ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Elvis Magic world) เซียนต่างโลก

    ลำดับตอนที่ #22 : ตอนที่ 22 หลบหนี

    • อัปเดตล่าสุด 5 เม.ย. 66



    เอลวิสเหงื่อตก ลืมไปได้อย่างไรว่าพวกมันทั้งหมดก็คือผู้ที่สามารถใช้พลังเวทย์ได้เช่นกัน!!

     

    ชายที่ถือโล่ใหญ่เมื่อพลังเวทย์ปกคลุมทั่วทั้งร่างของเขา มันทำให้ความเร็วและความแข็งแกร่งของเขาถูกเพิ่มขึ้นมาก

     

    ส่วนของนักดาบทั้งสอง คนนึงเคลือบดาบด้วยพลังเวทย์ทำให้มันดูคมกริบมากขึ้น ราวกับมันจะฟันหรือผ่าเหล็กกล้าได้อย่างง่ายดาย ส่วนอีกคนนึงถอนตัวออกไปเพราะไร้อาวุธจะมาต่อสู้ การจะต่อสู้กับเด็กคนนี้อันตรายเกินไปหากปราศจากอาวุธ

     

    เอลวิสเองก็ขบคิดอย่างหนัก การดันทุรังต่อไปคงไม่ใช่ความคิดที่ฉลาดแล้ว การหนีไปในตอนนี้คงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่การหนีก็ใช่ว่าจะทำได้ง่ายดายขนาดนั้น 

     

    คนสองคนล้อมเขาอยู่ อีกหนึ่งคนคอยมองหาวิธีโจมตีอย่างห่างๆ สถานการณ์ตอนนี้ค่อนข้างสิ้นหวังเลยที่เดียว

     

    แต่เอลวิสไม่ปล่อยให้ตัวเองถูกฆ่าไปเฉยๆ ในทางเดียวกันเขาก็จะไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า พลังเวทย์อีกหนึ่งในสี่ถูกรวบรวมและเคลือบไปยังดาบของเขา เห็นได้ชัดว่าหากเทียบกับการที่นักดาบและชายถือโล่สามารถเคลือบอาวุธและร่างกายของเขาได้นานกว่ามาก แปลว่าปริมาณพลังเวทย์ของทั้งพวกเขาค่อนข้างแตกต่างกันอย่างมาก

     

    แต่ถึงปริมาณพลังเวทย์จะน้อยกว่า แต่พลังเวทย์ของเขาก็มากด้วยประสิทธิภาพและความบริสุทธิ์ การโจมตีเพียงครั้งเดียวของเขาจะถึงตายทันทีหากศัตรูไม่ระวังตัว

     

    เอลวิสก้าวเท้าขวาออกไปเบื้องหน้าเอาคมดาบปะทะเข้ากับโล่ที่ใหญ่โต 

     

    ในตอนนั้นทุกคนคิดว่าเขาโง่ที่โจมตีใส่โล่ขนาดใหญ่แบบนั้น แต่เอลวิสไม่ได้ทำแบบนั้นโดยไร้แผนการ

     

    พลังเวทย์ทั้งหมดที่เหลือของเขายิงลงพื้นอย่างไร้การควบคุมทำให้เกิดเป็นระเบิดสร้างฝุ่นควันคลุ้มไปทั่ว เอลวิสเองก็ฉวยโอกาสนี้หลบหนีออกไป 

     

    ร่างกายของเขามีพลังธาตุไหลเวียนอยู่ถึงสามธาตุ มันแข็งแกร่งยิ่งกว่าแรงค์ D ในด้านของความแข็งแกร่งและความทนทาน

     

    เอลวิสประคับประคองร่างที่หมดแรงของเขาพยายามฝ่าออกไปให้ไกลที่สุด ดาบของเขาถูกทิ้งไว้ในการปะทะกับโล่ใหญ่

     

    แต่ทุกอย่างไม่ได้เป็นดั่งแผนที่วางไว้เสมอ นักดาบที่เอลวิสตัดดาบของเขาเป็นสองส่วนตามมาทันจนได้

     

    เขายืนมองเอลวิสตลอดเวลาจากที่ไกลๆ ทำให้สามารถเห็นได้ชัดเจนว่าเอลวิสทำอะไร หรือหนีไปทางไหน

     

    "เจ้าหนู วันนี้แกจบแล้วหล่ะ ชาติหน้าก็อย่าเกิดเป็นมนุษย์อีกเลย"

     

    นักดาบคนนั้นพูดอย่างเยาะเย้ย พร้อมเอื้อมมือไปจับคอของเอลวิสแล้วยกลอยสูงขึ้น

     

    เอลวิสที่ภายในร่างไร้พลังเวทย์เดิมทีก็หมดแรงอยู่แล้ว พอถูกโจมตีเขาก็ไร้อำนาจเลยที่จะต่อต้านได้

     

    ร่างของเขาถูกยกลอยสูงจากพื้นดิน ใบหน้าของเขาเริ่มดลายเป็นสีเขียวและม่วง

     

    ในตอนนั้นเอง ตอนที่พลังเวทย์สายหนึ่งถูกปลดปล่อยจากร่างของเอลวิส มันเบาบางมาก มันน้อยจนไม่มีนัยยะสำคัญ แต่ถึงมันจะเบาบางและน้อยนิดแค่ไหนมันกลับทรงอำนาจอย่างมาก

     

    มันผลักตัวของนักดาบที่บีบคอเอลวิสลอยออกไปไกล เอลวิสเองก็ยังพอมีสติเหลือแต่ไร้เรี่ยวแรง

     

    เขารู้ว่าเมื่อกี้คือโชคสุดๆ เขาพัฒนาระดับแล้วในตอนที่เขาเกือบจะตายอย่างแท้จริง

     

    แต่ผลของการพัฒนาไม่ได้มากมายหรือเติมพลังให้เขา ตอนนี้เอลวิสไม่รู้ว่านักดาบคนนั้นเป็นหรือตาย การอยู่ที่นี้ต่อจะอันตรายเกินไป

     

    เขายันตัวที่เหนื่อยล้าลุกขึ้นเดิน สภาพของเขาโซเซไปมาพร้อมที่จะล้มได้ทุกเมื่อ

     

    แต่เดินไปได้ยังไม่ไกลนักเขาก็ล้มลงอีกครั้ง แต่ถึงตอนนั้นเขาไม่มีเรี่ยวแรงมากพอจะยืนขึ้น เอลวิสก็ยังเอาตัวของเขาคลานไปกับพื้นดิน เขาคลานช้าๆราวกับคนที่ใกล้จะตายเต็มที

     

    ในระหว่างนี้เอลวิสไม่รู้ตัวเลยว่าร่างกายของเขาดูดซับพลังเวทย์จากรอบๆโดยที่เขาไม่รู้ตัวเลย มันเป็นผลมาจากการพัฒนาระดับของเขา

     

    เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง เอลวิสเจอถ้ำแห่งนึง สติของเขาเลือนลางทุกขณะ ตอนนี้คงทำได้แค่ภาวนาให้ถ้ำแห่งนี้ไม่มีสัตว์ตัวใดเป็นเจ้าของ ไม่งั้นเขาจะตายอย่างแน่นอน

     

    เอลวิสแบกสังขารที่ทุลักทุเลนั้นเข้าไปภายในถ้ำ เมื่ออยู่ภายในถ้ำแล้วตาของเขาปิดสนิท สติดับลงไปทันที ความเหนื่อยล้าที่มากขนาดนั้นเขาไม่สามารถแบกรับได้มากกว่านี้แล้ว

    .

    .

    .

    ไม่รู้ผ่านไปเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าตอนนี้กลางคืนหรือกลางวัน แต่ภายในถ้ำนั้นมืดสนิท มองไม่เห็นแม้กระทั่งมือของตัวเอง

     

    หากเป็นคนปกติคงรู้สึกกลัวและกระวนกระวายกับสภาพแวดล้อมนี้ แต่เอลวิสใช้โอกาสนี้โฟกัสไปภายในตันเถียนของเขา

     

    โลกที่มืดมิดภายในตันเถียนดูเรืองรองและสว่างไสวมากขึ้น มันไม่ได้มืดสนิทแบบหยดหมึกอีกแล้ว มันให้ความรู้สึกเหมือนมีแสงนวลจากพระจันทร์ส่องสว่างในโลกนี้ตลอดเวลา

     

    จุดแกนกลางไม่ได้มีปุ้ยฝ้ายพลังเวทย์รวมตัวอยู่อีกแล้ว แต่กลับกันตอนนี้สามารถพบเพียงหยดน้ำหยดนึง หยดน้ำหยดนี้อุดมไปด้วยพลังเวทย์บริสุทธิ์มหาศาลที่ถูกบับอีด เหมือนระเบิดที่อัดไว้ในกระบอกเล็กๆ

     

    หยดน้ำมีสีขาวเหมือนกับน้ำนมแต่บริสุทธิ์กว่านั้น มันมีเพียงหยดเดียวและลอยอยู่โดดเดี่ยวภายในตันเถียนนั้น

     

    เอลวิสรู้สึกได้ชัดเจนว่าปริมาณพลังงานของเขาลดฮวบลงมหาศาลแต่ความทรงพลังของมันน่ากลัวอย่างมาก

     

    การโจมตีโดยใช้หยดพลังเวทย์นี้จะบดขยี้นักดาบก่อนหน้านี้ได้อย่างง่ายดาย เขาไม่จำเป็นต้องใช้ทักษเหรือเล่นเลห์เหลี่ยมใดๆทั้งสิ้น แค่ปล่อยมันออกไปแสดงอานุภาพก็เพียงพอแล้ว

     

    เอลวิสคาดเดาว่าตอนนี้เขาคงสามารถบดขยี้แรงค์ D ระดับกลางได้หากโจมตีอย่างเต็มที่

     

    ตอนนี้เขามีหยดพลังเวทย์นี้เพียงหนึ่งหยด แปลว่าเขาจะสามารถใช้การโจมตีที่ทรงพลังนี้ได้เพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น

     

    การมีไพ่ในมือเพียงหนึ่งใบ ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก หากศัตรูมีมากกว่านี้หนึ่งคนเขาจะพ่ายแพ้ได้อย่างง่ายดาย

     

    อย่างไรก็ตามนั้นคือเรื่องที่ต้องทำหลังจากนี้ ตอนนี้สิ่งสำคัญคือร่างกายของเขา เอลวิสมองไม่เห็นบาดแผลเพราะความมืดภายในถ้ำ แต่เขาสามารถสัมผัสมันได้ผ่านความรู้สึกเจ็บปวดและพลังเวทย์ที่ไหลผ่าน

     

    ตอนนี้เขาไม่มียารักษาหรือสมุนไพรที่ใช้รักษาได้ คงทำได้แค่รวบรวมพลังเวทย์เพื่อปิดบาดแผลไม่ให้ฉีกขาดมากขึ้น แล้วปล่อยให้กระบวนการรักษาตามธรรมชาติของร่างกายทำไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×