NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [OS Tokyo Revengers] นุยน้อยของคุณแม่มือใหม่

    ลำดับตอนที่ #1 : (20+) Haitani Ran's Mont Blanc

    • อัปเดตล่าสุด 29 มิ.ย. 66


    Content & Trigger Warning ;

    explicit sex scene, unsafe sex
    food play, dominance

     

    Haitani Ran's Mont Blanc ‣

    หม่ามี๊มองบลังค์ของพี่รัน

     

    แชะ! แชะ!

    เสียงกดชัตเตอร์น่ารำคาญดังเข้าโสตประสาทของนุยตัวน้อยเจ้าของรอยยิ้มแป้น ตรงกันข้ามกันกับคิ้วผ้าจิ๋วที่ขมวดลง สร้างใบหน้าทะเล้นให้แก่ไฮทานิ รันได้เป็นอย่างดี เปียผ้าบางๆ สีดำตัดสลับเหลืองถูกมือบางจับจัดทรงอีกรอบ เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่อาจนับได้

    หาก'รัน'สามารถเปิดปากพูด เขาอยากจะตะโกนอัดหน้าซื่อๆ นั้นให้ขวัญผวาเสียสักทีสองที ข้อหารบกวนเวลานอนอันแสนมีค่า และหากใบหน้าที่ถูกถักทอขึ้นจากเส้นด้ายสามารถขยับได้ดั่งใจนึก เขาอยากจะทำหน้ายักษ์แยกเขี้ยวใส่'หม่ามี๊'ตัวดี คนที่ซื้อเขามา'เลี้ยง'ในราคาไม่กี่บาท

    ในราคาไม่กี่บาท!!

    ชายหนุ่มผู้มีความฝันที่อยากจะโด่งดั่งไปทั่วโลกไม่พอใจเป็นอย่างมากกับข้อเท็จจริงนี้ และเขายิ่งไม่พอใจมากขึ้นเมื่อตนได้กลายเป็นตุ๊กตาขนาดสิบเซนติเมตร หรือที่คนตรงหน้าเรียกว่า'นุย'ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!

     

    "นี่ ฉันซื้อหนูรินโดมาให้ด้วยล่ะ คราวนี้พี่รันไม่ต้องเหงาแล้วเนอะ"

    รันตั้งสติหลังปล่อยให้เด็กสาวถ่ายรูปจนพอใจ ไม่คาดคิดว่าจู่ๆ เธอจะหยิบตุ๊กตาขนาดเท่าเขาขึ้นมาอีกตัว

    ดวงตาผ้านิ่งมองนุยหน้าตาคลับคล้ายน้องชายของเขา เพ่งอยู่สักพักก็ไม่สามารถรับรู้ได้ถึงจิตสำนึกของรินโดเลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มจึงได้แต่ปลงตก มองตามการกระทำของคนที่อ้างตนว่าเป็นหม่ามี๊ วางเจ้ารินโดปลอมลงข้างเขาแหมะ

    ในหัวนึกย้อนถึงการพบกันครั้งแรกของเขากับเธอ สิ่งที่เห็นเป็นอย่างแรกในตอนนั้นคือใบหน้าตื่นเต้นของเด็กสาวตรงหน้า สภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย และข้อจำกัดของการเป็นตุ๊กตา

    ชายหนุ่มจำได้เพียงแค่ว่าตัวเองทำกิจวัตรประจำวันแล้วกำลังจะเข้านอนตามปกติหลังเพิ่งเจรจาจบข้อตกลงเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของบงเท็น

    จากนั้นเกิดอะไรขึ้นเขาไม่อาจทราบได้ ทั้งความเป็นไปของน้องชาย สมาชิกคนอื่น หรือแม้กระทั่งฝั่งศัตรู สิ่งสำคัญที่รู้เพิ่มเพียงอย่างเดียวคือในโลกใบนี้ เรื่องราวของพวกเขาถูกเขียนขึ้นเป็นมังงะชื่อดัง"โตเกียวรีเวนเจอร์"

    เรื่องราวอื่นๆ ไฮทานิ รันผู้แสนขี้เกียจไม่ค่อยให้ความสนใจเท่าไหร่ เว้นเสียแต่ความรู้สึกหนึ่งที่ค่อยๆ พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามกาลเวลา

    ความรู้สึกหงุดหงิด

    ชีวิตชายหนุ่มไม่เคยใฝ่ฝันถึงอะไรไปมากกว่าการนอนและโด่งดัง ทว่าการที่ต้องเข้ามาสิงร่างตุ๊กตาตัวเล็กนี้กลับไม่ช่วยให้เขาได้นอนหลับสบายอย่างที่เฝ้าฝัน ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องชื่อเสียงหรือความโด่งดังอะไรนั้น

    ‘เหอะ! ยัยบ้านี่จับฉันแต่งตัวประหลาดๆ แล้วพาออกข้างนอกเสมอ!!’

    ช่วงแรกที่เจอกันยังไม่มีอะไรให้น่าหงุดหงิดนอกเหนือจากสรรพนามแปลกๆ ที่อีกฝ่ายใช้เรียกอย่าง'พี่รัน'กับ'หม่ามี๊' และเพราะเขาไม่สามารถโต้ตอบอะไรได้ ไฮทานิ รันผู้โด่งดังจึงทำได้เพียงแค่จำยอมเท่านั้น

     

    วันต่อๆ มา ถึงจะน่าหงุดหงิด(อีกแล้ว)ที่ไม่ค่อยได้นอน ทว่าการที่เด็กสาวมักจะพาเขาออกไปเที่ยวบ่อยๆ ก็เป็นการให้อภัยกันได้ สถานที่แปลกตามากมายค่อนข้างถูกใจชายผู้เติบโตในย่านสถานบันเทิง ลดอาการไม่สบอารมณ์(ของคนเริ่มแก่)ลงไปได้พอสมควรจวบจนอาทิตย์ถัดมา หม่ามี๊ที่เขาไม่ยอมรับให้เป็นแม่คนที่สองเริ่มอมยิ้มประหลาด จ้องหน้าจอโทรศัพท์สลับกับมองเขา

    ท้ายที่สุดพฤติกรรมสุดแสนจะมีพิรุธก็ได้ถูกเฉลยเมื่อมือนุ่มนิ่มจับเขาพลิกไปมาแล้วใส่หมวกฟักทองตลกๆ ให้ ปากงึมงำงุ้ยเง้อน้ำเสียงควรจะเต็มไปด้วยความเอ็นดูหากเขาไม่ทันสังเกตเห็นดวงตากลมโตที่กำลังหยียิ้มขบขันไปด้วย!

    นับจากนั้นเป็นต้นมา ไฮทานิ รันไม่เคยสนุกกับการออกไปเที่ยวข้างนอกด้วยแฟชั่นอันน่าหัวร่อพวกนี้อีกเลย และนับจากวันนั้นเป็นต้นมา วันเดือนธรรมดาเรียงเปลี่ยนเป็นเลขแสนคุ้นเคย

     

    ในที่สุดวันเกิดแรกของชายหนุ่มที่มีเธอก็มาถึง

    "สุขสันต์วันเกิดนะพี่รัน!" เสียงใสดังเจื้อยแจ้ว ท่าทางดูมีความสุขอย่างกับเป็นวันพิเศษของตัวเอง

    แม้เจ้าของวันเกิดจะไม่สามารถแสดงท่าทีใดออกไปได้นอกจากนิ่งเป็นตุ๊กตาผ้า จิตสำนึกข้างในแสนประหลาดใจที่เด็กสาวให้ความสำคัญกับเรื่องของเขามากขนาดนี้

    นุยไฮทานิ รันมองของขวัญวันเกิดตรงหน้า มองบลังค์ของโปรดของเขา

    ‘เอามายั่วกันรึไงวะ! เห็นๆ กันอยู่ว่าฉันเป็นตุ๊กตาแล้วจะให้กินยังไงอ้ากกก?!!’

    ผ้าสีม่วงตัดดำทรงกลมอันเป็นดวงตาจำต้องดูหม่ามี๊ตักมองบลังค์จ่อปากเขาแล้วเคลื่อนเข้าปากตน กินของโปรดเจ้าของวันเกิดเสียเอง

    ชายหนุ่มปรอทแตกระเบิดความหงุดหงิด น้ำตาแทบไหลเป็นสายเลือด อย่างน้อยเธอก็ควรหันเขาไปทางอื่น ไม่ใช่บังคับให้มองภาพบาดตาบาดใจเช่นนี้

    อย่างน้อยยังดีที่ช่วงเวลาทรมาณนานแสนนานนั้นในที่สุดก็ผ่านพ้นไป

     

    เป็นเวลาเกือบปีแล้วหลังเขาได้มาอยู่กับหม่ามี๊จอมปลอม น่าแปลกว่ายิ่งเวลาค่อยไหลผ่าน ฤดูกาลคล้อยไหลเปลี่ยน ความหงุดหงิดและรำคาญบางอย่างเริ่มหายไป แทนที่ด้วยความรู้สึกอุ่นวาบภายในอก

    ‘ฉันคงเป็นบ้าที่รู้สึกแบบนี้ทั้งๆ ที่ร่างกายทำจากผ้าและปุยนุ่น’

    การออกไปเที่ยวทุกครั้งสร้างความสุนทรีย์ให้มากกว่าแต่ก่อน(นิดหน่อย) อาจเป็นเพราะเธอพาตุ๊กตาที่หน้าเหมือนน้องชายเขาไปด้วยทุกที่เช่นเดียวกัน

    ความใส่ใจที่เด็กสาวมีให้ นอกจากจะมันเขี้ยวเล็กน้อยแล้วเขากลับเริ่มรู้สึกชมชอบ มองบลังค์ทุกชิ้นที่เจ้าตัวเก็บเงินซื้อให้ยังคงฝังแน่น(แค้น)อยู่ในใจ

    ใจหนึ่งรอเอาคืน อีกใจหนึ่งหวานล้ำ ถูกอกถูกใจกับการที่เธอเอามา'ถวาย'

    บางครั้งเขาได้โอกาสแอบดูภาพถ่ายที่เด็กสาวมักถ่ายเก็บและข้อความบรรยายรูปเล็กน้อย ตลกเสมอที่ได้เห็นตัวเขาในมุมมองของเธอ

    ‘ฉันคงเป็นตาแก่ สนามอารมณ์ของทุกคนสินะ…’

    ความรู้สึกตอนนี้หลงเหลือเพียงความปลงตก จำเป็นต้องทำความเข้าใจว่าผู้อ่านเรื่องราวของเขาไม่ได้ตีความลักษณะนิสัยเขาถี่ถ้วนและถูกต้องขนาดนั้น เรื่องราวของโตเกียวรีเวนเจอร์ เขาไม่ได้เป็นตัวเอกที่ผู้แต่งจะบรรจงสร้างเขาขึ้นมา

    ไฮทานิ รันไม่มีความเสียใจตรงจุดนี้ กลับกันเขายินดีเสียอีกที่ช่องว่างเหล่านั้นช่วยพิสูจน์ว่า'ไฮทานิ รัน'มีตัวตนและนิสัยจริงๆ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นมาเท่านั้น

     

    หลังชายหนุ่มปล่อยวางในหลายๆ เรื่องอันน่าเหลือเชื่อได้ วันนี้เป็นอีกวันที่เขานอนเอกเขนกรอหม่ามี๊กลับมาจากข้างนอก

    ไม่นานนักหูผ้าที่ไม่แม้แต่จะใส่รายละเอียดให้ก็ได้ยินเสียงหมุนลูกบิดประตูอันแสนคุ้นเคย รออยู่สักพักร่างคุ้นตาจึงปรากฎสู่เส้นสายตา

    "พี่รัน มี๊ทำหนูรินหาย... " น้ำเสียงใสเอ่ยแผ่วเบา

    น่าแปลกที่เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกผิดเต็มเปี่ยม ดวงตาสีเข้มตรงหน้ารื้นน้ำใส ทำท่าจะร้องไห้อยู่ร่อมร่อ ราวกับว่าเป็นเธอเองที่ทำพี่น้องตัวเองหาย

    หากไม่ใช่เพราะว่าตนอยู่ในร่างนุยจิ๋ว ป่านนี้เขาคงสะบัดหน้าใส่คนขี้แยแรงๆ ครั้งหนึ่ง ตามด้วยการต่อว่า เอาไม่ให้อีกคนกล้าทำตัวอ่อนไหว

    ‘...ก็แค่ตุ๊กตาน้องชายฉัน เธอจะเสียใจที่ทำหายขนาดนั้นทำไม’

    บรรยากาศในห้องหม่นหมอง หน้าต่างที่แสงแดดเคยสาดส่องเข้ามาอึมครึม เป็นสัญญาณของพายุฝน ตลกร้ายที่แม้แต่ฟ้าอากาศก็ยังซ้ำเติมเธอ ไม่มีใครเข้าใจเด็กสาวมากพอที่จะมาสงสารให้กับแค่เรื่องที่ตุ๊กตาตัวหนึ่งหาย

     

    เสียงฝนยังคงดังกระทบกระจกห้องที่เขาอาศัยอยู่มาร่วมปี

    นุยตัวน้อยตั้งโดดเดี่ยวท่ามกลางผ้าปูที่นอนผืนหนา หลังจากวันนั้นผ่านมาสองสามวัน เจ้าของห้องมักจะกลับมาช้ากว่าแต่ก่อน แม้จะเป็นห่วงแค่ไหน ชายในร่างตุ๊กตาอันไร้ประโยชน์ทำได้เพียงรอให้เวลาไหลเอื่อย ภาวนาให้วันนี้เธอรีบกลับมาสักที

    ทว่ายิ่งนานเข้า คำขอก็ยังไม่สมหวัง บรรยากาศรอบตัวก้อนผ้ายิ่งทะมึนตึง

    ถ้าเขาเปลี่ยนเป็นคนได้ ไฮทานิ รันผู้เปี่ยมไปด้วยความเป็นพี่ พร้อมที่จะแปลงร่างสั่งสอนยัยเด็กตัวดีที่กล้าเรียกตัวเองว่า'หม่ามี๊'ทั้งๆ ที่เจ้าตัวไม่เคยจะสนใจดูแลตนเอง

    คำสั่งสอนในหัวยังไม่ทันได้เรียบเรียงถึงครึ่งหน้ากระดาษ เสียงไขกุญแจดังขัดความคิด บานประตูเนื้อดีเปิดออกพร้อมเสียงรายงาน "...กลับมาแล้ว" หม่ามี๊ที่เพิ่งโดนต่อว่าไปหยกๆ เอ่ยขึ้นอย่างที่ทำเป็นประจำ

    เขาจ้องรอร่างเล็กถอดรองเท้า จัดเก็บกระเป๋าสะพายเข้าที่เรียบร้อย แล้วเดินสะโหลสะเหลมายังเตียงนอนที่ตัวเขาถูกวางตั้งไว้ พินิจสภาพอีกฝ่าย เดาได้ไม่ยากว่าคงเพิ่งตากฝนมาหลังจากทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านขนมหวานเสร็จ

    เรือนผมสีเข้มลู่ลงเช่นเดียวกับหยดน้ำเย็นเยียบที่ไหลไปตามกรอบหน้า ใต้ตาคล้ำจากการอดนอนและความเศร้าซึม อยากแจกมะเหงกให้แก่คนที่ยังไม่ปล่อยวางเรื่องที่ทำตุ๊กตาน้องชายเขาหาย ถึงจะอยู่แค่ในห้อง แต่รันก็มองออกว่าอีกคนมักเอาเวลาว่างไปตามหานุยรินโด

    นับตั้งแต่วันนั้น คนตรงหน้าก็ไม่เคยพาเขาออกข้างนอกอีกเลย ความกังวลที่ฉายชัดเต็มดวงตาซื่อๆ นั้นบอกแทนความในใจเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี

    เธอกลัวจะทำเขาหายไปด้วยอีกคน

     

    มองบลังค์ชิ้นโตยกมาวางไว้ตรงหน้าเขาพอเป็นพิธี ปากจิ้มลิ้มเอ่ยขอโทษที่ยังหาเจ้ารินโดปลอมไม่เจอ และมองบลังค์ตรงหน้าเป็นขนมขอโทษอีกชิ้นที่เธอเอามาถวาย ผ้าสีโอรสทรงถ้วยหงายที่ถูกด้ายถักให้อ้ายิ้มกว้างอยากจะขยับพูดเหลือเกินว่าเขาไม่ได้ใส่ใจหรือโกรธเลยแม้แต่น้อย

    ไฮทานิ รันเบื่อที่ต้องมองมองบลังค์ชิ้นแล้วชิ้นเล่าถูกถวายให้ แล้วสุดท้ายก็ลงท้องยัยหม่ามี๊ตัวแสบหมดต่างหาก!

    ‘แล้วนี่อะไร เลิกอาลัยอาวรณ์แล้วไปอาบน้ำเข้านอนสิโว้ย!’ ทว่าโวยวายไปก็เท่านั้น ความรู้สึกเขาไม่เคยไปถึงเธอ

    เมื่อผ่านมรสุมลงแดงอยากกินมองบลังค์มาได้ หลังรอเด็กสาวทำกิจวัตรส่วนตัวเสร็จเรียบร้อย จัดแจงเขาไว้ข้างหมอนหนุนเตรียมเข้านอน เขาจึงค่อยวางใจ ไม่คาดคิดว่าต่อให้คืนนี้ตนจะตั้งจิตสงบข่มใจพยายามนอนหลับ ไฮทานิผู้คลั่งไคล้การนอนกลับนอนไม่หลับ เขาได้แต่ปล่อยให้เวลาไหลผ่าน โดยข้างกายมีเจ้าเด็กที่กล้าตั้งตนว่าเป็นหม่ามี๊คนเดิม เพิ่มเติมคืออีกฝ่ายดูกระสับกระส่ายทรมานแปลกๆ

    สุดท้ายเขาจำต้องประมาณเวลาหลังกึ่งหลับกึ่งตื่นตลอดทั้งคืน

     

    อดทนอยู่ร่วมหลายชั่วโมง หากกะถูกต้อง ตามปกติแล้วอีกคนจะต้องลุกขึ้นเตรียมตัวเริ่มวันใหม่ได้แล้ว ทว่าเสียงฝนและฟ้าร้อง รวมเข้ากับบรรยากาศมืดครึ้ม ชายหนุ่มไม่แน่ใจเลยว่าเวลาผ่านไปจนเข้าสู่เช้าวันใหม่แล้วหรือยัง

    ครั้นจะพลิกตัวดูก็ทำไม่ได้ ร่างกายผ้าน่ารำคาญสิ้นดี ระยะสายตาในตอนนี้ทำให้มองเห็นเพียงแค่เพดานสีอ่อนไร้โคมไฟประดับ เขาเหลือทางเลือกเดียวคือรอคอยอย่างใจเย็น

    รอแล้วรออีก หม่ามี๊ที่ควรจะลุกมาทำหน้าที่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นสักที

    ดวงใจที่ไม่ได้ถูกใส่มาด้วยยามเข้าสิงร่างผ้ายัดนุ่นเต้นระส่ำระส่าย เขากังวัลกลัวว่าเด็กสาวข้างกายจะเป็นอะไรไป เจ้าตัวเล่นตากฝนไม่พักมาหลายวัน ประสบการณ์บอกเขาว่าเธอคงไม่สบาย และประสบการณ์บอกเขาว่าเธอไม่มีเพื่อนหรือครอบครัวที่อยู่ใกล้เคียงพอจะมาดูแลได้

    ไฮทานิ รันอ้อนวอนเป็นครั้งแรก ร้องขอให้เขาได้มีโอกาสเป็นฝ่ายดูแลหม่ามี๊จอมปลอมคนนี้บ้าง

    ชายหนุ่มหวังเพียงปาฏิหาริย์จะเป็นจริง แล้วทุกอย่างก็ดับวูบไป

     

    แปะ!

    สัมผัสเย็นฉ่ำที่วางแหมะลงบนแก้มเรียกสติอันเลืองรางของเด็กสาวให้ยกมือขึ้นปัดออกตามสัญชาตญาณ หัวพยายามยกพลิกหนีไปอีกทาง

    "อยู่นิ่งๆ สิ"

    เสียงทุ้มนุ่มปนรำคาญเอ่ยดุทันควัน กระตุกหัวใจอ่อนล้าของคนป่วย ทำให้เจ้าตัวต้องฝืนลืมตาหนักอึ้ง มองเจ้าของเสียงแปลกปลอมตรงหน้าทั้งๆ ที่เธอควรจะเป็นผู้อยู่อาศัยเพียงคนเดียวภายในห้อง

    หลังกระพริบเปลือกตาถี่ไล่จอฝ้า ใบหน้าหล่อสวยถึงค่อยฉายชัด เธอสบเข้ากับดวงตาสีม่วงไวโอเลตที่แฝงไปด้วยความหงุดหงิดแสนเย่อหยิ่งอันเข้ากันได้ดีกับผมปล่อยยาวสีเหลืองสลับดำ แม้จะยังงุนงนด้วยพิษไข้แต่ก็เรียกความทรงจำให้เธอได้ทันทีว่าคนตรงหน้าคือใคร

    "ไฮทานิ รันตัวเป็นๆ..?!"

    "ก็เออสิ... อ้าวเห้ยยัยเด็ก! จะสลบทำไมเนี่ย?!!!" ไฮทานิ รันตัวเป็นๆ ที่ว่าพลันไม่เข้าใจ ทั้งๆ ที่เด็กสาวทั้งรักทั้งหลงและเคารพเขาในร่างตุ๊กตาเสียปานนั้น เหตุใดพอเจอตัวจริงเข้า ถึงขั้นช็อกสลบ

    ชายหนุ่มพรูลมหายใจออกช้าๆ ตรวจดูว่าคนตรงหน้าเป็นอะไรมากหรือไม่ เมื่อแน่ใจแล้วว่าเธอแค่หมดสติเพราะตกใจเกินไป สองมือตัดสินใจจับหมับเข้าที่ไหล่บาง แล้วเขย่าปลุกเบาๆ

     

    พี่รันตัวเป็นๆ!

    ข้อเท็จจริงแล่นเข้าสู่สมองทันทีที่เด็กสาวได้สติอีกรอบ จากที่ร้อนเพราะพิษไข้อยู่แล้ว สองแก้มยิ่งเห่อร้อนเอามากกว่าเดิม มือไม้อ่อนแรงเร่งจับผ้าห่มขึ้นคลุมโปงอย่างทุลักทุเล ดวงตาเบิกโพลง ไม่รู้ว่าต้องทำตัวอย่างไรต่อไป

    "เดี๋ยวก็หายใจไม่ออกหรอก"

    "หายใจออ..." ไม่ทันได้เถียงจบ แรงกระชากจากคนตัวโตกว่าส่งผลให้ตัวเธอที่กอดผ้าผืนใหญ่ไว้แน่นลอยหวือ เรียกเสียงไอโขลกจากการสำลักเพราะความตกใจได้เป็นอย่างดี ร้อนรันที่คิดไม่ถึง ต้องยื่นมือออกมาลูบหลังให้เบาๆ รอจนเธอหาย จึงดันให้นอนลงตามเดิม

    เมื่อแน่ใจแล้วว่าคนป่วยจะไม่เป็นอะไรเพิ่ม บรรยากาศระหว่างทั้งสองเริ่มกระอักกระอ่วนขึ้นมาอีกครั้ง

    ชายหนุ่มอมยิ้มมองคางเล็กเชิดหนีไปอีกทาง หม่ามี๊ตัวดีไม่ยอมหันมาสบตาเขาเลยแม้แต่น้อย นิ้วเรียวม้วนปอยผมตัวเองเล่น นอกจากความคิดที่ว่าตนยังไม่ทันได้เปลี่ยนทรงผมหลังตกลงเข้าบงเท็น ตอนนี้พื้นที่สมองส่วนใหญ่ถูกกลืนไปด้วยแผนการกลั่นแกล้งคนตรงหน้า

    จมูกพ่นลมหายใจ มือหนาคว้าแผ่นเจลลดไข้ แปะเข้าที่หน้าผากอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว รอยยิ้มจริงใจถูกคลี่ออก เอ็นดูหม่ามี๊ที่ทำตัวไม่ถูก เอาแต่อ้าปากพะงาบๆ เหมือนต้องการจะพูดอะไรสักอย่าง ท่าทีเช่นนั้นทำให้เขาชิงเอ่ยความต้องการของตนเองก่อน

    "ฉันจะออกไปข้างนอก" รันยืดตัวลุก ไม่อยากจะอธิบายอะไรเพิ่มเติมว่าตนขี้เกียจรับมือกับคำถามในหัวของหม่ามี๊ที่เขาเองก็ไม่รู้คำตอบ จึงถือโอกาสนี้ออกไปเก็บข้อมูลเกี่ยวกับโลกใบใหม่เพิ่ม ไม่คาดคิดว่าเสียงสวบสาบจะดังตามขึ้นทันทีที่เขาหันหลังให้ คิ้วขมวดเมื่อสัมผัสได้ถึงแรงดึงบริเวณชายเสื้อ ชายหนุ่มตัดสินใจหันหลังกลับ ผงะกับน้ำตาสีใสที่เอ่อล้นของคนตัวเล็ก

    ดวงตาสีไวโอเลตวูบไหวจดจ้องปากบางที่งอคว่ำเป็นรูปสามเหลี่ยม เธอยังคงไม่ยอมปริปากพูดอะไรทั้งๆ ที่การกระทำสื่อออกมาชัดเจนขนาดนี้แล้ว

    อีกครั้ง ร่างสูงนั่งลงปลายเตียง ค่อยแกะมือสั่นๆ นั้นออกแล้วสอบถามความต้องการของหม่ามี๊คนดี

    "ร้องไห้ทำไม ไม่บอกแล้วฉันจะรู้เหรอ"

    "...นุยรันหายไปไหน"

    ไฮทานิ รันยอมรับว่าตนไม่ได้หวังคำตอบสวยหรูให้ชุ่มชื่นหัวใจ ทว่าคำตอบที่ทุบอีโก้ของเขา เขาก็ไม่ต้องการเช่นกัน

    ‘ยัยเด็กนี่ถามถึงนุยรันทั้งๆ ที่มีฉันตัวจริงอยู่ตรงหน้าแล้วเนี่ยนะ?!’

    เลือดขึ้นหน้าเป็นคำอธิบายที่ดีต่อสถานการณ์ในตอนนี้ของหนุ่มหน้าสวยที่ปรอทความหงุดหงิดต่ำ เขา'เอ็นดูจนเลือดขึ้นหน้า'และไวเท่าความคิด สองมือจับหมับเข้าที่แก้มนิ่มแล้วยืดซ้ำๆ ไม่ช้ำไม่พอใจ ยิ่งคนตรงหน้าส่งเสียงอู้อี้ประท้วง เขายิ่งชอบใจ

    สุดท้ายเมื่อสังเกตเห็นคิ้วคนถูกแกล้งเริ่มขมวด คนตัวโตถึงจะยอมหยุด เพิ่งสำนึกได้ว่าตนแกล้งคนป่วย ลำคอกระแอมแก้เก้อเล็กน้อย ทวงถามถึงคำอธิบายที่หม่ามี๊ถามถึงนุยรัน

    "กะ ก็พี่รันจะหายไปเหมือนหนูรินรึเปล่า..."

    "...ไม่หาย" เขาตอบอ้อมแอ้ม สบดวงตาใสซื่อแล้วทำตัวไม่ถูก เพราะทั้งชีวิต ไฮทานิ รันเจนสนามรักสำหรับมืออาชีพเท่านั้น เขาไม่เคยต้องรับมือกับความบริสุทธิ์เช่นนี้

    "นอนพักซะ เดี๋ยวฉันก็กลับมา" ชายหนุ่มเร่งลุกหนี เร่งบอกกล่าวขณะสับเท้าไปยังประตูห้อง ก่อนออกไปไม่วายหันกลับไปเน้นเรื่องสำคัญ ดวงตาคมกริบมองหม่ามี๊ตัวน้อย คาดโทษไว้เป็นที่เรียบร้อย

    "เลิกเรียกฉันว่าพี่รันด้วย ใครเขาเป็นลูกเธอกัน!"

    และแน่นอนว่าคำพูดดุดันพวกนี้ไม่เพียงไม่เบียดไอเดียประหลาดในหัวหม่ามี๊ตัวน้อยแล้ว ยังลอยเข้าหูซ้ายทะลุออกหูขวาอีกต่างหาก

    ไฮทานิ รันไม่คิดเลยว่าตนจะต้องกลับมานั่งหงุดหงิดอีกรอบ หลังได้ระบายความเครียดจากการออกไปเดินเล่นรับสายตาร้อนแรงในร่างมนุษย์เป็นครั้งแรกในรอบปี

     

    แอร์ในห้องเดี่ยวที่ชายหนุ่มผู้นั่งไขว่ห้างถือวิสาสะเปิดไม่ช่วยให้อารมณ์คุกกรุ่นภายในจิตใจเย็นลงเลยสักนิด กลับกันเสียงเปิดประตูห้องยิ่งกระตุ้นหัวที่ปวดตุบอยู่แล้วเล็กน้อยให้กลายเป็นไมเกรนขึ้นสมอง

    รันยืดตัวกอดอกจ้องคนป่วยที่สะดุ้งตกใจทันทีที่เห็นเขา อยากจะยีหัวตัวเองอีกสักสามสี่รอบที่ตนมีหม่ามี๊ซนใช่เล่น เพราะทั้งๆ ที่ตัวเองป่วย ยัยเด็กตรงหน้ากลับถ่อออกไปข้างนอกหลังจากที่เขาออกไปได้ไม่นาน หากไม่เป็นเพราะเขาเป็นห่วงสุขภาพของคนตัวเล็กจนตัดสินใจรีบกลับมาดูแลก่อน เขาคงไม่รู้ว่าหม่ามี๊ออกจากห้องไปแล้ว

    ไล่ความคิดในหัว สายตาหยุดลงที่ถุงขนมอันแสนคุ้นเคยในมือบาง ถุงขนมที่มักจะใส่มองบลังค์มา

    "นี่ ซื้อมาให้กินด้วยล่ะ"

    เสียงใสเอ่ยเจื้อแจ้วไม่รู้ร้อนรู้หนาว ดวงตาเป็นประกายตื่นเต้น ไม่ต้องเดาให้มากความอีกคนคงอยากจะถวายให้เขา'ตัวเป็นๆ'เต็มแก่

    เป็นอีกครั้งที่ลมหายใจพ่นออกด้วยหลากอารมณ์ปนเป ชายหนุ่มลุกยืนขึ้นเต็มความสูง เดินดิ่งไปยังหม่ามี๊ที่กุลีกุจอยื่นขนมมาให้ เปลือกตาหลุบลงมองแล้วรับขนมไว้ ทว่าเท้ายังคงก้าวขึ้นหน้า รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นเมื่อคนตัวเล็กผงะถอย

    "ไม่กินเองเหมือนทุกครั้งล่ะ" เขาถามหยอกล้อ เปิดฝากล่องใสอย่างคล่องแคล่วพลางยื่นของโปรดตัวเองไปให้

    "หม่ามี๊... ไม่กินเหรอครับ^^" เสียงทุ้มกระซิบต่ำ ใบหน้าโน้มลงรับไอร้อนจางๆ จากคนป่วย นิ้วเรียวปาดเนื้อคลีมเกาลัดขึ้น กึ่งบังคับส่งเข้าปากเด็กสาว นิ้วนางกดริมฝีปากล่างสอดตามเข้าไป แล้วปล่อยนิ้วโป้งนวดคลึงแก้มกลม สองนิ้วเคลื่อนลงน้ำหนักบนลิ้นนิ่มไปมา กวาดคว้านทั่วโพรงปากคนตัวเล็ก ให้มั่นใจว่าเจ้าตัวจะได้รับรสชาติของขนมหวานเต็มที่

    ขายาวงอเข่าตั้งรับร่างอ่อนระทวยที่ทิ้งตัวลงนั่งไว้ได้พอดิบพอดี จมูกโด่งไซร้ทั่วลำคอที่มีกลิ่นกายหอมอ่อนๆ

    เพราะตอนอยู่ในร่างตุ๊กตาเขาถูกจำกัดการรับรู้รสและกลิ่น ถึงจะยอมรับว่าตนเริ่มมีความรู้สึกดีๆ ให้กับหม่ามี๊ตัวน้อย ทว่ามันเทียบไม่ได้เท่าตอนนี้ ณ ตอนที่ตนสามารถรับรู้ตัวตนอีกฝ่ายได้ครบทั้งห้าประการ

    รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส

    ไหล่กว้างดันชิดติดผนัง ส่งให้มือบางที่พยายามปัดป่ายขัดขืนเกาะเกี่ยว ขณะเดียวกันก็ย่นระยะระหว่างคนทั้งสองให้ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น

    มืออีกข้างที่ว่างเลิกเสื้อตัวโคร่งของคนป่วย ทิ้งขนมโปรดในมือลงบนหน้าท้องเนียน ให้ความสนใจกับความวาบหวามยามตนเคลื่อนมือสำรวจไปทั่วร่างอีกฝ่าย ความร้อนจากพิษไข้เหมือนจะยิ่งกระตุ้นเล่นกับความอดทนอันน้อยนิดของชายหนุ่มเจ้าเสน่ห์

    กลิ่นกายกรุ่นคละคลุ้งกลิ่นเกาลัดจากมองบลังค์ที่เขาละเลงไปทั่ว มอมเมาให้ริมฝีปากอ้าออก สะบั้นเส้นความอดทนให้ขาดผึง ถลันจัดการเม้มขบลงบนไหปลาร้าเด็กน้อย เรียกเสียงร้องอุทานผสมเข้ากับเสียงน้ำลายเหนอะหนะให้ยิ่งดังเร้าอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูง นิ้วเรียวยังคงทำหน้าที่ต่อเนื่องไม่ขาดตกบกพร่อง คอยตวัดพริ้วซนไปทั่วปากอิ่ม ฉวยโอกาสปิดปากหม่ามี๊ตัวเล็กไม่ให้ทักท้วงใดๆ ทั้งสิ้น

    ภายใต้สายตาคมกริบของอดีตนักเลงจอมวางแผน ลิ้นร้อนแลบเลียริมฝีปากตน ก่อนลากไล้ลงผ่านหน้าอกขนาดพอดีมือ ไม่หยุดเพียงเท่านั้น แขนแกร่งยังสอดใต้เอวบาง ยกคนไม่มีแรงขึ้นหวือตามใจอยาก แล้วเริ่มลากลิ้นลงต่ำอีกครั้ง สาละวนกวาดครีมเกาลัดบนหน้าท้องเข้าปากตะกละตะกลาม ชอบใจทุกครั้งยามที่อีกฝ่ายสะดุ้งหลุดครางหวาน

    หลังกลั่นแกล้งจนพอใจ ไฮทานิ รันจับร่างเล็กเอนพิงประตูถ่ายน้ำหนัก แขนตั้งฉากคอยค้ำหลังและประคองหัวทุยไว้ไม่ให้หนี เอวหนาสอบติดกับท้องน้อยของอีกฝ่าย นิ้วชักออกจากโพรงปากร้อน เคลื่อนลงไปตวัดเร้ายอดอกอย่างคล่องแคล่ว แล้วถือโอกาสประสานสายตา ควานหาความรู้สึกนึกคิดของหม่ามี๊ตัวน้อยที่พยายามพูดขัดขืน

    น่าเสียดาย เจ้าตัวไม่มีแม้แต่แรงจะโต้ตอบเพราะขุดหลุมฝังตัวเองซนไปซื้อมองบลังค์มาให้เขาทั้งๆ ที่โดนเล่นงานโดยพิษไข้ 'ขุดหลุมฝังตัวเอง'ไม่เคยสนใจสร้างภูมิต้านทานหากโดนเล่นงานโดยพิษสวาท

    รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ประจำตัวคลี่ประดับใบหน้าหล่อสวย สี่ส่วนเต็มไปด้วยความพึงพอใจ หกส่วนที่เหลือเต็มไปด้วยความคลั่งไคล้ ไฮทานิคนโตปล่อยใจทำตามสัญชาตญาณ ปล่อยลำคอส่งเสียงครางต่ำยามโน้มลงประกบริมฝีปาก เรียบง่ายทว่านุ่มนวล ไม่ลุกล้ำเพิ่มเติม 

    อีกทางหนึ่ง มือเลื่อนลงจับสะโพกมน ออกแรงดันร่างเล็กเข้าหาตน ถูไปมากับส่วนล่างที่ขยายพองจนปวดหนึบ จมูกเริ่มไซร้สะเปะสะปะ สติเริ่มขาดหายไม่อยู่กับเนื้อกับตัว รู้สึกตัวอีกครั้งก็เมื่อกางเกงตัวยาวร่นลงกองกับพื้น เหลือเพียงแท่งเอ็นเต้นตุบตับสู้เสียงครางหวานที่หลุดออกจากปากเด็กสาวเมื่อโดนสัมผัสแปลกใหม่รูดไถ

    cut scene /tbc. via readAwrite

    หลายวันผ่านไป รันเริ่มชินกับชีวิตในโลกใบใหม่มากขึ้นเพราะเขาต้องออกไปซื้อยาซื้อข้าวอยู่เป็นประจำ วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ชายหนุ่มคอยอยู่ดูแลคนป่วยที่ใกล้หายแล้วเริ่มซ่า

    "พูดว่าอะไรนะคะ" รันอมยิ้มถามเด็กน้อยที่ก้มหน้างุดซุกผ้าห่มผืนหนา มือหนาวุ่นวายเช็ดตัวให้อีกคน แอบรู้สึกผิดที่ตนแกล้งเธอจนอาการทรุดนอนซมไปอีกสามวัน ผ้าขนหนูผืนเล็กถูตามแขนเรียวอย่างชำนาญ ในขณะที่ปากถามย้ำเอาคำตอบอีกครั้ง

    "ยะ... อยากได้นุยพี่รันคืน"

    "หม่ามี๊ไม่ชอบพี่รันคนนี้เหรอคะ" เขาต่อล้อต่อเถียง ปรับโทนเสียงให้ฟังดูเย้ายวนเล็กน้อย เฝ้าดูปฏิกิริยาขวยเขินจากหม่ามี๊ของเขา พร้อมกับใช้แรงที่มากกว่าเลิกผ้าห่มเปิดหน้าคนขี้เขินให้สบตาคุยกัน แขนแกร่งเท้าคางทำท่าประจำตัว ไหล่สั่นกลั้นขำใบหน้าเห่อแดงที่เหลอหลาสุดขีด

    ให้ตายอย่างไร หม่ามี๊ตัวน้อยของเขาก็ไม่เคยชินกับเสน่ห์ที่ไฮทานิครอบครองเอาไว้ได้เสียที

    "โดนไปขนาดนั้นแล้ว ล้มเลิกการเป็นหม่ามี๊ฉันเถอะ"

    "นี่พี่รันอย่ามาร้ายกาจกับมี๊นะ!!"

    พี่รันที่ว่าหัวเราะไม่สนใจคำขู่แง้วๆ ของคนที่เอาแต่แอบอยู่หลังผ้าห่มผืนหนา มุมปากคลี่เป็นรอยยิ้มเจิดจ้ารอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ตั้งแต่ได้มาอยู่กับเธอ

    เป็นรอยยิ้มของคนมีความรัก

     

    fin.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×