คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : ตอนที่ 18 ความจริงเปิดเผย
เอลวิสรู้สึกดีใจ วิ่งไปทางนั้นด้วยเสียงเท้าที่เงียบกริบ ค่อยๆ เข้าไปภายในบ้านหลังนั้นอย่างช้าๆ
เขาย่องไปทางหน้าบ้านหลังอ้วยโดยไร้ซุ่มเสียง เดินไปรวดเร็วดูราวกับเป็นเงาที่แวบไปมา
คนในบ้านก็ราวกับรู้ตัว แสงตะเกียงภายในถูกจุดได้ชั่วครู่ก่อนดับลงอีกครั้ง ทุกอย่างตกสู่ความมืดเหลือเพียงแสงสว่างอ่อนๆจากพระจันทร์ในค่ำคืนนี้เท่านั้น
คสามเงียบที่มากจนแทบทำให้ผู้คนเป็นบัาสร้างบรรยากาศน่าขนลุกและหวาดกลัว
เอลวิสรออยู่บริเวณข้างหน้าของบัานหลังนั้นไม่ได้เข้าไปภายใน เพราะตามการคาดการณ์ของเขาการเปิดประตูเข้าไปยังไงก็ต้องเกิดเสียง อาจทำให้คนๆนั้นตกใจแล้วหนีไปได้
เอลวิสไม่รู้ว่าคนที่อยู่ภายในบ้านเป็นคนธรรมดาหรือเป็นผู้ที่มีพลังเวทย์ การจะระวังตัวไว้ก่อนเป็นเรื่องดีเสมอ
เขายืนรออยู่นาน ห้านาทีผ่านไปก็ไร้สัญญานตอนรับ สิบนาทีก็ยังไร้เสียง
หลังผ่านไปหนึ่งชั่วโมงเอลวิสถึงจะหมดความอดทน เขาเลือกที่จะพยายามเข้าไปภายในบ้านผ่านกลอนประตูข้างหน้า
พลังเวทย์เบาบางสายหนึ่งถูกส่งเข้าไปปลดล็อกกลไกภายใน
มันส่งเสียงเสียง "เคร็ก" เบาๆออกมาพอให้ได้ยิน
แต่ทันทีที่เสียงเบาๆนี้ดังขึ้น หน้าต่างบนชั้นสองถูกเปิด ปรากฎเห็นเป็นมนุษย์ที่สวมใส่ผ้าคลุมสีดำมองไม่เห็นลักษณะหรือเพศของคนผู้นั้น
คนในผ้าคลุมสีดำกระโจนเปิดหน้าออกมา กระโจนหนึ่งครั้งข้ามไปยังบ้านตรงข้ามที่อยู่ไกลออกไป
'เป็นผู้มีพลัง!'
เอลวิสสรุปได้อย่างรวดเร็ว การเคลื่อนไหวแบบนั้นไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ธรรมดาจะทำได้ ต่อให้นั้นจะเป็นมนุษย์ที่แข็งแรงที่สุดในโลกก็ตาม
แต่หากวัดจากความเร็วคนในผ้าคลุมดำนี้แรงค์น่าจะอยู่ประมาณ D ไม่ก็ F เท่านั้น เอลวิสเชื่อว่าเขาสามารถจัดการได้จึงกระโดดตามไป
เพียงหนึ่งการกระโดดก็พุ่งทะยานสูงจากพื้นสามเมตรขึ้นไปบนหลังคาทันที มันเกิดเสียงดังเล็กน้อยทำให้เขาและคนในชุดคลุมดำชงัก
แต่การชงักเกิดเพียงเศษเสี้ยวของวินาทีก่อนที่เอลวิสจะตามต่อไป คนในชุดคลุมดำเองก็ไม่ได้รอให้เอลวิสมาจับเฉยๆ เขากระโดดไปมาระหว่างตึกได้อย่างชำนาญปราศจากซุ่มเสียงต่างจากเอลวิสที่ไม่ได้มีวิชาตัวเบาแบบนั้น เอลวิสใช้พละกำลังในการส่งตัวเอามากกว่า
การไล่ล่าเกิดขึ้นอยู่แบบนั้นราวสิบนาที บนพื้นบ้าง บนหลังคาบ้างสลับกันไป
สุดท้ายคนในชุดดำก็ยอมแพ้ เขาหยุดลงแต่พอที่จะทิ้งระยะห่างกับเอลวิสประมาณสิบเมตรได้
คนในชุดคลุมดำชัดกริซอันนึงออกมามันดูคมพอจะเจาะทะลุร่างกายของเอลวิสได้อย่างไม่ยากเย็น
เห็นแบบนั้นเอลวิสยกมือขึ้นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
"ใจเย็นๆ ผมไม่ได้มาทำร้ายคุณ ผมแค่อยากถามรายละเอียดอะไรนิดหน่อย"
คนในชุดคลุมดำก็ไม่ได้ลดการระวังตัวลง เชายังคงถือกริซไว้ในมือพร้อมจับมันพร้อมจะแทงทุกเมื่อ
เห็นแบบนั้นเอลวิสจึงแสดงความจริงใจดัวยการวางดาบของเขาลงนาบกับพื้นดิน
คนในชุดคลุมดำเห็นแบบนั้นจึงวางใจในระดับนึง แต่ก็ไม่ได้วางอาวุธลง
เขาถามกลับมาด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้างแต่ก็สามารถรับรู้ได้ว่าเป็นเสียงของหญิงสาวที่ยังเยาววัย
"ต้องการอะไร"
เอลวิสไม่ได้แปลกใจหรือตกใจ โลกใบนี้จะเพศไหนก็สามารถเก่งกาจได้ทั้งสิ้น แรงค์ Sหลายคนหรือแม้กระทั่งเทพบางองค์ก็เป็นผู้หญิง การจะเจอพวกเธอไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไร
"บอกทีว่าเกิดอะไรขึ้นกับเมืองหลวงและเมืองรอบๆนี้กันแน่"
เอลวิสถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง ในน้ำเสียงนั้นไม่ได้แฝงความอยากรู้อยากเห็นหรือการขอร้องในนั้น
การถามนี่ไม่ใช่การขอร้องแต่คือการข่มขู่และบังคับแบบนึง การที่ผู้หญิงในชุดคลุมคนนี้หยุดลงก็เพราะรู้ว่าไม่สามารถหนีจากเขาได้พ้น อีกทั้งการที่เธอหยุดไม่ได้จู่โจมทันทีแปลว่าเธอไม่มั่นใจในพลังของเขาเช่น หากคิดจะเล่นตุ๊กติ๊กเขาก็ไม่รังเกียจที่จะต้องต่อสู้กับเธอ
"นี่นายไม่รู้งั้นหรอ?" เธอถามอย่างสงสัย แต่เมื่อเห็นแววตาที่เย็นชาของเอลวิสเธอก็รีบพูดต่อทันทีว่า
"เรื่องมันเกิดเมื่อสองเดือนก่อน ที่เผ่าพันธุ์อื่น...."
.
.
.
"ทั้งหมดมันก็ประมาณนี้ นายยังมีเรื่องอะไรที่สงสัยอีกไหม ไม่งั้นฉันจะไปแลัว"
เอลวิสไม่ได้ห้าม เขาได้ขัอมูลที่สำคัญตามที่เขาต้องการแล้ว ผู้หญิงในชุดคลุมดำก็ไม่รอช้าเมื่อเห็นเอลวิสไม่มีปฏิกิริยาห้ามหรือมีคำถามอะไร เธอกระโจนหายไปในความมืดมิดนั้นและหลอมรวมกับมัน จนเอลวิสไม่สามารถตามเธอไปได้อีก
เอลวิสเองก็ไม่ได้ต้องการที่จะตามไป เขาหาที่นั่งเป็นเก้าอี้แถวๆนั้น เพื่อที่เขาจะได้สามารถจัดเรียงความคิดได้มากยิ่งขึ้น จากที่ฟังมาเรื่องมันเกิดจาการที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ขดงเขาถูกเผ่าพันธุ์อื่นๆบุกรุกเข้าโจมตี
แต่มันไม่ใช่การโจมตีธรรมดาๆ แม้การบุกรุกนี้จะไม่ได้มาจากเผ่าพันธุ์ระดับกลางที่มีทวยเทพอาศัยอยู่ แต่ก็การบุกรุกนี้คือการรวมมือของเผ่าพันธุ์ระดับต่ำสิบเผ่าพันธุ?
แต่ละเผ่าพันธุ์มีแรงค์Sอย่างน้อยคนนึง รวมสิบเผ่าพันธุ์แล้วมีแรงค์ S นับสิบคน
นี่อาจเป็นสงครามที่ใหญ่ที่สุดของมหาทวีป หากนับในระดับที่ต่ำกว่าเทพลงมา ทำให้เกิดการอพยพครั้งใหญ่ มนุษย์ทุกคนในอาณาจักรอครีเวียถูกไล่ให้ไปอยู่ชายขอบของอาณาจักรข้างเคียง ซึ่งตอนนี้กำลังพยายามทำให้ผู้คนอพยพได้มากที่สุด
แม้มนุษย์จะต่อสู้กันเองภายในยามสงบ แต่ยามมีภับภายนอกรุกรานก็ร่วมมือร่วมใจกันได้อย่างน่าพอใจ
ในส่วนของผู้แข็งแกร่งแต่ละคนตอนนี้พวกเราเลือกที่จะทิ้งเมืองส่วนใหญ่รวมถึงเมืองหลวงและไปรวมกันในที่ที่เดียวเพื่อรักษากองกำลังไว้ให้ได้มากที่สุด
แรงค์ A หลายสิบคน และแรงค์ S ทั้งสามคนที่เป็นตำนานมารวมตัวกันบริเวณเทือกหมื่นสรรหาที่เป็นบริเวณเขตแดนติดต่อระหว่างเผ่าพันธุ์มนุษย์และเผ่าพันธุ์อื่น
และยังมีแรงค์ S และแรงค์ A บางส่วนที่จะไม่ได้ร่วมสงครามครั้งนี้ แต่มารวมตัวเพื่อรักษาให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ยังมีต่อไป
ซึ่งที่ที่ต่อสู้จะอยู่ห่างออกไปสามพันกิโลเมตรจากจุดที่เอลวิสอยู่ มันอาจดูห่างไกลแต่ความน่ากลัวของการปะทะกันของแรงค์ S จำนวนมากจะทำให้พื้นที่รัศมีหลายร้อยกิโลเมตรกลายเป็นพื้นที่แห้งแล้งและทุรกันดารทันที ยังไม่ต้องพูดถึงว่าอาจมีผู้ทรงพลังบางส่วนลอบมาทำลายมนุษย์ที่ไม่ได้ร่วมสงคราม
เพราะงั้นมนุษย์ทุกคนถึงต้องมารวมตัวกันเพื่อความปลอดภัย และเพื่อเผ่าพันธุ์
นี่คือวิกฤตแห่งการดำรงอยู่ของเผ่าพันธุ์มนุษย์!
ความคิดเห็น