ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] 5CM ❉ (LULAY vs. KAILAY vs. KRISLAY)

    ลำดับตอนที่ #3 : ( 5CM ) ❉ C H A P T E R . two

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 966
      5
      12 มี.ค. 57





    CHAPTER TWO






     

     

     

    จงอินสะบัดหัวแรงๆ เพื่อไล่ความง่วงงุนที่เกาะติดเขามาตั้งแต่เมื่อคืนให้หลุดออกไป สองมือหนาคว้ากาแฟดำในแก้วช็อตขึ้นมากระดกลงคอหมดในคำเดียว เส้นผมสีบลอนด์กัดจนซีดของเขาชี้ไม่เป็นทรง ตัดกับโครงหน้าคมเข้มที่ดูเรียบนิ่งประหนึ่งว่าเป็นนายแบบหลุดออกมาจากนิตยสารแฟชั่นชั้นสูง ผิวสีแทนของร่างโปร่งไม่เพียงไม่เป็นอุปสรรคต่อการแต่งตัว แต่มันยังช่วยเสริมให้จงอินดูเซ็กซี่ขึ้นได้ไม่ว่าจะอยู่ในชุดอะไรก็ตาม

     

    คนผมทองกำลังจะยกมือสั่งกาแฟดำต่ออีกสองช็อต หากแต่ก็ชะงักลงยามเมื่อเห็นเพื่อนสนิทผิวสีเดียวกันเดินอ้าปากหาววอดเข้ามานั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

     

    “ห้าวววววว” เป็นจื่อเทานั่นเองที่หาวเสียงดัง เจ้าของใบหน้าหล่อคม ยกนิ้วขึ้นขยี้ดวงตาเรียวโฉบเฉี่ยวและดุดันของตนเองอย่างรุนแรง ถูไปถูมา จากขอบตาดำคลำเหมือนหมีแพนด้าก็กลายเป็นสีแดงเถือกไปในที่สุด

     

    “ไงมึง โดนหนักเอาเรื่องนะคราวนี้” จงอินเอ่ยทักเพื่อนตัวสูงที่ปรากฎตัวพร้อมสภาพดูไม่ได้เช่นเดียวกัน(หรืออาจจะหนักกว่า)เขา เส้นผมสีดำซอยสั้นนำเทรนด์ของจื่อเทาชี้ไปชี้มาแบบไร้ทิศทาง เสื้อผ้าก็หยิบแบบสุ่มๆเอา ไม่ได้กะให้มันเข้าชุดอะไรกันสักนิด (ถึงแม้สุดท้ายมันจะออกมาดูเท่ตามสไตล์ของคุณชายคุณหวงจื่อเทาก็ตามที /เบะปาก)

     

    “เออดิ่ ของมึงโดนไร? ของกูนี่แก้มใสๆ เสิร์ฟพร้อมลักยิ้มบุ๋มๆตอนตีสามกว่า ห่า! ตาสว่างทันที!!” แพนด้าจีนโวยลั่น สองมือยกขึ้นมานวดขมับที่ปวดตุ้บๆ เพราะอาการนอนไม่พอที่เข้าจู่โจมเป็นระลอกที่สิบสี่ของวัน จงอินที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่หัวเราะหึหึแบบไร้เสียง ดวงตาสีน้ำตาลไหม้กลอกไปมา พลางเหยียดยิ้มเยาะคนตรงหน้าเบาๆ

     

    นี่ขนาดเทามันได้แค่รูปปกติยังอาการหนักขนาดนี้ ลองเจอรูปหรี่ตาทำปากจู๋แบบเขาดูบ้างสิ...

     

    ของไม่ขึ้นจนหลับตาไม่ลงก็ให้มันรู้กันไป !!!!

     

     

     

     

    “กูว่าเดี๋ยวนี้ตัวเล็กมันชักจะเล่นแรงไปแล้วนะ กะจะให้เราสองคนหลงมันหัวปักหัวปำเหมือนไอ้กวางเถื่อนนั่นรึเปล่าวะ?” พูดแบบไม่ได้คิดอะไร แค่หงุดหงิดตัวเองที่ไม่เคยต้านทานความน่ารักของกระต่ายขี้แกล้งได้ลงเลยสักครั้ง

     

    “มึงก็บ้าหว่ะเทา ตัวเล็กแม่งเคยคิดอะไรกับใครเขาที่ไหนกันล่ะ? ไม่งั้นแม่งรู้ตัวไปนานแล้วว่ากูกับมึงคิดไม่ซื่อ...” นี่ก็พูดเองสะอึกเอง ยิ่งนึกไปถึงสีหน้าท่าทางแบบไว้วางใจเต็มร้อยที่เพื่อนตัวขาวมีให้กับพวกเขา ยิ่งพลันเกิดความรู้สึกผิดขึ้นในใจ

     

    แต่ก็แค่แปปเดียวเท่านั้น เมื่อวินาทีถัดมา มินิคูเปอร์สีน้ำเงิน-ขาวคุ้นตาขับมาจอดนิ่งอยู่หน้าร้านกาแฟ

     

    “สัส! ตายยากชิบ” เทาสบถเสียงดัง เรียกสายตาระอาใจจากจงอินได้นิดนึง ก่อนที่ร่างสูงทั้งสองจะพร้อมใจกันหันไปมองคนที่ก้าวลงมาจากรถเป็นตาเดียว

     

    “อื้อหือ! เสื้อนี่ก็แม่งจะแขนกว้างไปไหน ยกมือขึ้นมาบ๊ายบายทีกูแทบจะเป็นลม” จงอินพยายามทำหูทวนลมกับประโยคโผงผางของเพื่อนสนิท ในขณะเดียวกันสายตาคมก็จับเอาภาพของคนตัวเล็กเบื้องหน้าในชุดเสื้อเชิ้ตผ้าไนลอนสีขาวติดกระดุมมิดถึงคอ ทว่าช่วงแขนกลับตัดกว้าง แบบที่ถ้าคนใส่ยกแขนขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็จะเห็นทะลุไปได้ยันตับไตไส้พุง!!! ถึงจะมีเสื้อคลุมสีเงินเมทัลลิกพาดทับอยู่อีกชั้น แต่มันก็ไม่ได้ช่วยบดบังอะไรให้เลย

     

    “ไอ้ลู่นี่ก็ยังไง? ปกติเห็นหวงตัวเล็กจะตายห่า วันนี้ผีเข้าหรือวะ ถึงได้ยอมให้ใส่เสื้อผ้าแบบนี้เดินออกจากหอมาได้?”

     

    อ่า... ดูเหมือนจะไม่ใช่

     

    เพราะเมื่อจงอินเบือนสายตาไปมองทางฝั่งคนขับ ก็เห็นลู่หานเพิ่งเปิดประตูรถวิ่งตามร่างบางมาติดๆ คนผมสีคาราเมลเอื้อมไปคว้าเสื้อคลุมที่พาดอยู่บนไหล่บางแบบลวกๆ มาสะบัดให้กางออก แล้วสวมแขนทั้งสองข้างของเลย์จางลงไป ตบท้ายด้วยการรูดซิปขึ้นจนสุดแบบรู้งาน ใบหน้าสวยเกินผู้ชายของมันแสดงอาการหงุดหงิดออกมาจนปิดไม่มิด ก่อนจะหันไปตวาดใส่ผู้ชายตัวสูงคนหนึ่งที่ยืนจ้องเลย์อยู่ไม่ไกล

     

    “มองหาพ่อง!? อยากตาบอดหรือไงวะ!!!” นี่ถ้าตัวเล็กไม่ได้ยืนอยู่กับมัน ร้อยทั้งร้อย... จงอินพนันได้เลยว่าลู่หานคงปรี่เข้าไปต่อยหน้าผู้ชายคนนั้นจนเละ

     

    ข้อหาแอบมองหน้าท้องขาวๆ เนียนๆ ของเพื่อนรักตัวเล็กที่น่ารักที่สุดในโลกไง !

     

    “เห็นปะ? หานเตือนแล้วไงว่าไม่ให้ชิงชิงใส่เสื้อตัวนี้ ทำไมต้องดื้อ? ทำไมไม่ฟัง?” ถึงจะนั่งอยู่ในร้าน แต่แค่จงอินอ่านริมฝีปากของคนที่กำลังหงุดหงิดงุ่นง่านผ่านบานกระจกใสตรงหน้า น้ำเสียงของมันก็พาลชัดขึ้นมาเหมือนเขาได้ฟังอยู่ติดขอบสนาม

     

    “กูว่าละ ตัวเล็กแม่งดื้อใส่มาเองแน่ๆ ไอ้กวางนั่นไม่มีวันประสาทกลับปล่อยให้ชิงชิงของมันใส่เสื้อคว้านลึกแบบนี้ออกมาเองง่ายๆหรอก” จื่อเทาคิดเหมือนกันกับจงอิน ร่างสูงทั้งสองมองคู่เพื่อนที่สนิทกันเกินปกติไปอีกสักพัก แล้วก็ต้องรีบหันหน้ากลับมาเก็กหล่อกันแทบไม่ทัน เมื่อคนตัวเล็กที่เป็นหัวข้อประโยคสนทนาวิ่งหนีสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมของลู่หาน ผ่านประตูร้านเข้ามาหาพวกเขาแบบไม่ทันตั้งตัว

     

    “จงอินนนนน เทาอาาาาา ช่วยกูด้วย!!” เสียงหวานลากยาวมาตามตัว ร่างเล็กหย่อนกระเป๋าลงบนเก้าอี้ตัวที่ยังว่าง แล้วยกนิ้วเรียวขึ้นดึงหางตา แลบลิ้นล้อเลียนคนที่ยืนกอดอกทำหน้าบึ้งอยู่อีกฝั่งนึงของกระจก

     

    “แบร่!!” ลู่หานไม่เพียงไม่โกรธ ทว่ายังหลุดหัวเราะออกมาเสียยกใหญ่ แต่เมื่อใบหน้าสวยกวาดสายตามาเจอกับคนผิวเข้มที่มองมาอีกสองคน รอยยิ้มกว้างนั้นก็หายวับไปในทันที

     

    “ดูแลชิงชิงให้ดีล่ะพวกมึง” ประโยคเดิม วลีเดิม กริยาเดิม กรรมเดิม ตั้งแต่คบกับเลย์มา ทั้งจื่อเทาและจงอินไม่รู้ได้ยินไปกี่รอบแล้ว นี่แค่อ่านปาก เห็นแต่ภาพ ไม่ได้ยินเสียง พวกเขาสองคนยังรู้เลยว่าลู่หานมันต้องทนกล้ำกลืนกัดฟันพูดออกมาขนาดไหน ในใจแม่งไม่ได้อยากจะฝากคนสำคัญของมันเอาไว้กับพวกเขาสักนิด

     

    แต่ก็ช่วยไม่ได้อะนะ ;P

     

    เสือกอยากเรียนมหาลัยกีฬาที่ตั้งอยู่อีกฟากของเมืองเอง... ระหว่างนี้สิทธิ์ในการดูแลชิงชิงของมัน ก็เลยต้องตกเป็นของจงอินและเทาไปโดยปริยาย

     

    “มากันนานยัง? แล้วนี่ทำไมพวกมึงสภาพดูไม่ได้เงี้ย?” เลย์หันกลับมาให้ความสนใจเพื่อนผิวเข้มทั้งสองคนเต็มที่ หลังจากลู่หาน(จำใจ)ขับรถออกไปในที่สุด

     

    คิ้วเรียวของคนหน้าหวานเลิกขึ้นสูงด้วยความสงสัย ยามเมื่อเห็นหน้าตาโทรมๆของเพื่อนซี้จับจ้องมาที่ตัวเขาเอง

     

    “คนเรา...ยังจะกล้าถามอีกเน๊อะ?” เทาพึมพัมเบาๆ ก่อนจะขอตัวลุกขึ้นไปสั่งเครื่องดื่มสำหรับร่างบางและตัวเขาเองที่หน้าเคาน์เตอร์ โดยไม่ลืมทิ้งสายตาคาดโทษเอาไว้ให้เลย์ก่อนจะหมุนตัวเดินห่างออกไป

     

    “เอ้า.. ถามก็ไม่ตอบนะเทา มึงนี่ชักจะแปลกๆ” ส่ายหัวบ่นแบบไม่ติดใจอะไรมากนัก เลย์พาตัวเองนั่งลงบนเก้าอี้นวมสีน้ำตาลอ่อนที่ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างเพื่อนซี้ทั้งสองคน ใบหน้าหวานใสอมยิ้มอย่างคนอารมณ์ดี แก้มขวาปรากฎลักยิ้มน่ารักที่กระตุกหัวใจคนมอง เล่นเอาเพื่อนที่เหลืออยู่อีกคนตรงนั้นใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

     

    “ตัวเล็ก...มึงลดความน่ารักลงหน่อยก็ดีนะ” ไม่รู้ว่าเผลอหรือตั้งใจ รู้ตัวอีกทีจงอินก็พูดประโยคนั้นออกไปซะแล้ว

     

    “ลดไม่เป็น เพิ่มเป็นอย่างเดียวน่ะ มีไรมั๊ย?” เลย์ตอบกลับตาใส แต่มุมปากบางที่เหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ทำเอาคนตัวสูงกว่าแทบหมดความอดทน

     

    “งั้นกูไม่เกรงใจแล้วนะ”

     

    “เรื่องอะไร?” ลอยหน้าลอยตาพูด จนทำให้ไม่ทันได้สังเกตเห็น...

     

     

    แววตา... ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกของคนมอง

     

    แววตา... ที่จริงจังที่สุดเท่าที่ผู้ชายชื่อ คิมจงอิน เคยทำมา

     

     

    “เรื่องนี้ไง...” ราวกับรอคอยเวลามานาน จงอินโน้มตัวลงมาหาแล้วกดจมูกโด่งลงบนแก้มเนียนใส สูดเอากลิ่นหอมอ่อนๆที่กรุ่นอยู่รอบตัวร่างเล็กเข้ามาจนสุด ไม่ปล่อยให้คนถูกจู่โจมงงนาน มือหนาก็รีบเลื่อนขึ้นมาจับปลายคาง ช้อนใบหน้าใสที่ขึ้นสีแดงจัดขึ้นมาประทับจูบลงบนแก้มอีกข้างอย่างเท่าเทียมกัน

     

    “มึง...มะ.....มึง......” เลย์จางรู้สึกเหมือนความคิดถูกดูดออกไปจนหมด ดวงตากลมวาวเบิกกว้างไร้คำอธิบาย ดูเหมือนว่าความตกใจกับสัมผัสที่ไม่คุ้นเคยได้เข้าไปหยุดประสาทการทำงานทุกอย่างของสมองเข้าเสียแล้ว

     

    ปากเล็กเม้มเรียบเป็นเส้นตรง ดวงตาหวานเบิกกว้างด้วยความงงงวย ยังไม่ทันจะเรียบเรียงความคิดให้เข้าที่เข้าทาง เสียงนุ่มของตัวการก็พูดแทรกขึ้นมา

     

    “ไง? ช็อคอะดิ่มึง ฮ่าๆๆๆ เหวอเลยดิ่ อึ้งดิ่ เคลิ้มเลยปะ เพ้อเลยปร้าาาาา?” เหมือนทุกอย่างตีกลับพร้อมพายุหมุนวน เลย์กระพริบตาปริบๆ พลางรีสตาร์ทตัวเองขึ้นมาประมวลผลเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่แบบรีบเร่ง จากตอนแรกที่ประสาทการรับรู้ชัตดาวน์ตัวเอง ตอนนี้กลับกำลังคิดไปคิดมาแบบเร็วจี๋ ทั้งหมดก็เพราะเสียงหัวเราะล้อเลียนชั่วๆ ของไอ้คนนิสัยไม่ดีตรงหน้าคนเดียว!!

     

    “มึงไอ้เชี่ยจงอิน!!! มึงแกล้งกูแบบนี้ได้หรอสัส!!!!!!!” ร่างบางตวาดลั่นร้าน ลุกขึ้นยืนทันควัน หันรีหันขวางคว้าเอาหมอนอิงบนโซฟาของโต๊ะข้างๆมาปาใส่หน้าเพื่อนซี้จอมกวนประสาทเข้าแบบไม่ยั้งมือ

     

    “ไอ้ชั่ว! สารเลว ต่ำทราม มึงไอ้เควี่ยยยยยยยย!!!!” ยังไม่ลดเสียงลง ไม่สนใจสายตาใครหน้าไหนที่มองมาทั้งนั้น ฝ่ายคนถูกประทุษร้ายก็แค่ยกแขนขึ้นกัน พลางหัวเราะปากกว้างตาหยีอยู่บนเก้าอี้ของตัวเอง

     

    “มึงทำอะไรกันวะเนี่ย? คนมองเต็มร้านแล้วนะเว้ย” เทารีบเดินเข้ามาห้ามทัพ มือหนาวางแก้วเครื่องดื่มลงบนโต๊ะ แล้วคว้าเอาข้อมือของเลย์ที่ฟาดใส่จงอินแบบไม่ลืมหูลืมตาให้หยุดลง

     

    “ตัวเล็ก เชี่ยดำนี่ทำอะไรมึง?”

     

    “ถามแม่งดูสิ!” เลย์โกรธจนหน้าแดงจัด ดวงตาไร้แววขี้เล่นอย่างที่เคย ร่างเล็กเมินหน้าไม่ยอมสบตากับจงอิน ปากอิ่มเม้มแน่นด้วยความไม่พอใจ ทำท่าคล้ายจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ปล่อยให้เทาส่งสายตาคาดคั้นเพื่อนนิสัยไม่ดีตรงหน้าเอาเอง

     

    “จงอิน มึงทำอะไรเลย์?” เทากดเสียงเข้มขึ้น เขาไม่ชอบเวลาที่มีคนคนหนึ่งในกลุ่มเพื่อนถูกกันออกไปจากเรื่องราวบางอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเขาเป็นคนคนนั้น

     

    ต่อให้ภายนอกจะดูเป็นคนหยาบคายไม่ละเอียดอ่อน แต่เทาก็เป็นผู้ชายที่จริงใจ ซื่อสัตย์ และตรงไปตรงมาที่สุดในกลุ่ม ดังนั้นถ้าตกลงกันแล้วว่าจะไม่มีความลับระหว่างกัน...

     

    ไม่ตัวเล็กก็ไอ้ดำนี่ต้องมีซักคนที่พูดออกมา!

     

     

     

     

     

    “.....” ทว่าคราวนี้เพื่อนทั้งสองคนไม่มีใครยอมตอบ ลำพังเลย์ไม่ตอบเทายังพอเข้าใจได้ แต่กับคิมจงอินคนที่รู้ไส้รู้พุงกันทุกอย่าง แล้วมานั่งตีหน้ากวนประสาทแต่ปิดปากเงียบนี่เทายอมไม่ได้เด็ดขาด

     

    “มึงจะไม่พูดใช่มั๊ยจงอิน? อย่าให้กูโมโหนะสัส!!” หวงจื่อเทาขึ้นเสียงบ้าง ใบหน้าคมไม่ปรากฎร่องรอยของการล้อเล่นใดๆ แต่ไม่ใช่กับจงอิน...

     

    คนตัวสูงจอมก่อเรื่องคนนั้น ยังประดับรอยยิ้มบางไว้ที่มุมปากอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว มิหนำซ้ำยังเอนหลังลงพิงกับพนักเก้าอี้ แล้วยกขายาวขึ้นมาพาดไขว่ห้าง ตีหน้าเป็นใส่อีกหนึ่งคำรบ

     

    “ก็แค่เรื่องไร้สาระน่ามึง” คำว่าไร้สาระยังจุดชนวนความโกรธในตัวจื่อเทาขึ้นมาไม่ได้เท่ากับความโกรธของคนตัวเล็กที่ถูกแกล้งเมื่อสักครู่ ในใจของเลย์เหมือนมีภูเขาไฟลูกใหญ่กำลังระเบิดและปะทุขึ้นมาอย่างรุนแรง

     

     

    หอมแก้มกูสองข้างก็ว่าโกรธแล้ว . .

     

    ยังจะมาหัวเราะเยาะแกล้งทำเหมือนเป็นเรื่องเล่นๆ ให้กูยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่

     

    แล้วตอนนี้มึงยังเสือกพูดอีกนะว่าเป็นแค่เรื่องไร้สาระ?

     

    ได้!!! ตกลงมึงจะเอาแบบนี้ใช่มั๊ยไอ้เชี่ยดำ!!!!!!

     

     

    ใบหน้าหวานบึ้งตึงไร้รอยยิ้ม มือเล็กบิดออกจากมือหนาของจื่อเทา คว้าไปที่แก้วกาแฟร้อนจัดตรงกลางโต๊ะ เล็งเป้าที่เสื้อเชิ้ตสีดำตัวโปรดของคนใส่ แล้วสาดไปเต็มๆจนหมดแก้ว!!!

     

    - - ซ่า!! - -

    “ตัวเล็ก!!!!!!” จงอินสะดุ้งสุดแรงเพราะความร้อนของน้ำสีดำสนิทที่ปะทะเข้ามากลางอกกว้าง ใบหน้าหล่อเหลาเหยเกด้วยความเจ็บปวด ยังดีที่ภายใต้เสื้อเชิ้ตสุดรักยังมีเสื้อกล้ามใส่ทับอยู่อีกชั้น ความร้อนที่ผ่านเข้าไปถึงผิวหนังเลยไม่มากเท่าที่ควรจะเป็น

     

     

    แต่...

     

    แววตาที่เลย์มองเขาอยู่ตอนนี้ต่างหาก ที่มันกำลังเผาจนเขาแสบไปถึงหัวใจ

     

     

    “เลย์...กูไม่ได้จะ....”

     

    “ไปกันเถอะเทา กูไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว” กดเสียงลงต่ำจนคนฟังใจหาย จงอินที่ตั้งท่าจะพูดอะไรบางอย่างจำเป็นต้องปิดปากเงียบ กว่าที่จะสำนึกได้ว่าเผลอทำอะไรลงไป คนตัวเล็กก็คว้ากระเป๋าเดินลิ่วออกจากร้านไปแล้ว

     

    “.....” เหลือเพียงจื่อเทาที่ยืนกอดอกมองสภาพของจงอินอยู่ที่เดิม สองตาเรียวคมของร่างโปร่งกวาดมองเพื่อนตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมาให้จงอินตีความหมายได้ ทิ้งไว้เพียงแต่คำพูดไม่กี่คำ ให้คนฟังสะอึกเล่น ก่อนจะหันหลังเดินตามคนสำคัญอีกคนออกไปทันที

     

     

     

    ...

     

    มึงผิดสัญญา

     

     

     

     

    จงอินเข้าใจทันทีว่าเทาหมายถึงเรื่องอะไร... เรื่องอื่นเทาอาจจะให้อภัยได้ แต่ไม่ใช่กับเรื่องนี้

     

    ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์แบบไหน แต่ถ้ามีคนวงในเป็นสาม ไม่ใช่สอง..

     

    การระแวงสงสัย ปิดบัง ซ่อนเร้นเรื่องราวต่างๆจากกันและกัน อาจจะทำให้ความสัมพันธ์ที่เปราะบางอยู่แล้ว พังครืนลงมาอย่างง่ายดาย

     

    เมื่อมีสามคน สุดท้ายก็ต้องมีหนึ่งคนที่เจ็บ

     

     

     

     

    ... ทฤษฎีสากลที่ใช้ได้ผลเสมอไม่ว่าจะกับเรื่องความรัก หรือเรื่อง เพื่อนรัก ก็ตาม ...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ร่างสูงในชุดสีดำที่ยังเลอะคราบกาแฟ นั่งนิ่งอยู่ข้างบ่อน้ำหลังคณะเศรษฐศาสตร์ ใบหน้าคมเข้มเหม่อมองไปยังตึกสีครีมสูงสิบหกชั้นที่วางตัวขวางอยู่เบื้องหน้า แล้วก็พาลนึกไปถึงคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาเรียนวิชาเอกอยู่ข้างในตึกนั้น

     

    ยิ่งนึกถึงแววตาเย็นชาที่ร่างบางมองมาก่อนจะจากกัน เขาก็ยิ่งหายใจติดขัด ความรู้สึกหน่วงๆหนักๆในอกกระจายตัวลามกัดกินไปถึงหัวใจ คิมจงอินไม่แน่ใจนัก ว่าทำไมเขาถึงได้รู้สึกแบบนี้?

     

    เมื่อแปลความหมายไม่ออก ร่างสูงก็ตัดสินใจทิ้งตัวลงนอนราบลงไปกับพื้นหญ้า ตั้งแต่โดนเทาพูดใส่หน้าเมื่อตอนเช้า เขาก็เอาแต่นั่งนิ่งอยู่ที่นี่มาเกือบจะครึ่งวัน

     

    ทีแรกก็ไม่ได้ตั้งใจจะโดดเรียนหรอก...  แต่เมื่อก้าวขาเข้าไปในห้องแล้วเห็นว่าร่างเล็กเอาแต่ซุกตัวอยู่ติดกับเพื่อนสนิทตัวสูงอีกคน มันก็พาลหงุดหงิดจนหมดอารมณ์เรียนขึ้นมาเสียดื้อๆ รู้สึกตัวอีกทีสองขายาวของเขาก็มาหยุดลงตรงนี้เสียแล้ว

     

    “บ้าชิบ!” ตวาดใส่ตัวเองแล้วก็ได้แต่นอนบ้าอยู่บนพื้น ความรู้สึกของจงอินตีกันสับสนวุ่นวาย บอกไม่ได้ว่าในใจมันคิดอะไรอยู่กันแน่?

     

     

    โกรธตัวเองที่ดันโง่ทำอะไรลงไปไม่คิด?

     

    รู้สึกผิดที่ไม่รักษาสัญญาลูกผู้ชายกับเทา?

     

    หรือที่จริงแล้ว... เขากำลังหึงคนตัวเล็กจนเลือดขึ้นหน้ากันแน่?

     

     

    “เชี่ยไค! ทำไมมึงมานอนหมดท่าอยู่ตรงนี้วะ?” เสียงคุ้นหูที่ร่าเริงจนเกินเหตุดังกลบเสียงความคิดของจงอินไปจนหมด ร่างสูงเหลือบสายตาไปมองผู้มาใหม่ ก่อนจะเบือนหน้าหนีกลับมามองจ้องท้องฟ้าเช่นเดิม

     

    “โหยยย.. เมินกูเลยหรอสัส!” ร่างสูงโย่งของเพื่อนเก่าเพื่อนแก่เดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ สองแขนเรียวยาววางรับน้ำหนักตัวอยู่ด้านหลัง ใบหน้าหล่อน่ารักประดับไปด้วยรอยยิ้มที่สว่างสดใสจนไม่ว่าใครก็ต้องเผลอยิ้มตาม

     

    ยกเว้นไว้ก็แต่คิมจงไคคนนี้คนเดียว...

     

    เพราะไม่ว่าอย่างไร เจ้าของเส้นผมสีบลอนด์ซีดก็ยังคงตีหน้านิ่งคล้ายติดจะเอือมระอาใส่คนตรงหน้าอยู่เช่นเดิม

     

    “หนวกหูหว่ะปาร์ค ไปพูดมากไกลๆไป” ไล่แบบไม่กลัวคนฟังเสียความรู้สึก ในขณะที่คนฟังก็แทบจะไม่สะทกสะท้านอะไรกับคำพูดประโยคนั้น กลับกันยังรั้งแต่จะทำให้ชายหนุ่มเจ้าของหูทรงเอลฟ์อันเป็นเอกลักษณ์ระบายยิ้มกว้างบนใบหน้ามากขึ้นกว่าเดิม

     

    “อ้อนตีน” ด่าจบก็ทิ้งตัวลงนอนตามเพื่อนผิวเข้มบ้าง แต่ทนนอนอยู่นิ่งๆเงียบๆได้ไม่ถึงครึ่งนาที คนตัวสูงยิ้มสวยรวยฟันก็ส่งเสียงดังขึ้นมาเหมือนเดิม

     

    “มึงเป็นอะไรวะไค? ตกลงมึงจะไม่บอกกูจริงๆหรอว่าอะไรทำให้เพื่อนกูมานอนเน่าเป็นหมาตายซากอยู่แบบนี้?” จงอินรู้สึกเหมือนกับเอ็นที่เท้ามันอยากจะกระตุกใส่ตูดเพื่อนปากมากเต็มแก่ แต่เห็นแก่ บยอนแบค เดือนนิเทศแฟนของ ปาร์คชานยอล จอมปากมากเพื่อนเขา หนนี้เลยละไว้ไม่ถีบให้ร่างสูงๆ ของมันตกลงไปลอยหน้าคว่ำอยู่กลางสระน้ำให้ปลาตอดเล่นเอาบุญ

     

    “บอกกูเหอะ ถึงอาจจะช่วยไม่ได้มาก แต่อย่างน้อยกูก็เป็นผู้ฟังที่ดีได้นะเว้ย” คนอยากรู้เรื่องคนอื่นเริ่มอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง

     

    “มึงเนี่ยนะผู้ฟังที่ดี? ห่า! เก็บไว้หลอกตัวเองเถอะปาร์ค”

     

    “เอาน่ะๆ มึงเลิกท่ามากแล้วบอกกูมาได้ละ อีกครึ่งชั่วโมงกูต้องรีบไปรับบยอน”

     

    “เออๆ เห็นแก่แฟนมึงหรอกนะ คือกู....” ว่าจะพูดแล้ว แต่จู่ๆมันก็จุกอยู่ตรงลำคอ แค่นึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อเช้า จงอินก็ทำท่าจะตายอยู่ร่อมร่อ

     

    “คือมึง?”

     

    “กู.....กู..........กูหอมแก้มตัวเล็กหว่ะ” ระดับเสียงเบาจนแทบจะกลายเป็นเสียงกระซิบ แต่วินาทีนี้บอกเลยว่าไม่มีอะไรจะรอดผ่านใบหูกางๆของปาร์คชานยอลไปได้ คนตัวสูงฟังคำตอบจากปากเพื่อนแล้วก็นิ่งอึ้งอยู่ซักพัก ก่อนจะเปลี่ยนเป็นฉีกยิ้มยินดีโชว์ฟันเกือบครบ 32 ซี่ เมื่อแปลงรหัสได้แล้วว่าคนตัวเล็กในประโยคของเพื่อนนั้นเป็นโค้ดเนมของใคร

     

    “เหยดดดดดดดดด!! มึงลงเอยกับเขาแล้วหรอวะเนี่ย กูนึกว่าชาตินี้จะอดแดกไปทั้งชาติแล้วนะสัส! โอ๊ย!!! งี้ต้องรีบไปบอกไอ้ฮุน มันคงเปิดเหล้าเลี้ยงฉลองให้มึงชัวร์ๆ” เสียงดังแหกปากโหวกเหวกโวยวายไม่มีใครเกินคือผู้ชายคนนี้ จงอินถึงกับต้องยกสองมือขึ้นมากุมขมับ ไม่รู้คิดถูกหรือคิดผิดที่พลาดไปเล่าเรื่องให้ไอ้ผู้ฟังที่ดีจอมปลอมคนนี้มันฟัง

     

    “เชี่ย! หุบปากแล้วฟังกูเล่าให้จบก่อน” ตามคำสั่งทันที นายปาร์คคนร่าเริงหุบปากฉับ เบิกตากว้างรอฟังเหตุการณ์อัพเดตต่ออย่างตั้งใจ

     

    “แล้วเขาก็เอากาแฟมาสาดใส่กู” ชานยอลนิ่งอีกครั้ง คราวนี้นิ่งเพราะตามเรื่องไม่ทัน ก็เมื่อกี้ไอ้ดำแม่งบอกมันได้หอมเลย์ ไหงอยู่ดีๆเปลี่ยนมาเป็นเรื่องสาดเสิด กาฟงกาแฟอะไรกัน?

     

    เว้ย! คนหล่อตามไม่ทัน!!!

     

    “มึงเอาใหม่ซิ เล่าใหม่ เอาแบบไม่ต้องตัด ย่อ ย่น ข้ามนะ เอาแบบกวาดเนื้อมาด้วยทั้งหมดเลย จะเติมน้ำเสริมกูก็ไม่ว่า แต่ไอ้ห่า! เปลี่ยนฉากพรึ่บแบบเมื่อกี้กูไม่เอา!!

     

    “กูหอมแก้มเลย์ หอมสองข้างเลยด้วย แล้วพอเขาอึ้ง กูก็เลยหัวเราะใส่หน้า ทำเป็นว่ากูตั้งใจจะแกล้งเขา เขาก็เลยโกรธ เขาก็เลยโมโห เขาก็เลยเอาหมอนมาฟาดใส่กู ด่ากู ตบท้ายด้วยเอากาแฟของไอ้เทามาสาดใส่พุงกู แล้วสะบัดหน้าเดินหนีไป เป็นไง? แบบนี้เนื้อชัดเจนถูกใจมึงพอรึยัง?” เล่าจบก็นึกอยากจะตบหัวตัวเองแรงๆหลายๆที ตอนทำทำไมไม่คิด ทีตอนนี้มารู้สึกผิดอยู่ได้เต็มๆ

     

    “ถูกใจ ถูกใจมากกกก! ถุ้ย!!!!! กูไม่เคยเห็นเพื่อนที่ไหนโง่อย่างมึงเลย ฟายยยยยยย!!! ไอ้ฟายคิมจงไค!! มึงแม่งจะโง่แข่งกับน้องควายให้ได้โล่รึไงวะ? โธ่เว้ย!! แม่งมีโอกาสแล้วก็เสือกทำให้มันพัง บ้านมึงไปหอมแก้มเขาสองข้างแล้วเสือกมาบอกว่าล้อเล่นเนี่ยนะ? ควายยยยยยยย ควายมากกกกกกกกกก กูไม่อยากจะเชื่อเลยว่ากูมีเพื่อนสมองกลวงแบบนี้” เสียงที่ดังอยู่แล้วตอนนี้มันดังกว่าเดิมสิบเท่า จงอินลุกขึ้นจากท่านอนแล้วยันตัวขึ้นมานั่งเผชิญหน้ากับเพื่อนสนิทที่ลุกขึ้นนั่งตัวตรงแล้วเช่นกัน

     

    “มึงด่ากูแบบนี้มึงคิดว่ากูทำผิดงั้นดิ่? เออ! กูมันโง่ กูมันควาย แล้วมึงจะให้กูทำยังไง? เขาเป็นเพื่อนกูนะ จะให้กูสารภาพรักแล้วจบแฮปปี้เอนดิ้งใจตรงกันแบบในละครแม่งก็น้ำเน่าเกินไปมั้ง? ไหนไอ้คนฉลาด มึงบอกกูมาดิ๊ว่ากูควรจะทำยังไง?”

     

    “เพื่อนแล้วไงวะ? เพื่อนกันแล้วรักกันไม่ได้หรือไง มึงดูอย่างจงแดกับมินซอกดิ่ แม่งเพื่อนกันมาตั้งกี่ปี ไล่เตะกัน ตบกัน ด่ากัน สุดท้ายแม่งก็ลงเอยกันจนได้? แล้วอย่างมึงกับเลย์มันต่างกันตรงไหน? ทำไมมันจะเป็นไปไม่ได้วะมึง?”

     

    “มันต่าง...ตรงที่กูไม่ใช่เพื่อนที่เขาอยากจะลงเอยด้วยยังไงล่ะ” จงอินไม่เคยนึกเกลียดลู่หานมากเท่านี้ เมื่อก่อนเขาแค่รู้สึกอิจฉาเวลาที่ไอ้กวางบ้านั่นมันสามารถกอดตัวเล็กได้ จับมือตัวเล็กได้ เป็นห่วงตัวเล็กได้ หวงตัวเล็กก็ยังได้ แต่เขามีอะไร? เขาไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะแอบชอบเลย์เลยด้วยซ้ำ...

     

    แค่นึกก็ปวดเข้าไปถึงหัวใจ ตอนนี้ความรู้สึกที่เขาสงสัยว่าคืออะไรมันเริ่มชัดเจนขึ้นมาจนเขาแน่ใจ

     

     

     

    ใช่...เขาไม่ได้ชอบเลย์

     

    ไม่ได้ชอบลักยิ้มหวานๆของคนตัวเล็ก

     

    ไม่ได้ชอบน้ำเสียงใสๆเวลาเพื่อนสนิทตั้งใจร้องเพลงให้ฟัง            

     

    ไม่ได้ชอบกลิ่นหอมๆจากสองแก้มใส

     

    ไม่ได้ชอบอะไรที่เป็นตัวเลย์จางเลยซักอย่าง....

     

    เพราะที่จริงแล้ว... เขาตกหลุมรักทุกอย่างที่ว่ามานั้นตั้งแต่ต้น

     

    ...ตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้เจอกันในงานรับน้อง...

     

    ...ตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้ยินร่างบางแนะนำชื่ออยู่หน้าแถว...

     

    ...ตั้งแต่ที่รอยยิ้มนั้น มือคู่นั้น ถูกส่งมาให้เขาในวันที่เราเริ่มทำความรู้จักกัน...

     

    ใช่... เขาตกหลุมรักเลย์จางจนถอนตัวไม่ทันแล้วจริงๆ

     

     

     

    “มึงรู้ได้ยังไงว่ามึงไม่ใช่เพื่อนคนนั้น? เขาบอกมึงรึไง?” ยิ่งเห็นท่าทางเหมือนหมาปลงตก ชานยอลยิ่งไม่สามารถปล่อยให้ความรักที่ยังไม่ทันได้เริ่มของเพื่อนจบลงในสภาพแบบนี้ได้ คนตัวสูงเลิกคิ้ว กอดอก จ้องหน้าคิมจงไค หวังจะเตือนให้เพื่อนได้สติซักที

     

    “เขาไม่ได้บอก แต่ใครๆก็รู้กันทั้งนั้น มึงก็เคยเจอลู่หานไม่ใช่รึไง? นั่นต่างหาก คนนั้น...คนที่ตัวเล็กมันจะลงเอยด้วยน่ะ” ยิ่งพูดก็ยิ่งเหมือนตอกย้ำตัวเอง จากที่ใจใกล้จะสลายอยู่แล้ว ตอนนี้เลยยิ่งเละกว่าเดิม

     

    “แต่เขาก็ยังไม่ได้ลงเอยกัน มึงไม่ต้องมามองหน้ากูแบบนั้น กูไม่ได้พูดอะไรผิด! คนคบกันแล้วยังเลิกกันได้ แล้วนับประสาอะไรกับคนที่ยังไม่ได้คบวะ สองคนนั้นก็แค่สนิทกันมาก่อน รู้จักกันมาก่อน มันไม่ใช่ว่ามึงไม่มีสิทธิ์ซักหน่อยไค มึงอย่ามาทำป๊อดให้กูหมั่นไส้ตอนนี้ ลองดูซักตั้งสิวะ!! บอกเขา รุกเขา ทำให้เขารู้ว่ามึงรัก.. เลิกวางตัวเป็นเพื่อนแล้วสร้างสะพานขยับสถานะให้ตัวเองได้แล้ว ถึงเวลานั้นถ้าเขาไม่เอามึง กูนี่แหละจะเลี้ยงเหล้าปลอบใจ แถมด้วยนั่งร้องไห้เป็นเพื่อนมึงเอง!!” พูดยาวแบบไม่เปิดโอกาสให้คนฟังพูดแทรกจนถึงตอนจบ ชานยอลก็ยกมือหนาขึ้นมาทุบอกตัวเองสองครั้ง เป็นการประกาศคำสัญญาต่อเพื่อนซี้ร่วมรุ่นในสไตล์ของผู้ชายตระกูลปาร์ค ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มของคนตัวสูงดูจริงจังมากกว่าทุกครั้ง

     

    มาก...เสียจนทำให้จงอินเริ่มคล้อยตาม

     

    “กูกลัว” แต่ก็ยังไม่วายเป็นกังวล เวลาคนเรามีความรัก ไม่ว่าอะไรก็พาลจะเป็นห่วงไปเสียหมด จงอินเองก็เช่นกัน คนผมบลอนด์กลัวเหลือเกินว่าหากสุดท้ายเลย์ไม่รับรักยังไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าคนตัวเล็กตัดแม้แต่ความเป็นเพื่อนระหว่างกัน ถึงวันนั้นเขาจะทนอยู่ต่อไปยังไงไหว?

     

    “มึงจะกลัวอะไรของมึงอีกห๊ะ?”

     

    “กูกลัวว่าถ้ามันจบไม่สวย เขาจะไม่เหลือให้กูแม้แต่ความเป็นเพื่อน” แค่คิดก็เหมือนจะตาย แค่จินตนาการว่าเลย์ไม่แม้แต่จะมองหน้าเขา จงอินก็แทบจะล้มลงขาดใจเสียตรงนี้

     

    “ข้อนี้กูว่ามึงถามตัวเองเถอะ มึงลองใช้สติและความเป็นเหตุเป็นผลทั้งหมดที่เหลืออยู่ในสมองกลวงๆของมึง คิดให้ออกซิว่า..เลย์คนที่มึงรักน่ะ เขานิสัยแบบไหน?” เหมือนแสงสว่างจากฟ้ามาเปิดตาอันมืดบอดของจงอิน ภาพของเลย์ที่ผุดขึ้นมาในสมองของเขามีแต่ท่าทางและสีหน้าจริงจังแน่วแน่ยามเมื่อสัญญากันว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเขาสามคนก็จะเป็นเพื่อนกันไปจนตาย

     

    ...ไม่ว่าใครจะเปลี่ยนไป ไม่ว่าใครจะดีขึ้นหรือเลวลงแค่ไหน เพื่อนก็คือเพื่อน...

     

     

     

     

    เพื่อนกันจนวันตาย!

     

     

     

    “มึงพูดแล้วนะไอ้ปาร์ค ถ้ากูผิดหวังกลับมา อัญเชิญมึงปิดผับเลี้ยงเหล้ากูไว้เลย” คำพูดล้อเล่น กวนประสาทตามแบบของคิมจงอินคนเก่ากลับมาแล้ว ชานยอลเองก็เบาใจขึ้นไปสามเปลาะ คนเราแม่งก็งี้...

     

    เรื่องของคนอื่นล่ะเชี่ยวชาญนัก พอเรื่องของตัวเองทีไร...โง่เอาตัวไม่รอดกันทุกราย !!

     

    “มึงไม่ผิดหวังหรอกเว้ย! มึงเป็นใคร? มึงคิมจงไคเพื่อนสุดหล่อปาร์คชานยอลซะอย่าง เลย์ไม่เอามึงก็ตาถั่วแล้ว ฮ่าๆๆๆๆ” คราวนี้เสียงหัวเราะดังลั่นของชานยอลไม่ทำให้จงอินหงุดหงิดอีกต่อไป เจ้าของดวงตาเรียวสีน้ำตาลไหม้กลับนึกขอบใจเพื่อนสนิทตัวสูงโย่งคนนี้อย่างมากเสียด้วยซ้ำ ต้องขอบคุณมันที่เตือนให้เขาเห็นอะไรหลายๆอย่าง อะไรที่มองข้ามไปตั้งนานแล้ว...

     

     

     

     

    ใช่! ลู่หานอาจมีภาษีดีกว่าคนอื่นตรงที่มันคบกับเลย์มานาน สนิทกับเลย์มาก่อน

     

    แต่มันอาจจะลืมไป ว่ายิ่งเป็นเพื่อนกันนานมากเท่าไหร่ สถานะมันก็ยิ่งเปลี่ยนแปลงไปได้ยากมากเท่านั้น!

     

    เขาต่างหากที่ยังมีโอกาส เขาต่างหากคนที่น่าจะสารภาพรักกับเลย์ได้...

     

    เอาวะ! ลองมันซักตั้ง ให้มันรู้กันไปว่าหนุ่มเจ้าของตำแหน่งมิสเตอร์เซ็กซี่ประจำมหาลัยจะทำให้คนตัวเล็กๆหวั่นไหวไม่ได้เลย

     

    คิดได้แบบนั้นจงอินก็ลุกพรวดขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะใช้สองมือปัดเศษหญ้าที่ติดตามเสื้อผ้าออกจนหมด จัดแจงแต่งทรงผมอีกเล็กน้อย กระตุกยิ้มหวานเรียกเรตติ้งที่มุมปากอีกซักหน่อย แล้วหันมาเก็กหน้าหล่อพูดกับเพื่อนสนิทผู้มีพระคุณด้วยเสียงนุ่มๆอันเป็นเอกลักษณ์ว่า...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ปาร์ค! มึงไปรับแฟนมึงได้ละ เดี๋ยวกูจะไปรับว่าที่แฟนกูเหมือนกัน!!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
    มันมาแล้วค่ะ! =///= คิมจงไคและพายุลูกใหญ่กำลังจะมา...
    คือตอนแรกคิดแล้วนะว่าตอนนี้มันไม่หวาน แต่ไม่รู้ทำไม? แต่งไปแต่งมากรี๊ดพี่ไคมากกว่าพี่หานซะงั้น
    ส่วนตัวยูว่าแบบนี้มันหวานดีนะ หวานตรงที่มันไม่ใช่ฉากแสดงความหวานซักนิด,
    แต่พี่แกก็ดันแหวกมาให้เรากรี๊ดกันได้ >___<  ถถถถถถ /ขอยูเชียร์จงอินเถอะนะนาทีนี้ !!!

     

    ตอนนี้น้องอี้น่ารักมั๊ยคะ? แต่งมาจนจบตอนคืออยากรู้แค่นี้ ? 55555555
    ตั้งใจว่าไม่ว่ายังไงก็อยากให้อาอี้น่ารักออกมาได้ทุกตอน ..
    คือยูเมนอี้ค่ะ =w= ดังนั้นทุกคนต้องทนกับการสปอยน้องอี้ของเค้านิดนึงนะ /*โอเค ไม่นิดแต่มากเลยแหละ*/
    ชมด. ใครใช้ให้อี้มุมิเงี้ยยยยยย <3 ใครเห็นใครก็ต้องหลงรักเป็นธรรมดา !

     

    ยังคงเวิ่นเว้อได้ยาวและไร้สาระเช่นเคย 555555 ขอโทษด้วยนะคะทุกคน,
    ต้องมาทนอ่านทอล์กเพี้ยนๆตลอด TT พูดถึงเนื้อเรื่องซักนิด ...
    คือตอนนี้ไม่หวานเหมือนตอนพี่ลู่นะคะ ขอโทษด้วยจริงๆถ้าเค้าทำให้ใครที่รออยู่ต้องผิดหวัง L
    ด้วยบริบทของจงอินมันทำไม่ได้แบบพี่ลู่อะ นิสัยนางก็ไม่ใช่ละ
    ,เอะอะไม่ได้ถึงเนื้อถึงตัวตลอดเหมือนพี่หานคนแมนเขา =..= แต่คือพวกนางเป็นเพื่อนกันจริงๆ
    เพื่อนแบบกลุ่มผู้ชายในมหาลัยไรแบบนี้เลย ดังนั้นมันจึงออกมาในรูปแบบนี้ค่ะ !
    แต่รับรองได้ว่าคู่นี้ก็น่าเชียร์นะคะ >///< โมเม้นต์อาจไม่เยอะสู้พี่หาน แต่ปริมาณความหวานนี่ไม่แพ้
    5555555555555555 อย่างกะยูกำลังโฆษณาขายของ !

     

    เอาเป็นว่าขอบคุณสำหรับทุกการติดตาม ทุกยอดวิว ทุกคอมเม้นต์ ทุกการแอดเฟบเช่นเคยนะคะ >w<
    เป็นกำลังใจและแรงผลัก(กด)ดันในการปั่นฟิคชั้นเยี่ยมเลยจริงๆ -///- ปั่นแล้วสนุกอะเรื่องนี้..
    ต้องมานั่งลุ้นแทนอาอี้ว่าวันนี้จะเจอใครมาจู่โจม 5555555555555
    ยังไงชอบไม่ชอบ, หรืออยากติ-ชม อยากให้ปรับปรุงแก้ไขตรงไหน? ก็เม้นบอกกันได้เต็มที่เลยนะจ๊ะ #
    รักรีดเดอร์ทุกคนม๊ากมาก >3< รักไม่ยอมเปลี่ยนแปลงงงงงงงงงง !!!
    #ฟิคห้าซีเอ็ม

     

    ปล.รู้สึกเหมือนเราลืมๆใครไปกันมั๊ย? คนชื่อคริสวูอะไรเนี่ย, ยังมีตัวตนอยู่ในฟิคเรื่องนี้รึเปล่า? ฮ่าๆๆๆๆ

    ปล2.โดยส่วนตัวแล้ว ยูชอบผู้ชายคาแรกเตอร์แบบจื่อเทามากทีเดียวค่ะ !!

     

     

     





    E é主
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×