คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : //// 13 //// .....100%
////// HEARTED ///////
~Heechul~@~Ly~
//// 13 ////
“ของเดิมพันงั้นเหรอ ฉันคงมีค่าแค่นั้นสินะ”
เพราะเห็นว่าฮันคยองหายไปนานฮีซอลจึงเดินตามมาและทันได้ยินบทสนทนาระหว่างร่างสูงและคนปลายสายพอดี ฮีซอลค่อยๆพาร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงเพราะคำพูดของคนรักกลับขึ้นไปข้างบนและพยายามทำให้เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อเข้ามาภายในห้องแล้วร่างบางค่อยๆเดินไปที่ๆตนเก็บช่อดอกกุหลาบขาวที่ฮันคยองเคยให้ไว้ มือบางค่อยๆลูบกลีบดอกที่เริ่มจะกลายเป็นสีน้ำตาลแห้งกรอบแผ่วเบาเพราะกลัวว่ามันจะล่วงหล่นลงมา
“ทุกสิ่งทุกอย่างที่นายทำมันเป็นแค่เรื่องโกหกใช่ไหมฮันคยอง ไม่เคยมีคำว่า “รัก” สำหรับฉันอยู่ในหัวใจของนายเลยใช่ไหม ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมาฉันคิดไปเองฝ่ายเดียวใช่ไหม บอกฉันที่ ฮื่อๆ .ฮันคยอง บอกฉันที”
..
..
..
..
..
ฮันคยองกลับเข้ามาภายในห้องนอนอีกครั้งก็เมื่อเวลาล่วงเลยไปค่อนคืนแล้ว ร่างสูงเห็นฮีซอลนอนหลับไปแล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรล้มตัวลงนอนข้างร่างบางที่ว่างอยู่และหลับไปในที่สุด
กลางดึก
ร่างบางที่หลับใหลไปเพราะความอ่อนเพลียจากการร้องไห้เป็นเวลานานจู่ๆก็กรีดร้องขึ้นมาเสียงดังก่อนจะตกใจตื่นขึ้นมา
“ไม่นะ อย่า .ไม่ๆ อย่าทำแบบนั้นนะ ไม่ๆๆๆ”
ร่างบางร้องเสียงดังลั่นทำเอาคนที่นอนหลับอยู่ข้างๆตกใจตื่นขึ้นมาด้วย ฮันคยองที่ตื่นมาเห็นฮีซอลกำลังร้องไห้อยู่ด้วยความตกใจจึงคว้าเอาร่างบางเข้ามากอดไว้แนบอกมือแกร่งลูบหลังคนที่กำลังเสียขวัญเบาๆเป็นเชิงปลอบ
“ฝันร้ายเหรอ”
ฮันคยองเอ่ยถามร่างบางในอ้อมกอดเบาๆ แม้ว่าความจริงแล้วเค้าจะตื่นขึ้นมาเพราะเสียงร้องของฮีซอลแต่ก่อนหน้านั้น ก่อนหน้าที่ฮีซอลจะร้องขึ้นมา ฮันคยองหวนคิดถึงความฝันตน ภาพที่ร่างของเค้านอนโชกไปด้วยเลือดมากมาย มองคนที่อยู่ในอ้อมกอดของตนในตอนนี้เดินหายลับไปกับใครบางคนไม่สนใจแม้จะหันกลับมามองเค้าแม้แต่น้อยริมฝีปากแห้งผากที่แม้จะพยายามเปล่งเสียงออกมาเท่าไหร่ก็ไม่สามารถทำให้คนที่กำลังเดินจากไปหันกลับมาสนใจตนได้ ดวงตาคมที่อ่อนล้าได้แต่มองคนเดินจากไปจนลับสายตาก่อนที่ดวงตาคมจะปิดลงไม่รับรู้สิ่งใดๆ และรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเพราะเสียงร้องของฮีซอล
“อือ”
ฮีซอลพยักหน้ารับเบาๆแทนคำตอบ
“อย่าคิดมากเลย ฝันร้ายเค้าว่ามันจะกลายดีนะ”
ฮันคยองเอ่ยปลอบพลางกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น
“แต่.......”
ยังไม่ทันที่ร่างบางในอ้อมกอดของชายหนุ่มจะเอ่ยจบเจ้าของอ้อมกอดก็ชิงพูดขึ้นก่อน
“งั้นเล่าให้ฟังหน่อยสิ เล่าให้ชั้นฟังนายจะได้สบายใจขึ้นไง”
“.....คือ”
แล้วฮีซอลก็ตัดสินใจเล่าความฝันของตนให้ร่างสูงเจ้าของอ้อมกอดฟัง
“ไม่มีอะไรหรอกน่านายอย่าคิดมากสิยังไงความฝันก็คือความฝันนั่นแหละ”
“แต่ฉันกลัวฮัน มัน...มันชัดเจอมากเหลือเกิน”
“เอาน่านายอย่าคิดมากเลยเอาเป็นว่าชั้นจะระวังตัวก็แล้วกัน นอนเถอะดึกมากแล้ว”
ฮันคยองเอ่ยขึ้นก่อนจะค่อยๆดันร่างบางในอ้อมกอดให้นอนลง แม้ปากจะพูดออกไปเพื่อปลอบโยนฮีซอลแต่ความจริงแล้วฮันคยองต้องการปลอบใจตัวเองเสียมากกว่า เพราะสิ่งที่ได้ยินจากปากของฮีซอล ความฝันของร่างบางกับของตัวเขาเองชั่งคล้ายกันราวกับเป็นเรื่องเดียวกันจะต่างกันก็เพียงในความฝันของฮีซอลนั้นร่างบอบบางนั่งร้องไห้ปริ่มจะขาดใจอยู่ข้างร่างที่โชกไปด้วยเลือดของเขาหากแต่ในความฝันของเขาร่างบางไม่แม้แต่จะชายตาแลมาทางเขาเสียด้วยซ้ำ
ร่างสูงพยายามปลอบอยู่นานกว่าฮีซอลจะยอมนอนอีกครั้ง
.
.
..
..
..
หลายวันผ่านไปแม้จะพยายามเท่าไหร่ฮันคยองก็ไม่สามารถลืมภาพความฝันวันนั้นได้แม้ภายในจิตใต้สำนึกจะคอยย้ำเตือนอยู่เสมอว่าหากแม้เหตุการณ์ในความฝันเกิดขึ้นจริงตนเองก็คงไม่ได้รู้สึกอะไรเพราะสำหรับเค้าแล้วคิมฮีซอลคือส่วนเกินในชีวิตของเค้าคือความผิดพลาดที่มันไม่ควรเกิดขึ้นตั้งแต่ต้น แม้ใจจะคิดเช่นนั้นหากแต่ทุกครั้งที่เห็นใบหน้าเศร้าหมองของร่างบางความรู้สึกบางอย่างที่เกิดขึ้นในใจ ความรู้สึกสับสนกระวนกระวายใจเมือมองเห็นร่างบางไม่มีความสุข ฮันคยองไม่สามารถหาเหตุผลมาให้ตัวเองได้ว่าเพราะอะไรตนเองถึงเป็นเช่นนั่นยิ่งถ้าจะบอกว่าที่เค้าเป็นห่วงฮีซอลเพราะว่าเค้ารักฮีซอลยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ ร่างสูงสะบัดหัวไปมาอย่างแรงก่อนจะถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่
“ เฮ่อ ”
..
..
..
“พี่คิดว่าวิธีนี้ดีแล้วเหรอ”
“มันก็มีแต่วิธีนี้แหละที่เราจะเอาตัวฮีซอลออกมาจากฮันคยองได้”
“แล้วพี่คิดว่าจะเอาชนะพี่ฮันได้เหรอ”
“ไม่ใช่แค่คิดนะยังไงเกมนี้ชั้นต้องชนะฮันคยองให้ได้ “
“ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้นซองมิน คนอย่างคังอินไม่เล่นนอกกติกาไม่ว่าจะอยากชนะแค่ไหน”
มาต่อให้ครบร้อยเปอร์แล้วนะ ขอโทษที่หายไปนานเลย
( O___O ) !!
ความคิดเห็น