ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Elvis Magic world) เซียนต่างโลก

    ลำดับตอนที่ #15 : ตอนที่ 15 อ่านและศึกษา

    • อัปเดตล่าสุด 30 มี.ค. 66



    เอลวิสตั้งปณิธาณสักวันเขาจะกลับมาอ่านหนังสือเล่มนี้ เขานำมันกลับไปเก็บที่เดิมก่อนเหาะทะยานหาหนังสือเล่มต่อไป

     

    เขาลอยอยู่ตรงนั้นลอยไปมาในอากาศ ภายในจิตใจขบคิดถึงสารพันความรู้ที่ควรอ่าน โอกาสในหอสมุดไม่ได้คงอยู่ชั่วนิรันดร์ อาจเป็นชั่วโมงหรือพรุ่งนี้ที่เขาต้องออกไป ไม่มีใครบอกเวลาที่ชัดเจนได้

     

    เอลวิสคิดแล้วคิดอีก เขาเลือกจะไปยังหมวดหมู่ของประสบกการเดินทางดีกว่า แม้เขาจะยังอ่อนแอแต่การรู้ และวิธีการรับมืออะไรไว้ล่วงหน้าก็ไม่ได้แย่

     

    เอลวิสเหาะไปมาดูหนังสือหลายเล่มที่น่าสนใจ แต่ท้ายสุดเขาก็หยิบพวกมันออกมาสองเล่ม ก่อนจะรีบอ่านอย่างรวดเร็ว

     

    เล่มแรกที่เขาหยิบมาคือ "เวทย์มนต์ร้อยเผ่า" ที่เขียนโดยจอมเวทย์แรงค์ S ของมนุษย์ที่เคยมีชื่อเสียงในอดีต เขาคนนี้เคยท่องไปเหยียบมาหลายร้อยเผ่าพันธุ์จนเขียนหนังสือเล่มนี้ออกมา

     

    มันพูดถึงการใช้เวทย์มนต์ของแต่ละคนเผ่าพันธุ์ซึ่งก็คล้ายกัน อาจจะเพราะอยู่ในมหาทวีปเดียวกันทำให้ได้รับอิทธิพลจากส่วนนั้น ซึ่งเผ่าพันธุ์ส่วนใหญ่จะใช้ธาตุไฟเป็นหลักหรือไร้ธาตุไปเลย ส่วนธาตุที่ใช้น้อยที่สุดคือธาตุไม้เพราะเป็นธาตุที่เสียเปรียบเมื่อต่อสู้กัน

     

    เผ่าพันธุ์เก้าสิบเก้าเผ่าที่เขาเขียนเป็นเผ่าพันธุ์ระดับต่ำ ข้อมูลส่วนใหญ่ใช้เหมือนกัน ทุกเผ่าล้วนมีอารยธรรมหรืออาณาจักร แต่ผู้แข็งแกร่งเต็มที่มักจะอยู่แค่แรงค์ A เท่านั้น สักหนึ่งในสิบเผ่าที่เคยไปมาถึงจะเจอสักเผ่าที่มีตัวตนระดับแรงค์ S สักคนนึง และเป็นแรงค์S ที่อ่อนแอ

     

    เห็นได้ขัดว่าต่อให้อยู่แรงค์เดียวกันก็ยังมีความแตกต่างกันอยู่

     

    แต่เผ่าที่หนึ่งร้อยที่เขาคนนี้เคยไปมาถึงจะน่าสนใจ การไปเยี่ยมเยือนเผ่าพันระดับ"กลาง"

     

    เผ่าพันธุ์ผีเสื้อประกายแสง! เผ่าพันธุ์ระดับกลางที่มีน้อยนิดในมหาทวีปแห่งนี้!

     

    ในมหาทวีปอินโฟสเทียนั้น มีเผ่าพันธุ์ระดับกลางประมาณ 10 เผ่า และระดับสูง 2 เผ่า

     

    เแต่ในทางกลับกันเผ่าพันธุ์ระดับต่ำกลับมีหลายพัน ช่องว่างระหว่างระดับกลางและต่ำนั้นกว้างใหญ่เสมือนท้องฟ้าและก้นเหวลึก

     

    ต่อให้เผ่าพันธุ์ระดับต่ำจะมีตัวตนที่แข็งแกร่งหลายร้อยคน แต่ถ้าไม่ใช่ระดับเทพก็ล้วนถูกเทพบดขยี้ได้ง่ายๆ เผ่าพันธุ์ที่ไม่มีเทพจึงทำได้แค่อยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว

     

    ในตอนที่ผู้เขียนหนังสือคนนี้ไปที่นั้นเทพของเผ่าผีเสื้อประกายแสงกลับมาที่เผ่าพอดี ทำให้ตอนนั้นทั้งเผ่าล้วนเฉลิมฉลองกันถ้วนหน้า เมืองและอารยธรรมส่องแสงสว่างออกมาตลอดทั้งค่ำคืนเสียงเฮฮาและหัวเราะดังออกมาให้ได้ยินตลอดเวลา

     

    ตอนนั้นผู้ที่เขียนหนังสือเข้าไปครั้งแรกนั้น เขาเห็นมนุษย์ที่มีปีกสองข้างของผีเสื้อกางข้างหลัง ทั้งบริเวณแขนและขาของพวกเขาบางคนเปล่งแสงราวกับหิ้งห้อยทำให้พวกเขาดูทรงพลังและสวยงามมากขึ้น อีกทั้งเขายังรู้สึกตกใจอย่างมากกับความเจริญก้าวหน้าของอารยธรรมนี้ มันสวยงามจนน่าหลงไหลและสิ่งประดิษฐ์ของพวกเขามีคือสิ่งที่อยู่คนละระดับชั้นกับเผ่าพันธุ์ระดับต่ำทัเงหมด

     

    ตอนนั้นเขารู้สึกเหมือนมนุษย์ยังใช้ก้อนหิน แต่เหล่าผีเสื้อประกายแสงทั้งหมดต่างใช้ดาบเหล็กในการฟาดฟันศัตรูแล้ว

     

    มันไม่ใช่เทคโนโลยีที่คนละชั้น แต่คือวัสดุอุปกรณ์ที่พวกเขาไม่สามารถเทียบเคียงได้เลย ทรัพยากรธรรมชาติคืออีกสิ่งหนึ่งที่เทียบไม่ได้ ทำให้การพัฒนาเผ่าพันธุ์ของเผ่าพันธุ์ระดับต่ำพลอยช้ากว่าเผ่าพันธุ์ระดับกลางหรือสูงไปด้วย

     

    เอลวิสคิดในใจหากผู้คนจากเผ่าพันธ์ุระดับกลางและเผ่าพันธุ์ระดับต่ำต้องมาสู้กัน โดยอยู่ในระดับเดียวกัน เผ่าพันธุ์ระดับต่ำจะถูกบดขยี้โดยตรงหรือเปล่า หรือแค่อ่อนแอกว่าเฉยๆ

     

    เอลวิสไม่คิดว่าเผ่าพันธุ์ระดับต่ำจะแข็งแกร่งกว่าได้ แม้พวกเขาอาจมากด้วยประสบการณ์ แต่เผ่าพันธุ์ระดับกลางมีเทพเป็นของตัวเอง พลังของพวกเขาได้ประทานพรมาจากเทพโดยตรง อีกทั้งเทคนิคต่างๆการพลิกแพลงเวทย์มนต์ก็ดีกว่ามาก

     

    หากเอลวิสไม่ได้เข้ามาในที่แห่งนี้ เขาคงไม่ได้รู้จักวิธีหรือการเรียนรู้รับมือกับเผ่าพันธุ์ต่างๆแบบนี้หรอก 

     

    หลังอ่านจบเขาวางหนังสือลง บทสรุปของมันคือผู้ที่เขียนหนังสือก็ไม่ได้พบเจอกับเทพของเผ่าพันธุ์ผีเสื้อประกายแสง แม้เขาจะเป็นถึงแรงค์ S แต่ในสายตาของเทพ เขาก็ยังไม่นับว่ามีนัยจะสำคัญอะไร

     

    เอลวิสเปิดหนังสือเล่มต่อไป คือหนังสือ "เดินสี่ก้าวข้ามผ่านสี่มหาทวีป" มันถูกเขียนโดยตัวตนที่หวาดหวั่นคนนึง เขาคือเทพที่มาจากเผ่าพันธุ์ระดับต่ำ!

     

    ในอดีตตอนที่เขียนหนังสือเล่มนี้เขาไม่ได้เป็นเทพ เขายังเป็นแค่ตัวตนที่อ่อนแอแรงค์ A เท่านั้น แต่ด้วยพรสวรรค์หรืออะไรสักอย่างบัดดล มหาโลกเซเลนเทียได้เลือกเขา เลือกให้เขากลางเป็นเทพ

     

    ใช่แล้วอีกหนึ่งวิธีที่จะกลายเป็นเทพนอกจากการสืบทอด ก็คือ การได้รับเลือกจะมหาโลกนั้นเอง

     

    แต่โอกาสนั้นแทบจะเป็นหนึ่งในล้านล้าน การจะมีสักคนกลายเป็นเทพไม่ได้ง่ายดายแบบนั้น

     

    ในหนึ่งหมื่นปีจะมีเทพกำเนิดใหม่จากการที่ไม่ได้สืบทอดสักองค์ไหมก็ไม่รู้

     

    อีกอย่างมหาโลกไม่ได้แต่งตั้งโดยตรง อาจจะใช้คำว่า "ให้บททดสอบ" จะดีกว่า 

     

    มหาโลกให้บททดสอบที่ยากกว่าการปีนขึ้นสวรรค์ซะอีก แถมบททดสอบของพวกเขาก็ต่างกันไปตามแต่ละคน

     

    บ้างก็ให้พิชิตมหาทวีปทั้งสี่ หรือปกครองทั้งมหาโลก ทั้งขีดกำจัดพลังของพวกเขาตอนเป็นเทพก็มาจากบททดสอบนี้ว่ายากหรือง่ายแค่ไหน

     

    ครั้งหนึ่งเคยมีข่าวหนึ่งสะเทือนทั้งมหาโลกเพราะบททดสอบของคนผู้นึง

     

    มหาโลกได้ให้บททดสอบแก่เขาว่า "สู้กับเทพอย่างไม่พ่ายแพ้"

     

    ทุกคนรู้ ทุกสิ่งมีชีวิตต่างรู้การจะเข้าห่ำหันกลับเทพนั้นนอกจากเป็นเทพด้วยกันล้วนเป็นไปไม่ได้

     

    และผลลัพธ์ของบททดสอบนั้นก็ไม่ได้ผิดแปลกจากที่ผู้คนคาดเดา

     

    คนผู้นั้นท้าทายเทพที่อ่อนแอที่สุดองค์หนึ่ง แต่กลับถูกบดขยี้หายไปไม่เหลือฝุ่นผงภายในวินาทีเดียว ต้องรู้ว่าตอนนั้นเขาเป็นถึงแรงค์ S เลยทีเดียว มีเทพที่พยายามส่งพลังเพื่อให้เขาผ่านบททดสอบ แต่พลังงานกลับถูกตัดจากมหาโลกเองด้วย

     

    เพราะงั้นตอนนี้ทุกคนถึงรู้ว่า ไม่ใช่ทุกคนที่ได้รับบททดสอบจะทำบททดสอบสำเร็จ

     

    แม้กระทั้งบางบททดสอบเหมือนเป็นการเล่นตลกเพื่อเยาะเย้ยผู้คนซะอย่างนั้น

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×