ตอนที่ 12 : คุณหนู
คุณหนู
หลิ่งอี้
กลิ่นชาหอมกรุ่นไปทั่วสวนดอกไม้ เสียงนํ้าไหลเอื่อยชวนให้ผ่อนคลาย สวนเล็ก ๆ กลางป่าที่เคยสงบในวันนี้กลับอื้ออึงไปด้วยเสียงบรรดาคุณหนูจากหลากหลายตระกูลที่ถูกชวนมาโดยฮูหยินสกุลเชวี่ย
"ถึงหลิ่งอี้จะไม่ได้มีฐานะสูงส่ง เเต่นางก็จิตใจดี สุภาพเรียบร้อย เหมาะสมจะเป็นภรรยาของลูกชายข้าอย่างยิ่ง" ฮูหยินเชวี่ยกำลังเเนะนำตัวข้าให้เหล่าบรรดาคุณหนูจากตระกูลน้อยใหญ่ ข้ารู้สึกเกร็งไปทั้งตัวยามคนเหล่านั้นมองมาที่ข้า เเม้พวกนางจะสูงศักดิ์เช่นเดียวกับคุณหนูของข้า เเต่สายตาที่พวกนางมองข้าเเตกต่างจากสายตาของคุณหนูอย่างสิ้นเชิง
ฮูหยินกำลังพยายามเต็มที่ให้ข้าเข้าสังคมกับคนเหล่านี้ หลังจากข้ามีสัญญาหมั้นหมายกับนายท่านหาน...
ข้าฝืนยิ้ม ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดทุกครั้งที่ฮูหยินพยายามยัดเยียดความเป็น 'ภรรยา' ของนายท่านให้ข้า ในเมื่อคำว่า 'ภรรยา' นี้ควรจะเป็นของคุณหนูของข้ามากกว่า
คุณหนูหายตัวไปสองปีเเล้ว... ไม่มีใครเห็นเเม้เเต่เงาของนาง ตระกูลซูเองก็เเทบจะพลิกเเผ่นดินหา ในสถานการณ์เช่นนี้ ข้าที่ควรจะช่วยออกตามหานางกลับมาใช้ชีวิตอย่างสุขสบายเเละวาดฝันอนาคตอันสดใสกับอดีตสามีของนาง
ข้าควรจะปฏิเสธฐานะนี้อย่างจริงจัง... เเต่...
นายท่านหานคือรักเเรกพบของข้า... ข้าเองก็ปรารถนาอยากเเต่งงานกับเขาเหมือนคุณหนู... ข้าปรารถนาฐานะสูงศักดิ์เหมือนคุณหนู ปรารถนามันจนยากที่จะปฏิเสธโอกาสอันหอมหวานนี่ เเม้มันจะผิดมากก็ตาม เเต่เมื่อนายท่านหานประกาศออกมาว่ารักข้า...
ข้าก็ปฏิเสธมันไม่ได้อีกเลย
"หลิ่งอี้ ? " ฮูหยินเชวี่ยปลุกข้าขึ้นมาจากจิตใจที่เหม่อลอย นางดีต่อข้ามาก เพราะนางต้องการที่จะดีต่อหานเฟิง
"เจ้าค่ะ" ข้าขานตอบเสียงเบา ทุกสายตาของเหล่าคุณหนูผู้ดีหลากหลายตระกูลจับจ้องมาที่ข้าจนข้าตัวเเข็ง
"โอ๋ ๆ หลิ่งอี้น้า หลิ่งอี้ เจ้าไม่ต้องกลัวหรอก บอกมาเถิดว่าคุณหนูซูผู้นั้นทำอะไรเจ้าบ้าง" ฮูหยินเชวี่ยลูบหลังข้าอย่างปลอบโยน ข้ามองหน้านางด้วยสายตาสั่นไหว
เเม้ข้าไม่ค่อยตั้งใจฟังที่นางพูดเเต่ข้ารู้ความคิดนางดี....
การเอาสาวใช้ของภรรยามาตบเเต่งนั้นดูไม่ดีนัก ข่าวลือเสีย ๆ หาย ๆ ข้อนี้ของนายท่านหานลือกันหนาหูจนเป็นรอยด่างพร้อยกลบข่าวด้านดีของนายท่านหาน ฮูหยินเชวี่ยเเม้ไม่ใช่เเม่เเท้ ๆ ของนายท่าน เเต่นางก็ไม่ยอมให้คนในตระกูลคนเดียวที่มีชื่อเสียงพอจะยกศักดิ์ศรีสกุลเชวี่ยให้มีรอยด่างพร้อยได้ จนนางต้องหาข่าวลืออื่นมากลบ เช่นเรื่องเลวร้ายของคุณหนูผู้ที่มีชื่อว่าเพียบพร้อมงดงามที่สุดในเเผ่นดิน ยิ่งนางหายตัวไปกว่าสองปี ก็ยิ่งดีที่ไม่มีใครสามารถมาเเก้ข่าวลือนี้ได้
เเม้นางจะบอกข้าว่าทำเพื่อหานเฟิง เเต่...
จะให้ข้าทรยศคุณหนูหรือ...?
"ฮูหยินข้า... "
ฉึก ! ! !
"กรี๊ดดดดดดดดดดด"
สิ่งที่เข้ามาขัดคำพูดของข้าคือลูกธนูดอกหนึ่ง
ข้ามองเลือดที่กระเด็นใส่ตัวเองด้วยดวงตาเบิกกว้าง ผู้คุ้มกันคนหนึ่งที่ยืนอยู่เมื่อครู่ถูกลูกธนูปักทะลุลูกตา ตายสนิท เเละมันไม่จบที่ธนูดอกเดียว ทันทีที่เหล่าผู้คุ้มกันกำลังหามือธนู ธนูดอกที่สองเเละสามก็ตามมา มันเข้าที่เบ้าตาของพวกเขาเเละดับสนิทเช่นคนเเรก
เหล่าคุณหนูกรีดร้องวิ่งกันจ้าละหวั่นเเต่ก็หนีชายชุดดำไม่พ้น ข้านั่งตัวสั่นอยู่ที่เดิมมองชายชุดดำกว่าสิบคนที่พุ่งออกมาจากพุ่มไม้เเละเชือดคอพวกผู้คุ้มกันด้วยมีดรูปจันทร์เสี้ยว
"หยุดเดี๋ยวนี้นะ ! พวกเจ้ากล้าดียังไงมาทำร้ายพวกข้า ! " ฮูหยินเชวี่ยใช้ความกล้าของนางตวาดเหล่าชายชุดดำที่ห้อมล้อมเข้ามา
"บังอาจนัก พวกเจ้าเป็นใครกัน" คุณหนูอีกท่านหนึ่งโวยวายตามนาง
เหล่าชายชุดดำไม่ได้ตอบ
เเต่ข้ารู้
แผลเป็นที่หลังข้ากลับมาร้อนระอุอีกครั้ง ตราทาสรูปจันทร์เสี้ยวเป็นเเค่ร่องรอยมาหลายปีเเล้ว เเต่ยามนี้ข้ารู้สึกปวดเเสบปวดร้อนเสมือนมันเป็นแผลสดใหม่ เหมือนความทรมานที่ได้รับเมื่อกาลก่อนพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้
พ่อค้าทาส...
ข้าเคยเป็นสินค้าของพวกมัน...
รอยยิ้มของคุณหนูซูกลับเข้ามาในความทรงจำข้า เเม้จะผ่านมาหลายปีเเล้ว เเต่ข้ายังจำรอยยิ้มนั่นได้ชัดเจน
'เจ้าจะไม่เป็นอะไร'
นางอบอุ่นดั่งเเสงอาทิตย์ งดงามดั่งเทพธิดา เมตตาดั่งนักบุญ ถ้าไม่ได้นางในวันนั้นข้าคงเป็นเเค่ทาสรองรับอารมณ์ใคร่ไปจนตาย
เเต่พวกมัน.... เหตุใดพวกมันจึงอยู่ที่นี่... ในเวลานี้...
ข้าตัวเเข็งทื่อระหว่างที่พวกมันกำลังใช้เชือกมัดข้อมือข้า ดาบจันทร์เสี้ยวอาบเลือดสะพายอยู่บนหลังของพวกมัน พวกมันจับเหล่าคุณหนูจากตระกูลชั้นสูงเเละมัดด้วยเชือกฟางไม่ต่างจากมัดสัตว์ตัวหนึ่ง
เพราะข้าคิดทรยศคุณหนูหรือไม่ เพราะข้าหักหลังผู้ที่ช่วยชีวิตข้าใช่หรือไม่ บาปกรรมนี้จึงกลับมา...
"เจ้าไม่รู้หรือพวกข้าเป็นใคร ตระกูลข้าต้องตามหาข้าเเน่" หนึ่งในเหล่าคุณหนูใจกล้าตะโกนใส่ชายชุดดำ ข้านั่งฟังอยู่เงียบ ๆ ไม่ได้ผลหรอก...
"เช่นนั้นก็บอกให้ตระกูลท่านเตรียมเงินมาเยอะหน่อยล่ะ หึ ๆ " หนึ่งในชายชุดดำดึงผ้าปิดหน้าออกเเละยิ้มเย็นตอบนาง ข้ามองใบหน้าหัวหน้าพ่อค้าทาสที่เคยหวาดกลัวเมื่อนานมาเเล้ว ความกลัวนั้นตามมาหลอกหลอนข้าอีกครั้ง
"เจ้ารู้จักหานเฟิงหรือไม่ ! จงรู้ไว้ซะว่าลูกของข้าจะตามฆ่าพวกเจ้าทั้งหมด ! " ฮูหยินเชวี่ยยังไม่ลืมที่จะป่าวประกาศถึงลูกบุญธรรม
"จ้า จ้า... เฮ้... เอาพวกมันใส่กรง หึ ๆ พวกคุณหนูราคาดี ใส่กรงเเบบพิเศษหน่อย" พ่อค้าทาสไม่ได้สนใจ มันหันไปออกคำสั่งกับลูกน้องเหมือนไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของจอมยุทธ์หนุ่ม
เป็นไปไม่ได้ที่พ่อค้าทาสจะไม่รู้จักนายท่านหาน ข้าขบคิดด้วยความสิ้นหวัง งานเลี้ยงนํ้าชานี้จัดในสวนเล็ก ๆ กลางป่า เเม้ที่เเห่งนี้จะเป็นพื้นที่ของสกุลเชวี่ย เเต่ก็ไม่มีใครมายืนเฝ้าประตูปล่อยให้คนเข้าออกอิสระ ไม่มีใครเข้ามาบ่อยนักเว้นเสียเเต่เวลามีงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเหล่าคุณหนูเช่นวันนี้ ซึ่งคุณหนูจากตระกูลทั้งหลายก็พาผู้ติดตามมาไม่มากเพราะผู้ที่เชิญมาเป็นสกุลเชวี่ย มางานเลี้ยง มิใช่มาสู้รบตบมือกับใคร
พ่อค้าทาส... พวกมันสืบมาดีเเล้วว่าลักพาตัวเวลาไหนจึงจะสามารถเล็ดลอดสายตาของหานเฟิงเเละตระกูลต่าง ๆ ได้ กว่าจะมีคนกลับมาเห็น พ่อค้าทาสก็คงพาพวกเราไปไกลเเล้ว
ข้าตัวสั่นระหว่างก้าวเท้าเข้าสู่กรงที่พวกมันเตรียมไว้ กรงเหล็กขนาดใหญ่พอที่จะใส่พวกเราได้ทั้งหมด รอบกรงนั้นหุ้มด้วยฟางเพื่อพรางเหล่าทาสที่ถูกลำเลียงขึ้นไป ภายในกรงนั้นมีคนอยู่ก่อนเเล้ว ข้าคิดว่าพวกเขาป็นทาสที่กำลังนำไปขาย
ทาสสองคน หนึ่งชาย หนึ่งหญิง ชายผมเเดงกอดร่างหญิงสาวที่นอนสลบไสลไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร พ่อค้าทาสจับทั้งสองเเยกกันเพื่อเเยกกรงหญิงเเละกรงชาย ชายหนุ่มที่โดนจับเเยกดูไม่พอใจ เเต่สุดท้ายก็ยอมทำตามคำสั่งพ่อค้าทาส ทิ้งหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวไว้ในกรง เหล่าคุณหนูถูกทยอยจับยัดเข้าไปในกรงเดียวกับหญิงสาวที่หมดสติคนนั้น รวมทั้งข้าที่ตัวสั่นงันงกอยู่ริมกรง ซี่เหล็กถี่ดึงความทรงจำเก่าของข้าให้กลับมา บีบคั้นจนข้านํ้าตาซึม
คุณหนู... ช่วยด้วย
ข้าเริ่มสะอื้น นึกถึงยามที่นางฉุดข้าออกมาจากนรก นั่นคงเป็นครั้งเดียวในชีวิตข้าที่สามารถหนีรอดออกจากรงได้ เเละคงไม่มีครั้งที่สองอีกเเล้ว...
"ร้องไปเถิด กรงนี่เป็นอาคมกั้นเสียง ร้องไห้เสียงดังกว่านี้ก็ไม่มีใครได้ยินเจ้าหรอก" พ่อค้าทาสเคาะกรงอย่างสะใจ
"พวกเเกจะต้องไม่ตายดี ! ! " ฮูหยินเชวี่ยตะโกนสาปเเช่งพวกพ่อค้าทาส เเต่มันก็สายไปแล้ว
เมื่อพ่อค้าทาสปิดกรงเเละคลุมฟางรอบกรงจนด้านในเหลือเพียงเเสงเบาบาง ภาพเเละเสียงภายในกรงก็ถูกตัดออกจากภายนอก คุณหนูหลายคนจึงเริ่มร้องไห้ เเต่ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกไปจนกว่าพวกเราจะถูกส่งถึงตลาดมืด หรือไม่ตระกูลต่าง ๆ ก็ยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อตัวเหล่าคุณหนูออกไป
"อืม..." ผ่านไปนานเเสนนาน เสียงงึมงำดังขึ้นในกรงท่ามกลางเสียงสะอื้นไห้ของพวกเรา ทาสหญิงที่นอนสลบอยู่ก่อนหน้าที่พวกเราจะเข้ามาตื่นเเล้ว นางยันตัวลุกขึ้นอย่างงุนงง ข้าหันไปมองนางด้วยดวงตาที่เบลอเพราะนํ้าตา เเม้เห็นหน้าไม่ชัดนัก เเต่เสียงนี้ค่อนข้างคุ้นหู...
"ยี๊ ! เจ้าทาส อย่าเข้ามาใกล้ข้านะ ! " ในกรงเเคบคุณหนูนางหนึ่งขยับตัวออกห่างจากทาสหญิงที่กำลังยันตัวลุกขึ้น ท่าทางของทาสหญิงไม่น่าเข้าใกล้เลย เนื้อตัวมอมเเมม เสื้อผ้าขาดวิ่น ผมพันกันจนเป็นรังนก ทั่วตัวนางมีเเต่คราบเลือดเเห้งกรังน่าสยดสยอง
เหล่าคุณหนูขยับตัวออกห่างนางอย่างรังเกียจ เเต่ข้าพยายามเข้าไปใกล้นางเพื่อมองให้ชัดขึ้น
"หืม...." หญิงทาสลืมตาทั้งสองข้างเเละมองมาทางพวกเรา ดวงตาของนางเบิกกว้างเเละผุดรอยยิ้มขึ้นทันที
ข้าเองก็เบิกตากว้าง เมื่อเห็นใบหน้านั้นชัดเจน
"คุณหนู ! ! "
ข้าตะโกนเสียงหลง ลมหายใจขาดห้วง ไม่ผิดเเน่.... เเม้นางจะดู...เอ่อ... สกปรกไปบ้าง เเต่เป็นนางไม่ผิดเเน่...
คุณหนูซูของข้า คุณหนูซูหลิวหยาง
นางมองมาทางข้าเมื่อข้าเรียก ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วด้วยความงงงวยเหมือนลืมว่าข้าเป็นใคร ผ่านไปสักพักนางก็กลับมายิ้มกว้างจนเห็นฟันขาว
"หลิ่งอี้ ! ! " คุณหนูโถมตัวเข้ามากอดข้าทันที ข้าตัวเเข็งค้าง คุณหนูท่านอื่นในกรงก็เช่นกัน
"จะ.. จะ... เจ้า... ซูหลิวหยาง ? " ฮูหยินเชวี่ยพูดตะกุกตะกักนางตกใจอ้าปากค้างจนยัดส้มลงไปได้
"เป็นเจ้าจริง ๆ ด้วย ! " คุณหนูซูยิ้มอย่างดีใจนางผละจากการกอดข้าเป็นบีบเเก้มข้าอย่างเอ็นดู
"ข้าออกมาได้เเล้ว ! ข้าออกมาได้เเล้ว ! ในที่สุด ! " คุณหนูซูยังพรํ่าพูดสิ่งที่ข้าไม่เข้าใจต่อไป
ข้าปรับตัวไม่ทัน จากอารมณ์โศกเมื่อครู่ตอนนี้ถูกเเทนที่ด้วยรอยยิ้มปีติยินดีอย่างยิ่งของคุณหนูผู้ทำท่าทางเหมือนไม่เคยเจอมนุษย์มาเป็นสิบปี
"เป็นเจ้า เป็นเจ้า เป็นเจ้า ! ! " คุณหนูยังไม่เลิกดีใจเเละบีบเเก้มข้า ข้าเคยคิดมาตลอดว่าหากเจอคุณหนูอีกครั้งจะขอโทษนางอย่างไรเรื่องนายท่านหาน เเต่ดูจากท่าทางนางตอนนี้...
"นางบ้าไปแล้ว" หนึ่งในเหล่าคุณหนูเอ่ยขึ้น นางพูดในสิ่งที่ทุกคนคิดเหมือนกันออกมา
"คุณหนู...ท่าน... ที่ท่าน... ที่ท่านหายตัวไปตั้งสองปี หรือถูกนายทาสจับตัวมา ? " หญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยถามสิ่งที่ทุกคนสงสัย
คุณหนูซูของข้าหันไปทางหญิงที่ถามด้วยสายตาที่เปลี่ยนจากดีอกดีใจเป็นตกใจเหมือนฟ้ากำลังถล่ม
"ยี่สิบปี..." เสียงของคุณหนูซูเเผ่วเบา เเต่กรงเเคบ ทุกคนได้ยิน สายตาของคุณหนูทุกท่านเปลี่ยนจากรังเกียจเป็นสงสารจับใจ
คุณหนูของข้าถูกจับมาทรมานจนเสียสติไปแล้ว ! นางคิดว่านางถูกจับมายี่สิบปี ทั้ง ๆ ที่นางหายตัวไปเเค่สองปี !
คุณหนูซูกลับไปนั่งพิงกรงอย่างล่องลอยเหมือนเดิม ใบหน้าเปลี่ยนอารมณ์หลากหลายในเวลาอันรวดเร็ว
"อ๊ะ ! " จู่ ๆ นางก็สะดุ้งตัวขึ้นมา ทุกคนที่มองนางอยู่จึงสะดุ้งตาม
"เจ้าเห็นนกของข้าหรือไม่ ? " คุณหนูซูถลันตัวเข้ามาเขย่าตัวข้า
"??? "
หน้าของทุกคนงงสนิท
"ข้าหมายถึง... ผู้ชาย.. ตัวสูงกว่าข้าประมาณสองฝ่ามือ ผมสีเเดง" คุณหนูซูพูดไปพลางทำท่าไป ข้าจึงนึกขึ้นได้ว่ามีชายคนหนึ่งอยู่กรงเดียวกับนาง ก่อนที่นางจะตื่น
"ข้าเห็นเจ้าค่ะ... ชายคนนั้นถูกเเยกกรงกับเรา..." ข้าเอ่ยตอบคุณหนูเเละกุมมืออุ่นสองข้างของนาง
มือของนางหยาบกระด้างขึ้นหรือไม่ ?
"เเยกกรง...? ประเดี๋ยวก่อน ตอนนี้ข้าอยู่ที่ไหน ? "
ทุกคนในกรงอึ้งอีกครั้งเมื่อได้ฟังคำถามของนาง คุณหนูสองคนด้านหลังข้าเริ่มซุบซิบนินทาถึงอาการไม่ปกติของคุณหนูซู
ข้าเล่าสถานการณ์ปัจจุบันให้นางฟังอย่างชัดเจนรวมทั้งสาเหตุที่พวกข้าเเละเหล่าคุณหนูจากตระกูลสูงศักดิ์ถูกจับตัวมา เเละปลอบใจนางว่าต้องมีคนมาช่วยเเน่ ๆ เเม้ข้าไม่มั่นใจก็ตาม
"เเย่ล่ะ..." คุณหนูซูพึมพำกับตัวเอง นางเลิ่กลั่กอยู่ไม่นานก็ถลันตัวไปที่ประตูกรงพร้อมง้างกำปั้นขึ้นหมายจะทุบซี่ลูกกรงเหล็ก
"คุณหนูคิดจะทำอะไรหรือเจ้าคะ ? ! " ข้าเอ่ยอย่างตกใจเมื่อเห็นคุณหนูซูของข้าทำท่าจะทุบกรงเพื่อออกไป
กำปั้นของนางชะงัก มันหด ๆ คลาย ๆ ไม่อยู่นิ่งสักทีเมื่อข้าถาม
"ข้าต้องออกไปเดี๋ยวนี้" คุณหนูซูพูดขึ้นทั้ง ๆ ที่ไม่ได้หันมามองข้า นางมองเพียงมือตนเอง เสมือนมือนั่นมีอะไรบางอย่าง
ในที่สุดนางก็กำหมัดเเน่นอีกครั้ง กระเเสสีเเดงเเปลกประหลาดวนอยู่รอบมือนางพร้อมเปล่งรัศมีเบาบาง ข้าไม่รู้ว่ามันคืออะไร เเต่มันจางเสียจนข้าคิดว่าตนตาฝาด
"คุณหนู ! "
โครม ! !
กรงเหล็กถูกฉีกออกไม่ต่างจากเศษกระดาษ ก้อนฟางที่พยายามซ่อนกรงของพวกเราปลิวว่อน ภาพเเละเสียงจากภายนอกประดังเข้ามาให้ทุกคนได้ยินเเละได้เห็นเมื่ออาคมจำกัดเสียงถูกทำลายพร้อมกับประตูกรงเหล็ก
หมัดของคุณหนูซูยังค้างอยู่ที่เดิม รัศมีประหลาดสีเเดงคลํ้าหายไปแล้ว กำปั้นที่ค้างอยู่บ่งบอกว่าหมัดของนางไม่ใช่สิ่งที่ปล่อยออกไปทำลายกรง
ม้าลากกรงของเราหยุดเดิน ชายผู้เปิดกรงมือหนึ่งถือดาบมือหนึ่งจับอยู่กับซี่ลูกกรง ดวงตาคมของเขากวาดมองเหล่าคุณหนูจากหลากสกุลใหญ่ มองคู่หมั้น เเละมองเเม่บุญธรรมของตนรอบหนึ่ง
จนสายตานั่นมาหยุดที่คุณหนูซู ชายผู้เป็นคู่หมั้นของข้าก็เบิกตากว้างเเละเเสดงใบหน้าตกตะลึงอย่างที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน
เขาไม่มองไปที่ใครอีกเลย
ข้าเเทบหาเสียงตนไม่เจอยามที่เอ่ยเรียกชื่อเขา
"นายท่าน... หาน...."
______________
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

จะไปเรียกเจ้าหานเฟิงทำไมอีกล่ะ หย่ากันแล้วน่ะ
ค้างงงง
เย้ๆๆๆๆฆ่าทิ้งให้หมดเลยยยยย
อยากให้กลิงอี้ตายทั้งเป็นเกียจคนเนรคุณคน
โอ๊ยๆๆ ค้างมากไรท์ 😂 มาต่อเร็วๆน้า ลุ้นหนัก