ตอนที่ 1 : อารัมภบท
ลึกเข้าไปในป่าสนรกทึบ ท้องนภาสีดำถูกแต่งแต้มด้วยแสงสว่างจากหมู่ดาว พระจันทร์เต็มดวงที่โดดเด่นอยู่บนผืนฟ้าเป็นเพียงสิ่งเดียวที่มอบแสงสว่างให้พื้นโลก สายลมอ่อนพัดโชยเป็นระยะจนหมู่มวลใบไม้พัดไหวไปมา เหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลายที่ใช้ชีวิตมาทั้งวันต่างพากันกลับเข้ารัง มีเพียงเสียงจิ้งหรีดร้องระงมก้องป่าที่ไม่ทำให้ทุกสิ่งเงียบเหงาเกินไป เพราะนี่เป็นช่วงเวลายามดึกที่สิ่งมีชีวิตต่างพากันกลับรังเพื่อพักผ่อน
แต่สำหรับสิ่งมีชีวิตที่เป็นผู้ล่าราตรี...มันคือช่วงเวลาออกล่า
ชายหนุ่มปริศนาที่ใส่ชุดสีดำตั้งแต่หัวจรดเท้าเดินเข้าไปในป่า กลุ่มผมสีดำขลับยาวถึงเอวของเขาถูกรวบขึ้นเป็นทรงหางม้า รังสีทะมึนแผ่ซ่านออกมารอบกายอย่างน่าเกรงขาม สีหน้าของคนผู้นี้เรียบนิ่งในขณะสาวเท้าไปในป่ารกทึบ เดินผ่านต้นไม้ต้นแล้วต้นเล่าอย่างไม่รีบเร่ง เขาไม่แม้แต่จะหวั่นความมืดที่มีแต่จะเพิ่มพูนขึ้นในทุกฝีก้าว ทำเพียงเดินเข้าไปในถิ่นของสัตว์ดุร้ายด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
โดยหารู้ไม่ว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาของบางอย่าง..
อีกาดำตัวหนึ่งที่เกาะอยู่บนยอดไม้สูงลิบมองลงมาด้านล่าง นัยน์ตาสีแดงเลือดของมันจ้องผู้บุกรุกอย่างไม่วางตา ก่อนที่สัญชาตญาณจะทำให้มันบินโฉบลงมาทันทีด้วยความเร็วสูงจนมองตามไม่ทัน แล้วร่างของนกกาสีดำสนิทก็กลายเป็นวิหคเพลิงในบัดดล เปลวไฟสีแสดที่ลุกโชนทั่วกายของนกไฟส่องแสงไปทั่วผืนป่า มันจงใจใช้กรงเล็บอันแหลมคมโฉบลงมาหาบริเวณศีรษะของมนุษย์คนนี้ หมายจะกระชากสมองมากินเป็นอาหาร
ทว่ามันคงไม่รู้ว่าเหยื่อรายนี้...ไม่ใช่มนุษย์เสียหน่อย
'หมับ!'
“..เจ้าจู่โจมช้าเกินไป” นัมจุนว่าขึ้นพร้อมกับใช้มือจับนกเพลิงไว้แน่นด้วยมือข้างเดียว เขาหยุดมันไว้ได้ภายในเสี้ยววินาที ร่างกายที่ถูกสร้างจากเปลวไฟไม่ได้ทำให้ฝ่ามือรู้สึกแสบร้อนแต่อย่างใด สีหน้าของเขายังคงเรียบนิ่งสนิทอย่างไม่สะทกสะท้าน ทว่าแววตาคู่นั้นกำลังแสดงความรำคาญอย่างเห็นได้ชัดแจ้ง ทันทีที่เจ้านกไฟได้ยินเสียงทุ้มเย็นเยียบอันคุ้นเคยก็หยุดดิ้นแล้วชะงักไปทันที มันกลายร่างกลับเป็นเพียงอีกาดำดังเดิม ก่อนจะค่อยๆ หันไปสบตากับผู้เป็นเจ้านายที่มองอยู่ก่อนแล้ว
“บอกแล้วใช่ไหม...ว่าหากมีมนุษย์เข้ามาที่นี่ ให้ใช้จะงอยกระชากเอ็นหัวใจมันออกมา มิใช่จู่โจมทางศีรษะ” ชายหนุ่มเอ่ยเชิงตำหนิ มือหนาบีบนกในกำมือแน่นขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่ก็ทำให้มันกรีดร้องออกมาราวกับกระดูกจะแตกเป็นเสี่ยงๆ “อย่าตะกละจนเกินเหตุ”
แม้นํ้าเสียงของนัมจุนจะเรียบเฉย แต่แววตาสงบนิ่งที่แอบแฝงความไม่พอใจไว้ก็ทำให้เจ้านกกาตัวสั่นสะท้านได้ไม่ยากนัก มันรู้ดีว่าหากเจ้านายกริ้วโกรธ...อะไรจะเกิดขึ้น
อีกาน้อยได้แต่เพียงก้มหน้าลงที่โดนดุ เมื่อครู่นัมจุนได้สะกดพลังของตัวเองไว้ ทำให้มันเข้าใจผิดคิดว่าเจ้านายเป็นมนุษย์ เลยบังอาจพุ่งเข้าจู่โจมโดยไม่ทันได้ไตร่ตรองใดๆ แม้ว่านัมจุนจะจงใจทำแบบนั้นเพื่อเปิดโอกาสให้มันโจมตีใส่ หมายจะทดสอบพลังของอีกาตัวนี้หลังจากที่ไม่ได้เจอกันหลายทศวรรษ แต่เจ้านกกาก็รู้สึกผิดอยู่ดี
“แล้วหน้าที่ของเจ้าเล่า เป็นอย่างไรบ้าง” นัมจุนเอ่ยถามเสียงนิ่ง อีกาดำบินไปเกาะบนไหล่กว้างของผู้เป็นนายก่อนผงกหัว เป็นเชิงบอกว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี
เจ้านกกาตัวนี้ได้รับมอบหมายภารกิจให้ปกปักรักษาบางอย่างที่ถูกซ่อนไว้ผืนป่าแห่งนี้ อีกาผู้จงรักภักดีอย่างมันจึงต้องกำจัดทุกคนที่เข้ามาบุกรุกที่นี่ ขณะที่ผู้เป็นนายอย่างนัมจุนก็แวะเวียนมาตรวจสอบความเรียบร้อยในทุกๆ ห้าทศวรรษ อันที่จริงนัมจุนก็ได้ร่ายอาคมคุ้มครองสถานที่แห่งนี้ไว้แล้ว ทั้งยังเสกกำแพงล่องหนขึ้นมาอีกชั้น หากแต่เพื่อความแน่ใจว่าสิ่งที่ตนซ่อนไว้จะปลอดภัย จึงต้องให้สัตว์เลี้ยงผู้เป็นอีกาปีศาจอย่างซองซูมาทำหน้าที่อารักขาป่านี้ไว้
“มีมารโผล่เข้ามาบ้างหรือไม่” นัมจุนเอ่ยถามคำถามที่สำคัญที่สุดด้วยเสียงเย็นเยียบ จุดประสงค์หลักในการสร้างปราการหลายชั้นก็เพื่อไม่ให้มารฝ่ายศัตรูเข้ามาในที่แห่งนี้
ซองซูนิ่งไป ก่อนพยักหน้ารับเป็นคำตอบ จริงอยู่ที่มีมารจำนวนมากเข้ามาในเขตหวงห้ามโดยไม่รู้ตัว...หากแต่ซองซูก็กำจัดพวกมันไปจนหมดสิ้นแล้ว
จะให้ใครก็ตามรู้ไม่ได้...ว่าในป่านี้มีอะไรซ่อนอยู่
นัมจุนไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้นอีก ขายาวพาร่างสูงโปร่งของตัวเองเดินลึกเข้าไป ก้าวเดินไปเป็นจังหวะอย่างมั่นคงจวบจนถึงใจกลางป่า ก่อนจะหยุดยืนอยู่กับที่ ดวงตาสีดำขลับจ้องพื้นดินตรงหน้าราวกับจะมองทะลุลงไปในนั้น แขนทั้งสองข้างที่แนบลำตัวถูกยกขึ้นมาหงายมือ เขาเกร็งข้อนิ้วเล็กน้อยแล้วค่อยๆ ยกมือทั้งสองขึ้นมาเป็นแนวตรง แล้วก้อนดินทั้งหลายที่อยู่ตรงหน้าก็ลอยขึ้นมาในอากาศโดยพลันราวกับสั่งได้ เม็ดดินเล็กใหญ่นับหมื่นที่ทับถมกันเป็นชั้นๆ ลอยตัวขึ้นมาในอากาศ ยิ่งนัมจุนยกมือสูงขึ้นเท่าใด พื้นดินตรงหน้าก็ยกตัวสูงขึ้นมากเท่านั้น เสียงผืนธรณีที่ถูกยกขึ้นดังคล้ายแผ่นดินไหวไปทั่วบริเวณ
เมื่อก้อนดินเม็ดทรายในบริเวณตรงหน้าทั้งหลายถูกยกขึ้นมาในอากาศ ก็ปรากฎให้เห็นสิ่งที่ถูกซ่อนไว้ใต้ดินของป่าผืนนี้มานานนับร้อยปี มันมีลักษณะคล้ายหีบสีดำที่มีขนาดยาว และถึงแม้ว่ามันจะถูกพื้นดินกลบฝังมานานนับศตวรรษ สภาพของมันก็ยังคงดูใหม่เอี่ยมด้วยอาคมของจอมมาร
ก้อนดินเล็กๆ นับล้านที่ถูกยกขึ้นมาในอากาศพลันหยุดชะงักทันทีที่นัมจุนหยุดมือตัวเองค้างไว้ ตอนนี้มือทั้งสองที่แบออกของเขาอยู่ในระดับเหนือศีรษะไปเล็กน้อย จอมมารเก็บมือข้างซ้ายไปวางไว้แนบลำตัว ก่อนที่มือขวาจะค่อยๆ กำเข้าหากันแน่น ทำให้เม็ดดินมากมายที่อยู่ในอากาศค่อยๆ ลอยเข้ามารวมตัวกันเป็นก้อนใหญ่ขนาดมหึมา นัมจุนมองดินก้อนยักษ์ตรงหน้าด้วยแววตาเรียบเฉยเช่นเดิม ก่อนที่เขาจะใช้มือขวาดีดนิ้วดังเป๊าะ แล้วก้อนดินก็สลายหายไปในชั่วพริบตา เหลือเพียงเศษกรวดทรายเล็กๆ ที่ร่วงหล่นลงมากระทบบนหีบยาวสีดำ
นัมจุนนั่งคุกเข่าลงข้างๆสิ่งของที่มีลักษณะเหมือนหีบยาว ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกทางริมฝีปากนิดๆทำให้เศษกรวดทรายเล็กๆ บนฝาหีบก็กระเด็นออกไปจนหมดเกลี้ยง
สิ่งของชิ้นนี้...คือโลงไม้สีดำที่ถูกสลักลวดลายด้วยทองคำเปลว มันถูกสร้างขึ้นมาอย่างปราณีตงดงามให้สมฐานะกับร่างของผู้ที่นอนอยู่ด้านในนั้น
หากจะเรียกมันว่าโลงศพ...ก็คงไม่ผิดนัก
นัมจุนค่อยๆ วางฝ่ามือลงบนฝาโลง ทันใดนั้นลวดลายทองคำที่ถูกสลักบนโลงก็เปล่งแสงเรืองรองออกมา เสมือนเป็นการกล่าวต้อนรับผู้ที่สร้างมันขึ้นมา แต่หากผู้ที่สัมผัสโลงนี้มิใช่นัมจุน...อาคมที่ถูกปลุกเสกไว้บนโลงก็จะกำจัดคนผู้นั้นทันที
เขาค่อยๆ ยกฝาโลงขึ้นแล้วเปิดมันออก เผยให้เห็นร่างของผู้ที่กำลังหลับใหลอยู่ด้านใน คนผู้นี้ประสานฝ่ามือทั้งสองไว้บนกลางอก เขามีใบหน้าที่งดงามประดุจรูปสลัก อวัยวะทุกอย่างบนใบหน้าเหมือนถูกสร้างขึ้นมาอย่างปราณีต คิ้วโก่งราวกับคันศร แพขนตายาวเรียงตัวกันอย่างสวยงาม จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากบางได้รูป สัดส่วนทุกอย่างดูลงตัวไปเสียหมด จนมิอาจปฏิเสธได้เลยว่าชายผู้นี้หล่อเหลาเพียงใด
มือหนาของจอมมารที่แสนเย็นชาล้วงเข้าไปในปกเสื้อสีดำของตน เขาหยิบอะไรบางอย่างออกมาแล้วแบมือออกลูกไฟเล็กๆ สีขาวที่ส่องสว่างเหมือนหิ่งห้อยลอยเด่นอยู่เหนือฝ่ามือเขา มันเป็นลูกไฟที่มีไอสีดำสนิทห้อมล้อมเอาไว้แสงสว่างจากมันทำให้ผืนป่าที่มืดมิดดูสว่างขึ้นมาทันตา รังสีความชั่วร้ายของมันมีมากล้นจนนัมจุนต้องเลียริมฝีปากมันคือดวงวิญญาณอันชั่วร้ายของมนุษย์ที่นัมจุนเป็นคนสังหารเองกับมือ...และกำลังจะกลายเป็นอาหารอันโอชะของมาร
มนุษย์ทุกคนล้วนมีลูกไฟวิญญาณซ่อนอยู่ในหัวใจ ยิ่งมนุษย์ผู้เป็นเจ้าของดวงวิญญาณนี้ทำเรื่องเลวทรามไว้มากเท่าไหร่ ดวงวิญญาณก็จะให้พลังแก่มารมากขึ้นเท่านั้น ครานี้นัมจุนไปควักหัวใจของชายผู้มีประวัติความชั่วมากที่สุดคนหนึ่งในเมืองออกมาทั้งเป็น ก่อนจะบีบมันให้แตกละเอียดคามือ แล้วนำดวงวิญญาณของเขามาเป็นอาหารสำหรับฟื้นฟูพลังของผู้ที่หลับใหลอยู่ในโลงนี้
ด้วยความที่มารดำรงอยู่ได้โดยมีดวงวิญญาณชั่วร้ายของมนุษย์เป็นอาหาร จึงเป็นเหตุที่ทำให้เหล่ามนุษย์ต่างหวาดกลัวมารยิ่งกว่าสิ่งใด
หากจะกล่าวว่ามารเป็นจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร ก็ไม่ผิดนัก
นัมจุนใช้มือข้างที่ยังว่างอยู่เปิดริมฝีปากของอีกฝ่ายออก ก่อนจะป้อนลูกไฟสีดำให้เข้าไปในปากของผู้ที่ยังคงอยู่ในห้วงนิทรา มันหายเข้าไปในร่างของชายรูปงาม อานุภาพความชั่วร้ายของลูกไฟวิญญาณค่อยๆ แทรกซึมฟื้นฟูร่างกายที่หลับใหลมานานกว่าร้อยปี ปลายนิ้วที่ประสานอยู่บนหน้าอกกระตุกเบาๆ จนในที่สุดเปลือกตาบางก็เปิดขึ้นมาเป็นครั้งแรกในรอบศตวรรษ
นัมจุนโค้งตัวทำความเคารพอีกฝ่ายอย่างนอบน้อมทันที “คารวะนายท่าน”
แทฮยองลุกขึ้นมานั่งอย่างเชื่องช้า แขนข้างหนึ่งวางไว้บนขอบโลง ดวงตาสีนํ้าตาลทองมองขึ้นไปยังหมู่ดาวมากมายบนผืนฟ้า สายลมอ่อนๆ ยามดึกพัดมาจนเรือนผมยาวสลวยปลิวสะบัดไปตามแรง แววตาคู่นั้นสงบเยือกเย็น เขาหันกลับมาปรายตามองผู้ที่มีตำแหน่งเป็นมือขวาอย่างนัมจุน
“ข้าหลับไปนานแค่ไหน”
“หนึ่งร้อยสิบสองปีขอรับ”
แทฮยองยิ้มบาง “เจ้าคงเหนื่อยที่ต้องดูแลข้ามาโดยตลอด...ต้องขอโทษด้วยจริงๆ”
“ความจริง...ซองซูเป็นผู้ดูแลความปลอดภัยของท่าน หาใช่ข้าน้อย” นัมจุนเอ่ยเสียงนิ่ง ผู้มีศักดิ์เป็นนายเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนเบนสายตาไปมองนกกาบนไหล่กว้างของชายชุดดำ มันกำลังก้มหัวให้เขาอย่างนอบน้อมอย่างเกร็งๆ อยู่เช่นกัน
“ซองซู ลำบากเจ้าแย่เลยสิ” แทฮยองคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน นั่นทำให้ชายคนนี้ดูดีขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว ซึ่งเจ้านกกาเองที่กำลังตัวสั่นด้วยความประหม่าก็อยากจะเชื่อว่ามันเป็นรอยยิ้มที่บริสุทธิ์จริงใจ
หากแต่แท้จริงแล้วมันก็รู้อยู่แก่ใจ...ว่ามันเป็นแค่รอยยิ้มอาบยาพิษ
ชายผู้นี้เป็นประเภทที่แม้ปากจะฉีกยิ้มละมุน ถ้อยคำที่พูดอ่อนหวานดุจนํ้าผึ้ง ทว่ามันก็เป็นได้เพียงกับดักให้ผู้อื่นหลงเชื่อเท่านั้น ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้เห็นรอยยิ้มของแทฮยองเป็นครั้งแรกต่างก็ต้องหลงใหล แต่เมื่อได้เห็นมันเป็นครั้งที่สอง...ก็จะได้ทราบว่าแท้จริงแล้วมันคือรอยยิ้มอาฆาตแสนอันตราย แม้เขาจะเผยยิ้มอย่างนุ่มนวล แต่ในใจกลับคิดสังหารไปแล้วพันตลบ แม้ถ้อยคำที่ใช้พูดจะอ่อนหวานนอบน้อม แต่ในใจกลับสาปแช่งและพร้อมจะฆ่าใครก็ตามได้เสมอหากทำให้ไม่พอใจ เป็นคนเดาใจยากมากถึงมากที่สุด ไม่ว่าใครก็มิอาจคาดเดาความคิดของจอมมารตนนี้ได้แม้สักนิด
เขาเป็นบุคคลที่อำมหิต...และไม่น่าไว้ใจอย่างถึงที่สุด
ซองซูเคยคิดว่าเจ้านายของมันอย่างนัมจุนน่าเกรงขามที่สุดแล้ว...ทว่ากระทั่งมารเลือดเย็นอย่างนัมจุนยังไม่อาจสู้ความน่ากลัวของพญามารผู้โหดเหี้ยมอย่างแทฮยองได้เลย
“เพื่อเป็นการตอบแทนที่เจ้าอุตส่าห์เฝ้าข้าเป็นเวลานับศตวรรษ --นัมจุน อย่าลืมไปหาสมองมนุษย์มาให้นกของเจ้าล่ะ เป็นสมองของจักรพรรดิได้ยิ่งดี เห็นทีครานี้ข้าจะต้องมอบรางวัลใหญ่ให้กับซองซูเสียแล้ว” จอมมารว่ายิ้มๆ โดยที่ผู้เป็นมือขวาของเขาก็ตอบรับอย่าไงไม่อิดออด
“น้อมรับคำสั่งขอรับ”
ซองซูแอบร้องดีใจที่ตนจะได้กินของโปรด ถึงแม้ว่าแทฮยองจะโหดร้ายสักเพียงใด...เขาก็ยังมีนํ้าใจต่อบริวารผู้จงรักภักดีต่อเขาเสมอ
มันจึงทำให้ซองซูมิบังอาจคิดทรยศแทฮยองได้เลยแม้แต่น้อย...เพราะชะตากรรมของผู้ที่หักหลังชายคนนี้ต้องเป็นอย่างไร มันย่อมรู้ดีที่สุด หากไม่ถูกจับไปบดกระดูกให้แหลกเป็นผุยผง ก็อาจถูกแยกอวัยวะทั้งสามสิบสองออกมาทีละชิ้นส่วน หรืออาจโดนจับไปโยนให้หมู่มวลมดนับหมื่นแสนกัดกินเนื้อจนตาย ไม่ก็โดนหมื่นศรแทงทะลุร่างจนไม่เหลือแม้แต่ซากศพ เหมือนอย่างที่เขาเคยทำกับอดีตลูกสมุน
ชื่อเสียงที่เลื่องลือในด้านความโหดเหี้ยมทำให้ไม่มีมารตนใดที่ไม่รู้จักแทฮยอง พญามารแห่งแดนบูรพาเลยสักตน
“เจ้าปลุกข้าเร็วกว่ากำหนดไปหลายปี” แทฮยองหันไปเอ่ยกับนัมจุน “มีอะไรเร่งด่วนงั้นหรือ”
จอมมารชุดดำเงียบไปจนผู้เป็นนายขมวดคิ้วนิดๆ แม้ว่านัมจุนจะเงียบขรึมเฉยชาโดยกมลสันดาน แต่ครานี้แทฮยองกลับสัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่างในแววตาที่นิ่งสนิทของอีกฝ่าย “..มีกระไรก็ว่ามา”
นัมจุนยังคงนิ่งเงียบ ก่อนจะเปิดริมฝีปากเอื้อนเอ่ยออกมาอย่างหนักแน่น “ข้าเจอเขาแล้ว”
ครานี้แทฮยองเป็นฝ่ายเงียบไปเสียเอง ทว่าเขาก็ตั้งตัวได้อย่างรวดเร็ว ดวงตาสีนํ้าตาลอ่อนเบิกขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่เชื่อหู “เจ้าหมายถึง..”
“ลูกครึ่งมาร”นัมจุนกล่าวตอบ“มีอายุเพียงสิบสี่ปี อาศัยอยู่ที่แคว้นยองวอน”
'ลูกครึ่งมาร' เกิดจากการมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างมารกับมนุษย์ ทำให้กำเนิดบุตรที่มีสายเลือดครึ่งมนุษย์ครึ่งมารออกมา กล่าวกันว่าลูกครึ่งมารนั้นมีดวงจิตที่ทรงพลังมากล้น โดยที่ลูกไฟวิญญาณของลูกครึ่งมารเพียงคนเดียวนั้นทรงพลังเทียบเท่ากับดวงวิญญาณชั่วร้ายของมนุษย์นับหมื่นล้านคนรวมกัน
ส่วนมารนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอายุขัยมากถึงสองพันปี ยิ่งมีอายุมากขึ้นเท่าไหร่ พวกเขาก็จะมีพลังเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น แต่เมื่อกาลเวลาพ้นผ่านจนกระทั่งมีอายุครบสองพันบริบูรณ์ มารก็จะสูญสลายเป็นผุยผงในบัดดล และจะไม่สามารถฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้อีก ทว่าก็ยังพอมีสิ่งที่ช่วยให้พวกเขาต่ออายุขัยได้...แน่นอนว่านั่นคือลูกไฟวิญญาณของลูกครึ่งมาร
อิทธิฤทธิ์มากมายมหาศาลของมันจะทำให้มารกลายเป็นอมตะ ไม่มีวันตาย ร่างกายไม่มีวันบุบสลาย และจะกลายเป็นมารที่ไร้เทียมทานและทรงพลังที่สุด
นั่นจึงเป็นเหตุผล ที่ทำให้ลูกไฟวิญญาณของลูกครึ่งมารเป็นที่หมายปองของมารทุกตน
ทว่าน่าเศร้านัก...ที่ลูกครึ่งมารนั้นนับว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่หาได้ยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร หลายพันปีถึงจะมีเกิดมาสักคน เนื่องจากการให้กำเนิดพวกเขานั้นมันยากแสนยาก เป็นเพราะหลังจากที่มารกับมนุษย์ร่วมรักกันแล้ว หากฝ่ายหญิงที่เป็นมนุษย์เกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา ดวงวิญญาณที่มีสายเลือดของมารไหลเวียนอยู่ในร่างของทารกในท้องก็จะทำลายร่างของหญิงสาวผู้นั้นในบัดดล และแน่นอนว่าเมื่อมารดาสิ้นชีพ ทารกในท้องที่เป็นลูกครึ่งมารก็จะตายด้วยเช่นกัน
ส่วนในกรณีที่ฝ่ายชายเป็นมนุษย์ และฝ่ายหญิงที่เป็นนางมารตั้งครรภ์ขึ้นมา ลูกครึ่งมารในท้องก็จะถูกพลังจิตอันชั่วร้ายของแม่สูบกินโดยอัตโนมัติ เพราะทันทีที่ดวงวิญญาณของนางสัมผัสได้ถึงทารกที่มีเลือดเนื้อเชื้อไขของมนุษย์ไหลเวียนอยู่ มันก็จะเข้าใจว่าเป็นอาหารและลงมือสูบกินในที่สุด
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ลูกครึ่งมารนั้นแทบไม่มีอยู่บนโลกนี้เลยสักคน ทำให้มารหลายตนได้ตายลงก่อนที่จะมีโอกาสได้เจอพวกเขาเสียด้วยซํ้า
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่มารทุกตนที่ประสงค์จะมีชีวิตยืนยาวเป็นอมตะ จึงไม่ได้นึกอยากไล่ล่าตามหาลูกครึ่งมารแต่อย่างใด มารเหล่านี้เลือกที่จะตายอย่างสงบ...ดีกว่ามีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างทุกข์ทรมาน
ทว่าแทฮยองไม่ใช่หนึ่งในนั้น เขาอาจไม่ใช่ผู้ที่ต้องการเป็นอมตะ หากแต่ตลอดชีวิตยืนยาวที่ผ่านมานี้...เขายังไม่เคยได้พบความสุขเลยสักครั้ง
ปณิธานเพียงหนึ่งเดียวของพญามารผู้นี้...คือจะไม่ยอมตาย จนกว่าจะได้พบคุณค่าที่แท้จริงของชีวิต
ฉะนั้นไม่ว่าลูกครึ่งมารจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่หายากสักแค่ไหน แทฮยองก็จะตามหาดวงวิญญาณของเขาจนกว่าจะเจอ
และตอนนี้...เขาก็เจอมันแล้ว
“อายุสิบสี่?” แทฮยองหรี่ตาลงอย่างประหลาดใจ ก้านนิ้วเรียวยกขึ้นมาม้วนเส้นผมยาวสลวยของตนไปมา “เจ้าไปเจอเขาได้อย่างไร”
โดยทั่วไปแล้วลูกครึ่งมารในวัยเด็กก็ไม่ได้ต่างอะไรจากมนุษย์ธรรมดาทั่วไปเลยสักนิด ลูกไฟวิญญาณในร่างพวกเขาก็จะยังคงไม่ได้มีความพิเศษ จนกระทั่งมีอายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์ สายเลือดของจอมมารในร่างกายจึงจะถูกปลุกให้ตื่นขึ้น ลูกไฟวิญญาณก็จะกลายเป็นดวงวิญญาณที่ทรงพลังแกร่งกล้าโดยสมบูรณ์
ลูกครึ่งมารจะคลุกคลีแฝงตัวอยู่กับมนุษย์ทั่วไป ดังนั้นหากจะมีการตามหาลูกครึ่งมารก็มีเพียงวิธีเดียว นั่นคือเหล่ามารจะต้องใช้พลังในการค้นหาดวงวิญญาณมนุษย์ที่มีอานุภาพสูงเกินกว่าปกติ ซึ่งแน่นอนว่าลูกครึ่งมารที่ถูกค้นหาเหล่านั้นย่อมมีอายุเกินยี่สิบปี เพราะดวงจิตของพวกเขามีอิทธิฤทธิ์มากเกินกว่าที่มนุษย์ทั่วไปพึงมี
...แล้วนัมจุนไปเจอลูกครึ่งมารที่ยังไม่มีพลังได้อย่างไรกัน
“หลายวันก่อน...ขณะที่กำลังออกล่ารัตติกาล ข้าน้อยไปเจอวิญญาณเร่ร่อนของหญิงสาวตนหนึ่งเข้า” จอมมารเอ่ยตอบอย่างไม่รีบร้อน “ตอนแรกนึกว่าผีสาวตนนี้จะหวาดกลัวข้าน้อย เฉกเช่นเดียวกับวิญญาณตนอื่นที่เกรงกลัวมารยิ่งกว่าสิ่งใด แต่นางกลับเป็นฝ่ายเข้ามาหาข้าน้อยด้วยตัวเอง...แล้วบอกว่าตนมีหลานเป็นลูกครึ่งมาร”
แทฮยองขมวดคิ้วเล็กน้อย โดยทั่วไปแล้ว...หากมนุษย์คนใดมีลูกหลานเป็นลูกครึ่งมาร ต่างก็ล้วนทำทุกวิถีทางในการปกปิดเรื่องนี้ไว้ให้เป็นความลับสุดยอดอย่างถึงที่สุด เพื่อปกป้องบุตรหลานของตนจากการถูกเหล่ามารร้ายตามล่า แต่หญิงสาวที่ตายไปแล้วผู้นี้...กลับเลือกที่จะมาบอกกับมารโดยตรงว่าตนเป็นญาติสนิทกับลูกครึ่งมาร ไม่ต่างอะไรจากการชี้โพรงให้กระรอก หรือการเรียกราชสีห์ให้ไปกินลูกกวางเลยแม้แต่น้อย
ดูเหมือนว่า นางคงเกลียดเด็กคนนั้นไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว...
“เจ้าเด็กนั่น...ฆ่านางงั้นหรือ” แทฮยองเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ แม้สีหน้ายังคงเรียบเฉย แต่แววตากลับฉายประกายสนใจ ส่วนนัมจุนได้แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างเชื่องช้า
“ข้าน้อยเองก็ไม่ทราบ แต่ใช่ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้” เขากล่าว “นางบอกกับข้าว่า...อยากให้เด็กคนนั้นตายไปเสียที เขาคือสิ่งอัปโชคของตระกูลที่ควรค่าแก่การถูกกำจัดทิ้ง และหลังจากที่ข้ารับปากว่าจะฆ่าเด็กผู้นั้น...นางก็ไปสู่สุขติโดยทันที”
แทฮยองนิ่งเงียบ ปล่อยให้สายลมยามคํ่าคืนพัดเรือนผมยาวสลวยให้พลิ้วสะบัด ก่อนตระหนักได้ว่าผู้ช่วยมือซ้ายของตนอย่างโฮซอกไม่ได้อยู่ที่นี่ จึงกล่าวถาม “แล้วโฮซอกเล่า”
“กำลังจับตามองเด็กคนนั้นอยู่”
“อ่า...เป็นเช่นนี้นี่เอง” ใบหน้าเรียบเฉยค่อยๆ หันไปหาอีกฝ่าย “วิญญาณได้บอกชื่อของลูกครึ่งมารกับเจ้าหรือไม่”
นัมจุนสบตากับผู้เป็นนาย ก่อนเอ่ย “นามของเขา...คือจอนจองกุก”
“จอนจองกุก...” แทฮยองพึมพำชื่อนั้นซํ้าไปซํ้ามา คล้ายจะจำให้ขึ้นใจว่าคนผู้นี้จะกลายเป็นสะพานนำพาเขาไปสู่ความอมตะ เขาเงยหน้าขึ้นมองจันทร์เต็มดวงที่ถูกหมู่เมฆบดบัง เผยรอยยิ้มเจือจาง ยินดีที่การรอคอยของเขาได้สิ้นสุดลงเสียที
ในที่สุดสวรรค์ก็ส่งคนที่จะทำให้เขาได้เป็นอมตะมาแล้ว...
มารมีอายุขัยสูงสุดเพียงสองสหัสวรรษ หากมีอายุครบสองพันเมื่อใดก็จะสลายไปจากโลกนี้ ยามนี้จองกุกอายุเพียงสิบสี่ เป็นเพียงคนธรรมดาที่ไม่ได้มีฤทธิ์เดช ต้องรอให้เขามีอายุครบยี่สิบ ลูกไฟวิญญาณจึงจะแข็งแกร่งมากพอที่จะต่ออายุขัยให้มารได้ และในปีที่แทฮยองจะมีอายุครบสองพันปี...จองกุกก็จะมีอายุครบยี่สิบปีพอดีในปีเดียวกัน
ช่างน่าขัน...อะไรมันจะประจวบเหมาะได้ถึงเพียงนี้
แทฮยองมองดูผีเสื้อกลางคืนที่โบยบินผ่านมา มันคงไม่รู้ว่ากำลังเผชิญหน้ากับสิ่งใด มือซีดขาวคล้ายศพยื่นออกไป ปลายนิ้วเรียวยาวของแทฮยองแตะลงบนปีกผีเสื้ออย่างแผ่วเบา...แล้วร่างของผีเสื้อตัวน้อยที่น่าสงสารก็มอดไหม้เป็นจุล เหลือเพียงเศษผุยผงที่ร่วงหล่นใส่หน้าขาของพญามาร
“งั้นจะช้าอยู่ใย” แทฮยองแสยะยิ้มร้าย เลียริมฝีปากอย่างกระหาย “ข้าอยากพบหน้าเหยื่ออันโอชะใจจะขาดแล้ว”
-다음화에 계속-
..To be continue..
ทาด๊าาา และแล้วว และแล้ววว!! เรื่องใหม่แกะกล่องที่เราแอบซุ่มแต่งมาหลายเดือนก็ได้อัพแล้วว กรี๊ดดดดด!!
นายเอกอายุมากกว่าพระเอก 1,980 ปี ที่สุดของคำว่าเลี้ยงต้อย555555555
เราจะมาอัพเรื่องนี้ถี่ๆ หลังจากที่ฟิคเจอร์นี่ย์จบไปแล้วนะคะ
ตลอดระยะเวลาที่แต่งเรื่องนี้ เรามีความสุขมากๆ เลยล่ะะ! ความจริงก็แฮปปี้กับฟิคทุกเรื่องที่แต่งนะ เพียงแค่แต่ละเรื่องจะให้ความรู้สึกแตกต่างกันออกไป เรื่องเจอร์นี่ย์จะให้ฟิลลิ่งเทพนิยายตะวันตก โทนเรื่องสีสันโดดเด่นแต่ก็มีความดาร์คปริศนาในตัว ส่วนเรื่องนี้โทนจะให้ความรู้สึกหม่นๆ ละมุนละม่อม แต่ก็มีความสดใสแทรกอยู่ เหมือนไอศกรีมวานิลลาหอมหวานนุ่มลิ้นที่แฝงความขมปร่าไว้ อะไรทำนองนั้น งงมั้ยเอ่ย? 555555555555
เอาเป็นว่า ฝากดวงใจจอมมารไว้ในอ้อมอกอ้อมใจทุกคนด้วยนะคะ! หวังว่าทุกคนจะหลงรักเสน่ห์ของฟิคเรื่องนี้ เช่นเดียวกับเราค่ะ :)
ติดแท็กเป็นกำลังใจให้เราได้ที่ #ฟิคดวงใจจอมมาร นะค้า
Purple you all as always 3
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ติดตามทั้งสามเรื่องเลยนะฮะ ชอบคุณมากๆเลยยยยย สู้ๆนะ ติดตามผลงานเรื่อยๆเลย
ตามมาจากเจเดนทราวิสค่ะ ฮรือออ เรื่องนี้ดีงามมาก เป็นกำลังใจให้นะคะ!