คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่ 11 ทดสอบคุณสมบัติ
เจ้าหญิงคนนั้นมองมาทางเอลวิสอย่างสนใจ เธอยิ้มมุมปากแล้วเดินผ่านไป
มีสิ่งหนึ่งที่เอลวิสยังไม่รู้คือ เจ้าหญิงคนนี้นั้นเธอมีความสามารถนึงที่พิเศษเหนือใคร
ความสามารถด้าน "เสน่ห์หา" ยกเว้นจะเป็นผู้ที่พลังเวทย์ต่างกันอย่างมากถึงจะไม่ได้รับผลกระทบจากความสามารถนี้
เพศตรงข้ามหรือกระทั่งเพศเดียวยังแทบจะต่อต้านไม่ได้ด้วยซ้ำ ยกเว้นแต่จะเป็นผู้ที่เลิศไปด้วยเจตจำนงที่กล้าแข็ง
ในทุกๆครั้ง ที่เด็กหนุ่มทุกคนพบเธอ แม้กระทั่งสายเลือดร่วมกันยังไม่อาจต้านทานได้ แทบจะล้มลงคุกเข่าด้วยสายตาที่บ้าคลั่งดัวยความปรารถนา
แต่เด็กหนุ่มคนนี้แตกต่าง เขาช่างน่าสนใจจริงๆ เขาไม่ได้สีหน้าแววตาที่สนใจเธอเป็นพิเศษ ไม่ได้หลงไหลในรูปลักษณ์ที่แสดงออก ทั้งเวทย์มนต์ที่เธอใช้ก็ไม่ได้ผลกับเขา ราวกับเขามองเธอเป็นเพียงโครงกระดูกที่กำลังเดินไปเท่านั้น
เจ้าหญิงยิ้มอีกครั้ง ส่งเสริมให้ภาพลักษณ์เธอดูสวยงามมากขึ้นไปอีก
.
.
.
.
กลับมาปัจจุบัน เอลวิสกำลังฟังโอลิเวอร์บ่นถึงองค์หญิงคนนี้ต่อ ทั้งเขายังได้รับรู้ถึงความสามารถ"เสน่ห์หา"นั้นอีกด้วย
เขายังได้รู้เพิ่มเติมอีกด้วยว่าเจ้าชายองค์ที่สี่มีชื่อเต็มว่า "เซดดริก ครีเวีย"
เจ้าหญิงเองก็มีชื่อว่า "เซราเฟีย ครีเวีย”
ทุกคนต่างรู้ว่าชื่อของเจ้าชายและเจัาหญิงทุกคนถูกแต่งตั้งด้วยองค์จักรพรรดิเอง ทำให้ไม่มีใครกล้าล้อเลียนในชื่อเหล่านี้ หรือกล้าเหยียดหยาม
ไม่เช่นนั้นมันคือการท้าทายจักรพรรดิ
จักพรรดิผู้มีพลังถึงแรงค์ S! ตัวตนที่ทรงอำนาจถึงขีดสุดในทวีปแห่งนี้ ต่อให้ไปอยู่ในดินแดนอื่นก็จะถูกนับเป็นผู้ยิ่งใหญ่
มันจึงไม่มีใครโง่พอจะไปกลั่นแกล้ง หรือกระทั่งพูดถึงชื่อของเหล่าเจ้าชายเจ้าหญิงอย่างไม่มีความเคารพ
ไม่มีใครอยากมีปัญหากับตัวตนที่ทรงอำนาจอยู่แล้ว
อย่างไรก็ดีกลับมาที่เอลวิส ที่ตอนนี้เขาเดินมาถึงสถานที่ทดสอบแล้ว มันมีรูปร่างเหมือนห้องอื่นๆทั่วไปภายในราชวัง เพียงแต่พอยืนอยู่ข้างหน้ามันทำให้เกิดความรู้สึกว่าบรรยากาศเก่าแก่จนถึงที่สุด ราวกับว่ามันดำรงอยู่มาตั้งแต่ครั้งพระราชวังแห่งนี้ยังไม่ถูกสร้างขึ้น
วงแหวนเวทย์สีแดงบางอย่างถูกสลักประทับอยู่ที่ตรงกลางพื้นของห้อง ลอยสลักนั้นดูเลือนลางและซีดขาว เพียงแต่ราวกับมันถูกซ่อมแซมเรื่อยมาจึงไม่เคยสูญสลายไป
ภายในห้องนั้นมีนักเวทย์คนนึงประจำอยู่ เขาดูแก่ชรามากๆ แก่เสียจนอายุของมอร์แกนและโอลิเวอร์รวมกันยังไม่เท่าเขาซะอีก ผิวหนังและร่างกายของเขาราวกับจะรวมเป็นส่วนหนึ่งของกระดูก มือและใบหน้าที่เหี่ยวย่นจนน่ากลัวทำให้ผู้คนไม่กล้าเข้าใกล้นี้
เอลวิสทำความเคารพชายชราอย่างมีสุภาพมอร์แกนและโอลิเวอร์ก็เช่นกัน
แต่ก่อนที่ทั้งสมาจะพูดอะไรชายชราก็เปล่งเสียงที่เบาบางแต่ทรงอำนาจออกมา มันทำให้หัวใจทั้งสามคนรู้โหว่งเหวงและวังเวงถึงที่สุด มันให้ความรู้สึกราวกับโลกใบนี้ทั้งใบถูกตัดขาดจากพวกเขา
"เข้ามาสิ"
เป็นเพียงสามคำสั้นๆแต่ทำให้หัวใจของผู้สีพลังระดับBสั่นไหวได้ ตัวตนของชายชราคนนี้ต้องน่ากลัวอย่างถึงที่สุดแน่นอน
ทั้งสามไม่กล้ารอให้ชายชรารอนาน ทุกคนเข้าไปภายในห้องนั้นทันที กลิ่นอายโบราณและเก่าแก่โบกสบัดไปทั่วทั้งห้องราวกับคือลมที่หมุนเวียนไปมา สร้างแรงกดดันจนผู้คนแทบจะยืนไม่ไหว
เอลวิสกลับมาสูดหายใจเข้าลึก พร้อมรวบรวมสมาธิ มันทำให้เจตจำนงของเขากลับมาชัดเจนอีกครั้ง เป้าหมายที่ตั้งไว้ คงไปไม่ถึงหากแค่นี้เขายังยืนหยัดไม่ได้ การเป็นเซียนในอนาคตก็คงเป็นแค่ความฝันที่เลื่อนลอยเท่านั้นเอง
ชายชราเลิกตามองพลางพยักหน้าแต่ไม่ได้พูดอะไร เอลวิสเองก็ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติมเขาเข้าไปยืนอยู่ตรงแกนกลางของวงแหวนเวทย์ที่ถูกสลักไว้กลางห้องอย่างรู้หน้าที่
ชายชราเมื่อเห็นว่าเอลวิสเข้าไปยืนประจำตำแหน่งแล้ว เขาก็ไม่ทำให้เสียเวลาอีก
ฝ่ามือของชายชรายกสูงขึ้นมวลพลังเวทย์ที่มากพอจะกดดันให้ทุกคนที่อยู่ต่ำกว่าแรงค์Cต้องคุกเข่าแผ่ออกมาจากชายชรา พลังเวทย์ที่ไหลทะลักออกจากมือของชายชราล้นท่วมทั้งห้องมากพอจะบดขยี้คนที่อ่อนแอได้อย่างง่ายดาย
อย่างน้อยๆชายชราคนนี้คือแรงค์ A! ทรงพลังยิ่งกว่าปู่ของเอลวิสซะอีก เป็นคนที่ทรงพลังที่สุดตั้งแต่เขาเคยเจอมา ที่เขารู้เพราะว่าแรงค์ B ไม่มีทางปราบปรามแรงค์ C ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ช่วงห่างหนึ่งขั้นระหว่างแรงค์ B และ C แม้จะกว้างใหญ่ แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นที่เพียงคิดแรงค์ที่ต่ำกว่าจะตายแบบไม่สามารถต้านทาน
ที่น่าแปลกใจคือเอลวิสไม่ได้รับผลกระทบจากพลังเวทย์ที่ท่วมท้นนั้น เขาสังเกตุได้ว่าวงแหวนเวทย์กำลังดูดซับพลังเวทย์นั้นด้วยความเร็วที่พอๆกับที่ชายชราปบดปล่อย อีกทั้งมันยังปกป้องเขาจากคลื่นพลังเวทย์ที่น่าหวาดกลัวนั้น
ทั้งโอลิเวอร์และมอร์แกนต่างยืนหลบหลังชายชราอย่างด้วยท่าทางที่มีความเคารพ
เวลาผ่านไปชั่วครู่เดียว ชายชราเลิกปล่อยพลังเวทย์ออกมา วงแหวนที่อยู่ใต้เท้าของเอลวิสก็เริ่มเปล่งแสงสว่างจ้า มันเต็มไปด้วยอักขระโบราณที่ไม่มีใครเข้าใจ แผ่กลิ่นอายที่น่าเกรงขามและเก่าแก่ออกมา
พลังบางชนิดที่เอลวิสไม่รู้จักไหลผ่านทั่วทุกส่วนของเอลวิสตั้งแต่หัวจรดปลายฝ่าเท้า มันตรวจจนไปถึงที่ตันเถียนที่เก็บพลังเวทย์เอาไว้ มันทำให้ความเกิดความรู้สึกระแวง เมหือร่างกายทุกว่วนไร้การปิดบัง ราวกับความลับทุกอย่างจะถูกเปิดเผยออกมาต่อหน้าพลังลึกลับนี้
เอลวิสไม่ได้ตื่นตระหนก เขาอ่านประสบการณ์ของผู้ที่ผ่านมาก่อนนับครั้งไม่ถ้วน ในสถานการณ์จริงก็ไม่ได้แตกต่างจากที่เคยได้ยินได้อ่านมาสักเท่าไหร่นัก
ผ่านไปสิบนาทีพลังลึกลับนั้นจึงถอนตัวออกไปจากร่างของเอลวิส ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง
ดวงตาของชายชราจ้องมองเอลวิสอย่างลึกซึ้ง ดวงตาเขาฉายแววตาประหลาดใจอย่างถึงที่สุด แต่ในแววตาที่ดูประหลาดใจนั้น ก็แฝงไว้ด้วยความรู้สึกเสียดายอย่างมาก
"รอผลสรุปอย่างชัดเจนในอีก 7 วัน"
นั้นคือคำแรกที่ออกจากปากของชายชราตั้งแต่พวกเขาพบกัน สีหน้าของเอลวิสฉายแววประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด
ปกติให้รอเต็มที่ก็สามวันนี่? หรือว่าการบ่มเพาะที่แตกต่างไปของเขาจะทำให้ตรวจสอบไม่ได้ ยังงั้นเขาจะถูกสรุปให้ไร้ความสามารถทางเวทย์มนต์ไหม!!?
ยิ่งคิดเอลวิสยิ่งตื่นตระหนก หากเขาถูกตีตราว่าไร้ความสามารถทางเวทย์มนต์ เป็นคนธรรมดาก็แลัวไปเถอะ แต่หากเป็นบุตรหลานของชนชั้นสูงเช่นเขา มันเหมือนถูกตราหน้าจากขุนนางทั้งอาณาจักรว่าไร้ค่า ทั้งยังทำให้ชื่อเสียงตระกูลแย่ลงเพราะให้กำเนิดบุตรหลานที่ไม่มีเวทย์มนต์
อาจโดนปฏิบัติแย่ลงหรือโดนกลั่นแกล้ง อย่างเลวร้ายที่สุด ตัวของเอิร์ลเฮลฟอร์ดเองอาจส่งคนมาฆ่าเขาถึงในคฤหาสน์ตระกูลเลยก็ได้
*ขอเปลี่ยนจากองค์หญิง และองค์ชายเป็น เจ้าหญิง กับเจ้าชาย จะได้เข้ากับบริบทของเรื่องมากกว่า
ความคิดเห็น