คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3 ทดลองฝึกฝน
เอลวิสนั่งท่าสมาธิคนเดียวเงียบๆบนรถม้าที่ใหญ่โต ไม่ร้องส่งเสียงเอะอะโวยวายหรือทำอะไรให้ผู้อื่นไม่สบาย ทั้งๆที่การเดินทางไปเมืองหลวงนั้นใช้เวลายาวนานหลายวัน อันที่จริงเพราะเขากำลังทดลองทำบางอย่างที่เขาสงสัย
สติของเอลวิสก็เริ่มจมจ่อมกับสมาธิของตนเองหลังจากผ่านไปสิบนาที ทุกลมหายใจเข้าออกเขาก็รับรู้อย่างมีสติชัด
และเมื่อเวลาผ่านมาหลายชั่วโมง
ในตอนนั้น ตอนที่เอลวิสนั่งอยู่สมาธิบนรถม้า เขาสัมผัสได้ถึงเส้นผมของตัวเองที่พริ้วไหวจากแรงสั่นสะเทือนเบาๆของรถม้า รู้สึกถึงเสียงหัวใจเต้นที่ดังเป็นจังหวะอย่างสม่ำเสมอ รู้สึกแม้กระทั่งกระแสของเลือดที่ไหลผ่านตามหลอดเลือดต่างๆ
เอลวิสเพ่งมองต่อไป เพ่งลึกเข้าไปภายในการไหลเวียนเลือดนั้น เขาสัมผัสได้ถึงพลังที่แปลกประหลาด
มันเบาบางจนยากจะสัมผัสถึงไม่ได้ ยกเว้นจะเป็นผู้มีพลังสมาธิที่ยิ่งใหญ่เท่านั้นถึงจะสัมผัสได้ และถึงแม้มันจะเบาบางมาก แต่มันมีอยู่จริง เป็นคลื่นพลังงานที่ดูเปราะบางแต่ลึกลับและแข็งแกร่งในเวลาเดียวกัน
เพราะมันคือ "พลังเวทย์!" ทุกสิ่งมีชีวิตในโลกใบนี้ต่างมีพลังเวทย์ไหลเวียนในร่าง แต่จะมากน้อยแค่ไหนย่อมแตกต่างกันตามแต่สายพันธุ์
ตอนนี้เอลวิสสัมผัสถึงพลังเวทย์ในร่างได้แล้ว มันอ่อนจางจนดูเหมือนควันเท่านั้นเอง แต่แค่นั้นก็ทำให้เอลวิสดีใจมาก ถึงนี่จะเป็นแค่จุดเล็กๆจุดนึง แต่มันคือการเริ่มต้นของทุกสิ่ง มันคือรากฐานแห่งการฝึกฝนทั้งมวล
"ก็อก ก็อก"
เสียงเคาะประตูรถม้าดังขึ้น ก่อนตามมาด้วยเสียงของมอร์แกน
"ขออนุญาตนายน้อยเอลวิส เราจะพักผ่อนที่นี่กันก่อนในคืนนี้ ในวันรุ่งขึ้นเราถึงจะเดินทางต่อ ตอนนี้เหล่าองครักษ์จัดเตรียมที่พัก รวมถึงน้ำปลาอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านสามารถลงมาเพื่อทานอาหาร และพักผ่อนได้เลยขอรับ"
ด้วยเสียงของมอร์แกนปลุกเอลวิสให้ได้สติกลับคืนมา ช่วงเวลานั้นทำให้เขาไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อยว่ารถม้าหยุดไปตอนไหน หรือรถม้ายังวิ่งอยู่รึเปล่าเขาก็สัมผัสไม่ได้เลย
'แปลว่าก่อนจะเข้าสมาธิทุกครั้งต้องระวังตัวสินะ ไม่สามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา เพราะอาจโดนดักฆ่าหรือโดนดักทำร้ายโดยไม่รู้ตัวได้ง่ายๆ' เอลวิสขบคิดกับตัวเองเงียบๆ
หลังจากจัดการตัวเองให้ดูเรียบร้อย เขมเปิดผ้าม่านดูภายนอกเป็นอย่างแรก มองเห็นทัศนียภาพเป็นป่าไม้ยามอาทิตย์ตกดิน แสงสว่างลดน้อยลง พร้อมเห็นกลุ่มคนใส่ชุดเกราะจำนวน 4-5 คนกำลังก่อสร้างที่พักรวมทั้งก่อฝืนด้วย เอลวิสจำได้ว่าพวกเขาคือองครักษ์ที่ติดตามเขามาในครั้งนี้
เห็นว่าปลอดภัยดีเอลวิสจึงเดินลงจากรถม้า กลุ่มทหารก็ทำความเคารพอย่างนอบน้อม ก่อนเอลวิสจะโบกมือให้ทุกคนไปทำตามหน้าที่ของตนต่อไป
เขาเดินตรงไปหามอร์แกนก่อนถามขึ้น
"ท่านมอร์แกนพวกเราจะถึงเมืองหลวงประมาณอีกกี่วัน และจะถึงประมาณช่วงเวลาไหน"
"อีกประมาณสองวันครับนายน้อย มีอะไรที่ต้องการให้ข้ารับใช้คนนี้ช่วยรึเปล่าครับ"
"อืม ไม่มีอะไรหรอก อ่อแล้วก็หลังจากนี้ไม่ต้องมารอบกวนข้านะ หากมีอะไรข้าจะออกมาเอง"
"ทราบแล้วครับนายน้อย"
เมื่อเห็นว่ามอร์แกนรู้เรื่องแล้ว เอลวิสจึงเดินออกไป เขาเดินไปกินอาหารที่ถูกเตรียมไว้ มันคือสเต็กพร้อมผักสลัด มีนมหนึ่งแก้ววางไว้ข้างจาน
มุมปากของเองวิสเผยอขึ้นเล็กน้อย มอร์แกนคนนี้ทำการบ้านมาใช้ได้เลย รู้ว่าเขาชอบการกินนมเป็นพิเศษ แถมความสุกของเนื้อก็พอดีกับที่เด็กอายุ10ขวบควรกิน
นับว่าเป็นคนมีความสามารถแถมยังรู้งานและรอบคอบ ใส่ใจในรายละเอียดเล็กน้อยอีกด้วย
เพราะแบบนี้สินะปู่ของเขาจึงฝากฝังงานสำคัญให้กับมอร์แกนผู้นี้ได้
หลังกินเสร็จเอลวิสจึงเดินไปพักผ่อนบนที่พักที่เหล่าองครักษ์จัดเตรียมไว้ให้ มันดูสมถะเรียบร้อยไม่ได้หรูหรา แต่ก็สามารถใช้ได้อย่างสะดวกสบายอย่างมาก ทว่าหากเป็นชนชั้นสูงคนอื่นๆส่วนมากจะบ่นอุบอิบกับการพักในที่แห่งนี้แน่นอน แต่เอลวิสไม่ใช่หนึ่งในส่วนมากนั้น เขาแค่ต้องการที่พักในคืนนี้ และรอให้วันพรุ่งนี้มาถึงก็เท่านั้นเอง
.
.
.
.
เช้าตรู่วันรุ่นขึ้น เสียงนกร้องดังเบาๆแต่ปลุกผู้นิทราให้ฟื้นจากการหลับไหล
ทันที่ที่เอลวิสตื่นขึ้นมา สติของเขาก็แจ่มชัดทันที เขาลุกไปแต่งตัวจัดการธุระได้อย่างรวดเร็ว เพราะมอร์แกนเตรียมทุกอย่างไว้ให้อย่างเรียบร้อยดีแล้ว
หลังทำทุกอย่างเสร็จเขาก็เดินขึ้นไปรอบนรถม้าพร้อมปิดประตู
ครั้งนี้เขาจะลองการฝึกฝนที่เขา"คิด"ขึ้นมาเองดู
มันคือการใช้พลังเวทย์แทนพลังเซียนในโลกก่อนของเขา
หากอ้างอิงจากหนังสือที่เขาอ่าน คุณสมบัติหลายประการของทั้งสองนั้นเหมือนกัน แต่จะต่างกันบ้างเล็กน้อย อืม ที่จริงก็ไม่น้อยหรอก
แต่หลังจากขบคิดมาตลอด 5 ปี เขาเชื่อว่ามันสามารถทำได้
มันเสี่ยงที่จะตัวระเบิดตายอย่างแน่นอน แต่หากไม่มีผู้กล้าก็ไม่มีเรื่องตำนานเล่าขาน หากไม่มีผู้ริเริ่มก็จะไม่มีการฝึกฝนเหมือนทุกวันนี้
ดวงตาของเอลวิสส่อประกายแน่วแน่เริ่มทำตามสิ่งที่ตนคิดไว้มาเนิ่นนาน ก่อนหน้านี้ที่ทำไม่ได้ก็เพราะอายุเขายังน้อยเกินไป อีกทั้งพลังเวทย์ในร่างก็ไม่มี มันยังไม่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา
แต่ตอนนี้เวลาที่รอคอยได้มาถึงแล้ว พลังเวทย์ในร่างก็ถูกปลุกโดยธรรมชาติเมื่ออายุสิบปีหากเป็นผู้มีคุณสมบัติ และเขาก็เป็นผู้มีคุณสมบัตินั้น การไปที่พระราชวังเป็นแค่พิธีการ และหากจะถามว่าทำไมไม่รอกลับไปทีคฤหาสน์ตระกูลเอิร์ลก่อน
นั้นก็เป็นเพราะใครจะรู้ว่าเขาจะได้กลับไปรึเปล่า เมื่อชาติก่อนหน้านี้เป็นตัวอย่างให้ไม่รู้ลืม จะประมาทไม่ได้เด็ดขาด
เพราะแบบนี้เมื่อมีโอกาสเอลวิสจึงจะเริ่มทันทีไม่ปล่อยให้ทุกอย่างเสียเวลาไปเปล่าๆอีกแล้ว
สมาธิของเขาเริ่มจมจ่อมลงไปอีกครั้งนึงจนเขาสัมผัสได้ถึงพลังเวทย์ภายในร่าง เขาแผ่สัมผัสพลังเวทย์ออกไป นำพลังเวทย์อันเบาบางของตนไปเกี่ยวกับพลังเวทย์รอบๆร่างกายก่อนจะนำพวกมันมาผสมหลอมรวมจนกลายเป็นของเขา มันเหมือนการการนำตะขอตกปลาไปเกี่ยวบนปุยฝ้าย แต่ตะขอนี้แข็งแรงบ้างไม่แข็งแรงบ้าง ดูเลือนลางเหมือนจะหายไปได้ตลอดเวลา
และเมื่อเอลวิสลองทำจริงๆเอลวิสพบว่ามันเกี่ยวได้น้อยมากๆ แทบจะได้ครั้งละ 1ใน10,000ของพลังเวทย์ที่มีอยู่ อีกทั้งพอมันเข้าร่างกายมาก็สูญเสียการควบคุมแล้วสลายหายไปอย่างรวดเร็ว ไม่สามารถกักเก็บไว้ได้
เขาขวมดคิ้วกลับมาขบคิดอีกครั้ง นึกย้อนกลับไปเมื่อชาติก่อน
โดยปกติผู้ฝึกตนในโลกนั้นจะชักจูงพลังเซียนให้เข้ามาในร่าง หลอมกลั่นแล้วบังคับให้มันอยู่ภายในตันเถียนของตน
ในร่างกายนี้เขาสัมผัสตันเถียนได้เช่นกัน แต่ที่นี่ไม่มีพลังเซียน....
งั้นเขาก็จะใช้พลังเวทย์แทน!
ไม่รอช้าเอลวิสทดลองทันที พลังเวทย์ในอากาศก็ถูกเกี่ยวอีกครั้งอีกครั้ง!
ความคิดเห็น