CREDIT BELONGS TO THE OWNER : OUCHUCHU.ART
“นี่ๆ ข้าว่าวันนี้เจ้าดูหล่อมากเป็นพิเศษเลยนะเจเดน สงสัยจะเป็นเพราะความรักมันบังตาข้า อร๊ายย!”
“.............”
“โอ๊ะ ดูนั่นสิ! ดอกลิลลี่นี่นา เจ้าไปเก็บให้ข้าหน่อยได้ไหม —เอ๊ะ! แต่ไม่ต้องดีกว่า เพราะข้าจะรอช่อดอกไม้จากเจ้าในวันแต่งงาน งื้อออ~”
ข้ากลอกตาเป็นรอบที่หกร้อยแปดสิบเก้าของวันโดยตัวต้นเหตุที่กำลังกึ่งเดินกึ่งกระโดดด้วยรอยยิ้มอย่างร่าเริงเหมือนคนบ้า เขาเดินตามข้ามาสักพักใหญ่แล้วแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะหุบปากเลยแม้แต่น้อย
เพิ่งจะรู้จักคำว่า 'น่ารำคาญ' อย่างถ่องแท้ก็วันนี้นี่แหละ..
แต่เหนือสิ่งอื่นใด ตอนนี้สีหน้าและอาการขององค์ชายทราวิสก็ได้คลายความสงสัยให้ข้าอย่างโคตรจะชัดเจนแจ่มแจ้งแล้วว่าฮิวโก้เอายาอะไรให้เขากิน —เพราะตอนนี้แม้แต่หมาตาบอดยังรู้เลยว่าไอ้กิ้งก่าหัวทองนี่เป็นอะไรไป
ไอ้เงิงฮิวโก้! ไอ้พ่อมดปัญญาอ่อน!! เป็นเพราะความสะเพร่าจนหยิบยาผิดของหมอนั่นแท้ๆ ข้าถึงต้องมาเผชิญกับองค์ชายทราวิสในรูปแบบที่รับมือยากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่านัก —ตอนแรกข้าก็ตั้งใจวางยาให้องค์ชายต้องพบเจอกับความหายนะ แต่ตอนนี้คนที่เจอสิ่งที่แย่กว่าหายนะกลับกลายเป็นข้าเสียเอง..
ไม่มีอะไรน่าเจ็บไข่ไปมากกว่านี้แล้ว!!!
องค์ชายทราวิสใช้มือแตะคางอย่างครุ่นคิดเหมือนเพิ่งนึกอะไรออก “เอ...จะว่าไปข้าก็ลืมถาม —นี่เจ้ากำลังจะไปไหนรึ”
“.............”
“..เจเดน”
“.............”
“เจดี้”
“อย่ามาเรียกข้าด้วยชื่อทุเรศแบบนั้น!!”
และแล้วเส้นความอดทนของข้าก็ขาดสะบั้นลงในที่สุด ดวงตาสีเขียวอ่อนที่มักจะแฝงความเจ้าเล่ห์กวนประสาทอยู่ตลอดเวลากำลังฉายแววไม่พอใจจนองค์ชายทราวิสสะดุ้ง แววตาของเขาวูบไหวด้วยความตกใจก่อนจะก้มหน้าเบะปากลงอย่างเศร้าหมองเหมือนลูกแมวโดนเจ้าของดุ
“ทำไมล่ะ...ชื่อเจดี้น่ารักจะตายไป”
ข้าหัวเราะหึๆด้วยรอยยิ้มกว้างที่เต็มไปด้วยความดัดจริตอย่างไม่เป็นมิตร “การที่พระองค์มีศักดิ์เป็นองค์ชายก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถล้อชื่อข้าอย่างไรก็ได้หรอกนะ —และพระองค์เองก็น่าจะรู้ดีมิใช่หรือว่าการยั่วโมโหข้า...ไม่ใช่วิธีที่ฉลาดเลยสักนิด”
ข้าไม่ใช่คนโกรธง่ายและตอนนี้ก็ไม่ได้โกรธใคร แต่ด้วยความที่อีกฝ่ายเอาแต่ก่อกวนเหมือนฝูงแมลงวันตอมขี้รวมถึงสร้างความรำคาญให้ข้ามาพักใหญ่แล้ว ซํ้ายังมาเรียกข้าด้วยชื่อเลี่ยนๆนั่นอีก —มันยิ่งทำให้ข้าทวีความหงุดหงิดเข้าไปใหญ่จนต้องระเบิดออกมาแบบนี้
องค์ชายทราวิสมีท่าทีหงอยลงอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาสีเทอร์ควอยซ์ที่มักจะแสดงความหยิ่งทะนงอยู่ตลอดเวลากำลังช้อนมองข้าอย่างออดอ้อนด้วยความรู้สึกผิด
ให้ตายสิ...เมื่อไหร่เขาจะเลิกมองข้าด้วยสายตาแบบนั้นเสียที มันน่าขนลุกสุดจะบรรยาย ข้าไม่ชิน!!
องค์ชายคนสุดท้องแห่งวอลธีเรียก้มหน้าลงอย่างเหงาหงอย ปลายนิ้วชี้เรียวที่โผล่พ้นชุดคลุมสีฟ้าอ่อนยกขึ้นมาจิ้มกันไปมาด้วยความประหม่า
“..ข้าก็แค่อยากเรียกเจ้าในชื่อที่ไม่มีใครเรียก —แค่นั้นเอง”
นี่ถ้าองค์ชายทราวิสมีหูเหมือนแมว —ป่านนี้หูนั่นคงพับลงอย่างเศร้าสร้อยเหมือนโดนเจ้าของดุไปแล้ว
ข้าได้แต่ส่ายหน้าพรูลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ คนหัวแข็งอย่างข้าไม่เคยใจอ่อนสงสารใครง่ายๆและครั้งนี้เองก็เช่นกัน “ท่านพ่อได้ตั้งชื่อเจเดนไว้ให้ข้าแล้ว พระองค์ไม่จำเป็นต้องมาตั้งใหม่ให้ยุ่งยาก —ขอบใจ”
แน่นอนว่าคำว่าขอบใจนั้นเป็นการประชดประชัน ข้าทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะเดินต่อไปอย่างไม่สนใจโดยมีสัมภเวสีหัวทองคอยเดินตามต้อยๆด้วยสีหน้าเหมือนหมาหงอย
“ก็ได้...ข้าจะเลิกเรียกเจ้าแบบนั้น” องค์ชายทราวิสเดินก้มหน้าสลด เสียงนุ่มทุ้มเบาหวิวอย่างรู้สึกผิด “แต่เจ้าเองก็ควรจะเลิกเรียกข้าว่าองค์ชายซะที แล้วก็เลิกเรียกว่าพระองค์อะไรนั่นด้วย —มัน...ดูห่างเหินไป”
ข้าเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งด้วยสีหน้าเรียบเฉยอย่างไร้อารมณ์ “..แล้วองค์ชายต้องการให้ข้าเรียกพระองค์ว่าอย่างไร”
รอยยิ้มสี่เหลี่ยมในแบบที่ข้าไม่เคยเห็นได้ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของคนหยิ่งทะนงอย่างสดใสเหมือนดอกไม้เบิกบานยามเช้า “วิสซี่!!”
“..หืม?”
“เรียกข้าว่าวิสซี่!”
ข้าได้แต่หรี่ตากับชื่อเล่นปัญญาอ่อนนั่นอย่างเบื่อหน่าย “..ลืมไปแล้วหรือว่าสามัญชนอย่างข้าไม่มีสิทธิ์เรียกพระองค์ด้วยชื่อประหลาดนั่นหรอก”
“แต่เจ้าเป็นคนพิเศษของข้า” องค์ชายคน(ที่เคย)หยิ่งยโสกอดอกแน่น แก้มกลมๆพองลมอย่างคนถูกขัดใจ “ข้าไม่ชอบที่เจ้าปฏิบัติกับข้าราวกับเป็นบุตรแห่งเทพเจ้าทั้งๆที่ข้าเป็นเพียงคนธรรมดา...ที่รักเจ้าสุดหัวใจ”
มือเรียวยาวที่โผล่พ้นชุดคลุมสีฟ้าปักเลื่อมทองยกขึ้นมาทาบแก้มข้าไว้ทั้งสองข้าง องค์ชายทราวิสยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้จนใบหน้าของเราใกล้ขึ้นทีละนิด...ทีละนิด
“..ถ้าเข้ามาใกล้อีกเพียงนิดเดียว ข้าจะถ่มนํ้าลายใส่เจ้า”
หากแต่องค์ชายทราวิสกลับหาได้เกรงกลัวคำขู่นั้นไม่ กลับกันเข้ายื่นหน้าเข้ามาใกล้กว่าเดิมด้วยสายตาแพรวพราวจนปลายจมูกแทบชนกัน “ถ่มเลยสิ...ข้าไม่รังเกียจนํ้าลายเจ้า”
โอ้พระเจ้า!! เมื่อไหร่ยาเสน่ห์จะหมดฤทธิ์เสียที ข้าชักจะขนลุกไปหมดแล้วนะ!
“..อย่างไรเสียหลังจากที่ยาหมดฤทธิ์ พระองค์ก็จะกลับมารังเกียจข้าเหมือนเดิมอีกอยู่ดี”
ข้าตั้งท่าเตรียมจะถีบอีกฝ่ายออกไปให้หงายหลังอย่างสุดรำคาญ แต่องค์ชายคู่ปรับที่(เคย)เกลียดข้าเข้าไส้กลับชะงักไปทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น ดวงตาสีเทอร์ควอยซ์มองมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยหลากหลายความรู้สึก ก่อนที่นํ้าใสๆจะเกลือกกลิ้งไปมาในดวงตาคู่นั้นที่ข้าเผลอจ้องอยู่นาน
ยํ้าว่าเผลอจริงๆนะ
“..ฮึก”
ข้าอดเบิกตาโตด้วยความตกใจไม่ได้ องค์ชายทราวิสเป็นคนหยิ่งเกินกว่าจะร้องไห้ให้ใครเห็นโดยเฉพาะคนที่เขาเกลียดแสนเกลียดอย่างข้า หากตอนนี้เขายังมีสติครบอยู่คงไม่พอใจมากแน่ๆ
เห้อ...ให้ตายสิ ต้องเป็นข้าอีกใช่ไหมที่ต้องเป็นคนปลอบ
“พระองค์จะร้องไห้ทำไม ข้าปลอบไม่เป็นหรอกนะ”
“ฮือออ ข..ข้าขอโทษ” องค์ชายทราวิสปาดนํ้าตาบนใบหน้าออก ร่างของเขาสั่นระริกจากแรงสะอื้นอย่างน่าสงสาร “ขอโทษที่ข้าสร้างความเดือดร้อนให้เจ้ามาตลอด”
ดวงตาสีมรกตเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ตลอดเวลาที่รู้จักกันมา...ข้าไม่เคยคิดเลยว่าจะได้ยินประโยคนี้จากปากของคนหยิ่งทะนงที่รังเกียจข้ามาโดยตลอด
ดูเหมือนว่ายาเสน่ห์จะเปลี่ยนองค์ชายทราวิสให้เป็นคนละคนแล้วจริงๆ..
ข้าสูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา “..ข้าจะทำเหมือนไม่ได้ยินคำขอโทษจากองค์ชายก็แล้วกัน”
“.............”
“ข้ารู้ดีว่ามันไม่ใช่คำขอโทษที่มาจากใจ เพราะหากองค์ชายไม่โดนยาเสน่ห์...พระองค์ก็จะไม่มีวันขอโทษข้าเป็นแน่”
ข้าเดินต่อไปโดยปล่อยให้องค์ชายยืนนิ่งค้างอยู่แบบนั้น เขาไม่ได้พูดอะไรต่อแต่นํ้าตายังคงไหลอาบแก้มกลมๆไม่สิ้นสุด สายตาคมจึงหันไปมองหน้าเจ้าชายจอมหยิ่งแวบหนึ่งแล้วกลอกตาขึ้นฟ้าอย่างสุดจะทน
..รู้ตัวอีกทีขาทั้งสองข้างก็เดินกลับไปหาอีกฝ่ายโดยอัตโนมัติ ก่อนที่ข้าจะโยนผ้าเช็ดหน้าให้คนที่กำลังร้องไห้งอแงเหมือนเด็กสามขวบ
ถึงข้าจะไม่ชอบขี้หน้าเขาเท่าไรนัก...แต่ไม่ชอบเห็นคนร้องไห้ยิ่งกว่า
“เอาไปเช็ดซะ ข้าปลอบใครไม่เป็นหรอกนะ”
แต่แทนที่องค์ชายทราวิสจะใช้ผ้าซับนํ้าตา เขากลับเอามันไปสูดดมราวกับเป็นดอกไม้ชั้นเลิศที่หอมนักหนา “กลิ่นตัวเจ้านี่...หอมชะมัด ข้าขอเก็บไว้ดมได้ไหม”
ไอ้โรคจิต!!
ข้าได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงตก —อย่างน้อยมันก็ทำให้องค์ชายหยุดร้องไห้แล้วน่ะนะ “ผ้าผืนนี้เป็นของพระองค์แล้ว จะเอาไปทำอะไรก็เชิญ”
คนเป็นเจ้าชายถึงกับตาเป็นประกายวาววับเหมือนเด็กน้อยได้ของเล่นใหม่ ความเศร้าที่มีอยู่เมื่อครู่ได้จางหายไปเป็นปลิดทิ้ง “ขอบคุณนะ ข้าจะเก็บรักษาเท่าชีวิตเลยล่ะ!”
รอยยิ้มกว้างเป็นรูปสี่เหลี่ยมที่ข้าไม่ชินเสียทีได้ปรากฎบนใบหน้าแสนหยิ่งอีกครั้ง องค์ชายทราวิสจ้องผ้าเช็ดหน้าสีขาวเรียบๆในมือราวกับมันเป็นสิ่งที่งดงามที่สุดในโลกโดยไม่ได้หุบยิ้มลงแม้แต่นิดเดียว
ดูยังไงก็ไม่อยากจะเชื่อ...ว่านี่คือคนคนเดียวกับไอ้กิ้งก่านิสัยเสียที่ระรานข้ามาตลอดสามปี
ข้าได้แต่ยืนเม้มปากแน่นด้วยหลากหลายความรู้สึก ก่อนจะหันไปทางอื่นทันทีเมื่อเริ่มรู้สึกตัวว่าเผลอมองอีกฝ่ายนานเกินไป
“เมื่อกี้องค์ชายบอกว่ารักข้าใช่ไหม”
องค์ชายทราวิสเวอร์ชั่นใหม่เงยหน้าขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม เขาตอบทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด “รักสิ!”
มุมปากข้ายกขึ้นอย่างพึงพอใจ “ดี งั้นจงกลับไปปราสาทเดี๋ยวนี้”
คนตรงหน้ากะพริบตาปริบๆ รอยยิ้มของเขาค่อยๆหายไปแล้วถูกแทนที่ด้วยการเบะริมฝีปากเป็นหมาหงอยด้วความน้อยใจอีกครั้ง “แต่...”
“หากพระองค์ยังคงตื๊อข้าไม่เลิกแบบนี้ รู้ใช่ไหมว่าข้าต้องเจอกับอะไร”
องค์ชายดูตัวเล็กลงเรื่อยๆทุกครั้งที่โดนดุ หัวทุยๆนั่นหดลงเหมือนแมวที่กำลังตื่นกลัวโดยอัตโนมัติ ก่อนที่เจ้าตัวจะตอบเสียงแผ่วเหมือนเด็กถูกจับได้ว่ามีความผิด “..โดนจับข้อหาลักพาตัวเชื้อพระวงศ์”
“คิดได้เหมือนกันนี่ และตอนนี้พระองค์ก็ทำให้ข้ามีคดีติดตัวมากพอแล้ว —หากทรงรักข้าจริง ก็อย่าสร้างปัญหาให้ข้าไปกว่านี้อีกเลย”
คนโดนยาเสน่ห์ได้แต่ก้มหน้าจนคางชิดคอด้วยความน้อยใจปนรู้สึกผิดแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรต่อ ข้าจึงยกยิ้มเยี่ยงผู้ชนะแล้วเดินต่อไปอย่างสบายใจเมื่อไม่มีใครคอยกวนใจอีกแล้ว
แต่ก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทำให้ข้าต้องหยุดเดินอีกครั้ง
“เจ้าเกลียดข้าขนาดนั้นเลยหรอ..”
“.............”
“แต่เอาเถอะ...ข้ารู้ดีว่าทุกสิ่งที่ข้าทำกับเจ้ามันน่ารังเกียจจนไม่น่าให้อภัย” องค์ชายทราวิสยิ้มสมเพชให้กับตัวเองด้วยความเจ็บปวด นํ้าสีใสไหลร่วงจากดวงตาสีเทอร์ควอยซ์ที่สั่นระริกอีกครั้ง “มันสมควรแล้วที่เจ้าจะเกลียดคนอย่างข้า”
ข้าหรี่ตามองคนข้างหลังที่กำลังตัดพ้อเป็นเด็กสามขวบแล้วได้แต่กลอกตามองฟ้าอย่างเหลืออด —เมื่อครู่ยังยิ้มเหมือนคนบ้าอยู่เลย คราวนี้กลับมาร้องไห้อีกแล้ว
ดูเหมือนข้าจะคิดผิดไป...ไอ้กิ้งก่าหัวทองเวอร์ชั้นนี้ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมเลยแม้แต่น้อย
“เจ้านี่มันเพ้อเจ้อเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ” ข้าเอียงเสี้ยวหน้าไปหาบุคคลที่เป็นศัตรูกันมาตลอดราวกับรำคาญเต็มทนแต่ก็ยังอุตส่าห์อธิบายแต่โดยดี “จริงอยู่ที่ข้าไม่ชอบขี้หน้าเจ้าเท่าใดนัก แต่ความรู้สึกที่ข้ามีต่อเจ้า...ไม่ได้ใกล้เคียงคำว่าเกลียดหรอก —ทราวิส”
เมื่อข้ายอมทำตามคำขอของอีกฝ่ายด้วยการเรียกชื่อเขาโดยไม่มียศฐาบรรดาศักดิ์คำว่าองค์ชายนำหน้า เจ้าของชื่อก็กลับมายิ้มกว้างอีกครั้งเหมือนดอกไม้ได้รับแสงอาทิตย์ที่เบ่งบานอย่างสดใส ท่าทางดีใจเหมือนเด็กๆทำเอาข้าเผลออมยิ้มไปกับเขาอย่างอดไม่ได้ —แต่ในเสี้ยววินาทีข้าก็กลับมาบึ้งตึงตามเดิม
ตั้งสติสิเจเดน อย่างไรเสียหมอนี่ก็คือองค์ชายทราวิสที่เกลียดเจ้าเข้ากระดูกดำคนเดิม —อย่าได้เผลอไผลไปยิ้มตามมันสิ..
“จริงๆนะ!!? เจ้าไม่ได้เกลียดข้าจริงๆแน่นะ!?”
องค์ชายจับมือทั้งสองของข้าไว้แล้วเขย่าไปมาอย่างดีใจ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความสุขเหลือล้นในแบบที่ข้าไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นมันจากชายโอหังคนนี้
“..ข้าเกลียดองค์ชายแน่หากพระองค์ไม่ปล่อยมือข้าเสียตอนนี้”
อีกฝ่ายปล่อยมือข้าแทบจะในทันที เขาหัวเราะแห้งๆแก้เก้อก่อนจะเปลี่ยนมากอดอกทำหน้าบึ้งตึงอย่างคนถูกขัดใจ “เจ้าเรียกข้าว่าองค์ชายอีกแล้วนะ”
ข้าได้แต่ยักไหล่ สองขาออกแรงเดินต่อไปอย่างไม่ใส่ใจในขณะที่คนตัวเล็กกว่าเดินตามต้อยๆเหมือนตัวอะไรสักอย่างเดินตามเจ้าของ “ต่อไปนี้จะมีแค่ทราวิสกับเจเดนเท่านั้น —เจ้าห้ามเรียกข้าว่าองค์ชายอีกเป็นอันขาด!”
“ไร้สาระ”
ข้าทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้วตั้งหน้าเดินต่อไป แต่กลับต้องหยุดเดินอีกครั้งเป็นรอบที่หนึ่งร้อยหกสิบแปดของวันเมื่อมือเล็กๆดึงชายเสื้อข้าไว้
ดวงตาสีมรกตฉายแววขุ่นมัวด้วยความรำคาญที่ชักจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่มันจะตวัดไปมองตัวต้นเหตุอย่างกราดเกรี้ยวโดยอัตโนมัติ
แต่ใครจะไปรู้ล่ะ...ว่าเมื่อหันไปเห็นดวงตาสีเทอร์ควอยซ์ที่กำลังมองมาอย่างออดอ้อนจะทำให้สายตาคมเปลี่ยนไปในบัดดล
สีหน้าเหมือนลูกแมวขี้อ้อนนั่น.. ปากเล็กๆที่กำลังเบะลงนั่น.. แก้มกลมๆที่ขึ้นสีชมพูระเรื่อนั่น..
x!! ข้าล่ะไม่ชินกับองค์ชายทราวิสเวอร์ชั่นนี้เลยจริงๆ!
“ก็ได้ ต่อไปนี้ข้าจะเลิกเรียกเจ้าว่าองค์ชาย”
และสุดท้ายข้าก็ทำอะไรไม่ได้นอกเสียจากยอมทำตามคนเอาแต่ใจที่กำลังกระโดดโลดเต้นเหยงๆเหมือนปลากระดี่ได้นํ้า คนผมแดงส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมระอาแล้วสาวเท้าเดินต่อไป
“เจเดนของข้าน่ารักที่สุดเลย~”
'ฟอด~'
ปลายจมูกโด่งรั้นฝังลงบนแก้มสีขาวนวลราวกับเป็นการให้รางวัล ก่อนจะกอดแขนข้าไว้แน่นแล้วเอาแก้มมาถูไถไปบนมัดกล้ามแขนแข็งแรงด้วยรอยยิ้มสี่เหลี่ยม ข้าจึงได้แต่เสยผมสีแดงเพลิงขึ้นอย่างปลงตกราวกับหมดแรงจะผลักไสอีกฝ่าย
“ทีนี้ก็เลิกตามข้าเสียที ที่ที่ข้าจะไปไม่ใช่สถานที่บำบัดจิตที่มีไว้ให้คนปัญญาอ่อนอย่างเจ้าหรอกนะ”
“แต่ข้าอยากไปกับเจ้านี่..” ทราวิสยู่ปาก ก่อนที่ดวงตาของเขาจะเป็นประกายแวววาวอย่างตื่นเต้น “ ข้าจะไปทุกที่ที่มีเจ้าอยู่ —ไม่ว่าเจ้าจะไปที่ไหน ข้าก็จะไปด้วย!”
ข้าถอนหายใจอีกครั้งอย่างเหนื่อยหน่าย —จะไปด้วยทั้งๆที่ไม่ได้ถามความสมัครใจของข้าสักนิดเนี่ยนะ เยี่ยมไปเลย..
“เจ้าก็เห็นอยู่ไม่ใช่หรือว่าข้ากำลังไปป่ามรณะ —ถ้าเจ้ามีสมองก็น่าจะรู้ไม่ใช่หรือว่าจุดหมายปลายทางข้าจะเป็นที่ไหน”
แล้วคำตอบของข้าก็ทำเอารัชทายาทลำดับที่สามแห่งวอลธีเรียหุบรอยยิ้มลงทันที..
'ฉึก!'
แต่ไม่ทันที่ทราวิสจะตอบอะไรกลับมา วัตถุสีทองบางอย่างที่แหลมคมก็ปักเข้าที่กระเป๋าย่ามของข้าอย่างรวดเร็วจนมองตามไม่ทัน
ข้าขมวดคิ้วมุ่นแล้วดึงสิ่งนั้นออกมาถือไว้ในมือ สายตาคมกวาดมองมันอย่างพิจารณาเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่ดวงตาสีเขียวจะเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ
“x..”
มันคือลูกธนูเวทมนตร์ที่ใช้ตามหาคนซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยพ่อมด เป็นอาวุธประจำตัวของหัวหน้าอัศวินแห่งวอลธีเรียที่มีเพียงดอกเดียวเท่านั้น —มันต่างจากธนูธรรมดาทั่วไปตรงที่มันจะทำตามคำสั่งผู้ครอบครองได้ราวกับมีชีวิต หน้าที่ของมันคือการเหาะตามหาบุคคลที่เจ้านายต้องการจนกว่าจะเจอ
—และตอนนี้มันก็เจอข้าแล้ว
ข้าหักธนูในมือออกเป็นสองท่อนแล้วเหยียบขยี้มันให้เละเพื่อให้มนตร์เสื่อม แต่ก็ไม่ทันเสียแล้วเมื่อเสียงกีบม้าหลายร้อยตัวที่กำลังวิ่งมาทางนี้เริ่มดังขึ้น —นั่นหมายความว่าตอนนี้ออกัสท์และกองทัพกำลังมาหาข้า
ข้าเดาะลิ้นไปอย่างไม่สบอารมณ์แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีทุกข์ร้อนอะไรนัก —ข้าโดนอัศวินไล่จับเช่นนี้มาทั้งชีวิตจนเป็นเรื่องปกติ ต่างกันแค่ครั้งนี้พวกเขาจะจับข้าไปแขวนคอเท่านั้น
ดวงตาสีเขียวแบบเดียวกับมารดาหันไปมองป่ามรณะที่อยู่ไม่ไกลอย่างครุ่นคิด —หากคำนวณคร่าวๆผ่านทางสายตา คงต้องใช้เวลาประมาณยี่สิบนาทีในการวิ่งเข้าไปในป่าซึ่งเป็นระยะเวลาที่นานเกินไปสำหรับการหลบหนีอัศวินบนหลังม้าเช่นนี้
งั้นคงไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
“..เรียกเดซี่มา” ข้าเอ่ยสั่งคนเป็นเจ้าชายด้วยเสียงเรียบนิ่งอย่างถือวิสาสะ “เร็วสิ!!”
แววตาของทราวิสสั่นไหวอย่างตื่นตระหนกแต่ก็ยอมทำตามคำสั่งแต่โดยดีด้วยการส่งเสียงผิวปากเรียกม้าคู่ใจ —ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นเจ้าม้าขาวก็กระโดดออกมาจากพุ่มไม้ในป่าก่อนจะมายืนยิ้มแฉ่งโชว์ฟันให้เจ้านายทันที
ปัญญาอ่อนพอกันทั้งคนทั้งม้าเลยแฮะ..
“เดี๋ยว!”
เสียงนุ้มทุ้มเอ่ยห้ามข้าที่กำลังจะปีนขึ้นไปบนหลังเดซี่ ข้ากลอกตาอีกครั้งแต่ก็ยอมหันไปมองคนเรื่องมากแต่โดยดี “อะไรอีก”
“ให้ข้าขี่จะเร็วกว่า”
ว่าจบทราวิสก็เกาะม้าคู่ใจไว้แล้วปีนขึ้นไปนั่งบนหลังเจ้าเดซี่อย่างคล่องแคล่วว่องไว เขายื่นฝ่ามือเรียวสีนํ้าผึ้งมาหาข้าด้วยรอยยิ้มกว้างรูปสี่เหลี่ยมแบบเดิมอย่างสดใส “ขึ้นมาเร็ว!”
หึ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะ.. ว่าที่ทราวิสทำแบบนี้ก็เพราะอยากไปเฮอร์เรนเดลกับข้าด้วย
หากแต่ในตอนนี้ข้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากรีบหนีไปให้เร็วที่สุด จึงได้แต่ส่งมือหนาขึ้นไปจับมืออีกฝ่ายไว้อย่างแน่นหนาแล้วออกแรงดันตัวเองขึ้นไปนั่งซ้อนแผ่นหลังคนที่(เคย)เป็นศัตรู
เอาไว้ไปถึงป่ามรณะเมื่อไหร่ ข้าค่อยถีบไอ้กิ้งก่าหัวทองนี่ลงจากหลังม้าก็แล้วกัน
“แน่ใจนะว่าเจ้าขี่ม้าเก่ง”
ข้าถามไปพลางหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างไม่ไว้ใจ —จริงอยู่ที่ข้ารู้อยู่แก่ใจว่าองค์ชายทราวิสชอบขี่ม้ามาตั้งแต่เยาว์วัย แต่ข้าก็ถามไปเพราะอยากรู้ว่าฝีมือจะสักแค่ไหนเชียว จะขี่ได้เร็วกว่าอัศวินชุดเกราะบนหลังม้าที่กำลังตามเรามาหรือเปล่า
“โอ้ แน่นอนว่าข้าขี่ม้าเก่ง! ข้าขี่บ่อยออกจะตายไป” ทราวิสหันมาฉีกยิ้มให้ข้าด้วยสายตาแพรวพราว “แต่ไม่ต้องน้อยใจไปนะเจเดน...ไว้ว่างๆข้าจะขี่เจ้าแทนม้าเอง รับรองว่าสนุกยันเช้าแน่นอน :)”
โอ๊ยย!! เจเดนจะเป็นลม!
พูดจบคนลามกก็กระตุกบังเหียนแล้วเดซี่ก็ทำตามคำสั่งด้วยการออกวิ่งอย่างรวดเร็ว คนตรงหน้ามีสมาธิจดจ่อไปกับการขี่ม้าในขณะที่ข้ายังคงอึ้งกับคำพูดขององค์ชายทราวิสไม่หาย
ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นคำด่าหรือคำสาปแช่งประเภทไหน จะเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจให้เจ็บปวดสักเพียงใด ข้าก็สามารถรับมือกับมันได้ในทุกสถานการณ์ แต่แค่ประโยคเมื่อครู่ของเจ้าชายกลับทำเอาข้าอํ้าอึ้งพูดไม่ออกราวกับมีอะไรบางอย่างมาจุกที่คอ
คิดแล้วก็ได้แต่ยกมือขึ้นมาตบหน้าผากอย่างสุดจะทน —ให้ตายเถอะ ทราวิสเป็นคนแรกที่ทำให้เจเดน เกรโนเวอร์รู้สึกหมดคำพูดได้ขนาดนี้!
เมื่อไหร่ยาเสน่ห์เฮงซวยนี่จะหมดฤทธิ์เสียที ข้าจะประสาทกินอยู่แล้วนะ! เอาไอ้กิ้งก่าจอมหยิ่งคนเดิมกลับมาได้แล้ว!!
TBC.
TALK :
วิสซี่ของเลาก็จะน่าปวดหัวหน่อยๆ เป็นกำลังใจให้เจดี้ไม่ประสาทกินไปก่อนด้วยนะคะ55555
ปล. แน่นอนว่าเมื่อได้อ่านฟิคเราก็จะได้มีมแถมฟรีเหมือนเดิม55555 เซฟได้เลยนะคะ เลาเอามาจากพินเทอเรสสส ><
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์และแท็กสกรีม #JourneyKV ที่เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะ ขอบคุณรีดๆทุกคนที่ติดตามผลงานของเราค่ะ I purple you <3