ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Elvis Magic world) เซียนต่างโลก

    ลำดับตอนที่ #16 : ตอนที่ 16 หมดเวลา

    • อัปเดตล่าสุด 31 มี.ค. 66



    แม้กระทั้งบางบททดสอบเหมือนเป็นการเล่นตลกเพื่อเยาะเย้ยผู้คนซะอย่างนั้น

     

    เอลวิสคิด แต่ยังไม่ใส่ใจมากนัก การที่มหาโลกจะมาสนจะเลือกรับใครสักคน ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ครอบครองพลังระดับ A-S มาก่อนแล้ว

     

    อาจจะเพราะพวกเขาเหล่านั้นแข็งแกร่ง เป็นผู้รับเลือกของฟ้าสวรรค์ตั้งแต่แรก แต่แน่นอนว่าก็มีการยกเว้นในบางกรณีบางคนเป็นแรงค์ F แต่กลับได้บททดสอบจากมหาโลก แต่ตัวตนระดับแรงค์ F จะเอาอะไรไปผ่านบททดสอบกัน?

     

    แค่การหายใจแรงๆของผู้แข็งแกร่ง ตัวตนระดับแรงค์ F ก็ไม่สามารถทนได้แล้ว พวกเขาจะสลายกลายเป็นฝุ่น กลายเป็นของบำรุงให้กับธรรมชาติเท่านั้น

     

    อย่าลืมว่าโลกนี้เต็มไปด้วยผู้ที่อิจฉาตาร้อน แล้วคงไม่มีใครอยากให้เผ่าพันธุ์ระดับต่ำกลายเป็นเผ่าพันธุ์ระดับกลางหรอก

     

    เคยมีเหตุการณ์เผ่าพันธุ์ระดับต่ำถูกกวาดล้างจนสูญพันธุ์จากเผ่าพันธุ์ระดับกลางที่อยู่ใกล้เคียง เพียงเพราะเผ่าพันธุ์ระดับต่ำนั้นมีคนที่ได้รับบททดสอบจากมหาโลก

     

    ในอดีตทั้งสองไม่มีความเกี่ยวข้องหรือเคยขัดแย้งกันมาก่อน แต่เนื่องด้วยไม่อยากให้เผ่าพันธุ์นี้ยกตนมาเสมอได้ ถึงขั้นกวาดล้างจนหายไป สูญสิ้นไปซึ่งเผ่าพันธุ์

     

    นับแต่นั้นมาเหล่าเผ่าพันธุ์ระดับต่ำจะเก็บเป็นความลับเมื่อมีใครสักคนได้รับบททดสอบ จะปกปิดเป็นความลับสูงสุดจนกว่าผู้รับบททดสอบจะตายหรือทำสำเร็จเท่านั้น

     

    บททดสอบไม่ใช่จะสำเร็จได้ภายในวันเดียวบางภารกิจกินเวลานานหลักร้อยปี บ้างกินเวลาแค่ไม่กี่ปี แล้วแต่บททดสอบไป 

     

    ทันใดนั้นเอง ตอนที่เอลวิสกำลังคิดอยู่นั้น เหมือนโลกทั้งใบพลิกตลบ ภาพทุกอย่างตรงหน้าเกิดเป็นภาพเบลอไม่อาจปรับสายตาให้คมชัด มันเหมือนกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่มากกว่าแสง เดินทางออกจากสถานที่นั้น มันเร็วจนสมองไม่ประมวลรับผลกระทบจากความเร็วนั้นได้ 

     

    เอลวิสทนประคองสติได้อยู่ครู่นึงก่อนจะทนไม่ไหวหมดสติไปท่ามกลางการเคลื่อนย้ายนั้น

     

    .

    .

    .

    .

    ดูเหมือนโชควาสนาของเอลวิสในครั้งนี้จะจบลงแล้ว เพราะทันทีที่เขาตื่นเขาพบว่าตัวเองปรากฎตัวอยู่ที่สวนในราชวังของอาณาจักรอครีเวีย ซึ่งตอนนี้เป็นเวลากลางคืน

     

    มันคือสถานที่ที่เขาเคยเดินผ่านก่อนหน้านี้

     

    เอลวิสยกมือขึ้นประคองหัวที่รู้สึกมึนๆอยู่เล็กน้อย เสื้อผ้าที่สวมใส่ดูมีสภาพมอมแมมเก่าเหมือนใส่มาเป็นเดือน

     

    เขายันกายลุกขึ้นยืน สายตาพลางกวาดไปรอบๆมองหาผู้คน แต่ก็กลับพบว่าไม่เห็นใครในบริเวณนี้เลย

     

    เขาเดินไปรอบๆบริเวณนั้นความทรงจำค่อนข้างชัดเจนว่าเขาเคยเดินผ่านที่แห่งนี้

     

    เอลวิสเดินย้อนไปตามทางในความทรงจำของเขา เดินลัดเลาะกลับไปทางห้องพักของเขา

     

    ในระหว่างทางราชวังแห่งนี้ช่างให้บรรยากาศที่เงียบงัน ไม่ได้มากไปด้วยผู้คนเหมือนก่อนหน้านี้ มันวังเวงและรู้สึกหนาวไปถึงกระดูกเมื่อต้องเดินผ่านที่แห่งนี้คนเดียว

     

    บรรดาองครักษ์ก็หายไปไม่ได้เหมือนก่อนหน้านี้ที่ยืนเรียงรายสามารถพบเห็นได้ตลอด

     

    เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์นี้มันแปลก มันแปลกมากๆ ภายในราชวังจะไม่มีคนเลยได้ยังไง ทั้งองครักษ์ก็ไม่มี คนรับใช้ก็ไม่เดินผ่านเลย

     

    สถานการณ์เดียวที่น่าจะทำให้เกิดสิ่งนี้ขึ้นได้คือ ผู้คนหลบหนีจากภัยพิบัติบางอย่าง

     

    เพราะต่อให้ทำสงครามก็ยังต้องผู้คนเฝ้าอารักขาปกป้องราชวัง และการป้องกันก็คงเข้มงวดขึ้นไม่ใช่หายไป 

     

    แต่ภัยพิบัติแบบไหนที่ทำให้คนทั่วราชวังหายตัวไปแบบนี้ ภัยพิบัติแบบไหนที่ทำให้ผู้คนทิ้งราชวัง อีกทั้งภัยพิบัตินี้มันถึงขั้นที่จักรพรรดิไม่อาจแก้ไขได้เลยหรือ

     

    จักรพรรดิผู้ครอบครองพลังในระดับแรงค์ S!

     

    ถึงเขาจะแก่ขราเพราะมีอายุมาสองร้อยกว่าปีแล้ว แต่เขาก็ยังทรงพลังมาก การที่ร่างกายมีพลังเวทย์ตลบอบอวลอยู่ภายในที่แข็งแกร่งมันทำให้อายุขัยของเขาพลอยยืนยาวไปด้วย

     

    แรงค์ S ที่แข็งแกร่งมากๆคนนึงอาจอยู่ได้ถึงห้าร้อยปีได้ด้วยซ้ำ

     

    แต่ภัยพิบัติแบบไหนที่แรงค์ S ไม่อาจแก้ไขได้?

     

    หรือทวยเทพจะมาล้างบางมนุษย์ซะแล้ว?

     

    ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกกระวนกระวายใจ เอลวิสยิ่งเดินไปหัวใจยิ่งรู้สึกหวาดกลัวมากขึ้น

     

    ถ้าภัยพิบัติที่แรงค์ S ยังต้องหนี แล้วเขาจะเอาอะไรไปสู้กับพวกมัน ความเป็นไปได้เดียวคือเขาจะถูกบดขยี้แล้วตายอย่างน่าอนาถอีกครั้งเท่านั้น

     

    ยิ่งคิดหัวใจของเอลวิสยิ่งรู้สึกหนาวเหน็บ บรรยากาศยามค่ำคืนภายในราชวังแห่งนี้ก็ทำให้รู้หวาดกลัวมากยิ่งขึ้น

     

    หลังเดินมาสักพัก เอลวิสเห็นมีหน้าต่างบานหนึ่งที่สามารถเห็นวิวภายในเมืองหลวงได้ เมื่อเห็นดังนั้นเขาจึงรีบปรี่เข้าไปดูมันทันที

     

    แต่ภาพวิวทิวทัศน์ของเมืองกลวงที่ควรจะสว่างไสวตลอดเวลากลับไม่ได้สว่างไสวแบบนั้นซะแล้ว มันมืดสนิท เห็นเพียงแสงสลัวจางๆจากเงาพระจันทร์เท่านั้น

     

    เอลวิสพยายามหาผู้คนที่กำลังเดินอยู่ในเมือง แต่ก็กลับไม่พบแม้แต่คนเดียว 

     

    นี่มันแปลกเกินไปแล้ว แม้แต่คนภายในเมืองหลวงก็หายไปหมดไม่เหลือแม้แต่คนเดียว นี่มันเหมือนกับ....

     

    การถูกกวาดล้าง!

     

    แต่ตัวตนระดับไหนกันที่จะสามารถล้างทั้งเมืองได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ อีกทั้งเอลวิสไม่ได้กลิ่นเลือดลอยมาแตะจมูกเลย

     

    มันเหมือนอยู่ๆผู้คนก็หายไปเฉยๆแบบไร้สาเหตุ

     

    มันมีความเป็นไปได้นึงแต่แค่คิดก็หวาดกลัวแล้ว

     

    เทพลงมือด้วยตัวเอง!

     

    นี่อาจเป็นไปได้ เพราะเทพสามารถทำให้เผ่าพันธุ์นีงหายไปได้โดยไม่มีใครรับรู้ด้วยซ้ำ การจะทำให้เผ่าพันธุ์ระดับต่ำอย่างมนุษย์หายไปในวันเดียวไม่ได้ยากเย็นแม้แต่น้อย หากต้องการจริงๆแม้แต่เศษซากอารยธรรมก็อาจไม่เหลือ

     

    อย่าว่าแต่วันเลย แค่ชั่วโมงทุกอย่างที่เป็นของมนุษย์จะสลายหายไปดั่งหมอกควันหากเทพลงมือจริงๆ

     

    แต่นั้นไม่มีเหตุผลเลย ทำไมเทพต้องลงมือเองแบบนี้ ทำไมไม่มีการปรากฎลักษณะของการต่อสู้เลย

     

    ต้องรู้ว่าปกติทวยเทพจะไม่ลงมือเอง พวกเขามักใช้แรงค์ S ที่ทรงพลังมาจัดงานจิปาฐะเหล่านี้ การจะให้เทพลงมือด้วยตัวเองนั้นครั้งล่าสุดคือเมื่อหนึ่งพันปีก่อน แล้วเผ่าพันธุ์ของเขาไปทำให้เทพองค์ใดขุนเคืองกัน

     

    ยิ่งคิดยิ่งน่าสงสัย สรุปเหตุการณ์นี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ? เทพเลือกที่จะกวาดล้างมนุษย์? หรือแค่ผู้คนอพยพหลบหนีไป?

     

    เอลวิสคิดด้วยหัวใจที่หนาวเหน็บไม่ว่าจะอันไหนก็ล้วนต้องมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นกับอารยธรรมมนุษย์ของเขาแน่นอน

     



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×