ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดอกไม้ หยดน้ำใส ปลายขนนก

    ลำดับตอนที่ #3 : อดีตของเปรี้ยว

    • อัปเดตล่าสุด 16 พ.ย. 49



                   
    สายฝนที่กระหน่ำโปรยปรายลงมาในยามค่ำคืน  บนบังความงามของแสงจันทราที่เคยส่องสว่างให้กับพื้นโลกอยู่เมื่อไม่นานนี้  กระจกหน้าต่างบนเล็กๆตรงหัวเตียง  เต็มไปด้วยหยาดฝนมากมายที่บดบังทัศนียภาพภายนอก

                    กริ้ง...  กริ้ง...  ...  กริ้ง...  กริ้ง...  ...

                    สวัสดีค่ะ  ใครเอ่ย...  แม่หรือพ่อกันนะเนี่ย   หลังจากพูดจบ  สายตาก็พลับเหลือบไปมองนาฬิกาที่บอกเวลา  5  ทุ่ม  ครั้งแรกที่เห็นก็คิดว่า  พ่อหรือแม่ต้องโทรมาแน่ๆ  แต่ก็ได้รู้ความจริงว่ามันไม่ใช่

                    เอ่อ  ไม่ใช่หรอกค่ะ  แล้วน้องชื่อเปรี้ยวรึเปล่าค่ะ   เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่คุ้นดังขึ้นมา

                    ใช่ค่ะ

                    น้องรีบมาที่โรงพยาบาลประจำครอบครัวของน้องด่วนเลยนะคะ

                    มะ...  มีอะไรเกิดขึ้นเหรอคะ


                   
    คุณพ่อ  กับ  คุณแม่ของน้อง  ประสบอุบัติเหตุค่ะ  รีบ...


                   
    ยังไม่ทันสิ้นเสียงของพี่พยาบาล  โทรศัพท์ที่กำลังกำไว้แน่นอยู่ในมือ  ก็พลันหล่นลงบนพื้น  มันเหมือนว่า  โลกหยุดหมุน  ทุกอย่างหยุดการกระทำ  ร่างกายของฉันค่อยๆทรุดลงนั่งบนพื้น  น้ำตามากมายไหลพรั่งพรูออกมาราวกับว่าจะไม่มีวันหมดไป


                   
    ไม่ใช่สิ  เธอต้องไม่นั่งอยู่อย่างนี้สิ  พ่อกับแม่ของเธอไง  เธอต้องไปให้กำลังใจพ่อแม่เธอสิ  ไปตอนนี้  ก่อนที่เธอจะไม่มีวันได้พูดคุยกับท่านอีก  การกระทำของฉันดูจะไวเท่าความคิด  ฉันเดินมุ่งตรงไปยังรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่หน้าบ้าน  แล้วขับมันออกไป  ตรงไปยังโรงพยาบาลที่มีพ่อกับแม่รอฉันอยู่


                   
    ฉันรีบวิ่งไปยังเคาท์เตอร์หน้าห้องฉุกเฉิน  เพื่อถามว่าพ่อกับแม่ของฉันอยู่ห้องไหน  เมื่อได้รับคำตอบ  ฉันก็รีบวิ่งไปยังตึกใหม่ของโรงพยาบาลทันที


                   
    1  ชั่วโมงผ่านไป  ที่ฉันทั้งนั่ง  ทั้งยืน  ทั้งเดิน  อยู่หน้าห้องฉุกเฉินไม่ไปไหน  เฝ้ารอว่าเมื่อไหร่กัน  ที่หมอจะออกมาซักที


                   
    อีกครึ่งชั่วโมงถัดมา  สิ่งที่ฉันเฝ้ารอก็มาถึง  หมอเดินออกมาบอกว่าพ่อกับแม่ของฉันปลอดภัยแล้ว  แต่ต้องพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลนานหน่อย  เพราะอาการของพ่อไม่ค่อยน่าไว้วางใจเท่าไหร่นัก


                   
    คำพูดของหมอทำให้ฉันใจชื้นขึ้นมาบ้าง  แม้จะไม่มั่นใจอยู่บ้างก็ตาม


                   
    1  อาทิตย์ ผ่านไป  แม่ของฉันก็ฟื้นขึ้นมา  น้ำตาแห่งความดีใจไหลออกมาอีกครั้ง  ฉันกำมือแม่ไว้แน่น  แล้วมองท่านอย่างไม่ละสายตา


                   
    รอยยิ้มของแม่ที่ฉันไม่ได้เห็นมานานแล้ว  ผุดขึ้นจากใบหน้าของท่านอีกครั้ง  รอยยิ้มที่ให้ความอบอุ่น  ให้กำลังใจ  ให้ความรัก  และให้ทุกสิ่งทุกอย่างกับลูกคนนี้


                   
    หลังจากที่ความสุขเริ่มเข้ามาในชีวิตฉัน  การจากลาก็เริ่มขึ้น  เมื่อเวลาผ่านไปอีก  2  อาทิตย์  หลังจากที่แม่ออกจากโรงพยาบาลแล้ว  พ่อก็เริ่มอาการหนักขึ้น  หมอบอกว่า  พ่อมีเลือดคั่งในสมอง  มีโอกาสรอดน้อยมาก  มีอย่างเดียวเท่านั้นที่จะช่วยพ่อของฉันได้  สิ่งนั้นก็คือ  ...ปาฏิหาริย์...


                   
    และแล้วสิ่งที่ฉันอยากให้ช่วยพ่อของฉัน  ก็ปฏิเสธไป  ลมหายใจของพ่อ  ค่อยๆแผ่วเบาลงเรื่อยๆ  ก่อนที่ลมหายใจของพ่อจะสิ้นลง  มีเพียงประโยคสั้นๆทิ้งไว้ให้ฉันกับแม่เป็นการบอกลา


                   
    ดูแลลูกด้วยนะแม่  พ่อรักลูกกับแม่นะ   ประโยคที่แผ่วเบา  สิ้นสุดลงพร้อมกับลมหายใจ


                   
    ร่างกายของพ่อนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง  และเริ่มเย็นลง  เพียงไม่นาน  ร่างนั้นก็ถูกนำเข้าห้องดับจิตไป


                   
    ฉันกับแม่นั่งร้องไห้อยู่ข้างๆเตียงที่พ่อยังมีลมหายใจอยู่เมื่อไม่นานนี้  แต่ตอนนี้  กลับเป็นเพียงเตียงที่มีแต่ความว่างเปล่า  ไม่มีลมหายใจของพ่อ  ที่เคยอยู่เคียงข้างพวกเรามาตลอด


                   
    ฉันกลับบ้านไปพร้อมกับแม่  โดยมีรถของทางโรงพยาบาลมาส่ง  เพราะถ้าให้ฉันขับรถกลับไปเอง  มีหวังฉันได้กลับมาโรงพยาบาลใหม่แน่ๆ

                    ..........


                   
    รถที่ขับพาเรามาส่งที่บ้าน  ไม่ได้มีพ่อเป็นคนขับอีกต่อไป


                   
    โต๊ะทานข้าว  ไม่ได้มีพ่อนั่งอยู่อีกต่อไป


                   
    แก้มของฉัน  ไม่ได้มีพ่อมาให้จับอีกต่อไป


                   
    แม่ของฉัน  ไม่ได้มีพ่อที่คอยมาปลอบใจอีกต่อไป


                   
    และคำพูดทุกคำของพ่อ  เราก็จะไม่ได้ยินอีกต่อไป

                    ..........

                    ค่ำคืนนี้คงมีเพียงน้ำตาที่หลับใหลไปพร้อมๆ กับชีวิต  2  ชีวิต  ที่ต้องสู้ทนต่อไปกับโชคชะตาที่กำหนดให้ครอบครัวของเราต้องมีอันพลัดพรากจากกันแบบนี้


                   
    เช้าวันนี้เป็นวันแรกของการเปิดเรียนโรงเรียนใหม่  แทนที่ฉันจะได้ใส่ชุดนักเรียนอย่างที่ควรจะเป็น  แต่กลับต้องมาใส่ชุดดำ  แทนที่ฉันจะได้มีความสุข  แต่กลับต้องมาเสียน้ำตาให้กับการจากไปของพ่อ


                   
    1  อาทิตย์ผ่านไป  ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในโรงเรียนแห่งใหม่นี้เลย  มี  2  ที่ที่ฉันอยู่ก็คือ  บ้าน  และ  วัด


                   
    อาทิตย์ ถัดมาฉันจึงจะได้ใส่ชุดนักเรียน  เสื้อนักเรียนฝั่งขวาเป็นชื่อย่อของโรงเรียน  ส่วนฝั่งซ้าย  ปักด้วยด้ายสีน้ำเงินเป็นตัวอักษรว่า  ศศิวิมล  ฐานันดรศักดิ์  1/3  พร้อมทั้งมีคอซองสีน้ำเงินห้อยที่คอเช่นเดียวกับสีของกระโปรงที่ฉันใส่อยู่ในตอนนี้


                   
    โรงเรียนที่นี่เป็นโรงเรียนที่ไม่ใหญ่เท่าไหร่นัก  แต่เป็นโรงเรียนที่ดีเป็นอันดับ  2  ของจังหวัด


                   
    วันแรกที่เข้ามาเรียน  ฉันได้รับความสนใจจากเพื่อนๆมากพอสมควร  เพราะฉันเคยขึ้นประกวดบนเวทีประชันความงามของจังหวัดมาก่อน  และได้รับรางวัลที่  1  มาครอง  ทำให้ฉันพอที่จะที่รู้จักของคนในจังหวัด


                   
    ฉันต้องตามงานจากเพื่อนในช่วงที่ฉันไม่ได้มาเรียน  และได้เพื่อนหญิงคนหนึ่งมาเป็นที่ปรึกษาให้ฉันทุกๆเรื่อง  จนฉันและเค้าเป็นเพื่อนสนิทกัน  และซี้กันสุดๆ


                   
    ขวัญ  สาบานอะไรกันมั้ย   ฉันถามออกไป  พลางมองออกไปทางหน้าต่างของห้องเรียน  ที่มีพายุฝนกระหน่ำอยู่ด้านนอก


                   
    อะไรเหรอเปรี้ยว   ขวัญขมวดคิ้วแล้วถามฉัน


                   
    ก็...  เราจะเป็นเพื่อนรักกันตลอดไปนะ  สุขด้วยกัน  ทุกข์ด้วยกัน  ช่วยเหลือกัน  และจะไม่ทำร้ายกัน  ตกลงมั้ย   ฉันจ้องหน้าขวัญแล้วถามมอกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง


                   
    ขวัญยิ้มออกมานิดๆ  แล้วก้าวเข้ามาสวมกอดฉันเอาไว้


                   
    ตกลงจ๊ะ  เราจะรักกันตลอดไป  สุขด้วยกัน  ทุกข์ด้วยกัน  ช่วยเหลือกัน  และจะไม่ทำร้ายกันตราบนานเท่านาน   ขวัญกระซิบเบาๆเป็นคำตอบ  ก่อนที่จะผละตัวของเราออกจากกัน  แล้วกอดคอกันเดินกลับบ้านไป


                   
    วันเวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน


                   
    ตอนนี้ฉันอยู่  ม.2  แล้ว  มีคนมาจีบฉันตลอด  แต่ก็ไม่เคยมีใครรอฉันได้ซักคน  ก็มีแต่  ...เมฆ...  ผู้ชายหน้าตาดีเป็นอันดับต้นๆของโรงเรียน  ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาที่นี่  ก็เมฆนี่แหละที่ตามจีบฉันมาตลอด  จนวันนี้  วันเปิดเทอมวันแรก  ฉันตอบรับคำขอของเมฆไป  และตั้งแต่วันนั้นมา  ความสัมพันธ์ของฉันกับเค้าก็เริ่มก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ


                    ..........

                   
    ทุกเวลาที่ฉันร้องไห้  เค้าคนนี้แหละที่คอยเช็ดน้ำตา


                   
    ทุกเวลาที่ฉันหัวเราะ  เค้าคนนี้แหละที่หัวเราะพร้อมกับฉัน


                   
    ทุกเวลาที่ฉันมีปัญหา  เค้าคนนี้แหละที่คอยอยู่เคียงข้างฉัน


                   
    และก็เป็นเค้าคนนี้แหละ  ที่บอกรักและคิดถึงฉันเรื่อยมา

                    ..........


                   
    ฉัน  ขวัญ  และ  เมฆ  เป็นเสมือนครอบครัวเดียวกันไปแล้ว  เราไปไหนเราก็ไปด้วยกัน  ทำกิจกรรมร่วมกัน  ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน  ร่วมเป็นร่วมตายด้วยกัน 

    แต่สุดท้าย  คำว่าเพื่อน  ก็กลับกลายเป็นคนรัก  ส่วนคำว่าคนรัก  ก็กลับกลายเป็นเพื่อน  ความรักที่ฉันให้เมฆมากขึ้นทุกวัน  กลับตรงข้ามกับความรักของเมฆ  ที่ดูเหมือนจะน้อยลงทุกวัน  จนกระทั่ง  ฉันที่เคยมีความสำคัญกับเมฆ  ถูกแทนที่ด้วยเพื่อนสนิทอย่างขวัญ

    ฉันที่ต้องจำทนอยู่กับความรู้สึกเจ็บลึกๆภายในใจ  กับภาพของเค้าทั้งสองคนในตอนนี้

    ในสมองมีแต่ความคิดต่างๆนานาสับสนปนกันไปหมด  ฉันไม่รู้ว่าฉันควรจะทำยังไงดี  จะลืมเรื่องทุกอย่างให้หมดทั้งความเป็นเพื่อนและความรัก  หรือว่าจะทนอยู่กับเพื่อนและคนที่ฉันรักต่อไป

    ขอเพียงแค่  ให้ทุกอย่างจบลงด้วยดี  ก็แค่นั้น...


                   
    เมฆ  ขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิ   หลังจากที่ฉันใช้เวลาในการตัดสินใจที่จะพูดคุยกันให้รู้เรื่องมานาน  ก็จึงรวบรวมความกล้าแล้วเดินเข้าไปพูดคุยกับเมฆให้รู้เรื่อง


                   
    เมฆ  วันแรกที่เมฆเจอกับเปรี้ยว  เมฆก็เอาของขวัญมาให้เปรี้ยวเลยนะ  เมฆจำได้มั้ย  แล้วเมฆก็เป็นคนแรก  ที่เปรี้ยวสนใจด้วย  นั่นก็คงเป็นเพราะ  เมฆอดทนทำทุกอย่างเพื่อเปรี้ยวได้  เปรี้ยวดีใจมากเลยนะ  ทุกการกระทำของเมฆ  ทำให้เปรี้ยวมั่นใจว่า  เมฆรัก  แล้วก็ชอบเปรี้ยวจริงๆ  เปรี้ยวถึงได้ตอบตกลงกับเมฆในวันนั้น  เปรี้ยวยังจำได้นะ  วันนั้นเป็นวันเกิดของเปรี้ยวด้วย  เป็นวันที่  19  ต.ค.  นี่ไง  เมฆดูที่มือเปรี้ยวสิ  แหวนที่เมฆให้ไง  เปรี้ยวใส่มันไว้ตลอดเลยนะ  เฮ้อ...  เปรี้ยวคงจะบ้าไปแล้วสิเนอะเมฆ  พูดพร่ำคนเดียวอยู่ได้เนี่ย


                   
    ฉันค่อยๆนั่งลงบนพื้น  แล้วขยับตัวไปด้านหลังเพื่อพิงผนังห้อง  เมฆไม่ได้พูดอะไรซักคำเดียว  เอาแต่นั่งฟังเรื่องที่ฉันพูดอยู่อย่างนั้น


                   
    เมฆชอบขวัญใช่หรือเปล่า   อีกครั้งที่ฉันรวบรวมความกล้าทั้งหมดเพื่อพูดออกไป  ภายในใจก็ขอว่า  อย่าให้เมฆตอบว่าใช่เลย  ขอให้มันไม่เป็นอย่างนั้น  ขอให้มันเป็นแค่ความคิดของฉันเพียงผู้เดียว  ขอให้การกระทำทั้งหมดของเมฆที่เคยทำกับขวัญ  เป็นเพียงการลองใจฉันเท่านั้น  ขอให้สองคนนั้นยังคงเป็นเพียงเพื่อนกัน  และขอให้ฉันกับเมฆยังคงมีความรู้สึกดีๆเหมือนแต่ก่อน


                   
    ใช่   ฉันพยายามมองหน้าเมฆให้นานที่สุด  แต่ใบหน้านั้นก็ค่อยๆเลือนรางไป  เมื่อน้ำตาค่อยๆไหลออกมา  เลือดที่เคยหล่อเลี้ยงร่างกาย  กลับเหมือนว่ามันค่อยๆไหลออกไป  ลมหายใจที่เคยมีไว้เพื่อให้อยู่คู่กับชีวิตของใครอีกคนหนึ่ง  ถ้าตอนนี้  ลมหายใจนั้นจะยังคงอยู่หรือดับสูญไป  ก็คงจะไม่ได้มีความหมายกับใครแล้วสินะ


                   
    เปรี้ยวขอพูดเป็นครั้งสุดท้ายนะ  เปรี้ยวยังรักเมฆอยู่นะ  รักมาก  พร้อมๆกับเสียใจมาก  แต่ยังไงคนที่เมฆรักตอนนี้ก็ไม่ใช่เปรี้ยวอยู่แล้ว  เปรี้ยวก็ขอให้เมฆมีความสุข  และดูแลขวัญให้ดีด้วยนะ  อย่าให้ต้องเป็นอย่างเปรี้ยวล่ะ


                   
    บางครั้ง  เสียงสะอื้นก็ทำให้คำบางคำของฉันสื่อสารออกไปอย่างไม่ชัดเจนนัก  น้ำตาไหลออกมาอย่างกับว่ามันจะไม่มีวันหมดไปจากนัยน์ตาคู่นี้  และก็จะไหลต่อไปเรื่อยๆจนกว่ามือคู่เดิมจะกลับเช็ดน้ำตาให้ฉันคนนี้


                   
    ฉันพยายามลุกขึ้น  พาร่างกายอันอ่อนแรงไปจากที่ตรงนี้  โดยไม่หันกลับมาแม้แต่น้อย


                   
    เปรี้ยว   เฮ้อ...  แล้วนายจะเรียกฉันอีกทำไมล่ะเมฆ  นายควรจะรีบไปหาขวัญไม่ใช่เหรอ


                   
    ฉันยังเป็นเพื่อนกับเธอได้นะ   ขอบคุณนะเมฆ  สำหรับประโยคนี้  แต่ถ้าฉันตอบว่าจะเป็นเพื่อนกับเมฆ  แล้วฉันก็จะเจ็บต่อไปใช่มั้ยล่ะ  แต่ถ้าเมฆยังอยากจะมีเพื่อนคนนี้อยู่  ฉันก็จะไม่ปฏิเสธนายหรอก


                   
    ฉันหันหน้าไปยิ้มให้เมฆนิดนึง  ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป  พร้อมเก็บเอาความรู้สึกนั้นไว้ในกล่องความทรงจำอันเลวร้าย


                   
    วันเวลาที่ฉันได้คบกับนายนะเมฆ  ฉันขอให้มันเป็นเพียงฝันร้าย  ที่ฉันต้องไม่คิดถึงมันอีกต่อไป   ความรู้สึกที่เหลือแค่เพื่อน  คงจะอยู่กับเราตลอดไป


                   
    ฉันทรุดตัวลงนอนก่อนที่จะสะดุ้งขึ้นเมื่อคิดถึงขวัญ  เพื่อนสนิทของฉัน  ที่กำลังห่างเหินกันไป


                   
    ฮัลโหล  ขวัญรับสายค่ะ   ฉันรีบกดมือถือต่อสายไปยังขวัญ


                   
    เปรี้ยวเองนะ   ฉันค่อยๆพูดขึ้น  และพยายามเก็บเสียงสะอื้นไว้


                   
    อะ  อือ  มีอะไรเหรอ   ขวัญคงตกใจมากหลังจากที่ได้ยินเสียงของฉัน  เพราะหลังจากที่ขวัญตกลงคบกับเมฆ  ความสัมพันธ์ของฉันกับขวัญก็เหมือนหยุดชะงักอยู่แค่นั้น


                   
    มาเจอกันหน่อยได้มั้ย   คำถามโง่ๆที่พูดออกไป  ทั้งๆที่รู้ว่า  ถ้าไปเจอแล้ว  ฉันก็ไม่สามารถที่จะไปห้ามความรักของเค้าทั้งสองคนได้เลย


                   
    อืม  ได้  ที่ร้านกาแฟตรงข้ามโรงเรียนนะ   ขวัญเป็นคนบอกสถานที่มา  ส่วนฉันพอได้ยิน  ก็รีบไปหยิบเสื้อแขนยาวมาใส่คลุมทับชุดนักเรียนนี้ไว้  แล้วรีบขึ้นรถไปยังสถานที่นัดหมาย


                   
    ฉันสั่งคาปูชิโนมาแก้วนึง  แต่ก็ไม่ได้แตะมันแม้แต่น้อยเลย  ได้แต่นั่งเหม่อลอย  และหวนคิดไปถึงความทรงจำครั้งเก่าๆ  ที่ฉันไม่สามารถปิดกั้นความคิดของตัวไม่ให้คิดถึงมันอีกได้


                   
    ขวัญค่อยๆเดินมานั่งลงตรงเก้าอี้ตรงข้ามฉัน
      แต่ขวัญก็ไม่ได้เงยหน้ามองหน้าฉันซักนิด


                   
    ทั้งๆที่ฉันอยากจะให้เค้าทั้งสองคนมีความสุขมากๆ  และพูดดีๆกับขวัญในฐานะที่ขวัญเป็น  แฟนของเมฆ  แต่ฉันก็กลับทำแบบนั้นไม่ได้ซักนิด


                   
    ขวัญ  ขวัญคงรักแล้วก็ชอบเมฆมากสินะ  ขวัญถึงได้เข้ามาอยู่ในใจเมฆแทนที่ของฉัน  ขวัญ  วันนี้เปรี้ยวขอพูดตรงๆเลยละกันนะ   คำว่าเพื่อนรัก  ที่เราสองคนเคยมีต่อกัน  ฉันซึ้งใจมากเลยหล่ะ  แต่วันนี้  ฉันเสียใจมาก  แต่เธออาจจะไม่ผิดก็ได้นะขวัญ  ฉันไม่รู้หรอกว่าใครเป็นคนผิด  รู้อย่างเดียวว่า  ความไว้ใจที่ฉันเคยมีให้เธอทั้งสองคน  มันย้อนกลับมาทำร้ายตัวฉันเอง  ถ้าฉันไม่ให้เมฆรู้จักเธอ  เรื่องอย่างนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น  คำสัญญาของเราเธอจำได้มั้ย  เธอเคยสัญญาว่า  เราจะเป็นเพื่อนรักกันตลอดไป  สุขด้วยกัน  ทุกข์ด้วยกัน  ช่วยเหลือกัน  และจะไม่ทำร้ายกัน  แต่วันนี้ทุกอย่างกลับเปลี่ยน  เธอเป็นสุข  ส่วนฉันเป็นทุกข์  และเธอนั่นแหละที่เป็นคนทำร้ายฉัน   ฉันระบายความรู้สึกของฉันออกไป  โดยไม่ได้สนใจเสียงสะอื้นของเพื่อนคนนึงที่เคยเป็นเพื่อนรักของฉันมาก่อนเลย


                   
    เปรี้ยว  ฉัน...

    เธอไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น  คำว่าเพื่อนของเราทั้งสองคน  ขอให้มันจบลงแค่นี้  แล้วคิดซะว่าฉันไม่เคยมีตัวตน  เธอจะทำอะไรก็เชิญ  ฉันจะไม่มอง  จะไม่ขัดขวาง  และจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเธอต่อไปอีก  แล้วจำไว้ด้วยว่า  ฉันไม่เคยเป็นเพื่อนเธอ   ฉันต้องเป็นคนพูดเพียงคนเดียวในวันนี้สิ  ไม่งั้นฉันก็จะใจอ่อนกับเธอ  ฉันต้องตัดใจจากพวกเธอนะ  ไม่อย่างนั้น  ฉันก็คงจะจมปลักอยู่กับความรู้สึกแบบนี้ไปตลอด  ให้มันจบๆไปซะในตอนนี้จะดีกว่าซะอีก

    พอฉันพูดจบ  ก็รีบเดินออกมาจากที่ตรงนั้นทันที  ไม่รอที่จะฟังคำพูดของขวัญ  และพยายามทำตัวเองให้เข้มแข็งเป็นที่สุด

                    --- !!! เผียะ !!! ---

                    หน้าของฉันหันไปตามแรงที่ปะทะเข้ามา  และไม่รู้ว่าเป็นการกระทำของใคร


                   
    แต่เมื่อสายตาหันไปพบกับเจ้าของการกระทำเมื่อกี้  ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำตาไหลพรากลงมา


                   
    เมฆเดินเข้าไปประคองขวัญที่กำลังทรุดตัวนั่งลงบนพื้น  หลังจากที่เธอพยายามอธิบายฉันจนเหนื่อยใจ  และร้องไห้อยู่อย่างนั้น


                   
    ตลอดเวลาที่ฉันคบกับเมฆ  เมฆไม่เคยทำกับฉันแบบนี้  เมฆไม่เคยทำให้ฉันเจ็บทั้งกายและใจ  แต่วันนี้  ทุกอย่างบอบช้ำด้วยการกระทำของนายเพียงคนเดียว  คนเดียวเท่านั้น  ...เมฆ...

                    ฉันจับไปที่แก้มข้างที่เมฆตบเมื่อกี้นี้  แล้วรีบวิ่งออกไปอย่างไร้จุดหมาย  ฉันสัญญากับตัวเองว่า  ฉันจะไม่ยุ่งกับเมฆอีก  ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม  ฉันจะไม่ยุ่ง

                    อีกปีเดียวเท่านั้น  ปีเดียว  ที่ฉันจะทนอยู่เรื่องพวกนี้  ฉันก็ยังเหมือนเดิม  คุยกับทุกคนเหมือนเดิม  ยกเว้นเค้าทั้งสองคน  ที่เมื่อใดถาม  ฉันก็ตอบ  แต่ไม่มีทางที่ฉันจะพูดด้วยก่อน

                    และแล้ววันปิดภาคเรียนก็มาถึง  มันเป็นเสมือนวันที่ฉันหลุดออกจากความทุกข์ทั้งปวง  ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปเรียนตามที่ต่างๆ  ฉันก็หยุดติดต่อกับเมฆ  และขวัญ  ตั้งแต่วันนั้นที่เกิดเรื่องที่ร้านกาแฟ

                    การอ่านหนังสือเตรียมสอบของฉันทำให้ลืมเรื่องราวที่ไม่น่าจดจำได้  แต่อยู่ๆ  เสียงโทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้น  และด้วยสายตาที่ยังไม่ละจากหนังสือ  มือจึงกดรับไปโดยไม่ได้ดูว่าเบอร์นั้นเป็นเบอร์ของใคร

                    ฮัลโหล   ฉันกดรับสายแล้วพูดขึ้น  แต่ฉันพูดไปเท่าไหร่ก็ไม่มีใครตอบกลับมา

                    ถ้าไม่พูด  ฉันจะวางสายแล้วนะ   ฉันพูดตะคอกใส่ไปตามสาย  ด้วยความโมโห  ที่ดันมารบกวนเวลาอ่านหนังสือของฉัน

                    เปรี้ยว  ขวะ  ขวัญเอง  ฮือๆๆ...   ขวัญ  ขวัญเหรอ  แล้วขวัญร้องไห้ทำไมล่ะ

                    ขวัญ  ขวัญร้องไห้ทำไม  บอกเปรี้ยวมาสิ  ขวัญร้องไห้ทำไม   ฉันพูดออกไปด้วยความร้อนรน  โดยไม่ได้นึกย้อนถึงความรู้สึกเก่าๆที่เคยมีต่อกัน

                    เปรี้ยว  เมฆ...  เมฆ...  เมฆเค้ามีคนอื่นแล้ว  เมฆเค้าไปแล้ว  ฮือๆๆ...  เมฆเค้า...  ฮือๆๆ...  

                    ไม่ต้องพูดแล้ว  ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น  เธออยู่ที่บ้านใช่มั้ย  เดี๋ยวฉันจะไปหา  อย่าไปไหนนะ  รอฉันแปปนึง   ฉันรีบวิ่งไปหยิบกุญแจรถมอไซค์  แล้วขับมันออกไปยังบ้านของขวัญ


                   
    ไม่น่าเชื่อ  ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา  ทั้งๆที่ฉันคิดว่าฉันลืมทุกอย่างได้แล้ว  กลับตรงกันข้าม  ฉันยังจำทุกอย่างได้ดี  และในไม่ช้า  ฉันก็มาถึงบ้านของขวัญ  ไฟในบ้านปิดหมด  มีเพียงเสียงสะอื้นที่เล็ดลอดออกมาทางประตูที่แง้มอยู่เล็กน้อย


                   
    ฉันมองเข้าไปข้างใน  และได้เจอกับขวัญ  ที่กำลังจะเอากระจกบนพื้นที่แตกเป็นเสี่ยงๆกรีดแขนของตัวเอง


                   
    - - - 
    !!! เพล้ง !!! - - -


                   
    เสียงกระจกในมือของขวัญหล่นลงบนพื้น  ทำลายความเงียบที่เข้ามาปกคลุม  น้ำตาของเราทั้งคู่ไหลออกมา  พร้อมกับสวมกอดซึ่งกันและกัน  เหมือนตอนที่เราเคยเป็นเพื่อนสนิทกัน


                   
    ขวัญมานอนค้างบ้านฉันเป็นเวลานานพอสมควร  เพราะเธอยังทำใจไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น  จนสุดท้าย  ในวันที่แม่ของขวัญรู้เรื่องนี้  ขวัญจึงต้องทำตามคำสั่งของแม่ที่ว่าอยากจะให้ขวัญไปเรียนต่อที่สวิตเซอร์แลนด์  ซึ่งนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันได้เจอกับขวัญ


                   
    ตอนนี้  ฉันไม่เสียใจเลย  ที่ฉันต้องเสียเมฆไปในตอนนั้น  แม้เมฆจะทำลายความรู้สึกดีๆที่ฉันและขวัญเคยมีให้  แต่มันก็ได้สร้างบทเรียนแห่งรักให้กับฉัน


                   
    // เมฆ  ต่อไปในในความทรงจำของฉัน  นายคือ  ผู้ชายที่เห็นแก่ตัวที่สุด  ผู้ชายที่ไม่มีหัวใจ  ผู้ชายที่ฉันจะไม่รักอีกต่อไป  //  นี่คือข้อความที่ฉันเขียนไว้ลงในกระดาษแผ่นเล็กๆ  และสอดมันเอาไว้ใต้หมอนที่ฉันนอนอยู่ทุกคืน  แม้ว่าสิ่งที่ฉันเขียนลงไปมันจะคิดหรือทำได้ยากมากเท่าไหร่ก็ตาม  แต่มันก็เป็นสิ่งเดียวที่ฉันจะต้องทำให้ได้


    __________________________________

                    ขอบคุณอีกครั้งนะคะ  ตอนนี้เราให้เพื่อนเราอ่าน  มีแต่คนบอกว่าเมฆ  เ ล ว  กันทั้งนั้นเลย  ไม่รู้ว่าคนมาอ่านนี่จะคิดยังไงกัน  เม้นให้ด้วยนะ  เม้นหลายๆอย่างก็ได้  ไม่ต้องเฉพาะเรื่องของเมฆหรอก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×