คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 6 โทรศัพท์ O[ ]O ให้ฉันเหรอ
“จีนขา...เหนื่อยมากมั๊ยค่ะ”ยัยเชอร์รี่เน่าพูดเสียงเซ็กซี่ พลางคลอเคลียนายผีจีนจนสาวๆแถวนั้นทั้งหมั่นไส้และตาร้อนกันเป็นแถวๆ แต่ทำอะไรไม่ได้
“ตอนนี้คลอเคลียอีกหน่อยคงเลียคอกันล่ะ”ฉันกระแทกอย่างหมั่นไส้ยัยเชอร์รี่หันมามองฉันพร้อมกันที่ยัยแอมตีแขนฉันเบาๆเหมือนปรามเอาไว้ ฉันกระซิบถามอย่างไม่เข้าใจ
“นี่ถามจริงเหอะ เธอยอมได้ไงอ่ะ ยอมให้นายผีจีนควงสาวคนนู้นทีคนนี้ที ไม่เจ็บบ้างเหรอ”
“เจ็บสิ แต่ทำไงล่ะ เค้าไม่รักฉันนี่”
“แล้วทำไมไม่ทำให้เค้ารักล่ะ”
“ถึงยังไงเค้ากับฉันคงไม่ได้เป็นแบบที่เธอคิดหรอก อีกอย่างความรักคือการให้ ให้คนที่เรารักมีความสุขนะ”
“โอ๊ย...แม่นางเอกพันปี นี่มันพ.ศ.ไหนกันแล้ว ความรักน่ะถ้าไม่ได้มาแล้วจะมีทำไมเล่า”ฉันกระซิบอย่างหัวเสียแล้วเดินไปทางหน้าโรงเรียนทันที เซ็งจิต...ความคิดสาว 16 เหมือนสาว 36 เฮ้อ...
--พักเที่ยงวันรุ่งขึ้น--
“ตอนบ่ายวิชาโหดๆทั้งนั้นเลยอ่ะ”วิคพูดมือหนึ่งตักข้าวเข้าปากมือหนึ่งถือตารางสอนสีชมพูของยัยซีดผู้น่ารักไว้
“คิดจะโดดล่ะซิ”เวียร์ดักคอไว้ มื้อเที่ยงวันนี้พิเศษหน่อยตรงที่นายผีจีนมาร่วมด้วยแม้วันก่อนๆจะมาแต่ไม่บ่อยนัก อีกอย่างวันนี้นายนั่นก็ใส่ชุดอยู่บ้านมา ด้วยเหตุผลที่ว่า ‘ตัดชุดใหม่’ แต่เสื้อยืดคอกลมสีขาวกับกางเกงยีนส์ก็ทำให้นายนั่นเท่ไม่เบาทีเดียวสาวๆมองกันเป็นแถว นี่ก็เกือบ 3 อาทิตย์แล้วที่นายนั่นนอนหอและไม่ได้คุยกับฉัน
“พี่จีนค่ะ”จู่ๆก็มีเด็กหน้าตาเรียบร้อยเดินมาที่โต๊ะพร้อมกับเรียกชื่อนายนั่น นายผีจีนหันไปมองทีหนึ่งแล้วหันกลับ
“คือ...ตอนบ่ายมีแต่คาบว่าง ไม่ทราบว่าพี่จีนจะไปทานไอครีมเป็นเพื่อนได้มั๊ยค่ะ”กรี๊ดดดดดดดด ไม่มียางอาย
“ได้”พูดแค่นั้นนายนั่นก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปยังทางออกทันที เฮ้ย!!! ง่ายขนาดนี้เลยเหรอฟ่ะ
“อึ้งดิยัยเตี้ย”วิคพูดเมื่อเห็นสีหน้าของฉัน นายนั่นเลิกเรียกคำว่าถึกแล้ว ด้วยเหตุผลที่ว่ามันยาวเกินที่จะเรียก - -^
“ฉันนึกว่ายัยนั่นจะเรียบร้อย ที่แท้...อุ๊บ”แอมเอามือปิดปากฉันไว้อยู่นาน แต่ฉันก็ยังเงียบอยู่ดีไม่ใช่เพราะแอม หรอกแต่เพราะ เอ็ม อรรถพล (คนเบื้องหลัง) ยัยนั่นต่างหาก
“จีนไม่อยู่เหรอ”ยัยเชอร์รี่ถามพลางมองไปรอบๆโต๊ะ
“ถ้าอยู่ก็ต้องเห็นดิ“
“นี่!! ยัยส้วม เชอร์รี่เค้าไม่ได้ถามเธอซักหน่อย”
“มันก็ไม่เกี่ยวกับแกเหมือนกันยัยพริกเน่า”ฉันลุกขึ้นยืน
“กรี๊ดดดดดดด”ยัยพริกเน่าร้องพลางกระโดดแบบนางร้ายในทีวีก็ไม่ปาน
“แหกปากลั่นโรงอาหารแบบนี้ แมลงสาบเข้า..... (มองตั้งแต่หัวจรดเท้า)รองเท้ารึไงย่ะ”
“กรี๊ดดดดดดดด”
“นี่ ถามจริงวันๆเธอทำได้แต่กรี๊ดรึไงกัน พวกเธอทั้ง 5 คนนั่นแหละ ไม่คิดที่จะทำอะไรให้เป็นประโยชน์บ้างเลยรึไงกัน คนหนึ่งก็ไปหาผู้ชายถึงห้องนอนเหมือนเสนอตัวให้ อีกคนก็ไล่เกาะผู้ชายไปวันวัน อีก 3 คน ก็เอาแต่ทำเลียนแบบ พวกแกคิดบ้างมั๊ยว่า พวกแกไม่มีวันเหมือนเค้าหรอก อย่างดีก็ได้แค่เป็นสุนัขเดินตามหลังยัย 2 คนนี่เท่านั้นแหละ พวกแกน่ะก็ได้แค่เลียนแบบ แล้วตัวตนพวกแกล่ะ ตัวตนที่แท้จริงน่ะ....”
เพี๊ยะ
“ส้ม”เสียงคนหลายคนเรียกชื่อฉันพร้อมกัน
“แกไม่มีสิทธิมาสั่งสอนคนของฉัน”ยัยหัวทองที่เดินมาอยู่หน้ายัยเชอร์รี่เมื่อไหร่ไม่รู้พูด หลังจากที่ตบฉันแล้ว
“กะ...กะ...เธอว่าใครกันที่ว่า ไปหาผู้ชายถึงที่ห้อง”ยัยเชอร์รี่ถามกระตุกกระตัก
“คิดเองซิ แต่ใครทำอะไรไว้คงรู้อยู่แก่ใจ”ฉันว่าพลางหันไปหน้ายัยหัวทอง
“ไม่มีใครที่ทำฉันก่อนแล้วฉันจะไม่เอาคืน”
“ทำอะไรน่ะ”เสียงผู้ชายคนหนึ่งทำให้ฉันหยุดการกระทำที่กำลังคิดที่จะทำอยู่ เหลือเพียงแต่ง้างมือไว้กลางอากาศเฉยๆ เสียงผู้ชายคนนั้นทำให้เรี่ยวแรงของฉันหมดหายไปในพริบตาเหมือนกับหายไปกับลมหายใจของฉัน
“เธอคิดจะทำอะไรกัน”
“ฉันคงไม่มีสิทธิทำตามที่คิดได้แล้วจะบอกนายทำไม”ฉันพูดพลางเอามือลง
“ฉันถามเธอ ไม่ใช่ให้เธอถามฉันกลับ”น้ำเสียงเย็นชาถึงกับเยือกเย็นมาเยือนอีกครั้ง ฉันเงียบไม่อยากพูดอะไร
“ที่นี่คือโรงเรียนของคนมีสกุล ใช้สมองมากกว่าการใช้กำลัง รู้ไว้ซะ”
“นี่โรงเรียนผู้ดีก็จริง แต่ถ้าผู้ดีอย่างนายหรือยัยหัวทองนี่ทำกันแบบนี้ล่ะก็ ฉันก็ขอลาออกดีกว่า นี่ใช่มั๊ยที่นายบอกว่าคือการใช้สมองของพวกผู้ดีนะ ใช่รึเปล่าล่ะ”ฉันถามพลางหันหน้าให้นายนั่นดูด้านที่ถูกยัยหัวทองตบ
“ถ้ามันเป็นแบบนี้ ฉันก็ขอไปอยู่โรงเรียนพวกไม่มีสกุล มีแต่การใช้กำลังแต่จริงใจ ไม่หน้าไหว้หลังหลอก ไม่ใส่หน้ากากเข้าหากัน ไม่เสแสร้ง ซะดีกว่า”พูดเสร็จฉันก็รีบเดินไปห้องผู้อำนวยการพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างหยุดไม่ได้ พลางแวะที่ตู้โทรศัพท์แล้วปรับเสียง มันเจ็บอีกแล้วเจ็บเหมือนกับวันนั้น...วันที่ร้านอาหาร
“หนูขอลาออกค่ะ”ฉันบอกความประสงค์เมื่อมานั่งตรงหน้าผู้อำนวยการพร้อมกับอาจารย์ลออที่ดูร้อนใจมาก
“การเรียนดี ความประพฤติอยู่ในขั้นใช้ได้ มีเหตุผลอะไรที่เธอต้องลาออกล่ะ”
“หนูทนไม่ได้ที่จะถูกเอารัดเอาเปรียบเพียงแค่ฐานะไม่เท่ากัน เพียงแค่เค้าเป็นผู้ดีมีสกุล ส่วนหนูแค่คนรับใช้ธรรมดาๆคนหนึ่งค่ะ”
“ส้ม...”ป้าแฮปปี้ร้องห้ามพลางส่ายหน้า
“ส้ม อัยยิกา ใช่แล้ว หนูนี่เอง”อยู่ๆผู้อำนวยการก็ร้องออกมาเหมือนกับเพิ่งนึกได้
“อะไรเหรอค่ะ”
“ก็เมื่อ 2 ปีที่แล้วไง ที่เจอกันที่พัทยาใช่มั๊ย”ผู้อำนวยการบอกเรียกความจำของฉันคืนมา
“ที่ช่วยลุงจากพวกโจรไงล่ะ ที่มันจะเอากระเป๋าของลุงไปไงล่ะ”
“อ่ะค่ะ ใช่ค่ะ”ฉันพูดกระตุกกระตักเพราะไม่นึกว่าลุงคนนั้นจะคือลุงคนนี้ (งงม่ะ)
“เฮ้อ...คนดีๆแบบนี้จะให้ออกได้ยังไงถูกมั๊ย ลออ”
“ใช่ จะให้ออกได้ยังไง ทั้งๆที่ประพฤติดี เรียนดีตลอด”
“แต่...แต่หนูไม่อยากเรียนนี่ค่ะ ที่สำคัญหนูโทรให้พี่ชายมารับแล้วด้วย”
“เฮ้อ...ส้มเราจะมาตัดอนาคตเพราะเรื่องส่วนตัวน่ะไม่ได้หรอกนะจ๊ะ คิดดูสิส้มแค่อยากให้ตัวเองไม่มีที่เรียนเพราะเรื่องที่เค้าไม่เคยเข้าข้างส้มงั้นเหรอ”ป้าแฮปปี้พูดอย่างเข้าใจในเรื่องที่ผ่านมา คนอื่นอาจจะไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอะไร อาจจะแปลความหมายของมันผิดไป แต่ฉันเข้าใจความหมายของมันดี
“เอ่อ...แต่พี่มะนาว...”
“นายมะนาวน่ะจัดการได้ง่ายกว่าพวกที่ทำให้ส้มมาที่ห้องนี่อีก”ป้าแฮปปี้บอกพลางพยักหน้า
“แต่ส้มขอเจอพี่มะนาวหน่อยนะค่ะ”ฉันขอป้าแฮปปี้พยักหน้าอีกครั้งพลางหันไปยิ้มให้กับ ผู้อำนวยการ
“คนนี้แหละ ที่จะมาเป็นแม่ให้ตาบ้าของเรา”สองคนนั้นพูดอะไรไม่รู้ที่ฉันคิดว่าคงไม่เกี่ยวกับฉันแน่ๆฉันจึงออกมา
“ไงยัยตัวยุ่ง”ฉันหันไปตามเสียงนั่น
“พี่มะนาว”ฉันเรียกอย่างดีใจพลางวิ่งเข้าไปกอดผู้ชายร่างสูงผิวสีน้ำผึ้งที่มีกล้ามหน้าอกเป็นมัดๆที่ผู้หญิงคนไหนเห็นเป็นต้องหลงไปกับกล้ามเนื้อแน่ๆ แล้วยิ่งเรื่องหน้าตาแล้วนายแบบบางคนยังสู้ไม่ได้เลย
“โอ๊ยๆพอได้แล้ว ฉันหายใจไม่ออกเว้ย”
“พี่โอเป็นไงบ้าง แม่สบายดีรึเปล่า แล้วพี่นาวยังฝึกมวยอยู่มั๊ย”ฉันพูดออกมาเหมือนกับจะไม่ได้พูดอีกแล้ว
“พอๆๆ จะให้ตอบคำถามไหนก่อนล่ะ”พี่มะนาวปรามพร้อมกับยกมือห้าม ฉันทำปากจู๋
“สบายดีทุกคนไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ว่าแต่เธอเหอะ มีหนุ่มมาจีบบ้างเปล่า อิอิ”ฉันได้แต่ส่ายหน้า
“อะไรกันไหนยัยส้มโอบอกว่าเธอจะเจอเนื้อคู่ไง”พี่มะนาวพูดคิ้วขมวด ฉันเลยตีไหล่ไปหนึ่งที
“ฉันมาที่นี่มาเรียนนะย่ะ ไม่ใช่มาตามหาเนื้อคู่ ที่หมอดูไม่จบหลักสูตรบอก”
“จ้า...”ว่าแล้วก็จักการหอมแก้มน้องสาวหนึ่งที ฉันอึ้ง...แต่ไม่ได้อึ้งกับการกระทำของพี่มะนาวแต่อึ้งกับคนคนหนึ่งที่มองมาที่ฉัน คนคนหนึ่งที่ทำให้ฉันมาที่นี่ คนคนหนึ่งที่ทำให้ฉันอ่อนแออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ฉันให้เธอ”นายผีจีนพูดพลางยื่นถุงกระดาษให้ฉัน ฉันยื่นมือไปรับไว้แล้วเปิดออกด้วยมือที่สั่นสะท้านเหมือนกับหัวใจที่เต้นแรงอยู่ตอนนี้
“โทรศัพท์...เฮ้ยรุ่นใหม่ล่าสุดด้วย”พี่มะนาวพูดเสียงดังเมื่อเห็นกล่อง
“ให้ฉันเหรอ...ทำไมอ่ะ...ไม่เอา”
“ไถ่โทษเรื่องที่ร้านอาหารแล้วก็...เมื่อกี้ด้วย”นายนั่นพูดเสร็จก็หันหลังเดินกลับไป
“ดะ...ดะ...เดี๋ยวสิ ไม่เอา”ฉันตะโกน แต่นายนั่นไม่หันกลับมาแม้แต่หางตา
“นี่ถ้าแกไม่เอาให้ฉันเหอะ”พี่มะนาวกระซิบพลางดึงถุงจากมือฉันไป แต่ฉันดึงกลับมาพร้อมกับวิ่งตามนายนั่นไป
“นี่...นายน่ะ หยุดเดินก่อนได้มั๊ย”ฉันตะโกนสุดเสียงแต่นายนั่นยังเดินต่อไปเรื่อยๆทำเหมือนไม่ได้ยินฉันเลย
“นายผะ...จีน ถ้านายไม่หยุดฉันจะขว้างไอ้นี่จริงๆด้วย”ฉันทำท่าจะขว้างโทรศัพท์ นายผีจีนหันมาทีนึงแล้วเดินต่อ ฉันจะขว้างมันออกไปแต่แล้วก็ไม่ได้ทำเพราะนึกถึงราคาของสิ่งของที่อยู่ในมือ แล้วเปลี่ยนสิ่งที่ขว้างแทน
ตุ๊บ!!!
“โอ๊ย!!!”รองเท้าลงกลางหัวนายนั่นอย่างพอดีและสวยงาม นายผีจีนนั่งลงบนพื้น ฉันรีบไปที่นายนั่นทันที
“เอาคืนไป...ฉันรับไว้ไม่ได้”ฉันนั่งลงข้างๆนายนั่นแล้วยื่นถุงให้ แต่นายนั่นกลับยัดมันใส่มือฉัน
“บอกแล้วไงฉันให้เธอ”
“แต่...มันแพงมากเลยนะ นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะ”ว่าแล้วก็ยัดถุงให้นายนั่นต่อ
“เธอจำสัญญาไม่ได้เหรอ ฉันสั่งเธอให้เอามันไปใช้ก็เอาไปสิ”นายนั่นพูดขมวดคิ้วเข้าหากัน
“แต่...O_O”พูดได้แค่นั้นฉันก็ไม่แรงพูดต่อแล้วเพราะปากอีกปากหนึ่งที่ต่อจากปากของฉันมันทำให้ฉันใจเต้นแรงไม่เบาทีเดียว มันไม่เหมือนกับวันแรกที่เจอนายนี่ ไม่เหมือนกับวันที่ฉันเห็นนายนั่นกับยัยเชอร์รี่ แต่มันคือความ นุ่มนวลและอบอุ่นที่ส่งผ่านมาจากปากบางๆนั้น ฉันหลับตาลงโดยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก...
ออออออออด~ ฉันผงะออกจากนายจีนทันทีด้วยความตกใจ ใบหน้าของเราทั้งสองเริ่มมีสีชมพูจางๆ ฉันไม่กล้าสบตานายนั่น ฉันรู้สึกเหมือนกับ...
“ฉันจะกลับไปนอนที่บ้าน กลับด้วยกันเลยมั๊ย”นายผีจีนถามทำให้ฉันออกจากภวังค์
“ถ้าจะโทรหาฉันกดเบอร์หนึ่งค้างไว้แล้วจะโทรออกถึงฉันทันทีนะ”นายนั่นบอกพร้อมกับจับมือฉันเดินไปตามทางเดิน ฉันเงียบอย่างเดียวภาวนาให้ทางเดินยาวต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด
ความคิดเห็น