คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เรื่องเล่าจากภูตนำทาง
แก้ง...... แก้ง..... แก้ง.....
เสียงนาฬิกาตีบอกเวลาตี 3 ทำให้แอนเฟียร์สะดุ้งตื่นขึ้นจากความหลับใหล เธอปรือตามองออกไปนอกหน้าต่าง ที่เห็นเพียงแผ่นฟ้ามืดมิด ประดับไปด้วยดวงดาวพราวแพรว ในหัวยังแว่วเสียงเรียกเธอซ้ำไปซ้ำมา
เฮ้อ....ท่าจะฝันร้าย
เธอเหยียดแขนทั้งสองบิดขี้เกียจไปมาเพื่อไล่ความเมื่อย สะบัดหน้าไปมาเพื่อขับไล่สิ่งที่เธอคลับคล้ายว่าจะฝัน แต่ก็รู้สึกเหมือนจริงจนหนาวสะท้าน หวังให้เป็นเพียงความฝันที่เมื่อถึงพรุ่งนี้ก็จะลืมเลือนไปได้ แต่ก่อนที่จะได้ลุกจากโต๊ะหนังสือที่ปลายเตียงไปยังเตียงนอน ก็เหลือบไปเห็นวัตถุประหลาดนั่นเข้า พลันก็วาบขึ้นในใจว่ามันไม่ใช่ความฝัน แล้วความทรงจำก็ย้อนกลับมา ถ้าเพียงแต่เธอไม่ไปพบเจ้าวัตถุประหลาดนั่น ไม่สัมผัสมันตั้งแต่ต้นก็คงจะไม่ต้องได้ยินเสียงประหลาดนั่น แล้วก็เหมือนบางส่วนของเสียงแว่วกลับมาในหัวของเธออีก
“เธอไม่อาจหลีกเลี่ยง...... งั้นเหรอ” ดีล่ะฉันจะหนีให้ดู หนีไปให้ไกล เพียงแต่รอให้ ฟ้าสว่างเท่านั้น
แต่...มันสายไปเสียแล้ว!!
แก้ง...... นาฬิกาบอกเวลา 03.30น.
ได้เวลาแล้ว แอนเฟียร์
.“กรี๊ดด ~”
แสงสีเขียวส่องวาบขึ้นที่หน้าต่างข้างโต๊ะเขียนหนังสือ พาเอาแอนเฟียร์ร่วงลงไปกองกับพื้น เธอตกใจสุดขีด หลังจากลุกขึ้นได้อย่างยากเย็นก็รีบปีนขึ้นไปอยู่บนเตียงพลางฉวยหนังสือที่ยืมมาจากห้องสมุดไว้หมายเป็นอาวุธที่จะโจมตีใส่อะไรก็ตามที่โผล่ขึ้นมาจากหน้าต่างบานนั้น!
“หวัดดีเจ้านาย” เสียงเล็กๆใสๆดังขึ้นก่อนเห็นตัว
“กรี๊ดดดดด ตัวอะไรกันหน่ะ” พอตัวปรากฎแอนเฟียร์ก็ถึงกับแหกปากลั่น
“ภูตไง” แสงมาจากแสงสีเขียวที่สว่างจนทำให้ตาพร่าเลือน
“กรี๊ดด ฉันยังไม่อยากตายนะ ออกไปนะๆ ออกไปจากห้องของฉันเดี๋ยวนะ ภารกิจบ้าบออะไรฉันไม่สนทั้งนั้นแหละ ฉันจะหนี หนีไป ไม่ให้เธอตามเจอ อย่ามายุ่งกับฉันนะไอ้ตัวประหลาด” แอนเฟียร์พูดอย่างสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอีกต่อไปแล้ว
“ถามจริงๆเถอะ เจ้า... คิดว่าจะหนีข้าพ้นเหรอ” เสียงนั้นโต้ตอบอย่างไม่เกรงกลัว “แอนเฟียร์..ได้เวลาของเจ้าแล้ว..”
“ไม่ล่ะ ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น” แอนเฟียร์โต้อย่างไม่ลดละ
“แอนเฟียร์ เจ้าจะหลีกหนีชะตาของตนเองงั้นเหรอ ชะตาที่ฟ้ากำหนดหน่ะมันหนีไม่ได้หรอกนะ เหมือนที่ข้าเดินทางมายังโลกแห่งนี้ มานำทางเจ้าตามภารกิจนี้ คิดหรือว่าข้าเลือกได้ เจ้าจะหลีกเลี่ยงมันไปไม่ได้หรอกนะ ทุกสิ่งทุกอย่างมันถูกกำหนดขึ้นมาแล้ว และมันก็จะยังคงเป็นอย่างนั้นต่อไป เจ้าไม่เป็นอะไรหรอก ข้ามาก็เพื่อช่วยเหลือและดูแลเจ้าระหว่างทำธารกิจนี้ยังไงล่ะ เจ้าคิดซะว่า...ทำเพื่อคนที่เจ้ารัก เพื่อมนุษย์ เพื่อกาแล็กซีทางช้างเผือกแห่งนี้ เพื่อข้านะ..”
เสียงนั้นดูอ่อนโยนขึ้น แต่ฟังดูเศร้าหมองชอบกล
“ข้าไม่ใช่ยมฑูตนะ ข้าเป็นภูตนำทาง มานำเจ้าทำภารกิจ ไม่ได้พาไปสวรรค์ นรกที่ไหนเพราะงั้นเลิกโวยวายและไม่ต้องมาตกใจกลัวข้าด้วย”
เสียงนั้นกลับมาเป็นปกติอีกครั้งแต่ยังคงความอ่อนโยน นุ่มนวลไว้
“นะ แอนเฟียร์ เจ้านายของข้า”
“เอ่อ...อืม...ขอบใจนะ” นี่ฉันไปขอบใจมันทำไม มันทำอะไรให้เราหรือ ท่าทางเจ้านี่จะมีความหลังอยู่เหมือนกันนะ “แล้ว เธอ...เอ่อ ชื่ออะไรเหรอ หรือว่าภูตไม่จำเป็นต้องมีชื่อ” แอนเฟียร์ถามอย่างลังเล
“ข้าชื่อ อะมาลเทีย ภูตนำทางแห่งระบบสุริยะจักรวาล สังกัดอยู่ภายใต้ท่านเทพจูปิเตอร์ แห่งดาวพฤหัสบดี” พลางแสงสีเขียวก็จางลง ปรากฎให้เห็นภูต อะมาลเทีย ส่วนสูงประมาณเด็กประถม ยืนอยู่บนดาวหางสีเขียวกลมโต ซึ่งดูก็รู้ว่าไม่ใช่ดาวหางธรรมดาๆ ต้นตอแห่งแสงสีเขียวบาดตานั่นเอง เธอแต่งกายด้วยเสื้อสีเขียวอ่อนเข้ากับดาวหางที่ยืนอยู่ เหนืออกมีสิ่งที่คล้ายๆกับอัญมณีสีเขียวมรกตติดเอาไว้ พร้อมถุงมือที่ยาวจนเกือบถึงข้อศอก สวมกระโปรงยาวสีดำตรงปลายเป็นริ้วๆ ซึ่งใส่แล้วดูเป็นผู้ใหญ่อย่างประหลาดตา ผมของเธอมีสีน้ำตาลอ่อนยาวถึงเอว แอนเฟียร์คิดขึ้นมาทันทีว่า ภูตตนอื่นจะแต่งกายแบบเดียวกับเธอรึไม่ เพราะเธอดูน่ารักเกินกว่าจะเป็นภูตธรรมดาๆ
“เอาละนะ ได้เวลาต้องเดินทางแล้วล่ะเจ้านาย เราช้ามามากแล้ว” เสียงนั้นพูดขึ้นตัดความคิดของเธอ
“ไม่ต้องเรียกฉันอย่างนั้นหรอกนะอะมาลเทีย เรียกฉันว่า แอนเฟียร์เถอะ เพราะเรียกอย่างนั้นแล้วฉันฟังดูขัดหูชอบกลๆ ว่าแต่เราจะเดินทางกันยังไง ไปไหน อีกอย่างฉันมีอะไรจะถามเธอเยอะแยะเลย อย่างเอ่อ...เสียง...”
“อย่างเพิ่งถาม เดี๋ยวข้านี่แหละจะเป็นคนตอบคำถามเธอทุกอย่างและเล่าเรื่องราวให้ฟังเอง ตอนนี้เราช้ามากๆๆแล้ว อ่ะนี่ใส่เสื้อชุดนี้นะ ถ้าแต่งตัวอย่างที่เป็นอยู่นี่มีหวังได้หนาวหรือไม่ก็ร้อนตายพอดี”
“ขอบใจนะ”
ชุดๆนั้นเป็นเสื้อสีฟ้าแขนยาว ชายเสื้อยาวเกือบถึงหัวเข่า กับกางเกงสีครีม พร้อมเสื้อคลุมยาวให้อีกตัวที่อะมาลเทียบอกว่าไว้ใส่กันหนาวเวลาเดินทางไปห่างดวงอาทิตย์มากๆเข้า
“เอาละ ต่อจากนี้เจ้าต้องเชื่อข้านะ เริ่มไว้ใจกันได้แล้ว เพราะถ้าไม่ฟังกันมีหวังเป็นอันตรายถึงชีวิตแน่ เอาละตอนนี้ขึ้นไปนั่งบนดาวหางได้เลย ไม่หล่นหรอกน่า ต่อไปนี้เราจะไปท่องอวกาศกัน......”
แล้วทั้งสองก็เริ่มออกเดินทางสู่อวกาศ ที่แตกต่างจากในจินตนาการของแอนเฟียร์และคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง เพราะนี่นั่น ไม่ร้อน ไม่หนาว อากาศอบอุ่นสบาย อาจเป็นเพราะเสื้อรึป่าวทำให้เธอรู้สึกอย่างนั้น และดวงดาวต่างๆ นับร้อยนับพัน ดูงดงาม สดใส ไม่เศร้าหมองเหมือนมองดูผ่านชั้นบรรยากาศของโลก หรือมองผ่านกล้องดูดาวยักษ์ในหอดูดาว
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
“อะมาลเทีย เล่ามาได้แล้ว ตกลงมันยังไงกันแน่ แล้วเสียงที่เรียกฉัน มันจะหายไปมั้ย” แอนเฟียร์ซักไซ้หลังจากออกเดินทางมาได้สักพัก
“คืออย่างงนี้นะ เสียงที่เรียกเจ้า มันจะหายไป เพราะเขาผู้นั้นได้ทำพาเธอสู่ภารกิจเรียบร้อยแล้ว และ เมื่อถึงเวลาอันสมควร เจ้ารู้เอง ว่าเขาผู้นั้นเป็นใคร” อะมาลเทียจบประโยคอย่างรู้ทันแอนเฟียร์ว่าจะถามตน
“แล้วชิ้นส่วนสีฟ้านี่ล่ะ มันมีที่มาอย่างไรกันแน่”
“เรื่องหน่ะ มันมีอยู่ว่า.............................
นานมาแล้ว เหล่าภูตประจำดวงดาวแต่ละดวงในระบบสุริยะแห่งนี้ ได้มีหน้าที่ปกป้องเทพประจำดาวทั้ง 8 ได้แก่ดาวพุธ ศุกร์ โลก อังคาร พฤหัสบดี เสาร์ มฤตยูหรือดาวยูเรนัส และดาวเกตุหรือดาวเนปจูน และมีหน้าที่ในการช่วยเหลือเทพในการปกครองดูแลดาว ท่านเทพจูปิเตอร์แห่งดาวพฤหัสบดีซึ่งเป็นราชันแห่งระบบสุริยะแห่งนี้นั้น ได้มีความคิดว่าดาวทั้ง 8 ต้องการดาวอีกหนึ่งดวงซึ่งจะสร้างสมดุลกับระบบสุริยะให้เธอช่วยเนปจูนดูแลวัตถุที่โคจรอยู่ในระบบสุริยะไกลออกไป จำพวกวัตถุในเข็มขัดไคเปอร์และดาวหางในหมู่เมฆออร์ต และเพื่อช่วงดูแลเหล่าดาวเคราะห์วงนอก ให้จัดระเบียบการโคจรเข้ามาภายในระบบสุริยะของเหล่าดาวหาง ให้เป็นไปตามขั้นตอน จูปิเตอร์จึงสร้างท่านเทพคาร์นีราแห่งดาว คาร์มี ขึ้นมาหวังให้เป็นผู้ดูแลดาวหาง และวัตถุไคเปอร์ทั้งปวง หวังให้เป็นราชันแห่งเคหะวัตถุทั้งหมดในกาแล็กซีนี้ ซึ่งดาวคาร์มีนี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากดาวเนปจูนมากมายนัก แต่แล้วดาวดวงนี้ที่จูปิเตอร์สร้างขึ้นมาได้ไม่นาน ได้ถูกรุกราน เพราะเทพคาร์นีรานั้นยังอ่อนแอ พลังเวทก็ไม่แก่กล้าเหมือนองค์อื่นโดยเทพจากระบบสุริยะอื่นที่มารุกรานมีนามว่า “เอล” และดาวคาร์มีถูกทำลายไปในที่สุด เทพคาร์นีราก็หายสาบสูญไปไม่มีเทพองค์ใดเห็นเธออีก โดยคาดว่าพวกเอลจับตัวเธอไป แต่เมื่อเทพทั้ง 8 ออกค้นหาพวกเขาก็ได้หายไปอีกเช่นกัน ชาวภูตประจำดาวต่างๆก็ไม่กล้าออกค้นหา กลัวว่าจะถูกจับไปอีก ได้แต่ช่วงดูแลและปกครองดาวของท่านเทพทั้ง 8 จนบัดนั้นมา กว่า 370,000 ล้านปีมาแล้วก็ยังไม่มีใครพบพวกเขาอีก จนแม้แต่เอล ก็ได้กลับไปยังระบบสุริยะของตนเองแล้ว ก็ยังไม่เห็นร่องรอยของเทพทั้ง 8 ชาวภูตพบว่าเทพเอลได้ขโมยบางสิ่งบางอย่างจากดาวคาร์มีไปด้วย ซึ่งเป็นสิ่งมีค่าและสำคัญยิ่ง หาได้ยากจากดาวทั่วไป แต่ก็ยังไม่ทราบแน่ชัดนัก
เชื่อกันว่าเศษชิ้นส่วนของดาวคาร์จะช่วยปลดปล่อยเทพแต่ละองค์และนำท่านกลับมายังดาวของตนเองได้ แต่ชิ้นส่วนเหล่านั้นได้กระจัดกระจายไปตามดวงดาวต่างๆทั่วระบบสุริยะ และเชื่อว่าเทพแต่และองค์ก็ถูกผนึกอยู่ในดาวของตนอย่างเร้นลับ รอการปลดปล่อยจากผู้ที่มีอำนาจมากพอ หรือเราชาวภูตเรียกท่านผู้นั้นว่า “ท่านผู้ถูกเลือก” ปัจจุบันนี้ภูตประจำดาวจึงมีหน้าที่ดูแลดาวเหล่านั้นแทนท่านเทพเรื่อยมา.. และแน่นอนว่าชิ้นส่วนนั่นที่เธอพบ เป็นชิ้นส่วนของดาวคาร์มีที่หลงมายังดาวโลกและหน้าที่ของเธอซึ่งเป็นผู้ถูกเลือกก็คือ รวบรวมชิ้นส่วนที่เหลือให้ครบทั้ง 8 เพื่อปลดปล่อยเหล่าเทพ และเพื่อช่วยคืนชีพให้กับดาวคาร์มี เพื่อค้นหาท่านเทพคาร์นีรา เพื่อหาสิ่งที่พวกเทพเอลขโมยไปจากพวกเรา แอนเฟียร์ เจ้าจงพาเหล่าเทพกลับมา เพื่อความสงบสุขแห่งทวยราษฎร์ เพื่อระบบสุริยะของเรา เพื่อกาแล็กซีของเรา............”
หลังจากหายไปหลายเดือน (หลายเดือนจริงๆ) ก็กลับมาอัพอีกครั้ง ตามการไล่จี้ตลอดปีของ คุณ ราชัน 5 5+ แล้วตอนที่ 2 ก็ออกมาปรากฏจนได้ เป็นอย่างไรบ้างคะ ตอนนี้ก็พยายามเขียนอย่างเต็มที่เลย จะแนะนำอะไรก็เชิญตามสบายเลยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
ความคิดเห็น