ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Elvis Magic world) เซียนต่างโลก

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2 เริ่มออกเดินทาง

    • อัปเดตล่าสุด 27 มี.ค. 66


    เอลวิสเดินออกมาข้างนอกพร้อมกับแม่ของเขา ตลอดทางคฤหาสน์ที่ใหญ่โตเต็มไปด้วยคนรับใช้ สายตาของพวกเขาดูแปลก เหมือนมองสิ่งที่แปลกแยกออกไป เหมือนมองจุดสีดำบนแผ่นกระดาษสีขาวนวล

     

    เอลวิสไม่ใส่ใจ เขาขี้เกียจเกินกว่าจะถือสาเอาความอะไร แม้จะถูกมองแปลกไปบ้าง แต่ก็เขาก็ไม่เคยถูกรังแกกลั่นแกล้งจากคนพวกนี้

     

    แต่หากเขาต้องการจะลงโทษก็ย่อมทำได้อย่างแน่นอน 

     

    เพราะเขาคือผู้เป็นนายน้อยของตระกูลนี้ 

     

    นายน้อยแห่งตระกูลเอิร์ล "เฮลฟอร์ด"

     

    แม้จะเป็นหลานคนที่ 4 หลานคนสุดท้ายของผู้นำตระกูลคนปัจจุบันและไม่ได้เป็นที่โปรดปรานมากเป็นพิเศษ แต่ก็ยังเป็นนายน้อย เป็นนายเหนือหัวของคนเหล่านี้ทั้งหมด

     

    สายตาที่เรียบเฉย มองกลับไปทางคนรับใช้ คนพวกนั้นก็พากันหลบหน้า ไม่กล้าสบตากลับมา

     

    ตลอดทางไม่เกิดบทสนทนาใดๆขึ้น ดูเงียบเหงาแต่ก็ไม่อึดอัด เหมือนความเงียบสงบจะเป็นสิ่งที่สองแม่ลูกชื่นชอบ

     

    เดินมาได้ไม่นานทั้งสองก็เดินมาถึงหน้าคฤหาสน์ หัวหน้าพ่อบ้านที่ชื่อมอร์แกน ยืนรออย่างมีมารยาท มอร์แกนเขาดูเป็นชายชรามีผมสีขาวขึ้นเกือบจะเต็มหัว แต่ก็ดูแข็งแรง ไม่ได้มากไปด้วยกล้ามแต่พอเหมาะพอดีกับขนาดตัวของเขา

     

    บริเวณข้างหน้าของคฤหาสน์ตอนนี้ไม่ได้ประกอบพิธีส่งตัวที่ยิ่งใหญ่ ไม่มีการประกาศล่วงหน้าแก่คนรับใช้ แค่มีรถม้าขนาดใหญ่ดูเลิศหรูรออย่างเงียบๆเท่านั้น รถม้าคันนี้ประดับประดาด้วยความสวยหรูราวกับจะประกาศผู้คนให้มาขโมยมันไป โดยตรงทางเข้าประตูรถม้ามีสัญลักษณ์หมาป่านรกที่มีไฟล้อมรอบมันดูสง่างามมาก รอบรถม้ามีคนที่แต่งตัวราวอัศวิน 4-5 คนยืนล้อมรอบรถม้าเป็นผู้คุ้มกันให้กับมัน

     

    "นายน้อยเอลวิสผู้รับใช้ชราคนนี้จะเป็นคนพาท่านไปราชวังที่เมืองหลวงนะครับ"

     

    หัวหน้าคนรับใช้มอร์แกนพูดด้วยความสุภาพ ในแววตาไม่มีความแปลกแยก หรือดูถูก เอลวิสเองก็ไม่ได้รู้สึกไม่ชอบอะไรในตัวชายชรา จึงหยักหน้าตอบกลับไป

     

    ตั้งแต่เขารู้สึกตัวแทบจะนับครั้งได้ที่เจอกับปู่ของเขา ทุกครั้งที่พบก็ไม่ได้ฝากความประทับใจที่ดีไว้ แต่ก็ไม่ได้แย่

     

    เรียกได้ว่าปฏิบัติแบบทั่วๆไป พอเป็นพิธีการเท่านั้น ได้รับสิทธิ์ที่ชนชั้นสูงพึงมี ข้าวอาหารครบ ไม่ได้โดนกลั่นแกล้ง ซึ่งสำหรับเขาแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

     

    แต่กับหัวหน้าคนรับใช้คนนี้ยังพอมีความประทับใจอยู่บ้าง เป็นคนรู้สถานการณ์ รู้สถานะของตน ทั้งยังแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างดีเยี่ยม เรียกได้ว่าเป็นคนมีความสามารถทีเดียว สำหรับเอลวิสแล้ว เขาอยากได้คนแบบมอร์แกนเป็นลูกน้องข้างกายจริงๆ

     

    ใครบ้างไม่อยากได้คนเก่งไว้ข้างกาย

     

    ทว่าก่อนที่เอลวิสจะคิดมากกว่า และก่อนที่มอร์แกนจะเชิญนายน้อยของตนขึ้นรถม้าไป เสียงของมาเรียดังขึ้นขัดจังหวะซะก่อน

     

    "มอร์แกน คนคุ้มกันมีแค่นี้เองหรือ แล้วปู่ของเขาเล่า ไม่ไปด้วยกันหรอ" เธอพูดด้วยน้ำเสียงประหม่า

     

    "นายท่านไม่มีเวลาว่างขอรับ จึงส่งข้าที่สนิทที่สุดมาดูแลนายน้อย ส่วนคนคุ้มกันไม่ต้องเป็นห่วงเลยนะครับ แม้จะมีน้อยแต่มากด้วยประสิทธิภาพ พวกเขาเหล่านี้เป็นถึงผู้ครองตราเหล็กระดับสูงสุด(แรงค์ C)"

     

    ผู้ครองตราเหล็ก! มันคืออะไรกัน

     

    จากที่เอลวิสได้ศึกษามาตลอดสี่ปีนี้เขาได้รู้ว่าโลกแห่งนี้แบ่งระดับดัวยแรงค์หรือตรา

     

    ตราไม้คือแรงค์ F

    ตราหินคือแรงค์ D

    ตราเหล็กคือแรงค์ C

    ตราทองคำคือแรงค์ B 

    ตรามรกตคือแรงค์ A

     

    และระดับสุดท้าย ระดับแห่งตำนานพวกเขาเหล่านี้มีพลังมากพอจะทำลายอาณาจักรทั้งอาณาจักรด้วยตัวคนเดียว ทรงพลังพอจะบดขยี้ท้องฟ้า บุกทลายผืนแผ่นดิน เป็นผู้ทรงอำนาจในทุกอาณาจักร ไม่มีใครอยากยั่วยุตัวตนแบบนี้ พวกเขาเป็นเหมือนระเบิดทรงพลังเคลื่อนที่

     

    ตราลูซินดราหรือแรงค์ S!

     

    แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนไกลเกินเอื้อม แม้แต่ปู่ของเอลวิสที่ทรงอำนาจที่สุดในตระกูลยังเป็นแค่ผู้ครองตราทองคำระดับสูงสุด(แรงค์B)เท่านั้น แต่ในทุกอาณาจักรล้วนมีแรงค์ S หนึ่งคน เป็นเสมือนเสาหลักให้กับอาณาจักร ตัวตนของเขาจึงเล็กจ้อยมากหากเทียบกับคนระดับนั้น และแม้แต่ปู่ของเขาก็อ่อนแอราวเด็กทารกเมื่ออยู่ต่อหน้าตัวตนระดับแรงค์ S 

     

    ความคิดของเอลวิสหยุดลง สิ่งเหล่านั้นยังห่างไกลเกินไป ต้องกลับมาปัจจุบันที่ก่อน

     

    ทางมาเรียที่ได้ยินก็สงบใจลง ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง เธอจะฝากฝังเอลวิสไว้กับพวกเขาได้อย่างแน่นอน

     

    ไม่มีใครอยากหาเรื่องตระกูลเฮลฟอร์ดที่เป็นตระกูลเอิร์ล อีกทั้งผู้คุ้มกันแรงค์ C ระดับสูงสุดก็ยังเชื่อถือได้

     

    ซ้ำเธอยังรู้ด้วยว่าชายชราหัวหน้าคนรับใช้คนนี้ เป็นถึงผู้ครองตราทองคำ!(แรงค์ B) อย่างไรก็ตามเขาไม่ค่อยลงมือ เป็นเหมือนความลับของตระกูล เขาจะลงมือเฉพาะสถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เท่านั้น

     

    มอร์แกนเมื่อเห็นว่าหญิงสาวหมดสิ้นคำถามแล้ว จึงเชิญเอลวิสขึ้นรถม้าไป ก่อนเขาจะขึ้นไปกุมบังเหียนขี่รถม้าต่อ

     

    ม้าสองตัววิ่งออกจากคฤหาสน์ตระกูลเฮลฟอร์ดอย่างช้าๆ มาเรียที่ยืนอยู่ก็รอจนรถม้าลับสายตาหายไปไกลจึงกลับเข้าไปในคฤหาสน์

    .

    .

    .

    .

    รถม้าวิ่งผ่านป่าเขาบ้าง วิ่งผ่านบ้านเมืองบ้าง ให้บรรยากาศที่แตกต่างกัน

     

    ภายในความคิดของเอลวิสกำลังทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา

     

    เหตุที่คนรับใช้ต่างมองเขาแปลกประหลาดประกอบด้วยเหตุผลสามประการ

     

    หนึ่ง วันที่เขาเกิดคือวันที่พ่อของเขา หรือลูกชายคนโตของผู้นำตระกูลสิ้นชีวิตลง จากการโดนกลุ่มคนลึกลับลอบสังหาร

     

    สองคือแม่ของเขามาจากภายนอกตระกูล เป็นสามัญชนคนธรรมดาเท่านั้น ไม่มียศศักดิ์อะไรทั้งสิ้น

     

    สาม เขาเก่งเกินไป เป็นอัจฉริยะที่เก่งกาจอย่างน่าประหลาด หนึ่งขวบเริ่มพูด สองขวบเริ่มอ่านเขียน

     

    ตลอดที่ผ่านมาเขาอ่านหนังสือของตระกูลเฮลฟอร์ดจนแทบจะหมดสิ้น นิสัยการชอบอ่านมาจากชาติก่อนของเขา ในตอนนั้นครั้งยังเป็นมู่เฟิง เขาชอบศึกษาก่อนจะเริ่มทำอะไรต่างๆ ทำให้เขาไม่ยอมฝึกเซียนสักทีเพราะมัวแต่อ่านมัวแต่หาข้อมูล

     

    แต่ครั้งนี้มันจะแตกต่าง มันจะไม่จบลงแบบครั้งก่อนแน่นอน

     

    เอลวิสสัญญากับตัวเองเงียบๆ เขาจะเป็นเซียนตามความฝันของเขา เป็นเพื่อช่วยเหลือผู้คน เป็นเพื่อหาคำตอบให้กับสิ่งที่เขาสงสัยเสมอมา

     

    ครั้งนี้เขาจะฝึกฝนอย่างหนักเพื่อบรรลุ แม้นี้จะเป็นโลกใบใหม่ มีแต่พลังเวทย์ไม่มีพลังเซียน แต่โดยเนื้อแท้แล้วพลังงานดิบก็คือพลังงานดิบ แม้คุณสมบัติหลายข้อจะแตกต่างไปบ้างแต่คงพอทดแทนกันได้

     

    เป้าหมายเพื่อการเป็นเซียน!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×