ตอนที่ 22 : จูเทียน
จูเทียน
"จูเทียน..." ร่างของหลิ่งอี้พึมพำเสียงเบา ผู้คนรอบกายนางตื่นตัวกับวิหคชาดจนลืมไปเเล้วว่านางพึ่งผลักซูหลิวหยางเมื่อครู่
ขณะที่ทุกคนกำลังเเตกตื่นกับการไล่ตามวิหคชาด ไม่มีใครเห็นเลยว่าดวงตาของหลิ่งอี้เหลือกขึ้นจนเป็นสีขาว จมูกของนางมีเลือดกำเดาไหลย้อย ร่างของนางกระตุก ก่อนจะล้มลงหมดสติท่ามกลางความวุ่นวายในลานประลอง
ในเวลาเดียวกัน โถงกว้างพรรคมาร มหามารดาที่นั่งนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนบัลลังก์ก็เบิกตาโพลง นางหอบหายใจถี่ วิชาหุ่นกระบอกของนางยังยอดเยี่ยมเช่นเดิม เเละยังกินพลังมากเหมือนเดิมเช่นกัน
"จูเทียน... จูเทียน..." สายตานางกลับกลอก ใบหน้าบ่งบอกความร้อนรนจากสิ่งที่เห็นผ่านดวงตาของหลิ่งอี้
ภาพจากดวงตาของหลิ่งอี้คล้ายซ้อนทับกับภาพความทรงจำของหญิงชุดเเดง วิหคชาดโฉบเฉี่ยวกลางเวหา เพียงเเค่มองก็รู้สึกถึงดวงไฟที่ร้อนระอุ ในอดีต บนหลังนกตัวนั้นเคยมีชายที่น่าเกรงขามคนหนึ่งยืนอยู่
วิหคชาดเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์พรรคมารที่อยู่ข้างกายประมุข มีมันอยู่ ก็เสมือนมีประมุขอยู่ หลายปีก่อนนางต้องใช้กำลังคนของนางเกินครึ่งหนึ่งเพื่อฆ่ามันเพียงครั้งเดียวเเละผนึกมันไว้ด้วยวิธีของมารพิษ คนของฝั่งประมุขจึงยอมสยบต่อนาง เเต่หากวิหคชาดกลับมาโผบินในพรรคมารอีกครั้ง ... บัลลังก์ที่นางนั่งอยู่อาจไม่ใช่ของนางอีกต่อไป
ข้าทำทุกอย่าง ทำทุกหนทาง ทั้งส่งสายลับเข้าพรรคธรรม ทั้งปูทางประมุขให้หานเฟิง สิ่งที่ข้าทำทั้งหมดก็เพื่อให้อำนาจมั่นคง เเต่หากจูเทียนกลับมาพรรคมาร ทุกอย่างจะพังทลาย ทุกสิ่งที่ข้าทำจะสูญเปล่า
หญิงชุดเเดงนั่งกุมขมับ ระหว่างนั้นเองที่ลำเเสงยันต์เคลื่อนย้ายปรากฏกลางห้องโถง ตี้หม่าปรากฏตัวเมื่อเเสงหายไป ใบหน้าของชายวัยกลางคนไม่เเตกต่างจากหญิงชุดเเดง มันเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
"มหามารดา... วิหคชาดตนนั้น... คงไม่ใช่จูเทียนหรอกกระมัง"
"เป็นจูเทียน" เสียงของมหามารดาเย็นวาบ นางตอบกลับในทันที มือขวาของประมุขพรรคมาร ข้าตายอีกกี่ชาติก็ไม่มีทางมองผิด
"จูเทียนคืนชีพ... ไม่ใช่ว่าท่านผนึกเขาไว้เเล้วหรือ" ตี้หม่าเอ่ยเสียงสั่นเครือ นั่นก็เป็นสิ่งที่มหามารดาสงสัย นางมอบวิหคชาดตัวนั้นให้มารพิษผนึกไว้ หรือมันเกิดอะไรขึ้นกับมารพิษกันเเน่ ?
"เเล้วเราจะทำอย่างไรดีขอรับ" สมุนพรรคมารเอ่ยถาม
ตี้หม่าไม่เคยเห็นใบหน้าที่เเท้จริงของจูเทียนมาก่อน เพียงเเต่เคยได้ยินว่ากำลังพลของมหามารดาสูญเสียไปมากมายหลังศึกเด็ดปีกจูเทียนเเละสยบขุมกำลังของประมุขคนก่อน เท่าที่สมุนพรรคมารคิดได้หากจูเทียนกลับมาทวงอำนาจ พรรคมารจะเเตกเป็นสอง ฝั่งหนึ่งคือมหามารดา อีกฝั่งคือพวกหัวเก่าที่รอการกลับมาของประมุขพรรคที่หายตัวไป ผู้ที่ภักดีต่อมหามารดาจะลดลง เเละนางจะไม่สามารถนั่งบนบัลลังก์ประมุขโดยไม่มีใครค้านได้อีก
หญิงชุดเเดงลุกจากบัลลังก์ นางเดินไปเดินมาเเละขบคิด
"วิหคชาดในวันนี้เป็นจูเทียนไม่ผิดเเน่ เเต่ก็ไม่ใช่จูเทียนเช่นกัน" นางเอ่ยออกมา ตี้หม่าจ้องมองอย่างงุนงง มหามารดาจึงพูดต่อ "หากเป็นจูเทียน ที่เเรกที่เขาจะกลับมาต้องเป็นพรรคมาร ไม่มีทางไปโผล่ที่สำนักบูรพาได้"
"เเล้วเหตุใด..."
"ความทรงจำยังไม่กลับมา" หญิงชุดเเดงเอ่ยขัด นางหยุดเดินเเละหันมาพูดกับสมุนของนาง "วิหคชาดเมื่อตายจะสูญเสียความทรงจำ ความทรงจำก่อนตายจะไม่กลับมาจนกว่ามันจะโตเต็มวัย"
หญิงชุดเเดงจ้องมองตี้หม่า ก่อนจะออกคำสั่ง
"หาตัวมันเเล้วกำจัดเสีย... อย่าให้ชีวิตมันยืนยาวไปมากกกว่านี้ "
___________
"อ่อก...."
เนื้อย่าง สุรา ผักปลา อาหาร ไม่ว่าสิ่งใดที่พึ่งลงท้องไป ข้าอ้วกออกมาหมดเเล้ว เมื่อเอาอาหารออกทางปากสำเร็จ ข้ารู้สึกหัวโล่งไม่น้อยหลังจากที่หมุนติ้ว ๆ ไปเมื่อครู่
ตัวการที่ทำให้ข้าวิงเวียนร้องหงิง ๆ อยู่ข้าง ๆ เฟยหงกลับร่างมนุษย์เเล้ว หลังจากการบินฉวัดเฉวียนบนท้องนภาเเละสลัดเหล่าจอมยุทธที่ตามจับพ้น วิหคชาดบินเร็วมาก เพียงพริบตาก็ออกห่างจากสำนักบูรพามาไกลเเล้ว เเต่เเม้จะบินเร็วจนน่าตื่นตาตื่นใจเท่าใด ข้าไม่ขึ้นหลังมันเป็นครั้งที่สองเเน่
"คราวหน้าข้าจะฝึกเจ้าบินนิ่ง ๆ ..." ข้าบอกกับเฟยหง เเต่พอนึกดูดี ๆ ข้าไม่เคยบิน จะไปหัดมันบินได้อย่างไร
"บิน ๆ " เฟยหงกลับมายิ้มเเย้มทันทีที่ได้ยินว่าข้าจะบินด้วย ดูเหมือนการประชดประชันจะไม่เป็นผลต่อวิหคชาดที่อยากบินอย่างอิสระบนท้องฟ้า
"เเล้วเจ้าหนีออกมาจากบ้านได้อย่างไร ไม่ใช่ว่ากลับร่างเเล้วบินหนีออกมาหรอกนะ ? " ข้าถามเสียงดุ เฟยหงรีบส่ายหัวอย่างไว
ข้าพยักหน้า ไม่รู้ว่าออกมาอย่างไรหรอกนะ เเต่อย่าทำความเเตกก็พอ
หลังจากการสอบถามสักพักด้วยถาษามือกับนิสัยไม่ชอบพูดภาษามนุษย์ของเฟยหง ข้าก็ใช้เวลานานหน่อยจนกว่าจะได้ความว่ามันตามกลิ่นข้ามาจนถึงที่นี่ พอมาถึง เห็นภูเขาสูง ขี้เกียจเดิน เลยบินขึ้นมา เเล้วก็เจอข้า
"..."
ข้ามองตาเจ้านกน้อยที่หน้างออย่างรู้สึกผิด ความโมโหที่สุมในอกก็มลายหายไปเสียอย่างนั้น
"เฮ้อ .... คราวหลังอย่าหนีออกมาอีก อย่ากลับร่างจริงด้วย มันจะทำให้เจ้าพบเจออันตราย เข้าใจหรือไม่" ข้าลูบหัวมันสองสามทีอย่างเอ็นดู เฟยหงช้อนตามองข้าท่าทางดูเซื่องซึม
"ท่านทิ้งข้า "
ทิ้งเจ้า ?
อ่า... เเค่คำไม่กี่คำที่เฟยหงพูดออกมา ข้าก็รู้สึกเหมือนตนเองมีโทษสมควรตาย...
ตอนข้าออกจากจวน เฟยหงดื้อรั้น ไม่ว่ายังไงก็จะไปด้วย ข้าจึงดุไปปลอบไปว่าไปไม่นานเดี๋ยวกลับมาเเละเเผนเดิมของข้าคือเเค่งานเปิดจบก็กลับอยู่เเล้ว เเต่มีเรื่องยาพิษให้ต้องวุ่นวายเสียก่อน จึงต้องอยู่ต่ออีกวัน เลยลืมที่บอกกับเฟยหงไว้ว่าจะรีบกลับซะได้
"เข้าใจเเล้ว คราวหลังข้าจะไม่ทิ้งเจ้าไว้ เอ้านี่ ใส่เสื้อซะ" ข้าถอดเสื้อตัวนอกออกให้เฟยหงใส่ เฟยหงค่อนข้างตัวใหญ่ ใส่ชุดสตรีเลยดูตลกไปบ้าง เเต่ก็ดีกว่าเดินตัวเปล่า
ข้ามองรอบตัว สถานที่เเห่งนี้คือป่าทึบ หากฝั่งสำนักบูรพากำลังตามตัวข้า ก็ยากต่อการมองเห็น เมื่อคิดดี ๆ สักพักหนึ่งข้าจึงตัดสินใจหยิบฟืนเเห้งรอบตัวมาสุม
"เฟยหง ขอไฟหน่อย" ข้าเอากิ่งไม้เเห้งยื่นไปตรงหน้ามัน เจ้านกน้อยทำหน้างง เเต่ก็จุดไฟให้ข้า
ข้าจัดการก่อไฟขึ้นมากองหนึ่ง ควันสีขาวลอยคลุ้งตั้งเเต่ไฟยังไม่ลุก ก่อไฟเสร็จก็นั่งรอกับเฟยหง อีกไม่นานเหล่าคนที่ตามหาข้าคงจะเห็นควันไฟ
"เจ้าอยู่กับข้าหลงในป่าอีกสิบปีก็หาทางออกไม่ได้" ข้าบอกกับเฟยหง เเม้มันจะไม่ค่อยเข้าใจ เเต่ข้ารู้ตนเองดีว่ามีปัญหาด้านการจดจำทิศทาง ดังนั้นอยู่เฉย ๆ เเล้วรอคนมาช่วยดีกว่า เฟยหงกลับร่างมนุษย์เเล้ว คงไม่มีใครสงสัยล่ะมั้ง !
เเต่บินมาไกลขนาดนี้ คงต้องรอนานหน่อย ....
"ศิษย์น้อง ! ! "
เอ๋ ?
เมื่อมองขึ้นไปบนหัวข้า ศิษย์พี่หลี่กำลังดิ่งหัวลงมา
" ! ! ! "
ตึก !
เกิดเสียงดังสนั่นจากการดิ่งหัวโหม่งโลกของศิษย์พี่หลี่ ข้าดึงเฟยหงหลบทันที
"ศะ...ศิษย์พี่"
"น้องรักกก" ศิษย์พี่หลี่โผเข้ามากอดข้าทันทีที่ตั้งตัวได้ เเต่เเล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นเฟยหง "เอ๊ะ นั่นใครอ่ะ ? "
"ศิษย์พี่หลี่ ท่านมาได้ยังไร..." ข้าถามด้วยความตกใจ เเต่ยังไม่ทันได้คำตอบก็เห็นเงาจ้านหลิวบนหัวข้า ศิษย์สำนักอัสนีโดดลงจากกระบี่อย่างสง่างาม ช่างเเตกต่างจากศิษย์พี่หลี่นัก
"ข้ามากับเจ้านั่น" ศิษย์พี่หลี่ชี้ไปทางจ้านหลิวที่พึ่งลงจากดาบ อสนีบาต ของเขามา
"ชิ ! ถ้าเจ้าไม่ขึ้นกระบี่ข้ามาด้วย คงตามนกนั่นทันเเล้ว" จ้านหลิวมาถึงก็สถบใส่ศิษย์พี่หลี่ ข้าร้องอ้อในใจ มีศิษย์สำนักอัสนีมาด้วย ไม่แปลกที่ตามเฟยหงทัน ดีนะที่ข้าทิ้งดาบไว้ในลานประลอง จ้านหลิวจึงมีกระบี่บินใช้
"หลิวหยาง... นั่นมัน..." จ้านหลิวหันมาเจอหานเฟิงจึงมองด้วยสายตาฉงน ข้าเอะใจเมื่อเห็นสายตาของเขา จึงรีบพุ่งเข้าไปหาจ้านหลิวทันที
"เพื่อนข้า ! " ข้าบีบไหล่จ้านหลิวอย่างเเรงเเละมองเข้าไปในดวงตาของเขา "นี่เพื่อนข้า"
จ้านหลิวมองตาข้า ปากอ้ากว้างเหมือนคิดอะไรบางอย่างออก
"อย่าบอกนะว่า..."
"ใช่ ๆ เขาช่วยข้าจากวิหคชาดพอดิบพอดี" ข้ากล่าวขัดจ้านหลิวไว้ได้ทัน จ้านหลิวมองข้าสลับกับเฟยหงสีหน้าซีดเผือด
"เพื่อนเจ้าหรือ ขอบคุณที่ช่วยศิษย์น้องของข้า ! ยินดีที่ได้รู้จัก ข้าเป็นศิษย์พี่ของหลิวหยาง" ศิษย์พี่หลี่ผู้ไม่รู้เรื่องเฟยหงหันไปยิ้มให้เจ้าตัวพร้อมยื่นมือข้างหนึ่งไปข้างหน้า เฟยหงมองมือข้างนั้นอย่างงุนงง
"ศิษย์พี่หลี่ ท่านรีบกลับไปบอกอาจารย์เถิดว่าข้ายังปลอดภัยดี เเล้วหาคนมารับข้าด้วย" เจอกันได้ไม่ทันไร ข้าก็เตรียมไล่ศิษย์พี่ที่รัก "นี่กระบี่ของจ้านหลิว ท่านใช้กระบี่นี้บินไปก่อน" ข้าตบหลังไล่ศิษย์พี่ เจ้าตัวเออออ ส่วนจ้านหลิวเจ้าของดาบยังยืนอึ้ง ไม่รู้ตัวว่าโดนข้ายืมดาบไปอีกเเล้วจนกระทั่งศิษย์พี่หลี่ใช้กระบี่บินจากไป
ข้าหันมาหาจ้านหลิวตัวปัญหา
"เจ้าเลี้ยงวิหคชาด" จ้านหลิวเอ่ยกับข้าด้วยเสียงเบาหวิว ดีนักที่เขาไม่พูดต่อหน้าศิษย์พี่หลี่เมื่อครู่
"เหอะ ๆ วิหคชาดอันใดกัน ข้าไม่เข้าใจที่ท่านพูด"
"ซูหลิวหยาง เจ้าอย่ามาทำซื่อเลย วิหคชาดตนนั้นจับเจ้ามาจู่ ๆ มันก็หายไปต่อหน้าต่อตาข้า กับอสูรจำเเลงพ่นไฟได้ที่อยู่ข้างกายเจ้า ให้ข้าคิดเป็นอื่นใดอีก"
ข้าเบนสายตาหนีจ้านหลิว เหตุใดทีเรื่องนี้จึงฉลาดเป็นกรดเลยล่ะ ตอนมีคนหลอกใช้ท่านท่านยังตามไปดื้อ ๆ อยู่เลย
"นี่เรื่องใหญ่นะซูหลิวหยาง ! " จ้านหลิวเปลี่ยนอารมณ์จากฉงนมาเป็นโกรธ "ข้าจะไปบอกกับท่านเจ้าสำนักให้จัดการกับมัน" จ้านหลิวเตรียมเดินออกไป เดินไปสองก้าวก็พึ่งคิดขึ้นได้ว่าข้ายื่นกระบี่สาธารณะของเขาให้ศิษย์พี่หลี่ไปแล้ว
"คุณชายจ้าน ถือว่าข้าเคยช่วยท่านครั้งนึงเถิด ... อย่างน้อยก็ช่วยเก็บเรื่องนี้เป็นความลับที" ข้าพยายามเกลี้ยกล่อม เเต่จ้านหลิวก็ใช่ว่าจะยอมง่าย ๆ
"เช่นนั้นข้าจะช่วยเจ้าบ้าง อสูรพรรคมารตนนี้อันตราย ข้าจะช่วยเจ้ากำจัดมันเอง" จ้านหลิวไม่พูดเปล่า พลางส่งสายตาอาฆาตให้เฟยหง เจ้านกน้อยเองก็เเยกเขี้ยวตอบ
ข้ากัดฟันเเน่น คงต้องงัดเรื่องนั้นออกมาเเล้วกระมัง...
"ถ้าท่านทำร้ายเขา ข้าจะเอาเรื่องที่ท่านเป็นพรรคมารไปป่าวประกาศ" เสียงของข้าเรียบนิ่ง ข้าหันมองเเผ่นหลังของจ้านหลิวที่หยุดชะงักก่อนที่จะถึงตัวเฟยหง
"เจ้าพูดเหลวไหลอะไร ? " จ้านหลิวเสียงสั่นเครือ
ข้ายกยิ้ม เหลวไหลหรือ...
"ก่อนที่ท่านจะเข้าสำนักอัสนี ท่านเคยถูกทำร้ายปางตาย เเต่จางเหว่ยศิษย์พี่ใหญ่ของสำนักอัสนีช่วยชีวิตท่านไว้ อ่า... จางเหว่ยที่น่าสงสารช่วยท่านด้วยความบริสุทธิ์ใจเเท้ ๆ เเต่ท่านกลับหลอกใช้เขา" ข้าร่ายยาว จ้านหลิวหันหลังให้ข้าข้าจึงไม่เห็นหน้าของเขาว่าเเสดงความรู้สึกอย่างไร
ขอโทษนะจางเหว่ย ศิษย์น้องของท่านกำลังทำให้ข้ามีอันตราย ข้าดีต่อเขาตอบเเทนท่านต่อไปไม่ได้เเล้วจริง ๆ ...
บนโลกเล็ก ๆ ใบกลมนี้ ทั้งความทรงจำของมารพิษเเละจางเหว่ยที่ข้ารับเข้ามา มีเสี้ยวความทรงจำบาง ๆ เส้นหนึ่งที่เชื่อมต่อกันได้พอดี
ส่วนที่ทำให้ข้ารู้ว่าจ้านหลิวเป็นพรรคมาร มาจากความทรงจำของมารพิษ
ข้ากอดอกเเละเดินไปตรงหน้าจ้านหลิว จ้องมองไปในดวงตาที่สั่นไหวคู่นั้น
"ข้าควรเรียกท่านอย่างไรดี อดีตหนูทดลองของมารพิษดีหรือไม่ ? "
_______________
ปมเก่ายังไม่คลาย
เเต่จงผูกปมใหม่ไปเรื่อย ๆ
_______________
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ที่แท้ก็เป็นหน่วยแทรกซึมของ พรรคมารนั่นเองน่ะ
รอออออออออออออ