ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปีกแสงจันทร์

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 3

    • อัปเดตล่าสุด 3 มิ.ย. 56


    กุญแจรถที่ทุกคนชอบเก็บซ่อนไปจากปาลีรดา หนึ่งในห้าคันอยู่ในมือของเธอเรียบร้อย ในรถทุกคันจะมีรีโมทเปิดปิดประตูบ้าน ไม่ใช่ปัญหาที่เธอจะต้องรอให้คนในบ้านมาขวาง รถของนายพลปานพงษ์ขับออกไปจากบ้านด้วยภริยาสุดสวย หญิงสาวไม่รอช้าที่จะแอบย่องออกมาจากบ้านอีกคน พยายามทำตัวลีบไม่ให้คนงานสังเกต

    รถสี่ห่วงกระพริบไฟเมื่อเธอกดรีโมทรถ แต่ก่อนที่ร่างของเธอจะผลุบหายเข้าไปในรถ เสียงโวยวายของลุงสนที่นอนหลับอยู่บริเวณนั้นเพราะรอเธอก็ทะลึ่งพรวดขึ้นมา

    “คุณหนูจะไปไหนครับ ให้ลุงขับให้นะครับคุณหนู”

    ปาลีรดาไม่รอให้คนอื่นวุ่นวายเพื่อห้ามเธอ หญิงสาวกดรีโมทเปิดประตู สตาร์ทรถแล้วขับออกไป รถสีขาวทะยานสู่ถนนเลนเดียวที่กว้างพอให้รถสองคันขับผ่านกันได้สบายๆ คนสามคนวิ่งตามออกมาด้วยสภาพกระหืดกระหอบ

    เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนในบ้านจะต้องเป็นห่วงเธอขนาดนี้ เธอก็แค่เคยขับรถไปเกิดอุบัติเหตุมาบ้าง แต่ถ้าไม่ให้เธอได้ขับเลย ชาตินี้เธอไม่ต้องหวังพึ่งแค่ลุงสนอย่างนั้นหรือ

    ถึงจะไม่ค่อยชินมือเพราะขับรถนับครั้งได้ แต่หญิงสาวก็ตั้งสติให้มั่น มือและเท้าประสานงานกัน ไม่เผลอเหยียบคันเร่งเวลาตกใจแบบทุกครั้งที่เธอเกิดอุบัติเหตุ

    รถออกมาจากซอยหมู่บ้านด้วยความปลอดภัย ถนนใหญ่หนาแน่นไปด้วยยานพาหนะ  

                    ด้วยเวลาแปดโมงยังถือว่าเช้า รถหลายคันยังไปส่งลูกหลานไม่ทันถึงโรงเรียนด้วยซ้ำ ปาลีรดาหยุดรถก่อนจะเริ่มเข้าสู่ถนนใหญ่ ยกมือพนมท่วมหัวให้เธอเดินทางปลอดภัย บางครั้งการเชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็น่าจะทำให้เธออุ่นใจขึ้นมาบ้าง

                    ยังไม่ทันรถจะเคลื่อนไปถึงถนนใหญ่ เด็กตัวเล็กไม่รู้จากที่ไหนวิ่งมาเก็บบอล ปาลีรดาหวีดลั่น หมุนพวงมาลัยหักหลบสุดแรงจนรถของเธอหมุนคว้าง ชนเข้ากับวัตถุใหญ่ดังโครม

                    ปาลีรดากุมศีรษะตัวเอง ที่แม้จะมีถุงลมนิรภัยออกมากางกั้นแล้วก็ตาม สัมผัสหนืดๆ ที่มือก็ยังมี หญิงสาวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชนเข้ากับอะไร ในตอนนั้นเธอกลัวแค่ เด็กยังปลอดภัยดีหรือไม่ ร่างบางปลดเข็มขัดนิรภัย ภาพที่มองเห็นยังเบลอคล้ายโลกหมุน เหมือนมีใครเอากลองไปตีอยู่บนหัว

                    มือบางคลำหาที่เปิดประตูรถเพื่อจะออกไป แต่เมื่อร่างพยายามจะทรงตัวด้วยขาทั้งสองข้างบนพื้น เข่าก็อ่อนลง เอวของเธอถูกแขนของใครบางคนเกี่ยวรัดเอาไว้แน่นเพื่อพยุงไว้ไม่ให้เธอล้ม ปาลีรดาปรือตามอง จนสายตาปรับภาพชัดเจน

                    “พี่สูร อ้าว คุณโสมหรอคะ”

                    สายตากวาดมองสภาพรถของเธอที่ปะทะอย่างแรงกับเสาไฟด้วยความหวาดเสียว ดีแค่ไหนที่เธอไม่เป็นอะไรมากมาย เธอกลับบ้านไปมีหวังโดนที่บ้านดุเอาอีกแน่ โทษฐานดื้อไม่เข้าเรื่อง

                    “เช็ดเลือดก่อนนะครับ” มือของปาลีรดาสั่นด้วยอารามยังตกใจ ไม่ทันยื่นมือไปรับผ้าเช็ดหน้าสะอาดมา โสมก็ใช้ผ้าซับเลือดจากแผลบนหน้าผากของเธออย่างเบามือ สีหน้ากังวลคิ้วขมวดอย่างเห็นได้ชัด “คุณอ้ายเครียดเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ”

                    “เปล่าหรอกค่ะ อ้ายขับรถหลบเด็ก ก็เลย” ไม่ต่อให้จบเหตุการณ์ตรงหน้าก็บอกได้ โสมไม่รู้ว่ารู้สึกโล่งใจดีไหมที่รู้ว่าปาลีรดาไม่ได้เก็บเรื่องพี่สูรมาคิดจนเกิดอุบัติเหตุแบบนี้

                    มองการกระทำของโสม เธอก็ให้คิดถึงใครอีกคนที่เธออยากให้เขามาอยู่ตรงนี้ แต่มันเป็นเพียงฝันลมๆ แล้งๆ “โทรบอกที่บ้านไหมครับ”

                    “ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวก็มา”

                    “ตายแล้ว คุณหนู” เสียงวี้ดว้ายของป้าศรีที่มีลุงสนปั่นจักรยานมาปิดปากชี้นิ้วมาที่สภาพรถของเธอด้วยสีหน้าหวาดเสียว ดีที่ยามประจำหมู่บ้านรีบไปบอกเธอถึงที่บ้าน ร่างท้วมของศรีตรงดิ่งมาถึงคุณหนูได้ทัน สำรวจร่างกายของเธออย่างถ้วนถี่ ก่อนจะตวัดสายตามองโสมด้วยแววตากราดเกรี้ยว

                    “คุณตัดหน้ารถคุณหนูหรอคะ รู้ไหมคะว่าแค่นิดเดียวชีวิตคนเราจะเป็นยังไง”

                    “ป้าศรีคะ ไม่ใช่เขาหรอก คุณโสมเป็นน้องชายพี่สูรค่ะ เขาคงจะผ่านมาแถวนี้พอดี” ศรีอ้าปากค้าง หัวเราะกลบเกลื่อน จากกราดเกรี้ยวเมื่อครู่รีบดูแผลบริเวณศีรษะของนายสาว “โถ่ คุณหนูของป้า ไปหาหมอกันนะคะ”

                    “เดี๋ยวป้าศรีอยู่กับลุงสนดีกว่านะคะ ช่วยอยู่รอจนประกันมา อ้ายเองก็ไม่มีเบอร์ประกัน ส่วนอ้าย อ้ายจะดูแลตัวเองให้ดีนะคะ” บอกย้ำ ร่างบางตั้งใจผละจากไปหยิบกระเป๋าถือ พร้อมแฟ้มเอกสารในรถ ก็พบว่าโสมเร็วกว่า จัดการให้เธอจนครบ

                    “ขอบคุณค่ะ”

                    “เดี๋ยวผมไปส่งดีกว่า ป้าศรีไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะพาคุณอ้ายของป้าไปโรงพยาบาลหาหมอให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยไปส่งที่ทำงาน”

                    ท่าทีเอาจริงเอาจัง และแววตาที่ไม่มีอะไรแอบแฝงของโสมทำให้ศรีพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม ขอบคุณได้ไม่หยุด ปาลีรดามองการกระทำของน้องชายคนรัก เผลอยิ้มออกมา แต่ก็ต้องสะดุ้ง เมื่อคนที่เธอมองอยู่หันกลับมายิ้มใส่ มือหนาแตะแขนเธอเบาๆ อย่างสุภาพ พานำไปที่รถสีน้ำเงินที่จอดอยู่ไม่ไกล

                    “คนน้องดูดีไม่แพ้คนพี่เลยนะตาสน” ป้าศรีมองตามรถที่เคลื่อนตัวไปตามถนนใหญ่จนหายไป สนได้ยินถึงกับถอนใจยาว สรุปในใจเสร็จสรรพ

                    “สำหรับฉัน ถ้าคุณโสมจะมาจีบคุณหนู ฉันก็จะเชียร์คุณโสม”

                    “ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะ” เสียงแหวลั่น สนหลบฉากที่อาจจะทะเลาะกันถ้าเขาตอบไม่ได้ไปหาประกันที่มาทันด่วนตามสั่ง ปล่อยให้ศรีขมวดคิ้วยุ่ง สงสัยในคำพูดของสนต่อไป

     

                    รถสปอร์ตทะยานไปราวกับเหาะ ปาลีรดากุมแผลไว้หน้าซีด แต่ไม่ใช่ซีดเพราะแผลที่ศีรษะ แต่เป็นการขับรถท้ายมทูตของโสมมากกว่า

                    “ขับช้าๆ ได้ไหมคะคุณโสม อ้ายกลัวว่าจะเมารถ”

                    “หา?” หน้าคมหันมองหญิงสาวที่ปากสีซีดลง เหงื่อผุดตามไรผม รถที่เหยียบคันเร่งมิดด้วยหัวใจของเขาอยากให้ปาลีรดาถึงมือของหมอเร็วที่สุด รถชะลอความเร็วลงเมื่ออีกไม่ถึงกิโลจะถึงทางเข้าโรงพยาบาล ปาลีรดามองค้อนคนใจร้อน และนั่นเป็นสิ่งแรกที่เธอรู้ถึงความแตกต่างของสูร และโสม

                    โสม ผู้ชายคนนี้ใจร้อน และท่าทางจะมุทะลุยิ่งกว่าผู้เป็นพี่ ที่สุขุมมากกว่า

                    โสมหันมายิ้มเห็นใจเมื่อปาลีรดาต้องใช้มือข้างหนึ่งใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดแผล อีกข้างยกมือปิดปากกลั้นอาเจียน วิงเวียนคลื่นเหียนเพิ่มจากแผลบริเวณศีรษะ รถขึ้นทางส่งผู้ป่วย มีรถเข็นและบุรุษพยาบาลจ่อรอตรงประตู ปาลีรดาถูกพยุงขึ้นรถเข็น เมื่อถึงมือหมอแน่นอน โสมจึงขับรถไปจอดไว้ อดไม่ได้ที่จะนึกถึงใบหน้าของปาลีรดา บางทีคนที่เธอต้องการ อาจไม่ใช่เขา แต่ควรเป็นพี่ชายเขามากกว่า

                    โทรศัพท์ถูกหยิบขึ้นมากดหา รอไม่นานเสียงห้วนกรอกลงไปให้คนเป็นพี่ได้ร้อนรนขึ้นมาบ้าง

                    “คุณอ้ายประสบอุบัติเหตุ ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลจะมาทำหน้าที่คนรักที่ดีบ้างไหมครับ พี่ชาย”

                    โสม สิ่งที่แกทำถูกต้องแล้ว ชายหนุ่มย้ำกับตัวเอง ถึงจะไม่เข้าใจว่าทำไมดวงตาของเขาในกระจกที่สะท้อนมองมา จะมีความเศร้าอยู่ในนั้นจางๆ

     

                    โทรศัพท์เบอร์ที่เธอไม่เห็นมาหลายวันกำลังขึ้นหน้าจอสว่าง ส่งเสียงรบกวนห้องอุบัติเหตุที่เธอเพิ่งจะเข้ามาไม่ถึงสิบนาที พยาบาลเริ่มเอาแอลกอฮอล์ล้างแผลจนปาลีรดานิ่วหน้ากับความแสบสันต์ของมัน

                    “คุณจะรับโทรศัพท์ก่อนไหมคะ”

                    “ไม่ค่ะ ทำให้เสร็จก่อนดีกว่านะคะ” ปาลีรดาหยิบเครื่องสื่อสารมากดตัดพร้อมปิดเครื่อง เธออยากให้คนปลายสายรู้จักการรอเสียบ้าง หันมายิ้มสู้ พยักหน้าให้พยาบาลเริ่มทำแผลต่อ เพราะตอนนี้เธอแสบจนชาเกือบไม่มีความรู้สึกอะไรนอกจากตื้อๆ บนหัว

                    ยี่สิบนาทีต่อมาหลังจากจัดการเย็บแผลทายาเรียบร้อย ปาลีรดาถอนหายใจโล่งอก ถึงจะชาหนึบตึงๆ บริเวณแผล ยังโดนขู่หรือหวังดีก็ไม่ทราบจากพยาบาลว่าอีกไม่ถึงชั่วโมงเธอจะเริ่มปวดแผล มือบางแตะๆ ไปยังผ้าปิดแผลที่สูงเกือบติดตีนผม ความรู้สึกตอนชนกับเสาไฟฟ้าเธอยังกลัวไม่หาย สายตากวาดมองหาคนที่เป็นธุระพาเธอมาส่งถึงโรงพยาบาล อยากจะตอบแทนเขา แต่หน้าห้องอุบัติเหตุไม่มีคนที่เธอรออยู่

                    ปาลีรดาตัดสินใจจะไปจ่ายเงิน แต่ก็ต้องประหลาดใจยิ่งกว่า

                    “มีคนจ่ายแล้วหรอคะ ใครกันคะ” ถามย้ำให้แน่ใจ ขมวดคิ้วจนแผลบนศีรษะตึงขึ้น แก้มยกขึ้นเบ้ เมื่อได้รับการยืนยัน ว่าคนที่มาจ่ายไม่ยอมแสดงชื่อ แต่เธอก็ไม่ลืมถามรูปลักษณะ ถามไถ่จนแน่ใจว่าใคร ซึ่งผู้ชายลักษณะแบบนั้น มีแค่สองคนที่เธอรู้จัก ไม่พี่สูร ก็คือคุณโสม

                    หญิงสาวหยิบโทรศัพท์มาเปิดเครื่องอีกครั้ง นึกโกรธคนที่มาช่วยเธอ เขาไม่ได้เอาแฟ้มงานของเธอลงมาด้วย เบอร์ของเขาเธอก็ไม่มี

                    มีมิสคอลขึ้นมาเพียงสองสาย สูรก็ไม่ได้โทรกลับมาอีก เขามักจะเป็นแบบนี้เสมอ ไม่รู้ว่าทำไมเธอต้องรู้สึกน้อยใจ กับความใจเย็นของเขาแบบนี้ เธอยังแอบหวังให้เขาใส่ใจเธอมากกว่านี้

                    ร่างบางหมุนตัวกลับเตรียมไปขึ้นรถประจำทางเพื่อจะได้ทำงานเสียที วันนี้ที่สำนักงานให้เธอเป็นคนรับงานใหม่ หลังจากที่เธออาจต้องกลับไปพิมพ์ร่างสัญญาฉบับเก่าเกี่ยวกับการค้าของบริษัทแห่งหนึ่งใหม่ เพราะดันทิ้งไว้ในรถของโสม

                    สำนักงานกฎหมายพิทักษ์ธรรมเป็นสำนักงานขนาดกลาง ที่มีพ่อบุญธรรมของเนติมาเป็นเจ้าของ ถึงตอนนี้ท่านจะจากไป แต่อุดมการณ์ของท่านก็ยังสืบต่อมาในรุ่นต่อๆ มา ปาลีรดาเองก็ไม่จำเป็นต้องไปหาที่ทำงานให้ไกล เพียงแค่จบมา อาธนัสน้องชายคุณนิธิ พ่อบุญธรรมของเนติมาก็รับช่วงต่อ ดูแลสำนักงานเป็นอย่างดี ส่วนเธอจะถนัดดูแลคดีเกี่ยวธุรกิจการค้า มากกว่าคดีฆาตกรรม เน้นคดีแพ่ง ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ต้องไปสืบสาวตั้งแต่ต้น เธอจะเน้นหนักเรื่องเจรจาเพื่อทำสัญญาดูช่องโหว่ของกฎหมายเกี่ยวกับการทำธุรกิจ แต่หากเธอต้องไปช่วยคดีของผู้ถูกเอาเปรียบหรือเสียหายเพราะธุรกิจ เธอก็ต้องเตรียมทำคดีความยื่นศาลเช่นกัน

                    ปาลีรดาถอยชิดริมเสา ใช้เงาของที่นั่งบังแสงแดดยามสาย นึกอนาถกับชีวิตขับรถของเธอ ท่าทางจากนี้เธอต้องพึ่งรถประจำทาง ไม่ก็ลุงสนไปตลอดชีวิต ดีแค่ไหนแล้วที่ครั้งนี้เธอตกใจแล้วเหยียบเบรก ไม่เหมือนครั้งก่อนๆ ที่ตกใจรถที่ขับปาดเร็วผ่านหน้าไป กลายเป็นว่าเท้ากลับเหยียบคันเร่งหนักขึ้น ไปจูบท้ายรถคันข้างหน้าเข้า ที่บ้านถึงไม่ค่อยไว้ใจเธอ เป็นไปได้จะไม่ให้เธอแตะต้องรถเด็ดขาด วันนี้เธออยากลองอีกครั้ง หลังจากห่างมือมานาน และมันบอกกับเธอให้ทำใจ ยอมรับว่าตัวเองไม่เหมาะจะขับรถ

                    ปี๊นๆ

                    คิ้วเรียวสวยเลิกมองคนที่มาจอดรอตรงหน้าอย่างแปลกใจ เอียงคอสงสัย เมื่อเห็นร่างสูงที่เริ่มคุ้นตาเดินลงมา สายตาของเธอก็ฃส่งค้อนไปให้โดยที่เธอตั้งใจ คนได้รับค้อนหัวเราะเบิกบาน เก็บซ่อนอาการหงุดหงิดที่เพิ่งจะทะเลาะกับพี่ชายผ่านทางโทรศัพท์มาอีกครั้ง แค่ได้เห็นปาลีรดาเขาก็มีความสุขแล้ว

                    “ไปกันได้หรือยังครับ เจ้าหญิง ราชรถมาเกยถึงที่แล้ว” ทำท่าผายมือต้อนรับ พร้อมกับรีบเปิดประตูที่นั่งช้างคนขับออกให้อย่างรู้งาน เมื่อร่างบางเดินมาถึง ปาลีรดาหน้างอเหมือนเด็กๆ เมื่อสำนึกได้ว่าโสม เป็นนักเหยียบคันเร่งสุดโหดขนาดไหน จะถอยก็กลัวจะเสียหน้า

                    “หวังว่าจะพาอ้ายไปถึงที่ทำงาน ไม่ใช่ยมโลกนะคะ”

                    “ครับผม” โสมเหล่มองหน้าสวยที่เริ่มจะซีด เตรียมเขยิบมานั่งชิดประตู หลังจากเขากลับมานั่งในรถคาดเข็มขัดเรียบร้อย “ผมจะขับดีๆ ตามที่เจ้าหญิงบัญชาเลยครับ”

                    สบายใจขึ้น เมื่อโสมทำตามที่รับปากไว้จริงๆ   

                    “คุณโสมโทรบอกพี่สูรหรอคะ”

                    เสียงหวานลอยเข้ากระทบหูคนฟัง แต่คนฟังไม่ได้อยากจะตอบ เมื่ออาการคนถามนิ่งลงไป สีหน้าไม่ได้สบายใจอย่างในตอนแรก ปาลีรดากอดแฟ้มงานแน่นมากขึ้น เมื่อสายตาหันกลับมามองด้านข้างคนขับ ผู้มีใบหน้าคล้ายกับพี่ชาย

                    “ตอนนี้พี่สูรทำอะไรคะ เขาสบายดีไหม” ปาลีรดากัดปากตัวเองที่ถามไม่ตรงกับใจ จากทำไมเขาทำกับเธอแบบนี้ เขามีใครอื่นใช่ไหม ทำไมเธอถึงพูดมันออกมาไม่ได้ เพราะแค่นี้ เธอก็รู้สึกว่าคำถามของเธอมันดูเหินห่าง แฟนภาษาอะไรทำไมถึงได้ไม่รู้ความเป็นไปของเขา

                    หัวใจเจ้ากรรมมันไม่เต้นแรงกับผู้ชายที่ชื่อสูรอย่างแต่ก่อน เธอรู้สึกว่าความรักของเธอมันเต้นช้าลง และคอยแต่จะบีบคั้นให้เธอต้องร้องไห้ออกมา โดยที่เธอไม่ต้องการ ปาลีรดายิ้มมุมปาก สมเพชตัวเอง เธอเกลียดสถานะแบบนี้

                    “ทำไมไม่โทรไปหาพี่สูรครับ ผมว่าพี่สูรน่าจะอยากคุยกับคุณอ้าย”

                    หญิงสาวส่งเสียงหัวเราะสั้นๆ ในลำคอ ไม่ตอบคำถามที่เธอเฝ้าเพียรถามเขามาตลอด แต่ไม่เคยไปถึงหูเขา จากที่เคยกังวลว่าที่เขาหายไปจะเกิดอุบัติเหตุ หรืออันตรายกับเขาไหม ตอนนี้ เธอคิดได้เพียงว่าเขากำลังหนีหน้าเธอ

                    “ฝากบอกพี่สูรด้วยนะคะ ว่างานแต่งอ้ายยกเลิกไปแล้ว ให้เขาสบายใจได้ แหวนนี่ เป็นแหวนหมั้น ฝากคุณโสมไปคืนให้พี่สูรด้วย และบอกเขาว่าไม่ต้องห่วง อ้ายเข้าใจ อ้ายอยู่ได้ ถ้าเขาเลือกเงียบเป็นคำตอบ อ้ายก็มีแค่นี้ที่จะให้เขา” นิ้วเรียวสวยข้างซ้ายที่เคยมีแหวนทองเกลี้ยงสวมอยู่ ถูกถอดออกด้วยใจเจ้าของที่ร้าวรานหนัก แต่ปาลีรดาเลือกจะฝังอาการเหล่านั้นไว้ ไม่สนใจว่าโสมกำลังหาเสียงของตัวเองออกมาไม่เจอ

                    “ใจเย็นๆ ก่อนนะครับคุณอ้าย พี่สูรต้องไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้แน่”

                    “อ้ายขอถามคำถามคุณโสมคำถามเดียว”

                    ใบหน้าจริงจังหันกลับมาคาดคั้นเอาคำตอบตั้งแต่ยังไม่เริ่มถาม ปาลีรดารู้สึกแปลกใจที่เขารู้จักสำนักงานของเธอทั้งที่เธอไม่ได้บอกทางเขา แต่ก็ไม่ใส่ใจ เพราะสิ่งที่เธอต้องการจะรู้สำคัญกว่ามาก มือบางจิกเข้าหากันระงับอาการกดดันของตนเอง

                    “คุณโสมมีแฟนหรือยังคะ”

                    “หืม” หน้าคมมองหน้าใสค้าง หัวใจเต้นรัวเป็นกลองสามช่าเมื่อมองสีหน้า และแววตาของปาลีรดา มันทำให้เขาเผลอคิดไปไกล ใจเย็นๆ โสม คุณอ้ายเป็นแฟนพี่สูร อย่าคิดไปไกล

                    “ยังครับ”

                    “ถ้าอย่างนั้นผู้หญิงที่อยู่ในบ้านคุณตอนเมื่อวานก็ไม่ใช่แฟนคุณ”

                    “คุณเจอกัณต์ฐาแล้ว” โสมพูดออกมาโดยไม่ทันว่าจะเข้าทางคนฟัง ปาลีรดาฟังแล้วชะงัก ดวงตามีน้ำหล่อเลี้ยงเกินจำเป็น แต่เธอระงับมันด้วยการหายใจเข้าลึก “ผมจะจัดการทุกเรื่องเอง คุณอ้ายอย่าเพิ่งทำแบบนี้เลย” ใช้มือดันแหวนที่เธอพยายามจะส่งคืนให้

                    “เธอท้องใช่ไหมคะ”

                    สายตากดดันกำลังทำโสมอยู่ไม่เป็นสุข เขาเห็นว่าเธอใกล้จะร้องไห้ แต่เหมือนเธอจะคาดการณ์คำตอบของเรื่องออกไปเกินครึ่ง และมันถูกต้อง

                    “พี่สูรเขาเป็นคนทำผิด เขาจะกลัว เขามีอาการแบบนี้ไม่นานเท่าไหร่ ไม่ถึงสองอาทิตย์ อ้ายสงสัยว่าถ้าคุณกัณต์ฐาท้อง ลูกในท้องจะไม่ใช่ลูกของเขา เพราะว่าอ้ายรู้จักพี่ชายคุณดี”

                    โสมรู้สึกอยากให้ปาลีรดาไปทำคดีสืบสวนสอบสวนบ่อยๆ การคาดการณ์ของเธอทำเขาขนลุก หลายอย่างตรง ยกเว้น เรื่องเด็ก

                    “เขาบอกคุณโสม ว่าเป็นลูกของเขาใช่ไหม กรุณาตอบอ้ายด้วยค่ะ”

                    ท่าทีอึกอักเป็นคำตอบให้เธอ หญิงสาวเหยียดยิ้มให้ตนเอง สะพายกระเป๋าข้าง และกอดแฟ้มเอกสารสัญญาร่างของเธอไว้ ด้วยอาการสั่น ทั้งที่เธอพยายามควบคุมมันไว้ให้เต็มที่ มือข้างหนึ่งมีวัตถุเย็นเฉียบถูกกำเข้าหากัน ปาลีรดาลงจากรถอย่างรวดเร็ว ก้าวไปให้ถึงสำนักงานที่เป็นตึกสองชั้นโดยไม่เหลียวหลัง ก่อนที่เธอจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่

                    แขนกลมกลึงถูกดึงไว้อย่างแรงก่อนที่เท้าของเธอจะก้าวไปข้างใน แพขนตาเปียกชื้น น้ำตาหยดแรกไหลออกมาประจานให้ปาลีรดารู้สึกอาย หญิงสาวไม่มีมือจะเช็ด ได้แต่ปล่อยไว้อย่างนั้น โสมใจหายวูบเมื่อเห็นคนเข้มแข็งกำลังอ่อนแรง

                    “ผมรู้ว่าคุณเก่ง แต่คุณอ้ายจะเชื่อใจพี่ชายผมก่อนได้ไหม เขารักคุณมาก”

                    “คุณเชื่อพี่คุณ ก็เชื่อไปสิ” ปาลีรดาพูดเสียงเย็น ไม่ยอมสบตาที่มองเธอมาอย่างแน่วนิ่ง “ขอบคุณที่บอกอ้ายเรื่องผู้หญิงคนนั้นนะคะ ส่วนแหวนนี่” หญิงสาวชูแหวนที่กำจนขึ้นรอยวงบนมือตกกระทบกับแสง “อ้ายรู้จักพี่ชายคุณดี ว่าเขาจะปกป้องผู้หญิงคนนั้น เพราะเขาเป็นคนดี แต่อ้ายจะไม่รอ ไม่มีเหตุผลที่อ้ายจะต้องมานั่งรอผลการตัดสินใจของเขา เขาคิดเองมาแต่ต้น ไม่เห็นความสำคัญของอ้ายด้วยซ้ำไป ถ้าคุณโสมไม่รับแหวนไปคืนพี่ชายคุณ อ้ายจะเอาแหวนวงนี้ไปบริจาคให้ขอทานที่เขาอดอยาก”

                    โสมรีบดึงแหวนสำคัญนั้นไปเก็บไว้ กลัวว่าปาลีรดาจะเอาจริง หน้าเนียนสะบัดหนีเขาไปพร้อมกับตัวที่ดิ้นจนหลุด โสมยืนคว้างไม่รู้จะช่วยให้สถานการณ์ความรักของคนทั้งคู่ให้ดีขึ้นได้อย่างไร คนกลางอย่างเขาก็ท้อเป็น

                    “คุณอ้ายรู้เรื่องฐาได้ยังไง ใครเป็นคนบอก”

                    เท้าหยุดลง ปาลีรดาพูดโดยไม่หันกลับมาแต่มันทำให้คนฟังรู้สึกว่าตัวเองจำเป็นต้องกินปลาให้มากกว่านี้ “อ้ายไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมื่อวานนี้คนที่อยู่ในบ้านคุณโสมเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ทั้งหมดก็แค่เดา ขอบคุณที่ทำให้อ้ายรู้คำตอบทั้งหมดนะคะ อ้อ ขอบคุณที่เป็นธุระเรื่องอ้ายตลอดเช้านี้ มีโอกาสอ้ายจะตอบแทนคุณโสมแน่นอน”

                    นักกฎหมายทุกคนมีวิธีล้วงความลับคนแบบคุณอ้ายหรือเปล่า แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาฉุกคิดตาม แววตามั่นใจที่บอกว่าลูกของกัณต์ฐา ไม่ใช่ลูกของพี่สูร บางทีงานนี้คนที่ถูกหลอกดูเหมือนจะมีแค่เขา จะเป็นผู้ช่วยพระเอกนางเอก เขาจำเป็นต้องฉลาดและรู้ให้ทันคนทั้งคู่

     

                    สัญญาร่างถูกส่งต่อไปยังรุ่นน้องให้ได้ไปดำเนินการกับบริษัทลูกค้าที่ส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทขนาดกลางจนถึงขนาดเล็กไม่ใช่ระดับองค์กรใหญ่ที่ต้องมีทีมกฎหมายส่วนตัว เธอจะดำเนินการในขั้นต้น ปล่อยให้รุ่นน้องได้ไปพบปะคน ปาลีรดาเดินมาแพนทรี่มุมโปรดที่เป็นโซนกาแฟเล็กด้วยโต๊ะยาวเพียงตัวเดียวชิดผนัง มีตู้ปลาตู้ยาวให้ดูเพื่อผ่อนคลายอารมณ์เครียด งานกฎหมายใครว่าสบาย เรียนไม่ใช่ง่ายๆ ต้องตีตั๋ว ถึงจะได้มาทำอาชีพนี้ได้ การสอบเนติอีก หากผ่านทุกสนาม ยังไม่เหนื่อยเท่าการนำความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาใช้ ถ้าไม่สุขุมพอ และมีอุดมการณ์มั่นคงในใจ จะกลายเป็นคนที่ใช้เงินซื้อความถูกต้องมากกว่าความจริง

                    แต่เรื่องงานน่าปวดหัว ในเวลานี้ไม่ใช่ปัญหาหนักอกเท่าเรื่องหัวใจของเธอ ดวงตาเหม่อมองฝูงปลาทองแข่งกันว่ายอวดวุ้นบนหัว บางตัวไม่มีวุ้นใหญ่ก็เอาแต่กิน บางตัวปล่อยเส้นยาวๆ เส้นเล็กยาวพรืดเป็นหาง อุจจาระปลารูปร่างไม่เหมือนเม็ดๆ ตอนที่มันกินไปตอนแรกเลย

                    “โอ๊ย” น้ำร้อนจากกาเล็กเพื่อเทใส่ถ้วยแก้วที่ใส่โกโก้ล้นจนโดนมือ หญิงสาวสะบัดมือออกเนือยๆ อาการแสบร้อนและคงจะพองในเวลาไม่นานไม่ได้เจ็บอย่างที่เธอคิด แผลบนหัวเช่นกัน เธอแทบไม่รู้สึกอะไร

                    “อกหักมาหรอพี่ เหม่อแบบนี้มีปัญหาหัวใจแหงๆ บอกเด็กน้อยอย่างผมได้ป่ะ”

                    อิศราจากทีมกฎหมายอาญาเยี่ยมหน้าตี๋ๆ มาทักทาย มองแผลบนหัวรุ่นพี่ถึงกับฉงน “ทะเลาะกับพี่สูรมาหรอพี่อ้าย หัวไปทำอะไรมา แฟนพี่ทำไมไม่ดูแลพี่เลย เห็นคนมาส่งไม่ใช่พี่สูรด้วย”

                    “แสนรู้นักนะ เอาไป พี่ขี้เกียจดื่มแล้ว ฝากเททิ้งที” แค่ได้ยินชื่อคนรัก ปาลีรดาก็หมดอารมณ์จะทำสิ่งต่างๆ หญิงสาวเดินไปหาของเย็นมาประคบรอยแดงบนมือ เปิดตู้เย็นพบถุงเย็นที่ไว้ใช้ประคบหน้าผากเวลามีใครปวดหัว ซึ่งมีคนใช้บริการไม่น้อยด้วยงานหนักหนากันถ้วนทั่ว วันนี้เธอจะขอเป็นลูกค้ามันซักวัน

                    ถุงเย็นถูกหยิบติดมือไปห้องส่วนตัวของเธอที่ถูกแยกเป็นหัวหน้าแผนกดูแลกฎหมายทรัพย์ และธุรกิจคู่สัญญาทุกประเภทภายในสำนักงานแห่งนี้ ซึ่งมีรุ่นน้องในทีมอีกสองคนคือ กีรติ และแพรเพชร กีรติมักเป็นคนรับงานภายนอก ด้วยรูปลักษณ์ที่ใช้เป็นด่านแรกในการสมานไมตรีกับลูกค้า วันนี้เขาจึงไปดำเนินงานต่อจากที่เธอทำไว้ เหลือเพียงแพรเพชรที่คงจะวุ่นกับคดีแพ่งบางอย่างที่เธอมอบให้ทำ

                    สาวหัวฟู สวมแว่นเงยขึ้นมองรุ่นพี่ของเธอ รีบลุกขึ้น “วันนี้บ่ายสองโมงพี่อ้ายมีนัดรับงานใหม่ค่ะ”

                    “ไกลจากที่นี่ไหม”

                    “ไม่เท่าไหร่ค่ะ รถไฟฟ้าสองสถานีก็ถึง”

                    “เที่ยงครึ่งเข้าไปปลุกพี่ วันนี้ขอขนมปังสองแผ่นกับนมกล่องรสจืดก็พอ เอารายละเอียดงานให้พี่อ่านด้วย พี่ขอพักแปบนึง”

                    “ตายแล้ว หัวพี่อ้ายไปโดนอะไรมาคะ” แพรเพชรยกมือปิดปาก ชี้มือไปที่ผ้าพันแผลบนศีรษะของรุ่นพี่ มีรอยเลือดให้เห็น “ให้เพชรเลื่อนนัดไหมคะ”

                    ปาลีรดาโบกมือไล่ให้กลับไปทำงาน ไม่อยากเห็นรุ่นน้องทำอาการเหมือนเธอโคม่าก็ไม่ปานจึงรีบเข้ามาในห้องเล็กๆ ที่กว้างและยาวด้านละสามเมตร อาจจะเล็กเหมือนรูหนูไปบ้างในเวลาที่กองเอกสารท่วมหัว แต่ตอนนี้งานหลายๆ อย่างถูกจัดการไปมากแล้ว เหลือเพียงเอกสารกองเล็กบนโต๊ะ หญิงสาวหยิบเตียงผ้าที่พับเก็บไปมาปูนอนหลังโต๊ะทำงาน แง้มๆ ผ้าม่านให้พอมีแสงเข้ามาในห้อง โดยช่วยชาติประหยัดด้วยการไม่เปิดไฟ มีแอร์เย็นทั้งตึกพ่นจากช่องบนเพดาน ปาลีรดาหยิบหมอนอิงใบเล็กรูปพระอาทิตย์ก็พาลคิดถึงคนซื้อ

                    หญิงสาวหนุนนอนบนหมอนนั้น แม้จะปวดใจอยู่บ้าง แต่เธอก็ไม่อยากเสียเวลาหาหมอนใบใหม่ เอาถุงเย็นมาวางประคบบริเวณตา เพื่อไม่ให้น้ำตามันไหลอออกมาเวลาที่เธอหลับ เธออาจเป็นคนรักที่ไม่ให้โอกาสสูรแก้ตัว แต่เขาก็พิสูจน์ให้เธอเห็น ว่าเขาไม่พร้อมจะมีเธอเป็นคู่ชีวิตของเขา มีเรื่องขนาดนี้ เขากลับเผชิญมันเพียงคนเดียว เขาพร้อมจะหันหลังให้เธอ โดยไม่คิดว่าเธอจะรู้สึกอย่างไร

                    โทรศัพท์กรีดเสียงขึ้นมาเมื่อเธอกำลังงีบหลับ มือเรียวควานหาในกระเป๋า เมื่อเจอโทรศัพท์ปาลีรดากดรับไม่ทันมองเบอร์ เสียงของคนที่เธอเหมือนไม่ได้ยินมานานแสนนานดังขึ้นข้างหู

                    “อ้าย พี่ขอโทษ”

                    “อ้ายยกโทษให้ ไม่ต้องกังวลอะไรนะคะ อ้ายฝากคืนแหวนหมั้นไปกับคุณโสมเขาแล้ว” แม้ในใจจะค้านกับคำพูด แต่เธอก็ตัดสินใจ “ขอบคุณที่โทรมานะคะ อ้ายกำลังจะนอนพัก”

                    “ไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมอ้าย ตอนโสมโทรมาบอกว่าอ้ายเกิดอุบัติเหตุพี่เป็นห่วงอ้ายมากนะ แต่ว่า” ท้ายเสียงขาดหายไป ปาลีรดากัดปากฉับ รู้ดีว่าใครจะขัดขวางการมาขอสูรได้

                    “ให้เรื่องของเรามันจบไปเถอะค่ะ ต่อจากนี้ก็เลิกห่วง เลิกใส่ใจอ้ายเสียที ยังไงคนที่พี่สูรเลือกก็ไม่ใช่อ้าย”

                    ปากบางสั่นระริก ขนาดมีถุงเย็นประคบตาไว้ เธอยังรู้สึกตายังสามารถรื้นน้ำขึ้นมาได้ อาการปวดแปลบแล่นไปถึงแผลบนหัว ปาลีรดานิ่วหน้าแต่อดทนไม่เปล่งเสียงออกไป

                    “พี่แค่ขอให้อ้ายรอ อ้ายรอพี่ได้ไหม”

                    รอได้ ถ้าเขาจะทำให้เธอมั่นใจ แต่ไม่ใช่แบบนี้ ตอบคำถามในใจชัดเจน แต่ไม่ได้ตอบไปให้สูรได้ยิน “ค่ะ อ้ายจะรอ” ปาลีรดากลั้นใจพูดสิ่งที่แม้แต่ตัวเองก็เจ็บ เปลือกตาปิดสนิทเมื่อรับรู้ว่ามีหยดน้ำไหลออกมาอีกครั้ง เสียงของคนปลายสายดีใจ แต่ก็เงียบในเวลาต่อมา “รอวันที่พี่สูร จะเลิกยุ่งกับอ้ายเสียที เลิกบอกให้อ้ายรอ เลิกให้อ้ายหวัง ตั้งแต่มีผู้หญิงคนนั้นเข้ามา พี่สูรก็เริ่มโกหกอ้าย ทั้งที่พี่ไม่เคยทำ พี่เลือกให้คนหนึ่งสบายใจ แต่เลือกให้อ้ายอยู่กับความกระวนกระวายใจ เจ็ดปี มันค่อยๆ ลบเลือนความรู้สึกดีๆ ของอ้ายให้หายไปในเจ็ดวัน”

                    “อ้ายจะให้พี่ทำยังไง พี่ก็เครียดนะ”

                    “มาถามอะไรตอนนี้คะ มันจะดีกว่านี้ไหมถ้าพี่จะเอาคำถามนี้มาถามอ้ายตั้งแต่วันแรกที่พี่เจอเขา ถ้าพี่เห็นอ้ายเป็นคนที่พี่ควรเชื่อใจ ถ้าพี่สูรไม่อยากเครียด ก็ลืมอ้ายไป ดูแลเขากับลูกของเขาให้ดี อ้ายเชื่อว่าความดีในตัวพี่สูร ใครพบเจอก็ต้องหลงรักทั้งนั้น”

                    “ทั้งหมดเป็นความผิดของพี่เอง พี่ขอโทษ”

                    เสียงสะอื้นหลุดไปถึงปลายสาย ในที่สุดความอดทนของปาลีรดาก็ถูกตีแตก น้ำตามากมายไหลท่วมออกมาในห้องเล็กๆ คนปลายสายที่ได้ยินถึงกับเจ็บปวดไม่ต่างกัน

                    “พี่ขอโทษที่ทำให้อ้ายทุกข์ใจขนาดนี้ พี่ขอโทษ” คำเดิมๆ ถูกพร่ำออกมาไม่หยุด ปาลีรดายิ่งร้องหนัก ไม่รู้เธอคิดไปเองไหม ว่าพี่สูรก็กำลังร้องไห้ออกมา ความเจ็บปวดของคนที่ควรจะเอาเวลามาแต่งงาน กลับต้องมานั่งร้องไห้ ไม่สามารถพบหน้าเพื่อพูดจากันได้ ทำเหมือนคนแปลกหน้าที่ยังจากลากันไม่ได้

                    ตกลงเธอกับเขา เป็นอะไร ความสัมพันธ์แบบไหน เธอไม่แน่ใจอีกต่อไป

                    “พอเถอะค่ะ พอแค่นี้นะคะ” ตัดสายไปทั้งที่หัวใจเธอกำลังเรียกร้องเขา และไม่มีการโทรเข้ามาของสูรอีก เพราะสูรรู้จักเธอดีเช่นกัน แต่ครั้งนี้เธออยากให้เขาไม่รู้จักเธอ เธออยากให้เขารู้จักโทรกลับมาหาเธออีกสักครั้ง อีกนิดเดียว อีกนิดเดียวกำแพงในใจของเธออาจะถล่มลงมา เปิดให้เขารู้ว่าเธอพร้อมจะสู้เพื่อให้เขายืนในตำแหน่งคนรักของเธอ แต่เมื่อเวลาผ่านไป กำแพงนั้นจะถูกเสริมจนแกร่งมากขึ้น ด้วยทิฐิของเจ้าของเอง

     
    ...................................................................................
    เจ็บปวดกันไปข้าง สงสารนางเอกมากๆ เลย ตอนแต่งไป ทรมานแทนอ้าย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×