีอะไรหรอก” แทฮยองโบกไม้โบกมือปฏิเสธ
“เอ้อ
แทฮยองพรุ่งนี้ตอนเย็นไปกินก๋วยเตี๋ยวกัน เจ้านี้อร่อยมาก คนทำน่ารักมากด้วย
แต่น้องคนทำน่ารักที่สุดในโลก 555555555555555555” จีมินพูดชวนแทฮยองให้ไปชิมก๋วยเตี๋ยวด้วยกัน
“อื้ม เอาสิ
เอ่อ... แล้วโฮซอกไปด้วยกันไหม?”
ไม่มีเสียงตอบกลับจากจองโฮซอก
เด็กหนุ่มทั้งสองคนจึงหันไปหาโฮซอกเพื่อถามหาคำตอบ แต่ก็พบว่าเพื่อนของตนไม่ได้ยืนอยู่ด้วยกันซะแล้ว
สายตาของทั้งสองคนหันซ้ายหันขวาไปมา ก็พบว่าร่างสูงของโฮซอกได้วิ่งไปอย่างเร็วทันทีที่เห็นยุนกิเดินเข็นรถขายก๋วยเตี๋ยวอยู่ไกลๆ
“พี่ยุนกิ! เดี๋ยวผมช่วยเข็น”
ผมพูดขึ้นทันทีที่วิ่งถึงหน้าคนตัวเล็ก
ระหว่างที่แทฮยองกับจีมินและผมเดินคุยกัน
เรดาร์สายตาของผมหันไปเห็นพี่ยุนกิอยู่ไกลๆ
จึงรีบวิ่งไปหาโดยลืมสนิทว่าเพื่อนทั้งสองคนกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่
มันคงเป็นปกติที่ต่อให้คนที่เราแอบชอบอยู่ไกลหรืออยู่ท่ามกลางคนเยอะแยะมากแค่ไหนเราก็สามารถเห็นเขาได้อยู่ดี ยิ่งกับคนตัวเล็กนี่แล้ว ผมยิ่งเห็นใบหน้าหวานนี่ได้ง่ายเข้าไปอีก ก็พี่เขาเล่นเข้ามาอยู่ในหัวใจผมตั้งหกปีเลยนะ
“ขอบใจ” ยุนกิตอบโฮซอกด้วยคำพูดไร้ความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้น
“วันนี้ที่ร้านขายดีไหมพี่?
ผมเลิกกิจกรรมค่ำแล้วอ่ะ กำลังจะไปกินพอดี หิวมากเลยเนี่ย”
ผมชวนพี่ยุนกิคุยพลางยื่นมือเข้าไปช่วยเข็นรถขายก๋วยเตี๋ยว
“เหรอ?
เลิกแล้วทำไมไม่ไปหาของกินที่ตลาดอ่ะ มาทำอะไรแถวนี้”
“อ๋อ
ผมแวะมาส่งเพื่อนอ่ะ ไม่คิดว่ามันจะอยู่แถวบ้านพี่เหมือนกัน”
“วันนี้ที่ร้านขายหมดเร็วมาก
ฉันเลยได้ปิดร้านเร็วกว่าวันอื่น สงสัยเพราะไม่มีนายกับเพื่อนนายมานั่งที่ร้านฉันแน่ๆ
เลยขายดิบขาย”
ร่างเล็กเหล่มองโฮซอกที่ขะมักเขม้นเข็นรถอย่างจริงจัง
“เฮ้ย
ทำไมพี่พูดแบบนี้อ่ะ ผมแค่ไปนั่งกินก๋วยเตี๋ยวเองนะ
ไม่ได้ไปดักไม่ให้คนเข้าร้านพี่ซะหน่อย”
พี่ยุนกิพูดแบบนี้
ผมปวดใจนิดๆ นะเนี่ย ... แอบน้อยใจแฮะ
“ก็มาทีไร
นายสองคนนั่งทำหน้าเหมือนพร้อมจะตีกับใครทุกที เลยไม่มีใครกล้าเข้าร้านฉันไง”
“งั้นวันหลังผมไม่ไปกินร้านพี่แล้วดีป่ะ?
กินมาหกปีละ เริ่มอยากกินอย่างอื่นบ้างแล้ว”
ผมพูดลอยๆ ให้พี่ยุนกิได้ยิน
เผื่อจะรับรู้ความรู้สึกน้อยใจของผมได้บ้าง หกปีที่ผ่านมาหยอดไป
เต๊าะไปไม่เกิดผลเลย สงสัยต้องจริงจังสักทีแล้วมั้ง
“ไม่ดี!”
ร่างเล็กรีบสวนกลับทันทีที่ได้ยินอีกคนพูดตัดพ้อ
“อ้าว ทำไมอ่ะ พวกผมไม่ไป
ร้านพี่จะได้ขายดีไง”
“เอ่อ... ถ..
ถ้าพวกนายไม่ไปแล้วจะมีใครคอยกวนตีนฉันล่ะ”
ยุนกิพูดติดขัดทำหน้าเหลอหลา
“โห
นี่ผมมีความสำคัญแค่นี้ใช่ป่ะว้ะ?”
ผมมองหน้าคนตัวเล็กที่ทำหน้าหงอยไปนิดหน่อย
น่าแกล้งจริงๆ ทำไมมีแต่คนน่าแกล้งไปหมดเลยว่ะเนี่ย
คนน่ารักเวลาทำหน้างอนี่มันน่าฟัดจริงๆ นะครับ
ยิ่งเป็นพี่ยุนกิยิ่งน่าฟัดเข้าไปใหญ่เลย 555555555555555555555555555555555555555555555555
“เออ แค่นั้นแหละ” ร่างเล็กก้มหน้าเล็กน้อยหลบตาร่างสูง
“ก็ยังดี
นึกว่าผมจะไม่มีความสำคัญกับพี่เลยซะอีก”
ผมตีหน้าเศร้าประหนึ่งหมาที่บ้านตาย
“ไม่ต้องดราม่าเรียกร้องความสนใจจากฉัน
รีบๆ ช่วยเข็นเลย ฉันง่วงแล้ว”
“แหม รู้ทันผมตลอดว่ะ”
โฮซอกปากก็บ่นไป
แต่มือกลับช่วยออกแรงเข็นจนร่างเล็กแทบจะไม่ต้องออกแรงเลยด้วยซ้ำ
“ถ้าจะช่วยก็อย่าบ่นมาก”
“คร้าบบบบบบบบบบบ คุณพี่ยุนกิ”
“ดีมาก หุบปากเก็บเงิงซะบ้าง”
“ดูสิเนี่ย พี่เหงื่อออกไปหมดแล้ว
น่าจะรออีกสักนิด ผมจะได้ไปช่วยพี่เข็นรถก๋วยเตี๋ยวกลับบ้านเหมือนทุกวัน
ไม่ต้องเข็นมาคนเดียวแบบนี้ ตัวเล็กนิดเดียวเอาแรงมาจากไหนเนี่ย”
ผมเห็นเหงื่อตามไรและใบหน้าขาวผมของอีกคน
จึงหยุดเข็นแล้วหยิบปลายผ้าขนหนูสีขาวที่คล้องคอของร่างเล็กอยู่ขึ้นมาซับเหงื่อให้
ตึกตัก ตึกตัก... ตึกตัก ตึกตัก...
ร่างเล็กยืนนิ่งมองหน้าอีกฝ่ายที่มือยังไม่หยุดซับเหงื่อให้ตนเอง
หัวใจเต้นเร็วขึ้นเหมือนไปวิ่งมาสิบกิโล
“อ่ะ เสร็จแล้วพี่ยุนกิ
วันหลังรอผมไปช่วย เข้าใจไหมหืม?”
“...”
“พี่ยุนกิ... พี่ยุนกิ!!! เข้าใจที่ผมพูดไหม?” โฮซอกเขย่าตัวอีกคนเล็กน้อย
“อะ.. อ้อ!! เข้าใจแล้ว
แต่ไม่เป็นไรหรอก ฉันแข็งแรงหน่า ไม่ต้องให้นายช่วยทุกวันหรอก เกรงใจน่ะ” ยุนกิที่เพิ่งดึงสติกลับมา ยิ้มแห้งส่งให้อีกคน
“ผมก็ช่วยพี่มาหกปีแล้ว
เพิ่งเกรงใจรึไง? 5555555555555555555555555555”
“ตามใจนายแล้วกัน
วันหลังอย่ามาบ่นล่ะไอ่เด็กบ้า”
“ใช่ ผมเป็นบ้า บ้านานแล้วด้วย 55555555555555555555555”
“ก็รู้มานานแล้วแหละนะ” ร่างเล็กได้ยินดังนั้นจึงกรอกตาไปมา
แทฮยองกับจีมินที่เห็นเพื่อนของตนเองช่วยคนตัวเล็กเข็นรถก็ได้แต่ยืนงง
เมื่อสองคนนั้นเข็นเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
“จีมิน คนตัวเล็กๆ นั่นใครหรอ
ทำไมดูสนิทกับโฮซอกจัง”แทฮยองกระซิบถามจีมิน สายตามองร่างสูงและร่างเล็กที่เข็นรถขายก๋วยเตี๋ยวคุยกันดูสนิทสนมไม่ใช่น้อย
“นั่นพี่ยุนกิน่ะ
ลูกพี่ลูกน้องของยองแจ คนที่ฉันชอบไง”
“อ๋อ ขนาดมองไกลๆ
พี่เขายังดูน่ารักขนาดนี้ แล้วคนน้องจะขนาดไหนเนี่ย”
“ยองแจน่ารักสุดๆ ไปเลยล่ะแทแท” จีมินทำหน้าเคลิ้มเมื่อนึกถึงคนที่ชอบ
แทฮยองพยักหนักหน้าตอบรับ
มองคนสองคนนั้นแล้วรู้สึกแปลกๆ ในใจ แต่ก็ไม่รู้ว่าตนเองรู้สึกอย่างไรกันแน่
“สวัสดีครับพี่ยุนกิ
วันนี้ไม่ได้ไปที่ร้านเลยอ่ะ มีคนเข้ามาจีบยองแจบ้างไหมพี่?!!!” จีมินทักเมื่อเพื่อนสนิทและพี่ยุนกิกำลังเข็นรถผ่านหน้า
“อ๋อ ก็มีนะ หน้าตาดีใช้ได้เลยล่ะ
เอาขนมมาให้ยองแจด้วยนะ” ร่างเล็กตอบตามความจริง
วันนี้มีเด็กหนุ่มหน้าตาคุ้นๆ
เอาขนมมาให้น้องชายเขาด้วย แต่พยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าเป็นใคร
“มันเป็นใครว้ะ?!!! อย่าให้เจอพ่อจะจับหักคอ!” จีมินกระฟัดกระเฟียดอยู่คนเดียว
“แหม
ตัวเตี้ยเหมือนลูกหมาจะสู้กับใครได้ว้ะ 5555555555555555555555555555555555555555”
ผมแกล้งพูดให้มันเสียกำลังใจ ทั้งๆ
ที่ก็รู้อยู่ว่ามันพร้อมจะไฟท์กับคนทั้งโลกเพื่อน้องยองแจของมัน
“อย่าแกล้งจีมินนักสิโฮซอก!” แทฮยองดุร่างสูง
“ก็นิดนึงหน่า เอ้อใช่! พี่ยุนกินี่แทฮยอง ส่วนแทฮยองนี่พี่ยุนกิ
เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวที่จีมินชวนไปกินนพรุ่งนี้อ่ะ” ผมพูดแนะนำให้คนน่ารักทั้งสองคนรู้จักกัน
“แฮะๆ
ยินดีที่ได้รู้จักครับพี่ยุนกิ” แทฮยองโค้งให้คนเป็นพี่
“เช่นกันนะ
ทำตัวตามสบายเหมือนเด็กบ้าสองคนนี้เถอะ” ยุนกิยิ้มบางให้เด็กที่เพิ่งรู้จักกันผ่านโฮซอก
“เห็นสองคนนี้บอกว่าก๋วยเตี๋ยวร้านพี่อร่อยมาก
ไว้วันหลังผมจะไปอุดหนุนนะพี่ยุนกิ”
แทฮยองส่งยิ้มรูปหัวใจให้ร่างเล็ก
“ย๊า!
เด็กคนนี้น่ารักจัง” ยุนกิปล่อยรถเข็นแล้วเดินไปหยิกแก้มแทฮยอง
“อ่า... ผมเป็นผู้ชายนะ
ชมว่าน่ารักได้ยังไงกัน ฮ่าๆ”
ร่างบางย่นจมูกใส่คนที่หยิกแก้มตนเองเมื่อสักครู่
“พูดตามความจริงนี่
แทฮยองน่ารักจริงๆ นะเนี่ย พี่ชักชอบเราแล้วสิ ไม่เหมือนเด็กบ้าสองคนนี้
ชอบกวนประสาทพี่”
ร่างเล็กยิ้มให้แทฮยองและหันไปเบ้ปากใส่โฮซอกและจีมิน
“ผมก็ว่าเขาสองคนบ้าจริงๆ แหละครับ
วันนี้ออกไปเต้นกันฮามากเลย 5555555555555555555”
แทฮยองแอบกระซิบบอกยุนกิ
“นี่ๆ จะนินทาอะไรก็ดูหน่อย
ฉันสองคนอื่นอยู่ตรงนี้เลยนะเนี่ย” ผมพูดขึ้นลอยๆ
จงใจให้คนน่ารักสองคนนั่นได้ยิน
“ว่าแต่บ้านแทฮยองอยู่แถวนี้เหรอหืม
ทำไมพี่ไม่เคยเจอเราเลย”
ยุนกิไม่สนใจคำพูดของโฮซอกแต่กลับให้ความสนใจกับแทฮยองแทน
“ใช่ครับ
ผมเพิ่งย้ายมาได้ไม่กี่วันนี่เอง”
“งั้นรีบกลับบ้านได้แล้ว
ดึกแล้วล่ะ”
“ใช่ จีมินมึงไปส่งแทแทหน่อย
กูจะช่วยพี่ยุนกิเข็นรถนี่เข้าบ้านก่อน”
ผมไหว้วานให้ไอ่เตี้ยไปส่งแทฮยองก่อนที่จะดึกไปมากกว่านี้
“ไม่ต้องหรอก ถึงบ้านฉันพอดีน่ะ
งั้นไปก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกัน ไว้คุยกันใหม่ครับพี่ยุนกิ ราตรีสวัสดิ์ครับ” แทฮยองพูดปัด
“บ้านหลังไหนหืม?” ผมขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดจากปากร่างบาง
“ตรงข้ามนี่เองอ่ะ” แทฮยองชี้ไปยังบ้านหลังตรงข้าม
“บ้านแทฮยองอยู่ตรงข้ามบ้านพี่เลยเหรอ
บังเอิญจัง”
ยุนกิฉีกยิ้มดีใจเมื่อรู้ว่าบ้านของเด็กน่ารักคนนี้อยู่ตรงข้ามกับบ้านของตนเอง
“ แฮะๆ บังเอิญจริงๆ ด้วย
งั้นไปก่อนนะโฮซอก จีมิน พรุ่งนี้เจอกัน อย่าไปสายล่ะ!
ไว้คุยกันใหม่ครับพี่ยุนกิ ราตรีสวัสดิ์ครับ”
แทฮยองบอกลาทั้งสามคน
เดินไปไขกุญแจบ้านตรงข้ามหลังจากนั้นเมื่อเดินเข้าไปแล้วล็อคกุญแจเรียบร้อยจึงเดินเข้าบ้านไป
“เดี๋ยวผมกับจีมินช่วยเข็นรถเข้าบ้านเอง
พี่ไปเปิดประตูรอเลย”
ผมหันไปสั่งร่างเล็กที่ยืนมองแทฮยองเดินเข้าบ้าน
“อือ”
ยุนกิหยิบกุญแจขึ้นมาไขประตู เปิดบานประตูให้กว้างพอสำหรับรถเข็นผ่านเข้าไปได้
“ไอ่เตี้ย ช่วยกูเร็วๆ เลย
กูอยากกลับไปหาอะไรกินแล้ว หิวชิบหาย”
ผมลากจีมินให้มาช่วยออกแรงเข็นรถเข้าบ้านพี่ยุนกิ
กูหิวข้าวโว้ยเพื่อนรัก อย่าชักช้า!
“เออ กูก็หิวเหมือนมึงแหละ
รีบจริงๆ เลยไอ่ห่านี่”
ร่างอวบบ่นที่เพื่อนตัวสูงลากให้มาช่วยเข็นรถ
โฮซอกไม่ตอบกลับอีกคน
ดังนั้นเด็กหนุ่มสองคนจึงช่วยกันออกแรงเข็นรถขายก๋วยเตี๋ยวเข้าบ้านพี่ยุนกิช้าๆ
เพื่อไม่ให้ข้าวของหล่นแตก
“ขอบใจนะ”
ยุนกิเอ่ยขอบคุณเด็กหนุ่มทั้งสองคนที่ช่วยเข็นรถแทนตนเอง
“ไม่เป็นไรพี่ยุนกิ ค่าแรงขอเป็นกินก๋วยเตี๋ยวฟรีสักมื้อก็พอ
55555555555555” จีมินยักคิ้วกวนเบื้องล่างคนตัวเล็ก
“เคยได้ยินรึเปล่า
ของฟรีไม่มีในโลกนะน้องหมูจี”
ยุนกิยักไหล่ทำเหมือนประโยคเมื่อสักครู่เป็นเพียงสายลมผ่าน
“งกว่ะ!!! ผมไปละ”
ร่างอวบของจีมินแลบลิ้นใส่ร่างเล็กและรีบวิ่งออกนอกบ้านไป
“งั้นผมกลับก่อนนะ
ไม่ต้องคิดถึงผมนะพี่ พรุ่งนี้ถ้าเลิกเรียนแล้วจะไปที่ร้าน 5555555555555555555555555555 เฮ้ยๆ ผมไปละพี่ ฝันดีครับคนสวย” ผมพูดหยอดร่างเล็กแล้วรีบวิ่งออกจากบ้านทันทีที่เห็นพี่ยุนกิหยิบทัพพีตักน้ำซุปขึ้นมาจะตีผม
“ไปเลยนะ
ก่อนที่ฉันจะตีหัวนายจริงๆ ไอ่เด็กหน้าม้า!!!”
เมื่อวิ่งพ้นประตูบ้านพี่ยุนกิ
ก็เห็นเพื่อนสนิทยืนรออยู่หน้าบ้าน ผมนึกว่ามันจะชิ่งหนีกลับไปก่อนซะอีก
“ป่ะ กลับกันเหอะว่ะ
กูห่อเหี่ยวหมดแรงแล้วว่ะ”
ผมเดินไปกอดคอเพื่อสนิทลากให้มันเดินออกจากซอยไปด้วยกัน
“เออ
พรุ่งนี้ต้องห้ามลืมไปร้านพี่ยุนกินะเว้ยมึง
กูอยากรู้ว่าใครมันเอาขนมมาหลอกล่อน้องยองแจของกู”
”มึงก็ใจเย็นๆ
ใครมันจะกล้าจีบยองแจอีกว่ะ มึงกับกูจัดการไปหมดแล้วนี่ คิดมากหน่าไอ่เตี้ย”
ใครหน้าไหนมันเข้ามาจีบพี่ยุนกิกับยองแจ
ผมกับจีมินจัดการไม่เหลือเลยสักคน พวกผมสายโหดเข้าใจหน่อยนะครับ คนมันเลือดร้อนน่ะ
เอาไดโนเสาร์ตัวโคตรใหญ่แม่งก็ฉุดไม่อยู่หรอก!!!!!!!!!!!!!!
“กูไม่ไปเฝ้าวันเดียวก็เสล่อเข้ามาจีบหนึ่งคนแล้ว
ต่อไปกูจะไม่ปล่อยให้คลาดสายตาแน่ๆ เข้าใกล้สองเมตรกูเข้าไปเสยยอดหน้ามันเลยอ่ะ มึงคอยดูแล้วกัน!” จีมินเดินเตะลมบ่นไปเรื่อยตามประสาคนพาล
“ครับเพื่อนรัก เก่งครับเก่ง
อย่าให้กูต้องยื่นมือเข้าไปช่วยแล้วกัน”
ยังไงสุดท้ายแล้วก็ต้องถึงมือผมอยู่ดี
เพราะอดทนเห็นเพื่อนโดนทำร้ายไม่ได้ ทั้งๆ ที่มันเป็นคนหาเรื่องเองก็เถอะ...
เอี๊ยดดดดดดดด!
“ลูกพี่!!! มาเดินทำอะไรแถวนี้อ้ะ?” เด็กตัวสูงที่ขี่รถมอเตอร์ไซค์คันสีแดงสวมหมวกกันน็อคสีดำจอดรถทักสองหนุ่ม
“อ้าว ไอ่จอน! พี่ตกใจหมดเลย นึกว่าใครจะมาดักตี”
ผมลูบอกตัวเองด้วยความโล่งใจ
“เออใช่ ใจกูนี่ตกไปอยู่ตาตุ่ม
ใส่หมวกลงมาแบบนี้เป็นใครก็ตกใจ ศัตรูเราสองคนยิ่งเยอะๆ อยู่” จีมินถอนหายใจโล่งอก
เด็กตัวสูงที่ทักผม คือ จอน จองกุก
เด็กในกลุ่มผมอีกคนนั่นเอง มันหัดแว๊นซ์ตั้งแต่เด็กเลยครับ
โตมาก็เลยแว๊นซ์จนเป็นอาชีพมันแล้ว เมื่อก่อนพวกเราชอบไปแว๊นซ์จักรยานด้วยกัน ชนะทุกซอย!!! ไม่มีใครไม่รู้จักพวกผมแก๊งตัวเจ...
ไอ่จักรยานที่ว่าคือ... จักรยานสี่ล้อนะครับ 55555555555555555555555555555555555555555555
บ่งบอกได้ว่าผมรู้จักกับมันมานานแค่ไหน คลานตามๆ
กันมาเลยเนี่ยแหละ มีมันเป็นเพื่อนเล่นตั้งแต่เด็กๆ
“กำลังจะกลับบ้านกันอ่ะ
แล้วมายังไงเนี่ยไอ่จอน ดึกๆ ดื่นๆ ยังแว๊นซ์อยู่อีกเหรอว้ะ?” ผมถามเด็กตัวสูงที่ถอดหมวกกันน็อคแล้วกอดไว้ข้างเอว
“จอนกำลังจะไปทำธุระหัวใจนิดนึงอ้ะลูกพี่
ว่าแต่ให้จอนไปส่งป่ะ?”
“ไม่เป็นไร เกรงใจว่ะ
ดึกขนาดนี้แล้ว รีบกลับบ้านได้แล้วไอ่จอน ขี่รถมืดๆ มันอันตราย” จีมินดุเด็กตัวสูงที่ทำตาโตใส่
“เดี๋ยวพวกพี่กลับกันเอง
รีบไปทำธุระแล้วรีบกลับบ้านล่ะไอ่จอน ต้องถึงบ้านก่อนเที่ยงคืน ไลน์มาบอกพี่ด้วย
เข้าใจที่พูดนะ?” ผมจ้องจองกุกด้วยสายตาดุเล็กน้อย
ผมเป็นห่วงมัน เพราะมันก็เหมือนน้องชายผมแท้ๆ
ของผมอีกคนไปแล้วล่ะ ดึกดื่นใครมันให้ขี่รถว้ะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาใครจะช่วยทัน
“โอเคลูกพี่ จอนรับทราบ! แล้วจะไลน์หานะ จอนไปล่ะ กลับบ้านกันดีๆ นะพี่”
ผมไม่ทันจะพูดอะไรต่อจองกุกสวมหมวกกันน็อคดังเดิมก้าวขาขึ้นคร่อมรถมอเตอร์ไซค์คันสีแดง สตาร์ทรถจนเสียงท่อรถดังไปสามซอยและบิดรถออกไปทันที
สงสัยมันกลัวจะไปทำธุระไม่ทัน
คงกลัวโดนผมลงโทษล่ะมั้ง
ไอ่จอนไม่เคยขัดคำสั่งผมสักครั้งเพราะถ้าเป็นเรื่องของสุขภาพหรือเรื่องราวในชีวิตแล้วผมล้วนจะจริงจังเสมอ
คำไหนคำนั้น พูดแล้วต้องฟัง ถ้าไม่ทำตามเมื่อไหร่ล่ะก็ ผมจัดการดัดนิสัยแน่ๆ
เมื่อเห็นแท็กซี่กำลังขับผ่าน ผมโบกมือเรียกทันที
“มึงนั่งแท็กซี่กลับไปเลยแล้วกัน ดึกแล้วว่ะ มึงนั่งแท็กซี่กลับปลอดภัยกว่า” ผมดันให้จีมินไปยืนข้างประตูรถแท็กซี่
“แล้วมึงอ่ะ จะกลับยังไง?” จีมินถามกลับเพื่อแก้ข้อสงสัยของตนเอง
“กูจะไปทำธุระต่อ
เดี๋ยวก็จะนั่งแท็กซี่กลับแล้วเหมือนกัน มึงกลับเถอะ พรุ่งนี้เจอกันเว้ย”
“เออๆ ถึงบ้านเดี๋ยวกูจะไลน์หา เจอกันนะมึง” จีมินโบกมือลาเพื่อนสนิทแล้วขึ้นแท็กซี่ไป
ผมมองตามแท็กซี่ที่เคลื่อนตัวออกไป
ยืนคิดอยู่สักพักก็เดินเท้าไปเรื่อยๆ เพื่อไปเอารถที่จอดไว้มหาลัย
ปี๊น ปี๊น!
“ขึ้นมาดิ เดี๋ยวไปส่ง เดินไปกว่าจะถึงมหาลัยคงตีหนึ่งตีสองแน่ๆ”
“…” ผมยืนมองคนเอ่ยชวนนิ่งๆ
“เห็นว่าเดินอยู่คนเดียว
เป็นห่วงกลัวโดนดักรุมตี”
ผมไม่พูดตอบพลางเดินขึ้นซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ของคนที่เอ่ยชวน
เพราะว่าหิวหรอกนะ ถึงยอมซ้อนท้ายรถคันนี้ ไม่งั้นต่อให้ร้อยวันพันปี ผมก็ไม่ยอมซ้อนท้ายเขาแน่ๆ
“หึ ก็แค่นั้นแหละ”
โฮซอกได้แต่กรอกตาไปมาเมื่อได้ยินเสียงของอีกคน
หลังจากร่างสูงยึดเกาะที่เบาะท้ายรถมอเตอร์ไซค์เรียบร้อยแล้ว
สารถีจำเป็นก็ขี่รถมุ่งหน้าไปยังมหาลัย
ผมหลับตาปล่อยให้สายลมยามดึกผ่อนคลายแก่หัวใจและร่างกายของผมช้าๆ
ไม่สนใจเลยว่าอีกคนที่บังคับรถมอเตอร์ไซค์อยู่นั้นจะแอบมองผมผ่านกระจกข้างบ่อยแค่ไหน
...
40%
ใช้เวลาไม่นาน
ชายหนุ่มสองคนก็มาถึงที่จอดรถของมหาลัย
บรรยากาศตอนนี้มีเพียงแสงจากหลอดไฟข้างทางและความเงียบสงบของค่ำคืนยามราตรี
“ขอบใจที่มาส่ง” ทันทีที่ผมก้าวลงจากรถมอเตอร์ไซค์รีบเอ่ยขอบคุณไปทันที
“เฮ้ย ใจเย็นๆ ให้จอดสนิทก่อนก็ได้ป่ะวะ? ไม่ทำอะไรนายหรอกหน่า
ไม่ต้องรีบขนาดนั้น” เจ้าของรถมอเตอร์ไซค์พูดดุอีกคนทั้งๆ
ที่ยังไม่ดับเครื่อง
“ช่วยดูเวลาด้วยว่ามันกี่โมงแล้ว หิว
จะไปหาของกิน”
นี่มันจะเที่ยงคืนแล้วครับพี่น้อง
ร่างกายผมมันเรียกร้องหาของกินแบบระดับสิบอ่ะ!!!!
“วันนี้ที่มหาลัยมีปัญหาอะไรไหม?” ชายหนุ่มที่สวมหมวกกันน็อคปิดบังใบหน้าถามโฮซอกโดยไม่สนใจประโยคเมื่อสักครู่ของอีกคน
“ถ้าไม่นับเรื่องรับน้องจนหมดพลัง
ก็ไม่มีปัญหาอะไร”
ผมตอบไปตามความจริง
รับน้องวันนี้เหนื่อยใช่เล่นเลยนะ อยากจะเข้านอนฝันถึงพี่ยุนกิใจจะขาดแล้ว...
“ถ้าไม่มีก็โอเค แต่ถ้ามีก็รีบบอก
จะไปจัดการให้”
“ฮ่ะๆ ไม่ต้องหรอก ผมดูแลตัวเองได้”
“หึ... จะคอยดูแล้วกัน ไปล่ะ
พรุ่งนี้อย่าไปเรียนสายนะพ่อคนเก่ง”
“เออน่ะ เป็นคนตรงต่อเวลา
ไม่สายอยู่แล้ว”
“ราตรีสวัสดิ์ ไว้เจอกันใหม่” ชายหนุ่มพูดทิ้งไว้และขี่รถออกไปทันที
มันเป็นแบบนี้ตลอด ผมอยากจะบ้าตายจริงๆ
ให้กูได้พูดทิ้งท้ายไว้แบบหล่อๆ บ้างสิโว้ย!!!
ผมมองแผ่นหลังของอีกคนที่ไกลออกไปเรื่อยๆ
ก็ตัดสินใจกดปลดล็อคประตูรถเดินเข้าไปนั่งประจำที่ตำแหน่งคนขับ
หิวก็หิว เหนื่อยก็เหนื่อย แต่ดึกป่านนี้แล้วกลับไปต้มรามยอนกินที่ห้องแล้วกันนะโฮซอก
ผมปิดประตูรถ คาดเข็ม เช็คความเรียบร้อย จากนั้นสตาร์ทรถ
เอื้อมมือไปกดปุ่มเปิดเพลงเพื่อไม่ให้มันเงียบจนเกินไป
เมื่อไหร่จะมีใคร ใครสักคนที่เป็นของเรา
เมื่อไหร่จะมีใคร ใครสักคนนะที่รักเรา
เท่านี้ที่ต้องการ... ขอเกินไปตรงไหน
ไม่ทันที่จะฟังจนจบเพลง
มือเรียวเอื้อมไปกดเปลี่ยนเพลงทันที
ได้แอบมองเธอข้างเดียวอยู่ที่มุมนี้
ก็พอแล้วไม่มีเงื่อนไขใดๆ ในความหวังดี
แค่ได้ชอบเธออยู่ตอนนี้
ก็ถือเป็นโชคชะตาดีๆ ที่คนอย่างฉันได้เกิดมาพบกับเธอ
“นี่กูเปิดเพลงให้คลายเหงาหรือเหงายิ่งขึ้นว้ะเนี่ย” ร่างสูงบ่นและกดเปลี่ยนเพลงอีกครั้ง
อยู่คนเดียวกับตอนเย็นเย็น และก็ไม่เห็นว่าจะต้องมีใครใครมาเคียงข้าง
อยู่ลำพังกับความอ้างว้าง นั่งมองดูแสงรำไรของดวงตะวันจนลับไป
เหม่อมองจันทร์ที่ลอยขึ้นมา ดึกดื่นอย่างนี้และเพื่อนที่มีที่ดีที่สุดคือหมอนข้าง
อยู่เหงาเหงาอย่างคนที่ปล่อยวาง ก็อยู่อย่างนี้จนชิน
“เออ กูอยู่คนเดียว!!!”
ผมกดปิดเพลงด้วยความหงุดหงิด
นี่มันเพลงที่ไอ่จอนมันฟังค้างไว้เมื่อตอนรับมันไปทำธุระกันแน่ๆ
เดี๋ยวนะ
ไอ่จอนฟังเพลงแนวนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ปกติมันต้องฟังแนวสามช่า สกาเร็กเก้อะไรของมันสิ
หรือมันจะมีความรัก หรือมันเกิดเหงาขึ้นมา? ถ้าเจอมันต้องถามหน่อยแล้วล่ะ
ร่างสูงเอื้อมมือไปเข้าเกียร์
ค่อยๆ ออกรถมุ่งหน้าไปยังคอนโดของตนเองด้วยความไม่รีบร้อน ถึงจะเพลียมากแค่ไหน
แต่เรื่องความปลอดภัยและความไม่ประมาทสำหรับร่างสูงจะมาเป็นที่หนึ่งเสมอ เพราะความประมาทนี่แหละ
ทำให้เขาต้องเสียคนสำคัญที่สุดในชีวิตไป...
.
.
.
.
.
12.00 น.
“วันนี้จบแค่นี้ครับ
ขอให้นักศึกษาไปทบทวนเนื้อหาเองและชั่วโมงหน้าเราจะมาสอบกัน”
ร่างสูงของอาจารย์รวบหนังสือไว้ในมือและเดินออกจากห้องไป
“จีมิน ตื่นได้แล้ว เลิกคลาสแล้วนะ” แทฮยองเขย่าตัวเพื่อนตัวเล็กที่นอนฟุบตั้งแต่เข้ามานั่งในห้อง
“ไอ่เตี้ยนี่
กี่ปีก็ยังนิสัยเหมือนเดิม ถึงเวลาเรียนทีไรนอนตลอด ตื่นเว้ยมึง ไปกินข้าวกัน”
หลังจากเก็บสมุดปากกาข้าวของลงในกระเป๋าเป้เรียบร้อยแล้วจึงลุกขึ้นเดินไปตบหัวปลุกจีมิน
ป้าบ!
ร่างอวบยกมือลูบหัวตัวเองปรอยๆ
แล้วเงยหน้าฝีมือคนทำ ใครมันกล้าทำกับปาร์ค จีมินแบบนี้!!!
“มึงเองเหรอไอ่เงิงบาน
ตบมาได้ กูนี่หัวสั่นเลยไอ่เหี้ย” จีมินบ่นทันทีที่เห็นโฮซอกยื่นอยู่ตรงหน้า
“ก็แทแทปลุกแล้วมึงไม่ตื่น
กูเลยช่วยแทแทปลุกไง 55555555555555555555555”
“ถ้าตบแรงกว่านี้ตีนกูได้ไปพระทับบนหน้ายาวๆ
ของมึงแน่เจโฮป”
“โทษที
มือกูลั่นว่ะมึง 5555555555555555555555555555555555555555555”
“แทฮยองปล่อยให้ไอ่เงิงนี่มันทำรุนแรงกับฉันได้ยังไง
ดูสิเนี่ย เจ็บมากเลย”
ร่างอาบเบะปากก้มหัวให้ร่างบางที่นั่งขำอยู่ข้างๆ ดู
“โอ๋ๆ
ไม่เป็นไรนะจีมิน เดี๋ยวเป่าให้นะ ฟู่วววว” แทฮยองเป่าเบาๆ
จุดที่จีมินชี้ให้เขาดู
“โห
หายเจ็บทันทีเลยอ่ะ ยาดีจริงๆ !!!” ร่างอวบเงยหน้าช้อนตามองร่างบางแล้วทำตาหวานใส่
ปึก!
“ไปกินข้าวกันเถอะ”
ผมแอบโยนกระเป๋าของเพื่อนตัวเตี้ยทิ้ง จากนั้นจูงมือแทฮยองให้เดินตาม
ปล่อยให้จีมินควานหากระเป๋าของมันไปคนเดียว ตั้งแต่เมื่อเช้าที่ไอ่พี่ต้วนมันลวนลามโอบไหล่แทฮยอง
ชวนให้แทฮยองไปเป็นแม่หมาของลูกหมาที่พี่เขาเลี้ยง
แถมไอ่เตี้ยจีมินยังมาส่งสายตาใส่แทฮยองอีก ผมล่ะหงุดหงิดจริงๆ
เดี๋ยวนะ... แล้วผมหงุดหงิดทำไม? เออ
ช่างแม่งเถอะ!
“กินอะไรกันดีอ่ะ จะที่โรงอาหารหรือจะออกไปหน้ามหาลัย?” เดินไปได้ไม่ไกลมาก ไอ่เตี้ยก็วิ่งตามมาจนทันผมกับแทฮยอง และเกริ่นนำเรื่องของกินขึ้นมาเป็นคนแรก
“วันนี้ไม่มีเรียนต่อแล้ว
ไปหาอะไรกินหน้ามหาลัยกันดีไหม?” แทฮยองเสนอความคิดขึ้น
“อืม ก็ดีนะ
โรงอาหารตอนนี้คนคงเยอะน่าดูเลย แล้วตอนเย็นค่อยแวะไปตลาดกัน
พาแทแทไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านพี่ยุนกิ ดีไหมหืม?” ผมหันไปถาม
ร่างบางก็พยักหน้าจนผมสะบัดฟุ้งไปหมด
“พยักหน้าเบาๆ ก็ได้แทแท พยักหน้าแรงขนาดนั้นเดี๋ยวปวดหัวนะ” ร่างสูงเอื้อมมือไปดีดหน้าผากอีกคนเบาๆ
“อ๋า... โอเค! ไปกันเถอะ ฉันหิวแล้วอ่ะ”
แทฮยองไม่พูดเพียงอย่างเดียว
ควงแขนสองหนุ่มคนละข้างของเพื่อนตนเองให้เดินไปด้วยกัน
“หูยยยยย
ควบสองเลยเหรอจ้ะแทแฮยอง แบบนี้ฉันกับไอ่โฮซอกคงตีกันตายแน่ๆ 5555555555555555555555555555555”
จีมินแซวร่างบางที่เริ่มทำตัวสนิทสนมกับพวกเขามากขึ้น
“เพื่อนกันเขาควงแขนกันไม่ได้เหรอ?” แทฮยองถามออกไปด้วยความสงสัย ปกติเขาก็ทำแบบนี้กับเพื่อนคนอื่นๆ นี่นา...
“ได้สิ แต่ให้ดี
เป็นแฟนแล้วควงแขนมันจะดีกว่า สนใจเปลี่ยนสถานะไหมล่ะหื้ม 555555555555555555555555555555555” ผมหยอดใส่แทฮยองจนร่างบางปล่อยจากแขนเปลี่ยนมาฟาดผมแทน
แหม... คนน่ารักเขาเขินรุนแรงแบบนี้ทุกคนไหมครับ
55555555555555555555555555555555555
ผมยกมือบังตัวเองจากแรงฟาดของแทฮยอง
จนทนไม่ไหวใช้แรงของผมรวบมือของอีกคนให้หยุดนิ่ง
“วันหลังอย่าเขินรุนแรงแบบนี้นะแทแท
ฉันไม่อยากมีรอยช้ำตามตัวหรอกนะ” ร่างสูงย่นจมูกใส่ร่างบาง
“งั้นก็อย่าทำให้เขินสิไอ่เพื่อนบ้า!
หัดทำตัวแบบจีมินบ้างสิ ไม่เคยล่วงเกินฉันเลยเนี่ย”
“อื้อหือ
แทแทตามมันไม่ทันหรอกไอ่เหี้ยเตี้ยนี่อ่ะ ภายนอกเหมือนหมากระเป๋า แต่ภายในมันแล้วคือหมาร็อคไวเลอร์เลยนะ
ยังไม่รวมหมาในปากมันอีก 55555555555555555555555555555555555” พูดแซะเพื่อนสนิทไปหนึ่งดอกก็ได้รับสายตาอาฆาตมาจากร่างเตี้ยๆ ของมันทันที
“มึงอ่ะตัวดีไอ่ม้าใจหมา
มึงไม่น่าไว้ใจยิ่งกว่ากูอีก” จีมินตอกกลับ
“แทแทต้องเชื่อฉันสิ ฉันไว้ใจได้นะ” ผมชูสองมือระดับไหล่ จากนั้นพยักหน้าให้อีกคนเชื่อในคำพูด
ร่างบางหรี่ตามองร่างสูงแล้วพยักหน้าช้าๆ
เขารู้ว่าเพื่อนสองคนนี้เป็นคนดี ไม่ทำอะไรหรอก
เพียงแต่แกล้งเล่นตามนิสัยไปเท่านั้น
“ไปกันได้แล้ว
เริ่มหิวจริงจังแล้วว่ะ โอ๊ย! หิวหิวหิวหิวหิว” จีมินครวญครางเรียกร้องความสนใจจากเพื่อนทั้งสองคน
“เออ มึงเดินนำไปเลย” ผมชี้ให้มันเดินนำเพื่อจะได้เดินคุยกับแทแทเพียงสองคน
จีมินที่ได้ยินเพื่อนพูดดังนั้นจึงเดินก้าวยาวๆ
นำเพื่อนทั้งสอง เพราะตอนนี้เสียงท้องร้องของเขามันกำลังรัวกันเป็นสเต็ป 1212312121เฮ้! เลยทีเดียว
“หลังกินข้าวเสร็จแล้วแทแทอยากกินอะไรอีกรึเปล่าหืม?” ผมวางมือบนหัวร่างบางขณะที่เราทั้งคู่เดินตามจีมิน
“ฉันอยากกินพวกขนมน่ะ
แถวนี้มีร้านอร่อยๆ บ้างไหม?” แทฮยองเอ่ยถึงขนมก็ตาโตเป็นประกาย
“ชอบทานขนมล่ะสิท่า
ฉันมีแนะนำอยู่หนึ่งร้าน กินข้าวเสร็จแล้วไปกัน”
“เย้!!! ฉันชอบขนมมากที่สุดเลยล่ะ ยิ่งไอศกรีมยิ่งชอบเลยอ่ะ” ร่างบางกระโดดโลดเต้นชูมือดีใจเหมือนเด็กน้อยตัวเล็กๆ
โอ๊ย...
ความน่ารักของแทฮยองมันเคาะประตูหัวใจผมอยู่ครับ แทฮยองเหมือนเด็กน้อย
ที่มีความสดใสและความน่ารักล้นเต็มเปี่ยม ที่ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องรู้สึกดีเมื่อเห็นรอยยิ้มรูปหัวใจนั่น
“ถ้าไปกินแล้วติดใจจะพาไปบ่อยๆ
นะ ฉันเองก็ชอบไปกินบ่อยๆ เหมือนกัน ไปด้วยกันจะได้ไม่เหงาไง” ผมหัวเราะกับท่าท่างของอีกคน
“ดีจังเลยอ่ะ
โฮซอกใจดีมากๆ เลยนะเนี่ย” แทฮยองเอานิ้วจิ้มแก้มของร่างสูง
ตึกตัก ตึกตัก
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก ...
ผมว่าหัวใจผมเริ่มไม่ปลอดภัยแล้วครับทุกคน
แต่ไม่ได้นะ หัวใจผมมีพี่ยุนกิอยู่แล้ว!!!
“เดี๋ยวเถอะ
อย่าไปทำแบบนี้กับใครนะแทแท!”
ผมจับนิ้วอีกคนแล้วกุมมือไว้ให้หยุดจากการกระทำเมื่อสักครู่
“อ่า... ทำไมเหรอ?”
“แทแทจะไม่ปลอดภัยเอาน่ะสิ!!!”
ผมอยากจะเอาตีนขึ้นมากุมขมับ แทฮยองใสซื่อเกินไปแล้วนะ
“ไม่ปลอดภัย?
ไม่ปลอดภัยอะไรอ่ะ ฉันไม่เข้าใจ” ร่างบางขมวดคิ้วใช้ความคิด
“เฮ้อ...
ไม่มีอะไรหรอก ช่างเถอะ” ผมพูดปัด
เพราะความใสซื่อไม่ทันคนของแทฮยองทำเอาผมแทบจะเป็นบ้าเพราะความเป็นห่วง!
“ก็ได้ ไม่มีก็ไม่มี” แทฮยองยู่ปากช้อนตามองร่างสูง
ให้ตายเถอะ
ช้อนตามองเหมือนลูกแมวแบบนี้... มันทำให้เกิดคำถามในหัว
นี่แทฮยองอยู่ในสังคมที่มีภัยรอบตัวมาจนถึงปัจจุบันได้ยังไงกันว้ะ?
บอกเลยว่าถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นเจอแทฮยองช้อนตามองแบบนี้ใส่คงอุ้มพาดบ่าพาเข้าห้องไปเรียบร้อยแล้ว
แต่เพราะแทฮยองเป็นเพื่อนผมเลยไม่มีความคิดแบบนั้นไง ถึงจะมีอาการใจเต้นหน่อยๆ
ก็เถอะ
ไม่ได้สิโฮซอก
หัวใจมึงมีพี่ยุนกิอยู่แล้วจะมาหวั่นไหวกับแทฮยองไม่ได้!
เด็กหนุ่มทั้งสามคนเดินมาจนถึงโซนร้านอาหารหน้ามหาลัยที่เรียงเป็นแถวยาว
มีให้เลือกมากมาย
“แทฮยองเลือกเลย
ฉันสองคนกินอะไรก็ได้”
จีมินหันซ้ายหันขวามองของกินที่ทำให้หิวมากยิ่งขึ้นแล้วพูดกับแทฮยองให้ร่างบางเป็นคนตัดสินใจ
“อืม... กินอะไรดีนะ
ฉันอยากกินอาหารอีสานอ่ะ มีบ้างไหม?”
แทฮยองชะเง้อมองหาอาหารที่ตนเองอยากกิน
“เดินไปข้างหน้าอีกสามร้านจะมีร้านอาหารอีสานอยู่” ผมชี้ไปยังร้านที่แนะนำเพื่อนทั้งสอง
ถึงจะเพิ่งเข้ามหาลัย
แต่ผมแวะเวียนมาแถวนี้บ่อย เอาจริงๆ แทบจะรู้อะไรหลายๆ อย่างในแถบย่านนี้ด้วยซ้ำ
“โก!!! ไปกันนนนนนนนนนนน”
แทฮยองยิ้มจนริมฝีปากเป็นรูปหัวใจให้เพื่อนทั้งสอง
ผมเดินนำไปยังร้านอาหารไทยที่มักมากินบ่อยๆ
เมื่อปีที่แล้ว
มองเข้าไปยังในร้านสายตาก็เห็นไอ่พี่มาร์คต้วนกับพี่แจ็คสันนั่งจกส้มตำอย่างเอร็ดอร่อย
ให้ตายเถอะ!!! ร้านมีตั้งเยอะแยะ ทำไมต้องมากินร้านนี้ว่ะ เห็นแล้วตีนกระตุกดิ๊กๆ
เลยครับ
กริ๊ง กริ๊ง!
“อ้าว
พี่ทั้งสองคนนั่นเอง”
แทฮยองเปิดประตูเดินนำเข้าไปทักรุ่นพี่หน้าหล่อสองคนเป็นคนแรก
“เจอกันอีกแล้วนะคะน้องวี
สงสัยต้องเป็นเพราะบังเอิญ โลกกลม พรหมลิขิตแน่ๆ เลยค่ะที่ทำให้เราเจอกัน” มาร์คหยิบกระดาษทิชชู่นำมาเช็ดมือที่จกส้มตำก่อนที่จะบังเอิญเจอรุ่นน้อง
พลางสงสายตาทะเล้นใส่ร่างบาง
“มึงได้ยินเสียงอะไรรึเปล่าจีมิน” ผมหันไปถามเพื่อนสนิท
“เสียงอะไรของมึง?” ร่างอวบของจีมินมองเพื่อนแบบงงๆ
“เสียงแมลงโม้ว่ะ
เนี่ย บินวนแถวนี้เต็มเลย 5555555555555555555555555555”
ผมพูดแล้วหัวเราะเสียงดังใส่ไอ่พี่ต้วน
“เอ่อ...
ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ พี่ๆ ทานให้อร่อยนะ ผมกับเพื่อนไม่รบกวนพี่แล้วดีกว่า”
แทฮยองที่เห็นว่าสถานการณ์ไม่ดีก็รีบขอตัวลากเพื่อนทั้งสองไปนั่งที่โต๊ะริมในสุดของร้าน
“โฮซอกไม่น่าพูดแบบนั้นออกไปเลยอ่ะ” แทฮยองเปิดประเดินขึ้นเมื่อนั่งกันครบเรียบร้อยแล้ว
“เออ
ถึงมึงจะหน้าม้าใจหมาก็เถอะ ช่วยปากหมาเลือกที่หน่อยเพื่อน นั่นรุ่นพี่นะเว้ย”
จีมินพูดสมทบ
“กูหมั่นไส้
พี่เขาไม่กล้าทำอะไรก็หรอก ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนจริง ได้แต่หมาลอบกัด” ผมยักไหล่เหมือนไม่รู้สึกอะไรกับสิ่งที่ทำไป
เชื่อเถอะครับ
ถ้าสู้กันจริงๆ พี่เขาต้องยอมแพ้ชัวร์ ผมมองดูก็รู้แล้วล่ะ
.
“อย่าให้มีเรื่องอะไรกันเลยโฮซอก
ฉันขอร้องนะ” แทฮยองเอนตัวไปกอดแขนร่างสูงแล้วซบหน้าลง
“ก็ได้
แต่ถ้าพี่เขาเริ่มก่อน ฉันจะไม่อยู่เฉยๆ ตามนั้นแล้วกัน”
ผมลูบหัวร่างบางที่ซบอยู่ที่แขนเบาๆ
ถ้าเป็นคนอื่นพูดผมคงไม่ทำตามหรอกครับ
แต่เห็นว่าเป็นคนน่ารักนิสัยดีแบบแทฮยองผมจะยอมเชื่อฟังหน่อยแล้วกัน
ไม่อยากให้อีกคนคิดมาก แทฮยองเหมาะกับรอยยิ้มมากกว่าสีหน้ากังวลแบบนี้
“ฉันเป็นห่วงนะ” ร่างบางพูดเสียงเบาให้ได้ยินกันสองคนกับเจ้าของฝ่ามือที่ลูบหัวเขาอยู่ตอนนี้
“จริงเหรอ?” ผมหูฟาดไปรึเปล่า แทฮยองเนี่ยนะเป็นห่วงผม?
“อะแฮ่ม! เลิกสร้างออร่าสีชมพูแถวนี้สักที สั่งอาหารกันเถอะ” จีมินกระแอมเรียกความสนใจจากเพื่อนทั้งสองที่สร้างโลกส่วนตัวอยู่กันสองคนทั้งๆ
ที่เขาก็นั่งอยู่ด้วย
“อื้อ”
แทฮยองปล่อยแขนของร่างสูงจากนั้นหันไปให้ความสนใจกับรายการเมนูอาหารที่ตนเองเป็นคนเสนอให้กินเป็นมื้อเที่ยงของพวกเขาในวันนี้
“เห็นพี่มาร์คกินส้มตำแล้วฉันอยากกินว่ะ
กินส้มตำกันป่ะ?” จีมินถามพลางมือเปิดเมนูอาหารไปเรื่อยๆ
“อืม เอาสิ ฉันอยากกินนี่อ่ะ
ต้มยำกุ้ง!!!”
แทฮยองชี้รูปภาพถ้วยต้มยำที่มีกุ้งตัวโตประดับอยู่
“เอาลาบไก่กับคอหมูย่างด้วยไหม?
แล้วก็ข้าวเปล่าสามจาน” ผมพูดสายตาก็ดูเมนูน่ากินอีกหลายอย่าง
“งั้นตามนี้แล้วกัน
กูไปสั่งป้าแกแปป”
ร่างอวบพูดจบก็วิ่งดุ๊กดิ๊กไปสั่งเมนูอาหารกับป้าเจ้าของร้าน
ตือดึง!
Minsuga : …
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็ทำหน้างง
อะไรของพี่ยุนกิเนี่ย ส่งไลน์ ... มาคืออะไร
หรือว่าพี่ยุนกิจะคิดถึงผม? ต้องใช่แน่ๆ 555555555555555555555555555555555555
เมื่อคิดถึงใบหน้าหวานแล้วก็รีบพิมพ์ไลน์ตอบกลับ
Hohope : จุดอะไรครับ?
ใช่จุดเริ่มต้นความรักของเรารึเปล่าพี่ยุนกิ?
Minsuga : ไอ่บ้า!
Hohope :
ถ้าไม่ใช่แล้วมีอะไรรึเปล่า อ่ะแหนะ! คิดถึงผมอ่ะดิ๊ 555555555555555
Minsuga :
ฉันกดผิดต่างหาก อย่ามโนไปเองไอ่เด็กหน้ายาว
Hohope : ยอมรับมาเถอะว่าพี่คิดถึงผม
555555555555555555555555555555
“ใครส่งอะไรมาเหรอ?” แทฮยองถามร่างสูงเบาๆ เมื่อเห็นอีกคนจิ้มหน้าจอแล้วยิ้มอยู่คนเดียว
“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก”
ผมเงยหน้าขึ้นมาตอบปัดเพื่อไม่ให้อีกคนสงสัย
“อ่า...
นึกว่าสาวคนไหนส่งอะไรหาซะอีก เห็นยิ้มจนเงิงออกเลยอ่ะ 55555555555555”
แทฮยอง...
เริ่มเพิ่มเลเวลแล้วครับทุกคน!!! คนน่ารักคนนั้นเขาว่าผมมีเงิง!
“ถึงมีฉันก็ไม่สนใจหรอก” ร่างสูงยิ้มมุมปากให้แทฮยอง
“ป้าแกบอกคิวยาว
รออีกสักพักเลยว่ะ”
จีมินที่เดินกลับมาเอ่ยขึ้นแล้วนั่งลงเท้าคาง
“เออ
คนเยอะประจำแหละร้านนี้อ่ะ ของเขาอร่อยจริง”
โฮซอกกล่าวให้เพื่อนฟัง ก้มลงมือหน้าจออีกครั้งก็แอบยิ้มออกมาคนเดียว
Minsuga :
ฝันต่อไปไอ่เด็กฟันเงิง ถ้าไม่อยากโดนตีนก็มาที่ร้านด้วยล่ะ
นั่นไง! มีบอกให้ไปที่ร้านด้วย
แต่เป็นการบอกที่ฮาร์ดคอร์มาก โฮซอกขอฟันธง ฟันทิ้ง ฟันไม่เลี้ยง
ว่าพี่ยุนกิคิดถึงผม!!! 555555555555555555555555555555555555555555
Hohope : เจ้าของร้านบอกถึงขนาดนี้
ลูกค้ากิตติมศักดิ์จะไม่ไปได้อย่างไรกันล่ะ แล้วเจอกันครับเจ๊คนสวย
Minsuga : สวยที่หน้านายสิ
ฉันหล่อกว่านายอีก
Hohope : แต่ทำไมผมมองว่าพี่สวยกันนะ?
หึหึหึ
Minsuga : ไม่คุยกับนายแล้ว
ปวดหัวว่ะ!
Hohope :
คุยกับผมถึงจะปวดหัวแต่ไม่ปวดใจแน่นอนครับพี่ยุนกิ 555555555555555
ผมหลุดขำออกมานิดหน่อยแล้วเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงตามเดิม
เมื่อเงยหน้าขึ้นก็มีสองสายตาจ้องมาทางผม
“มองทำไม?”
“เปล่า / เปล๊า”
สองเสียงของเพื่อนตัวเตี้ยและเพื่อนน่ารักปฏิเสธออกมาพร้อมกัน
“แน่ใจ?
ทำไมกูรู้สึกว่ามึงอยากเสือกว่ะไอ่เตี้ย”
ผมหรี่ตามองคนทั้งสอง
“เสือกอะไรของมึง
กูเปล๊า!!!”
“หน้ามึงมีแต่คำว่าอยากเสือก
อยากเสือก อยากเสือก อยากเสือก อยากเสือก เต็มไปหมดแล้วเพื่อนรัก 5555555555555555555555555555555555555”
“ด่ากูป่ะว้ะ?”
“กูไม่ได้ด่าเลย” โฮซอกทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่ร่างอวบ
“งั้นก็ดี
นึกว่ามึงด่ากูซะอีก”
จีมินตัดบทสนทนาหันไปให้ความสนใจกับคนในโทรศัพท์แทน
“จีมินคุยกับน้องยองแจเหรอ?
คืบหน้าบ้างไหมอ่ะ?” ร่างบางเห็นเพื่อนของเขาอีกคนที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับโทรศัพท์อยู่คนเดียวจึงถามขึ้น
“ก็เรื่อยๆ อ่ะแทแท”
จีมินเงยหน้าจากหน้าจอขึ้นมาตอบคำถามแทฮยอง
“ช้าแบบนี้ระวังโดนคนอื่นคาบไปนะ
55555555555555555”
“อย่าพูดแบบนี้สิแทฮยอง
ใจเสียเลยนะเนี่ย“
“พี่น้องสองคนนั้นหน้าตาดีใช่เล่นเลยนะเว้ยมึง
เอ๊ะ!
หรือที่น้องยองแจไม่ยอมคบกับมึงสักทีเพราะน้องเขามีแฟนแล้วว้ะ?
555555555555555555555555555555”
“ปากหมาอีกแล้วไอ่เหี้ยนี่
หุบปากไปเลยมึง” จีมินหยิบผักปาใส่โฮซอกด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์
“กูก็พูดไปเรื่อย
มึงจะจริงจังทำไมล่ะ” ผมเอียงหลบผักที่มันปามา สงสารมันแต่ก็ทำอะไรไม่ได้จริงๆ
ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังนี่ครับ
“มึงอ่ะแหละ
อย่าคิดว่ากูไม่รู้ความลับของมึงนะ หึ” จีมินกอดอกยิ้มเยาะเย้ยราวกับรู้เรื่องอะไรสักอย่างของโฮซอก
“ความลับอะไรของมึง
กูไม่เคยมีความลับอยู่แล้ว”
มันรู้ความลับอะไรของผมว้ะเนี่ย? หรือว่า...
“อยากให้กูพูดตรงนี้เลยเหรอ?
ก็เรื่องของมึงกับพะ...”
จีมินไม่ทันพูดจบประโยคร่างสูงก็เอื้อมมือไปปิดปากแน่นจนแทฮยองมองเพื่อนสองคนที่มีท่าทีลับๆ
ล่อๆ
“อย่าพูดต่อหน้าคนอื่นดิไอ่เตี้ย!” ผมขมุบขมิบปากพูดเสียงเบาให้ได้ยินกันสองคน
ร่างอวบสะบัดใบหน้าไปมาให้หลุดพ้นจากเงื้อมือของโฮซอก
มือมันแม่งโคตรเค็มเลยครับ แหวะ!
“เออ
กูจะเหยียบไว้แล้วค่อยคิดบัญชีทีหลัง”
จีมินยอมสยบให้กับสายตาของโฮซอก
มองเหมือนจะจับเขาหักคอถ้าเกิดพูดเรื่องความลับนี้ออกไป
“มาแล้วจ้ะหนุ่มๆ
จะสั่งอะไรเพิ่มบอกป้าเลยนะสุดหล่อ”
บทสนทนานี้ได้จบลงเมื่ออาหารหน้าตาดูน่าทานที่เด็กหนุ่มทั้งสามสั่งได้เข้ามาเสิร์ฟ
ทำให้ผมถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เกือบไปแล้ว...
ผมคิดไว้ไม่ผิดว่าความลับที่จีมินรู้คือเรื่องของผมกับพี่ยุนกิ
จีมินรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ มันรู้ได้ยังไง
รู้เรื่องของผมกับพี่ยุนกิถึงขั้นไหน คำถามมากมายขึ้นมาในหัวผมไม่หยุด
ความรู้สึกของผมที่มีต่อพี่ยุนกิมันคือความลับที่ผมปิดบังคนอื่นมาหกปี
จู่ๆ ไอ่เตี้ยกลับบอกว่ารู้ความลับนี้... ผมควรทำยังไงเพื่อไม่ให้มันเผยความลับนี้ออกไปดี?
“กินกันเถอะ ฉันอยากกินจะแย่แล้ว” แทฮยองมองของกินตรงหน้า ในมือทั้งสองข้างมีช้อนและส้อมพร้อมจัดการอาหารน่าอร่อย
“โอเค เรามากินกัน” จีมินเริ่มลงมือตักอาหารเป็นคนแรก
ผมเห็นดังนั้นจึงตักกุ้งตัวโตในถ้วยต้มยำกุ้งใส่จานให้แทฮยอง
ผมกลัวจีมินจะแย่งกินจนคนน่ารักคนนี้จะกินไม่ทันน่ะสิ
ขนาดบางครั้งที่ไปกินข้าวกันสองคนกับมัน ผมเองยังกินไม่ค่อยทันมันเลย
เรื่องกินต้องยอมให้มันจริงๆ
“ขอบคุณนะ โฮซอกก็กินด้วยสิ” ร่างบางพูดพลางตักกุ้งอีกตัวใส่จานให้ร่างสูงพร้อมรอยยิ้ม
“แทแทน่ะแหละกินเยอะๆ
ผอมจะตายแล้วเนี่ย”
ผมคิดแบบนั้นจริงๆ นะ แทฮยองน่ะผอมจริงๆ
เมื่อเทียบกับผม ทั้งที่ความสูงผมกับเขาก็ไล่เลี่ยกัน
“ฉันผอมจริงเหรอ?
ฉันคิดว่าฉันอ้วนนะ...”
“เอาตรงไหนอ้วนเนี่ย
จับไปก็เจอแต่กระดูกแล้ว 5555555555555555555555”
ผมยื่นมือไปจับเอวอีกคนเป็นการกลั่นแกล้ง
“เดี๋ยวฉันก็ตีให้เลย
หยุดแกล้งฉันเลยนะ กินข้าวได้แล้ว”
ร่างบางดุโฮซอกแล้วชี้จานข้าวของร่างสูง
“รู้แล้วหน่า
แทแทน่ะรีบกินก่อนที่ไอ่จีมินมันจะแย่งหมดนะ”
“ถ้าจีมินแย่งฉัน
ฉันก็จะแย่งนายอีกทีไง ฮ่าๆ”
“ไม่ต้องแย่งฉันก็เต็มใจให้แทแทได้อยู่แล้ว”
ผมเห็นร่างบางไม่ตอบแต่ตักข้าวเข้าปากแทนจึงหันไปให้ความสนใจจานข้าวตรงหน้าบ้าง
ผมเหล่มองไปยังโต๊ะของรุ่นพี่ทั้งสองคน ไอ่พี่ต้วนมองแต่แทฮยองตลอดจนผมรู้สึกรำคาญ
หันไปทางพี่แจ็คสันก็ได้แต่สบตากันนิ่งๆ เพราะพี่เขาหันมาหาทางผมพอดี
หึ... มองแบบนี้หมายความว่ายังไงกัน?
ผมทำเป็นไม่สนใจและหันมากินข้าวต่อ
ไว้ค่อยเคลียร์กันวันหลังแล้วกัน ผมไม่อยากทำให้แทฮยองไม่สบายใจ
ผมคิดว่าถ้าหากใครอยากได้แทฮยองไปคงต้องงัดฝีมือความสามารถมาสู้กันหน่อยแล้วล่ะ
ผมจะไม่ยอมให้แทฮยองหลุดไปอยู่ในเงื้อมมือของคนที่ไม่น่าไว้ใจเด็ดขาด
TBC
หายไปหลายวันเลย วันนี้อัพครบ 100% แล้วค่ะ
อย่าลืมมาคุยกันในแท็กเนอะ #ฟิคใหญ่แห้งไม่งอก
ฝากแชร์ ฝากเม้น ฝากโหวต ด้วยน้าจุ้บ
รัก.♥
ความคิดเห็น