คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : ตอนที่ 21 ศัตรู
'คนเหล่านี้ไม่ใช่มนุษย์!!'
เอลวิสตระหนักได้ทันทีว่าพวกเขาไม่ใช่มนุษย์ อย่างน้อยก็ไม่ใช่100% เกล็ดไม่ได้สื่อถึงเผ่าครึ่งสัตว์เสมอไป มันอาจมาจากการจำแลงกายที่สามารถทำได้
เผ่าครึ่งสัตว์จะไม่ได้จำแลงกายมา นั้นคือร่างที่แท้จริงของพวกเขา และส่วนใหญ่ครึ่งสัตว์หรือส่วนที่เป็นสัตว์ของพวกเขาจะเห็นค่อนข้างชัดเจน
การที่เกล็ดอยู่ใต้เสื้อผ้า และหากไม่สังเกตุดูดีๆเนี่ยยากจะมองเห็นทำให้สามารถคาดเดาได้ว่าคนทั้งกลุ่มไม่ได้จากเผ่าพันธุ์ครึ่งสัตว์ แต่อาจเป็นเผ่าพันธุ์ระดับต่ำอื่นๆ
เอลวิสถือดาบที่ไม่ค่อยจะคมนักไว้ในมือ ไหนๆก็มาถึงขั้นนี้แล้ว จะหนีก็ไม่รู้จะหนีได้ไหม อีกทั้งตอนนี้เขาต้องการการต่อสู้เพื่อขัดเกลาตัวเอง โอกาสทะลวงระดับมาถึงแล้ว
แน่นอนมันเสี่ยงและอันตราย แต่ไม่มีสิ่งใดในโลกที่ได้มาฟรี ทุกอย่างมีราคาที่ต้องจ่าย ยิ่งเสี่ยงมากผลตอบแทนก็ยิ่งสูง
แต่ใช่ว่าทุกคนที่เสี่ยงหรือจ่ายราคาที่สูงไปแล้วจะได้ผลตอบแทนที่ดีกลับมา
ศพของผู้กล้าหาญเหล่านั้นกองพะเนินสูงยิ่งกว่าภูเขาซะอีก จะมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะสามารถก้าวต่อไปได้
เอลวิสตัดสินใจแลัว เขาจ่ายราคาที่สูงลิ่วออกไป นั้นคือการที่เอาชีวิตของตัวเองมาเดิมพัน หากคนตรงหน้าแข็งแกร่งเกินไปเขาจะตาย หากอ่อนแอเกินไปเขาจะไม่พัฒนา และไม่ได้ประโยชน์จากการต่อสู้นี้
ความเสี่ยงของการต่อสู้นี้คือชีวิต! ไม่ใช่การฝึกซ้อม
เอลวิสประคองดาบมั่น เพียงห้าวินาทีที่ทุกคนไม่ทันระวัง ร่างของเอลวิสมาโผล่ตรงหน้าของนักเวทย์แล้ว ระยะทางสิบกว่าเมตรดูสั้นราวกับการก้าวเท้าครั้งเดียวเท่านั้น
ดาบที่ดูแข็งแรงตวัดเชือดเฉือนลงบนร่างของนักเวทย์ทันที แต่ภายใต้การตวัดนั้นเองมันเกิดความลังเลขึ้นวินาทีนึง
แต่แค่วินาทีเดียวนั้นก็มากพอ นักดาบหนึ่งในสองคนพุ่งเข้ามารับดาบนั้นทันที เอลวิสเองเมื่อเห็นว่านักเวทย์ยากที่จะสังหารเขาก็ถอยกลับมาตั้งหลักที่เดิม
"เจ้าหนู แกยังไม่เคยฆ่าคนสินะ"
ชายที่มีโล่ขนาดใหญ่พูดอย่างเคร่งขรึมปนเยาะเย้ย เมื่อกี้หากเอลวิสไม่ลังเลเกรงว่าหัวของนักเวทย์จะลงไปจูบกับพื้นดินแล้ว และสิ่งที่ทำให้เขาเคร่งขรึมเพราะความเร็วนั้นมากกว่า
ทางเอลวิสเองเขาหันหน้ามองมือตัวเองเล็กน้อย และพบว่ามันกำลังสั่นอยู่ การจะฆ่าใครสักคนขั้นตอนที่ยากที่สุดอาจไม่ใช่การต่อสู้ แต่เป็นการสู้กับจิตใจของตัวเอง
ไม่ว่าจะชาติก่อนหรือชาตินี้เขาก็ไม่เคยฆ่าคนมาก่อน พอจะลงมือจริงๆทำให้เกิดความลังเลและหวาดกลัว เอลวิสพยายามปลอบตัวเอง หากไม่ฆ่าเขาก็จะเป็นคนที่ถูกฆ่า!
มือที่สั่นค่อยๆสงบนิ่ง สีหน้าและแววตาของเขาดูเด็ดขาดมากขึ้น ไม่มีครั้งต่อไปอีกแล้ว ไม่มีการลังเล วันนี้หากเขาไม่ฆ่า เขาก็จะเป็นคนที่ตาย
เอลวิสพุ่งตัวอีกครั้ง เพียงการกระโดดครั้งเดียวระยะทางหลายเมตรดูสั้นมาก มันสั้นจนไม่มีคำว่าระยะห่าง ร่างของเอลวิสปรากฎตัวตรงนักดาบอีกคนที่ไม่ได้ป้องกันนักเวทย์ เพราะที่เขาคาดการณ์การจะโจมตีนักเวทย์อีกย่อมเป็นไปไม่ได้ ทั้งมีคนคุ้มกันและระวังตัวแลัว
ในครั้งนี้การโจมตีโดยไม่คาดคิดจะดีกว่า อีกทั้งตอนนี้ทั้งกลุ่มยังไม่รวมกัน ยังไม่สามัคคี ต้องรับกำจัดให้เร็วที่สุด
ดาบที่ดูไร้คมกระทบเข้ากับดาบของนักดาบอย่างรวดเร็ว มันไม่ได้เข้าไปที่คอของนักดาบอย่างภาพที่เอลวิสคิดไว้ในหัว เอลวิสเมื่อเห็นว่าการโจมตีไร้ผลเขาก็ถอยกลับมาอีกครั้ง
คนเหล่านี้แข็งแกร่ง แต่ไม่ได้มากจนสู้ไม่ได้ อย่างไรก็ตามการโจมตีของเขาอ่อนแอเกินไป ต้องหาวิธีโจมตีให้รุนแรงมากกว่านี้อีก
ถึงจะได้โจมตี แต่ก็เป็นแค่การสร้างความรำคาญเท่านั้น เหมือนยุงที่จัองจะดูดเลือดแต่โดยมือปัดทำให้มันบินวนอยู่รอบๆ
เอลวิสคิดแต่ไม่ได้นานนัก เขาเริ่มโจมตีอีกครั้ง พลังเวทย์ที่ถูกเก็บไว้ในตันเถียนถูกดึงออกมาใช้ พลังเวทย์กว่าหนึ่งในสี่ถูกใช้ในการเคลือบดาบที่กำลังกวัดแกว่งนั้นเอง ความเร็วของเขาก็เพิ่มขึ้นจนตาของคนธรรมดามองไม่ทัน
หนึ่งดาบตัดผ่านที่คอของนักเวทย์ เพียงเสี้ยววินาทีหลังการคิดนั้นเอลวิสลงมือโดยไม่มีใครได้ทันระวังตัว
คนที่ถือโล่ใหญ่ ตะโกนเสียงดัง
"รวมตัว แล้วฆ่ามันซะ!!"
นักดาบสองคนที่เหลือเข้ามาประชิดตัวของเอลวิส ล้อมไว้ทั้งหน้าและหลัง
ชายถือโล่ใหญ่จับโล่ไว้แน่นพร้อมพุ่งกระแทกตัวของเอลวิสทันที
แต่เอลวิสเองก็ไม่รอให้การโจมตีมาถึงเปล่าๆ พลังเวทย์อีกหนึ่งในสี่ถูกนำไปใช้กลับการเคลือบดาบอีกครั้ง เขาตวัดดาบไปฟันนักดาบที่อยู่ข้างหลังของเขา
แต่การโจมตีครั้งนี้ของเขาไม่ได้ถึงตายอย่างที่หวัง ดาบที่เคลือบพลังเวทย์เพียงตัดผ่านทำให้ดาบของนักดาบขาดเป็นสองส่วนเท่านั้น ส่วนตัวของนักดาบนั้นเมื่อดาบในมือของเขาขาดเป็นสองส่วนเขาก็ปล่อยมันจากมือ และกระโดดถอยหลังไปทันที
แต่แม้จะไม่สามารถฆ่าได้ แต่อย่างน้อยก็ทำให้เขาสามารถถอยหนีได้ชั่วคราว
เอลวิสถอยหลังกลับมาตั้งตัวใหม่ สีหน้าซีดเผือกดูไม่สู้ดีนัก พลังเวทย์กว่าครึ่งของเขาถูกใช้ไปแล้ว การโจมตีที่เคลือบด้วยพลังเวทย์จะใช้ได้อีกสองครั้งเท่านั้น
หากในสองดาบนี้เขายังฆ่าสามคนที่เหลือไม่ได้เกรงว่านั้นอาจเป็นเขาที่ตายซะเอง
แต่สองการโจมตีต้องฆ่าได้สามคน นี่มันยากเย็นราวกับใช้มือเดียวปีนบันไดสวรรค์ซะอีก
หากใช้พลังเวทย์ในการโจมตีระยะกว้างได้ก็ดีสิ
เดียวนะ...ระยะกว้าง! เขาแค่ต้องปลดปล่อยมันออกมาเท่านั้น ไม่ต้องควบคุมให้มันเคลือบดาบ แค่เล็งให้โดนเท่านั้น
เหมือนเล็งลูกปืนใหญ่ที่กำลังออกจากที่ยิง มันอาจยากและคาดหวังผลลำบาก แต่การจะใช้ดาบแค่สองครั้งในการฆ่าก็ดูยากเกินไป
อย่างไรก็ตามก่อนที่เอลวิสจะได้ทำตามที่เขาคิดนั้น ชายที่ถือโล่ใหญ่ดูโกรธเกรี้ยวที่การโจมตีของเขาไม่โดน พลังงานที่มากกว่าของเอลวิสหลายเท่าตัวปะทุขึ้นจากร่างของเขาพร้อมปกคลุมตัว
พลังเวทย์กำลังเคลือบทั้งตัวของเขา! นักดาบเองตอนนี้พลังเวทย์สายหนึ่งก็กำลังเคลือบที่ร่างกายและดาบของมัน
เอลวิสเหงื่อตก ลืมไปได้อย่างไรว่าพวกมันทั้งหมดก็คือผู้ที่สามารถใช้พลังเวทย์ได้เช่นกัน!!
ความคิดเห็น