ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic:Baramos]>>My Sweet Heart<<

    ลำดับตอนที่ #6 : ~Love Forever~

    • อัปเดตล่าสุด 24 เม.ย. 49


     
         เช้าวันรุ่งขึ้น

         ดวงอาทิตย์สาดแสงต้อนรับวันใหม่ไปยังทุกหนแห่ง...วันใหม่ที่จะไม่มีทุกข์ วันใหม่ที่จะมีความสุข วันใหม่ที่มีคนที่รักอยู่ข้างกาย...ทุกชีวิตตื่นขึ้นต้อนรับวันนี้อย่างสดใส แม้แต่...

              "เฮ้อ วันนี้อากาศดีจัง"เฟรินพูดพร้อมกับบิดขี้เกียจ"อ้าว คาโล คิลไปไหนล่ะ"เธอถามหลังจากขยี้ตาแล้วพบว่าในห้องมีแต่เธอและเขา

              "ไปแล้ว"คำตอบสั้นๆได้ใจความดังขึ้น

              "ไปแล้วของแก หมายความว่าไง ไปที่อื่นแล้ว หรือตายแล้ว"เธอเอามือเท้าสะเอวอย่างหมดฟิวส์ ...หนอย จะให้ตื่นมาอย่างสดใสไม่ได้ใช่มั๊ย...

              "ไปหาเรนอน"ตอบงี้ตั้งแต่ต้นก็จบ เอาแต่เล่นแง้

              "เหรอ ไปทำอะไรกันล่ะ"เธอถามต่ออย่างสงสัย แม้จะไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะรู้

              "เห็นบอกจะไปคุยกันเรื่องงานเต้นรำ"

              "เออ ใช่ วันนี้มีงานเต้นรำนี่นา...เอ๊ะ แล้วแกไปรู้เรื่องชาวบ้านเค้าได้ไง"

              "คิลมันบอก"

              "ทีชั้น ไม่เห็นมันจะบอกอะไรเลย...อ้อ นี่ชั้นอยู่นอกกลุ่มพวกแกแล้วใช่มั๊ย"เฟรินประชด แต่ไม่มีการโต้เถียงต่อ เมื่ออีกฝ่ายเลือกที่จะเดินหนี

              "ไปไหน"น้ำเสียงที่อ่อนโยนจากปากเจ้าหญิงเดมอสทำเอาคาโลชะงัก

              "ไป...ประชุม"คาโลตอบยิ้มๆ ขณะที่เฟรินเริ่มทำหน้าไม่พอใจ

              "ให้ได้งี้สิ ประชุมทั้งปี"

              "ไม่หรอก ประมาณ364วันต่อปีแค่นั้น"คาโลพูดตามความจริง แต่เป็นความจริงที่น่าอัดมากสำหรับเฟริน"อ้อ พ่อเธอส่งชุดเต้นรำมาให้แล้วนะ"พูดเสร็จก็เดินจากไปในทันที

              "ไหนล่ะชุด"เธอพูดงอนๆ ก่อนเหลือบไปเห็นชุดราตรีสีครีมแบบเปิดไหล่ กระโปรงยาวจรดพื้นเป็นลูกคลื่น แถมด้วยผ้าลูกไม้ชั้นดีมาประดับ

              "สวยจัง.."เธอเพ้อรำพันเมื่อได้เห็นชุดเต้นรำของเธอ ก่อนส่ายหัวไปมา"แต่มันไม่เหมาะกันชั้นสักหน่อย ท่านพ่อนะ ท่านพ่อ"เธอรีบปฏิเสธทันที

              "นั่นยังดีกว่าตั้งเยอะ"เธอพูดเมื่อเห็นชุดสูทสีฟ้าอ่อน ที่แม้จะดูเรียบๆ แต่ก็ดูดี

              "เฮ้อ เอาเถอะ นานๆทีได้ไปงานเต้นรำกะเค้าสักที(ไม่ได้หมายถึงคาโลนะ) ใส่ก็ได้วะ"เธอถอนใจอีกครั้ง และหันมามองทางชุดราตรีของเธอ ...โดยไม่ได้สังเกตประตูที่แง้มเปิดออกช้าๆอย่างเงียบๆ กับนัยน์ตาสีฟ้าคู่สวยที่เฝ้ามองมา

                                                           oOoOoOoOoOo


         ทางด้านนักฆ่าหนุ่ม

              "เฮ้อ"คิลถอนใจกันตัวเองหน้าห้องของนางฟ้าทั้ง3 ก่อนจะกำมือแน่น เม้มริมฝีปากอย่างแน่วแน่"เอาล่ะ" ยกมือขึ้นเตรียมเคาะประตู และถอนมือลงอย่างหน่ายใจ"เฮ้อ" วงจรชีวิตซ่ำซากที่วนไปมาไม่รู้จบ 

              "คิล ทำอะไรน่ะ"เสียงที่ทำให้คิลหันควับไปทางต้นเสียง ก่อนถอนใจเบาๆ

              "หวัดดี โร"คิลทักอย่างเซ็งๆ

              "รอใครอยู่ล่ะ"โรถามอย่างมีเลศนัย 

              "เอ่อ...ปล่าวหนิ"คิลรีบปฏิเสธ แล้วหันหน้าหนีเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเห็นดวงหน้าที่แดงก่ำ แต่ก็เป็นอากัปกิริยาที่ไม่อาจรอดพ้นขอทานไปได้

              "ไม่เคาะประตูสักที คนข้างไหนจะรอเก้อนะ"คำยั่วได้ผลจังงัง เมื่อนักฆ่าหนุ่มตรงรี่ไปที่ประตู เตรียมจะเคาะทันที ...หลอกง่าย จะได้ไม่ต้องเคาะเอง... แต่แล้วนักฆ่าหนุ่มก็ชะงัก ก่อนหันมาทางโรที่หุบรอยยิ้มไม่ทัน

              "แกหลอกชั้น"คิลพูดอย่างเคียดแค้น

              "ชั้นแค่พูดตามจริง แต่ผลพลอยได้ที่ไม่จำเป็นต้องลงมือย่อมดีกว่า จริงมั๊ย"โรว่ายิ้มๆ 

              "แก..."

              "ว่าไงเพื่อน!"เสียงดังขัดจังหวะจากบุรุษตาเดียว ที่พูดเสร็จสับเดินไปเคาะประตูห้องทันที

         ...ก๊อก ก๊อก...

         คิลกับโรหันมามองหน้ากันอย่างไม่เชื่อสายตา ก่อนทั้งคู่จะแง้มรอยยิ้มออกมาบางๆ...เออ ง่ายดีแฮะ...

         และพร้อมกันที่ประตูแง้มเปิดออกเผยให้เห็นนางฟ้าทั้ง3ที่แย่งกันมาเปิดประตู

              "อ้าว หวัดดีโร / ครี้ด /ค่ะ คุณคิล"เสียงต้อนรับดังขึ้นพร้อยกันจนแทบแยกไม่ออก (ยกเว้นคิล ที่เรนอนพูดยาวกว่าเพื่อน)

              "หวัดดี"ชายหนุ่มทั้ง3ประสานเสียงกันอย่างสามัคคี

              "เอ่อ...แล้วจะเอาไงล่ะ"แองจี้ถามอีก5คนเมื่อเข้ามาในห้อง

              "อยู่รวมกันในห้องนี้คงไม่ดีแน่...งั้นเอางี้ คิล เธอกันเรนอนไปที่สวนละกัน ชั้นกับโรอยู่ที่นี่ และ...ครี้ดกับแองจี้..เอ่อ ห้องโถงละกัน"มาทิลด้าเสนอ

              "แล้วทำไมชั้นต้องไปห้องโถงด้วยล่ะ"แองจี้สวนกลับ

              "แล้วทำไมเธอถึงได้อยู่ในห้องนี้ล่ะ"ครี้ดเสริมต่อ  

              "งั้นชั้นกับมาทิลด้าไปห้องโถงกลางก็ได้"โรพูดตัด

              "โอเค เถียงกันอย่างนี้ไม่ดีแน่ งั้นเป็นอันตกลงตามนี้"มาทิลด้าสรุป ก่อนทุกคนจะพยักหน้าเห็นด้วยและแยกย้าย โดยที่คิลและเรนอนไม่ปริปากบ่นสักคำ เนื่องจากพอใจกันสถานที่อยู่แล้ว

                                                            oOoOoOoOoOo

         ~ในวันวานที่เปล่าเปลี่ยวยามมีทุกข์     ไร้ความสุขจมอยู่กับความเหน็บหนาว

         ไม่มีใครมาเฝ้าปลอบมีแต่ดาว              ที่คอยรับฟังข่าวเรื่องเศร้าใจ

           แต่วันนี้มีเธอคอยช่วยไว้                     เธอเป็นฝันที่ใฝ่หายามหวั่นไหว

         คอยปลอบใจยามมีทุกข์และห่วงใย       คำว่ารักยิ่งใหญ่กว้างไกลเอย~        

         ...ภาพความสุขของคนหนึ่ง สร้างความสุขให้อีกคนหนึ่ง นั้นอาจแค่เพื่อนแท้ แต่คำว่ารักคือความยิ่งใหญ่ ซึ่งมอบแด่เธอผู้เดียวเท่านั้น...

         ...ความรัก...ช่วยเหลือยามเป็นทุกข์ ยิ้มให้กันยามมีสุข เราจะอยู่คู่กันตลอดไป กับความจริงตลอดกาล...ฉันรักเธอ...

                                                            oOoOoOoOoOo

         ก่อนเวลางานเต้นรำ30นาที ความวุ่นวายเริ่มวิ่งพล่าน โดยต้นเหตุนามเฟริน เดอเบอโรว์ เดอะ ทีฟ ออฟ บารามอส

              "ไอ้ชุดงี่เง่านี่มันใส่ไงวะ คิลๆ...เฮ้ย วิเวียน สร้อยนั่นผมไม่ใส่...นี่ เรนอน คิลอยู่ไหน...น่า วิเวียน ไม่ใส่ไม่ได้เหรอ..."เสียงแม่ตัวดีดังลั่นป้อม แต่เพื่อนผู้ถูดเรียกก็ไม่แคร์เธอแม้แต่น้อย กลับนั่งแต่งตัวอย่างสบานใจอยู่ห้องข้างๆ

              "ไม่ไปดูหน่อยเหรอ"โรถามยิ้ม

              "นั่นมันห้องแต่งตัวผู้หญิงให้ชั้นเข้าไปได้ไง อีกอย่างในห้องก็มีคนอีกตั้งเยอะ เดี๋ยวก็ช่วยมันเองแหละ"คิลตอบเรียบๆ แต่โรยิ้มอย่างมีเลศนัย

              "ชั้นถึงบอกให้ไป'ดู'ไม่ใช่ไป'ช่วย'"โรหัวเราะร่ากับหน้าที่ขึ้นสีเรื่อเมื่อคิดถึงเจ้าหญิงที่อยู่ในห้องนั้นด้วย แต่ก่อนที่จะตวาดกลับไปห้องสมุดเคลื่อนที่ก็ย้ายตัวเองไปอยู่มุมห้องเสียแล้ว

              "ฝากไว้ก่อนเถอะ"คิลบ่นอุบอิบ ก่อนจะถอดเสื้อตัวเองออกเพื่อเปลี่ยนเป็นชุดสูทสีม่วงเข้มเกือบดำ ร่างชายหนุ่มที่ดูเท่ห์บาดใจสาวเผยออกมาพร้อมกับประตูที่เปิดออก พร้อมกับการปรากฏตัวของหญิงสาวร่างบางในชุดราตรีสีชมพูอ่อนยาวถึงข้อเท้ากับโบว์เล็กๆที่กลางหลัง ชายกระโปรงจับจีบอย่างสวยงาม ผมสีม่วงอ่อนถูกรวบขึ้นไว้บนศีรษะและปล่อยบางส่วนลงมาถึงช่วงคอ ประดับด้วยสายรัดเล็กๆสีชมพู ที่คอระหงมีสร้อยคอเข้าชุดสีม่วงอ่อน ยิ่งทำให้ร่างระหงดูเด่นยิ่งขึ้น 

              "ทุกคนคะ งานใกล้เริ่มแล้ว รีบลงไปข้างล่างเลยนะ..."เจ้าหญิงแห่งคาโนวาลกล่าวทิ้งช่วงไปนานเมื่อตาน้อยๆเหลือบไปเห็นร่างของนักฆ่าหนุ่มจากซาเรส"...คะ"น้ำเสียงที่ดูเลือนลอย ขณะที่ดวงตายังจับจ้องอยู่ที่ร่างของคิล ตอนแรกคิลไม่สนใจ ต่อมาเริ่มหันไปมองอย่างเฉยชา แต่เมื่อหญิงสาวยังคงจับจ้องไม่หาย นักฆ่าน้อยจึงเริ่มรู้สึกถึงใบหน้าที่ร้อนผ่าว ก่อนรีบสาวเท้าไปที่ประตู

              "เอ่อ...ไม่มีอะไรแล้วใช่มั๊ย"คิลว่าพลางเกาท้ายทอยแกรกๆ และพยายามสบตาเธอน้อยที่สุด

              "เอ่อ...อ้อ ค่ะ"แล้วเธอก็รีบเดินจากไปอย่างรู้หน้าที่ เมื่อประตูปิดลงเสียงหัวเราะจึงดังลั่นห้องเปลี่ยนชุด

              "แกนี่น้า..."ครี้ดในชุดดำทั้งชุดแขนกุดเดินเข้ามาตบไหล่คิลเบาๆ ทำให้คิลหน้าแดงยิ่งขึ้นก่อนตรงรี่ไปทางเพื่อนสนิทอีกคนที่มีรอยยิ้มบางๆให้เห็นอยู่ลับๆ

              "เฮ้อ...อะไรนักหนา ขนาดแกยังหัวเราะเลยเรอะ"คิลว่าอย่างหัวเสียเมื่อมาถึงข้างๆคาโลที่ออกรอยยิ้มอย่างเห็นได้ชัด

              "บอกแล้วให้ไป'ดู'ก็ทำเป็นอาย เจ้าหญิงของนายเค้ายังกล้ามา'ดู'เลย"เสียงกลั้วหัวเราะดังจากปากเจ้าชายขอทานที่เปลี่ยนชุดเป็นขุดสีเขียวแก่แล้ว ซึ่งทำให้คิลหันไปมอง และยิ้มให้อย่างโกรธแค้น

              "เออ โทษทีที่ชั้นมันขี้อาย"คิลประชดก่อนหันหลังไปเปลี่ยนชุดต่อ โดยได้ยินเสียงหัวเราะร่าจากขอทานน่าถีบ กับเสียงหัวเราะกึกๆจากเจ้าชายข้างตัวที่อั้นไว้ไม่อยู่ ทำเอาคิลเริ่มหัวเสีย และบ่นงึมงำกำตัวเอง
     
              "เฮ้อ"เจ้าหญิงน้อยถอนใจกับตัวเองเมื่อกลับมายังห้องเปลี่ยนชุด

              "เป็นอะไรไป เรนอน ยังไม่ไปที่งานเหรอ"เสียงทักเรียกให้ดวงตาเธอหันไปจับจ้องเจ้าหญิงอเมซอนในชุดสีเขียวอ่อนเปิดไหล่ที่ดูทะมัดทะแมง แต่สวย มีสายรัดเอวสีทองอร่าม กับปลอกแขนสีอ่อนๆ2ข้าง ชายกระโปรงเรียบริ้วปลิวไสว และผมนิลที่เคยถูกปล่อยอย่างไม่ใส่ใจก็ดูเรียบร้อยขึ้น

              "อ้อ เปล่าค่ะ"เรนอนรีบตอบ ขณะที่มาทิลด้าเริ่มเพ่งมองไปยังเพื่อนสาวที่ยิ้มแหยๆ

              "เอาเหอะ แองจี้ใกล้เสร็จแล้ว ค่อยไปด้วยกันก็ได้"มาทิลด้าถอนใจ

              "ค่ะ ...แล้ว"เรนอนพูดพลางพยักหน้าไปทางองค์จักพรรดินีวิเวียนนานิย่าที่ตอบรับคำชวนของเจ้าหญิงบารามอสทันทีที่ได้รับจดหมาย

              "อ้อ เดียวท่านคงลงไปพร้อมเฟลิโอน่าละมั้ง ดูสิเชิญมาไม่ได้ดูเลยว่าป้อมอัศวินต้องเพิ่มอัศวินรักษาการอีกแค่ไหน"คำกล่าวอย่างไม่จริงจังทำให้เรนอนหัวเราะเบาๆ

              "เสร็จแล้วมาทิลด้า อ้าวเรนอนนึกว่าไปแล้วซะอีก"แองเจริน่าโผล่ออกมาพร้อมชุดราตรีสีน้ำทะเลเปิดหลัง ประดับด้วยสร้อยคอและกำไลข้อมือสีขาวใส และผมที่ถูกรวบไว้อย่างสวยงาม ดูแล้วสง่างามยิ่งนัก

              "เสร็จแล้วก็ไปกันเถอะ เดี๋ยวผมกับวิเวียนจะตามไปทีหลัง"เฟลิโอน่าเอ่ยออกมาจากอีกมุมหนึ่งของห้อง โดยที่กำลังถูกนางสนมของวิเวียน4คนจับแต่งตัว แม้อยากดิ้นแต่แรง4ย่อยมากกว่า1จึงต้องยอมแต่โดยดี 

                                                            oOoOoOoOoOo

              "เฟรินล่ะ"คาโลถามขึ้นเมื่อเห็นนางฟ้าทั้ง3ย่างกายเข้าสู่พื้นที่จักงาน

              "ยังแต่งตัวอยู่ค่ะ"เรนอนอาสาตอบขณะจ้องมองไปยังอีกบุรุษที่ยังทำหน้าเฉยชา"เอ่อ..."

              "งั้นพวกชั้นไปก่อนนะ"มาทิลด้ากล่าวเมื่อเห็นครี้ดกับโรยืนโบกมืออยู่อีกฟากหนึ่ง จึงสะกิดแองจี้และพากันเดินออกไป

              "เอ่อ ชั้น..."เรนอนเอ่ยตะกุกตะกัก โดยไม่สบนัยน์ตาสีม่วงนั้นเลย

              "หิวมั๊ย"คิลพูดยิ้ม พร้อมยื่นมือมาทางเรนอน

              "ค่ะ"เธอส่งมือเรียวบางไปให้บุรุษหนุ่มที่คว้าไว้แน่น และพากันเดินไปหาอะไรกิน ทิ้งไว้แต่เจ้าชายผู้รอเก้ออยู่ที่เดิม

              "สวยนะ"คำชมดังรอดจากปากขอทานทันทีที่สบตากับดวงตาสีมรกต

              "ชั้นว่าเธอยังไม่ได้มองชุดชั้นเลยนะ"มาทิลด้าประชดเมื่อเห็นว่าดวงตาโรกำลังสบตาเธอ ทำเอาโรขยับรอยยิ้ม

              "ก็นั้นแหละที่สวย"คำเอ่ยชมหลุดลอยจากปากทำให้เจ้าของดวงตาสวยเริ่มหน้าแดงเรื่อ ขณะที่โรยิ้มรับอย่างอ่อนโยน 

              "ว่าไงจ้ะ หวานใจ"ครี้ดทักแม่มดสาวพลางคว้ามือเรียวยาวมาจุมพิตเบาๆ"ยอดรัก ปล่อยให้พี่รอตั้งนาน อยู่ห่างน้องไม่กี่นาที พี่เกือบขาดใจ"คำหวานๆที่มีผู้เคราะห์ร้ายได้ยินเข้า ทำเอารีบวิ่งเข้าห้องน้ำกันหลายราย

              "โว้ย โรทำไมแกจีบสาวเก่งกว่าชั้นวะ"ครี้ดเริ่มบ่นเมื่อตอนนี้บนหน้าเขา นอกจากมีตาเดียวแล้วยังมือรอยฝ่ามือแดงๆแปะอยู่อีกตังหาก ขณะที่ไอ้คนที่หลงไปจีบเจ้าแม่ป้อมอัศวินยังยิ้มระรื่นอยู่

              "..."ไร้คำตอบ เมื่อขอทานหนุ่มรีบเคลื่อนตัวหลบฉากไปช้าๆ ต้อนรับคำประกาศต่อมา

              "จักพรรดินีวิเวียนนานิย่าเสด็จ"เสียงดังประกาศจากปากทางเข้างาน เรียกทุกเสียงเงียบลงทันใด กับการปรากฏตัวขององค์จักพรรดินีแห่งเวนอลและเจ้าหญิงแห่งบารามอส

         เจ้าหญิงบารามอสที่เดินนำมาในชุดสีครีมแบบเปิดไหล่ กับสอยคอไข่มุกที่ดูสะดุดตาที่วิเวียนนำมาให้ ผมสีน้ำตาลถูกปล่อยสยายไปกับสายลม แต่แม้จะสวยเท่าใด แต่ที่ตรึงสายตาทุกคนอยู่คือ...

         ...สวย สง่างาม..เกินที่จะเอื้อมถึง...น้องหญิง...

         ร่างระหงในชุดที่ดูเรียบๆที่ถ้าคนอื่นใส่อาจดูไม่สะดุดตา แต่อำนาจที่เรียกสายตาทุกดวงคือความสวยและสง่างามของเธอ ผู้ได้ชื่อว่าเป็นองค์จักพรรดินี...รอยยิ้มถูกโปรยมาตามทาง ก่อนสะดุดอยู่ที่สายตาคู่หนึ่ง...เจ้าชายโรเวน ฮาเวิร์ด...นิ่งสักพัก ก่อนเจ้าหญิงข้างตัวจะเห็นท่าไม่ดีจึงรีบสะกิดเบาๆเรียกสติให้กลับคืน ซึ่งวิเวียนก็รับแต่โดยดี ก่อนส่งยิ้มหวานอย่างอ่อนโยน เหมือนคราก่อน...คราก่อนที่ยิ้มส่งลาโรเวนกลับสู่เจมิไน..การกลับไปที่ไม่เคยกลับมา...ก่อนเธอจะละสายตาจากไป

              "หญิงมาอยู่ที่นี่แล้ว ถือเป็นแค่แขกคนนึง ขอให้ปฏิบัติกับหญิงเยี่ยงสามัญชน.."วิเวียนกล่าวออกมาเบาๆแต่จริงจัง โดยเน้นเสียงให้ส่งรากลึกเข้าสู่จิตใจของผู้หนึ่ง ที่เมินหน้าไปอีกทาง ซึ่งเป็นคำพูดที่ส่งผลชัดเมื่อบุรุษผู้นั้นสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนเหลือบมามอง"..นะคะ"คำลงท้ายเพื่อยืนยันทั้งหมดที่พูดมา คำพูดทั้งหมดที่ต้องการส่งไปให้'เขา'เพียงผู้เดียว...ใช่ ขอวันนี้วันเดียว อย่างน้อยขอบอกลากันด้วยรอยยิ้ม..

         เงียบอยู่สักพักใหญ่ ก่อนเสียงจะเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง เสียงที่ทำให้วิเวียนลอบถอนใจเบาๆเมื่อผ่านพ้นสถานการณ์นั้นมาได้ ก่อนน้ำเสียงที่คุ้นเคยแต่ดูเฉยชาจะดังขึ้นด้านหลัง

              "ขอประทานอภัยที่ไม่ได้ทำการต้อนรับ ไม่นึกว่าท่านจะเสด็จ"

              "เจ้าพี่..."เธอรำพึงเบาๆ ก่อนแง้มรอยยิ้มน้อยๆอย่างนุ่มนวล"ท่านไม่จำเป็นต้องรำบากเจ้าชายโรเวน ฮาเวิร์ด...ข้ามาในฐานะสามัญชน ไม่มีอะไรมากกว่านั้น"คำตอบที่โรเวนต้องพินิจอยู่นาน ก่อนเผยยิ้มให้...ไม่ได้เห็นนานแล้วนะคะ รอยยิ้มเยี่ยงนี้...

              "ขอให้ท่านสนุกกับงาน"ก่อนจะเดินจากไป

              "เป็นไงบ้างวิเวียน"

              "พี่หญิง...ก็ไม่มีอะไรนี่คะ"วิเวียนตอบเลี่ยงๆ

              "เหรอ"เฟรินเสแสร้งทำท่าครุ่นคิดอยู่นาน แต่วิเวียนก็ตีบทแตกตีหน้าเรียบเฉย

              "เฮ้ เฟริน"เสียงคิลตะโกนเรียกทำให้เจ้าของชื่อละไปจากวิเวียน ให้เธอถอนใจเบาๆ...เจ้าพี่...

              "คาโลรออยู่นู่นแหนะ"คิลว่าเมื่อเห็นเฟรินเดินยิ้มเข้ามาอย่างมีเลศนัย

              "แล้วทำไม ว่าแต่แก2คน..."ยังไม่ทันได้พูดอะไร เธอก็ถูกนักฆ่ากับเจ้าหญิงผลักไปอีกทาง และไปกระทบร่างขายผู้หนึ่ง

              "โอ้ย...รู้จักระวังทางมั่งสิ"เธอกล่าวหาคนที่นำร่างมาให้เธอชน แต่ไม่มีคำโต้ตอบ และไฟในห้องก็เริ่มดับลง

              "มืดจัง"เธอพึมพำเบาๆ กับรอยยิ้มอย่างอบอุ่นจากอีกบุรุษใกล้ๆ แม้ความมืดจะทำให้มองไม่เห็น แต่สัมผัสประหลาดบอกเธอว่าเขากำลังยิ้ม เธอจึงโอบกอดร่างโตกว่าเบาๆ

              "ชั้นกลัว"เสียงกระซิบที่ดังลอดมาทำให้คาโลต้องระงับเสียงหัวเราะไว้ด้วยความยากเย็น และทำท่าจะกอดตอบ แต่เสียงประกาศก็ดังขึ้น พร้อมแสงสปอตไลท์ที่ส่องไปยังฟลอร์เต้นรำทำให้ทั้งคู่รีบผละออกจากกัน ท่ามกลางรอยยิ้มของคนหลายคนที่จับจ้องอยู่

              "บัดนี้ ได้เวลาอันสมควรแล้ว ขอเชิญ คาโล วาเนบลี เดอะ ปรินซ์ ออฟ คาโนวาล และเฟลิโอน่า เกรเดเวล เดอะ ปรินเซส ออฟ บารามอส มาเต้นรำเปิดฟลอร์ด้วยครับ"เสียงโฆษกจำเป็นที่ไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่อย่างลอเรนซ์ ดอร์นดังขึ้น

              "หา"คนถูกขานชื่ออุทานออกมาไม่ได้เบาเลย ขณะถูกอีกคนลากขึ้นฟลอร์

              "นี่มันอะไรกันน่ะ พี่ลอเรนซ์"เธอถามเมื่อถูกลากผ่านโฆษกจำเป็น

              "อ้าว ก็เห็นคาโลมาเสนอ นึกว่าเธอตกลงแล้วซะอีก"คำตอบจากลูคัสที่ยืนอยู่ใกล้ๆกัน "แต่ยังไงประกาศไปแล้วกลับคำไม่ได้ ไม่งั้นชั้นกับลอรี่จะได้ออกไป"ลูคัสพูดต่อยิ้มๆ ขณะที่ลอรี่ทำท่าลุกลี้ลุกลน"หานี่อยู่เหรอ ลอรี่"ลูคัสเอ่ยถามพลางควงมีด10เล่มไปตามนิ้วทั้ง10"วันนี้ฤกษ์ดี ห้ามใช้มีด"เขาเอ่ยยิ้มๆ แต่เธอก็ไม่ได้รับฟังอะไรอีกเมื่อเจ้าชายข้างตัวลากเธอไปถึงกลางฟลอร์แล้ว

              "เพลงจบเมื่อไหร่ ชั้นจะฆ่าแก"เธอส่งเสียงกระซิบเมื่อเพลงเริ่มขั้น ซึ่งเคาโลก็ยิ้มตอบ

         แม้เฟลิโอน่าจะบ่นมากเท่าไหร่ แต่การเต้นรำก็ยังเข้าคู่กันได้ดี แม้จะบางครั้งที่เธอเหยียบเท้าคาโล...

         ครั้งแรก..."โทษที ไม่ทันมอง" คาโลปล่อยผ่านไป

         ครั้งที่2..."เอาเท้ามาให้ชั้นเหยียบทำไมเนี่ย" "อืม"

         ครั้งที่3 และครั้งต่อๆมา...แมม่ตัวดียิ้มรับอย่างซื่อๆ เมื่อคาโลจ้องเขม็ง เธอจึงทำหน้าแบบ'ชั้นทำอะไรผิด' ซึ่งสามารถมั่นใจได้ว่า เธอตั้งใจ

         เมื่อเพลงแรกจบลง ก็มีหลายคู่ที่มาร่วมเต้นรำด้วยกับเพลงถัดมาอย่างสนุกสนาน แต่เธอก็ตรงรี่ลงจากฟลอร์ทันที แต่ถูกมือใหญ่คว้าไว้ก่อน

              "อีกเพลง"คาโลพูดเรียบๆ

              "ไม่มีทาง"เธอรีบสะบัดมือออก แต่คนแรงมากกว่าย่อมชนะ"เพลงสุดท้ายนะ"เธอพูดอย่างห่อเหี่ยวใจ ซึ่งคาโลก็ตกลงแต่โดยดี

              "เต้นสักเพลงมั้ยคะ"เรนอนรวบรวมความกล้าก่อนเอ่ยออกมาเบาๆ ให้อีกฝ่ายรับรู้

              "ห้ะ...เอ่อ ผมเต้นไม่ค่อยเก่งน่ะ"คิลตอบรับอย่างอายๆ เรียกเสียงหัวเราะเล็กๆได้จากเรนอน

              "ไม่เป็นไรค่ะ งั้นหลายๆเพลงก็ได้ คุณคิลจะได้เก่งขึ้น"คำตอบที่ผิดความคาดหมายทำเอาคิลอึ้งเล็กน้อย จึงทำให้เจ้าหญิงร่างบางถือโอกาศลากมาถึงกลางฟลอร์ ซึ่งคิลก็มองอย่างเหลอหลา ก่อนส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน...เอาก็เอาฟะ... 

         ทั้งคู่เต้นเข้าคู่กับอย่างสวยงาม ซึ่งทำให้เธอคิดว่าเธอนั่นแหละที่เต้นไม่เก่ง เมื่อหลายครั้งที่เธอผิดจังหวะ ชายตรงหน้าก็เต้นตามเธอได้โดยไม่สะดุด 

              "นี่ โร ไม่ไปเต้นรำเหรอ"มาทิลด้าเปิดบทสนทนา

              "อ้าว นึกว่าเธอไม่ชอบซะอีก"โรตอบรับเรื่องผิดจากข้อมูลที่เคยมี

              "ก็ใช่อะน่ะ แต่ก็..."

              "งั้นไปกันเถอะ"โรรีบคว้ามือหญิงสาวไปทันที

         ทวงท่าที่สง่างาม ดั่งการเต้นรำของคนชั้นสูง ที่บังเกิดกับเจ้าหญิง และ...ขอทาน?

              "กรี้ด! ครี้ด ทำอะไรน่ะ"แองจี้เริ่มร้องเบาๆ เมื่อครี้ดอุ้มเธอขึ้น และเดินไปยังฟลอร์เต้นรำ

              "อ้าว งานเต้นรำ ก็ต้องเต้นรำสิจ้ะ ยาหยี"ครี้ดตอบโดยไม่ลืมหยอดคำหวาน

              "เออ แต่ปล้อยชั้นลงก่อน"เธอพูดอย่างไม่พอใจ

              "แล้วเธอจะยอมเต้นงั้นเหรอ"คี้ดถามอย่างชั่งใจ

              "เอ่อ...ไงก็ได้"คำตอบที่ครี้ดยิ้มรับก่อนวางตัวแม่มดสาวลง

              "โอ้ย ระวังหน่อยสิ"แองจี้อุทานเมื่อครี้ดเหยียบเท้าตนเข้าอย่างจัง

              "เธอก็ระวังมั่งสิ"ครี้ดว่าต่อเมื่อหญิงสาวเหยียบเท้ากลับ

          ต่อมาแองจี้ก็สะดุดพื้น ซึ่งทำให้ครี้ดรีบรับร่างบางไว้ก่อนล้มลง ทำเอาเธอหน้าแดงเรื่อ

              "เอ่อ ขอบคุณ"

              "ไม่เป็นไร"ครี้ดยิ้มรับอย่างอ่อนโยน

                                                              oOoOoOoOoOo

         เมื่อเพลงจบลงคาโลและเฟรินรีบก้าวลงจากฟลอร์ พร้อมกับโรและมาทิลด้าที่พอใจแล้ว และแองเจริน่ากับครี้ดที่ไม่คิดจะเต้นกันอีกเป็นครั้งที่2 ขณะที่คิลยังคงสอนการเต้นรำให้เรนอนอยู่ที่ฟลอร์กับเพลงถัดไป

              "เอาล่ะ ไปกินกันเถอะ"แม่ตัวดีร้องบอกคนอื่น ขณะมุ่งหน้าไปทางโต้ะที่วิเวียนนั่งอยู่

              "เอ่อ เรากินมาพอแล้ว เธอกันคาโลไปเถอะ"มาทิลด้าพูดยิ้มๆ

              "งั้นเหรอ"เธอทำหน้าเสียดายแทน "แล้วจะไปไหนล่ะ"

              "ออกไปรับลมสักหน่อย วันนี้จันทร์เต็มดวงด้วยนะ"โรอาสาตอบ

              "วันนี้จันทร์เต้มดวงเหรอ"ครี้ดร้องถาม ซึ่งโรก็พยักหน้ารับ "โอ้ โรแมนติกดีแท้ ไปกันมั๊ย"ครี้ดหันมาถามแม่มดสาว 

              "เธอไม่บังคับชั้นเหรอ"แองจี้ถามอย่างลังเล

              "เธอเห็นชั้นเป็นคนแบบนั้นเหรอ"ครี้ดตอบกลับ...อ้าว ไม่เห็นแล้วจะพูดเหรอ ก็เห็นแต่ประมาณว่า ไปกันเถอะ ยอดรัก  ทางข้างหน้ารอเราอยู่  อะไรประมาณเนี่ย...แองจี้คิดอย่างปลงๆ ก่อนยิ้มรับ

              "ก็ได้" ก่อนทั้ง4จะพากันเดินออกไป

              "งั้นไปกินกันเถอะ"เธอเรียกอีกคนที่อยู่ข้างตัว ที่จำใจเดินตามไป

              "วิเวียน ไม่ไปเต้นรำหน่อยเหรอ"เธอเอ่ยถามเมื่อเห็นวิเวียนนั่งนิ่งอยู่ที่โต๊ะ

              "ไม่ละค่ะ"เธอตอบเบาๆ

              "งั้นเหรอ ถ้าอยากเมื่อไหร่บอกนะ"

              "พี่หญิงจะเต้นกับหญิงเหรอคะ"เธอรีบลุกพรวดขึ้นจากโต๊ะอย่างดีใจ

              "เปล่า ผมจะให้คาโลเต้นด้วยตังหาก"เธอยิ้มแหยๆ พลางจ้องมองน้องสาวที่ทรุดตัวลงอีกครั้ง จึงกระทุ้งชายข้างตัว ที่จ้องกลับมาอย่างเย็นชา

              "โว้ย จะทำอะไรก็รีบทำ"คำด่าที่หากจ้องดูในแววตา มันคือคำขอร้อง ซึ่งทำให้เจ้าชายใจอ่อน ถอนใจนิดๆ 

              "กรุณาเต้นกับผมสักเพลงด้วยครับ"คาโลเอ่ยเรียบๆพลางค้อมคำนับ

              "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หญิงรู้ว่าท่านถูกพี่หญิงบังคับ"วิเวียนตอบเรียบๆกลับ ทำให้คาโลเบิ่งตานิดๆ

              "องค์จักพรรดินีควรกล่าวตรงไปตรงมามิควรอ้อมค้อม"คาโลพูดเสียงแข็งขึ้น ซึ่งทำให้เจ้าคนต้นคิดเริ่มใจไม่ดี

              "ข้าเสียใจ แต่บัดนี้ข้าไม่ขอรับตำแหน่งนั้นในราตรีนี้"เธอกล่าวเสียงแข็งพลางเหล่ไปทางบุคคลที่4ซึ่งแอบฟังการสนทนานี้อยู่

              "ไปเถอะ เฟลิโอน่า"คาโลกล่าวอย่างเรียบเฉย ก่อนรีบฉุดกระชากเฟรินที่พึ่งกินไป3จาน ออกไปข้างนอก ...ขอบคุณค่ะ คุณคาโล...

         เมื่อเธอมาถึงข้างนอก มันเหมือนปาร์ตี้เล็กๆ เมื่อคนส่วนใหญ่เหมือนใจตรงกันออกมากันเกือบหมด ...มิน่า นึกว่าหายไปไหนกับหมด...

              "อ้าว เฟริน คาโล มาแล้วเหรอ"นักฆ่าหนุ่มที่ออกมาเมื่อใดไม่ทราบตรงรี่เข้ามา

              "ตอนนี้กำลังสนุกเลย ไปด้วยกันสิ"คิลว่า พลางเดินนำไป ซึ่งคาโลและเฟรินมองหน้ากันอย่างงงๆ ก่อนเดินตามไป

         กลับเข้าสู่ภายในงาน ที่เหลือเพียงไม่กี่คน แต่เพียงชั่วอึดใจคนเหล่านั้นรีบเดินออกไปอย่างรู้หน้าที่ ซึ่งวิเวียนก็เฝ้ามองอยู่ห่างๆ เธอไม่ได้ทำอะไรเลยนะ 

         และคำตอบเพียงหนึ่งเดียวก็อยู่ตรงหน้าเธอ โรเวน ฮาเวิร์ด!

                                                        oOoOoOoOoOo

            "วิเวียนจะเป็นไงมั่งน้า"เฟรินรำพึงอย่างเป็นกังวล

              "ห่วงตัวเองดีกว่านา"คิลเอ่ยแซว ทำเอาคนถูกแซวหัวไปแยกเขี้ยว"ฮะๆ ช่างแกเถอะ"นักฆ่าหัวเราะร่วนก่อนโบกมือเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงสาวน้อยร่างบาง

              "จันทราเอ๋ย...เป็นพยานในความรักเค้าทั้ง2แทนชั้นด้วย"เธอเอ่ยออกมาเบาๆให้กับดวงจันทร์วันเพ็ญที่ตั้งสง่าประดับท้องฟ้า กล่าวจบจึงหันหน้าไปทางห้องโถงที่เหลือเพียงคน2คน"ชั้นเชื่อ" เธอรำพึงต่อพร้อมหลุบนับน์ตาลงต่ำ 

              "ถ้าเชื่อก็อย่าไปห่วง"น้ำคำที่ดูเหมือนดูถูก แต่น้ำเสียงที่อ่อนโยนสื่อถึงอีกความหมายหนึ่ง พร้อมกับมือที่ถูกวางลงบนไหล่บางของเธอ "ทุกอย่างจะดีเอง"

              "อืม..."เธอรับคำเบาๆ "ว่าแต่แกไปฝึกปลอบคนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ห้ะ"


         ..มันเป็นสถานการณ์กระอักกระอ่วนที่สุดที่เธอเคยเจอ! เหลือแค่เธอกับเขา2คนในห้องกว้าง แม้เพลงจะดำเนินต่อไปเรื่อยๆ แต่ก็ไม่อาจแม้แต่จะกลบเสียงหัวใจเต้นได้แม้แต่น้อย กับนัยน์ตาสีน้ำเงินคู่เดิมไม่เปลี่ยนแปลงที่จ้องมองมา จนเธอเริ่มทนไม่ไหวอีกแล้ว จึงลุกขึ้นจากที่นั่งช้าๆ แล้วค่อยๆใช้ขาลากร่างกายที่หนักอึ้งผ่านหน้าตาคู่นั้น 

         ไม่อาจฝืนได้ เมื่อดวงตาสีมรกตเหลือบไปสบกับตาคู่นั้น แววตาที่มีรอยขบขัน ทำให้เธอรีบเดินหนีอย่างไร้จุดหมาย

         หมับ! 

              "ปล่อยข้าน่ะ"เธอสะบัดข้อมือไปมา แต่มือใหญ่กว่าก็ยังคงจับไว้แน่น 

         ร่างที่รอคอยจังหวะมานานก็พลับลุกขึ้น ก่อนดึงร่างระหงเข้าใกล้

              "เต้นกับกระหม่อมสักเพลง"เขาเอ่ยยิ้มๆ โดยที่เธอหน้าแดงเรื่อ

              "เจ้าพี่..."คำพูดเบาบางปลิวไปกับสายลม แต่ก่อนที่เธอจะยอมแต่โดยดี ความกลัวก็กระจายไปทั่วร่างกาย...คนหลอกหลวง ใจร้าย..."ถ้าข้าปฏิเสธ"เธอเอ่ยเสียงแข็ง ผิดกับหัวใจที่อ่อนล้า

              "ขอบังอาจทราบเหตุผลสักหน่อย"เขากล่าว ขยับรอยยิ้มให้กับเธออย่างอ่อนโยน

              "หญิง...ข้า..."ดวงตาสีมรกตเริ่มไหววูบพร้อมกับการมาของน้ำตา"เจ้าพี่...เจ้าพี่ใจร้าย คนหลอกหลวง ไหนบอกจะมารับหญิงไปเจมิไน เจ้าพี่หลอกหญิง!"ความรู้สึกล้นทะลักออกมาดุจน้ำตาที่ยังไหลพราก นัยน์คู่สวยจ้องหน้าอย่างหาเรื่อง กับนัยน์ตาสีน้ำเงินที่ไหววูบช้าๆ

              "...พี่ขอโทษ แต่หญิงควรรู้ว่าหญิง..."

              "หญิงรู้! เพราะหญิงเป็นจักพรรดินีแห่งเวนอล เจ้าพี่เป็นเจ้าชายแห่งเจมิไน หญิงรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แล้วไยเจ้าพี่จึงต้องการสร้างความหวังให้หญิงอีก ต้องการให้หญิงกลับไปร้องไห้กับการถูกทอดทิ้งอีกงั้นหรือ"น้ำคำที่สะท้อนถึงความเดียวดายในหัวใจที่มืดมน โรเวนจึงกระชัดร่างน้อยเข้าสู่อ้อมกอด

              "พี่ไม่เคยต้องการเห็นหญิงเสียใจ ไม่ว่าเมื่อไหร่..."เขาเอ่ยเบาๆอย่างทุกข์ระทม "พี่รักหญิง พี่รักหญิงเสมอ แม้ไม่อาจอยู่ข้างหญิงได้ในยามทุกข์หรือสุข ขอให้หญิงเชื่อพี่"โรเวนเช็ดน้ำตาวิเวียนอย่างเบามือ ก่อนส่งยิ้มปลอบประโลมไปให้ 

              "หญิง...หญิงก็รักเจ้าพี่เสมอ"เธอเอ่ยรับคำทั้งน้ำตา

              "ชาตินี้ เราไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ ชาติหน้า พี่หวังให้เราไม่จำเป็นต้องมีข้อผูกมัดใดๆมากั้นระหว่างเรา" หญิงสาวพยักหน้ารับคำช้าๆ ซึ่งเจ้าของคำพูดก็ยิ้มละไม

              "ในเมื่อ ชาตินี้เป็นไปไม่ได้ อย่างน้อย ขออำลาด้วยรอยยิ้มได้มั๊ย"

              "ค่ะ เจ้าพี่"เธอยิ้มตอบไป รอยยิ้มที่ไม่มีให้เห็นนาน ไม่ใช่แค่เมื่อขึ้นครองเวนอล แต่ไม่มีให้เห็นตั้งแต่การตากไปของบุรุษผู้นี้

         เพลงสุดท้ายดังขึ้น กับคู่เต้นรำสุดท้ายที่เจิดจรัสอย่างสวยงามบนฟลอร์เต้นรำ มันคือเพลงที่จะตราตรึงในหัวใจเขาทั้ง2 เพลงที่จะเป็นดังแสงสว่างในความมืดมิดของหัวใจ ถ้าเป็นไปได้ ขอหยุดเวลาไว้เพียงตรงนี้ แต่เมื่อไม่อาจทำได้ ก็ขอเก็บความทรงจำ และรอยยิ้มของเธอไว้ในใจดวงนี้...ตราบชั่วนิรันดร์

                                                      oOoOoOoOoOo
         
         


         

              


             


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×