คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 8 ถึงวังหลวง
ใครจะรู้ได้ อาจมีสักวันที่เขาแข็งแกร่งเหมือนมนุษย์ในตำนานอย่างหลังนั้นก็ได้
.
.
.
.
หลังจากเหตุการณ์ที่เอลวิสต่อสู้กับหมาป่าขนเงินก็ผ่านมาสองวันแล้ว ตอนนี้รถม้าของเขากำลังเดินทางในเมืองที่ดูคึกคักไปด้วยชีวิตชีวา ทุกสิ่งก่อสร้างเต็มไปด้วยอารยธรรมที่ดูเรียบๆแต่สวยงาม วัสดุที่ใช้ก่อสร้างส่วนใหญ่เต็มไปด้วยหินหรือหินอ่อน
ที่นี่คือเมืองหลวงแห่งอาณาจักรอครีเวียทุกคนต่างใฝ่ฝันว่าจะมาเยือนเมืองแห่งนี้ได้สักครั้ง
เมืองแห่งนี้มีลักษณะเป็นวงกลม ราชวังจะอยู่ศูนย์กลางของเมืองทั้งหมดแต่ไม่ได้มีการแบ่งนอกเหนือจากนี้ ทั่วทั้งเมืองจะแบ่งแค่พระราชวัง และพื้นที่ทั่วไปเท่านั้น ชนชั้นสูงอื่นๆไม่ได้รับอภิสิทธิ์ในการอาศัยอยู่ในเมืองหลวงฟรียกเว้นพวกเขาจะเช่าที่อยู่อาศัยเอง
รถม้าสัญจรไปทั่วเอลวิสเปิดหน้าต่างมองอย่างสนใจ นี่แทบจะเป็นไม่กี่ครั้งในชีวิตที่เขาได้ออกมาจากคฤหาสน์ตระกูลเฮลฟอร์ด การมองผู้คนสัญจรค้าขายกันก็ดูมีชีวิตชีวาไม่น้อย สายตาของเขาราวกับเด็กที่สนใจในทุกสิ่งไปซะหมด
แต่ในตอนนั้นสายตาของเอลวิสพลันเหลือบไปเห็นสิ่งปลูกสร้างนึงขึ้นมา มันมีลักษณะเป็นตึกไม้ที่มีความสูง2ชั้น ตรงหน้าประตูทางเข้ามีป้ายที่ทำจากมรกตแขวนไว้ว่า 'กิลล์นักผจญภัย' มีผู้คนเข้าออกสถานที่นั้นเกือบตลอดเวลา ทั้งผู้คนที่เข้าออกก็มีลักษณะที่แตกต่างจากคนอื่นที่อยู่ในเมืองทั่วไป
พวกที่เดินเข้าออกนั้นมักจะสวมชุดเกราะที่ดูแข็งแรงทนทาน ถือดาบหรือคฑาไว้ในมือ เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้คือนักผจญภัย
ตามหนังสือที่เอลวิสเคยอ่านนักผจญภัยมีการแบ่งระดับตามความแข็งแกร่งเดียวกันกับการแบ่งพลังคือแรงค์ F ถึง S แต่หากกล่าวตามจริงผู้ทรงพลังที่สุดในกิลล์ก็แล้วแต่ว่ามันอยู่ในเมืองไหน มีคำกล่าวขานว่าที่ศูนย์ใหญ่ของกิลล์ทั้งหมดมีผู้ครองตราลูซินดา(แรงค์ S)อยู่ถึงสองคน
อย่างเมืองหลวงนี้คงมีผู้ครองตรามรกต(แรงค์ A)สูงสุดประจำการอยู่ละมั้ง ในพื้นที่การปกครองของเอิร์ลเฮลฟอร์ดก็มีกิลล์นักผจญภัยอยู่เช่นกันที่ นั้นมีผู้ครองตราทองคำ(แรงค์B)ที่แข็งแกร่งคนนึงประจำอยู่ นับว่าเป็นการคัานอำนาจไม่ให้ขุนนางทำอะไรบุ่มบ่ามเกินไปได้ดีทีเดียว
ทางอาณาจักรก็ไม่ชอบใจที่มีขุมกำลังอื่นอยู่ แต่จะให้ไปขัดแข้งขาของนักผจญภัยแรงค์Sสองคนคงไม่ไหว พวกเขาจึงเลือกที่จะปิดตาไปข้างนึง ทำเป็นมองไม่เห็นไป
เอลวิสคิดอะไรเรื่อยเปื่อย รถม้ายังคงแล่นไปเรื่อยๆอย่างไม่หยุดหย่อน ถนนที่คนสัญจรพลุกพล่านก็เริ่มหายไปจากขอบของสายตา ถนนเริ่มเงียบสงบลง เอลวิสสังเกตุว่าทันทีที่เขาพ้นรั่วสีทองทุกอย่างก็ดูเงียบไปหมด
'นี่คงเป็นเขตราชวังแล้ว'
เอลวิสคิด ในที่สุดเขาก็มาถึงระหว่างที่เดินทางเขาฝึกฝนไปหลายครั้ง หากเปรียบเทียบกันเขาคงแข็งแกร่งกว่าตอนที่สู้กับหมาป่าขนเงินประมาณครึ่งเท่าหรือ 50%ได้
หากมีอาวุธหมาป่าขนเงินจะไม่ใช่อันตรายที่ร้ายแรงสำหรับเขาอีก
ที่การพัฒนามันรวดเร็วขนาดนี้คงเป็นเพราะมันยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้น ดังคำกล่าวที่ในโลกของเขาว่า 'ยิ่งปีนขึ้นไปสูง ยิ่งยากจะปีนต่อ' หรือก็คือมันจะลำบากในตอนหลังละนะ
เอลวิสไม่ใส่ใจมากนัก เขารู้ว่าในตอนนี้มันยังห่างไกลเกินไป เขาแค่ต้องทำปัจจุบันให้ดีที่สุดก็พอแล้ว
พอพูดถึงปัจจุบันตอนนี้รถม้าของเขาก็หยุดลงบริเวณหน้าพระราชวังที่ใหญ่โต มันใหญ่มากพอที่จะจุคนนับหมื่นเข้าไปได้
เอลวิสเดินลงจากรถม้า เห็นมอร์แกนยืนรออยู่ตรงนั้นก่อนแล้ว
เขาเดินลงไปหามอร์แกนและพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงด้วยความเคารพเล็กน้อย
"นำทางไปเลยท่านมอร์แกน"
มอร์แกนหยักหน้าแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เขาเดินนำเอลวิสเข้าไปยังพระราชวังที่ใหญ่โต
เอลวิสก็เดินตามไปเช่นกัน อันที่จริงเขารู้ว่าต้องไปที่ไหน ทำอะไร และอย่างไรด้วยซ้ำ
ในกฎบัญญัติที่อาณาจักรประกาศไว้ระบุค่อนข้างชัดเจน อีกทั้งจากคำบอกเล่าปากต่อปากของเหล่าชนชั้นสูง มันจึงเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไป หากไม่ใช่คนหูหนวกตาบอดย่อมรู้ได้อย่างไม่ยากเย็น
ในการทดสอบนั้นที่จริงมันแค่ในเชิงพิธีการเท่านั้น ลูกหลานของเหล่าชนชั้นสูงต่างทดสอบกันมาล่วงหน้าหมดแล้วทั้งสิ้น คงมีแค่เอลวิสกับเด็กที่ตระกูลไม่ใยดีไม่กี่คนเท่านั้นถึงจะได้มาทดสอบแล้วรู้ที่นี่เลย
การทดสอบแบ่งเป็นสามส่วน
หนึ่ง ทดสอบพลังเวทย์
สอง ทดสอบพลังธาตุ
สาม ทดสอบประสิทธิภาพพลังเวทย์
อันสุดท้ายอาจฟังดูเข้าใจยากแต่ตามจริงมันคือการทดสอบ 'พรสวรรค์' ด้านเวทย์มนต์นั้นแหละ
การทดสอบนั้นมีวิธีที่ค่อนข้างง่าย แค่ไปยืนอยู่เฉยๆให้ได้รับการตรวจสอบผ่านวงเวทย์โบราณที่อาณาจักรรักษาเอาไว้ มันก็จะบอกถึงประสิทธิภาพ ปริมาณ และธาตุ
ทุกครั้งจะรู้ผลในสองวัน หรือก็คือเอลวิสต้องอยู่ในราชวังแห่งนี้อีกสองวันนั้นเอง
การรอสองวันคือดาบสองคม แต่มีบางคนบอกว่าผลออกมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แค่ทางราชวังไม่ยอมบอกและยื้อเวลาออกไป
เพื่อให้เหล่าองค์ชาย องค์หญิง หรือชนชั้นสูงอื่นๆสามารถมาทำความรู้จักกับเหล่าราชวงศ์ตั้งแต่ยังเล็ก ในอนาคตจะได้ไม่คิดก่อนกบฏ นับว่าเป็นการยิ่งปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยทีเดียว
ได้รู้จักทั้งพรสวรรค์ และได้สายสัมพันธ์
นับว่าคนที่คิดกฎนี้ขึ้นมาช่างชาญฉลาดและหลักแหลมยิ่ง
กลับมาปัจจุบัน เอลวิสหยุดการเหม่อลอยของเขาหลังจากเห็นว่ามอร์แกนหยุดยืนอยู่ข้างหน้ากระตูทางเข้า ตัวของประตูทำด้วยเหล็กประดับด้วยเพชรนินจินดาล้อมรอบ ตัวของประตูเองก็มีความสูงถึง 4 เมตรเลยทีเดียว
เอลวิสหยุดรอเงียบๆ เขาเห็นมอร์แกนนำมือออกไปวาดวงเวทย์บางอย่างที่เขาไม่เข้าใจลงไปบนประตู หลังจากนั้นมอร์แกนก็ไม่ทำอะไรอีก เมื่อเห็นว่ามอร์แกนไม่ทำอะไรอีก เอลวิสจึงทำเช่นกัน ทั้งสองแค่ยืนรอหน้าทางเข้าพระราชวังที่ใหญ่โตอย่างเงียบๆเท่านั้น
ไม่ถึงสิบนาทีผ่านไป ปรากฎเสียงที่ออกแก่ชราอยู่บ้างลอยออกมา
"ว่าไงมอร์แกน ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ สัก3ปีได้รึยังนะ"
ตามมาจากเสียงนั้นประตูที่อยู่ข้างหน้าของทั้งสองก็เปิดออก เผยให้เห็นเจ้าของเสียงที่ทักทายมอร์แกนนั้นเอง
เอลวิสนึกออก เขาคนนี้หัวหน้าพ่อบ้านของราชวังแห่งนี้ เขามีพลังแข็งแกร่งเป็นถึงผู้ครองตราทองคำ(แรงค์B)สูงสุด!
แต่รูปลักษณ์ของเขาดูไม่เหมือนจะแข็งแกร่งมากนัก จากที่เอลวิสเห็นชายชราคนนี้มีหูกว้างปากใหญ่ดวงตาสีดำสนิท รูปร่างผอมบางดูกระหร่องกระเหรงอยู่ ตอนนี้พอเขายิ้มก็ชวนให้ผู้คนรู้สึกขนลุกไม่น้อย
ไม่รู้ว่าทำไมทางราชวังถึงให้คนๆนี้เป็นหัวหน้าพ่อบ้าน เห็นได้เลยว่ามอร์แกนยังดูดีกว่าหลายขุม อย่างไรก็ตามนี่เป็นสิ่งที่เอลวิสคิดเท่านั้นเขาไม่กล้าพูดมันออกมา
ตอนนี้มอร์แกนเองเมื่อมีคนทักทายมาจึงยิ้ม และตอบกลับไป
"ใช่ นานจริงๆ แต่คงแค่สองปีไม่ถึงสามหรอก แล้วก็หน้าของแกยังทำฉันขนลุกเหมือนเดิมเลยนะ"
ความคิดเห็น