ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] 5CM ❉ (LULAY vs. KAILAY vs. KRISLAY)

    ลำดับตอนที่ #16 : ( 5CM ) ❉ C H A P T E R . thirteen

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 565
      6
      31 ส.ค. 57



    CHAPTER THIRTEEN

     

     

     

     

     

    “มาทำไม?” ริมฝีปากบางเฉียบของมังกรหนุ่มเจ้าของส่วนสูง 190 เซนติเมตร ถามขึ้นทันทีเมื่อมองเห็นใบหน้ากวนอารมณ์ของผู้ชายอีกคนที่อาศัยอยู่บ้านหลังข้างๆ โผล่เข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ

     

    “เสือก!” กวางหนุ่มผู้เชิญตัวเองมาเป็นแขกของบ้านตระกูลจางตั้งแต่ยังไม่ทันจะ 8 โมงดี เหลือบหางตาไปมองคู่อริแล้วกระแทกเสียงใส่แทนคำตอบ ใบหน้าหล่อละมุนของลู่หานกวาดมองไปทั่วทั้งบริเวณห้องอาหารที่ไม่ปรากฎร่างใคร นอกจากคุณชายเจ้าปัญหาคนเดียวเท่านั้น

     

    “พูดให้มันดีๆ นี่บ้านกูนะไม่ใช่บ้านมึง”

     

    “นี่ก็ธุระส่วนตัวกู มึงไม่ใช่พ่อ ไม่เห็นจำเป็นจะต้องรายงาน” ไม่มีใครยอมลงให้ใคร คริสอู๋ทิ้งช้อนข้าวต้มในมือลงกระแทกขอบชามเสียงดังกริ๊ก ก่อนจะผลักเก้าอี้ถอยหลัง แล้วยันตัวเองขึ้นยืนจนเต็มความสูง

     

    “งั้นเชิญมึงกลับไป กูไม่ต้อนรับ”

     

    “กูไม่ได้มาหามึง” ลู่หานชักจะเริ่มหงุดหงิด ลำพังแค่เจอหน้าไอ้บ้านี่ตั้งแต่เช้าเขาก็เซ็งอารมณ์มากพออยู่แล้ว ยังจะต้องมาต่อปากต่อคำ เตรียมทำสงครามให้ประสาทเสียอีกต่อหนึ่ง

     

     

    โว้ย! นี่มันเวรกรรมอะไรกันวะ?

     

     

    “กูเป็นเจ้าของบ้าน ถ้ากูไม่อนุญาต มึงก็ไม่มีสิทธิ์เข้ามาในบ้านกู”

     

    “ทำอย่างกับกูจะกลัวมึงงั้นแหละ” ลู่หานพูดพลางยักคิ้วกวนประสาท อี้ฟานเห็นแบบนั้นก็ยกหมัดตั้งท่าจะปรี่เข้ามาอัดเพื่อนบ้านให้หน้าหงาย ติดอยู่ก็แค่เสียงนุ่มๆของเจ้าของบ้านอีกคน ที่ดังขัดขึ้นมาจนเขาต้องยอมรามือ

     

    “ไอ้คริสหยุด” เป็นจุนมยอนนั่นเองที่เดินเข้ามาจากห้องโถงใหญ่ ร่างโปร่งของคุณชายจางคนโตในชุดสเวตเตอร์สีครีมและภาพลักษณ์แสนอบอุ่นอันเป็นเอกลักษณ์ ปรากฎตัวพร้อมรอยยิ้มการค้าบนใบหน้าดังเช่นที่เคยเป็น

     

    “ห้ามกูทำไมวะไอ้จุน?”

     

    “มึงต่อยมัน อี้ก็โกรธมึง เลือกเอาละกันไอ้คริส...” ไม่ต้องเปลืองแรงอะไร แค่คำพูดง่ายๆ ประโยคเดียวของจุนมยอนก็ทำให้อี้ฟานหยุดชะงัก ร่างสูงจัดขมวดคิ้วแล้วส่งเสียงฟึดฟัดอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะจบลงด้วยการลดหมัด แล้วหันกลับไปเตะเก้าอี้อย่างแรง

     

    “แม่งเอ้ย!

     

    “ต่ำชิบหาย”

     

    “มึงว่าไงนะไอ้เชี่ยลู่?”

     

    “กูบอกว่ามึงมันต่ำชิบหาย! เอะอะอะไรก็ดีแต่ใช้กำลัง โตเป็นควายแล้วยังใช้สมองไม่เป็น อ้อ? ลืมไป...สงสัยสมองมึงมันคงฝ่อตายห่าไปหมดแล้ว” ลู่หานพ่นคำพูดออกมาใส่หน้าที่เริ่มแดงจัดเพราะความโกรธของศัตรูฟ้าประทาน คนตัวเตี้ยกว่าเงยหน้าขึ้นท้าสายตาของอีกฝ่ายอย่างถือดี เดิมทีเขาก็ไม่ใช่คนที่จะหาเรื่องใครก่อนหรอก แต่วันนี้มันไม่เหมือนกัน...

     

    เขาอารมณ์ไม่ดีอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว เพราะตั้งแต่เมื่อวันก่อนจนกระทั่งเช้าวันนี้ ชิงชิงก็ยังไม่ติดต่อหาเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งมันไม่น่าเป็นไปได้? ตั้งแต่เล็กจนโตชิงชิงไม่เคยอยู่ห่างจากเขาได้เกินสิบชั่วโมง อย่างน้อยไม่เจอกัน ก็จะต้องโทรหา ถ้าไม่ว่างโทรหา อย่างน้อยที่สุดเลยก็จะต้องส่งข้อความมาถามไถ่ความเป็นไปในชีวิตของเขา

     

     

     

    ...แต่ชิงชิงหายไปเลยแบบนี้มันผิดปกติ...  

     

     

    โดยเฉพาะเมื่ออยู่กับไอ้เชี่ยอู๋ด้วยแล้ว ลู่หานยิ่งมั่นใจว่ามันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล !

     

     

     

    “ชิงชิงอยู่ไหน?” ใบหน้าหล่อเรียวของลู่หานหันกลับไปถามจุนมยอนที่ยืนกอดอกนิ่งคล้ายกำลังประเมินสถานการณ์

     

    “ข้างบน”

     

    “ขอบคุณ” เมื่อได้คำตอบที่ต้องการลู่หานก็ตั้งท่าจะหมุนตัวเปลี่ยนทิศไปทางบันไดขึ้นชั้นสอง แต่กลับถูกแขนขาวจัดของพี่ชายเพื่อนสนิทยื่นมาขวางเอาไว้เสียก่อน

     

    “นายรอนี่เถอะ ฉันจะขึ้นไปตามอี้ชิงให้” จุนมยอนพูดเสียงเรียบ รอยยิ้มบนใบหน้าของพี่ชายผู้แสนอบอุ่นหายไปเสียแล้ว เหลือเพียงแววตานิ่งสนิทที่ไม่สื่ออารมณ์ใดๆ

     

    “ขอบคุณ แต่ผมจะขึ้นไปเอง”

     

    “ฉันบอกให้รอที่นี่!” คุณชายใหญ่ของบ้านตวาดเสียงลั่น จุนมยอนไม่ชอบให้ใครขัดคำสั่งมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ใบหน้าขาวจัดตวัดไปมองลู่หานด้วยสายตาที่เย็นชายิ่งกว่าตอนที่เจอกันครั้งก่อน ในขณะที่มือเรียวถูกยกขึ้นมาบีบไหล่ของน้องชายข้างบ้านสุดแรง

     

    “ถ้านายไม่รู้จักรอ ก็กลับบ้านไปซะลู่หาน อยากเป็นแขกก็ต้องรู้จักให้เกียรติเจ้าของบ้าน ไม่อย่างนั้นก็เชิญนายกลับไปได้เลย!

     

    “.......” คนอายุน้อยกว่าไม่มีอะไรจะพูดอีก แม้จะไม่พอใจแต่ก็ไม่สามารถแสดงอะไรออกไปได้ จุนมยอนไม่ใช่พี่ชายแสนดีคนเดิมแล้ว ลู่หานเตือนตัวเอง

     

     

    ...ในตอนนี้มีเพียงจุนมยอนที่ต้องการจะกันเขาออกไปจากชีวิตของชิงชิงเท่านั้น

     

     

    ร่างโปร่งของหนุ่มนักกีฬาจำเป็นต้องยืนนิ่งพิงกรอบประตูห้องอาหารอย่างหมดทางเลือก ใบหน้าหล่อละมุนเอาแต่จับจ้องไปที่ปลายบันได เผื่อว่าจะเห็นเงาของใครอีกคนที่จุนมยอนกำลังเดินขึ้นไปตาม

     

     

    เผลอลืมไป...ว่ามีมังกรบ้าบางตัวอยู่แชร์อากาศหายใจในห้องนี้ด้วยอีกคน จนกระทั่งเสียงทุ้มต่ำที่ฟังกี่ทีก็รู้สึกระคายหู ดังแหวกอากาศเข้ามากระแทกโสตประสาทอย่างจัง

     

     

    “มึงอย่ากระอักเลือดตายไปก่อนก็แล้วกันเชี่ยลู่”

     

    “มึงพูดห่าอะไร?” ตากวางตวัดกลับมาจ้องหน้ามังกรตัวใหญ่ที่ยืนบีบพนักเก้าอี้อยู่ด้านหลัง

     

    ในขณะที่ลู่หานนับหนึ่งถึงสิบอยู่ในใจ อี้ฟานก็กำลังสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อข่มตัวเองไม่ให้ปรี่เข้าไปซัดหน้าคู่อริที่ยืนเก๊กท่าถือดีอยู่ริมขอบประตูนั่นเช่นกัน

     

    ในหัวของอี้ฟานมีแต่คำพูดที่จุนมยอนเคยสั่งเอาไว้เมื่อสองวันก่อน

     

     

     

    ทำตามที่กูบอก แล้วกูสัญญาว่ามึงจะได้ตัวอี้ชิงแน่นอน!’

     

     

     

    ...เพราะอย่างนั้นอี้ฟานจะทำให้ทุกอย่างล่มตอนนี้ไม่ได้ เขาจะต้องอดทนเพื่อให้ตัวเองได้เป็นฝ่ายชนะในสงคราม...

     

     

     

    และเหนือสิ่งอื่นใด เขาต้องทำให้ไอ้กวางหน้ายับนี่มัน ตกหลุมพรางก่อนที่จุนมยอนจะพาอี้ชิงกลับมา !

     

     

     

    คิดได้แบบนั้นนายแบบหนุ่มก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เป็นครั้งสุดท้าย เงยหน้าขึ้น แล้วขยับปากเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ตั้งใจให้บาดหูคนฟังออกมาอย่างชัดเจน

     

    น้องอี้เป็นของกูแล้ว” เหมือนสายฟ้าฟาดใส่กลางใจของลู่หาน ชายหนุ่มร่างโปร่งยืนนิ่งตะลึงงัน

     

     

    หนะ...นี่มันหมายความว่ายังไง?

     

     

    คุณชายตระกูลลู่รู้สึกเหมือนโลกรอบตัวหมุนคว้าง แต่ด้วยนิสัยละเอียดรอบคอบของตัวเอง ทำให้ลู่หานยังไม่ปักใจเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์กับคำพูดของศัตรูที่ยืนทำหน้ากวนส้นเท้าอยู่เบื้องหน้า

     

    กับอี้ฟาน...ลู่หานไม่อยากจะเชื่ออะไรแม่งเลย !

     

    “มึงพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงไอ้เชี่ยอู๋!!!?

     

    “มึงไม่เข้าใจหรอลู่หาน...”

     

    “...........”

     

    “แต่ไม่เป็นไร มองหน้าโง่ๆของมึงแล้วกูก็พอจะเข้าใจอยู่ ยังไงกูจะพูดให้ฟังอีกรอบละกัน...คราวนี้มึงตั้งใจฟังดีๆล่ะ ฟังให้ชัดไปถึงหัวใจเน่าๆของมึงเลย”

     

    “เชี่ยอู๋.....”

     

     

     

     

     

    กูได้น้องอี้แล้ว

     

     

     

     

     

     

    “อะ......”

     

     

     

     

     

    “กูกับน้องอี้มีอะไรกันแล้ว มึงได้ยินชัดพอรึยัง?

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ...เอาล่ะไอ้เชี่ยลู่...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ถึงเวลาที่มึงกับกูต้องจบเกมส์กันเสียที !

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    - - ก๊อก ก๊อก ก๊อก - -

     

    เสียงกำปั้นกระทบเข้ากับบานประตูไม้หนาหนัก ดังถี่รัวเสียจนคนที่นอนอยู่บนเตียงนุ่มฟูไม่อาจข่มตาหลับได้อีกต่อไป ร่างบางของจางอี้ชิงค่อยๆยันกายลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงอย่างช้าๆ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนปรือปรอยคล้ายยังไม่ได้สติ อยากจะลุกลงไปเปิดประตูให้คนที่คอยอยู่หน้าห้อง แต่ดูเหมือนสภาพร่างกายจะไม่เอื้ออำนวย

     

     

    อา...ปวดหลังจังเลย

     

     

    “อี้! ตื่นรึยัง? พี่จะเข้าไปแล้วนะ” เสียงนุ่มที่ฟังดูร้อนรนผิดปกติของจุนมยอนลอดผ่านบานประตูเข้ามา อี้ชิงเอื้อมมือไปผลักผ้านวมผืนหนาออกจากร่างกาย ก่อนจะพยายามประคองตัวเองลงจากเตียง

     

    - - แอ๊ดดด - -

     

    “เกิดเรื่องแล้วอี้” จุนมยอนพุ่งสวนเข้ามาจากหน้าห้อง พร้อมกับเสียงตะโกนบอกสถานการณ์ดังลั่น แต่ร่างขาวของคนอายุมากกว่าก็ต้องหยุดชะงักลงกลางคัน เมื่อดวงตากลมหันเบือนมาเห็นสภาพน้องชาย

     

     

    พระเจ้าช่วย!!!

     

    จางอี้ชิงเกือบจะเปลือยไปทั้งตัว !!!!

     

     

    จุนมยอนอ้าปากค้างให้กับภาพที่เห็น อี้ชิงยืนทำหน้างัวเงียแบบคนยังไม่ตื่นดีอยู่ใกล้ๆกับเตียงนอน ร่างผอมบางของน้องชายสุดที่รักมีเพียงแค่บ็อกเซอร์สีเขียวเข้มเท่านั้นที่ใส่ติดกายอยู่ มิหนำซ้ำบนเรือนร่างขาวจัดของเจ้าตัวยังเต็มไปด้วยรอยสีแดงดั่งกลีบกุหลาบที่จุนมยอนแทบไม่ต้องเดาเลยว่าเป็นฝีมือของใคร

     

    ทั้งไหล่ลาด ลำคอ แผ่นอก หน้าท้อง แผ่นหลัง หรือแม้แต่บนเรียวขาสวย

     

    ไม่มีพื้นที่ไหนในตัวของจางอี้ชิงที่จะไม่ปรากฎรอยจูบสีกุหลาบนั้นเลยแม้แต่จุดเดียว

     

     

     

    ไอ้คริส........

     

     

     

    ไอ้คริส...................

     

     

     

    ไอ้คริส.............................

     

     

     

    มึง!!

     

     

     

    มึง!!!!!

     

     

     

    ดี!

     

     

     

    ทำได้ดีมาก!!!

     

     

     

    แทนที่จะโมโหแต่จุนมยอนกลับกระตุกริมฝีปากหยักยิ้มร้ายออกมาด้วยความพึงพอใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน พี่ใหญ่ตระกูลจางมองเลยผ่านท่าทีงุนงงระคนจมความง่วงของอี้ชิงไปอย่างไม่ใส่ใจนัก มือเรียวดึงน้องชายเข้าหาตัว กึ่งลากกึงจูงไปที่ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ของซูเปอร์โมเดลเจ้าของห้อง

     

     

    ใช่...อี้ชิงอยู่ในห้องของคริสตลอดทั้งคืน

     

     

    “เกิดอะไรขึ้นหรอฮะพี่จุน? อี้...ห้าวววว.....อี้กลับไปเอาเสื้อที่ห้องก่อนได้มั๊ย?” พูดไปก็หาวไป กระต่ายตัวน้อยขยี้ตาตัวเองไม่หยุด

     

    “ไม่ได้ มันจะไม่ทันเอา อี้ใส่เสื้อไอ้คริสไปก่อนละกัน จบเรื่องแล้วค่อยมาอาบน้ำทีเดียวเลย”

     

    “เอางั้นหรอฮะ? แต่พี่ฟานมีแต่เสื้อตัวใหญ่ๆนี่นา...” ถูกต้อง! ก็นั่นแหละที่จุนมยอนต้องการ!

     

    มือขาวของคนเจ้าแผนการกระชากประตูตู้เสื้อผ้าให้เปิดออก ก่อนจะลงมือคุ้ยหา จนได้เสื้อยืดสีขาวบางที่คอกว้างเสียจนอี้ชิงดูไม่น่าจะใส่ได้

     

    แต่จุนมยอนก็ไม่สนใจ เขาจับน้องชายให้นั่งลงบนโซฟาเดี่ยวสีน้ำตาลเข้ม ก่อนจะสวมเสื้อตัวยักษ์นั้นลงไปให้ พร้อมรอยยิ้มร้ายและแววตาที่วาววับเสียจนน่ากลัว

     

    ...แต่ก็นะ อี้ชิงไม่ทันได้สังเกตเห็นหรอก...

     

    คนตัวเล็กนั่งนิ่ง ยกสองแขนขึ้น ยอมให้พี่ชายสุดที่รักแต่งตัวให้แบบไม่อิดออด แม้ว่าเสื้อของอี้ฟานจะหลวมเสียจนแทบหลุดออกจากไหล่ของเขาก็ตามที

     

    “เสร็จละ ไหนลุกขึ้นยืนซิ ขอพี่เช็คความเรียบร้อยหน่อย”

     

    “ฮะ” รับคำแล้วก็ลุกขึ้นยืนช้าๆ จุนมยอนที่เห็นแบบนั้นก็ผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก อี้ชิงในตอนนี้ดูคล้ายกับว่าเพิ่งผ่านศึกหนักมาอย่างเห็นได้ชัดเจน

     

    ร่างขาวของหนุ่มน้อยปีสามผู้น่ารัก ถูกคลุมไว้ลวกๆด้วยเสื้อยืดตัวใหญ่ที่หลวมเสียจนเผยให้เห็นไหล่มนที่เต็มไปด้วยร่องรอยแห่งความรักที่เจ้าของเสื้อฝากไว้ให้ นอกจากนั้นเพราะความสูงที่แตกต่างกัน ยังทำให้เสื้อตัวโคร่งยาวจนคลุมบ็อกเซอร์ตัวสั้นของร่างบางมิดไปทั้งตัว

     

    ดูเผินๆ อาจเผลอคิดไปว่าเหนือเรียวขาสวยนั้นไม่มีกางเกงปกปิดอยู่เลยก็เป็นได้

     

    อย่างไรก็ตาม... จุนมยอนจะทำเป็นมองผ่านรอยกัดที่ขึ้นเป็นรอยฟันสีแดงชัดอยู่บนต้นขาของน้องชายสุดที่รักไปก่อน

     

    เอาไว้แผนการสำเร็จเมื่อไหร่ ค่อยมาจัดการไอ้คริสที่ทำเกินขอบเขตไปหน่อย คงจะยังไม่สายเกินไปหรอก(มั้ง?)

     

     

    ...ก็นะ...

     

     

    รอยจูบยังไม่เท่าไหร่...แต่รอยกัดนี่ทำเอาหัวอกพี่ชายอย่างเขาเกิดอาการหวงน้องขึ้นมาทันที !!

     

     

    และแม้จะแอบปรี๊ดแตกอยู่ข้างในอก แต่จุนมยอนก็ต้องจำใจปัดเรื่องจุกจิกในหัวทิ้งไปก่อนที่จะทำให้แผนการใหญ่เสียหาย คุณชายจางคนโตไหวไหล่ปลอบใจตัวเอง พลางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเรียกสติกลับมาดำเนินการตามแผนการที่วางไว้ขั้นต่อไปในทันที

     

     

    ...ได้โปรดเถอะอี้ เล่นตามแผนของพี่ซักครั้งนึง...

     

     

    “อี้...อี้ต้องฟังพี่ให้ดีๆนะ”

     

    “ฮะ?”

     

    “อี้ต้องช่วยคริสมันนะ อี้อย่ายอมให้มันถูกทำร้าย” คำพูดของพี่ชายเรียกสติของอี้ชิงที่กำลังง่วงงุนให้กลับมาเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ได้อย่างไม่ยากเย็นอะไรเลย

     

    “พี่จุนว่ายังไงนะฮะ? ใครทำร้ายพี่ฟาน?” ใบหน้าหวานใสของเลย์จางเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งความตื่นตระหนก ดวงตาสีน้ำตาลแวววาวดุจลูกแก้วเนื้อดีเบิกกว้างขึ้นตามความกังวลที่อัดแน่นอยู่เต็มม็หัวใจ ร่างเล็กถลาเข้าไปเกาะแขนพี่ชาย กระตุกน้อยๆ เพื่อให้คนตรงหน้ายอมตอบคำถามของตน

     

    “พี่ฟานเป็นอะไรฮะพี่จุน? พี่ฟานอยู่ไหน? อี้...อี้จะไปหาพี่ฟาน” ร้อนรนเสียจนคนมองแอบฉลองความสำเร็จของแผนการอยู่ในใจไปเรียบร้อยแล้ว จุนมยอนภายใต้ใบหน้าที่แสร้งฉาบความเศร้าเอาไว้หลบสายตาเลย์จางอย่างไร้พิรุธ เบือนหน้าหนีอีกนิด

     

    ...น้องชายก็เชื่ออย่างหมดข้อสงสัยว่าพี่ชายกำลังลำบากใจที่จะพูดความจริง...

     

    “พี่จุนพูดมาเถอะฮะ พี่ฟานเป็นอะไร? แล้วใครทำร้ายพี่ฟาน?” อี้ชิงถามย้ำ พลางจ้องตาจุนมยอนสลับกับเหลือบมองไปที่ประตูอย่างร้อนอกร้อนใจ

     

    ยิ่งพี่จุนบอกมาเร็วเท่าไหร่ เขาจะได้ออกไปช่วยพี่ฟานไวมากขึ้นเท่านั้น

     

    “คนที่ทำร้ายไอ้คริสคือ...”

     

    “.........”

     

    “คือ....”

     

    “คือใครฮะพี่จุน?”

    .

    .

    .

    .

    .

     

    .

     

     

    .

     

    “ลู่หาน”

     

    “อะ....อะไรนะฮะ?” ชื่อนั้นคล้ายจะสูบเอาความกล้าทั้งหมดทั้งมวลของจางอี้ชิงไป กระต่ายร่างขาวมือสั่นเทา ไม่รู้สักนิดว่าหัวใจข้างในกำลังบีบรัดตัวไว้มากกว่าเดิม

     

     

    หานเป็นคนทำร้ายพี่ฟาน?

     

    จริง.....หรือไม่จริง?

     

     

    ดวงตาคู่งามสั่นไหวด้วยความสับสนที่ตีชนกันอยู่ในหัว เป็นห่วงอี้ฟาน แต่ก็ไม่อยากเชื่อว่าหานจะเป็นคนลงมือกระทำ

     

    ไหนบอกว่าสัญญาไง?

     

    ไม่ว่าจะทะเลากันด้วยเรื่องอะไร...ไหนบอกว่าจะไม่ใช้กำลัง?

     

     

    หัวใจดวงน้อยเริ่มปวดร้าวขึ้นมาเสียจนเจ้าของไม่อาจปกปิดอารมณ์ที่แสดงออกมาผ่านสีหน้า และคนที่ยืนจ้องมองเขามาตลอดอย่างจุนมยอนเองก็ไม่มีทางจะปล่อยให้โอกาสงามๆหลุดมือไป

     

    พี่ขอโทษนะอี้...แต่พี่จำเป็นต้องทำ

     

    จุนมยอนยื่นมือออกไปวางลงข้างแก้มนุ่มของน้องชายสุดที่รักแผ่วเบา ก่อนจะก้มหน้าลงไปกระซิบข้างใบหูเล็กด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจนและหนักแน่นเสียจนหัวใจคนฟังแทบจะพังทลาย

     

     

     

    ลู่หานเป็นคนทำร้ายคริสไงล่ะอี้ชิง

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    กระสุนนัดที่สองถูกยิงออกจากรังเพลิงไปแล้ว

     

     

    จุนมยอนได้แต่คาดหวัง...ว่ามันจะพุ่งตรงไปตัดขั้วหัวใจของเป้าหมาย...

     

     

    ขอแค่กระสุนไม่พลาดเป้า ครอบครัวของเขาก็จะไม่มีวันถูกทำลายลง !!!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ...ไปสิอี้...

     

     

    ...ไปทำให้แผนการของพี่มันปิดฉากลงอย่างงดงาม...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    - - ผัวะ! - -

     

    เสียงหมัดกระแทกเข้าที่ข้างโหนกแก้มของชายหนุ่มเจ้าของเส้นผมสีทองสว่าง ร่างสูงของคริสถูกต่อยจนเซถลาไปกระแทกกับโต๊ะกินข้าวตัวยาวที่ตั้งขวางอยู่เบื้องหลัง นายแบบหนุ่มหน้าสะบัดไปตามแรงหมัดที่ศัตรูคู่อาฆาตปล่อยเข้ามาฟาดกระทบแบบไม่ยั้งมือ

     

    “มึงอย่าอยู่เลย!!” ลู่หานคำรามลั่น ดวงตากวางคู่เดิมบัดนี้ลุกโชนไปด้วยความโกรธที่พุ่งปะทุไปทั่วทั้งร่าง ใบหน้าหล่อละมุนบิดเบี้ยวด้วยแรงแห่งอารมณ์ สองขาก้าวเข้าหาอี้ฟานที่เซถอยหลังไป

     

    “มึงทำแบบนี้กับชิงชิงได้ยังไง? ไอ้เชี่ยอู๋!!! ไอ้สารเลว!!!

     

    “ทำไมกูจะทำไมได้? จะช้าหรือเร็วน้องอี้ก็ต้องเป็นของกู ถุ้ย! มึงไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะมาเห่าใส่กูด้วยซ้ำ” คนถูกต่อยหันไปบ้วนน้ำลายลงพื้น ภายในปากของคริสอู๋คลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดที่เป็นผลมาจากหมัดหุ้มกระดูกของผู้ชายผมสีน้ำตาลตรงหน้า

     

     

     

    เกลียดมันนัก! ชาตินี้เห็นทีจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้หรอก

     

    ไม่ลู่หานก็เขา ไม่ใครก็ใคร...มันต้องตายกันไปสักข้างนึง!!

     

     

     

    อี้ฟานยันตัวเองขึ้นมาช้าๆ ก่อนจะพบว่าคนตรงหน้าขาดสติไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ลู่หานในเวลานี้มีเพียงความโกรธเกรี้ยวเท่านั้นที่กำลังควบคุมจิตใจ ดวงตาที่เคยกวนประสาทเขาตลอดมา กลับหลงเหลือเพียงแค่เปลวไฟแห่งความโกรธแค้นที่กำลังเผาไหม้หัวใจของมันออกมาจากภายใน

     

    “มึงไม่มีวันชนะกูได้หรอกไอ้เชี่ยลู่ จะเป็นเมื่อก่อนหรือว่าตอนนี้ ไม่ว่ายังไงน้องอี้ก็เห็นกูสำคัญกว่ามึงเสมอ” อี้ฟานไม่ได้ตะโกนหรือเสียงดังใส่ลู่หาน ตรงกันข้าม คนผมทองยังเลือกที่จะใช้น้ำเสียงยั่วโมโหตามปกติ แม้จะเจ็บแผลจนอยากพุ่งเข้าไปซัดคืนซักสองสามหมัด แต่เพื่อผลลัพธ์ที่คุ้มค่ากว่านั้น...

     

    สิ่งที่อี้ฟานต้องทำ...จึงมีเพียงแค่การอดทนรอ !

     

    “ไอ้เชี่ย!” สบถออกมาเสียงลั่นแล้วลู่หานก็พุ่งเข้าไปกระตุกคอเสื้อของอี้ฟานเข้ามาในวินาทีถัดไป มือกร้านออกแรงดึงให้คนตัวใหญ่กว่าเสียหลัก บิดองศามืออีกนิด ร่างของอี้ฟานก็ล้มลงไปนอนแผ่อยู่กับพื้นหินอ่อนราคาแพงอย่างง่ายดาย

     

     

    ง่าย

     

     

    ง่ายเกินไป?

     

     

    ...ง่ายเสียจนลู่หานน่าจะเอะใจอะไรบ้าง...

     

     

    “น้องอี้เด็ดมาก”

     

    - - ผัวะ! - -

     

    “หวานมาก”

     

    - - ผัวะ! - -

     

    “หวานจนกูอยากจะกลืนกินเข้าไปให้หมดทั้งตัว”

     

    - - ผัวะ! - -

     

     

    แต่ก็ไม่... ลู่หานไม่ได้เอะใจอะไรกับท่าทางที่เปลี่ยนไปของอี้ฟานเลย เป็นไปได้หรือที่คนป่าเถื่อนแถมยังความอดทนต่ำอย่างอี้ฟานจะไม่ใช้กำลังโต้กลับเลยซักหมัด? เป็นไปได้หรือที่ผู้ชายอันธพาลอย่างมันจะยอมนอนนิ่งให้ลู่หานฟาดกำปั้นลงมาที่ใบหน้าครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไร้การปัดป้อง?

     

    เป็นไปได้งั้นหรือที่มังกรบ้านั่นใจเย็นพอจะพ่นคำน่ารังเกียจพวกนั้นออกมายั่วโทสะเขาเพิ่ม? ในเมื่อเวลาปกติคนที่สติหลุดและคอยแหกปากคำรามใส่คู่ต่อสู้เป็นคนแรกก็คือตัวของอี้ฟานเอง...

     

    ไม่ชอบมาพากลเสียจนลู่หานน่าจะสังเกตเห็นได้

     

    แต่ก็เปล่า... ลู่หานไม่ทันได้ฉุกใจกับท่าทางแปลกๆเหล่านั้น

     

    ในหัวของกวางหนุ่มมีเพียงภาพของกระต่ายน้อยแสนรักที่กำลังถูกไอ้มังกรเลวทรามนั่นย่ำยี !!!

     

    หัวใจของลู่หานเหมือนจะแตกสลาย ดวงตาของเขาเหมือนจะพร่ามัวจนไม่สามารถรับรู้สิ่งใดได้อีก แม้แต่ในหัวสมองก็ว่างเปล่า คงเหลือไว้เพียงความเกรี้ยวกราดและคับแค้นใจ ที่คอยสั่งให้เขาทิ้งหมัดใส่ใบหน้าของผู้ชายสารเลวอีกคน

     

    อู่อี้ฟานต้องตาย!

     

    กล้าดียังไงถึงได้มาพรากชิงชิงของเขาไป!!!!!

     

     

     

    - - ผัวะ ผัวะ ผัวะ!!!!! - -

     

     

     

    “อั๊ก!!” เสียงต่ำที่ลู่หานเกลียดชังเป็นที่สุดหลุดออกมาจากลำคอของคู่อริที่กลายสภาพเป็นกระสอบทรายรองรับหมัดจากเขาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ลู่หานก็ไม่ได้ใส่ใจ...

     

    กวางหนุ่มผู้ที่หัวใจกำลังแตกสลาย ยังคงเงื้อหมัดขึ้น หมายจะส่งออกไปฟาดปากของมังกรพ่นไฟอีกครั้ง แม้ว่ามือของเขาเองจะเจ็บจนเลือดไหลซึมออกมาแล้วเช่นกัน

     

    ...ไม่เลย...

     

    เจ็บเพียงแค่นี้ มันเทียบกับความเจ็บปวดในหัวใจของเขาไม่ได้เลยสักนิด !

     

    ลู่หานทนไม่ได้ แค่เพียงลองคิดว่ากระต่ายน้อยที่เขาดูแลอย่างดีมากว่าครึ่งค่อนชีวิตต้องตกลงไปอยู่ใต้ร่างของใครอีกคนที่เขาเกลียดชังน้ำหน้ายิ่งกว่าใครทั้งหมดในโลก

     

    ปากบางคล้ายจะสั่นพร่า ใบหน้าของลู่หานบิดเบี้ยวไปหมดแล้วในเวลานี้

     

     

    ชิงชิงของหาน...

     

     

    ชิงชิงของหาน....

     

     

    ใบหน้าน่ารัก ลักยิ้มแสนสวย ดวงตาซุกซน และน้ำเสียงที่เขาชอบฟัง

     

    ทุกอย่างของชิงชิงยังคงติดอยู่ในหัวใจของลู่หานเสมอ ทุกๆอย่างนั้นเขารักษาดูแลเอาไว้อย่างดี...

     

    เฝ้าคอยประคบประหงมและอยู่เคียงข้าง... แต่ทำไม?

     

    ทำไมสวรรค์ถึงใจร้ายกับเขาขนาดนี้? ทำไมพระเจ้าถึงต้องเข้าข้างผู้ชายสารเลวไม่มีอะไรดีอย่างอี้ฟาน? ทำไมพระองค์ถึงส่งจางอี้ชิงของลู่หานให้มันไป!!!!!!!

     

     

     

    ไม่ยุติธรรม!!!

     

     

     

    ลู่หานสะบัดหน้าไปมาด้วยความเคียดแค้น มือแกร่งยื่นไปหมายจะฟาดหมัดใส่ศัตรูตัวร้ายที่นอนปิดปากให้เขาต่อยซ้ำแล้วซ้ำเล่า

     

    แต่ก่อนที่กำปั้นแข็งแรงของลู่หานจะได้ทิ้งลงไปกระทบแก้มของอี้ฟานอีกครั้ง เสียงที่แทบจะหยุดลมหายใจของเขาก็ดังสวนขึ้นมา...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!!!!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ...กระสุนนัดสุดท้าย...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    กำลังพุ่งเข้ามาตัดขั้วหัวใจของลู่หานแล้วจริงๆ

     

     

     

     













    50% - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -













     

    จางอี้ชิงแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง...

     

    ในยามที่เขาก้าวขาลงบันไดมาแล้วพบกับภาพที่กรีดหัวใจดวงน้อยอย่างรุนแรง

     

    ผู้ชายสองคนที่สำคัญสำหรับเขามากไม่แพ้ใครกำลังนอนกลิ้งอยู่บนพื้น คนหนึ่งคร่อมตัวอีกคนหนึ่งไว้ กระชากคอเสื้อ แล้วฟาดหมัดใส่ไม่มียั้ง ในขณะที่อีกคนทำเพียงนอนนิ่งรับหมัดที่เหวี่ยงมากระแทกใบหน้าโดยไม่ปัดป้องหรือโต้กลับ

     

    หาน....

     

    พี่ฟาน....

     

    แม้ไม่อยากจะเชื่อ แต่ทุกสิ่งที่ปรากฎให้เห็นอยู่ตอนนี้ก็ยืนยันคำพูดของพี่จุนได้หมดแล้ว หานทำร้ายพี่ฟานจริงๆ

     

    ร่างบางรีบสาวเท้าเข้าไปยังที่เกิดเหตุ ใบหน้าหวานละมุนไร้สีเลือดแต่กลับเจือไปด้วยความเศร้าและความผิดหวังที่พรั่งพรูออกมาจากหัวใจ เลย์จางตะโกนห้ามออกไปสุดเสียง หวังเพียงให้สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่นี้จบลงไปเสียที

     

    “หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!!!!

     

    ได้ผล!!

     

    มือแกร่งของลู่หานชะงักหมัดค้างอยู่กลางอากาศ ร่างเล็กเห็นดังนั้นก็รีบปรี่เข้าไปหาคนที่นอนบาดเจ็บอยู่บนพื้นทันที โดยไม่แม้แต่จะปรายสายตาไปหาอีกคน

     

    “ชะ...ชิงชิง”

     

    “ไม่ต้องมาเรียกนะ!!

     

    “ชิงชิงฟังหานก่อน”

     

    “ถอยไป!” มือน้อยผลักเข้ากลางอกแกร่งจนลู่หานเสียหลักล้มลงไปนั่งอยู่กับพื้นหินอ่อนเย็นเหยียบ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนแสงจับจ้องไปที่ใบหน้าขาวของร่างเล็กที่เขาคิดถึงสุดหัวใจ ทว่าสิ่งที่เขาได้รับกลับมามีเพียงแววตาว่างเปล่าไร้ความรู้สึกที่อี้ชิงส่งให้

     

    แล้วไม่ทันไรกระต่ายน้อยก็รีบเบือนหน้าหนี ก่อนที่จะค่อยๆเอื้อมสองแขนออกไปประคองคนเจ็บขึ้นมานั่งอย่างเบามือ

     

    “พี่ฟาน...เจ็บมากมั๊ยฮะ?” ประโยคเดียวก็ทำเอาหัวใจของลู่หานถูกกรีดจนเป็นแผลเหวอะหวะ กวางหนุ่มจับจ้องคนสองคนที่นั่งกอดประคองกันแนบแน่นเสียจนทำให้หัวใจของเขาแทบจะด้านชา

     

    และในตอนที่อี้ชิงพยุงอี้ฟานให้ลุกขึ้นยืน โดยมีจุนมยอนเข้ามาช่วยประคองอีกแรง สิ่งที่ปรากฎแก่สายตาของลู่หาน ยิ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนกับกำลังตายทั้งเป็น

     

     

    รอยจูบสีแดงที่อยู่ทั่วทั้งตัวของชิงชิงนี่มันหมายความว่ายังไง?

     

    คงไม่ใช่?......

     

     

     

     

    กูได้น้องอี้แล้ว

     

    เสียงทุ้มต่ำของอี้ฟานดังย้อนกลับขึ้นมาในความทรงจำ

     

     

     

     

    ไม่จริง!

     

     

     

     

    ลู่หานไม่เชื่อ!!

     

     

     

    แม้จะบอกตัวเองแบบนั้น แต่ลึกๆแล้วลู่หานไม่อาจปฏิเสธหลักฐานที่ปรากฎให้เห็นชัดเต็มสองตานั้นได้

     

    รอยจูบพวกนั้น รอยกัดพวกนั้น ไหนจะยังเสื้อของอี้ฟานที่อี้ชิงสวมใส่อยู่

     

     

    ทุกสิ่งทุกอย่างมันพุ่งเข้ามาแทงหัวใจของลู่หานเสียจนเป็นรูพรุน...

     

    อยากจะปิดตาไม่รับรู้ภาพเหล่านั้น แต่ยิ่งเจ็บก็ยิ่งอยากจะเห็น อยากจะมองให้ชัดว่าภาพตรงหน้าเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา หรืออาจเป็นเพียงสิ่งที่เขาคิดฝันไปเอง?

     

     

    แน่นอนว่าไม่ใช่...ทั้งหมดที่เขาเห็นนั่น เป็นเรื่องจริง

     

     

    เรื่องจริงที่ลู่หานไม่เคยอยากจะรับรู้มันเลยแม้สักนิดเดียว !!

     

     

    “ทำไมชิงชิงทำกับหานแบบนี้?”

     

    “ทำอะไร?” อี้ชิงหันกลับมามองเพื่อนสนิทที่ยันตัวเองขึ้นมาจากพื้นช้าๆ สองตากลมโตเหลือบมองเพื่อนรักด้วยความผิดหวังที่ครุกรุ่นอยู่ในอก

     

     

    ตัวเองไม่รักษาสัญญา...แล้วยังจะมาหาว่าเขาผิดอะไรอีกงั้นหรือ?

     

     

    “ทำไม...ทำไมชิงชิงถึงยอมให้มัน!!!?” ลู่หานแผดเสียงออกมาลั่น หมดแล้วซึ่งความต้องการที่จะฉุดรั้งอารมณ์โกรธของตัวเอง ร่างโปร่งของคุณชายตระกูลลู่สาวเท้าเข้าหาร่างเล็กอย่างรวดเร็ว มือหนากระตุกแขนเรียวจนอี้ชิงถลาเข้ามาปะทะอกตน

     

    “ชิงชิงลืมหานไปหมดแล้วงั้นหรอ? เวลานอนอยู่กับมัน ในหัวก็มีแต่ชื่อมันใช่มั๊ย?”

     

    “หะ...นี่หานพูดอะไร?”

     

    “ทำไม? หรือหานพูดไม่จริง? ชิงชิงไม่เคยแคร์หาน ไม่เคยสนใจความรู้สึกของหานบ้างเลยซักนิด เวลาไอ้เชี่ยอู๋โผล่หัวออกมาทีไร ชิงชิงก็วิ่งเข้าไปหามัน คิดถึงแต่มัน มองตามหลังมัน!! แล้วหานล่ะ? สำหรับชิงชิงแล้วหานมันเป็นตัวบ้าอะไร?!!!” ตวาดออกไปหมดจนหัวใจเจ็บระบม ลู่หานอยากเขย่าตัวอี้ชิงแรงๆนัก แต่เพราะรัก...รักจนไม่กล้าทำร้ายคนในอ้อมกอด

     

     

    จะดีจะเลวอย่างไร...ต่อให้ชิงชิงจะใจร้ายใส่เขาซักแค่ไหน

     

    ...ลู่หานก็ไม่เคยรักอี้ชิงน้อยลงเลยแม้แต่เพียงนิดเดียว...

     

    เพราะแบบนั้นเขาถึงได้ทนรับความเจ็บปวดอยู่นี่ไง!

     

     

    “เป็นบ้าอะไรเนี่ยหาน!! บุกเข้ามาบ้านคนอื่นเขา มาใช้กำลัง แล้วยังจะมาพูดจาไม่รู้เรื่องอะไรแบบนี้อีกงั้นหรอ? ชิงชิงผิดหวังในตัวหานมากเลยนะ ชิงชิงไม่คิดเลยว่าหานของชิงชิงจะเป็นคนแบบนี้”

     

    “หานของชิงชิงงั้นหรอ? เหอะ!! หานเป็นของชิงชิงแค่คนเดียว แต่ชิงชิงไม่เคยเป็นของหานเลยแม้แต่นิดเดียว!!

     

    “หมายความว่ายังไง? หานเป็นบ้าไปแล้วจริงๆใช่มั๊ย? ทำไมพูดจาออกมาแต่ละคำมันถึงได้ไม่รู้เรื่องแบบนี้? กลับบ้านไปเลยนะหาน กลับไปสงบสติอารมณ์ซะ”

     

    “นี่ชิงชิงไล่หานงั้นหรอ?”

     

    “ไม่ได้ไล่ แค่บอกให้กลับไปสงบสติอารมณ์ ชิงชิงไม่อยากคุยกับคนบ้า”

     

    “ใช่สิ! หานมันบ้า หานมันประสาท หานมันไม่ดีเหมือนพี่ฟานของชิงชิงหรอก หานไม่เคยมีค่าอะไรในสายตาของชิงชิงทั้งนั้น”

     

    “นี่หานจะมาเรียกร้องอะไร? หานเข้ามาบ้านชิงชิง แล้วมาทำร้ายพี่ชายของชิงชิง นี่ยังจะมาโกรธอะไรชิงชิงอีก?” จางอี้ชิงไม่เข้าใจเลยว่าลู่หานเป็นอะไรไป ร่างเล็กหันมาเผชิญหน้ากับเพื่อนสนิทแบบไม่หลบสายตา มือบางถูกยกขึ้นมายันอกแกร่งให้ถอยห่างออกไป โดยมีแรงดึงเบาๆจากอี้ฟานที่จับมืออีกข้างของเขาคอยช่วยอีกแรง

     

    “แล้วชิงชิงจะไม่ถามหานเลยหรอว่าทำไมหานถึงทำร้าย พี่ชายสุดที่รัก ของชิงชิง?” พูดไปก็เจ็บไป ลู่หานกำข้อมือร่างบางแน่น ไม่ยอมปล่อยให้ถอยไปห่างตัว

     

    “หานจะให้ชิงชิงฟังอะไรอีก? แค่สิ่งที่ชิงชิงเห็นมันก็บอกได้ทุกอย่างแล้ว หานจะโกรธอะไรทำไมถึงไม่พูดกับพี่ฟานดีๆ? หานใช้กำลังทำไม ในเมื่อหานเป็นคนสัญญากับชิงชิงเองว่าจะไม่ใช้กำลัง...แล้วดูสิ พี่ฟานเขาไม่โต้กลับหานเลยซักหมัด แล้วหานยังต่อยเขาจนเจ็บหนักขนาดนี้ได้ยังไง?”

     

    “ชิงชิงเขาข้างมันหรอ?”

     

    “เปล่า ชิงชิงพูดตามสิ่งที่เห็น”

     

    “แต่หานยังไม่ทันได้อธิบาย”

     

    “นายยังมีอะไรต้องอธิบายอีกงั้นหรอลู่หาน? ในเมื่อหลักฐานมันก็ชัดเจนถึงขนาดนี้ ทั้งฉัน ทั้งอี้ชิงเองก็เห็นทุกอย่างที่นายทำลงไป มีตาตั้งสองคู่นะที่เป็นพยานยืนยันสิ่งที่เกิดขึ้นได้” จุนมยอนเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง แต่ยังคงไม่นิ่งนอนใจ เขาจะปล่อยให้อี้ชิงยอมฟังเหตุผลของลู่หานไม่ได้ จะปล่อยให้แผนการที่วางมาทั้งหมดสูญเปล่าไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว!

     

    “จริง...ชิงชิงเห็นทุกอย่างชัดเต็มสองตานะหาน”

     

    “ไม่เลย...ชิงชิงไม่เคยมองเห็นอะไรเลย”

     

    “........”

     

     

     

     

     

    “แม้แต่ความรักของหานที่มีให้ชิงชิง ชิงชิงก็ไม่เคยมองเห็นมัน”

     

     

     

     

    “หมะ...หมายความว่ายังไง?”

     

    “ต่อให้หานรักชิงชิงมากแค่ไหน ชิงชิงก็ไม่เคยเหลียวแลมันอยู่ดี”

     

    “หาน....”

     

    “ชิงชิงเลือกมันใช่มั๊ย?” ดวงตาของลู่หานเหลือบไปมองร่างสูงจัดของมังกรฤทธิ์เยอะที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังของกระต่ายร่างเล็กเพียงแค่เสี้ยววินาที ก่อนจะย้ายสายตาไปปะทะเข้ากับจุนมยอนที่ยืนห่างออกไปไม่ไกล

     

    “เลือก?” เลือกอะไร?...จางอี้ชิงไม่เข้าใจ ฟังที่ลู่หานพูดมาไม่เห็นรู้เรื่องเลยซักคำ

     

    “ถ้าชิงชิงเลือกมัน หานก็จะเป็นคนไป”

     

    “เดี๋ยวนี่หานพูดอะไร ชิงชิงฟังไม่เห็นจะเข้าใจเลย หรือว่าหานกลัวชิงชิงโกรธ? โอเค...งั้นถ้าหานไม่อยากให้ชิงชิงโกรธ หานก็ขอโทษพี่ฟานก่อนได้มั๊ย?” นอกจากจะไม่เข้าใจ จางอี้ชิงยังแปลความหมายจากคำพูดของเพื่อนสนิทไปคนละทิศละทาง ผิดกับลู่หานที่ยืนกำหมัดแน่นสะกดความเสียใจที่เกิดขึ้นจากสิ่งที่เพิ่งจะได้ฟัง

     

    “ขอโทษมันเนี่ยนะ?!!” นายน้อยตระกูลลู่ย้อนถามกลับ ร่างโปร่งรู้สึกเหมือนถูกหมัดชกเสยเข้ามาเต็มๆคาง

     

     

     

    จางอี้ชิงคิดอะไรอยู่?

     

     

     

    คิดได้ยังไงว่าคนอย่างเขาจะมีวันยอมก้มหัวขอโทษอู๋อี้ฟาน?

     

     

     

    “ใช่ หานเป็นคนทำร้ายพี่ฟาน หานก็ต้องเป็นฝ่ายขอโทษสิ ถ้าหานยอมทำ ชิงชิงจะไม่โกรธที่หานทำร้ายพี่ชายของชิงชิงอีก”

     

    “พี่ชาย? ทำร้าย? ขอโทษ? เหอะ...ชิงชิงพูดอะไรออกมารู้ตัวบ้างรึเปล่า?” ลู่หานแค่นเสียงถาม ไม่เคยมีครั้งไหนที่เขาจะรู้สึกโกรธได้มากถึงขนาดนี้ จะให้เขาขอโทษอะไรงั้นหรอ? ในเมื่ออี้ฟานมันก็สมควรได้รับหมัดทุกหมัดที่เขาฟาดกำปั้นลงไป

     

     

    ให้มันสาสม...กับการที่มันพูดถึงอี้ชิงในทางที่ไม่ดี

     

     

    กูได้น้องอี้แล้ว

     

     

     

    น้องอี้เด็ดมาก

     

     

     

    น้องอี้หวานมาก

     

     

     

    หวานจนกูอยากจะกลืนกินเข้าไปให้หมดทั้งตัว

     

     

     

     

     

     

     

    ใครกันจะทนฟังคนอื่นพูดถึงคนที่ตัวเองรักในแง่มุมแบบนั้นได้?

     

     

     

    อย่างน้อยก็ไม่ใช่ลู่หานคนนึงล่ะ...ต่อให้อี้ฟานจะมีอะไรกับชิงชิงแล้ว แต่การเอาอีกฝ่ายมาพูดถึงแบบนั้น มันเท่ากับว่าไม่ให้เกียรติกันเลยไม่ใช่รึไง?

     

    แล้วแบบนี้ลู่หานยังต้องขอโทษอะไรไอ้ปากมอมนั่นอีกงั้นหรือ?

     

    มาถึงขนาดนี้แล้ว...หัวใจของเขายังเจ็บช้ำไม่พออีกรึไงกัน?

     

     

    “ไม่”

     

    “หานว่าไงนะ?”

     

    “หานไม่ขอโทษมัน ไม่มีวัน!

     

    “แต่หานทำผิด”

     

    “หานไม่ได้ทำอะไรผิด”

     

    “หานทำร้ายพี่ฟาน”

     

    “หานมีเหตุผล”

     

    “เหตุผลอะไร? ถ้าหานมีเหตุผลจริงก็คงไม่ลงมือทำร้ายพี่ฟานตั้งแต่แรกหรอก จริงมั๊ย?”

     

    “ในสายตาของชิงชิง หานเป็นคนแบบนั้นหรอ?” ในสายตาของอี้ชิง...ลู่หานเป็นคนเลวมากขนาดนั้นเลยหรือยังไง?

     

    “กะ...ก็ชิงชิงเห็น” แม้จะรู้สึกสะกิดใจขึ้นมาบ้าง แต่คนดื้อรั้นอย่างอี้ชิงก็ไม่ยอมยกธงขาว ในเมื่อเขาเห็นกับตาของตัวเอง ลู่หานยังจะมาปฏิเสธแก้ตัวอะไร?

     

    “แน่ใจหรอว่ามองเห็นจริง? ไม่ใช่ว่าสายตาของชิงชิงมันลำเอียงหรือยังไง?”

     

    “หาน!!!!!

     

    “ทำไม? หานพูดอะไรผิดงั้นหรอ?”

     

    “ก็หาน...”

     

    “พอเถอะอี้...ส่วนนายลู่หาน ถ้านายจะมาทำตัวอันธพาลในบ้านหลังนี้ ฉันก็คงต้องขอให้นายกลับไป ถ้านายไม่พร้อมที่จะขอโทษ พวกฉันก็จะไม่บังคับ ขอแค่นายหยุดรบกวนพวกเราก็พอ” จุนมยอนแทรกขึ้นมากลางคัน มือของพี่ชายตัวขาวเย็นเฉียบ แต่ใบหน้าก็ยังคงเรียบนิ่งไม่แสดงอาการพิรุธอะไร ร่างเพรียวของจุนมยอนเดินเข้าไปขวางระหว่างลู่หานและอี้ชิงเอาไว้ ออกแรงเพียงนิดที่ฝ่ามือ ก็ดันลู่หานให้กระเถิบถอยหลังไปได้สำเร็จ

     

    เหมือนว่าลู่หานเองก็ไม่ได้ออกแรงต้านอะไรเลยด้วยซ้ำ?

     

    เป็นอี้ชิงเสียอีกที่ไม่ยอมขยับ ร่างเล็กช้อนสายตาขึ้นมองหน้าเพื่อนรักที่สุดในชีวิตของตนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม ใบหน้าหวานขุ่นมัวไปด้วยความไม่เข้าใจที่ตีกันยุ่งอยู่เต็มสมอง ในอกข้างซ้ายเจ็บพร่า ไม่รู้ว่าเจ็บด้วยเหตุผลใด...รู้แค่ว่ามันพาลจะทำให้น้ำตาไหลอยู่รอมร่อแล้ว

     

    “ชิงชิง...ฮึก.....ผิดหวังในตัวหานมากนะ” ก้อนสะอื้นแล่นมาจุกอยู่ที่ลำคอ จางอี้ชิงกัดฟันยกมือบางขึ้นปาดหยาดน้ำตาที่เอ่อคลอจนแทบจะล้นหน่วยตาหวาน ใบหน้าขาวไม่อาจทนเห็นสายตาแข็งกร้าวของเพื่อนรักได้อีกต่อไป จนเผลอเบือนหนีไปในที่สุด

     

    “ทำไมชิงชิงไม่เชื่อหาน?” คนถูกตัดพ้อกลั้นลมหายใจ เอื้อมมือออกไปหมายจะคว้าเส้นด้ายแห่งความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคนเอาไว้อีกครั้ง ใครจะไม่เชื่อเขาก็ช่าง ขอแค่อี้ชิงเชื่อเขาก็พอ

     

     

    ...ลู่หานขอแค่นี้จริงๆ...

     

     

    “ทำไมหานไม่เลิกแก้ตัว?” เปล่าประโยชน์ ความพยายามสุดท้ายของลู่หานขาดสะบั้นลง เลย์จางเบือนหน้ากลับมาจ้องตากับเพื่อนสนิทที่ยืนเส้นอารมณ์ขาดผึ่งอยู่ไม่ไกล

     

     

    ตัวใกล้...แต่ทำไมใจถึงห่างกันเหลือเกิน?

     

     

    “หานไม่ได้ทำอะไรผิด”

     

    “หานต่อยคนนะ! ไม่ผิดตรงไหน?”

     

    “ก็ถ้าชิงชิงจะเลิกงี่เง่าแล้วยอมฟังหานบ้าง ป่านนี้เราก็คงไม่ต้องมายืนเถียงกันแล้ว”

     

    “หะ...นี่หานว่าชิงชิงงี่เง่างั้นหรอ?”

     

    “ใช่”

     

    “หาน!!!!!

     

    “หรือไม่จริง?”

     

    “หาน!!!!!!!

     

    “อะไร?”

     

    “ออกไป!!! บ้านของชิงชิงไม่ต้อนรับอันธพาล หานเข้ามาทางไหนก็ออกไปทางนั้นเลย!!!” เหมือนสายฟ้าฟาดลงมากลางใจ ลู่หานยืนนิ่งตะลึงงันกับคำพูดร้ายกาจที่คนตัวเล็กปามาใส่หน้า สมองของเขาเหมือนหยุดสั่งการไปชั่วขณะ แม้กระทั่งหายใจลู่หานยังไม่กล้าทำ

     

     

     

    กลัว...

     

     

     

    ...กลัวรับความจริงไม่ไหว...

     

     

     

    ความจริงที่อี้ชิงออกปากไล่เขา ความจริงที่ว่าคนตัวขาวกำลังผลักไสเขาออกไปจากชีวิต

     

     

     

    ลู่หานเจ็บ...เจ็บจนเหมือนจะตาย

     

    กี่ครั้งที่ถูกจุนมยอนไล่? ลู่หานไม่สน...

     

    กี่ครั้งที่ถูกไอ้เชี่ยอู๋เยาะเย้ย? ลู่หานทนได้...

     

     

     

     

    แต่...

     

    แค่เพียงครั้งเดียวที่ชิงชิงเอ่ยปากไล่เขา

     

    แค่เพียงครั้งเดียวที่ชิงชิงไม่เชื่อใจกัน

     

    ลู่หานกลับเจ็บจนไม่อาจทน...ไม่ไหวแล้ว.......เขาทนรับอะไรไม่ไหวแล้วจริงๆ

     

     

     

     

    เหมือนถูกผลักตกลงมาจากยอดเขา ลู่หานเหมือนคนตกจากที่สูงจนร่างกายแหลกเหลวไม่อาจขยับเขยื้อน เสียงหัวใจของเขาเต้นแผ่วลงเรื่อยๆ ดวงตาก็พร่าเลือนจนไม่อาจรับรู้สิ่งใด

     

     

     

     

    ...ไม่มีอะไรเลวร้ายเท่าการไม่ได้รับความเชื่อใจจากคนที่เรารัก...

     

    ...ไม่มีอะไรเจ็บช้ำเท่าการถูกคนที่รักผลักไสให้ไปไกลๆสายตา

     

     

     

    ลู่หานไม่เคยคิดจะยอมแพ้หรือปล่อยมือจากจางอี้ชิง ไม่มีแม้สักครั้งที่เขาจะยอมรามือปล่อยให้คนอื่นได้ตัวชิงชิงของเขาไป ขอแค่ชิงชิงยังอยู่ข้างกัน ขอแค่ชิงชิงยังเชื่อมั่นในตัวเขา ลู่หานจะไม่มีวันยอมแพ้เลย ต่อให้ต้องสู้ไปตลอดชีวิต หรือต้องเอาอะไรไปแลกเพื่อให้ได้ตัวชิงชิงมา เขาก็พร้อมเสมอ...

     

     

     

    ลู่หานรักจางอี้ชิง

     

     

     

    รักมากจนทุ่มเททุกอย่างในชีวิตลงไปกับความรักครั้งนี้

     

    แต่ในเมื่อชิงชิงไม่เห็นค่า ในเมื่อชิงชิงไม่เคยเห็นความรัก ความดีของเขาอยู่ในสายตา...ลู่หานก็ควรต้องหยุดกระเสือกกระสนดิ้นรนไปคนเดียวได้แล้ว

     

     

    ...ในเมื่อชิงชิงไม่เชื่อใจเขาถึงขนาดนั้น...

     

    ...ในเมื่อชิงชิงเป็นคนไล่เขาด้วยตัวเอง...

     

     

     

     

     

     

    แล้วลู่หานจะหน้าด้านหน้าทนอยู่ต่อไปเพื่อใคร?

     

     

     

     

     

     

    “หานไม่เคยคิดจะยอมแพ้เรื่องของชิงชิง”

     

    “........”

     

    “แต่ในวันนี้...”

     

    “.......”

     

     

     

     

     

    “หานคิดว่าหานควรพอได้ซักที”

     

     

     

     

     

    คนผมสีสว่างเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นที่ส่งผ่านออกมาอย่างยากลำบาก ลู่หานเหนื่อยเหลือเกิน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ...เหนื่อยที่จะต้องเป็นส่วนเกินในชีวิตของจางอี้ชิง

     

     

    ให้สู้กับใครเขาก็พร้อม...แต่เขาไม่เคยพร้อมหากคนคนนั้นคือชิงชิง

     

     

    ให้ฝ่าฝันอุปสรรคอีกเป็นร้อยก็ยังไหว...แต่ถ้าชิงชิงกลายเป็นอุปสรรคเสียเอง เขาจะไปสู้ได้อย่างไรกัน?

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    เรื่องมันซ้ำซ้ำ คนสามคน

    ต้องช้ำช้ำ คงไม่ดีเท่าไร

    ถ้าไม่ใช่เขา ก็ต้องฉันที่ไป

     

     

     

     

    วังวนของพวกเขาสามคน เมื่อไหร่มันจะพังลงไปเสียที?

     

    เขา...ชิงชิง......และไอ้เชี่ยอู๋

     

    กับการต่อสู้ที่ไม่มีวันจบ ค้างคาและติดพันยืดเยื้อมาตลอดระยะเวลาหลายปี

     

    ...ไม่เคยมีบทสรุป...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ต้องมีคนแพ้แน่ๆ สักคน 

    ต้องมีหนึ่งคนที่ต้องเหงาใจ

    ยิ่งยื้อ ก็ยิ่งสับสน

    ไม่เจ็บสักคน จะจบลงได้ไง

     

     

     

     

     

    ลู่หานรู้ว่าทุกคนเหนื่อย...ไม่ใช่แค่ชิงชิง

     

    แต่เขาเองก็เหนื่อย แม้กระทั่งอี้ฟาน...มันก็คงเหนื่อยใจไม่น้อยไปกว่ากัน

     

    ไม่มีใครอยากอยู่ในความสัมพันธ์แบบนี้

     

    ไม่มีใครอยากเป็นหนึ่งในตัวเลือกของคนที่รักตลอดเวลา

     

    ทุกคนอยากเป็นที่หนึ่ง อยากเป็นคนชนะ อยากเป็นคนที่ได้ครอบครองหัวใจของอี้ชิงกันทั้งนั้น...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ลู่หานรู้ดี... เรื่องนี้มันควรจะต้องจบลง

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ฝืนก็ยิ่งวุ่นวาย 

    ปล่อยไว้ก็สาย ยิ่งทรมาน 

    ถ้ารักจนลำบากใจ จบเองไม่ไหว 

    คงดีใช่ไหม ถ้าฉันเป็นคนลา

     

     

     

     

     

     

     

     

    ในเมื่อชิงชิงเลือกไม่ได้...ลู่หานก็จะไม่บังคับให้ชิงชิงเลือก

     

    ...ลู่หานยอมแพ้...

     

     

     

     

     

    ลู่หานยอมเป็นคนที่ต้องเดินจากไป

     

     

     

     

     

    เขาไม่ได้โกรธที่ชิงชิงเข้าข้างอี้ฟาน เขาไม่ได้เจ็บช้ำที่ไอ้มังกรนั่นบอกว่าได้ครอบครองชิงชิงแล้ว

     

    แต่ที่เขาผิดหวังและเสียใจที่สุด...คือการที่ชิงชิงมองเขาด้วยสายตาแบบนั้น

     

    สายตาที่บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด สายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดระแวงและสงสัยในตัวของคนถูกมอง

     

    ซึ่งก็คือเขา...ลู่หานคนนี้

     

    คนที่รักชิงชิงมาเสมอ คนที่ยอมทำทุกอย่างเพียงเพื่อได้เห็นรอยยิ้มของชิงชิง คนที่อยู่เคียงข้างกันมาไม่ว่าร้ายหรือดี...

     

     

     

     

     

     

    แต่ในวันนี้

     

     

     

     

     

     

    ...มันจะไม่มีอีกแล้ว...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ลาก่อนชิงชิง”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ใบไม้ต้องมีวันร่วงโรยปลิดปลิวลงมาจากต้น

     

    แม้จะฝืนขืนตัวต้านทานแรงลมไว้จนสุดความสามารถ...แต่สุดท้ายขั้วที่แห้งกรอบก็ต้องหลุดร่วงลงมานอนนิ่งบนพื้นดินอยู่ดี

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    เหมือนกับเรื่องของหัวใจ...ต่อให้พยายามมากเท่าไหร่ แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่รับรู้ถึงความพยายามนั้น หัวใจที่ว่าแข็งแรงนักหนา ก็อาจแตกสลายไม่ต่างอะไรกับแก้วใสที่แสนจะเปราะบางเหล่านั้น

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    เหมือนกับในตอนนี้

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ที่หัวใจของลู่หาน























            แตกสลายลงแทบเท้าของจางอี้ชิง

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    { talk part 2 } เป็น 50% หลังที่......พูดไม่ออกบอกไม่ถูก L
    อนาคตอาจมีรีไรท์ตอนนี้นะคะ รู้สึกยังไม่พึงพอใจ ยังไม่พีคเท่าที่ควร TT อร่อก...
    ขอโทษทุกคนที่รอและคาดหวังด้วยนะคะ ยูฝีมือไม่ถึงขั้นจริงๆ *ทรุด*

     

    ตอนนี้จางอี้ชิงของเราดื้อจนน่าตีแรงๆเลยใช่มั๊ยคะ?
     ดื้อจนพี่หานเขายอมแพ้แล้ว ;___;) เป็นไงล่ะ? เดี๋ยวเธอจะรู้สึกนะน้องต่ายนะ...
    ตอนหน้าก็ดราม่ากันต่อเนื่องนะคะ แต่เปลี่ยนไปดราม่ากับคิมไคบ้าง
    เดี๋ยวแม่ๆไคเลย์จะน้อยใจ -..-) คุณหมาตัวใหญ่ของเรายังไม่หายไปไหนน๊า
    เดี๋ยวเขาจะกลับมาแล้ว, กลับมาพร้อมพลพรรคเพื่อนฝูงอีกหลายชีวิตด้วย อิอิอิอิ*

     

    เชื่อว่าตอนนี้ทุกคนอาจจะมีคำถาม...
    ตกลงอี้ชิงกับอี้ฟานเขามีอะไรกันแล้วจริงๆรึเปล่า? หรือเป็นแค่แผนของพี่จุน?
    พี่หานจะหมดบทแค่นี้แล้วหรอ? พี่หานจะไปจริงๆแล้วใช่มั๊ย?
    ตอนนี้ยูตอบอะไรไม่ได้นอกจาก...รอนะคะ อย่าเพิ่งเลิกอ่านกันนะคะ TT
    อย่าลืมน๊าว่านี่เป็นแค่ตอนแรกของครึ่งหลังเอง มันยังไม่จบค่ะ หัวใจยังไม่เคลียร์กันเลย

    หาน พี่ฟาน จงอิน

    เหลืออีกเกือบสิบตอนแน่ะ แม่ๆลู่เลย์ คริสเลย์ ไคเลย์อย่าเพิ่งทิ้งป้ายไฟกันน๊า ; w ;)
    *กลัวทุกคนจะไม่อยากอ่านต่อจริงๆค่ะ กลัวมากทุกทีที่เขียนภาคหลังนี้เลย*

     

    ยังไงฝากติดตาม #ฟิคห้าซีเอ็ม กันต่อไปด้วยนะคะ
    TT รับรองจะไม่ทำให้ผิดหวังค่ะ

     

    ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ทุกการแอดเฟบ. ทุกการกดโหวต
    และทุกๆการติดแท็ก #ฟิคห้าซีเอ็ม ในทวิตเตอร์ด้วยนะคะ

    ยูได้อ่านทุกข้อความเลยค่ะ >///< ขอบคุณมากนะคะที่อยู่ด้วยกัน และเป็นกำลังใจให้กันเสมอ
    ตอนหน้าจะพยายามปั่นให้เร็วขึ้นค่ะ T^T จะไม่อืดชืดเท่านี้อีกแล้วจริงๆ *โค้ง*

     

    ปล.อย่าลืมนะคะ มาแรงๆ เดี๋ยวมีแหกโค้งกันทุกราย <3

    รักรี้ดเดอร์ทุกคนเหมือนเดิมเลยค่า !!!!






     

     

     

     

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    { talk part 1 } -///-) กราบสวัสดีมิตรรักแฟนฟิคของยูทุกคนนะคะ !

    เป็นครั้งแรกที่ลองอัพแบบแยกเปอร์เซ็นต์ดู ... ไม่ใช่อะไรเลยค่ะ T^T เค้าแค่ปั่นไม่ทัน

    ฮือออออออ/ คืนนี้ยูจะไปญี่ปุ่นแล้ว กว่าจะกลับก็วันที่ 21 นู่นแหน่ะค่ะ

    แต่ปั่นยังไม่เสร็จเลย เหลืออีก 14% แต่มันจบไม่ลงซักที

    เลยต้องตัดมาอัพให้ได้อ่านกันก่อน เพราะเกรงใจไม่อยากให้ทุกคนรอกันนานกว่านี้

    ; ____ ; ขอโทษด้วยนะคะ ยังไงฝาก 50% นี้ไว้ก่อนน๊า...

    เดี๋ยวที่เหลืออีกครึ่งนึงยูกลับมาปุ๊บจะรีบปั่นปั๊บเลยค่ะ /*สัญญานิ้วก้อย*/

     

     

    <3 สำหรับเนื้อเรื่องในตอนนี้ -..-) มันไม่ได้มีแค่สิ่งที่เห็นนะคะ, ยังชี้ชัดไม่ได้ว่าใครเป็นพระเอก

    เพราะนี่เพิ่งเป็นตอนแรกของครึ่งหลังเองค่ะ แฮ่ๆๆ >3< เห็นคะแนนนำโด่งกันเดี๋ยวได้มีแหกโค้งทุกราย(?)

    /*อุ๊บส์!!*/ ยังไงฝากทุกคนติดตาม #ฟิคห้าซีเอ็ม กันต่อไปด้วยนะค๊า !

    รับรองว่ายังมีเรื่องให้ทุกคนแปลกใจอีกแน่นอนเลยค่ะ >///< ฟิ้ววววววว !

     

     

    ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ ทุกกำลังใจ ทุกคะแนนโหวต ทุกการแอดแฟบ.

    รวมไปถึงทุกการติดแท็ก #ฟิคห้าซีเอ็ม ในทวิตเตอร์ด้วยนะคะ >w< ยูได้อ่านทุกอันเลยค่ะ !

    เป็นกำลังใจที่ดีเยี่ยมที่สุดในชีวิตเค้าเลย วี้ดดดดดดด .

    รักรี้ดเดอร์ทุกคนเหมือนเดิมเลยนะคะ <3 เจอกันอีกทีปลายเดือนเน้ออออ จุ้บๆๆ

     

     

    ปล.อ่านแล้วคิดเห็นยังไงกับตอนนี้เม้นบอกยูนิดนึงนะคะที่รักทุกคน

    >///< อยากรู้ว่ากองเชียร์พี่คริส กองเชียร์พี่ลู่ หรือกองเชียร์พี่จุน(???)จะมีเยอะกว่ากัน 5555555






    E é主
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×