ตอนที่ 4 : บทบรรยาย ๔ : เทศกาลจากแดนไกล
รักเกิดที่เยาวราช
บทบรรยายตอนพิเศษ : เทศกาลจากแดนไกล
๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๐
Christmas Day
Daniel's House
ร่างบางค่อยๆ ลืมตาตื่นเมื่อแสงแดดอ่อนยามเช้ากระทบลงที่ใบหน้าเล็ก กวาดตามองไปทั่วห้องเล็กสีครีมสะอาดที่ไม่คุ้นชินเอาเสียเลย แต่สิ่งที่คุ้นชินคงจะเป็นคนๆ นึงที่ปรากฏตัวอยู่ในแทบทุกภาพถ่ายที่ติดไว้ทั่วห้องนี้ต่างหาก ในภาพเป็นเด็กชายตัวอวบผมสีอ่อนที่ยิ้มกว้างพร้อมกับฟันกระต่ายสองซี่ ดูแล้วน่ารักน่าชัง
เช้าวันที่ ๒๕ ธันวาคมที่แวนคูเวอร์ อากาศหนาวเย็นมากแค่ไหนนั้นรู้ได้จากการมองออกไปนอกหน้าต่างที่บ้านเรือนในแถบนี้ขาวโพลนไปหมดด้วยหิมะ ร่างบางจำได้ว่าตื่นเต้นมากแค่ไหนที่ได้เห็นหิมะเป็นครั้งแรกในชีวิต แม้ว่าจะพยายามกักเก็บความตื่นเต้นเอาไว้ แต่แดเนียลก็ดูเขาออกเสมอ ทันทีที่เดินทางถึงบ้านเกิดของคู่หมั้นก็พูดได้เลยว่าแดเนียลพาอาอ๋งไปเที่ยวแทบทุกที่ ที่คนตัวหนาอยากจะพาไป จนคนตัวบางเองก็สับสนปนอดที่จะเอ็นดูไม่ได้ว่าใครกันแน่ที่เป็นเจ้าถิ่น
๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๐
Christmas Eve
Downtown, Vancouver
“ตรงนี้เราเรียกมันว่าดาวทาวน์ครับ เป็นย่านที่พอมีงานเราจะมาฉลองกันที่นี่” แดเนียลผายมือไปยังตึกและอาคารสูงต่างๆ ที่อยู่รอบบริเวณดังกล่าว ชายหนุ่มดูจะมีความตื่นเต้นและภาคภูมิใจไม่น้อยที่ได้พาคนรักของตัวเองมายังบ้านที่เขารัก ด้วยความที่อากาศหนาวเกือบติดลบทำให้ทั้งสองต้องใส่เสื้อกันหนาวตัวหนาออกมาเดินเล่นด้วยกัน
“อาอ๋งอยากถ่ายรูปกับต้นคริสต์มาสมั้ย เดี๋ยวแดนถ่ายให้ครับ” ชายหนุ่มกล่าวอีกครั้งพร้อมยิ้มตาหยี อ๋งรู้สึกว่าแดเนียลวันนี้ดูเหมือนลูกหมาตัวใหญ่ๆ มากกว่าทุกวันอาจเพราะเสื้อกันหนาวตัวหนาสีขาวที่แดเนียลใส่อยู่ด้วยละมั้ง ยังไม่รวมท่าทีที่เหมือนหมาที่เจ้าของพาออกมาวิ่งนั่นอีก ถ้าแดเนียลเป็นลูกหมาจริงๆ ตอนนี้คงหูตั้งด้วยความดีใจน่าดู
“อยากถ่ายสิครับ”
“ได้ครับ”
“อยากถ่ายกับลื้อด้วย” คนตัวบางค่อยๆ เดินเข้าไปประชิดกับคนตัวหนากว่าแล้วดึงชายเสื้อเพื่อเรียกร้องความสนใจ จะถ่ายภาพคนเดียวไปทำไม ในเมื่อก็มาเที่ยวด้วยกันนี่นา
“อย่าช้อนตามองแบบนี้ครับ ใจสั่นไปหมด”
“เดี๋ยวนี้ใช้คำเก่งขึ้นนะ”
“มาครับตัวเล็ก ถ่ายเซลฟี่กัน”
“…”
“น่ารัก” คนตัวหนากว่าอดไม่ได้ที่จะรวบตัวอีกคนเข้าไปฟัดให้หายหมั่นเขี้ยว
“อะไรอ่ะ เดี๋ยวคนก็เห็นหมดหรอก”
“ก็.. ที่นี่แคนาดานะครับ”
“ลื้อโกรธเหรอ” ก็มันไม่ชินนี่หน่า จะให้มากอดจูบกันในที่สาธารณะแบบนี้อยู่ที่ไหนบนโลกก็ไม่ชินหรอก ทำไมต้องพาลงอนกันเพราะเรื่องแค่นี้ด้วย
“…” เจ้าของผมสีอ่อนไม่ตอบแต่ส่งสายตาไม่เย็นชากลับมา คนตัวบางไม่ชอบเวลาไอ้หมาทำหน้าไม่พอใจเลย ปากก็บอกว่าเราน่ากลัวเวลาโมโหแต่ไม่เคยรู้เหรอว่าเวลาตัวเองโมโหน่ากลัวกว่าอีก
ฟอด.. คนตัวบางค่อยๆ เขย่งไปหอมแก้มข้างซ้ายของแดเนียลที่กำลังยืนเช็ครูปในกล้องอยู่ ไม่เพียงแค่หอมแต่อ๋งก็จับมือของแดเนียลเอาไว้แน่นพลางส่งสายตาขอโทษ ไม่กี่วิไอ้หมาก็กลับมาเป็นลูกหมาหูตั้งอารมณ์ดีอีกครั้ง
อยู่ด้วยกันมาก็หลายเดือนแล้วทำไมจะไม่รู้ล่ะว่าไอ้หมาน่ะง้อง่ายจะตาย
“ไปกันครับ ห่างไปอีกสองบล็อคก็ถึงอพาทเม้นท์ของบ็อบบี้แล้ว” แดเนียลกุมมืออ๋งแล้วพาเดินมุ่งหน้าต่อ อ๋งคิดว่าข้อเสียของการเป็นแฟนกับแดเนียลก็คือเขาเองทุกวันนี้ก็ยังเลิกเขินแดเนียลไม่ได้สักที แค่สัมผัสตัวกันเล็กน้อยก็รู้สึกหน้าร้อนหูร้อนตลอดเวลาจะแย่อยู่แล้ว
“อาอ๋งไม่สบายรึเปล่าครับ”
“ป.. เปล่า อากาศหนาว”
“งั้นจับมือแดนแน่นๆ นะครับ”
“อือ”
๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๐
Christmas Eve
Bobby's House
ทันที่แดเนียลกดออดที่มีหน้าจอสี่เหลี่ยมเหมือนไว้ฉายภาพผู้มาเยือนก็ปรากฏชายหนุ่มอีกคนที่สวมหมวกแก็ปสีดำเข้ม แม้ว่าอ๋งจะเห็นไม่ค่อยชัดแต่คิดว่าคนๆ นี้น่าจะเป็นเพื่อนรักของแดเนียลที่เจ้าตัวมักจะพูดให้ฟังบ่อยๆ ว่าตลอดเวลาที่อยู่แคนาดาก็ได้เพื่อนชาวแคนาเดียนเชื้อสายเกาหลีคนนี้และครอบครัวช่วยไว้บ่อยๆ รวมถึงเรื่องต่อยตีสมัยเป็นวัยรุ่นให้เป็นบางครั้งด้วย
“Oh! How is it going bro? haha” ทันที่เปิดประตูทาวน์เฮ้าส์ก็พบกับชาวหนุ่มเมื่อครู่ เป็นชาวหนุ่มตัวสูงพอๆ กับแดเนียลแต่ดูผอมกว่า สิ่งที่อ๋งสังเกตได้อีกอย่างคือคนๆ นี้เป็นคนยิ้มเก่งพอๆ กับอาฝรั่งและมีตายิ้มบวกกับฟันกระต่ายอันเป็นเอกลักษณ์ เขาสวมกอดแดเนียลแบบลวกๆ แล้วทักทายแดเนียลเป็นภาษาอังกฤษที่อ๋งไม่ค่อยเข้าใจนัก
“Pretty well man, You?” แดเนียลกอดตอบข้าวของบ้านด้วยทีท่าที่ดูสบายๆ
“Great, and?”
“This is my fiancé Ar-Ong.”
“Sawaddeekrub Ar-Ong Phom Bobby krub.” บ็อบบี้หันมากล่าวทักทายอ๋งด้วยภาษาไทยที่เหมือนท่องจำมาอย่างเป็นมิตร
“สวัสดีครับ พูดไทยได้ด้วยเหรอ” อ๋งทักทายตอบด้วยภาษาไทยทันทีที่ได้ยินว่าบ็อบบี้พยายามพูดภาษาไทยกับตัวเองพลางยิ้มกว้างด้วยความตื่นเต้น ก็ตั้งแต่มาถึงแคนาดาก็แทบไม่ได้พูดกับใครเลยนอกจากแดเนียลนี่นา
“Damn it, he’s freaking cute! I will tell you again. You really don’t deserve him, Daniel.” หลังจากทักทายกันเสร็จบ็อบบี้ถึงกับตบไหล่แดเนียลอย่างแรงด้วยความหมั่นไส้เพื่อนรัก
“So?”
“อาฝรั่ง อีบอกว่าอะไรเหรอ?”
“อีบอกว่าตัวเล็กน่ารักมากครับ เราเข้าบ้านกันเถอะ อาป๊ากับอาม๊าของบ็อบบี้รอกินข้าวอยู่”
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเป็นไปอย่างเรียบง่าย อาจเพราะว่าทุกคนในโต๊ะอาหารล้วนมีความเป็นเอเชียนกันหมด บรรยากาศเลยเหมือนกับการกินข้าวที่บ้านจริงๆ มันไม่ได้ทำให้เขาเกร็งมากนักและท่าทางของบ็อบบี้ดูตั้งใจพูดภาษาไทยกับเขามันดูค่อนข้างที่จะตลกทีเดียว เพื่อนฟันกระต่ายของแดเนียลบอกว่าเมืองไทยสวยมากๆ วันนึงก็อยากจะย้ายไปอยู่ที่นั่น เลยพยายามเรียนภาษาไทยเอาไว้
บางครั้งแม้ว่าคนตัวบางจะไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่ทุกคนกำลังคุยกัน แต่แดเนียลก็ใจดีแปลให้เขาฟังทุกครั้ง เมื่ออาป๊าหรืออาม๊าของบ็อบบี้พยายามจะคุยกับเขา มันทำให้เขาอดนึกถึงเมื่อหลายเดือนก่อนที่มีเด็กหน้าฝรั่งแต่ตาหยีคนหนึ่งโผล่ไปที่โรงงิ้วทุกวันเพื่อขอให้พ่อของเขาสอนภาษาไทยให้ จนตอนหลังถึงมารู้ว่าไอ้เด็กฝรั่งคนนั้นไม่ได้มาแค่เรียนภาษาไทยแต่มาเพื่อจีบลูกเจ้าของโรงงิ้วอีกต่างหาก
รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นตัวเล็กของอาฝรั่งไปแล้ว
เวลาผ่านไปจนเวลาล่วงเลยไปจะห้าทุ่ม แดเนียลกับอ๋งก็ต้องกล่าวลากับครอบครัวของบ็อบบี้เพื่อกลับบ้านบ้างแล้ว บ้านขอแดเนียลอยู่ห่างออกไปจากย่านดาวน์ทาวน์มากนัก เป็นความต้องการของแม่แดเนียลตอนที่ซื้อบ้านหลังนี้ที่อยากได้บ้านหลังเล็กๆ อบอุ่นที่อยู่ห่างไกลตัวเมืองออกไปเพื่อที่จะเลี้ยงดูลูกชายให้เติบโตมาอย่างดี แม้จะโชคร้ายที่เจ้าหล่อนมีเวลาอยู่กับลูกชายเพียงคนเดียวของเธอสั้นเหลือเกิน
แดเนียลเรียกแท็กซี่คันหนึ่งแล้วบอกถึงจุดหมายปลายทางที่ๆ จะไป ก่อนหน้านั้นคนตัวหนากว่าก็ได้สอบถามเขาอีกครั้งว่าอยากจะไปเที่ยวที่ไหนอีกรึเปล่าแต่เจ้าตัวก็ปฏิเสธไป ไม่มีเสียงพูดคุยมากนักภายในรถแท็กซี่มีเพียงแต่มือของคนสองคนที่เบาะหลังประสานกันแนบแน่น ไม่ใช่เพราะความหนาวเย็นข้างนอกนั่นแต่เป็นเพราะความรักและไว้เนื้อเชื่อใจที่ต่างคนต่างมอบให้กัน
๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๐
Christmas Eve
Daniel’s House
รถแท็กซี่ค่อยๆ จอดเทียบกับฟุตบาทหน้าบ้านหลังหนึ่ง เวลานี้ก็ห้าทุ่มกว่าแล้วท่ามกลางหิมะที่ขาวโพลนละลานตาสิ่งที่แสนสะดุดตาแสงไฟที่บ้านแต่ละหลังในละแวกนี้ต่างประดับประดาไปด้วยไฟเทศกาลคริสต์มาสจนเป็นแสงระยิบระยับเหมือนเกล็ดหิมะที่กำลังส่องแสงไปทั่ว แต่หลายบ้านแสงไฟก็ยังคงส่องสว่างอยู่อาจเป็นเพราะนี่เป็นคืนก่อนวันคริสต์มาส บางบ้านก็คงจดจ่อกับรายการทีวีรายการโปรดหรือใช้เวลาร่วมกันกับครอบครัวจนลืมเวลา
“หนาวมั้ยครับ” คนตัวหนาเจ้าของผมสีอ่อนเอื้อมมือไปปิดประตูแท็กซี่แล้วกล่าวกับเขา
“หนาวสิ เข้าบ้า-- ลื้อทำอะไรน่ะ!?” ยังไม่ทันตอบคำถามเสร็จร่างบางก็สะดุ้งโหยงทันทีที่เห็นชายหนุ่มอีกคนล้มลงไปนอนบนหิมะแล้วกวาดแขนและขาขึ้นลงจนเป็นร่องรอยแปลกๆ บนพื้นที่ขาวโพลนไปด้วยหิมะที่ตกมาเมื่อเช้านี้
“ทำสโนว์แองเจิ้ลครับ เหมือนแดนมีปีกมั้ย?”
“ลื้อเล่นอะไรเป็นเด็กไปได้”
“ดึงแดนให้ลุกขึ้นหน่อยสิครับ”
“!!”
เป็นอีกครั้งที่อ๋งหลงกลแดเนียล เมื่อคนตัวบางยื่นมือไปจะดึงให้คนตัวหนากว่าลุกขึ้นแต่กลับกลายเป็นว่าสู้แรงไม่ไหวโดนดึงให้ไปนอนบนตัวของอีกคนแทนซะอย่างนั้น อ๋งคิดว่าแสงไฟที่ประดับตามบ้านคงไม่ทำให้อีกคนเห็นหรอกนะว่าเขารู้สึกเสียฟอร์มขนาดไหนที่สู้แรงของแดเนียลไม่เคยจะได้สักที
“แดนเคยคิดนะ” คนตัวหนากว่าค่อยๆ โอบกอดร่างของคนตัวบางที่นอนขดเอาแขนมากองไว้ตรงหน้าอกของเขาแล้วพูดขึ้น
“…”
“ถ้าได้ใช้ช่วงเวลาคริสต์มาสกับคนที่แดนรักคงจะดีมากๆ”
“…”
“ขอบคุณที่อยู่กับแดนจนถึงตอนนี้นะครับ”
“ขอบคุณแดนเหมือนกันครับ”
“Merry Christmas นะครับตัวเล็กของแดน”
“อืม เมอร์รี่คริสต์มาสเหมือนกันครับ”
แดเนียลค่อยๆ ยื่นหน้าเข้าไปใกล้คนตัวบางเพื่อที่จะจูบหน้าผากคนในอ้อมกอด เขาประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบาเพื่อเป็นการขอบคุณ ขอบคุณไม่ว่าอะไรก็ตามที่ทำให้เขาได้พบกับคนอ้อมกอด ขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้เขากับคนได้ฉลองวันคริสต์มาสร่วมกันครั้งแรกในปีนี้และปีถัดๆ ไป และขอบคุณอาอ๋งที่อยู่เคียงข้างเขาเสมอ แดเนียลรู้ดีว่าเขายังไม่ดีพอและยังไม่คู่ควรกับอาอ๋งเหมือนกับที่เพื่อนเขาพร่ำบอก แต่กระนั้นอาอ๋งก็ยังเลือกที่จะใช้ชีวิตกับเขา
“ดูดิ ผมลื้อเลอะหิมะหมดแล้ว” คนตัวบางที่ยังนอนอยู่ในอ้อมกอดอีกคนทำหน้ามุ่ยพลางปัดปอยผมที่เลอะไปด้วยหิมะของอีกคน
“สระผมให้แดนหน่อยสิครับ”
“แดนทำตัวเองไม่ใช่หรือไง”
“นะครับ มันหนาว”
“ก็ได้ รีบเข้าบ้านซะทีสิ”
๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๐
Christmas Day
Daniel’s house
นึกภาพเมื่อคืนแล้วก็ตลกดีที่อีกฝ่ายไม่ยอมอาบน้ำเพราะอาบไปแล้วรอบนึงก่อนออกจากบ้านแต่ทำตัวเป็นเด็กลงไปนอนบนหิมะซะได้ และสุดท้ายก็จบที่อ๋งต้องมานั่งสระผมให้ไอ้หมาผู้กลัวน้ำในฤดูหนาวซะอย่างงั้น คืนเข้าสู่วันคริสต์มาสของเขาและอาฝรั่งไม่มีอะไรไปมากกว่าการได้ใช้เวลาร่วมกันเหมือนกับตอนที่อยู่เยาวราช อ๋งจำได้ว่าหัวเราะแทบตายตอนที่ออกมาจากห้องน้ำแล้วเห็นอาฝรั่งนึกคึกเอาหูกวางแปลกๆ มาใส่แล้วยืนตกแต่งต้นคริสต์มาสตอนเกือบจะตีหนึ่ง จะไม่ให้หัวเราะก็ไม่ได้เพราะภาพที่เห็นมันเหมือนลูกหมาใส่หูกวางกำลังเล่นกับลูกบอลไม่มีผิด จนในตอนท้ายเมื่อตกแต่งต้นคริสต์มาสเสร็จเขาทั้งสองก็แค่นั่งกอดกันแล้วดื่มชาของขวัญของจากแม่ของบ็อบบี้ในผ้าห่มผืนหนาหน้าเตาผิงแล้วจูบกันซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น คนตัวบางจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคลิ้มหลับไปตอนไหนรู้ตัวอีกทีก็มาตื่นบนเตียงที่มีอีกคนกำลังนอนสวมกอดเขาอยู่แล้ว
“ตื่นแล้วเหรอครับ”
“อืม กินกาแฟมั้ย เดี๋ยวไปทำให้”
“ไม่กินกาแฟ”
“หืม?”
“นอนกอดกันอีกนิดได้มั้ย”
“ก็ได้ครับ ไอ้คุณหมาขี้เซา”
“น่ารักจังเลย”
“อาฝรั่ง”
“ครับ?”
“เอามือออกจากหน้าขาอั๊วะเดี๋ยวนี้นะ”
“คริสต์มาสก็ไม่ได้เหรอครับ?”
“ไม่ได้”
แดเนียลที่กำลังงัวเงียค่อยๆ โอบแขนรอบตัวลูกแมวของเขามาไว้ในอ้อมกอด ห่อตัวเขาเองและอาอ๋งไว้กับผ้าห่มหนา พร้อมทั้งจูบลงบนผิวขาวส่วนหัวไหล่ของอีกคนที่หมิ่นเหม่เผยออกมาเพราะเสื้อคอกว้างแล้วกระชับอ้อมกอดให้แน่นกว่าเดิมในเช้าวันคริสต์มาสโดยไม่รู้ว่าหากมองออกไปนอกหน้าต่างหิมะกำลังเริ่มตกอีกครั้ง
ไม่เป็นไรหรอก มีเวลาอีกตั้งวันนึงแหนะ
#รักเกิดที่เยาวราช
Talk
มีใครคิดถึงอาฝรั่งกับอาอ๋งบ้างมั้ยคะ? ฮือ
เป็นตอนที่ค่อนข้างดริฟท์นิดนึงนะคะ เผื่อว่ามีคนคิดถึงคู่นี้กัน
ก็เลยเขียนตอนพิเศษในเทศกาลคริสต์มาสซะเลย เป็นการขอโทษที่ไม่ได้อัพนานด้วย
เป็นเรื่องราวของอาฝรั่งกับอาอ๋งเชื่อมกับตอนพิเศษของอาเจี๊ยบพอดีค่ะที่เล่าว่าทั้งคู่บินไปแคนาดากัน
หวังว่าตอนนี้จะทำให้ทุกคนมีความสุขและก็อบอุ่นหัวใจนะคะ ขอให้มีความสุขกับช่วงเทศกาลค่า <3
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อยากมีคู่ชีวิตแบบนี้บ้างจัง