คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : ตอนที่ 17 สถานการณ์ประหลาด
เอลวิสคิดด้วยหัวใจที่หนาวเหน็บไม่ว่าจะอันไหนก็ล้วนต้องมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นกับอารยธรรมมนุษย์ของเขาแน่นอน
เขามาถึงโถงที่กว้างใหญ่แต่ว่างเปล่าภายในราชวัง จิตใจพยายามจะประคับประคองไม่ให้รู้สึกย่ำแย่เกินไป
เหตุการณ์ถูกกวาดล้างเผ่าพันธุ์เขาไม่เคยคิดถึงมันมาก่อน แต่ละวันในมหาโลกการจะมีเผ่าพันธุ์ระดับต่ำสักเผ่าหายไปไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่การกวาดล้างสักเผ่าพันธุ์หนึ่งมันคือการฆ่ามากกว่าล้านชีวิต บางเผ่าที่ใหญ่อย่างมนุษย์อาจมากถึงหลักร้อยล้านชีวิต
ในชีวิตที่โลกเซียนของเขานั้น มนุษย์เป็นเพียงเผ่าพันธุ์หนึ่งเดียวที่ยึดครองทั้งโลกการจะล้างบางมนุษย์ทั้งหมดย่อมเป็นไปไม่ได้เลย อีกทั้งมนุษย์ในโลกแห่งนั้นมีผู้ทรงพลังมากมายที่มีอำนาจสูงพอจะต่อกรกับแรงค์ S ได้อย่างง่ายดาย ส่วนในการต่อสู้กับเทพนั้นเขาไม่รู้ ในอดีตเขาเป็นเพียงคนธรรมดาไม่เคยสัมผัสถึงพลังที่ยิ่งใหญ่ระดับนั้น
แต่ในโลกนี้นั้นแตกต่าง อารยธรรมมนุษย์เป็นเพียงเผ่าพันธุ์ระดับต่ำที่จะสูญหายได้ตลอดเวลา หากไปทำให้เผ่าพันธุ์ระดับกลางหรือสูงขุนเคือง เพียงความจริงข้อนี้ก็ทำให้เศร้าใจไม่น้อย
เอลวิสยืนยืดหลังให้ตรงภายในใจขบคิดว่าควรจะทำอะไรต่อไป เท้าทั้งสองข้างพลางย่ำเท้าไปทางออกของราชวังไม่ปล่อยให้เสียเวลาเปล่า
การอยู่ต่อไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร อีกทั้งไม่รู้ว่าสิ่งใด หรืออะไรที่ทำให้ผู้คนหายตัวไปยังอยู่ไหม การอยู่ที่เดิมก็เหมือนการนอนรอความตายเท่านั้น
หากเป็นสัตว์ประหลาดเขาจะตายไม่ทันรู้ตัว หากเป็นศัตรูเขาอาจจะถูกทรมานจนตายดีกว่าอยู่ แต่ไม่ว่าทางเลือกไหนก็ไม่ดีทั้งสิ้น
ทรัพย์สมบัติล้ำค่าทั้งหลายในพระราชวังจะสู้กับชีวิตของเขาได้ยังไง คนที่โลภมากมักจะตายเร็วเสมอ
จากเดินเป็นเดินเร็ว จากเดินเร็วเป็นวิ่ง จากวิ่งเป็นสุดกำลัง
ไม่ถึง5นาทีเอลวิสวิ่งตัดผ่านระยะทาง2กิโลเมตรออกมาจากพระราชวังอย่างรวดเร็ว เขาเลือกที่จะไม่เข้าไปภายในเมืองหลวงตรงๆ แต่เลือกลัดเลาะออกไปตามกำแพงหาแนวเชิงป่าเขาเพื่อหลบซ่อน
ระหว่างทางที่อยู่ในราชวังเอลวิสพอหยิบดาบเหล็กเล่มนึงที่แขวนอยู่บนผนังตามทางมาได้ด้วย เขาถือมันด้วยสองมือแน่น ด้วยพละกำลังในตอนนี้การถือมันไม่ได้รู้สึกหนักมากนัก อีกทั้งการตวัดหรือฟันก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย
แต่ที่เขากังวลคือมันคือดาบที่ใช้ตั้งโชว์ ไม่รู้จะสามารถใช้ได้จริงรึเปล่า
เอลวิสลองเอาดาบไปฟันกับต้นไม้ใกล้ ปรากฎว่ามันรอยลึกลงไปราวๆ20เซนติเมตร
สมกับเป็นของตั้งโชว์จริงๆ ความคมแทบไม่ปรากฎให้เห็น แต่ยังดีกว่าการใข้มือเปล่าละนะ เอลวิสคิดในใจอย่างเงียบๆ ที่รอยลึกปรากฎได้เป็นเพราะแรงของเขาที่มีมากยิ่งกว่าผู้ใหญ่ซะอีก อีกทั้งตัวดาบก็แข็งแรงแม้มันจะไม่คมนัก
เอลวิสลัดเลาะไปมา กำลังวาดแผนที่เส้นทางในหัวว่าเมืองที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่ไหน
เขาต้องกลับไปที่ตระกูลเฮลฟอร์ดไม่ใช่เพื่อตระกูลหรืออะไร แต่ที่นั้นแม่ของเขายังอยู่ อย่างน้อยต้องไปเช็คให้แน่ใจว่าเธอปลอดภัยหรือมีอะไรรึเปล่า
เขาอาจไม่ได้ความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูล แต่ก็ไม่ได้ย่ำแย่เช่นกัน ทั้งแม่ของเขาก็อาศัยอยู่ที่นั้นการไปตรวจสอบเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว
เดินไปในป่ายามค่ำคืนให้ความรู้สึกอันตราย แต่เอลวิสไม่ได้กังวลขนาดนั้นแล้ว ตอนนี้เขาแข็งแกร่งกว่าครั้งที่ฆ่าหมาป่าขนเงินตัวนั้น อย่างน้อยก็สามเท่าได้ ทั้งครั้งนี้ยังมีอาวุธอยู่ในมือ การจะฆ่ามันอีกครั้งจะเป็นเพียงการตวัดดาบเท่านั้น
แต่แน่นอนว่าเขายังไม่แข็งแกร่งพอจะล้มหมาป่าทั้งฝูง หากเจอสถานการณ์นั้นเขาก็ยังทำได้แค่หนีเท่านั้น
เท่าที่เขาจำได้จากห้องสมุดของตระกูลเฮลฟอร์ดนั้น เมืองที่ใกล้ที่สุดห่างออกไปจากเมืองหลวงราวๆ50กิโลเมตร การจะไปถึงคงใช้เวลาครึ่งวัน แต่หากให้วิ่งไปคงภายในหนึ่งหรือสองชั่วโมง
อย่าลืมว่าการเดินทางผ่านรถม้าจะถือว่าค่อนข้างช้า เพราะมันเน้นความสะดวกสบายมากกว่าความรวดเร็ว
เอลวิสเดินไปเรื่อยๆ พยายามส่งเสียงดังให้ได้น้อยที่สุด สองมือประคองดาบไว้แน่น กันสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน
แต่ตอนนี้ป่ากลับเงียบสงบ เงียบสนิทราวกับไร้สรรพชีวิต มันส่งผลให้ความกังวลของเอลวิสมากขึ้น
ตอนนี้เขาอยากเจอสัตว์ป่าสักตัว หรือหมาป่าสักฝูงก็ยังดี อย่างน้อยก็เป็นเครื่องยืนยันว่าพวกมันยังอยู่ ยังมีบางสิ่งอาศัยอยู่ในนี้
แต่การที่ป่าเงียบไปแบบนี้มันชวนขนหัวลุก ไม่รู้ว่าพวกมันกำลังซุ่มโจมตี หรือหายไปแบบที่มนุษย์หายไปกันแน่
มันสร้างความเครียดและความกังวลแก่เอลวิสอย่างมหาศาล แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ สิ่งที่เขาต้องทำมีเพียงก้าวไปข้างหน้า เดินไปอย่างไม่หยุดยั้งเท่านั้น
มีเพียงการกล้าเผชิญหน้ากับบางสิ่งจึงจะสามารถกลายเป็นยอดคน
เอลวิสปัดความกังวลเหล่านั้นให้จางลงไปก่อน การคิดมากเกี่ยวกับมันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย ที่เขาต้องทำคือเร่งรีบหน่อยเท่านั้น
คิดพลางเท้าก็ก้าวเร็วขึ้น แต่ก็ไม่ได้ส่งเสียงดังต่อป่าแห่งนี้ บรรยากาศที่ต้นไม้โบกไสวพัดปลิวไปกับสายลมนั้นช่างความรู้สึกว่าเงียบเหงาและเดี่ยวดาย
ท่ามกลางราตรีกาลที่ดูเหน็บหนาวกว่าวันไหนๆ เห็นเพียงแผ่นหลังของเด็กหนุ่มอายุราวสิบขวบ มือสองข้างประคองดาบอย่างแข็งกลัา สองเท้าย่างเข้าสู่ป่าอย่างไม่เกรงกลัวสัตว์ร้ายใด
.
.
.
.
สี่ชั่วโมงผ่านไป เขามาถึงเมืองตามที่คาด แม้จะหลงทางไปเล็กน้อยแต่ก็มาถึงได้ในที่สุด แต่ตอนมาถึงก็ไม่ได้ทำให้ความกังวลของเขาลดน้อยลงเลย
ตลอดทางสัตว์ป่าไม่ปรากฎตัวให้เขาเห็นเลยแม้แต่ตัวเดียว มองไปยังทัศนียภาพภายในเมืองก็ปราศจากร้างซึ่งผู้คน
หัวใจของเอลวิสเย็นเหยียบลงเล็กน้อย นี่มันร้ายแรงกว่าที่คิดมาก ผู้คนทั้งเมืองหลวงและเมืองใกล้เคียงหายไปหมด นี่ต้องเป็นภัยพิบัติอย่างน้อยระดับ S ภัยพิบัติระดับที่สามารถล้างทั้งเผ่าพันธุ์ได้
อะไรกันที่มันทำแบบนี้ และตั้งแต่ตอนไหน
แต่ทันใดนั้นตอนที่เขากำลังขบคิดนั้นเอง หางตาเหลือบไปเห็นบางสิ่งกำลังเคลื่อนไหวอยู่ภายในบ้านหลังหนึ่ง เห็นเงาจากแสงของตะเกียงที่พึ่งถูกจุดขึ้นมาบนชั้นสองของบ้าน เขาเห็นขัดเจนว่าเป็นเงาของมนุษย์ที่กำลังเคลื่อนไหว
เอลวิสรู้สึกดีใจ วิ่งไปทางนั้นด้วยเสียงเท้าที่เงียบกริบ ค่อยๆเข้าไปภายในบ้านหลังนั้นอย่างช้าๆ
ความคิดเห็น