ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดอกไม้ หยดน้ำใส ปลายขนนก

    ลำดับตอนที่ #2 : นายนั่นแหละ เพื่อนรักของฉัน

    • อัปเดตล่าสุด 16 พ.ย. 49


     
                  
    ที่นายเอกนั่นรู้เบอร์ของฉัน  สงสัยว่าจะเป็นเพราะกระเป๋าสตางค์ของฉันแน่ๆเลย  หนอยๆๆ  นายนี่เล่นไม่ซื่อแฮะ  ไม่มีมารยาทเอาซะเลย

                    เอกเอาเบอร์ฉันมาจากที่ไหนอ่ะ   ฉันอดไม่ได้ที่จะถามข้อข้องใจออกไป


                   
    แต่คำตอบที่ได้กลับผิดคาด  เอกบอกว่าเอกเอาเบอร์ของฉันมาจากเมฆ  เพราะว่าเมื่อเช้าเห็นเมฆกับฉันนั่งอยู่ด้วยกัน


                   
    ฉันได้แต่นั่งฟังเอกพูดอยู่อย่างนั้น  ก็เพราะว่าฉันเป็นคนที่พูดไม่ค่อยเก่ง  พูดทีไรก็เรื่องเรียน  ทำเอาคนที่คุยอยู่ด้วยเครียดไปตามๆกัน  ฉันเลยให้เอกเป็นฝ่ายชวนคุยซะดีกว่าให้ฉันเป็นฝ่ายชวนคุย


                   
    พรุ่งตอนเช้าเรานักเจอกันดีมั้ย    เอกถามฉันทำเอาฉันเงียบไปซักพัก  จนเอกต้องถามขึ้นอีกครั้งหนึ่ง


                   
    อะ...  อืม...  ก็ได้  ที่ไหนล่ะ   ฉันถามเอกออกไปพลางนึกถึงภาพเก่าๆในอดีต  ก่อนที่จะได้รับคำตอบออกมาว่า  ระเบียงหน้าอาคาร  3  แล้วกันนะ   หลังจากนั้นเอกก็วางไป  แล้วสักพักฉันก็ผล็อยหลับไปทั้งที่ยังใส่ชุดนักเรียนอยู่


                   
    !!! - - - ก๊อก  ก๊อก  ก๊อก - - - !!!


                   
    เสียงเคาะประตูดังขึ้นเป็นระยะประมาณ  3  ครั้ง  จึงเงียบไปหลังจากฉันบอกไปว่าตื่นแล้ว


                   
    นาฬิกาบนหัวเตียงบอกเวลา  6.30  น.  พระอาทิตย์เริ่มสาดแสงส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่างๆที่อยู่ทางขวาของเตียงนอน


                   
    ฉันค่อยๆลุกขึ้นเดินไปยังโต๊ะทำงาน  เพื่อหยิบผ้าเช็ดตัวพี่พาดอยู่บนเก้าอี้มา  แล้วเข้าไปแปรงฟัน  ล้างหน้า  อาบน้ำ  แล้วจึงมาใส่ชุดนักเรียนของวันนี้  พลางเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง  เพื่อแต่งตัวให้เรียบร้อย  และไม่ลืมที่จะนำโบว์สีขาวเส้นเดิมมามัดผมเอาไว้


                   
    พอเวลาประมาณ  7.10  น.  ฉันก็ต้องลงมาทานข้าวพร้อมๆกับแม่ที่ต้องรีบออกไปทำงาน


                   
    ฉันกับแม่  วันๆ ไม่ค่อยได้คุยกันหรอก  ต่างคนต่างมีเวลาว่างไม่ตรงกัน  น้อยวันที่เราจะมีเวลาอยู่ด้วยกันนานๆ


                   
    ไปแล้วนะคะแม่   ทุกๆวันจะเป็นแบบนี้  คนที่ไปก่อนคือฉัน  เพราะแม่จะต้องเตรียมงานไปให้ลูกค้าชาวต่างชาติที่มาลงทุนกับแม่


                   
    ฉันก้าวขึ้นมาบนรถเมล์  แล้วเดินไปหาที่นั่ง  วันนี้คงจะโชคดี  เพราะยังมีที่นั่งเหลือให้ฉัน  แต่ไม่รู้ว่าโชคร้ายรึเปล่า  ที่คนที่นั่งข้างๆฉันเป็น  เมฆ


                   
    มีเพียงคำทักทายว่าอย่างที่วัยรุ่นพูดกันเพียงสั้นๆว่า  หวัดดี  จากเราทั้ง  2  คน  เราไม่ได้โกรธ  หรือเคืองอะไรกันหรอก  เพียงแต่ว่าฉันยังไม่อยากคุยกับผู้ชายคนนี้  ส่วนความคิดของเมฆฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน  แต่คิดว่าเมฆคงกำลังคิดถึงน้ำฝน  ผู้หญิงที่เจอเมื่อวานอยู่แน่ๆ  เพราะตลอดเวลาที่ฉันนั่งรถมาจนถึงโรงเรียน  เมฆเอาแต่อมยิ้มอยู่อย่างนั้น


                   
    หลังจากลงรถมา  ฉันก็ต้องเดินไปทางอาคาร  3  อีกฟากฝั่งของโรงเรียน  ช่างเมื่อยดีแท้


                   
    พอไปถึงระเบียงหน้าอาคาร  3  แล้ว  กลับไม่มีเคยอยู่เลยซักคน  ห้องเรียนก็ยังไม่เปิดเลยซักห้อง  ในใจก็คิดว่า  เดี๋ยวเอกก็คงมา  แต่อีกใจก็คิดว่า  เอกคงลืมมั้ง  แต่ฉันก็ยังนั่งรอจนออดของโรงเรียนดังขึ้น  ฉันจึงต้องรีบออกมาเข้าแถวที่สนามของโรงเรียน  แต่สายตาก็ดันไปเจอเข้ากับเอก  ที่กำลังคุยอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่  แต่เอกไม่เห็นฉัน


                   
    ฉันไม่ได้เดินไปหาเอกในตอนนั้น  ได้แต่เดินกระทืบเท้าด้วยความโกรธไปยังสนามของโรงเรียน  แล้วกระแทกกระเป๋าพร้อมกับนั่งลง  โดยไม่สนใจสายตาของพวกเพื่อนๆที่จ้องมาทางฉันอย่างงงๆ


                   
    เปรี้ยว  เอกขอโทษนะ  ที่เมื่อเช้าไม่ได้ไปหา  อย่าโกรธเอกนะ  เอกรีบวิ่งมาหาฉัน  พอพูดเสร็จเอกก็เอาแต่จ้องหน้าฉัน 

    แล้วจะไม่ให้เปรี้ยวโกรธได้ไงล่ะ  เอกนัดเปรี้ยวเองนะ  แล้วเอกก็ไปจู๋จี๋อยู่กับแฟนของตัวเอง  ปล่อยให้เปรี้ยวนั่งรออยู่เกือบครึ่งชั่วโมง  ฉันพูดออกไปเป็นชุด  ทำเอาเอกอึ้งไปซักพัก  แล้วก็หัวเราะออกมา  ฉันก็งงเหมือนกันว่าเอกหัวเราะทำไม  หรือว่าจะหัวเราะฉันที่ฉันมันโง่  ยอมไปนั่งรอเอกอยู่ตั้งนาน


                   
    เปรี้ยวคิดว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นแฟนเอกเหรอ  เอกถามฉันไป  พลางยิ้มออกมาด้วย  ฉันไม่เข้าใจพฤติกรรมอย่างนี้จริงๆเลย  มันคืออะไรกันแน่


                   
    โถๆๆ  เด็กน้อย  นั่นมันน้องสาวฉันเอง  คิดมากไปได้   เอกเอามือจับหัวฉันเบาๆ  แล้วพูดออกมา


                   
    แป๊ก  ค่ะ  แป๊ก  ฉันคิดไปเองคนเดียวเลยเหรอเนี่ย  แล้วฉันจะคิดมากไปเพื่ออะไรล่ะ  ในเมื่อฉันก็ไม่มีสิทธิ์อะไรไปโกรธเอกอยู่แล้วนี่นา


                   
    พอกิจกรรมหน้าเสาธงเสร็จเรียบร้อย  ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปเรียนไปวิชาแรกของแต่ละห้อง  ฉันเดินไปกับเอก  ส่วน  เมฆ  ก็เดินไปกับน้ำฝน


                   
    ฉันเดินไปที่ห้อง  719  และเลือกที่นั่งติดริมหน้าต่าง  แถวที่สองถัดมาจากข้างหน้า  แล้วเอก  ก็นั่งลงข้างๆฉัน  และที่ไม่น่าเชื่อ  เมฆ  กับ  น้ำฝน  ก็เรียนห้องเดียวกับฉัน  แล้ว  2  คนนั่น  ก็เลือกที่นั่งข้างหน้าฉันอีกด้วย  น้ำฝนนั่งข้างหน้าฉัน  ส่วนเมฆ  นั่งหน้าเอก


                   
    พอเสียงออกคาบแรกดังขึ้น  สักพัก  อาจารย์ก็เข้ามาสอน  แต่วันนี้อาจารย์ให้ทุกคนแนะนำตัว  ทันทีที่น้ำฝนลุกขึ้น  ก็เรียกคะแนนจากพวกผู้ชายได้มากโขทีเดียว  ส่วนเอก  เมื่อลุกขึ้น  เสียงกรี๊ดจากผู้หญิงดังขึ้นมาจนฉันต้องอุดหูไว้  เพื่อไม่ให้แก้วหูของฉันแตกไปซะก่อน


                   
    แล้วการเลือกหัวหน้าก็มาถึง  อาจารย์ที่ปรึกษาห้องเราเลือกคนที่คะแนนดีที่สุดมาเป็นหัวหน้าห้อง


                   
    คนที่เป็นหัวหน้าห้องก็คือคนที่ได้เกรด  3.97  ส่วนรองหัวหน้าห้องก็คือคนที่ได้เกรด  3.95  ใครรู้ตัวก็ลุกขึ้นยืนด้วย  อาจารย์พูดมาสั้นๆ  ห้วนๆ  คนที่ยืนขึ้นคนแรกก็คือฉันเอง  ส่วนคนต่อไปก็คือ  เอก  อาจารย์จึงบอกว่าฉันเป็นหัวหน้า  ส่วนเอกก็เป็นรองหัวหน้า


                   
    และการที่ฉันได้เป็นหัวหน้าห้องนี่เอง  วันแรก  ฉันเลยต้องรับคำสั่งจากเพื่อนๆในห้องให้ไปขออาจารย์ทุกคาบในภาคเช้า  ว่าจะไม่เรียน  ก็เลยซวยไปซะงั้น  แต่ก็ได้ตัวช่วยที่ดีอย่างเอก  มาอ้อนขออาจารย์  คาบเช้าเลยผ่านไปได้ด้วยดี  แต่ก็ไม่วาย  คาบบ่าย  เพื่อนๆพวกนั้นยังจะให้ฉันไปขออาจารย์กันอีก  ถึงฉันจะไม่อยากไปอาจารย์  แต่ก็ต้องยึดหลักเสียงข้างมากที่ไม่ต้องการเรียน  และก็เหมือนเดิม  เอกก็เป็นคนไปออดอ้อนอาจารย์เหมือนเดิม


                   
    ออดเลิกเรียนดังขึ้น  ฉันก็ต้องรีบไป  เพราะวันนี้เป็นวันเกิดของแม่  ฉันก็คิดว่าจะไปซื้อของขวัญให้แม่ซักหน่อย


                   
    โอ้ยๆๆ  รถเมล์จ๋า  มาเร็วๆหน่อยสิ  เปรี้ยวรีบนะ   ฉันพูดอยู่ในใจ  เพราะว่าตอนนี้ก็เกือบจะ  4  โมงแล้ว  ขืนเย็นไปกว่านี้ขากลับต้องไม่มีรถกลับบ้านแน่ๆ


                   
    กรี๊ดดดดด.....


                   
    เสียงของพวกผู้หญิงกรี๊ดกันดังลั่นโดยที่ฉันยังไม่รู้สาเหตุที่มาของเสียงกรี๊ดพวกนั้น  จนกระทั่งได้เห็นรถเก๋งคันงามที่จอดอยู่ตรงหน้า  กับเอก  ที่นั่งอยู่ตรงที่คนขับ


                   
    ไปไหนเหรอเปรี้ยว   เอกเปิดกระจกฝั่งที่ฉันยืนอยู่พลางก้มลงมามองแล้วถามฉัน


                   
    ทำไมเหรอ  ฉันถามออกไป  ท่ามกลางเสียงกรี๊ดของพวกแรด  เอ้ย...  ไม่ใช่ๆ  พวกผู้หญิงน่ะ


                   
    จะไปส่ง  เอามั้ย   แล้วฉันจะไปดีมั้ยล่ะ  เพราะถ้าไปกับเอก  มีหวังพรุ่งนี้โดนรุมตบแน่  แล้วถ้าไปรถเมล์  ก็คงจะไม่ได้กลับบ้าน  รุมตบ  กลับบ้าน  กลับบ้าน  รุมตบ  รุมตบ  กลับบ้าน  โอ้ย  แล้วฉันจะเลือกอะไรดีล่ะเนี่ย


                   
    เป็นเพื่อนเปรี้ยว  ไปส่งเปรี้ยวไม่ได้เหรอ   ทำไมเอกถามอย่างนี้ล่ะ  เอกจะโกรธเปรี้ยวใช่มั้ยล่ะ  ที่เปรี้ยวไม่ยอมไปกับเอก


                   
    ฉันหันไปมองเอก  ผู้หญิงที่ส่งเสียงกรี๊ด  และรถเมล์ที่วิ่งผ่านไป  สลับกันไปมา  แต่สุดท้าย  ฉันก็ปฏิเสธความช่วยเหลือของเอกไป  แล้วเดินไปนั่งรอรถซักประมาณ  10  นาที  ฉันจึงจะได้ไปที่ห้าง ฯ


                   
    ชั้น  3  ของห้าง  เป็นแหล่งช็อปปิ้งของวัยรุ่นแถวนี้  ของต่างๆก็แพงซะเหลือ  และด้วยงบประมาณของฉันที่มีอยู่อย่างจำกัด  แค่  2000  บาท  ทำให้ของขวัญวันเกิดที่จะให้แม่ในวันนี้  เป็นเพียง  สร้อยเงินห้อยด้วยจี้รูปหยดน้ำสีฟ้าใส  กับเค้กอีกหนึ่งปอนด์  ที่เขียนด้วยครีมเป็นตัวอักษรว่า 
      เปรี้ยวรักแม่นะคะ  Happy  Birthday  ค่ะ


                   
    ฉันมองนาฬิกาตัวเองที่บอกเวลา  2  ทุ่มตรง  และก็เป็นเหตุที่ทำให้ฉันต้องรีบวิ่งลงมาที่หน้าห้างฯ  เพื่อยืนรอรถเที่ยวสุดท้ายในรอบ  2  ทุ่ม  5  นาที  แต่ทันทีที่เท้าเหยียบลงบนทางเท้าหน้าห้าง  รถคันสุดท้าย  ก็กำลังจะค่อยๆหายลับไปข้างหน้า


                   
    ฉันค่อยๆเดินลงไปนั่งตรงที่นั่งรอรถโดยสาร  โดยที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองจะกลับบ้านยังไง  เพราะตอนนี้ก็จะ  3  ทุ่มอยู่แล้ว  อีกไม่นาน  ก็จะถึงเวลาแล้ว  แล้วฉันจะไปทันได้ยังไงล่ะ


                   
    น้ำตาค่อยๆไหลลงอาบแก้ม  ความกลัวเริ่มเข้ามาครอบคลุมความคิดของฉัน  แม้จะบอกให้ตัวเองคิดว่ายังไงซะ  ก็ต้องกลับบ้านได้ในไม่ช้าแน่  แต่ก็เพราะความกลัวเนี่ยแหละ  ทำให้ฉันคิดมากอีก


                   
    หยุดร้องได้แล้ว   น้ำเสียงที่รู้สึกคุ้นเคยดังขึ้นข้างๆฉัน  แต่กลับไม่ใช่คนที่ฉันต้องการให้มาปลอบใจ  หรือช่วยอะไรในตอนนี้

    เอกหยิบผ้าเช็ดหน้าสีน้ำเงินของตัวเองออกมาแล้วเช็ดน้ำตาให้ฉัน 

    ให้เอกไปส่งที่บ้านนะ เอกก้มหน้าลงมามองฉัน  แล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน  แต่ฉันก็ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธอะไรไป  เพียงแต่มองหน้าเอกเท่านั้น

    ครั้งนี้  เอกไม่ให้ปฏิเสธเอกอีกแล้วนะ  ไม่รู้ล่ะ  ยังไงก็ต้องให้เอกไปส่งด้วย    เอกพูดออกมาอย่างจริงจัง  แต่ฉันก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะกับท่าทางของเอก

    เอกพาฉันมาแวะทานข้าวที่ตลาดโต้รุ่ง  ก่อนที่จะพาฉันมาส่งที่บ้าน  ในเวลา  3  ทุ่มครึ่ง  พอดีกับเวลาที่แม่ฉันเกิดเป๊ะเลยหล่ะ

    ขอบใจจ๊ะเอก  เข้ามาในบ้านก่อนก็ได้นะลูก   ยังไม่ทันที่ฉันจะขอบคุณเอก  แม่ของฉันก็ทักทายเอกออกมา  อย่างกับว่าเค้าทั้งสองคนรู้จักสนิทสนมกันมานานแล้ว

    แม่คะ  สุขสันต์วันเกิดค่ะ   หลังจากที่  ฉัน  กับ  แม่  แล้วก็เอก  เดินเข้ามาในบ้านแล้ว  ฉันก็วิ่งเข้าไปกอดแม่  แล้วแม่ก็หันกลับมาลูบผมฉัน  แล้วโอบกอดฉันด้วยความรู้สึกที่อบอุ่นเป็นพิเศษ

    ฉันยื่นของขวัญ  พร้อมกับรอยยิ้มให้กับแม่  แล้วหอมแก้มแม่ไปทีนึง  ก่อนที่จะได้เห็นรอยยิ้ม  กับน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมาด้วยความดีใจ  แต่น้ำตาก็พลันหายไป  เมื่อสายตาของแม่พบว่า  ลูกน้อยคนนี้จ้องมองดูเธออยู่ตลอด

    แม่เล่าเรื่องของฉันกับเอกให้ฟังตั้งแต่ที่เรา  2  คนยังเป็นเด็กๆ  ว่า...  ความจริงแล้ว  เมื่อก่อน  ฉันกับเอกอยู่บ้านใกล้กัน  เป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่เกิดก็ว่าได้  เพราะเราต่างก็เกิดที่เดียวกัน  เวลาเดียวกัน  แถมตอนที่ฉันกับเอกเพิ่งคลอดมา  ฉันกับเอกยังนอนใกล้ๆกันอีก  ตอนที่อยู่ในห้องเด็กอ่อน

    ฉันกับเอกเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เกิด  แล้วก็มีเหตุที่ทำให้ครอบครัวของเราทั้งคู่ต้องย้ายบ้านไปตั้งแต่เรา  2  คน  อายุ  7  ขวบ  แต่แม่ของฉัน  กับแม่ของเอก  ก็ยังติดต่อกันอยู่ตลอด  เพียงแต่ฉันไม่เคยจะสนใจก็เท่านั้น  ผิดกับเอก  ที่รอแล้วรอเล่าเฝ้าแต่รอ  วันที่เอกจะได้พบกับฉันอีกครั้ง

    แม่บอกให้เอกพาฉันออกมาเที่ยวข้างนอกกับเอก  โดยที่เวลาตอนนี้  ก็ปาเข้าไปจะ  4  ทุ่มอยู่แล้ว  พอฉันบอกออกไปว่ามันดึกแล้ว  แม่ก็บอกว่า  แม่ไว้ใจเอก  แล้วฉันล่ะ  ฉันก็ต้องไว้ใจเอกตามแม่อย่างนั้นเหรอ

    เอกพาฉันมาที่ทะเล  กลิ่นอายของทะเลอบอวลอยู่รอบๆ  ฉันเดินไปนั่งลงข้างๆเอก  แล้วโน้มตัวลงนอนกับพื้นทราย  พลางฟังเสียงคลื่นที่กระทบกับหาดทรายอย่างเป็นจังหวะ

    “ ~ ! ~ ! ~ เมฆ ~ ! ~ ! ~   ฉันตะโกนออกมาพร้อมๆกับลืมตาขึ้นด้วยน้ำตานองหน้า

    เปรี้ยวเป็นอะไรรึเปล่า  แล้วร้องไห้ทำไมล่ะเนี่ย   เอกถามฉัน  พลางยื่นมือมาลูบผมของฉันเบาๆให้เข้าทรง  ส่วนฉันก็กำลังงงกับตัวเองว่าเผลอหลับไปตอนไหน  แล้วยังไปฝันถึงเค้าอีก

    ฉันสะบัดหัวตัวเองเบาๆ  ด้วยความคิดโง่ๆที่ว่าจะช่วยให้เค้าออกไปจากความคิดของฉันๆได้

    กลับบ้านได้รึยัง  เปรี้ยวหลับไปชั่วโมงกว่าแล้วนะเนี่ย  ปล่อยให้เอกรอตั้งนาน   เอกพูดแล้วค่อยๆลุกขึ้น  พลางบิดขี้เกียจด้วย

    หา.....!!!  ชั่วโมงกว่า   ฉันพูดแล้วจ้องหน้าไปที่เอก  ก่อนที่จะก้มลงมองนาฬิกาของตัวเองที่บอกเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว

    เอกค่อยๆขับรถมาส่งฉันที่บ้าน  ระหว่างทาง  เอกก็ชี้นู่น  ชี้นี่ให้ดู  แต่ก็ยังไม่วาย  ที่จะชี้ไปยังเมฆ  ที่กำลังนั่งอยู่กับ  น้ำฝน  ในใจก็คิดว่า  เวลาก็ดึกแล้ว  2  คนนี้ก็ยังจะอยู่กัน  2  คน  แต่อีกใจก็คิดว่า  มันเรื่องของเค้า  ตอนนี้  ฉันก็เป็นแค่คนนึง  ที่ไม่ควรจะไปยุ่งเกี่ยวด้วย

                    ฉันเงียบมาตลอดทางหลังจากที่ได้เจอกับเมฆ  พอรถมาจอดถึงหน้าบ้าน  ฉันก็ไม่รีรอที่จะรีบเดินเข้าไปในห้องของตัวเอง  แล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงนอนที่คลุมด้วยผ้าสีชมพูลายทาง  พลางนึกถึงภาพของเมฆกับน้ำฝนที่ฉันเห็นเมื่อไม่นานมานี้  และภาพของฉันกับเมฆ  ...ในอดีต...


    __________________________________


                 หุหุ  ตอนที่  2  แล้ว  ขอบคุณอีกครั้งนะคะ  ไม่รู้จะพูดอะไรอ่ะ  แต่ที่สำคัญกาดอกจันร้อยดอกก็คือ  อย่าลืมเม้นนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×