ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Elvis Magic world) เซียนต่างโลก

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 7 ตำนาน

    • อัปเดตล่าสุด 27 มี.ค. 66



    การต่อสู้ก่อนหน้านี้กินพลังเวทย์ของเขาจนหมดสิ้น ต้องรีบฟื้นฟูให้ไวที่สุด

     

    "หวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นอีกนะ"

     

    คิดไปพลางรวบรวมพลังเวทย์ไปพลาง

     

    ตอนนี้พลังเวทย์ของเอลวิสก็เหมือนเมฆหมอกเป็นดั่งปุ้ยฝ้ายที่สูญสลายเพียงโดนความร้อน

     

    การจะเกี่ยวปุ้ยฝ้ายมารวมกันก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย เขาแค่ต้องพยายามและใช้สมาธิเท่านั้น

     

    หลังทำไปในสิบนาที พลังเวทย์ของเขากลับมาเต็มอีกครั้งอาจจะด้วยที่ว่ามันความจุพลังเวทย์มันน้อยจึงเติมเต็มได้ง่าย ทำให้เอลวิสไม่เสียเวลาไปกับมันมากมาย แต่ถึงพลังเวทย์จะกลับมาเต็มแล้วเอลวิสก็ไม่ได้เลิกฝึกฝน

     

    กลับกันเขาพยายามฝึกให้หนักขึ้น พยายามทะลวงให้สามารถกักเก็บพลังเวทย์ไว้ในตันเถียนให้มากขึ้น

     

    หากเทียบกันแล้วอัตราเติบโตของมันช้ากว่าตอนพยายามเติมเต็มพลังเวทย์มาก มันช้ากว่ากันนับร้อยเท่า

     

    สมมติให้เอลวิสมีพลังเวทย์100หน่วย หากเขาสูญเสียพลังเวทย์ทั้งหมดไป 100หน่วย แล้วเขาต้องใช้เวลา100นาทีในการเติมเต็มมัน

     

    แต่กลับกันหากเขาพยายามจะทะลวงขีดกำจัดจาก 100ไปสู่101 กลับใช้เวลา 100 นาทีเท่ากันกับการเติมพลังเวทย์จาก 0 ไป 100 

     

    เห็นได้ว่าการบ่มเพาะนี้ยากเย็นแค่ไหน เส้นทางช่างขรุขระไม่ง่ายในการฝ่าเผชิญสักนิด 

     

    เอลวิสรู้จักพลังในโลกนี้ดี เขารู้ว่าทางที่เขาเดินนั้นแตกต่าง ยากลำบากแต่ก็ได้พึ่งพาตัวเอง ซึ่งต่างจากคนในโลกนี้อย่างสิ้นเชิง

     

    เพราะผู้คนบนโลกนี้ต่างพึ่งพลังจาก "เทพ" และ "โลก" ที่พวกเขาอาศัยอยู่ 

     

    ทวยเทพมีพลังอำนาจเกินกว่าที่มนุษย์จะสามารถจินตนาการถึง สิ่งมีชีวิตที่สูงส่งเหล่านั้นเพียงสบัดมือก็ทำให้ทุกอย่างในมหาทวีปกลับตาลปัตร การพลิกแผ่นฟ้า หรือการยกมหาสมุทรทั้งหมดไว้เหนือฝ่ามือไม่ใช่ที่เรื่องที่ยากเย็นเลยสำหรับการดำรงอยู่ระดับนั้น

     

    ส่วนโลกก็คือสถานที่อาศัยแห่งสรรพสัตว์ทั้งมวล แม้กระทั่งทวยเทพก็อาศัยอยู่บนมหาโลกแห่งนี้ 

     

    นามของมหาโลกใบนี้คือ "เซเลนเทีย" มหาโลกระดับสูงสุดที่เหล่าทวยเทพอาศัยอยู่ร่วมกัน

     

    สิ่งมีชีวิตหลากเผ่าพันธุ์ต่างพึ่งพาพลังของเทพเจ้าที่พวกเขานับถือ จะมีผู้ถูกเลือกบางส่วนเท่านั้นที่รับพลังจากโลกใบนี้โดยตรง

     

    และใช่แล้ว มหาโลกเซเลนเทียแห่งนี้มนุษย์เป็นเพียงเผ่าพันธุ์ระดับต่ำที่อ่อนแอเกินจะอยู่ในสายตาเผ่าพันธุ์อื่น

     

    มนุษย์ไม่มีเทพเป็นของตัวเอง พวกเขาไม่มีการสืบทอดเทพภายใน จึงเป็นเผ่าพันธุ์ระดับต่ำร่วมกับเผ่าพันธุ์อีกนับหมื่นในมหาโลกแห่งนี้

     

    เผ่าพันธุ์ระดับสูงทุกเผ่าล้วนมีเทพมากกว่า 1 องค์ และการจะเป็นเทพเจ้าได้ต้องมาจากการสืบทอดเท่านั้น

     

    เพราะพลังของเทพคือสิ่งที่ไม่อาจจินตนาการได้ การจะสร้างเทพขึ้นมาจากพลังงานที่ต่ำกว่าล้วนเป็นไปไม่ได้เลย

     

    ตามตำนานกล่าวว่าที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ยังดำรงอยู่ได้ก็แค่เพราะความเมตตาที่เหล่าทวยเทพบางองค์ประทานพรให้ ทำให้เผ่ามนุษย์พอจะมีผู้ทรงพลังเกิดมาบ้าง และสามารถยืนขึ้นได้ ไม่กลายเป็นเผ่าพันธุ์ทาสที่เป็นผู้รับใช้เผ่าพันธุ์อื่น

     

    แต่บางตำนานก็บอกว่าที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ยังดำรงอยู่ได้ เพราะในอดีตมนุษย์เคยมีผู้ที่มีพลังทัดเทียมเหล่าเทพเกิดขึ้น ไม่มีใครรู้ว่าเขาคือชายหรือหญิง แก่ชราหรือเยาววัย รู้เพียงว่าเขาคนนั้นสามารถประหัตหาญสู้กับเหล่าเทพได้อย่างไม่พ่ายแพ้ และด้วยความทรงอำนาจนี้เองทำให้เหล่าทวพเทพหวาดกลัวในพลังของเขา

     

    เพราะมนุษย์คนนั้นไม่ใช่เทพ แต่กลับสามารถคุกคามถึงการดำรงอยู่ของพวกเขาได้

     

    เหล่าเทพจึงรวมตัวในคืนที่ดวงจันทร์มีสีฟ้าผสมเลือด บุกโจมตีมนุษย์ผู้นั้นพร้อมกัน

     

    ในศึกที่ทำลายล้างโลกนั้นมีทวยเทพเข้าร่วมการล่าสังหารนี้ถึง12องค์

     

    เทพ4ใน12องค์ถูกมนุษย์สังหาร ดับสิ้นทั้งกายเนื้อและวิญญาณ การสืบทอดของเทพไม่อาจสืบสานเพราะพลังของเทพทั้ง4ถูกพลังที่แกร่งกว่าบดขยี้จนพลังเหล่านั้นกระจายหลอมรวมเข้ากับฟ้าดิน

     

    แต่ในท้ายที่สุดของศึกนั้นมนุษย์ผู้นั้นยังคงพ่ายแพ้ แม้มากด้วยกำลังก็ไม่อาจสู้จำนวนที่เหนือกว่าได้

     

    ในตอนก่อนที่มนุษย์ผู้นั้นจะจากไปตลอดกาล ฝ่ามือของเขาพวยพุ่งประกายที่เจิดจ้าไร้ที่สิ้นสุด พลักทวีปที่มนุษย์อาศัยอยู่ออกไปไกลห่างจากที่อื่น เกิดผนึกรอบทวีปไม่ให้เผ่าพันธุ์อื่นสามารถเข้าถึงทวีปนี้ได้ยกเว้นทวยเทพจะแทรกแซงด้วยตัวเอง

     

    อย่างไรก็ดีเอลวิสเชื่อในตำนานแรกมากกว่า ผู้คนส่วนมากก็เช่นกัน พวกเขาเชื่อในตำนานอันแรกมากกว่า

     

    ตำนานอย่างหลังเหมือนแค่อยากยกยอให้มนุษย์มีบรรพบุรุษที่ทรงพลัง ให้มีกำลังใจในการใช้ชีวิตมากขึ้นเท่านั้น อย่างที่ทราบโดยทั่วไปว่าตอนนี้ทั่วทั้งทวีปของพวกเขามีเผ่าพันธุ์อื่นอยู่มากมาย ทั้งมนุษย์มากมายหลายคนก็ได้พลังจากทวยเทพ

     

    และหากมนุษย์เคยมีผู้ทรงพลังแบบนั้นเกิดขึ้นจริง เทพที่เหลืออีก 8 องค์คงกวาดล้างเผ่าพันของพวกเขาจนสิ้นไปนานแล้ว ไม่เหลืออารยธรรมแบบวันนี้หรอก

     

    เอลวิสถอนหายใจ ตำนานอย่างหลังชั่งดูไร้มูลและเหตุผล

     

    อย่างไรก็ตามจุดสำคัญคือผู้คนบนโลกนี้ล้วนได้พลังจากทวยเทพหรือจากโลกใบนี้

     

    แต่เขาไม่ เขาคือผู้ฝึกตน ตัวของเขาคือตันกำเนิดแห่งพลัง เขาไม่ได้หยิบยืมพลังจากใครอื่น ไม่ได้มีใครหน้าไหนประทานพลังเหล่านี้มาให้ ซึ่งแตกต่างจากผู้คนในโลกนี้โดยสิ้นเชิง

     

    เพราะในปกติหากคนในโลกอยากแข็งแกร่งขึ้น ทรงพลังขึ้น หรืออยากเลื่อนระดับ พวกเขาได้แค่รอโอกาสและวาสนา รอว่าทวพเทพจะเห็นค่าของพวกเขามากขึ้นเมื่อไหร่ รอว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งมากแค่ไหน พวกเขาได้แค่รอและรอต่อไปอย่างสิ้นหวังเท่านั้น

     

    อาจจะบางคนที่ผ่าเหล่าหันมาฝึกฝนร่างกายแทน แต่กายเนื้อก็ไม่อาจสู้เวทย์มนต์ได้อยู่ดี มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถต้านทานระเบิดได้อยู่แล้ว ไม่ว่าร่างกายของตัวเขาจะแข็งแกร่งมากแค่ไหนก็ตาม

     

    และก็ด้วยจุดนี้เองที่ทำให้เอลวิสได้เปรียบทุกคนในโลกใบนี้ เขาฝึกฝนได้มากเท่าที่ต้องการ ศัตรูของเขาจะหยุดอยู่ที่เดิม ในขณะที่ตัวเขาจะก้าวหน้าขึ้นไปเรื่อยๆ เขาไร้จุดสิ้นสุดตราบเท่าที่ชีวิตของเขายังเดินต่อไป เขาจะทรงพลังได้มากที่เขาต้องการตราบเท่าที่เขาไม่เกียจคร้าน

     

    ใครจะรู้ได้ อาจมีสักวันที่เขาแข็งแกร่งเหมือนมนุษย์ในตำนานอย่างหลังนั้นก็ได้



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×