คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ตดนที่ 12 หอสมุด
อาจโดนปฏิบัติแย่ลงหรือโดนกลั่นแกล้ง อย่างเลวร้ายที่สุด ตัวของเอิร์ลเฮลฟอร์ดเองอาจส่งคนมาฆ่าเขาถึงในคฤหาสน์ตระกูลเลยก็ได้
เพราะหากมีสิ่งแปลกปลอมเราย่อมกำจัด สิ่งใดด่างพร้อยต้องลบทิ้ง ไม่มีใครอยากถูกนินทาติฉิน เพราะงั้นไม่จำเป็นต้องพูดถึงสังคมขุนนางเลย หากมีคนล้มพวกเขาทั้งหลายไม่ลังเลเลยที่จะเหยียบจนไม่สามารถโงหัวขึ้นมาได้อีก
แล้วเขาก็ไม่ได้เป็นที่โปรดปรานอยู่แล้ว การตัดสินใจจะกำจัดออกไปไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย
เอลวิสกังวล ความกังวลนั้นฉายชัดออกมาทางสีหน้า เขารู้ว่าตัวเขามีพลังเวทย์ แต่คนอื่นละ?
ชายชราที่เป็นผู้ทดสอบเห็นสีหน้ากังวลของเอลวิส เขาเข้าใจว่าเด็กน้อยกำลังคิดอะไรอยู่จึงพูดบางอย่างเพื่อคลายความกังวลให้
"เจ้าไม่ต้องห่วงไปเด็กน้อย เจ้ามีพลังเวทย์ ข้าแค่ต้องหาข้อสรุปว่าจะอยู่ระดับไหน เจ้าค่อนข้างจะ...พิเศษน่ะ"
ชายชรากล่าว ในแววตาฉายแววบางอย่างที่ผู้คนไม่เข้าใจ มันลึกล้ำและยากจะจับสังเกต
เมื่อได้ยินที่ชายชรากล่างเอลวิสก้คลายความกังวลลง
มันไม่สำคัญหรอกว่าจะอยู่ระดับไหน ขอแค่อาณาจักรยังยอมรับว่าเขาเป็นผู้ที่เขาสามารถใช้เวทย์มนต์ได้ก็พอแล้ว
อันที่จริงเอลวิสลืมคิดไปว่า หากมันตรวจสอบไม่ได้ เขาแค่ต้องใช้พลังเวทย์ให้คนเหล่านี้ดู แค่นั้นทุกอย่างก็จะแก้ปัญหาได้ แต่นั้นแหละนี่คือสิ่งที่เอลวิสพึ่งจะมาคิดได้ในตอนหลัง
ตอนนี้เมื่อเอลวิสคลายความกังวลแล้ว ทัเงสามคนเอลวิส โอลิเวอร์ และมอร์แกนจึงทำความเคารพชายชราอีกครั้ง และออกจาห้องทดสอบไป
เอลวิสจำได้ว่าหลังทดสอบเสร็จเขาจำเป็นต้องไปรอที่ห้องพักที่ทางราชวังจัดไว้ให้ แต่ในกรณีของเขาค่อนข้างพิเศษ เพราะเขาต้องรอยาวนานถึง 7 วัน
มอร์แกนถูกบังคับให้แยกตัวกลับไปก่อน เพราะกำหนดการเดิมเอลวิสควรจะพักที่ราชวังแค่สองวัน แต่นี่ยาวนานกว่านั้นมาก ทำให้มอร์แกนต้องรีบกลับคฤหาสน์ตระกูลเฮลฟอร์ดไปจัดการธุระให้เรียบร้อยก่อนจะมารับเอลวิสอีกครั้ง
ส่วนตอนนี้ในด้านของเอลวิสนั้นตอนนี้เขากำลังนั่งสมาธิอยู่บนเตียงในห้องที่ทางราชวังจัดเตรียมไว้ ทั้งห้องมันสวยสง่าให้กลิ่นอายที่สูงส่งและมากไปด้วยบารณี พื้น ผนัง หรือกระทั่งหน้าต่างที่สามารถมองออกไปทางสวนนั้น ล้วนถูกประดับไปด้วยเพ็ชรพลอยเต็มไปหมด อันที่จริงทางราชวังจะส่งสาวใช้มาด้วยซ้ำ แต่เขาปฏิเสธไป เขาชอบที่จะทำอะไรด้วยตัวเองมากกว่า
แต่เอลวิสไม่ได้สนใจสิ่งของพวกนั้น เขาต้องรีบคว้าโอกาสในที่แห่งนี้ไว้ เพราะในราชวังมันมีพลังเวทย์มากกว่าภายนอกถึงสามเท่า!! อีกทั้งยังบริสุทธิ์กว่า ทำให้กระบวนการการดูดซับพลังเวทย์เร็วยิ่งขึ้น การไม่คว้าโอกาสฝึกฝนในตอนนี้ คงไม่รู้ว่าจะได้อีกครั้งในตอนไหนแล้ว
จากกลางวันเปลี่ยนผันเป็นกลางคืน และจากกลางคืนก็เปลี่ยนเป็นเข้าวันใหม่
ยามที่แสงอรุณอ่อนๆส่องผ่านหน้าต่างมาตกกระทบที่ใบหน้าของเอลวิส เปลือกตาของเขาก็ค่อยๆเปิดขึ้นอย่างช้าๆ ดวงตาสีมรกตดูแฝงแน่นด้วยแววความฉลาดเฉลียวและเด็ดเดี่ยว หากสังเกตุให้ดีจะพบอีกด้วยว่าตอนที่เอลวิสลืมตาขึ้นมามีคลื่นพลังเวทย์กระจายออกมาจากตัวเขา
มันเบาบางแต่นั้นคือพลังเวทย์
สติของเขากลับมากระจ่างชัด เอลวิสเริ่มลุกขึ้นร่างกายส่งเสียงดังกรุบกรับออกมาให้ได้ยิน เขาทำท่ายืดเส้นยืดสาย บิดไปมาเพื่อให้ร่างกายคลายเส้นที่ตึงจากการนั่งสมาธิ
ถึงจะเหนื่อยล้าทางจิตใจบ้างแต่ร่างกายราวกับพึ่งนอนเต็มอิ่ม ไม่จำเป็นต้องนอนเพื่อพักผ่อน
แต่นอกจากความเหนื่อยล้าทางจิตใจแล้ว เอลวิสยังรู้สึกดีใจมากอีกด้วย ตอนนี้หากเทียบกันเขาแข็งแกร่งกว่าตอนที่สู้กับหมาป่าขนเงินสามเท่าได้ ในตอนนี้ถึงจะไม่มีอาวุธและหมาป่าอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ก็เกรงว่าเขาจะสามารถฆ่ามันได้ในไม่เกินสิบนาที
การรับมือกับหมาป่าตัวเดียวนั้น ไม่เป็นปัญหาอีกแล้ว แต่หากจะให้รับมือกับหมาป่าทั้งฝูงตอนนี้ยังเป็นสิ่งที่ไกลเกินเอื้อม
หากมีอาวุธที่เข้ามือหน่อยอาจใช้ในการฆ่าหมาป่าสักตัวในเวลาไม่ถึงนาทีก็ได้ เลลคิดคิดเล่น พร้อมกับหัวเราะในใจ
แม้การพัฒนาในปัจจุบันจะดูรวดเร็วแต่อย่าลืมว่านี่คือจุดเริ่มต้นเท่านั้น ในอนาคตมันจะยิ่งยากที่จะพัฒนาและยากยิ่งขึ้นไปอีกในการแข็งแกร่งขึ้น
เอลวิสเดินไปดูบริเวณประตูทางเข้าห้อง มองเห็นอาหารอย่างดีวางตั้งอยู่บนรถเข็นที่ดูสวยหรู อีกทั้งในชั้นล่างของรถนั้นมีเสื้อผ้าให้เปลี่ยนใหม่อีกด้วย ตัวเสื้อผ้ามีสีเขียวอ่อนตัดกับสีขาวออกทอง ทั้งยังมีเครื่องประดับเพ็ชรพลอยประดับติดอยู่จึงดูสวยหรูเป็นพิเศษ
ภายในห้องนอนนั้นมีห้องน้ำอยู่ภายใน การทำธุระต่างๆจึงเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว
หลังอาบน้ำ กินข้าวเสร็จเอลวินำรถเข็นไปวางไว้ที่เดิม พร้อมเดินออกจากห้องไป
แม้จะต้องอยู่ที่นี่7วัน แต่การจะนั่งอยู่ในห้องฝึกฝนทั้งวันคงน่าเบื่อ ทั้งราชวังก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้ออกมาเดินเล่น จะมีเพียงสถานที่บางแห่งเท่านั้นที่ไม่สามารถไปได้ อีกทั้งทุกๆที่ยังมีทหารองครักษ์ประจำอยู่จำจึงไม่จำเป็นว่าจะมีใครมาสร้างความวุ่นายภายในราชวัง
เอลวิสเดินไปเรื่อยๆอย่างเอ้อระเหย เดินผ่านสวนที่เต็มไปด้วยดอกไม้บ้าง เดินผ่านเหล่าสาวใช้ที่กำลังทำงานบ้าง เดินผ่านทหารองครักษ์ที่กำลังฝึกซ้อมบ้าง เมื่อเห็นทั้งหมดจิตใจจึงเกิดความคิดร้อยพันอย่าง มันโลดเล่นไปในโลกที่ผู้คนจินตนาการไม่ถึง เขาเดินไปเรื่อยๆราวกับคนเหม่อลอยไม่มีสติ
ไม่รู้ว่าเดินไปนานแค่ไหนเอลวิสกลับพบว่าตัวเองมาอยู่ในสิ่งก่อสร้างแปลกไปจากที่อื่นๆมันถูกก่อสร้างมาจากไม้ที่ดูเก่าแก่คร่ำครึ มีเถาวัลย์และใบไม้เขียวชอุ่มอยู่หลาย แต่บางที่ก็ถูกสร้างมาจากแก้วใสที่เหมือนกับถูกต่อเติมภายหลัง มันมีลักษณะเป็นโดมที่ครอบบางอย่างไว้
ตรงหน้าทางเข้าเอลวิสเห็นผู้คนเดินเข้าออกบางตา เขายืนเหม่อยู่ตรงนั้น สิบนาทีบ้าง ชั่วโมงบ้าง ถึงจะมีคนได้เข้าหรือออกสักคนนึง
เอลวิสคาดเดาที่แห่งนี้คงเป็น "หอสมุดแห่งปัญญาหมื่นเผ่าพันธุ์" ที่อยู่ในตำนาน ห้องสมุดที่มีเพียงคนปรารถนาในความรู้เท่านั้นถึงจะเข้าได้ ไม่มีประเทศหรือทวีปไหนที่ได้ครอบครองมัน ในอดีตมีเทพที่เกิดเมตตาสงสารเผ่าพันธุ์ที่ไม่มีเทพเป็นของตัวเอง เธอจึงใช้พลังของตนในการสรรสร้างหอสมุดขึ้นมา และให้เผ่าพันธุ์ระดับต่ำทุกเผ่าสามารถเติมเต็มคลังความรู้ของห้องสมุดได้
หอสมุดนี้มีกฎเป็นของตัวเอง กฎที่เทพจารีตเอาไว้ ทำให้ทุกตัวตนที่ต่ำกว่าเทพไม่อาจฝ่าฝืนกฏนี้ คือ
1.ไม่อาจทำร้ายคนที่อยู่ภายใน
2.ผู้ที่จะเข้าถึงมีเพียงเผ่าพันธุ์ระดับต่ำ
3.ผู้ที่จะเข้าถึงต้องปรารถนาในความรู้อย่างแท้จริง
ไม่มีใครรู้ว่ามันอยู่มานานแค่ไหน หรือถูกใครเติมเต็มไปบ้าง แต่ต้องยอมรับว่าการที่มีมันทำให้เผ่าพันธุ์ระดับต่ำสามารถมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ เพียงแต่มันมาๆไปๆ คนที่เข้าไปอาจถูกดีดออกโดยไม่รู้ตัวไม่มีระยะเวลาที่เข้าออกได้อย่างตายตัว ตอนที่เข้าไปก็ไม่รู้ตัว ตอนที่ออกมาก็ไม่รู้ตัวเช่นกัน
มันถึงเป็นตำนาน แต่เอลวิสสงสัยมากกว่าเขาไปปรารถนาในความรู้ตั้งแต่ตอนไหนกัน?
ความคิดเห็น