คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เรื่องแปลกๆ
คืนนี้เป็นคืนที่เงียบสงัด ดวงจันทร์เต็มดวงทอประกายส่องรัศมีอยู่เหนือท้องนภา ส่องให้เห็นหมู่บ้านเล็ก ๆ น่ารักอย่างสลัว ๆ ยามค่ำคืน นี่ก็กินเวลาไปกว่าตี 2 แล้วดังนั้น ไฟหน้าต่างทุกดวงของบ้านในหมู่บ้านเล็ก ๆ นั้นจึงพากันดับสนิท เหลือเพียงบานเดียวเท่านั้นที่ยังคงสว่างอยู่ ด้วยเจ้าของห้องนั้นยังมีเรื่องค้างคาใจ อย่างที่ไม่ว่าจะข่มตาหลับขับตานอนเท่าไรก็มิอาจจะหลับลงได้ แม้ว่าสายลมเบื้องนอกจะพัดใบไม้ให้กล่อมเป็นเพลงแล้วก็ตามที
เด็กสาวนามแอนเฟียร์ นักเรียนชั้นม.ต้น หน้าตาน่ารัก แต่ไม่ถึงกับสวย ข้อเสียของเธอ คือเป็นคนตัวเตี้ย แต่ว่องไว ผู้มีผลการเรียนไม่ได้ดีเลิศเท่าใดนัก เป็นคนชอบอ่านหนังสือนานาชนิด ไม่ว่าจะนิยาย สารคดี เว้นเสียแต่เธอไม่ชอบอ่านหนังสือเรียน อย่างไรก็ตามทีเธอมีความสนใจด้านดาราศาสตร์เป็นพิเศษ เคยฝันไว้ว่าเธออยากจะไปท่องอวกาศสักครั้ง วันนี้เธอยังคงนั่งอ่านหนังสืออย่างขะมักเขม้นแม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าใด นาน ๆ ครั้งจึงจะเหลือบตาขึ้นมามองนาฬิกาบ้าง แต่ไม่มีท่าทีจะนอนแม้แต่น้อย ข้างตัวมีหนังสือกองโตที่ยืมมาจากห้องสมุดโรงเรียน กับเศษชิ้นส่วนมีรูปร่างคล้ายกับหินสีฟ้ามีประกายสดใส มีลักษณะเป็นแผ่นบาง บริเวณขอบมีสีทองเหลื่อม ๆ แลดูงดงามเป็นยิ่งนัก เธอมักจะเงยหน้าขึ้นมามองเศษชิ้นส่วนนี้บ่อย ๆ ก่อนก้มหน้าก้มตาอ่านต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ เหตุผลที่เธอมัวนั่งอ่านหนังสืออยู่อย่างนี้เป็นเพราะ เหตุการณ์ของวันนี้ เรื่องมันเกิดขึ้นอย่างน่าแปลกประหลาด ตอนพักกลางวัน หลังจากที่เธอกลับมาจากโรงอาหาร เพื่อกลับไปยังห้องเรียนคาบบ่ายของเธอ..............
"เร็วเข้า ๆ ตีมาเลย ๆ" เสียงของเพื่อนร่วมชั้นของเธอที่กำลังตีแบตกันอยู่ที่สนามหน้าห้องเรียน
"รู้แล้วล่ะน่า เห็นมั้ยเพราะนายคนเดียว ฉันเลยตีไม่ได้เลย" เสียงของคนถูกเร่งทำให้เสียสมาธิ กล่าวโทษเพื่อนของตนอย่างโมโห "แอนเฟียร์ เก็บลูกแบตให้ทีสิ"
ซวยเลยเรา บังเอิญเสียจริงที่เธอเดินผ่านไปใกล้ ๆ กับพุ่มไม้ที่ลูกแบตนั่นตกอยู่ แอนเฟียร์ก็ก้มลงเก็บให้อย่างว่าง่าย แต่แล้วก็เหลือบไปเห็นกับแสงสีน้ำเงินประหลาด ๆ อยู่ลึกลงไปในพุ่มไม้หนาทึบนั่น ครั้งแรกก็ลังเล มันช่างอยู่ลึกเหลือเกินนะ แต่เมื่อมารู้ตัวอีกทีเธอก็กำลังพยายามก้มตัวลงไปให้มากเพื่อเอื้อมไปให้ถึงวัตถุประหลาดที่ส่องแสงออกมาด้วยความสงสัย ด้วยความตื่นเต้น เธอจึงพลาดท่า ล้มลงไปในพุ่มไม้ แต่ก็ทำให้เธอเอื้อมมือถึงวัตถุประหลาดนั่นแล้ว ทันทีที่มือเธอสัมผัสกับวัตถุนั่น ก็เหมือนมีเสียงประหลาดดังก้องขึ้นในโสตประสาท ฟังดูน่ากลัวจนขนลุก แต่พอฟัง ๆ ไป กลับเป็นเสียงที่ฟังดูคุ้นหูอย่างประหลาด แต่ไม่สามารถจะตอบได้ว่าเป็นเสียงของใคร เสียงนั้นกล่าวบางอย่างกับเธอ ซึ่งเธอไม่เข้าใจ
แอนเฟียร์ เจ้าได้ยินข้าหรือไม่ ถ้าเจ้าได้ยินเสียงแห่งข้าแล้ว.... จงทำตาม เจ้า... มีภาระกิจที่ต้องกระทำ.... เพื่อโลก..... และเพื่อจักรวาล... งานของเจ้า..... เป็นไปตามพรหมลิขิต.... ที่มิอาจหลีกเลี่ยง เจาจักได้พบ... กับภูตผู้นำทางเจ้า... ไปยังท้องฟ้าสีดำอันไกลโพ้น.. เจ้า มิอาจหลีกเลี่ยง หน้าที่แห่งเจ้า...... แอนเฟียร์.................
แอนเฟียร์ตกใจสุดขีดจนอยากจะร้องกรี๊ด และเร่งรีบที่จะลุกขึ้นจากพุ่มไม้อย่างคนตั้งสติไม่อยู่ ตอนแรกก็คิดเหมือนกันว่าจะมีคนแกล้งอำเธอเล่น แต่ใครเล่าจะมาทำอะไรพิเรน ๆ ตอนนี้ได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งขวัญผวา แต่มือก็ยังกำวัตถุนั่นไว้แน่นแล้วรีบยันตนเองออกจากพุ่มไม้ทึบ แต่ทว่ากว่าจะขึ้นมาได้ ก็ได้ยินเสียงชวนหมั่นไส้ดังขึ้น ทำให้เธอใจชื้นขึ้นเล็กน้อย
"แอนเฟียร์เอ๊ยย ทำอะไรของเธอหน่ะ หือ แค่ให้เก็บลูกแบตให้ ถึงขนาดหน้าคะมำเลยเหรอ ไหวรึป่าวนั่น"
"ฉันไหวน่า แล้วก็ช่วยตัวเองได้ด้วย เอานี่ เอาไปลูกแบตของนาย" ว่าแล้วเธอก็รีบลุกขึ้นมาด้วยท่าทีเก้ ๆ กัง ๆ ยัดของที่เก็บมาลงกระเป๋ากระโปรงอย่างรวดเร็ว แล้วรีบวิ่งไปที่ห้องเรียนทันที พยายามจะลืมเสียงประหลาดไปให้หมด
"หวัดดีจ้า แอนเฟียร์" เสียงเพื่อนสนิทที่มักจะจองที่นั่งแถวหน้าเอาไว้ให้ร้องทัก เมื่อร่างเล็กๆวิ่งเข้าห้องมา แล้วรีบโยนกระเป๋าสะพายไว้บนโต๊ะข้าง ๆ เพื่อนสนิท แล้วชิ่งออกไปทันที "อ้าว!เฮ้ย แอนเฟียร์ เดี๋ยวเซ่ จะรีบไปไหนหน่ะ" เสียงโวยวายถูกส่งตามหลังมา"ห้องสมุดจ้า" เธอตะโกนตอบด้วยความรีบร้อนอย่างไม่คิดหันกลับมามองหน้าเจ้าของเสียง เพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ได้แต่ส่ายหน้าด้วยความงงงวยที่สุด อะไรกันนะที่ทำให้เจ้าแอนเฟียร์ เพื่อนตัวป่วนของเธอรีบร้อนวิ่งแจ้นเข้าห้องสมุดได้
ณ ห้องสมุดตอนพักเที่ยง ซึ่งปกติไม่ค่อยมีคนเท่าใดนัก แต่วันนี้ยิ่งเงียบผิดปกติเข้าไปอีก แอนเฟียร์รีบตรงไปที่ชั้นอย่างรวดเร็ว ผ่านหน้าบรรณารักษ์ห้องสมุด ที่แอบค้อน ๆ เธอที่เดินเร็วออกจะวิ่ง ผ่านโต๊ะว่างเปล่าที่วางเรียงรายเอาไว้เป็นแถวยาว เมื่อถึงที่หมายเธอไม่รอช้ารีบหยิบหนังสือเรื่องหินที่มีอยู่หลายเล่มออกมาอย่างรีบร้อน แล้วตรงไปนั่งสุดมุมห้องที่ค่อนข้างจะลับตา พลางเปิดหนังสือไปยังหน้าที่อาจกล่าวถึงหินสีฟ้า หรืออะไรก็ได้ที่สีฟ้า แต่ก็ไม่พบแม้แต่เงาของข้อมูล หรือลักษณะใด ๆ ที่เหมือนหรือแม้แต่จะใกล้เคียงกับวัตถุประหลาดนั้น ในมือก็ได้แต่กำวัตถุในกระเป๋าไว้แน่น ราวกับว่ามันจะช่วยให้สามารถพบข้อมูลได้เร็วขึ้น
เสียงที่ไม่พึงประสงค์ดังขึ้นหลังจากเริ่มพลิกหน้ากระดาษไปได้เพียงไม่เท่าไหร่ เสียงนั้นก็คือเสียงกริ่งบอกสัญญาณเข้าเรียนในคาบบ่ายนั่นเอง แอนเฟียร์รีบหอบหนังสือที่เหลือตรงไปยังโต๊ะบริการยืมหนังสือของบรรณารักษ์ที่อยู่ติดประตูทางเข้าทันที ระหว่างที่เธอกำลังกรอกข้อมูลอย่างยากเย็น คนที่มีอยู่น้อยนิดก็เริ่มทยอยออกจากห้องสมุดไปจนหมด พอได้หนังสือที่เธอต้องการก็รีบวิ่งกลับห้องเรียนไปทันที โชคยังเข้าข้างที่อาจารย์ผู้สอนยังไม่มา เพื่อนสนิทที่นั่งคอยอยู่สะกิดเธอยิก ๆ ว่าอะไรกันนักกันหนาที่ทำให้เธอแจ้นออกไปไม่เหลียวหลังอย่างนั้น เธอได้แต่เพียงตอบไปว่า แค่อยากอ่านหนังสือเท่านั้น เพื่อนรักเห็นว่าเจ้าตัวไม่อยากจะเล่า จึงไม่คิดจะซักไซ้อีกต่อไป
บ่ายนั้น เวลาเดินไปอย่างเชื่องช้าเหมือนเต่าเดิน บางทีมันอาจจะช้ากว่าเต่าก็ได้นะ เมื่อกริ่งคาบสุดท้ายดัง คนที่ลุกออกจากห้องเป็นคนแรกก็คือเธอ ที่แทบไม่แม้จะบอกลาเพื่อนสนิทสักคำ รีบหอบหนังสือทั้งหมดตรงกลับบ้านทันที
กว่าจะฝ่าด่านแม่จอมโหดที่บ่นนักบ่นหนาว่ารีบกินข้าวคำสองคำเหมือนพอเป็นพิธีแล้วก็จะรีบขึ้นห้องไปทำอะไรจนหูชา แล้วแอนเฟียร์ก็ได้อยู่คนเดียวบนห้องกับหนังสือเสียที ว่าแล้วเสียงนั่น ที่เธอเกือบจะลืมมันไปจากหัวสมองแล้ว ก็กลับมาหลอกหลอนเธออีก
แอนเฟียร์...........ใกล้ได้เวลาแล้ว........ที่เจ้าต้องออกเดินทางไป.......ยังที่ๆท้องฟ้าเป็นสีดำ......กับความมืดมิด......ภูต.......ผู้นำทาง.....ใกล้มาถึงแล้ว.....จงเตรียมตัวให้ดี......แอนเฟียร์.......
กรี๊ดดดดดด เธออยากจะกรีดร้อง แต่คนอื่นต้องหาว่าเธอบ้าไปแล้วแน่ๆ เหมือนมียมทูตจะมาเอาชีวิตเธออย่างไรอย่างนั้น ท้องฟ้าสีดำ ความมืดมิด หมายความว่าอย่างไรกัน รอบด้านเปี่ยมไปด้วยความเงียบอันน่าสะพรึงกลัว เสียงนั้นยังคงก้องอยู่ในโสตประสาทไม่ยอมจางหาย เธอได้แต่ฟุบหน้าลงบนหนังสือที่ยืมมาด้วยความหวาดกลัว สมองของเธอตีบตันไปด้วยถ้อยคำปริศนาที่ยากจะเข้าใจ ใครเล่าจะช่วยไขให้กระจ่างได้ แล้วเสียงอันน่ากลัวที่เรียกชื่อเธอนี้ มันจะหลอกหลอนเธอไปถึงเมื่อไหร่ ทำไมต้องเป็นเธอ คำว่าใกล้ได้เวลาในคำพูดนั้น เมื่อถึงเวลานั้นแล้วเธอจะรู้กระจ่างขึ้นบ้างไหม ? การเดินทาง ผู้นำทาง หมายความว่าอย่างไรกัน เมื่อตอนเที่ยงบอกว่าเป็นงาน งานอะไรกัน ? คนอย่างฉันจะทำอะไรได้ อย่าว่าแต่ให้เตรียมตัว เธออยากจะวิ่งหนีไปให้ไกลเสียด้วยซ้ำถ้าทำได้ แต่ก็นึกหวาด ๆ จากข้อความเมื่อเที่ยง มันไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้....ทำไม......
เธอหลับตาแน่น ได้แต่คิดกลับไปกลับมา พยายามทำความเข้าใจกับเสียงลึกลับ แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ความอ่อนใจบวกกับความอ่อนเพลียทำให้เธอฟุบหลับไปกับความมืดยามราตรีกาล...
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
สำหรับตอนที่ 1 ก็จบลงไปแล้วนะคะ ตอนนี้เกิดอาการตื่นเต้นมาก เพราะเริ่มเขียนจริงจังๆเสียทีนึง ยังไงก็มีคนหลายคนที่ต้องขอบคุณ อย่างเช่น คุณแม่ พิม(ราชัน) ผักบุ้ง แมงปอ อ.วิชาวิทยาศาสตร์ และอีกหลายๆคนที่ช่วยค่ะนิยายเรื่องนี้ มันมาจากการ์ตูนความรู้วิชาวิทยาศาสตร์ที่เขียนส่งอ.เทอมก่อน ซึ่งก็เป็นที่ประทับใจของอ.และเพื่อนร่วมงานอย่างมาก เลยลองเอามาใส่รายละเอียด เอาความรู้ออกไปบ้าง และออกมาเป็นเรื่องนี้ที่เห็นนั่นแหละค่ะ
~ * Chobits * ~
ความคิดเห็น