คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : //// 8 ////
////// HEATERD ///////
~Heechul~@~Ly~
//// 8 ////
ขอโทษน้าที่ตอนที่แล้วสั้นมากเพราะความจริงแล้วมันต้องอยู่ในตอนที่6แต่เพราะเห็นว่าตอนที่6มันยาวมากแล้วก็เลยตัดมาอ่ะ ชดเชยให้ในตอนนี้ล่ะกันนะ
/////////////////////////////////////////////////////////////
ร่างบางที่กำลังขะมักเขม้นทำหน้าที่ของตนอยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์ ก็ต้องตกใจเมื่อใบหน้าสวยหันไปพบคนที่เค้าไม่อย่าเจอที่สุดในเวลานี้ ร่างบางตัดสินใจทำเป็นมองไม่เห็นซะอย่างนั้น จะคนที่นั่งอยู่อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้น
“ไม่คิดจะทักทายพี่ชายคนนี้หน่อยหรือไงครับทึกกี้”
“สวัสดีครับ....”
ร่างบางเจ้าของชื่อทักทายอีกฝ่ายตามที่ต้องการแต่ก็ยังคงไม่มองหน้าร่างสูงตรงหน้า
“ฉันจำได้ว่าเคยบอกไปแล้วนี่น่าว่าให้เรียกพี่น่ะ”
ร่างสูงเอ่ยกับคนตรงหน้าเบาๆ
“คุณก็รู้ว่าความจริงมันไม่ใช่แต่คุณก็ยัง......”
ร่างบางเอ่ยกับคนตรงหน้าเสียงแผ่ว
“ไม่ใช่แล้วไงล่ะถึงนายจะไม่ใช่ลูกของพ่อฉันแต่แม่ของนายแต่งกับพ่อฉัน ยังไงนายก็เป็นน้องของฉันอยู่ดีแหละทึกกี้”
ชายหนุ่มไหวไหล่ตอบอย่างไม่สนใจกันคำพูดของร่างบาง
“.........”
ทึกกี้จำต้องเงียบเพราะไม่รู้จะหาอะไรมาเถียงร่างสูงได้อีก เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่โต้ตอบบนใบหน้าหล่อก็ยิ้มอย่างผู้ชนะ
ความเงียบเข้าครอบคลุมทั้งคู่อยู่ชั่วขณะจนทึกกี้ที่เป็นฝ่ายทนไม่ไหวเอ่ยถามขึ้น
“คุณมาที่นี่เพื่ออะไร เพราะถ้าให้เดาคุณคงไม่ได้จะมาแค่บังคับให้ผมเรียกคุณว่า พี่ แค่นั้นหรอกใช่ไหมครับ”
“จุ๊ๆ ไม่เอาๆ ‘คุณ’ เอา ‘พี่’ สิ”
“ก็ได้ๆถ้าบอกมาดีๆว่าต้องการอะไร ก็จะให้ตามที่ขอ”
ทึกกี้รีบตอบตกลงเมื่อเห็นอีกคนเริ่มทำตัวเป็นเด็กๆ
“งั้นฉันจะไม่อ้อมค้อมนะ”
ชายหนุ่มบอกกับอีกคนที่กำลังตั้งใจฟัง ทึกกี้เองก็พยักหน้ารับเบาๆแทบคำตอบ
“คิม ฮีซอล เป็นลูกของผู้หญิงคนนั้นใช่ไหม”
คังอินเอ่ยถามน้ำเลียงทุ้มนุ่มทั้งยังหนักแน่นบงบอกได้ดีว่าจริงจังกับคำถามนี้และคำตอบที่จะได้รับขนาดไหน
“ผู้หญิงคนนั้น ? คนไหนกันผมไม่เข้าใจ”
ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจแต่ก็แกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ
“ปาร์ค อึนเฮ ผู้หญิงอีกคนของพ่อฉัน น้องสาวแท้ๆของแม่นายไง”
ชายหนุ่มยิ้มให้ทึกกี้หลังพูดจบ
“ถ้าผมบอกว่าไม่ใช่ล่ะ”
“แล้วนายคิดว่าฉันจะเชื่อนายไหม อย่าพยายามปกปิดฉันเลยจะดีกว่านะ”
ร่างสูงตอบกลับแทบจะทันทีสายตายังคงไม่ละไปจากร่างบางที่หลังเคาน์เตอร์
“อะไรทำให้คุณคิดว่าสิ่งที่ผมบอกคุณมันไม่เป็นความจริงล่ะ”
ร่างสูงส่งรอยยิ้มจางๆให้ร่างบาง
“สิ่งที่นายรู้......มันก็เท่าๆกับที่ฉันรู้นั่นแหละ ทึกกี้”
ร่างสูงเงยหน้าขึ้นจากแก้วเหล้า ดวงตาคมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสวยอย่างสื่อความหมาย ถึงปากจะพูดออกไปแบบนั้นแต่ความจริงตัวของร่างสูงก็แค่สงสัยเท่านั้นแต่ก็แกล้งทำเป็นว่ารู้ทุกอย่างเพื่อให้ร่างบางยอมบอกความจริงออกมา
“เฮ่อ..ก็ได้ๆ ผมยอมคุณแล้ว”
ทึกกี้ถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะเอ่ยปากยอมแพ้และบอกความจริงทั้งหมดแก่ร่างสูงที่นั่งคาดคั้นตนมานานนับชั่วโมง ทางด้านร่างสูงที่ประสบความสำเร็จในการคาดคั้นเอาความจริงจากร่างบางก็ยิ้มอย่างดีใจเมื่อร่างบางยอมบอกความลับที่ตนเองพยายามสืบมานาน
“ใช่อย่างที่คุณคิดนั่นแหละฮีซอลเป็นลูกของคุณน้ากับพ่อของ..คุ..เอ่อ..พี่”
ร่างบางเอ่ยเสียงแผ่วในตอนท้ายที่ต้องเรียกอีกฝ่ายว่าพี่
“ในเมื่อรู้ความจริงแล้วที่นี้ ...พี่คิดจะทำอะไรต่อไปอีกล่ะ”
ร่างบางเอ่ยถามคนตรงหน้าที่ตอนนี้หันไปสนใจแก้วเหล้าในมืออีกครั้ง ร่างสูงเขย่าแก้วน้ำสีอำพันในมือเบาๆสายตาจับจ้องอยู่ที่ก้อนน้ำแข็งที่กระทบกันไปมาภายในแก้ว ก่อนจะพูดขึ้นทั้งๆที่สายตาก็ยังคงอยู่ที่ก้อนน้ำแข็งในแก้วพร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่สามารถสื่อความหมายได้
“ฮึ ฉันก็...จะเอาน้องชายฉันคืนมาน่ะสิ”
“ไม่ได้นะ”
ร่างบางแย้งขึ้นทันทีที่ร่างสูงพูดจบร่างสูงเหลือบมองร่างบางที่หลังเคาน์เตอร์ คิ้วหนายกขึ้นแสดงอาการสงสัย
“.........”
แม้ไม่มีคำพูดอะไรจากปากของร่างสูงแต่ด้วยสีหน้าที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนทำให้ร่างบางเข้าใจดีว่าร่างสูงกำลังคิดอะไรอยู่
“ผมขอร้องล่ะ อย่าแยกสองคนนั้นออกจากกัน พี่..ก็รู้ว่าฮีซอลรัก..ฮัน”
ร่างบางเอ่ยขอเสียงแผ่วเพราะรู้นิสัยของร่างสูงตรงหน้านี้ดีกว่าใคร ถ้าลองได้ตั้งใจจะทำแล้วล่ะก็ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถที่จะห้ามได้
“แล้วไงฮีซอลรักมัน แล้วมันรักฮีซอลไหมล่ะ”
ร่างสูงพูดขึ้นพร้อมกับยกแก้วที่บรรจุน้ำสีอำพันขึ้นดื่มจนหมด
“หมายความว่าผมคงห้ามพี่ไม่ได้สินะ”
“รู้แล้วก็ดีและฉันหวังว่านายคงไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งเรื่องนี้นะทึกกี้”
ว่าแล้วก็ลุกเดินออกจากร้านไป
“ผมลงทุนทำมาถึงขนาดนี้แล้ว ไม่ใช่ผมไม่รู้น่ะว่าฮันคิดยังไงกับฮีซอล แต่ผมเชื่อความรู้สึกของตัวเอง อีกไม่นานหรอก อีกไม่นานฮันจะรักฮีซอลและจนกว่าจะถึงตอนนั้น ผมคงไม่ยอมดูอยู่เฉยๆหรอก”
ร่างบางเอ่ยกับตัวเองเบาๆหลังจากที่ร่างสูงใหญ่ของพี่ชายที่ไม่ได้แม้แต่จะเกี่ยวข้องทางสายเลือดเดินจากไป
บรรยากาศยามเช้าที่แสนสดใส สายลมพัดเอื่อยๆผ่านเข้ามาภายในห้องนอนกว้าง ร่างบางที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนทีนอนที่ตั้งอยู่ริมหน้าต่างเงยหน้าขึ้นจากหนังสือที่กำลังตั้งใจอ่านอยู่เมื่อรับรู้ได้ว่าภายในห้องกว้างไม่ได้มีแค่ตัวเองอยู่แค่คนเดียว
ดวงตากลมโตเหลือบมองด้านขึ้นเมื่อรู้สึกถึงบางอย่างที่กำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ตน ริมฝีปากอิ่มเผยรอยยิ้มกว้างเมื่อมองเห็นเจ้าสิ่งนั้นอย่างชัดเจน
ฮีซอลวางหนังสือลงที่โต๊ะข้างเตียงมือบางค่อยๆช้อนร่างเด็กน้อยขึ้นและวางลงที่ว่างข้างๆตัว ปลายนิ้วสวยบรรจงลูบไล้ไปบนแก้มนิ่มๆของเด็กน้อยก่อนจะหยิกแก้มนิ่มๆนั้นเบาๆด้วยความหมั่นเขี้ยว เด็กน้อยหัวเราะคิกกับการกระทำของร่างบาง ฮีซอลจับเด็กน้อยยืนบนขาของตนมือข้างหนึ่งใช้ประคองเด็กน้อยไว้ส่วนอีกข้างก็ลูบไล้เส้นผมอ่อนนุ่มบนศีรษะเล็กอย่างรักใคร่
“ว่าไงฮึเจ้าหนูน้อยลูกใครกันนี่ แล้วเข้ามาได้ยังไงเอ่ย”
แขนเรียวยกเจ้าหนูน้อยโยกไปมาในอาการ มือเล็กๆที่บัดบ่ายไปมาจับเข้าที่ใบหน้าของคนสวยที่กำลังแกล้งตนอยู่พลางหัวเราะคิก
“มะม๊า”
มือบางนิ่งค้างคิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันเมื่อได้ยินสิ่งที่เจ้าหนูน้อยเอ่ย
“เข้าใจผิดแล้วล่ะหนูน้อยฉันไม่ใช่แม่ของเธอหรอก ก็...ลูกของฉันน่ะเขา......”
ร่างบางเอ่ยมือบางลูบผมเด็กน้อยอย่างรักใคร่ ใบหน้าสวยเจือแววเศร้าเมื่อพูดถึงลูกของตน
“มาม๊ะ ฮึกๆๆหนู..ฮื่อๆๆๆ”
เด็กน้อยสะอื้นฮักโผเข้ากอดร่างบางแน่น ฮีซอลเองก็ตกใจที่อยู่ๆเด็กน้อยก็ร้องไห้ขึ้นมาแล้วก็ยิ่งแปลกใจที่เด็กน้อยคนนั้นเอาแต่เรียกเค้าว่าแม่ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะคิดว่าเด็กน้อยคงจะคิดถึงแม่ของตัวเองเลยคิดว่าเค้าเป็นแม่ก็เท่านั้น
“โอ๋ๆไม่ร้องนะคนดี ร้องไห้มากๆโตขึ้นตาตี่ไม่สวยไม่รู้นะ”
เอ่ยปลอบพร้อมกับเช็ดรอยน้ำตาบนแก้มนิ่ม
“มาม๊ะ”
“จ้ามาม๊ะก็มาม๊ะ อย่าร้องไห้อีกนะ”
ร่างบางเอ่ยมือบางวางลงบนหัวเล็กๆของเด็กน้อยแล้วจับโยกไปมาเบาๆ
“ค่ะ มาม๊ะ”
เด็กน้อยยิ้มกว้างพลางนั่งลงบนตักของฮีซอล
“ดีมากคนเก่งแล้วเราชื่ออะไรฮึ”
เด็กน้อยส่ายหน้า
“ไม่มีค่ะ”
“ไม่มีเหรอ เอ.แล้วฉันจะเรียกเธอว่าอะไรล่ะ”
‘แปลกจังโตขนาดนี้แล้วทำไมยังไม่มีชื่ออีกนะ’ฮีซอลได้แต่คิดในใจไม่กล้าพูดออกไปเพราะกลัวเด็กน้อยจะร้องไห้อีก
“มาม๊ะตั้งให้หนูสิค่ะ”
“เอางั้นเหรอ เอ งั้นเธอชื่อว่าฮานึลแล้วกันนะ”
“ฮานึล”
เด็กน้อยพยักหน้ารับ เอียงเอาหัวเล็กๆของคนซบลงกับอกของฮีซอล ฮีซอลเองก็กอดเด็กน้อยไว้เช่นกัน
“ฮานึลหนูรู้ไหมชื่อนี้น่ะฉันตั้งใจจะตั้งเป็นชื่อลูกของฉันนะแต่มันคงเป็นไปไม่ได้แล้วล่ะ”
ดวงตากลมสวยเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำใสๆทันทีที่พูดถึงลูก
“ซองมินเคยบอกว่าก่อนที่ฉันจะความจำเสื่อมฉันเคยพูดไว้ว่าถ้าลูกของฉันเป็นผู้หญิงฉันจะตั้งชื่อเขาว่าฮานึล”
“มาม๊ะหนูดีใจนะคะที่ได้ใช้ชื่อนี้ ชื่อที่มาม๊ะตั้งให้”
“จ้าๆ”
ร่างบางหยอกล้อเล่นกับเด็กน้อยอยู่นานจู่ๆเด็กน้อยก็พูดขึ้น
“มาม๊ะค่ะขอหนูอยู่กับมาม๊ะได้ไหมค่ะ ไม่นานหรอกค่ะพราะอีกไม่นานหนูก็ต้องไปแล้ว”
“หนูจะอยู่นานแค่ไหนก็ได้จะฮานึล แล้วหนูจะไปไหนอยู่กับฉันตลอดไปก็ได้นะฮานึล”
“ยังไงหนูก็ต้องไปค่ะแต่หนูสัญญานะค่ะหนุจะไม่ลืมชื่อนี้หนูจะไม่ลืมมาม๊ะ หนูสัญญาค่ะ”
“ฮานึล”
.
.
ตุบ
ร่างบางสะดุ้งตื่นเพราะเสียงหนังสือที่หล่นลงข้างเตียง มือเรียวเอื้อมลงไปเก็บขึ้นมาดวงตากลมโตสอดส่ายไปมารอบห้องก่อนจะเอ่ยกับตัวเองเบาๆ
“ฝันไปหรอกเหรอเนี่ย”
ร่างบางส่ายหัวไปมาเบาๆก่อนจะหันกลับไปสนใจกลับหนังสือในมือต่อ
ด้านฮันคยองที่อยู่ห้องรับแขกรู้สึกเหมือนได้ยินร่างบางคุยกับใครจึงเดินขึ้นไปดู เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็เห็นร่างบางของฮีซอลนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียงแต่ยังไม่ทันที่ร่างสูงจะได้เอ่ยถามอะไรปลายสายตาก็สบเข้ากับอะไรบางอย่างที่อยู่เตียงนอนข้างๆร่างบาง อะไรบางอย่างที่มีลักษณะโปร่งใสรูปร่างคล้ายเด็กเล็กกำลังนอนเอาหัวหนุนอยู่บนตักของฮีซอล ร่างนั้นค่อยๆยันตัวลุกขึ้นช้าพร้อมกับรอยยิ้มหวานที่ชวนสยองให้กับร่างสูงที่หน้าประตูก่อนจะจางหายไป
2bcon
คิคิคนแต่งใกล้บ้าคอนฯก็ไม่ได้ไปดูเซ็งจริงเลย
เม้นกับเยอะๆน้าเป็นกำลังใจให้คนบ้า
ความคิดเห็น