ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ϟ.Keeping room ' ห้ามเข้าเด็ดขาด !

    ลำดับตอนที่ #37 : [OS] His Brown Eyes

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 205
      0
      16 พ.ย. 58



    [OS] His Brown Eyes

     

    ร่างบอบบางในชุดสีขาวสะอาดยืนพิงบานหน้าต่างสูงใหญ่ ก่อนจะทอดสายตาออกไปด้านนอก ใบหน้าหวานละมุนดูไม่สดใส ดวงตากลมโตราวกับลูกกระต่ายก็เต็มไปด้วยความกังวลที่ท่วมท้นออกมาจากหัวใจ จนเจ้าตัวต้องยอมปล่อยให้ความรู้สึกฉายชัดออกมาผ่านทางแววตา ริมฝีปากอิ่มสั่นพร่าคล้ายไม่อาจจะสงบความฟุ้งซ่านลงได้

    “พร้อมรึยังแบมแบม?” เสียงเรียกชื่อเขาทำเอาร่างน้อยถึงกับสะดุ้งเฮือก กันต์พิมุกต์ ภูวกุล กำลังเผชิญหน้ากับความกังวลที่กัดกินหัวใจเขามาตลอดทั้งคืน

    “พี่จินยอง...” เสียงหวานครางเรียกชื่อพี่ชายคนสนิทราวกับจะขาดใจ จู่ๆดวงตากลมใสก็เหมือนจะมีหยดน้ำตาไหลออกมา

    “ตัวเล็กของพี่ ร้องไห้ทำไมครับ?” ร่างโปร่งของปาร์คจินยองรีบสาวเท้าเข้าไปหาน้องชายสุดที่รักด้วยความตกใจ มืออุ่นเอื้อมไปดึงร่างเล็กเข้ามาปลอบไว้ในอ้อมกอด

    ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลใด...ยังไงวันนี้ไม่ใช่วันที่แบมแบมควรจะต้องมาเสียน้ำตา

    “แบม...ฮึก.....ไม่เอาแล้วได้ไหม ไม่ลงไปข้างล่างแล้วได้รึเปล่า?” สะอื้นน้อยๆ ก่อนจะปล่อยให้คนเป็นพี่ลูบหลังเสียยกใหญ่ แบมแบมรู้ดีว่าตนเองกำลังเอ่ยปากขอร้องในสิ่งที่น่าละอายใจ แต่จะให้ทำอย่างไรได้...ก็เขากลัวจนไม่กล้าเดินออกจากห้องนี้ไปจริงๆ

    “ทำแบบนั้นแล้วไม่กลัวว่า เขา จะเสียใจหรอครับ?” จินยองปลอบไปก็ขำไป ไม่เคยรู้เลยว่าเด็กตัวแสบที่เห็นมาตั้งแต่ยังเล็กจะมีมุมอ่อนไหวกับใครเขาด้วยเหมือนกัน

    “ก็แบมกลัวนี่” ปาดน้ำตาแล้วก็เงยหน้าขึ้นจ้องพี่ชายเขม็ง อย่ามาขำแบมแบมนะ พี่จินยองไม่เคยอยู่ในสถานการณ์อย่างแบมนี่ จะมาเข้าใจอะไรได้ยังไง

    “กลัวจนต้องทำให้คนที่รอผิดหวังเลยหรอ?”

    “แบมมะ....ไม่ได้.....” พอคิดถึงหน้า เขาคนที่พี่จินยองบอกว่ากำลังรออยู่แล้วแบมแบมก็ได้แต่ยืนอ้ำอึ้งพูดอะไรไม่ออกขึ้นมาเสียอย่างนั้น แม้แต่หยดน้ำตาที่หยุดไหลไปแล้วก็ยังทำท่าจะเอ่อคลอขึ้นมาใหม่เป็นรอบที่สอง ริมฝีปากอิ่มแดงเม้มเข้าหากันอย่างชั่งใจ ก่อนจะยอมปล่อยให้สิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจพรั่งพรูออกไปให้พี่ชายได้ฟัง

    “จู่ๆ แบมก็ไม่มั่นใจว่าเรากำลังทำในสิ่งที่ถูกต้องอยู่รึเปล่า? การที่แบมกับยูคยอมตัดสินใจทำแบบนี้มันจะส่งผลดีกับเราทั้งสองคนจริงๆมั๊ย? แล้วถ้าเกิด...” แบมแบมเว้นช่วงไป ยามเมื่อคิดถึงคำพูดโหดร้ายที่บาดหัวใจเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่ามาตลอดทั้งคืน

    “ถ้าเกิด?”

    “ถ้าเกิดวันหนึ่งข้างหน้า...เขาไม่รักแบมแล้วล่ะ มันจะเป็นยังไง?” พูดจบแบมแบมก็ทรุดตัวลงไปนั่งบนโซฟาตัวใหญ่ ร่างน้อยยกสองมือขึ้นปิดใบหน้าเอาไว้ พยายามควบคุมร่างกายที่สั่นระรัวขึ้นมาเพราะความหนาวเหน็บที่พุ่งทะลุผ่านหัวใจ

    กลัว... แบมแบมกลัวว่าคิมยูคยอมจะเดินจากเขาไปในสักวัน

    “แบม...พี่ไม่รู้หรอกนะว่าอะไรทำให้แบมคิดไปแบบนั้น แต่ทุกอย่างมันก็เป็นแค่สิ่งที่แบมคิดมากไปเองไม่ใช่หรอ?” คุณชายตระกูลปาร์คทรุดตัวลงนั่งข้างๆน้องชายที่อายุห่างกันสามปีด้วยท่าทีจริงจังมากขึ้น เขาก็รู้ดีอยู่หรอกว่าแบมแบมเป็นคนคิดมาก แต่ก็ไม่เคยคิดว่ามันจะเลยเถิดไปได้ถึงขนาดนี้...

    กลัวว่าคิมยูคยอมจะไม่รักเนี่ยนะ?

    ...ให้แมวออกลูกเป็นลิงยังจะง่ายซะกว่า...

    แบมแบมนะแบมแบม, ไม่รู้ว่าคิดไปได้ยังไง

    “ก็แบมกลัวนี่ เรื่องแบบนี้มันไม่แน่นอนไม่ใช่หรอพี่จินยอง? ใครจะไปรู้...วันหนึ่งข้างหน้ายูคยอมอาจจะเบื่อแบม อาจจะเจอใครใหม่ที่เหมาะสมกับเขามากกว่าแบมก็ได้ พี่ก็รู้ไม่ใช่หรอว่าโลกใบนี้มันไม่เคยมีอะไรแน่นอน แล้วจะนับประสาอะไรกับใจคน?” แบมแบมเถียงเสียงดัง ไม่ปล่อยให้พี่ชายมองว่าเขาเป็นเด็กน้อยไม่รู้จักโตได้อีก

    แบมแบมไม่ได้คิดมากเกินไป, เรื่องแบบนี้ใครๆเขาก็กังวลกันทั้งนั้นไม่ใช่หรอ?

    “แต่ใจคนที่แบมกำลังพูดถึงน่ะ...”

    “.......”

    “มันคือใจของผู้ชายที่ชื่อ คิมยูคยอม นะ”

    “.......”

    “แล้วแบมยังจะต้องสงสัย ยังต้องกลัวอะไรอีกงั้นหรอ?” จินยองทอดเสียงให้อ่อนลง มืออุ่นเอื้อมไปกุมมือนุ่มของน้องชายขึ้นมาจับเอาไว้ แล้วส่งแรงบีบไปคล้ายจะปลอบให้อีกคนคลายกังวล

    “ถ้าแบมยังไม่มั่นใจ งั้นแบมลองนึกดูสิครับว่าอะไรที่ทำให้แบมตัดสินใจมาอยู่ตรงนี้กับยูคยอม”

    “แต่พี่จินยอง...”

    “แบมไม่ต้องถามคนอื่นหรอก แค่ลองตั้งใจค้นเข้าไปในหัวใจของตัวเอง แล้วบอกพี่สิว่า...หัวใจของผู้ชายคนนั้นให้คำตอบใดกับแบม”

    “.......”

    “จำไว้นะว่า...มีแค่แบมเท่านั้นที่จะตอบคำถามนี้ได้ดีที่สุด”

     

    - 6 years ago -

    แบมแบมเฟรชชี่คณะวิทยาศาสตร์  เอกมารีน กำลังเดินจ้ำไปทางลานกว้างที่ใช้จัดกิจกรรมรับน้องด้วยความรีบร้อน กว่าจะฝ่ารถติดจนมาถึงมหาลัยได้ก็แทบจะสายเกินเวลานัดอยู่แล้ว ขืนยังเดินชักช้าอยู่อีกคงได้ถูกรุ่นพี่คาดโทษเสียตั้งแต่วันแรก

    “เร็วครับน้องๆ กิจกรรมของเรากำลังจะเริ่มแล้ว” ได้ยินเสียงตะโกนจากพี่ในเอกแล้วแบมแบมก็ยิ่งต้องรีบเร่งฝีเท้าขึ้นอีก ร่างเล็กพาตัวเองวิ่งซอกแซกไปตามแถวที่เพื่อนๆยืนเรียงกันอยู่ ก่อนจะตัดสินใจหยุดตรงท้ายแถวที่สั้นที่สุดทันที

    โชคยังดี...วันนี้ไม่ใช่วันชะตาขาดของแบมแบม

    “สำหรับกิจกรรมแรกนี้ พี่อยากให้ทุกคนวิ่งวนกันครับ วิ่งยังไงก็ได้ขอแค่ให้อยู่ในเส้นเชือกที่พี่ๆล้อมเอาไว้ พอพี่เป่านกหวีดแล้วสั่งให้ทำอะไร ก็ให้หยุดวิ่งแล้วทำไปตามคำสั่งนั้นภายใน 5 วินาที พร้อมมั๊ยครับ?” ปี 2 หัวหน้าฝ่ายสันทนาการอธิบายกติกาการเล่นเกมผ่านโทรโข่งตัวใหญ่ เมื่อได้ยินเสียงตอบรับจากเฟรชชี่จนเป็นที่พอใจแล้ว เขาก็คว้าเอานกหวีดขึ้นมาเป่าให้สัญญาณทันที

    - ปี๊ด! -

    “เริ่มวิ่งได้” จบคำแบมแบมก็รีบก้าวขาพาตัวเองออกวิ่งไปแบบไม่รู้ทิศรู้ทาง คุณพระคุณเจ้าช่วย! เขาเพิ่งวิ่งสุดแรงจนมาถึงแถวเมื่อกี้นี้ อยู่ดีๆ ก็ต้องวิ่งไปวิ่งมาในเส้นเชือกต่ออีก โอย...

    นี่เขามารับน้องหรือมาฟิตซ้อมเตรียมแข่งประเพณีวิ่งควายวะ อยากจะรู้!

    “ทำท่าไก่! ปี๊ด!” เสียงสัญญาณแรกดังมาพร้อมคำสั่งทำเอาแบมแบมต้องเบรกฝีเท้าจนเกือบจะหน้าขมำไปชนกับเพื่อนคนข้างๆ ร่างบางยืนนิ่งก่อนจะยกแขนขึ้นมาทำเป็นปีกแล้วกระพือให้เหมือนไก่ที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วขยับฝีเท้าออกวิ่งอีกครั้งเมื่อนกหวีดให้สัญญาณสำหรับรอบต่อไป

    “เหนื่อยโว้ย!” ตะโกนใส่ตัวเองเมื่อวิ่งๆหยุดๆได้เป็นรอบที่เจ็ด แบมแบมจะตายแล้ว ข้าวเช้าก็ไม่ได้กินมาอีกต่างหาก ไม่แปลกเลยที่ยังไม่ทันไรหัวของเขาก็เริ่มหมุนๆเบลอๆ แต่ยังไม่ทันจะได้ขออนุญาตนั่งพัก หูของแบมแบมก็ได้ยินเสียงสัญญาณนกหวีดพร้อมคำสั่งล่าสุดดังขึ้นมาเสียก่อน

    “จับคู่กับคนที่อยู่ใกล้ที่สุด ปี๊ด!

    แบมแบมมึนหัวจนแทบจะคิดอะไรไม่ออกแล้ว ในตอนที่รู้สึกได้ว่ามีมือร้อนเอื้อมมาดึงมือเล็กของเขาเข้าไปกุมเอาไว้ ร่างกายสูงใหญ่ของคนที่ไม่เคยเห็นหน้าพุ่งเข้ามาประชิดตัวเขาอย่างรวดเร็วจนมองตามแทบจะไม่ทัน แบมแบมพยายามจะเอ่ยทักทาย แต่ร่างกายของเขาก็มาถึงขีดจำกัดจนหมดสติไปโดยไม่ทันตั้งตัว

    “เฮ้ย! นาย...” และนั่นคือเสียงสุดท้ายที่ร่างเล็กได้ยินก่อนที่สติทั้งหมดจะพลันดับวูบไป

     

    Remember the first day when I saw your face.

    Remember the first day when you smiled at me.

    สิ่งแรกที่ปรากฎสู่สายตาของแบมแบมหลังจากนอนพักจนได้สติก็คือใบหน้าหล่อเหลาของผู้ชายตัวสูงราว 180 เซนติเมตร ดวงตาคมของเขาจับจ้องมาที่แบมแบมอยู่ก่อนแล้ว ดังนั้นพอเห็นร่างเล็กได้สติ ร่างสูงจึงรีบกุลีกุจอเข้ามาประคองหลังไว้ได้ในทันที

    “ฟื้นแล้วหรอ?” รอยยิ้มสว่างสดใสที่สุดเท่าที่แบมแบมเคยเห็นถูกส่งมาให้โดยผู้ชายตัวใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ร่างบางถูกพยุงให้ลุกขึ้นนั่ง โดยที่ยังไม่ได้เอ่ยปากร้องขอความช่วยเหลือ ยังไม่ทันได้พูดอะไรออกไปก็ได้รับแก้วน้ำที่คนข้างกายส่งมาให้จิบแก้กระหายเสียก่อน

    “ดื่มน้ำก่อนสิ นายนอนไปนาน เดี๋ยวจะคอแห้งเอาได้” เสียงนุ่มพูดกับเขาเหมือนผู้ใหญ่กำลังปลอบขวัญเด็กตัวน้อยๆที่กำลังไม่สบายอยู่

    “ขะ...ขอบคุณ นาย....เอ่อ....”

    “ยูคยอม เราชื่อคิมยูคยอม”

    “อา...ขอบคุณมากนะยูคยอม” แบมแบมก้มหัวให้แทนคำขอบคุณ ในขณะที่อีกฝ่ายรีบส่ายหน้าใส่เขา

    “ไม่ต้องก้มหรอก นายเพิ่งจะฟื้นขึ้นมาเอง เดี๋ยวจะหน้ามืดเป็นลมไปอีก” มือร้อนแตะประคองที่แผ่นหลังของร่างน้อยเป็นการยั้งอีกคนเอาไว้

    “แล้ว...เรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” เสียงใสเอ่ยถามคนข้างๆ ยามที่ดวงตากลมกวาดสำรวจไปมารอบๆห้อง ดูแล้วที่นี่ก็คงจะเป็นห้องพยาบาลนั่นแหละ แต่ที่สงสัยก็คือ...เขามาถึงที่นี่ได้ด้วยวิธีไหน?

    คงไม่ใช่...

    “อ๋อ เราอุ้มนายมาเองแหละ” คนตัวใหญ่ตอบเสียงดังฟังชัด ก่อนจะหัวเราะแฮะๆออกมาเมื่อมองเห็นใบหน้าที่แสดงอาการตกใจของคนป่วย

    “ทะ..ทำไม ทำไมนายถึงต้องอุ้มเรา” บ้าหรอ! ให้ผู้ชายมาอุ้มผู้ชายด้วยกันเนี่ยนะ?

    ผิดผีตายเลย!

    “ก็เราเป็นบัดดี้ของนายนี่ ไม่ใช่เราแบกมาแล้วจะให้ใครแบกล่ะ?”

    “บัดดี้อะไร?”

    “ก็คำสั่งที่พี่เขาให้จับคู่กันก่อนนายจะเป็นลมไปเมื่อกี้ไง...คือให้จับคู่บัดดี้ที่จะดูแลกันไปตลอดทั้งเทอม” ยูคยอมอธิบายอย่างใจเย็น ริมฝีปากสีอ่อนของคนตัวสูงขยับยิ้มอ่อนโยนเมื่อพูดจบ

    “งั้นคนที่วิ่งมาจับมือก่อนที่เราจะเป็นลมไปก็คือ...”

    “อาฮะ คือเราเอง J” ไม่พูดเปล่า บัดดี้ของเขายังยื่นมือมาคว้ามือเรียวของเขาไปกุมไว้อีกต่างหาก ตั้งใจจะแสดงให้รู้หรือไงว่ามือที่คว้าเขาไว้ตอนนั้นคือมือของตัวเองจริงๆ

    “เชื่อแล้วน่า” อุณหภูมิแบบนี้ ... แบมแบมจำได้ดีเชียวล่ะ

    “ถ้าอย่างนั้นคิมยูคยอมคนนี้ขอฝากตัวด้วยนะ เอ่อ...”

    “แบมแบมน่ะ...เรียกเราว่าแบมแบม” ร่างเล็กแนะนำตัวให้อีกฝ่ายรู้จักอย่างเป็นทางการ จะว่าไงดี...ต่อจากนี้เขากับยูคยอมก็คงต้องทำอะไรด้วยกันไปอีกหลายอย่างล่ะมั้ง จะฝากตัวกันไว้ตั้งแต่ตอนนี้ก็คงไม่เสียหายใช่รึเปล่า?

    ยังไงซะอีกฝ่ายก็คือคนที่ช่วยไม่ให้แบมแบมล้มลงไปหัวฟาดพื้นตอนหมดสตินะ

    “ฝากตัวด้วยนะแบมแบม”

    “ทางนี้ก็เช่นกัน ขอบคุณและขอฝากตัวด้วยนะคิมยูคยอม”

     

    You stepped to me and then you said to me,

    I was the one you dreamed about.

    ตั้งแต่วันนั้นยูคยอมกับแบมแบมก็กลายมาเป็นเพื่อนสนิทกันอย่างง่ายดาย ด้วยนิสัยใจดีของคนตัวใหญ่ ทำให้แบมแบมถูกตามใจเสมอไม่ว่าจะเมื่อไหร่ ยูคยอมดูแลแบมแบมดีอย่างที่เคยบอกไว้ ในขณะที่แบมแบมเองก็คอยเป็นห่วงเป็นใยยูคยอมไม่ต่างกัน

    แบมแบมอยากไปเที่ยวที่ไหนยูคยอมก็จะพาไป

    แบมแบมอยากกินอะไรยูคยอมก็จะพาไปกินด้วยกัน

    แบมแบมอยากดูหนังเรื่องไหน ก็ไม่เคยที่ยูคยอมจะปฏิเสธ

    บางที...แบมแบมก็คิดเอาเองว่ายูคยอมคงจะนับเอาการตามใจบัดดี้เข้าไปเป็นหนึ่งใน หน้าที่ ที่ต้องทำทุกวันด้วยแล้วล่ะมั้ง?

    ...ใครจะไปรู้...

    ยังไม่ทันไรเวลาสามเดือนแห่งการเล่นเป็นบัดดี้ของอีกฝ่ายก็ใกล้จะสิ้นสุดลง แบมแบมกำมือยูคยอมไว้แน่น ในวันที่เราสองคนตัดสินใจไปเดินเล่นริมแม่น้ำฮันเพื่อผ่อนคลายความเครียดจากการสอบปลายภาคที่สุดแสนจะหนักหน่วง

    “พรุ่งนี้ก็จบแล้วนะ” ร่างบางตัดสินใจเอ่ยออกมาในที่สุด เขาส่งผ่านความรู้สึกโหวงๆในอกไปทางฝ่ามือของยูคยอมที่ตัวเองถือวิสาสะเอื้อมไปคว้ามากุมเอาไว้

    “จบอะไร?” คนตัวใหญ่หยุดเดินแล้วหันมามองการกระทำของอีกฝ่ายด้วยท่าทางงุนงง

    “ก็การเป็นบัดดี้ของเราสองคนไง”

    “แล้ว?” ยูคยอมมองตาแบมแบมด้วยความไม่เข้าใจ พรุ่งนี้จบแล้วเป็นอย่างไร...จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปหรือไงกัน?

    “แล้วอะไรล่ะ นายไม่รู้สึกอะไรเลยรึไง ที่ต่อไปเราสองคนอาจจะไม่ได้มาเดินด้วยกันแบบในวันนี้อีกน่ะ” พูดจบแบมแบมก็ก้มหน้าหลบสายตาเพื่อนตัวสูงไปทันที

    หรือว่าที่ผ่านมา...ยูคยอมจะแค่ทำทุกอย่างไปตามหน้าที่จริงๆ?

    “ทำไมเราถึงจะไม่ได้มาเดินด้วยกันอีกล่ะ แบมแบมจะไปไหนหรอ”

    นี่ยูคยอมไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้?

    “เราไม่ได้จะไปไหน แต่นายเองก็จะไม่ต้องฝืนใจทำหน้าที่บัดดี้ต่อแล้วไงยูคยอม” ถ้าแบมแบมมองเห็นหน้าตัวเองเหมือนที่ยูคยอมเห็นอยู่ตอนนี้คงจะอายจนเดินหนีไปแล้วล่ะ คนอะไรหน้าตาก็น่ารักแล้วยังจะมามองเขาด้วยสายตาที่เหมือนน้อยอกน้อยใจเสียเต็มประดาแบบนั้นอีก

    นี่คิดว่าเขาแกล้งอยู่ใช่ไหมเนี่ย?

    แบมแบมนะแบมแบม, ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็น่ารักจนเขาอดใจแทบจะไม่ไหวเลยจริงๆ

    “อืม...ก็ดีนะ เราก็อยากเลิกเป็นบัดดี้แบมแล้วเหมือนกัน” ได้ยินแบบนั้นแบมแบมก็ยิ่งงอนเข้าไปใหญ่ ดวงตากลมใสเบือนหนียูคยอมไปยิ่งกว่าเดิม แม้แต่กลีบปากอิ่มคู่นั้นยังยู่เข้าหากันเหมือนเด็กน้อยเจ้าอารมณ์

    ก็เป็นซะแบบเนี้ย แล้วจะให้เขาทิ้งไปไหนได้ยังไง...

    “อยะ...อยากเลิกก็เลิกไปเลย ใช่สิ เรามันเอาแต่ใจตัวเองนิ่ เรามันดื้อ เรามันไม่น่ารัก ไม่แปลกหรอกที่ยูคยอมจะเบื่อน่ะ” ตัดพ้อไปก็ต้องคอยกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลลงมาอาบแก้ม แบมแบมยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาปิดหน้าไว้ มืออีกข้างก็พยายามจะสะบัดมือของยูคยอมออกไปสุดแรง

    คนใจร้าย!

    ไม่อยากจะอยู่กับเราก็ไม่ต้องมาอยู่เลย!!

    “งั้นเราเลิกแล้วนะ” เจ้าของดวงตาสีน้ำแสนอบอุ่นพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ไม่บอกก็รู้ ยูคยอมน่ะจงใจแกล้งให้แบมแบมน้อยใจอยู่เห็นๆ แต่คนถูกแกล้งมีหรือจะเอะใจ...ไม่ว่าเมื่อไหร่ แบมแบมก็ไม่เคยรู้อะไรทั้งนั้นนั่นแหละ

    ไม่รู้แม้กระทั่ง...

    “อยากเลิกก็เลิกไปเลย ฮึก..”

    “เราขอเลิกเป็นบัดดี้กับแบม แล้วขอเป็น แฟนแบม แทนได้รึเปล่า?”

    “คนใจร้าย! จะไปไหนก็ไป จะไปไหนก็......ห๊ะ? มะ...เมื่อกี้นายพูดว่าอะไรนะคิมยูคยอม?” ร่างน้อยแทบจะหันหน้าขวับกลับมาในทันที เมื่อกี้อิตาหมีตัวใหญ่พูดอะไรออกมา

    “เราไม่อยากเป็นบัดดี้แบมแล้ว ถ้าอยากให้เราอยู่ตามใจต่อ.. แบมก็ต้องเลื่อนขั้นให้เราก่อน J” ยูคยอมกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ แม้แต่ดวงตาเรียวคมก็ยังส่องประกายวิบวับเสียจนแบมแบมขนลุกซู่

    “แต่...ได้ยังไงกัน?” แบมแบมงงไปหมดแล้ว ทำไมจู่ๆอีกคนถึงพูดกับเขาแบบนี้ล่ะ?







    :) Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×