ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Starry Ocean ค้นผืนฟ้า หาดวงดาว

    ลำดับตอนที่ #1 : เรื่องแปลกๆ

    • อัปเดตล่าสุด 11 พ.ย. 49


                   คืนนี้เป็นคืนที่เงียบสงัด  ดวงจันทร์เต็มดวงทอประกายส่องรัศมีอยู่เหนือท้องนภา  ส่องให้เห็นหมู่บ้านเล็ก ๆ น่ารักอย่างสลัว ๆ ยามค่ำคืน  นี่ก็กินเวลาไปกว่าตี 2  แล้วดังนั้น ไฟหน้าต่างทุกดวงของบ้านในหมู่บ้านเล็ก ๆ นั้นจึงพากันดับสนิท เหลือเพียงบานเดียวเท่านั้นที่ยังคงสว่างอยู่  ด้วยเจ้าของห้องนั้นยังมีเรื่องค้างคาใจ อย่างที่ไม่ว่าจะข่มตาหลับขับตานอนเท่าไรก็มิอาจจะหลับลงได้  แม้ว่าสายลมเบื้องนอกจะพัดใบไม้ให้กล่อมเป็นเพลงแล้วก็ตามที

                    เด็กสาวนามแอนเฟียร์ นักเรียนชั้นม.ต้น หน้าตาน่ารัก แต่ไม่ถึงกับสวย ข้อเสียของเธอ คือเป็นคนตัวเตี้ย แต่ว่องไว ผู้มีผลการเรียนไม่ได้ดีเลิศเท่าใดนัก เป็นคนชอบอ่านหนังสือนานาชนิด ไม่ว่าจะนิยาย สารคดี เว้นเสียแต่เธอไม่ชอบอ่านหนังสือเรียน  อย่างไรก็ตามทีเธอมีความสนใจด้านดาราศาสตร์เป็นพิเศษ  เคยฝันไว้ว่าเธออยากจะไปท่องอวกาศสักครั้ง  วันนี้เธอยังคงนั่งอ่านหนังสืออย่างขะมักเขม้นแม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าใด  นาน ๆ ครั้งจึงจะเหลือบตาขึ้นมามองนาฬิกาบ้าง  แต่ไม่มีท่าทีจะนอนแม้แต่น้อย ข้างตัวมีหนังสือกองโตที่ยืมมาจากห้องสมุดโรงเรียน กับเศษชิ้นส่วนมีรูปร่างคล้ายกับหินสีฟ้ามีประกายสดใส มีลักษณะเป็นแผ่นบาง บริเวณขอบมีสีทองเหลื่อม ๆ แลดูงดงามเป็นยิ่งนัก  เธอมักจะเงยหน้าขึ้นมามองเศษชิ้นส่วนนี้บ่อย ๆ ก่อนก้มหน้าก้มตาอ่านต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ  เหตุผลที่เธอมัวนั่งอ่านหนังสืออยู่อย่างนี้เป็นเพราะ เหตุการณ์ของวันนี้  เรื่องมันเกิดขึ้นอย่างน่าแปลกประหลาด  ตอนพักกลางวัน หลังจากที่เธอกลับมาจากโรงอาหาร เพื่อกลับไปยังห้องเรียนคาบบ่ายของเธอ..............

                    "เร็วเข้า ๆ ตีมาเลย ๆ" เสียงของเพื่อนร่วมชั้นของเธอที่กำลังตีแบตกันอยู่ที่สนามหน้าห้องเรียน 

                    "รู้แล้วล่ะน่า เห็นมั้ยเพราะนายคนเดียว ฉันเลยตีไม่ได้เลย" เสียงของคนถูกเร่งทำให้เสียสมาธิ กล่าวโทษเพื่อนของตนอย่างโมโห "แอนเฟียร์ เก็บลูกแบตให้ทีสิ"

                    ซวยเลยเรา  บังเอิญเสียจริงที่เธอเดินผ่านไปใกล้ ๆ กับพุ่มไม้ที่ลูกแบตนั่นตกอยู่  แอนเฟียร์ก็ก้มลงเก็บให้อย่างว่าง่าย  แต่แล้วก็เหลือบไปเห็นกับแสงสีน้ำเงินประหลาด ๆ อยู่ลึกลงไปในพุ่มไม้หนาทึบนั่น  ครั้งแรกก็ลังเล  มันช่างอยู่ลึกเหลือเกินนะ  แต่เมื่อมารู้ตัวอีกทีเธอก็กำลังพยายามก้มตัวลงไปให้มากเพื่อเอื้อมไปให้ถึงวัตถุประหลาดที่ส่องแสงออกมาด้วยความสงสัย   ด้วยความตื่นเต้น เธอจึงพลาดท่า ล้มลงไปในพุ่มไม้  แต่ก็ทำให้เธอเอื้อมมือถึงวัตถุประหลาดนั่นแล้ว   ทันทีที่มือเธอสัมผัสกับวัตถุนั่น  ก็เหมือนมีเสียงประหลาดดังก้องขึ้นในโสตประสาท  ฟังดูน่ากลัวจนขนลุก  แต่พอฟัง ๆ ไป กลับเป็นเสียงที่ฟังดูคุ้นหูอย่างประหลาด  แต่ไม่สามารถจะตอบได้ว่าเป็นเสียงของใคร  เสียงนั้นกล่าวบางอย่างกับเธอ ซึ่งเธอไม่เข้าใจ 

    แอนเฟียร์ เจ้าได้ยินข้าหรือไม่ ถ้าเจ้าได้ยินเสียงแห่งข้าแล้ว.... จงทำตาม  เจ้า... มีภาระกิจที่ต้องกระทำ.... เพื่อโลก..... และเพื่อจักรวาล... งานของเจ้า.....  เป็นไปตามพรหมลิขิต....  ที่มิอาจหลีกเลี่ยง  เจาจักได้พบ...  กับภูตผู้นำทางเจ้า...  ไปยังท้องฟ้าสีดำอันไกลโพ้น..  เจ้า มิอาจหลีกเลี่ยง  หน้าที่แห่งเจ้า......  แอนเฟียร์.................

    แอนเฟียร์ตกใจสุดขีดจนอยากจะร้องกรี๊ด  และเร่งรีบที่จะลุกขึ้นจากพุ่มไม้อย่างคนตั้งสติไม่อยู่    ตอนแรกก็คิดเหมือนกันว่าจะมีคนแกล้งอำเธอเล่น  แต่ใครเล่าจะมาทำอะไรพิเรน ๆ ตอนนี้ได้  ยิ่งคิดก็ยิ่งขวัญผวา  แต่มือก็ยังกำวัตถุนั่นไว้แน่นแล้วรีบยันตนเองออกจากพุ่มไม้ทึบ  แต่ทว่ากว่าจะขึ้นมาได้ ก็ได้ยินเสียงชวนหมั่นไส้ดังขึ้น  ทำให้เธอใจชื้นขึ้นเล็กน้อย

                    "แอนเฟียร์เอ๊ยย ทำอะไรของเธอหน่ะ หือ แค่ให้เก็บลูกแบตให้ ถึงขนาดหน้าคะมำเลยเหรอ ไหวรึป่าวนั่น"

                    "ฉันไหวน่า แล้วก็ช่วยตัวเองได้ด้วย เอานี่ เอาไปลูกแบตของนาย" ว่าแล้วเธอก็รีบลุกขึ้นมาด้วยท่าทีเก้ ๆ กัง ๆ ยัดของที่เก็บมาลงกระเป๋ากระโปรงอย่างรวดเร็ว แล้วรีบวิ่งไปที่ห้องเรียนทันที พยายามจะลืมเสียงประหลาดไปให้หมด

                    "หวัดดีจ้า แอนเฟียร์" เสียงเพื่อนสนิทที่มักจะจองที่นั่งแถวหน้าเอาไว้ให้ร้องทัก เมื่อร่างเล็กๆวิ่งเข้าห้องมา แล้วรีบโยนกระเป๋าสะพายไว้บนโต๊ะข้าง ๆ เพื่อนสนิท แล้วชิ่งออกไปทันที "อ้าว!เฮ้ย แอนเฟียร์ เดี๋ยวเซ่ จะรีบไปไหนหน่ะ" เสียงโวยวายถูกส่งตามหลังมา"ห้องสมุดจ้า" เธอตะโกนตอบด้วยความรีบร้อนอย่างไม่คิดหันกลับมามองหน้าเจ้าของเสียง  เพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ได้แต่ส่ายหน้าด้วยความงงงวยที่สุด  อะไรกันนะที่ทำให้เจ้าแอนเฟียร์ เพื่อนตัวป่วนของเธอรีบร้อนวิ่งแจ้นเข้าห้องสมุดได้

             

                ห้องสมุดตอนพักเที่ยง ซึ่งปกติไม่ค่อยมีคนเท่าใดนัก  แต่วันนี้ยิ่งเงียบผิดปกติเข้าไปอีก  แอนเฟียร์รีบตรงไปที่ชั้นอย่างรวดเร็ว ผ่านหน้าบรรณารักษ์ห้องสมุด ที่แอบค้อน ๆ เธอที่เดินเร็วออกจะวิ่ง ผ่านโต๊ะว่างเปล่าที่วางเรียงรายเอาไว้เป็นแถวยาว  เมื่อถึงที่หมายเธอไม่รอช้ารีบหยิบหนังสือเรื่องหินที่มีอยู่หลายเล่มออกมาอย่างรีบร้อน  แล้วตรงไปนั่งสุดมุมห้องที่ค่อนข้างจะลับตา   พลางเปิดหนังสือไปยังหน้าที่อาจกล่าวถึงหินสีฟ้า  หรืออะไรก็ได้ที่สีฟ้า  แต่ก็ไม่พบแม้แต่เงาของข้อมูล หรือลักษณะใด ๆ ที่เหมือนหรือแม้แต่จะใกล้เคียงกับวัตถุประหลาดนั้น  ในมือก็ได้แต่กำวัตถุในกระเป๋าไว้แน่น  ราวกับว่ามันจะช่วยให้สามารถพบข้อมูลได้เร็วขึ้น 

                    เสียงที่ไม่พึงประสงค์ดังขึ้นหลังจากเริ่มพลิกหน้ากระดาษไปได้เพียงไม่เท่าไหร่  เสียงนั้นก็คือเสียงกริ่งบอกสัญญาณเข้าเรียนในคาบบ่ายนั่นเอง  แอนเฟียร์รีบหอบหนังสือที่เหลือตรงไปยังโต๊ะบริการยืมหนังสือของบรรณารักษ์ที่อยู่ติดประตูทางเข้าทันที ระหว่างที่เธอกำลังกรอกข้อมูลอย่างยากเย็น  คนที่มีอยู่น้อยนิดก็เริ่มทยอยออกจากห้องสมุดไปจนหมด  พอได้หนังสือที่เธอต้องการก็รีบวิ่งกลับห้องเรียนไปทันที โชคยังเข้าข้างที่อาจารย์ผู้สอนยังไม่มา  เพื่อนสนิทที่นั่งคอยอยู่สะกิดเธอยิก ๆ ว่าอะไรกันนักกันหนาที่ทำให้เธอแจ้นออกไปไม่เหลียวหลังอย่างนั้น    เธอได้แต่เพียงตอบไปว่า  แค่อยากอ่านหนังสือเท่านั้น  เพื่อนรักเห็นว่าเจ้าตัวไม่อยากจะเล่า  จึงไม่คิดจะซักไซ้อีกต่อไป

                    บ่ายนั้น เวลาเดินไปอย่างเชื่องช้าเหมือนเต่าเดิน บางทีมันอาจจะช้ากว่าเต่าก็ได้นะ    เมื่อกริ่งคาบสุดท้ายดัง  คนที่ลุกออกจากห้องเป็นคนแรกก็คือเธอ ที่แทบไม่แม้จะบอกลาเพื่อนสนิทสักคำ  รีบหอบหนังสือทั้งหมดตรงกลับบ้านทันที

                    กว่าจะฝ่าด่านแม่จอมโหดที่บ่นนักบ่นหนาว่ารีบกินข้าวคำสองคำเหมือนพอเป็นพิธีแล้วก็จะรีบขึ้นห้องไปทำอะไรจนหูชา   แล้วแอนเฟียร์ก็ได้อยู่คนเดียวบนห้องกับหนังสือเสียที  ว่าแล้วเสียงนั่น  ที่เธอเกือบจะลืมมันไปจากหัวสมองแล้ว  ก็กลับมาหลอกหลอนเธออีก

                    แอนเฟียร์...........ใกล้ได้เวลาแล้ว........ที่เจ้าต้องออกเดินทางไป.......ยังที่ๆท้องฟ้าเป็นสีดำ......กับความมืดมิด......ภูต.......ผู้นำทาง.....ใกล้มาถึงแล้ว.....จงเตรียมตัวให้ดี......แอนเฟียร์.......

                    กรี๊ดดดดดด เธออยากจะกรีดร้อง  แต่คนอื่นต้องหาว่าเธอบ้าไปแล้วแน่ๆ  เหมือนมียมทูตจะมาเอาชีวิตเธออย่างไรอย่างนั้น  ท้องฟ้าสีดำ  ความมืดมิด  หมายความว่าอย่างไรกัน  รอบด้านเปี่ยมไปด้วยความเงียบอันน่าสะพรึงกลัว  เสียงนั้นยังคงก้องอยู่ในโสตประสาทไม่ยอมจางหาย  เธอได้แต่ฟุบหน้าลงบนหนังสือที่ยืมมาด้วยความหวาดกลัว  สมองของเธอตีบตันไปด้วยถ้อยคำปริศนาที่ยากจะเข้าใจ  ใครเล่าจะช่วยไขให้กระจ่างได้  แล้วเสียงอันน่ากลัวที่เรียกชื่อเธอนี้  มันจะหลอกหลอนเธอไปถึงเมื่อไหร่  ทำไมต้องเป็นเธอ คำว่าใกล้ได้เวลาในคำพูดนั้น   เมื่อถึงเวลานั้นแล้วเธอจะรู้กระจ่างขึ้นบ้างไหม ?  การเดินทาง  ผู้นำทาง  หมายความว่าอย่างไรกัน เมื่อตอนเที่ยงบอกว่าเป็นงาน  งานอะไรกัน ? คนอย่างฉันจะทำอะไรได้  อย่าว่าแต่ให้เตรียมตัว เธออยากจะวิ่งหนีไปให้ไกลเสียด้วยซ้ำถ้าทำได้ แต่ก็นึกหวาด ๆ   จากข้อความเมื่อเที่ยง  มันไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้....ทำไม......

                    เธอหลับตาแน่น ได้แต่คิดกลับไปกลับมา พยายามทำความเข้าใจกับเสียงลึกลับ แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ความอ่อนใจบวกกับความอ่อนเพลียทำให้เธอฟุบหลับไปกับความมืดยามราตรีกาล...

    -*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

    สำหรับตอนที่ 1 ก็จบลงไปแล้วนะคะ   ตอนนี้เกิดอาการตื่นเต้นมาก เพราะเริ่มเขียนจริงจังๆเสียทีนึง ยังไงก็มีคนหลายคนที่ต้องขอบคุณ  อย่างเช่น คุณแม่ พิม(ราชัน) ผักบุ้ง แมงปอ อ.วิชาวิทยาศาสตร์ และอีกหลายๆคนที่ช่วยค่ะนิยายเรื่องนี้  มันมาจากการ์ตูนความรู้วิชาวิทยาศาสตร์ที่เขียนส่งอ.เทอมก่อน  ซึ่งก็เป็นที่ประทับใจของอ.และเพื่อนร่วมงานอย่างมาก เลยลองเอามาใส่รายละเอียด เอาความรู้ออกไปบ้าง และออกมาเป็นเรื่องนี้ที่เห็นนั่นแหละค่ะ

    ตอนนี้แอนเฟียร์ก็ได้เจอกับเรื่องประหลาดมากมาย จนมึนตึ๊บไปเลย  แต่เชื่อว่า อีกไม่นานเกินรอ  ในตอนที่ 2 ปริศนาจะเริ่มคลี่คลาย แต่ก็ต้องทำให้แอนเฟียร์เจอปัญหาที่หนักขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว จะเป็นอย่างไร ช่วยติดตามกันด้วยนะคะ และขอขอบคุณทุกๆท่านที่แวะเข้ามาอ่านค่ะ มีอะไรก็ติชมกันได้นะคะ  พบกันตอนหน้าค่า

     ~ * Chobits * ~
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×