คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : //// 4 ////
////// HEATERD ///////
~Heechul~@~Ly~
//// 4 ////
หลังออกจากบ้านมาแล้วฮันคยองก็ตรงไปยังสนามแข่งรถทันที เสียงเชียร์ที่ดังกึกก้องสนามบ่งบอกถึงชัยชนะของคนๆหนึ่งที่มีต่อคนอีกหลายคนในสนาม ไม่นานนักชายหนุ่มผิวเข้มเจ้าของชัยชนะจากในสนามเมื่อครู่ก็เดินมาทางที่ฮันคยองนั่งอยู่ซึ่งในส่วนนั้นถูกจัดให้เป็นคอฟฟี่ชอปเล็กแบบเปิดโล่งทำให้มองเห็นเหล่าบรรดานักแข่งที่กำลังประชันความเร็วในสนามอย่างชัดเจน
“วันนี้สนใจจะลงสนามไหมพี่ฮัน”
ชายหนุ่มผิวเข้มเอ่ยถามคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้วทันที
“ก็ดีกำลังอยากระบายอารมณ์”
ฮันคยองตอบคนที่นั่งลงตรงหน้าเนือยๆ
“ระบายที่บ้านไม่พอเหรอพี่ไอ้ ‘อารมณ์’นะ”
คนมาใหม่เอ่ยกวนฮันคยองอย่างคนรู้ทันเพราะชายหนุ่มเป็นหนึ่งในคนไม่กี่คนที่รู้ความจริงของเรื่องราวระหว่างฮีซอล ฮันคยองและทึกกี้ดีความจริงที่คนที่มองจากภายนอกไม่มีทางรู้ได้เลย
ไม่มีใครรู้ว่าในหัวใจของฮันคยองไม่เคยมีคิม ฮีซอล ไม่มีใครรู้ว่าทึกกี้บอกเลิกกับฮันคยองแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าภายใต้รอยยิ้มสดใสของคิมฮีซอลซ้อนรอยน้ำตาไว้มากมายเท่าไหร่ นอกจากคิมคิมอบคนนี้รุ่นน้องนักแข่งในกลุ่มเดียวกันที่สนิทที่สุดและรู้เรื่องราวระหว่างคน3คนดีที่สุดคนหนึ่ง แต่ก็คงจะทีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นที่คิบอมไม่รู้เรื่องราวระหว่างทึกกี้และฮีซอล ความลับที่มีเพียงทึกกี้และอีกบุคคลหนึ่งเท่านั้นที่รู้
“ฉันอารมณ์ไม่ดีนะคิบอม”
ฮันคยองเอ่ยเสียยงเข้ม
“แหมพี่ก็ล้อเล่นนิดๆหน่อยๆอย่างทำหน้าอย่างนั้นดิ”
ร่างสูงเจ้าของชื่อยิ้มแหยๆให้กับฮันคยอง
“แล้วรอบหน้ามีใครลงบ้างละ”
ฮันคยองเอ่ยถามคิบอม การที่ชายหนุ่มต้องการรู้ว่าคู่แข่งเป็นใครนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะถ้าคนอย่างฮันคยองลงแข่งคู่แข่งต้องไม่ใช่นักแข่งระดับปลายแถวเพราะถึงหากชนะไปก็คงรู้สึกไม่ดีสักเท่าไหร่
แต่ยังไม่ทันที่คิบอมจะได้พูดอะไรเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“แล้วถ้าเป็นฉันนายจะลงไหมละฮันคยอง”
ฮันคยองมองชายเจ้าของเสียงชายหนุ่มที่จัดได้ว่าหน้าตาดีตนหนึ่งและฝีมือการแข่งรถก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร ที่ยืนอยู่ตรงหน้าถ้าไม่ติดที่ว่าคนตรงหน้าและตัวเขาไม่กินเส้นกันเพราะคนคนนั้นบางที่เขาและคนตรงหน้าอาจจะเป็นเพื่อนสนิทกันไปแล้วก็ได้ยิ่งคิดถึงใครบางคนก็ยิ่งหัวเสียหนักเข้าไปอีกถ้าไม่ใช่เพราะคนคนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะคิมฮีซอลชีวิตเขาคงไม่ต้องวุ่นวายขนาดนี้
ฮันคยองมองชายในชุดนักแข่งสีแดงสลับขาวที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะที่พวกตนนั่งอยู่ ในมือข้างหนึ่งถือหมวกกันน๊อคไว้แต่อีกข้างตระครองกอดเอวบางของหญิงสาวข้างการไว้แนบแน่นใบหน้าหล่อเหลาของผู้มาเยือนยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยก่อนจะถามต่อ
“ว่าไงล่ะฮันคยอง”
“
”
“หรือว่านายไม่กล้า”
แทบจะในทันทีที่คำถากถางสิ้นสุดฮันคยองก็ลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับผู้มาเยือน
“ทำไมฉันต้องกลัวนายด้วยคังอิน”
..
การแข่งขันภายในสนามเป็นไปอย่างขับเขี้ยวสูสีระหว่างผู้ที่นำห่างจากกลุ่มนักแข่งคนอื่นๆทั้ง2คนคังอินและฮันคยอง เสียงเชียร์ที่ดังกึกก้องสนามไม่ต่างอะไรกับเสียงเครื่องยนต์ของหลายบรรดานักแข่งที่กำลังชิงชัยอยู่ในสนามแข่ง ทั้งคังอินและฮันคยองต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กันรถของทั้งคู่แทบจะเรียกได้ว่าตีคู่กันมาตั้งแต่เริ่มออกจากจุดปล่อยตัวเลยก็คงไม่ผิดอะไรทั้งคู่เร่งเครื่องทิ้งห่างจากกลุ่มนักแข่งคนอื่นๆจนไม่มีใครตามทันได้ทั้งคังอินและฮันคยองตามผลัดกันขึ้นเป็นผู้นำหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ไม่ได้ทิ้งระยะห่างมากนักด้วยระดับฝีมือของคนทั้งคู่แล้วเรียกได้ว่ากินกันไม่ลงจริงๆหลายตอหลายครั้งที่ทำเอาคนที่เชียร์อยู่ข้างสนามใจหายใจคว่ำเพราะกลัวว่าคนที่ตนเชียร์และพนันเอาไว้จะแพ้จนในที่สุดการแข่งขันครั้งนี้ก็จบลงด้วยชัยชนะของฮันคยอง
ฮันคยองถอดหมวกกันน๊อคออกก่อนจะลงจากรถไปยังชายหนุ่มที่เพิ่งปราชัยให้ตนไปหมาดๆ บนใบหน้าไม่ได้แสดงออกมาว่าดีใจกับชันชนะที่ได้รับ มีเพียงรอยยิ้มเย้ยหยันเท่านั้นที่ปรากฏบนใบหน้าของชายหนุ่ม
“นายไม่มีทางชนะฉันได้หรอกคังอิน”
“มันก็ไม่เสมอไปหรอกฮันคยองนายอย่าทะนงตัวไปหน่อยเลยถึงครั้งนี้ฉันจะแพ้นายแต่ครั้งต่อใครจะรู้”
คังอินพูดขึ้นก่อนจะเดินจากไป
.....................................
แองเจิลคลับ
20.30น.
“อ้าวพี่ฮันสวัสดีฮะ หวัดดี คิบอม”
เสียงใสๆของซองมินดังขึ้นทันทีที่เห็นพี่ชายและเพื่อนของคนรักเดินมาทีหน้าเคาน์เตอร์
“สวัสดีครีบซองมินคนสวย”
ฮันคยองตอบรับคำทักทายของน้องชายเพียงรอยยิ้มจางๆที่ปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาต่างจากอีกคนที่มาด้วยลิบลับที่เอ่ยทักทายซองมินชนิดหวานหยด
“แหมๆคิบอมนี่ปากหวานผิดคนแล้วผมไม่ใช่ทงเฮนะ////”
ร่างเล็กของซองมินทำทีบิดไปมาด้วยความเขินอายก่อนจะเลิกแหย่คิบอมเล่นและหันมาเริ่มทำงานของตนอีกครั้ง
“แล้วจะเอาอะไรดีละพี่ฮัน คิบอม”
“พี่เอาเหมือนเดิมละกันซองมิน”
“ผมก็เอาเหมือนเดิมครับ”
สองหนุ่มเอ่ยบอกคนหน้าหวานที่หลังเคาน์เตอร์
“คร้าบบบๆๆรอแปบนะคร้าบ”
ร่างเล็กที่หลังเคาน์เตอร์หันไปจัดแจงผสมเครื่องดื่มสำหรับสองหนุ่ม ไม่นานนักเครื่องดื่มสีสันสดสวยแต่รสชาติบาดคอก็ถูกว่าลงตรงหน้าสองหนุ่มเป็นจังหวะเดียวกับที่ทึกกี้เดินออกมาจากด้านในพอดี
“อ้าวฮัน หวัดดีคิบอม”
ร่างบางหันไปทักทายทั้งสองหนุ่ม
“หวัดดีครับพี่ทึกกี้ยังสวยเหมือนเดิมเลยนะครับ”
คิบอมเอ่ยตอบพร้อมกับหยอดคำหวานเล็กน้อยตามนิสัย
“แหมปากหวานอีกและฉันละอยากให้ทงเฮมาได้ยินจริงๆเลยอิอิ”
ไม่ใช่เสียงของทึกกี้แต่กลับเป็นซองมินที่อดแขวะคนปากหวานไม่ได้ ระหว่างที่ซองมินและคิบอมกำลังทำสงครามน้ำลายกันทึกกี้ก็ถามร่างสูงที่นั่งเงียบอยู่เบาๆ
“ฮีซอลล่ะ”
“อยู่บ้าน”
ร่างสูงตอบสั้นๆโดยที่ไม่มองหน้าคนถามแม้น้อย จากที่อารมณ์ดีจากชัยชนะจากสนามแข่งกลับกลายเป็นขุ่นมัวเมื่อคนที่เค้ารักกลับเอ่ยถึงชื่อคนที่ตัวเองไม่อยากได้ยินมากที่สุดในตอนนี้
“อยู่บ้าน”
ทึกกี้ทวนคำตอบของร่างสูงดังลั่นก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกได้เลยว่ากำลังไม่พอใจกับการกระทำของคนตรงหน้าเป็นอย่างมาก
“นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วฮันคยองทำไมนายปล่อยฮีซอลไว้บ้านคนเดียว นายก็รู้นิว่าฮีซอลยังไม่แข็งแรงดีทำไมนายยัง..... ”
“ปึ๊ก”
ยังไม่ทันที่ทึกกี้จะได้พูดจบคำพูดต่อว่าที่ร่างบางตั้งใจจะเอ่ยกับร่างสูงตรงหน้าก็ถูกหยุดด้วยเสียงของร่างสูงที่กระแทกแก้วใบสวยในมือลงกับเคาน์เตอร์อย่างแรง
“ฮีซอล ฮีซอล ฮีซอล อะไรๆก็ฮีซอล พอซะที่จะได้ไหมฉันเบื่อชื่อนี้เต็มทนแล้ว ขอฉันอยู่สงบๆโดยที่ไม่มีชื่อนี้มากวนใจฉันสัก3-4ชั่วโมงจะได้ไหมฮะทึกกี้”
ยังไม่ทันที่ร่างบางเจ้าของชื่อจะได้ทันพูดอะไรต่อชายหนุ่มที่ตอนนี้กำลังอารมณ์ขุ่นมัวก็ชิงพูดดักไว้ก่อน
“แค่ที่ฉันทำทุกวันนี้มันยังไม่พอใจนายอีกหรือไง ฉันเบื่อนายเข้าใจไหมเบื่อที่จะต้องมานั่งปั้นหน้าว่ารักหมอนั่นนักหนาทุกวันๆน่ะนายเข้าใจไหม ฉันขอเวลาไม่กี่ชั่วโมงที่ชีวิตฉันจะไม่มีหมอนั่นไม่ได้หรือไง”
ร่างสูงตะโกนลั่นไม่เปิดโอกาสให้ร่างบางหลังเคาน์เตอร์ได้มีโอกาสพูด และเมื่อพูดจบไปแล้วเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะอ้าปากพูดร่างสูงก็รีบพูดดักทางร่างบางไว้ก่อนทันที
“แต่ฮีซอลเป็นเพื่อนรักของนาย นายกำลังจะพูดแบบนี้ใช่ไหมทึกกี้ ทำไมกันมันเป็นเพราะอะไรนายถึงให้ความสำคัญกับหมอนั่นนักหนา สิ่งที่นายกำลังทำมันมากเกินกว่าคนเป็นเพื่อนสนิทเค้าทำกันแล้วนะนายรู้ไหม หรือที่นายทำแบบนี้เพราะเด็ก ตอนนี้ก็ไม่มีแล้วนี่ทำไมนาย...”
“เพี๊ยะ”
เสียงฝ่ามือสวยกระทบใบหน้าของฮันคยองแทบจะทันทีที่ชายหนุ่มพูดถึงชีวิตน้อยๆที่ไม่มีโอกาสได้ลืมตามาดูโลกที่แสนจะโหดร้ายใบนี้ ทำให้คนที่อยู่ใกล้ๆอย่างคิบอมและซองมินแทบจะกระโดดกอดกันถ้าไม่มีเคาน์เตอร์ขวางอยู่ และสาเหตุก็เพราะน้อยครั้งที่คนอย่างทึกกี้จะใช้กำลังถ้ามันไม่ใช่สิ่งที่เค้าสุดจะทนรับได้
“ฉันไม่สนหรอกฮันคยองว่าฮีซอลจะคิดว่าฉันเป็นเพื่อนเค้าหรือเปล่า ฉันรู้แต่เหตุผลของฉันคือทำทุกอย่างเพื่อเค้า สิ่งที่ฉันให้เค้าได้ฉันจะให้ เพื่อชดเชยเพื่อชดใช้ในสิ่งที่เค้าต้องเสียมันไปเพราะฉัน แล้วก็อีกอย่างนะฮันคยองเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นมาทำให้ฉันได้รู้ว่าคนอย่างนายมันเห็นแก่ตัวที่สุด”
ร่างบางเอ่ยสิ่งที่อัดอั้นอยู่ภายในใจออกมาพร้อมกับหยาดน้ำใสๆที่ไหลลงอาบสองแก้ม เค้ายอมถูกคนอื่นๆว่าๆโง่แต่เค้าจะไม่ยอมให้ฮีซอลต้องเจ็บปวดอีก
2 b con
/////////////////////////////////////////////////////////
และก็เป็นอีกครั้งที่คอมเม้นไม่กระดิก เฮ่อ ไม่รู้จะพูดอะไรดี
ความคิดเห็น