ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Romeo and Juliet

    ลำดับตอนที่ #4 : theme

    • อัปเดตล่าสุด 21 พ.ย. 54


     Themes

    Love

    โรเมโอและจูเลียตเป็นคู่รักที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่บางคนก็สงสัยว่าเรื่องราวของพวกเขาเป็นเพียงแค่นิยาย โรเมโอได้บังเอิญเจอรักแรกพบกับจูเลียต แต่ความรักของพวกเขากลับมีอุปสรรคตรงที่ว่าครอบครัวของทั้งสองไม่ลงรอยกัน แต่ทั้งสองก็ได้พยายามฟันฝ่าอุปสรรคทั้งหลายมาได้ด้วยความรัก แต่เรื่องราวกลับลงเอยด้วยการที่ทั้งคู่ฆ่าตัวตายจากการเข้าใจผิดว่าอีกฝ่ายเสียชีวิตไปแล้วและไม่ยอมมีชีวิตอยู่โดยปราศจากคนรัก

    ในขณะที่โรเมโอและจูเลียตไม่เคยหมดหวังในพลังแห่งความรัก ตัวละครอื่นกลับเห็นว่ามันเป็นเพียงความลุ่มหลงและความต้องการทางเพศเท่านั้น ผู้อ่านบางคนกล่าวว่าเรื่องนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงอันตรายของความรักในวัยรุ่น แต่หลายคนแย้งว่าความรักของพวกเขาพัฒนามาจากรักแรกพบที่ลึกซึ้งและละครก็แสดงให้เห็นถึงหนทางของความรักจากความหลงกลายเป็นรักแท้

     


    Hate

    ความรักและความเกลียดถูกจัดว่าเป็นสิ่งตรงกันข้าม แต่ในโรเมโอและจูเลียตความรักและความเกลียดเป็นเพียงคนละด้านของเหรียญๆเดียวกัน คนสองคนจากสองครอบครัวที่ไม่ลงรอยกันเปลี่ยนความเกลียดเป็นความรัก แต่ความเกลียดชังของครอบครัวที่ไม่เห็นด้วยกับความรักครั้งนี้ทำให้เรื่องราวลงเอยด้วยความตายของสองคนรัก เมื่อครอบครัวของทั้งสองพบว่าทั้งคู่นอนตายอยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน ก็ได้ให้สัตย์สาบานว่าจะยุติความเบาะแว้งระหว่างสองครอบครัว ในที่สุดความรักก็เอาชนะความเกลียดได้ แต่การแลกด้วยชีวิตของสองหนุ่มสาวก็เป็นค่าใช้จ่ายที่มากเกินไป

     

    Sex

    ในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความร้อนแรงของโรเมโอและจูเลียตดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเกี่ยวข้องกับเซ็กส์ ชายหญิงจากสองครอบครัวที่กำลังทำสงครามเย็นกันอยู่เกิดตกหลุมรักซึ่งกันและกัน ความสัมพันธ์ของทั้งสองถูกจารึกด้วยความกดดันและความรุนแรง โรเมโอและจูเลียตอยู่ในเมืองเวโรนาที่การพูดถึงเรื่องบนเตียงเปรียบเสมือนมุกตลก แม้แต่การถามเวลาก็อาจจบลงด้วยเรื่องเซ็กส์ ด้วยสภาพแวดล้อมแบบนี้ทำให้คู่รักหนุ่มสาวของเราเข้าใจว่าเซ็กส์เป็นจุดเริ่มต้นของความรัก แม้แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็อธิบายความสัมพันธ์ของความรักและเซ็กส์ในรูปแบบที่ตัวละครอื่นพยายามปลูกฝังให้พวกเขา




    Art and culture

    เรื่องโรเมโอและจูเลียตเต็มไปด้วยบทกลอนโดยเฉพาะบทกลอนเรื่องความรัก บทสนทนาเมื่อทั้งคู่พบกันครั้งแรกประกอบกันเป็นโคลงสไตล์เชกสเปียร์ ที่สมบูรณ์แบบ ฉากระเบียงอันโด่งดังมีประโยคเด่นหลายประโยคที่พบได้ในเนื้อเพลงป็อปสมัยปัจจุบัน เชกสเปียร์ไม่เพียงแค่อวดความสามารถของเขาเท่านั้นแต่เขาได้นำรูปแบบของบทความที่เป็นที่นิยมในศตวรรษที่สิบหกมาใช้อีกด้วย จุดเด่นที่สังเกตได้คือบทพูดของโรเมโอในตอนแรกที่ได้รับแรงบันดาลใจจากกวีในศตวรรษที่สิบสี่หรือ Petrarch นั่นเอง 

     

     

    Youth

    ในบทละคร ความรักแบบเด็กวัยรุ่นของโรเมโอและจูเลียตขัดแย้งกับกฎของครอบครัวคู่อาฆาตที่ไม่เคยลงรอยกันและคำแนะนำของผู้ใหญ่หลายคน จูเลียตไม่เชื่อแม่นมของตนเองที่แนะนำให้เธอแต่งงานกับปารีส และทั้งคู่ก็ไม่เชื่อบาทหลวงลอเร็นซ์ที่เตือนว่าอย่ารีบร้อนหรือเร่งรัดเรื่องความรัก ส่งผลให้ทั้งคู่ต้องตาย โรเมโอคิดว่าจูเลียตตายจึงฆ่าตัวตายตามไปทันทีทั้งที่จูเลียตยังมีชีวิตอยู่เมื่อจูเลียตตื่นขึ้นมาเห็นว่าโรเมโอได้ตายไปแล้วจึงฆ่าตัวตายตามไปอีก เรื่องครั้งนี้เป็นความผิดของใคร เด็ก ผู้ใหญ่หรือเพราะความกดดันกันแน่ มันเป็นคำถามค้างคาอยู่ในความคิดของผู้อ่านทุกคน



    Mortality

    ฟรอยด์ (Freud) บอกไว้ว่าความรักเกิดจากแรงขับเคลื่อนสองแรงคือ ความต้องการรัก และความต้องการตาย แต่ก่อนหน้าฟรอยด์เป็นศตวรรษ โรเมโอและจูเลียตได้แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ที่ต่างออกไป หากไม่นับความหลงและความสุขที่คู่รักได้อยู่ด้วยกัน ความตายนั้นเป็นฉากหลังเป็นฉากหลัง ด้วยครอบครัวที่บาดหมางกันมาแต่ก่อนจำความได้ พวกเขาจึงเชื่อว่าความสัมพันธ์ต้องห้ามนี้ทำให้ตกอยู่ในอันตราย แต่ก็สร้างความตื่นเต้นให้กับการนัดพบแบบลับๆไม่น้อย เชกสเปียร์เชื่อมโยงเรื่องราวของความตายและเซ็กส์เข้าด้วยกัน ใส่ฉากฆ่าตัวตายเพราะความรักเข้าไป แสดงถึงรักแท้ของพวกเขาและให้ได้ไปพบกันอีกครั้งพร้อมความตาย




    Marriage

    โรเมโอและจูเลียตแต่งงานกันเพราะความรัก เป็นคำตอบที่เป็นสากลในปัจจุบัน แต่ในโลกของบทละคร การแต่งงานเพราะรักแทนที่จะเป็นเพื่อเงินหรือตำแหน่งทางสังคมเป็นตัวเลือกที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง โรเมโอและจูเลียตหนุ่มสาวจากสองตระกูลที่เป็นคู่แข่งกัน ตกหลุมรักกันท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของพ่อแม่และแอบแต่งงานกันอย่างลับๆ การอยู่ร่วมกันของพวกเขาเป็นที่จับตามองด้วยความรักที่บริสุทธิ์และความเชื่อมั่นในรักของกันและกัน แต่เกิดความขัดแย้งรุนแรงกับสังคมและความต้องการของครอบครัวทั้งสองฝ่าย โรเมโอและจูเลียตจึงต้องแลกชีวิตกับการแต่งงานกันด้วยความรัก


    Gender

    เมืองเวโรนาที่อยู่ของโรเมโอและจูเลียต มีสังคมที่กำหนดให้ผู้ชายเป็นใหญ่ ศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายเป็นทั้งสิ่งที่สร้างความขบขันและต้นเหตุโศกนาฏกรรม การแข่งขันระหว่างสองตระกูลแห่งวีโรนาที่คอยขัดขากันเองอยู่เรื่อยอย่างคาปุเล็ตและมอนตะคิว เริ่มต้นจากความขัดแย้งกันของสองสายเลือดหนุ่มจากต่างตระกูล โรเมโอ มองตะคิว พระเอกของเราก็มีปัญหากับเพื่อนของเขาโดยเฉพาะกับเมอร์คิวชิโอ และคนรักของเขาจูเลียตหญิงสาวจากตระกูลคาปุเล็ต ฝ่ายหญิงสาวเองก็ต้องเจอปัญหาซึ่งถือเป็นเรื่องทั่วไปของวัยรุ่นในงานเขียนของเชกสเปียร์เมื่อรู้ว่าพ่อแม่ของเธอได้เลือกคู่ครองไว้ให้และขู่ว่าถ้าเธอไม่ยอมแต่งงานกับคนที่ถูกเลือกก็จะตัดขาดสายสัมพันธ์ทางครอบครัวทันที

     

     

    Fate and free will

    บทละครเป็นตัวบอกใบ้ว่าโรเมโอและจูเลียตถูกกำหนดให้พบกับชะตากรรมอันเศร้าโศก เหมือนในบทนำที่มีบทเพลงขับร้องไว้ว่า "ความรักที่มีขวากหนามจะพรากชีวิตของพวกเขาไป" เชกสเปียร์ชี้ให้เห็นจุดจบของทั้งคู่ผ่านการดำเนินเรื่อง แต่ในขณะเดียวกันบทละครก็บอกเราว่าทั้งโรเมโอและจูเลียตต่างเลือกที่จะตายด้วยเจตจำนงของตัวเอง แม้จะมีตัวละครหลายตัวเช่นพ่อแม่ของทั้งคู่ มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นเบื้องหลังของเหตุการณ์ที่น่าสลดใจนี้ จากคำพูดของ W.H. Auden ที่ว่า "ในโศกนาฏกรรมนั้น โชคชะตาไม่ได้มาหาเราแต่ตัวเราเองต่างหากที่ดึงตัวเองเข้าหาโชคชะตา"

      


    Family

    ความขัดแย้งระหว่างครอบครัวและตัวบุคคลแสดงบทบาทของตัวเองในบทละคร เมื่อหนุ่มสาวจากครอบครัวที่บาดหมางกันเกิดรักกัน ทั้งสองจะทำอย่างไรเมื่อต้องเลือกระหว่างสิ่งที่ครอบครัวต้องการและความต้องการของตัวเอง โรมิโอและจูเลียตเลือกที่จะทำตามหัวใจตนเอง ทิ้งความภักดีต่อวงศ์ตระกูล โกหกญาติของพวกเขาเพื่อปกป้องความรัก แม้ท้ายที่สุดทั้งสองจะไม่สามารถหลบหนีความขัดแย้งที่ครอบครัวของเขาแตกแยกได้ ความโชคร้ายอาจจะเป็นตัวการหนึ่งที่ทำให้พวกเขาต้องตาย

    แต่ความถือดีของโรเมโอที่ต้องการหาฆาตกรที่ฆ่าเพื่อนของเขาและปกป้องศักดิ์ศรีและชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลก็เป็นอีกสาเหตุที่มองข้ามไม่ได้ พ่อและแม่ของจูเลียตที่ต้องการให้เธอแต่งงานกับชายที่ไม่รักก็มีความผิด เราคิดเสมอว่าที่บ้านเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด แต่ในกรณีของโรเมโอและจูเลียตบ้านกลับเป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุด

     

     

    Foolishness and folly

    "ช้าๆอย่างชาญฉลาด เราจะสะดุดเมื่อเราวิ่งเร็วเกินไป" นักบวชคนหนึ่งเตือนคู่รักคู่หนึ่งในโรมิโอและจูเลียต แต่ไม่มีใครคิดจะสนใจ ความลุ่มหลงในรักและมัวเมาในความแค้นทำให้คนทำอะไรโดยไม่ทันคิด แม้โชคชะตาอาจมีส่วนในความตายของโรเมโอและจูเลียตที่ต่างฆ่าตัวตายเพราะไม่อยากมีชีวิตโดยไม่มีอีกฝ่าย แต่ความรีบร้อนที่ปราศจากการไตร่ตรองก็เช่นกัน โรเมโอที่คิดว่าคนรักตายไปแล้วรีบฆ่าตัวตายตามทันที หากเขารออีกเพียงนาทีเดียวเขาจะพบว่าจูเลียตยังมีชีวิตอยู่ ความเขลาแบบเด็กๆนำทั้งคู่สู่จุดจบที่น่าเศร้า แต่ความโง่ของผู้ใหญ่อย่างบาทหลวงลอเร็นซ์ที่เสนอให้จูเลียตแกล้งตายตั้งแต่แรกก็เช่นกัน

     

     

    Exile

    โรเมโอและจูเลียตไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมือง การเนรเทศในเรื่องเกิดจากเหตุผลโดยส่วนตัวล้วนๆ โรมิโอและจูเลียตบุตรชายหญิงจากตระกูลที่ไม่ลงรอยกันแอบคบและแต่งงานกันอย่างลับๆ เมื่อโรเมโอถูกเนรเทศออกจากเมืองเพราะฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าชาย ความจริงที่ว่าโรเมโอกำลังจะถูกขับไล่มันมากเกินกว่าที่ทั้งคู่จะทนรับได้ สำหรับพวกเขาการแยกจากแทบไม่ต่างอะไรกับการเอามีดปักอก "สวรรค์อยู่ที่นี่ อยู่ในที่ที่จูเลียตอยู่ หมาและแมวทุกตัว หนูตัวกระจ่อยร่อย หรือแม้แต่สิ่งไม่มีค่า อยู่ในสวรรค์และสามารถเฝ้ามองจูเลียตได้ ยกเว้นโรเมโอคนเดียวที่ทำไม่ได้" โรเมโอกล่าวด้วยความคับข้องใจ ในความคิดของพวกเขาการเนรเทศคือสิ่งที่พรากพวกเขาออกจากกัน


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×