NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [OS Tokyo Revengers] นุยน้อยของคุณแม่มือใหม่

    ลำดับตอนที่ #3 : (20+) Kakucho Hitto's Queen

    • อัปเดตล่าสุด 16 ก.ค. 66


    Content & Trigger Warning ;

    dubious consent, romanticize, sexual explicit

     

    Kakucho Hitto's Queen ‣

    อ่อนไท้โกญจา

     

    "ฮึบ... ฟู่ว..." 

    ชายหนุ่มเจ้าของร่างกำยำคงจังหวะการหายใจเข้าออกเพื่อช่วยผ่อนความเหนื่อยล้าจากแขนทั้งสองข้างที่กำลังพยุงร่างกายขึ้นลง ในใจคอยนับจำนวนครั้งโดยแบ่งเป็นรอบหรือที่เรียกกันว่าเซต โดยในหนึ่งวันเขาต้องทำให้ได้ทั้งหมด 4  เซต เซตละ 20 ครั้ง

    ‘... สิบเก้า… ยี่สิบ’ ลมหายใจผ่อนยาว วันนี้เขาสามารถทำได้ตามเป้าอีกเช่นเคย 

    หลังคลายมือที่กำแน่นรอบบาร์แล้วค่อยปล่อยตัวลงให้สองเท้าแตะพื้น เสียงคุ้นเคยของรุ่นพี่ผู้เป็นพนักงานประจำฟิตเนสแห่งนี้เอ่ยทักเขาทันที เดาได้ไม่ยากว่าเจ้าตัวคงคอยสังเกตรอจนกว่าเขาจะออกกำลังเสร็จมาสักพักแล้ว

    "เด็กคนนั้นมาถามหาตุ๊กตาที่ทำหายอีกแล้ว"  

    อีกฝ่ายบ่นพลางใช้สายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชมปนอิจฉา สำรวจความสำเร็จในการสรรสร้างกล้ามเนื้อบนร่างกายของเขา

    คาคุโจ ฮิตโตะค่อนข้างอึดอัดกับสายตาเช่นนี้ เขาเพียงแค่ออกกำลังกายเพราะความชอบ ไม่ได้ต้องการให้ใครมาชื่นชมหรือจ้องมองมากจนเกินไป 

    ชายหนุ่มทำเพียงแค่พยักหน้ารับอีกเช่นเคย อดเหลือบมองไปยังทิศทางที่คู่สนทนาชี้ให้ดูไม่ได้ หลังมือยกขึ้นปาดเหงื่อบนใบหน้า ความรู้สึกตีกันให้วุ่นยามที่เห็นแผ่นหลังคุ้นตาเดินออกไป

    "งั้นเหรอครับ..." 

    เขารู้อยู่แก่ใจว่าตุ๊กตาที่พี่พนักงานพูดถึงคือตัวเขาเอง และเพราะแบบนั้น ทุกครั้งที่เด็กสาวเข้ามาถามหา คาคุโจจึงมักจะหลบเข้าห้องน้ำชายหรือไม่ก็ทำทีตีเนียนหาเครื่องที่ต้องหันหลังเล่นอยู่เสมอ

    "เธอมาถามหาเหมือนไว้ใจกันเลย แต่ฉันก็ถามย้ำกับพนักงานคนอื่นแล้วว่ามีตุ๊กตาหล่นบ้างไหม... พวกเขายืนยันว่าไม่มี"

    เขาพยักหน้ารับฟังคำบ่นต่อไป เพราะเป็นคนที่รู้เหตุการณ์ทั้งหมด จะให้ร่วมผสมวงเข้าข้างพนักงานก็ใช่เรื่อง ในเมื่อตัวต้นเรื่องอย่างเขาดันอยู่ที่นี่จริงๆ และไม่ยอมกลับไปหาเธอที่สถาปนาตัวเองเป็นมัมหมีของเขา

    ดวงใจเต้นแรงขึ้นเล็กน้อย เริ่มรู้สึกผิด 

    หลังจากวันที่เธอทำเขาหล่นไว้ในฟิตเนสหลังมาออกกำลังกายเมื่อหลายวันก่อน และเขาค้นพบวิธีควบคุมร่างกายให้สลับไปมาจากนุยเป็นคน คนเป็นนุยได้ คาคุโจเลือกที่จะปักหลักอยู่ในที่แห่งนี้ เอาชีวิตรอดโดยการกลับร่างเป็นนุยเมื่อหิว ออกหาข้อมูลและรักษาสุขภาพของตนเองไปด้วยเมื่อเป็นคน

    ทั้งๆ ที่ได้อิสระแล้วแท้ๆ เขากลับคิดถึงช่วงเวลาที่อยู่กับเธอ


     

    ครั้งแรกที่พวกเขาพบกันคือเมื่อครึ่งปีก่อน 

    ครานั้นความรู้สึกของชายผู้สละชีวิตเพื่อหยุดรถไฟในศึกสุดท้ายคือเบาสบาย ไม่คาดคิดว่าต่อมาไม่ทันไร เขากลับกำลังถูกคนแปลกหน้าจับยกขึ้นมาวางแหมะไว้ในอุ้งมือ อดแปลกใจไม่ได้หลังพยายามขยับแต่ร่างกายไม่เขยื้อนตัวตามที่ต้องการ สมองยัดนุ่นขบคิดเร็วจี๋ถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า

    ทั้งเรื่องโตเกียวมันจิไครุ่นที่สอง... ทาเคมิจิ... รถไฟ... และฮารุจิโยะ ซันสุที่แทงเขาด้วยคาตานะ

    หากพ่นลมหายใจได้เขาอยากจะฟึดฟัดระบายความอัดอั้นในอกสักสองสามร้อยรอบ 

    ทว่าในเมื่อทำไม่ได้ ณ เวลานั้นเขาจึงเลือกปิดประสาทสัมผัสการรับรู้ชั่วขณะ จมจ่อมอยู่กับอดีตแสนสุขที่เคยได้ใช้ร่วมกันกับราชา

    เขานึกว่าชีวิตหลังความตายจะได้เจออีกคน... คุโรคาวะ อิซานะ


     

    ไม่นานหลังจากนั้นคาคุโจก็ได้เห็นบ้านหลังใหม่ ตุ๊กตานุยตัวไม่ใหญ่แบบเขาได้แต่เหม่อมองคนแปลกหน้าเดินจัดนู่นจัดนี่ไปมาหลังเจ้าตัวหยิบเขาออกจากกระเป๋าแล้ววางทิ้งไว้บนโต๊ะอ่านหนังสือ

    สภาพแวดล้อมในระยะสายตา ตัวห้องหรูหรากว้างขวางไม่เหมาะแก่การอยู่คนเดียว หูที่ทำจากเส้นด้ายเงี่ยฟังบทสนทนาในสายโทรศัพท์ชองเด็กสาวที่เหมือนจะเป็นเจ้านายคนใหม่ของเขา มองปากบางเบ้ออกอย่างคนขัดใจ มองอีกคนปาโทรศัพท์ในมือทิ้งอย่างไม่ไยดี มองร่างเล็กที่ยืนนิ่งสงบสติอารมณ์แล้วหันมาหาเขาแทน

    ชายหนุ่มในร่างขนาดสิบเซนติเมตรทึมทื่อ ตลอดทั้งชีวิตตนไม่เคยเข้าใกล้ผู้หญิงคนไหนมาก่อน แต่ตอนนี้เด็กสาวแปลกหน้ากำลังอุ้มเขาแนบอก เอาใบหน้าถูไถไปมาด้วยความรักใคร่ ทั้งยังได้ยินสรรพนามแปลกๆ ที่หวังเหลือเกินว่าเป็นเพราะหูเขาไม่ดีเลยฟังผิดไป

    "เจ้าคาจลูกแม่ งืออ..."

    นับตั้งแต่วันนั้น คาคุโจจำได้ไม่เคยลืมถึงช่วงเวลาต่างๆ ที่พวกเขาเคยใช้ร่วมกัน 

    มัมหมีมักจะมีรอยยิ้มประดับหน้าอยู่เสมอ ไม่ปฏิเสธเลยว่าเขาชอบการที่เธอหอบเขาในร่างนุยไปด้วยทุกที่ ชอบเวลาที่เธอให้ความสำคัญกับเขา ปฏิบัติกับเขาเหมือนครอบครัว 

    ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่สมาชิกครอบครัวในใจของเขาได้มีเธอเพิ่มเข้ามาอีกคน


     

    "...นายเหม่อบ่อยนะช่วงนี้"

    คาคุโจทำเพียงยิ้มรับคำของพี่พนักงานที่เขาค่อนข้างสนิทด้วย ร่างสูงผงกหัวขอตัวก่อนจะเริ่มยืดกล้ามเนื้อต่อจากที่ค้างไว้ ขายาวทั้งสองอ้าออก ตัวเอี้ยวลงเอามือแตะข้อเท้าซ้ายจนจมูกฝังลงบนเข่าแล้วนิ่งไป

    เขากำลังลังเลเกี่ยวกับเรื่องของเธอ อยากกลับแต่ก็ไม่อยากกลับไป

    ลำตัวเอี้ยวออกเล็กน้อย ตรงหน้าพลันปรากฎรองเท้ากีฬาคู่หนึ่ง เขาตัดสินใจหยุดการคูลดาวน์ เงยสบแขกไม่ได้รับเชิญ

    "...สวัสดีค่ะ" 

    หญิงสาวตรงหน้ามีดวงตากลมโตเป็นประกายสดใสรับกับใบหน้าสวยสง่า หุ่นผอมเพรียวพร้อมหยดเหงื่อประปรายบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเจ้าตัวเพิ่งออกกำลังกายเสร็จหมาดๆ 

    หากไม่เคยได้ภูมิต้านทานจากคุณแม่ในนามของเขา คาคุโจคงเสียอาการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    ชายหนุ่มจำได้ว่าเธอเป็นลูกค้าประจำของฟิตเนสแห่งนี้ คนดังที่พนักงานประจำร้านมักจะคุยโวให้ฟัง

    ดวงตาสีเลือดกระพริบปริบ ไม่แน่ใจว่าตนควรจะตอบสนองอย่างไร ชีวิตในโลกนี้นอกจากพนักงานในร้านแล้วเขาก็ไม่เคยแลกเปลี่ยนบทสนทนากับใครอีก

    "หลังจากคูลดาวน์เสร็จ สนใจไปหาอะไรเบาๆ กินด้วยกันไหมคะ"

    แม้คาคุโจไม่มีประสบการณ์เรื่องรักๆ ใคร่ๆ แต่เขาก็ไม่โง่พอที่จะไม่รู้ว่าตนโดนจีบ และอาจเพราะความเปล่าเปลี่ยวดลใจ ชายหนุ่มจึงพยักหน้าตกลงรับคำชวน

    แขนแกร่งค้ำพื้นลุกขึ้นยืน เขาเอ่ยขอตัวก่อนจะเดินเข้าหลังร้านเพื่อไปเปลี่ยนเสื้อ ไม่ลืมที่จะขอบคุณพี่พนักงานคนเดิมที่ยินดีให้เขายืมเสื้อเปลี่ยนมาตลอดสองอาทิตย์แลกกับการช่วยงาน โดยตกดึกเขาต้องคอยทำความสะอาดอุปกรณ์เครื่องเล่นทุกวันก่อนปิดร้าน

    ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายแค่ใจดีหรือไม่ได้คิดอะไรทั้งที่เขาเป็นคนแปลกหน้าไร้ประวัติ 

    ‘แต่ก็เพราะแบบนั้นฉันจึงไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรมากว่าทำไมถึงไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยน’

    ชายหนุ่มเจ้าของทรงผมตัดเกรียนเดินออกจากฟิตเนสพร้อมกับหญิงสาวที่เขากำลังทำความรู้จักด้วย 

    ดวงตาที่ใช้งานได้เพียงข้างเดียวไม่เป็นอุปสรรคต่อการสังเกตกิริยาท่าทางของคนที่เดินอยู่เคียงคู่ ไม่รู้ว่าเหตุใดเขาจึงรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่มีชีวิตชีวาเท่ากับเธอ 

    โดยเฉพาะแววตาคู่นั้น…

    ‘ไม่ให้ความรู้สึกเหมือนของอิซานะเลยซักนิด’


     

    กินเวลามาเกือบครึ่งค่อนวัน ในที่สุดเดตทำความรู้จักระหว่างคาคุโจกับหญิงสาวร่วมฟิตเนสก็จบลง สีหน้าคู่เดตเปล่งปลั่งเต็มไปด้วยความพึงพอใจ แต่คงเพราะท่าทีพะว้าพะวังของเขา เธอจึงจำยอมเอ่ยจบเดตหาอะไรกินเบาๆ ที่ตนเป็นคนชวน

    "ขอบคุณนะ วันนี้สนุกมากเลย"

    เขาทำเพียงยิ้มรับเช่นเคย ไม่ได้รู้สึกสนุกอะไรมากนัก 

    หลังผงกหัวบอกลาอย่างมีมารยาท ร่างกำยำหมุนตัวเดินไปยังทิศทางที่ฟิตเนสอันเป็นจุดกบดานแห่งเดียวที่เขาสามารถหาได้ ตั้งอยู่

    ความต้องการบางอย่างเรียกร้องให้เขาทิ้งอิสระที่มี 

    ภาพในหัวเหมือนต้องการจะกลั่นแกล้ง คอยฉายซ้ำดวงตาสีเข้มของเธอคนนั้นที่เป็นเจ้าของเขาในร่างตุ๊กตา สลับไปมากับของราชา

    แววตาพวกเขาทั้งสองคนมีความรู้สึกซับซ้อนผสมปนเปแบบเดียวกัน เป็นความรู้สึกที่เขาเสพติดมาทั้งชีวิต

    ความเย่อหยิ่ง ความอ้างว้าง ความจริงใจ

    คาคุโจผลักเปิดบานประตูกระจกแล้วสับเท้าเดินเข้าสู่ฟิตเนส ลึกเข้าไปสู่ส่วนวีไอพีที่ในเวลานี้ยังไม่มีคนเข้ามาใช้

    ห้องกว้างที่เต็มไปด้วยเครื่องออกกำลังหลากหลายแบบ ตอนนี้เหลือเพียงแค่ตุ๊กตาขนาดสิบเซนติเมตรตัวหนึ่งนอนแหมะอยู่บนพื้น ณ ตรงจุดที่ค่อนข้างลับตาคน

    ชายหนุ่มอยากเห็นแววตาคู่นั้นของเธออีกครั้ง 

    ‘อยากเจอเธอที่ครอบครองแววตาแบบเดียวกันกับของอิซานะอีกสักครั้ง’


     

    สองสามวันให้หลัง ในที่สุดคาคุโจที่อดทนอดกลั้นต่อความเบื่อหน่ายและตารางชีวิตที่ปกติจะต้องลุกมาออกกำลังหรือออกไปเดินเล่นเพื่อคลายเครียดก็เห็นผลสำเร็จในที่สุด เมื่อพนักงานคนหนึ่งเดินเข้ามาภายในห้อง 

    เขาที่จงใจแปลงเป็นนุยโดยจัดให้ร่างตะแคงหันจนดวงตาผ้าปักสามารถสังเกตการณ์ได้ทั่วทั้งห้อง คอยมองอีกฝ่ายจัดการเปิดไฟเปิดแอร์ เร่งรีบตรวจสภาพของเครื่องออกกำลังต่างๆ 

    ‘เป็นสัญญาณว่าวันนี้จะมีแขกวีไอพีมาใช้ห้องนี้และมันจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก…’

    “วันนี้คุณลูกค้ามาถึงเร็วกว่าที่คิด… ผมเลยเพิ่งเปิดแอร์ไป หวังว่าจะไม่ทำให้เสียอารมณ์นะครับ”

    “ไม่เลย ขอบคุณมากนะคะที่อุตส่าห์เข้ามาเปิดห้องให้ทันที”

    เสียงหวานใสอันแสนคุ้นเคยที่เขาไม่ได้ยินมาสักพักลอยเข้าสู่โสตประสาท ฉับพลันดวงใจที่ไม่ได้ใส่มาด้วยในร่างยัดนุ่นของเขากระแทกเต้นตึกตักเมื่อเห็นร่างบางเจ้าของดวงตาสีเข้มที่เขาเฝ้านึกถึง

    เธอสวมกางเกงเลกกิ้งขายาวกับเสื้อตัวโคร่งที่หลวมโพรกจนเห็นสปอร์ตบราข้างใน

    ไม่อยากจะยอมรับแต่เขาแอบห่วงเล็กน้อยในนาทีที่อดีตมัมหมีในนามโน้มตัวถอดเสื้อชั้นนอกออก เผยให้เห็นผิวเนื้อละเอียดอย่างที่ลูกคุณหนูบ้านรวยควรจะมี

    “ตรวจสภาพเครื่องแล้วไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม ฉันไม่ได้มาซะเกือบครบอาทิตย์”

    เด็กสาวพยักหน้าพึงพอใจเมื่อพนักงานคนเดิมรับคำหนักแน่นแล้วเดินจากไปหลังเธอเริ่มยืดเส้นวอร์มอัพ 

    คาคุโจเคยเห็นเธอออกกำลังกายครั้งหนึ่งก็เมื่อครั้งที่เธอทำเขาหล่นหาย พอจะรู้ว่าเธอไม่ชอบให้มีคนมาคอยเฝ้าและยิ่งไม่จำเป็นที่จะต้องมีเทรนเนอร์ประจำตัวเพราะเจ้าตัวครูพักลักจำจากเทรนเนอร์คนล่าสุดมาเรียบร้อยแล้ว

    นุยตัวน้อยมองตามร่างบางตลอดการออกกำลังกายเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็ม ยังคงอดทนรอให้อีกฝ่ายเดินเข้ามาแถวนี้ โดยหวังว่าระหว่างนั้นเธอจะสังเกตเห็นเขาบ้าง

    จนเมื่อเข้าสู่ช่วงเวลาประมาณชั่วโมงสิบห้านาที มัมหมีวางมือจากเบอร์เซิร์กเกอร์แล้วเดินตรงไปยังม้านอนยกน้ำหนัก หนึ่งในเครื่องออกกำลังที่อยู่ใกล้กับเขามากที่สุด

    สองแขนเรียวเกร็งขึ้นเมื่อเธอเปลี่ยนแผ่นน้ำหนักไปมา หลังกะกิโลกรัมที่ตัวเองจะสามรถยกไหวแล้วจึงเคลื่อนตัวนอนลงบนเบาะซิกอัพในที่สุด

    ‘... เจ็ด… แปด…’ คาคุโจคอยนับจำนวนครั้งที่ร่างบางยกบาร์เบลขึ้นในเซ็ตที่สอง แขนสั่นๆ นั้นบ่งบอกว่าเธอใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้ว ทำเอาคนที่ได้แต่เฝ้ามองอดลุ้นตามไปด้วยไม่ได้

    ‘... เก้า… สิ…!’

    ตัวเลขที่เขาช่วยนับให้อยู่ในใจจวนจะใกล้ครบสิบอยู่เต็มที ไม่คาดคิดว่าในเฮือกสุดท้ายขณะที่เธอกำลังจะวางบาร์เบลลงบนฐานรองแร็ก ฐานปรับความสูงบริเวณปลายเบาะพลันโยกหลุด 

    เคร้ง!

    ร่างของเด็กสาวร่วงตุบตามแรงโน้มถ่วง เสียงหวีดร้องตกใจดังขึ้นพร้อมกันกับเสียงเหล็กกระทบกระแทกกัน 

    เธอเสียจังหวะวางบาร์เบลในมือลงและเจ้าบาร์ที่รับน้ำหนักจากแผ่นเหล็กร่วมหลายกิโลกำลังจะร่วงทับใบหน้าของเธอ

    ตอนนั้นเองที่สัญชาตญาณของชายหนุ่มผู้ขึ้นชื่อว่ารวดเร็วเป็นอันดับต้นๆ ในหมู่นักเลงมากฝีมือ ขับเคลื่อนได้ไวยิ่งกว่าน็อตที่หลุดออกจากฐานปรับความสูงของม้านอนยกน้ำหนัก 

    ไวพอที่จะทำให้เขากลายร่างกลับมาเป็นคนแล้วพุ่งตัวเข้าไปประคองบาร์เบลที่หลุดจากมือของเด็กสาวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    ดวงตาข้างขวาที่ยังใช้การได้ดีเหลือบมองอดีตมัมหมีที่ยังคงหลับตาปี๋ 

    เขาไม่คิดจะเอ่ยปากทักทายหรือถามไถ่อาการบาดเจ็บก่อน กลับกันสองมือยกบาร์เบลขึ้นหลบคนที่ยังนอนอยู่แล้ววางลงตรงพื้นด้านข้างที่ยังว่างอยู่อย่างใจเย็น

    ขณะหันหลังวาง ท่าทางของเขาที่ทำเหมือนกับว่าน้ำหนัก 10 กิโลกรัมนี้เบาเหมือนกับขนนกสะท้อนเข้าสู่สายตาของคนที่ลืมตาขึ้นมาพอดี

    “ขอบคุณ… คุณแข็งแรงจังเลย”

    น้ำเสียงที่ยังคงสั่นน้อยๆ เพราะอารมณ์ตกใจยังคงหลงเหลืออยู่เอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ คำชมที่หลุดของจากปากเจ้าตัวสะกิดให้มุมปากของชายผู้ที่ไม่ค่อยจะยิ้มนักยกขึ้นอิ่มใจ

    “คราวหลังก็ระวัง ก่อนจะเล่นอย่าลืมตรวจสภาพเครื่องให้ดีก่อน” เขากล่าวบอกทั้งๆ ที่ยังหันหลังให้คู่สนทนา หูคอยฟังเสียงสวบสาบและเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ด้านหลัง

    “ฉันนึกว่าพนักงานเขาตรวจให้เรียบร้อยแล้วเลยสะเพร่าน่ะ… เอ่อ คุณ…”

    “คาคุโจ ฮิตโตะ”

    ชายหนุ่มตัดสินใจหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้าในที่สุด มุมปากยิ่งโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มขบขันเมื่อเห็นคนคุ้นเคยอ้าปากค้างเหวอไป

    ฉับพลันรอยยิ้มขบขันแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มร้าย

    “เธอทำฉันตกไว้ตรงนี้… คุณมัมหมี” 


     

    นับตั้งแต่วันที่พบกันครั้งแรกในร่างคนจริงจนถึงวันนี้ พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ใต้ชายคาเดียวกันร่วมเกือบครบครึ่งปีแล้ว

    คาคุโจผูกมัดเด็กสาวด้วยการขออยู่อาศัยเป็นผู้เช่าบ้านหลังโตของเธอ

    มัมหมีที่เขาเคยรู้จักไม่ปฏิบัติตัวเหมือนเดิมอีกต่อไป เธอค่อนข้างห่างเหินกับเขา คอยทำหน้าที่เป็นผู้ปล่อยเช่าที่ดี จะมีปฏิสัมพันธ์ก็เมื่อถึงเวลาอาหารเพียงเท่านั้น

    เธอไม่เคยแสดงออกว่าพิศวาสเขาเลยแม้แต่น้อย

    “...อีกแล้วเหรอคะ... ไม่เคยเลย!...”

    ชายหนุ่มนั่งเท้าคางเงี่ยหูฟังเสียงคุยโทรศัพท์ที่ดังลอดออกมาจากห้องส่วนตัวของเจ้าบ้าน เนื่องจากตนคอยศึกษาพฤติกรรมอีกคนมานาน เขาจึงจับใจความได้อย่างไม่ยากเย็นว่าเธอกำลังทะเลาะกับผู้เป็นพ่อบังเกิดเกล้าของตัวเองอีกแล้ว

    เด็กสาวมีท่าทีไม่พอใจอยู่เสมอเมื่อผู้ปกครองทั้งสองลืมหรือเลื่อนนัดที่เคยรับปากไว้ว่าจะแวะมาเยี่ยมเยียนบ้าง 

    จนตอนนี้จวนจะหมดปีแล้วเธอก็ยังไม่ได้เจอแม้แต่หน้าของคนทั้งสอง

    เสียงเปิดประตูเปิดดังขึ้นขัดความคิด เขารีบก้มหน้าอ่านนิตยสารในมือก่อนที่อีกคนจะเดินออกมาเห็นว่าตนกำลังสอดส่องเรื่องส่วนตัวของเจ้าตัว

    “...คิดเมนูมื้อเย็นไว้ยัง”

    “วันนี้ฉันมีนัด”  

    คาคุโจทำทีเงยหน้าเหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าเธอกำลังเดินเข้ามาหาหลังเจ้าตัวเพิ่งวางสายโทรศัพท์ขณะตอบคำ แต่เดิมที่เขาเดินออกมานั่งตรงห้องส่วนกลางก็เพราะต้องการจะมาบอกกล่าวเรื่องนี้อยู่แล้ว

    เป็นอีกครั้งที่หัวใจที่เคยเต้นตึกตักแฟบลงเมื่อเธอพยักหน้ารับรู้ไม่สอบถามเพิ่มเติม และตัวเขาเองก็ได้แต่จ้องมองแผ่นหลังของอีกคนเดินห่างออกไป มองมือบางยกโทรศัพท์ที่ถือค้างไว้ตั้งแต่วางสายออกมากดเข้าแอปพลิเคชันสั่งอาหาร ไม่กล้าแม้แต่จะเรียกร้องสิ่งที่ตัวเองต้องการเลยสักครั้ง

    เขาไม่กล้าแม้แต่จะล้ำเส้นที่มัมหมีจอมปลอมขีดกั้นไว้ด้วยความห่างเหิน

    ชายหนุ่มหมุนตัวเดินออกไปสวมเสื้อโค้ท ตัดสินใจสวมรองเท้าส้นหน้าแล้วมุ่งหน้าเดินทางไปยังสถานที่ที่นัดไว้ในทันที


     

    01.14 น.

    เสียงกริ่งประตูดังก้องบ้านหลังโต เด็กสาวที่ถูกตราหน้าว่าทำตัวห่างเหินเร่งยันตัวลุกขึ้น ตรงดิ่งไปคว้าลูกบิดประตูแล้วหมุนเปิดทันที

    เธอนั่งรอเพื่อนร่วมชายคาเดียวกันมานานโข ในใจมีแต่ความว้าวุ่นเป็นกังวล

    กลิ่นเหล้าเหม็นหึ่งตีแสกหน้าเธอที่อาบน้ำแล้วเป็นอย่างแรก ตามมาด้วยร่างกายกำยำที่หล่นทับเธอจนหนักอึ้งเป็นอย่างที่สอง

    “คาจ?... ที่ว่ามีนัดเนี่ยคือไปเมาหรอกเหรอ”

    “ต้องการให้ช่วยไหมคะ”

    น้ำเสียงหวานใสเอ่ยต่อบทสนทนาแทนชายที่เมาแอ๋ไม่ปริปากพูด ตอนนี้เองที่เธอเพิ่งสังเกตเห็นร่างสะโอดสะองของหญิงสาวหน้าตาดี พินิจจากชุดวาบหวิวและเสื้อโค้ทของคาคุโจที่อีกฝ่ายถืออยู่ เธอเดาได้ทันทีว่าเจ้าตัวคงเป็นนัดที่ว่า

    เสี้ยวขณะหนึ่ง ความไม่สบอารมณ์พาลตีตื้นขึ้นให้รู้สึกหงุดหงิด

    “ไม่เป็นไ…”

    “เธอเป็นแฟนของ’คาจ’เหรอคะ”

    ไม่รอให้เธอได้ปฏิเสธความหวังดี ความหวังดีที่ว่ากลับกลายเป็นความสงสัยเสียก่อน 

    เด็กสาวที่โลดแล่นอยู่ในวงการของกลุ่มคนรวยมาทั้งชีวิตฟังออกได้ไม่ยากว่าในน้ำเสียงหวานจ๋อยนั้นมีความอยากเอาชนะแฝงอยู่ในที 

    และแน่นอนว่าเธอที่ถูกลูบคมถึงที่บ้านเองก็ไม่ยอมง่ายๆ เช่นกัน

    “แล้วเธอเป็นใครล่ะ” 

    รอยยิ้มเย็นชืดถูกงัดออกมาใช้เพื่อรับมือกับสถานการณ์จำพวกนี้โดยเฉพาะ และมุมปากยิ่งกดลึกเป็นรอยยิ้มเยียบเย็นเมื่อเธอได้คำตอบ

    “ถ้าสมัยนี้ก็เรียกว่า… เป็นคนคุยล่ะมั้ง”

    “‘งั้นก็ขอบคุณที่แจ้งให้ทราบและพา’คาจ’กลับมาส่งถึงที่’บ้าน’ของเขานะคะ” 

    เธอผงกหัวรับรู้ ทำทีไม่ใส่ใจพลางก้าวเท้าถอยเข้ามาในบ้านแล้วฉวยโอกาสปิดบานประตูใส่หน้าสาวสวยที่ทำท่าจะต่อล้อต่อเถียงต่อทันที 

    ทิ้งเสื้อโค้ทตัวเก่งของเขาไว้ไม่คิดจะเอาคืนทั้งยังเมินเสียงก้นด่าที่ลอดเข้ามา ตั้งหน้าตั้งตาลากคนตัวหนักเข้าสู่ของนอนของเขา


     

    แอ๊ด! ตุบ!

    เจ้าของบ้านพ่วงด้วยตำแหน่งผู้ปล่อยเช่าเหวี่ยงตัวเมนในดวงใจของตนเองลงบนเตียงทิ้งอย่างไม่ใยดี 

    เด็กสาวทั้งรู้สึกหงุดหงิดและหึงหวง

    จนหลังพักหายใจเข้าออกให้อารมณ์เย็นลงบ้าง เธอจึงทิ้งตัวลงนั่งข้างร่างสูงที่นอนตะแคงไม่ได้สติ มือบางยื่นออกไปตีแก้มอีกคนเบาๆ พยายามปลุกให้ตื่น

    ใช้เวลานานไม่นานนัก เปลือกตาสีอ่อนเริ่มมีปฏิกิริยากระพริบเปิด ดวงตาของเขาค่อนข้างเลื่อนลอยและหยาดเยิ้ม คงเพราะเหล้ายังออกฤทธิ์อยู่

    “คาคุโจมองเห็นฉันไหม… อยากจะอ้วกรึเปล่า” 

    เธอเอียงหน้าให้อยู่ในองศาเดียวกับเขา มือที่ไม่ได้ค้ำเบาะเตียงไว้ขณะโน้มตัวลงโบกช้าๆ ตรวจดูการรับรู้ของคนเมา นึกไม่ถึงว่าคนเมาจะดีดตัวลุกขึ้นนั่ง ไม่แม้แต่จะตอบคำถามของเธอ

    “เธอ… ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ได้”

    “นายเช่าบ้านฉันไว้ซุกหัวนอนไง… ถึงจริงๆ ฉันจะอยากให้นายมาอยู่ด้วยอยู่แล้วก็เถอะ” เธอต่อท้ายประโยคยาวกว่าที่ควรจะพูด อาจเพราะเขากำลังมึนเมา เด็กสาวจึงกล้าเปิดเผยความรู้สึกนึกคิด

    หรือไม่ก็อาจจะเพราะเหตุการณ์ที่เพิ่งได้พบกับคนคุยของเขามาเมื่อกี้นี้ที่ทำให้เธอรู้สึกว่าตนควรจะลงมือทำอะไรสักอย่าง

    “แต่เธอไม่ได้ชอบฉันนี่… เธอเมินฉันตลอดเลย”

    น้ำเสียงตัดพ้อสะท้อนก้องอยู่ในหัวของคนที่ถูกหาว่าเมิน เธอนิ่งไปพยายามทบทวนว่าที่ผ่านมาตนเคยเมินเขาอย่างที่โดนกล่าวหาหรือไม่

    พวกเขาทั้งอยู่บ้านเดียวกัน ทั้งกินข้าวด้วยกัน แถมบางทียังมีดูข่าวในทีวีด้วยกันอีกต่างหาก

    “แล้วฉันไปเมินนายตอนไหนกัน”

    “ตอนที่เป็นนุย… เธอให้ความสำคัญกับฉันมากกว่านี้” เขากล่าวพร้อมกับยื่นมือออกมาขยำปลายเสื้อของเธอไว้ ท่าทางดูอดกลั้นเหลือหลาย

    “ตอนนี้ฉันก็ยังให้! นายต่างหากที่ไปมีคนคุย… ผู้หญิงคนเมื่อกี้มันอะไรกัน?!”

    “ฉันควรจะคบหาดูใจกับใครบ้าง เผื่อความรู้สึกอัดอั้นในอกจะได้คลายลงไปบ้าง”

     ริมฝีปากบางเฉียบของเขาเม้มเข้าหากันหลังพูดจบ ใบหน้าเรียวคมเบือนหนีคล้ายไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับเธออีก

    ความเงียบก่อตัวขึ้นภายในห้องกว้างสีทึบ และแล้วเด็กสาวจึงตัดสินใจกระชากคอเสื้อเชิ้ตสีดำสนิทที่คาคุโจชอบใส่และกำลังใส่อยู่เข้าหาตัว ใช้ประโยชน์จากการลงมือทีเผลอ พุ่งตัวคร่อมตักอีกฝ่ายแล้วประกบปิดปากคนเมาทันที

    มือหนาพยายามดันออกทว่าก็ผลักไสอยู่ได้ไม่นานนัก เขาก็จำต้องยอมต่อความดื้อเพ่งของเธอ เปลี่ยนมาขย้ำบั้นท้ายและเอวคอดเพื่อระบายอารมณ์แทน

    เสียงน้ำลายเหนอะหนะและเสียงหอบหายใจดังสะท้อนไปทั่วห้อง เด็กสาวยังคงรุกเร้าคนตรงหน้าไม่หยุดหย่อน เข่าทั้งสองข้างที่คอยค้ำเบาะหนาไว้ยิ่งกดลึกเมื่อปลายเท้าจิกส่งร่างของเธอขึ้นให้อยู่เหนือกว่า

    เส้นผมนุ่มลื่นหล่นละต้นคอของชายหนุ่มที่กำลังเคลิบเคลิ้มไปกับฤทธิ์แอลกอฮอล์และพิษสวาท เผลอให้ความร่วมมือร่างบางบนตักด้วยการรวบผมเธอขึ้นสูงก่อนจะวางปัดไว้ที่ไหล่ข้างซ้ายของเธอ แล้วจึงค่อยได้สติเมื่อแก่นกายเริ่มตั้งชัน

    “หยุด… ก่อน”

    เธอผละถอยหลังออกมาเล็กน้อยหลังได้ยินเสียงห้ามปราม ขณะหย่อยตัวลงหมายจะนั่งลงบนตักของเขา เธอกลับสัมผัสโดนสาเหตุที่ทำให้คาคุโจเอ่ยขัดจังหวะ

    ด้วยความที่ยังคงไม่สบอารมณ์จากเรื่องเกี่ยวกับคนคุยของเขา เธอจึงปฏิบัติตัวดั่งสุภาษิตโบราณที่ว่า’ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ’ บดบั้นท้ายลงบนเป้ากางเกงของเขาทันที

    ดวงตาสีเข้มประกายวาบท้าทายชายหนุ่มที่พยายามจะขัดขืน 

    “ฉันเป็นคนซื้อนายมาไว้แท้ๆ คาคุโจ ฮิตโตะ” สองมือจับหมับเข้าที่ไหล่แกร่ง ใช้ความได้เปรียบจากตำแหน่งที่ตนอยู่และสติสัมปชัญญะของอีกคนที่ไม่ค่อยจะมี ดันร่างกำยำลงไปนอนแนบติดกับพื้นเตียง

    “ถ้าอยากจะไปมีเจ้าของคนใหม่นัก นายจะต้องตอบแทนเจ้าของคนแรกอย่างฉันก่อน”

    cut scene /tbc. via readAwrite

    fin.

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×