คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 9 ราชนิกุล
"ใช่ นานจริงๆ แต่คงแค่สองปีไม่ถึงสามหรอก แล้วก็หน้าของแกยังทำฉันขนลุกเหมือนเดิมเลยนะ"
สีหน้าของมอร์แกนพูดอย่างมีความสุข มุมปากของเขายิ้มรับคำพูด อีกฝ่ายก็ไม่ได้สนใจคำด่าทอของมอร์แกนเท่าไหร่นัก เขาเลือกที่จะหัวเราะและตอบโต้กลับมา
"ฮ่าฮ่าฮ่า แกก็ยังทำตัวหน้ามั่นใส้เหมือนเดิมเลยนะ เข้ามาก่อนสิ มาๆ"
อีกฝ่ายเชื้อเชิญอย่างเป็นมิตร เอลวิสไม่ได้พูดอะไร เขาจะรอมอร์แกนเดินเข้าไปก่อนแล้วเท่านั้น เขาจึงจะเดินตามไป
มอร์แกนก็ไม่ได้ชักช้าเดิน เท้าของเขาก้าวย่างเหยียบเข้าไปในประตูพร้อมก้าวพ้นมันไป เอลิวสก็เดินตามไปติดๆ
คนที่เป็นหัวหน้าพ่อบ้านทำความเคารพเอลวิสตามพิธีการหนึ่งครั้งก่อนจะเดินนำไป มอร์แกนก็เดินขนาบคู่คุยกับเขาไปตลอดทาง
ระหว่างที่เดินไปเอลวิสได้รับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับราชวังแห่งนี้ไม่น้อย เช่น องค์ชายคนไหนมีพรสวรรค์ องค์หญิงคนไหนนิสัยเป็นอย่างไรบ้าง รวมถึงได้รู้ชื่อของหัวหน้าพ่อบ้านอีกด้วย เขาชื่อว่า โอลิเวอร์ อืม รูปร่างดูไม่เข้ากับชื่อเท่าไหร่ อย่างไรก็ดี ต้องยอมรับว่าการที่โอลิเวอร์พูดมากขนาดนี้ก็เป็นประโยชน์ต่อเขา
เห็นได้ชัดว่าโอลิเวอร์ชอบพูดมากแค่ไหน เนื่องด้วยในราชวังการเป็นหัวหน้าพ่อบ้านก็ทำให้รู้ข้อมูลไม่น้อย เรื่องเม้ามอยก็มีให้พูดถึงมาก
ตอนนี้เอลวิสเดินตามหลังทั้งสองอย่างเงียบๆ หูพลางฟังที่พวกเขาพูดคุยเพื่อเก็บข้อมูล ดวงตาสองข้างก็สอดส่ายไปรอบๆเพื่อเยี่ยมชมพระราชวังแห่งนี้
ไม่ใช่ทุกคนจะมีโอกาสมาพระราชวังบ่อยๆ ถ้าเป็นคนธรรมดาโอกาสที่จะได้เข้ามาในที่แห่งนี้คงเป็นศูนย์ ถึงจะเป็นบุตรหลานชนชั้นสูงโอกาสแบบนี้ก็ไม่ได้มาเยี่ยมถึงประตูหน้าบ้านทุกวัน
อย่างไรก็ตามที่แห่งนี้ก็ทำเอลวิสตื่นตาตื่นใจไม่น้อย แค่โถงทางเดินก็ชวนให้ผู้คนรู้สึกตาลุกวาวได้แล้ว มันใหญ่โตและอลังการ เกือบทุกสิ่งล้วนถูกสร้างด้วยหินอ่อนและทองคำ ทำให้ในราชวังมีบรรยากาศที่ร่าเย็นแต่ยิ่งใหญ่ แค่โถงที่กำลังเดินอยู่ก็มีความกล้างพอให้คน6คนเดินแบบหน้ากระดานได้ ทุกๆที่ในราชวังประดับประดาด้วยรูปภาพล้ำค่าและเพชรพลอยที่สวยงาม
เมื่อเห็นของมีค่าเหล่านี้แล้วช่างชวนผู้คนให้หยิบจับและขโมยมันเสียจริง
แต่เอาเข้าจริงคงไม่มีใครกล้าทำเช่นนั้นเนื่องด้วยตลอดทางที่เดินมาทุกๆระยะทาง50เมตรจะมีทหารองครักษ์ประจำการอยู่ฝั่งขวาหนึ่งคนเสมอ
เดินมาเรื่อยๆเอลวิสได้เจอกับเด็กหนุ่มคนนึงอายุอานามน่าจะมากกว่าเขา3-4ปีได้ เด็กหนุ่มคนนั้นมีผมสีบรอนซ์ ดวงตาสีทับทิมผสมสีฟ้าจาง ทุกองค์ประกอบในใบหน้าถูกจัดสรรปันส่วนอย่างเหมาะสม รวมกับเสื้อผ้าที่สวมทับเป็นผ้าคลุมลวดลายหญิงสาวที่กำลังกระจายความสว่างออกจากตัวเธอ
นั้นคือเทพธิดาแห่งแสง! สัญลักษณ์แห่งอาณาจักรอครีเวีย ผู้มีสิทธิ์ในการสวมใส่ลวดลายนี้จำกัดไว้เพียงสายเลือดราชวงศ์!
คนตรงหน้าคือองค์ชายแห่งอาณาจักรอครีเวียแห่งนี้!
ด้านหลังขององค์ชายผู้นั้นยังมีผู้รับใช้ตามติดอีกสองคน หนึ่งคนเป็นชายดูแข็งแรงกำยำสวมใส่ชุดอัศวิน อีกหนึ่งเป็นหญิงสาวสวมชุดแม่บ้านมีท่าท่างเรียบร้อย
แต่แม้กระทั่งคนติดตามทั้งสองใบหน้าก็ยังนับว่าเข้าขั้น เรียกได้ว่าพอรวมทุกองค์ประกอบเข้ากัน พลันขันเน้นให้องค์ชายที่เดินข้างหน้าสุดดูมีสง่าราศีมากขึ้น
ภาพทั้งหมดราวกับอยู่บนสรวงสวรรค์ และมีเทพบุตรหนึ่งองค์กำลังโลดแล่นอยู่บนนั้น การก้าวเดินแต่ละก้าวของเขาก็ราวกับกำลังเหาะลอยไม่ใช่การเยื่องก้าวเช่นคนปกติ
เอลวิสปรายตามอง คนผู้นี้นับว่าดูดีอย่างยิ่ง งดงามจนผู้คนรู้สึกยากจะจับต้อง แม้แต่ตัวเขาเองก็จะดูสลดและอับแสงถ้าให้ยืนเทียบกับคนผู้นี้
มอร์แกนและโอลิเวอร์คุกเข่าลงทำความเคารพ
"น้อมเคารพเจ้าชายสี่" ทั้งสองพูดพร้อมกัน
เอลวิสเอามือไว้ที่อกพร้อมค่อมตัวต่ำลง60องศา
ตามบทบัญญัติของอาณาจักรนี้นั้นชนชั้นสูงจะไม่คุกเข่าเคารพสายเลือดราชวงศ์ เว้นแต่สายเลือดนั้นจะเป็นจักรพรรดิในสมัยนั้นแล้วเท่านั้น มอร์แกนและโอลิเวอร์แม้ทั้งคู่จะแข็งแกร่งมีอำนาจและมีตำแหน่งที่สูงส่ง แต่ทั้งคู่ยังไม่ถือว่าเป็นชนชั้นสูงจึงยังต้องคุกเข่าอยู่
องค์ชายเพียงเพียงหยักหน้าตอบรับทั้งสองคนที่คุกเข่า พร้อมทำมือว่าให้ลุกขึ้นได้ เขาเห็นหน้ามามองทางเอลวิสพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่มีบารมีแฝงว่า
"เจ้ามาจากตระกูลเฮลฟอร์ดรึ ข้าจำไม่ได้ว่ามีสายเลือดตระกูลของตระกูลใดจะมาทดสอบคุณสมบัติเวทย์มนต์วันนี้นี่" เจ้าชายสี่ถาม ในน้ำเสียงนั้นมีความสงสัยปนอยู่เล็กน้อย เขาไม่รู้จักเด็กน้อย แต่เขาจำมอร์แกนได้ คนอย่างมอร์แกนมีอำนาจพอจะเป็นขุนนางแต่เขากลับเลือกไปรับใช้คนอื่น ทำให้เป็นเรื่องซุบซิบทั่วไปของเหล่าขุนนาง ทั้งเขาเองก็เจอมอร์แกนหลายครั้ง
ตระกูลเฮลฟอร์ดค่อนข้างมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา หลานทั้งสามคนก็เขาก็ล้วนเคยเห็นผ่านตามาแล้ว แต่เด็กคนนี้นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบ
"ทางรางวังคงเห็นว่าไม่ใช่เรื่องที่สำคัญมากนักจึงไม่ได้ประกาศ อีกทั้งกระหม่อมก็ไม่ได้เป็นคนที่ท่านเอิร์ลเฮลฟอร์ดโปรดปราน จึงไม่ได้มีพิธีที่ใหญ่โตอะไร"เอลวิสตอบพร้อมค่อมต่ำเหมือนเดิม เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ ไม่มีความรู้สึกๆใดในคำพูดนั้นเลย
เจ้าชายสี่ เลิกคิ้ว มองเอลวิสอีกครั้งอย่างพิจารณาพลางคิด
'เด็กคนนี้น่าสนใจ แม้จะไม่ได้รับการโปรดปรานจากตระกูลแต่ในน้ำเสียงกลับไม่มีความอิจฉาหรือน้อยใจเลย ถ้าเป็นคนที่อายุ15ปีขึ้นไปคงไม่น่าแปลกใจ แต่สิ่งนี้มาจากเด็กอายุ 10ขวบเท่านั้น'
หลังจบคิดเสร็จมุมปากของเจ้าชายสี่พลันยิ้มขึ้น พร้อมเปล่งเสียงคำถามออกมา
"เจ้าชื่ออะไร เป็นหลานคนที่เท่าไหร่ของเอิร์ลเฮลฟอร์ด"
"กระหม่อมชื่อเอลวิส เป็นหลานคนที่4ซึ่งเป็นคนสุดท้ายขอรับ" เอลวิสยังคงตอบด้วยน้ำเสียงไร้ความรู้สึก
มันเป็นน้ำเสียงที่ผู้คนฟังแล้วไม่ได้รู้สีกแย่หรือดี ไม่ได้ว่างเปล่าจนไม่น่าคุย แต่ก็ไม่ได้มีอารมณ์ร่วมกับการสนทนา
เจ้าชายสี่พยักหน้า เขาเดินผ่านเอลวิสไป แต่ก่อนที่ร่างของเขาจะลับสายตาไป กลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
"ข้าจะจำชื่อของเจ้าไว้ เอลวิส เฮลฟอร์ด"
ความคิดเห็น