คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : I N T R O - ( midnight storm )
INTRO
... MIDNIGHT STORM ...
แสงไฟจากหน้ารถลิมูซีนสีดำสนิทสาดไปกระทบกับบางสิ่งที่คู้ตัวอยู่กลางถนน ส่งผลให้คนที่บังคับอยู่หลังพวงมาลัยขมวดคิ้วแน่น ดวงตาเรียวหรี่ลงอย่างไม่ไว้ใจเมื่ออาการสั่นไหวที่วัตถุประหลาดชิ้นนั้นเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความมืดมิดของเวลาเที่ยงคืนห้าสิบหกนาที ประกอบกับสายฝนที่ตกลงมาห่าใหญ่ยิ่งทำให้คนบนรถรู้สึกไม่ปลอดภัย ร่างสูงในชุดสูทสีดำจึงรีบหันกลับไปรายงานผู้เป็นเจ้านายทันที
“คุณเล่ยครับ มีอะไรบางอย่างขวางทางเราอยู่”
“ชนมันไปสิ” เสียงนุ่มจากเบาะยาวด้านหลังเอ่ยอย่างไร้ความรู้สึก ท่าทางไม่หยี่ระปรากฎให้เห็นได้ชัดเจนผ่านการไหวไหล่แบบไม่ใส่ใจต่อสิ่งรอบข้าง ชายหนุ่มร่างบางในชุดสูทสีเทาเอนหลังลงพิงกับเบาะหนังสีครีมนุ่มของลีมูซีนคันโปรด ก่อนจะเอื้อมมือเรียวไปคว้าแก้วแชมเปญขึ้นมาจิบอย่างสบายอารมณ์
“แต่คุณเล่ยครับ...มัน....ขยับได้” ชายหนุ่มผู้ทำหน้าที่คนขับยังลังเล ใบหน้าคมเข้มของร่างสูงหันมาสบตากับเจ้านายที่ตัวเล็กกว่าอย่างขอความเห็น
“ฉันพูดไปชัดแล้วนะไค ชน มัน ซะ!!” เสียงย้ำคำหนักแน่น ถูกส่งมาพร้อมกับสายตาไม่พอใจจากคนพูด ใบหน้าขาวผ่องกดมองคนในบังคับตนอย่างไม่สบอารมณ์ ดวงตากลมสีน้ำตาลมะฮอกกานีเริ่มกลอกไปมา
ไครู้...เจ้านายเขาไม่ชอบพูดอะไรซ้ำๆ
“ครับ” จึงได้แต่รีบรับคำแล้วเตรียมปลดเกียร์พุ่งเข้าใส่สิ่งกีดขวางเบื้องหน้าตามที่ได้รับคำสั่ง ปลายเท้ากดคันเร่งอย่างแรง ก่อนจะรีบเปลี่ยนไปแตะเบรกแทบไม่ทันเมื่อเงาบางอย่างตัดผ่านเข้ามาที่หน้าฝากระโปรง
- - ปัง!! - -
เสียงกระแทกดังสนั่นจนทั้งคนนั่งและคนขับตกใจ ไครีบดึงเบรกมือแล้วหันหลังกลับไปเช็คความปลอดภัยของเจ้านายตน
“คุณเล่ย! บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่าครับ?”
“ปลดล็อกประตู” เสียงออกคำสั่งดังสวนขึ้นมาจนชายหนุ่มผิวเข้มเบิกตากว้างอย่างตื่นตระหนก และยิ่งตกใจหนักเข้าไปอีกเมื่อสายตาเลื่อนไปเห็นเลือดสีแดงเข้มที่ไหลอาบหน้าผากของเจ้านายลงมา
...หยดเลือดสีแดงจัด ตัดกับผิวสีขาวสะอาดของร่างบางได้อย่างชัดเจน…
ใบหน้าขาวเนียนเต็มไปด้วยร่องรอยของความเกรี้ยวกราดที่สาดซัดอยู่ในอกของเขาจนร้อนระอุ มือบางเอื้อมลงไปจับขากางเกง รูดขึ้นมาจนถึงต้นขา ก่อนจะชักปืนสั้นสีดำเมื่อมออกมาปลดสลักด้วยท่าทางคล่องแคล่ว ริมฝีปากอิ่มปริแตก จากการกระแทกเดียวกันกับที่ทำให้เขาได้แผลที่หัวมา
“ฉันบอกให้ปลดล็อกประตู!!!” ตวาดลั่น แล้วหันปากกระบอกปืนไปจ่อที่หัวลูกน้องคนสนิทที่ยืนมือสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว
ไคคือบอดี้การ์ดที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี...
แต่ต่อหน้าผู้ชายตัวเล็กคนนี้ แค่คำว่ากลัวยังใช้อธิบายได้ไม่พอ !
“ตะ..แต่มันอันตรายนะครับ”
“หรือจะให้กูเป่าหัวมึงแทน!?!” เส้นอารมณ์ของคนผมสีดำสนิทขาดผึ่งไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย ไคดับเครื่องยนต์ ปลดล็อกประตูแล้วรีบวิ่งฝ่าฝนลงไปเช็คความปลอดภัยให้เจ้านาย
“ไอ้เชี่ยหน้าไหนมันกล้าพุ่งเข้ามาชนรถจางเล่ย!!” ยังไม่ทันตรวจสอบความเรียบร้อย ร่างน้อยของชายหนุ่มเลือดร้อนก็ปรี่เข้ามาถึงจุดเกิดเหตุ ใบหน้าขาวจัดที่เห็นได้ชัดแม้ยามที่สายฝนเทกระหน่ำเพ่งมองเงาร่างตะคุ่มบนพื้นอย่างเคียดแค้น ยิ่งหันไปเห็นรอบยุบที่ฝากระโปรงรถคันโปรดก็ยิ่งพาลให้ความโกรธในร่างมันดิ้นพล่านจนดับไม่ลง นิ้วเรียวเกี่ยวรังเพลิงของมัจจุราชสีดำในกำมือ ก่อนจะสาวเท้าเข้าหาบางสิ่งที่นอนนิ่งอยู่บนพื้นโคลน
“คุณเล่ยระวัง!” ตะโกนลั่นเมื่อไคหันไปเห็นการเคลื่อนไหวที่พุ่งเข้าใส่ข้อเท้าของเจ้านาย เตรียมจะตรงเข้าไปขวางแต่ก็ช้าเกินไป
เมื่อข้อขาของร่างบางถูกอะไรบางอย่างจับกุม!!
“ปล่อยกู!!” คนถูกจับดิ้นพล่าน ชายหนุ่มใช้หลังมือปาดเลือดที่หยดลงมาจากศรีษะ ก่อนจะตวัดขาพยายามสลัดสิ่งที่เข้ามาจู่โจมตน
“มะ...อย่า...........อะ........อึก!” เสียงขาดห้วงเหมือนคนจะขาดใจดังฝ่าเสียงฝน จางเล่ยที่กำลังโกรธจัดหยุดนิ่งทันที แล้วรีบก้มหน้าลงไปมองสิ่งที่กองอยู่บนพื้นให้เต็มตา
ร่างกายยาวเหยียดของผู้ชายตัวสูงจัดนอนคุดคู้อยู่แทบเท้าของร่างบาง ใบหน้าหล่อเหลาที่ดูงดงามอย่างหาตัวจับยากโดดเด่นขึ้นมาแม้จะอยู่ท่ามกลางพายุฝน เลือดสีเข้มเหนียวหนืดไหลอาบเปรอะเปื้อนไปทั่วทั้งตัว แขนยาวบิดผิดท่า ในขณะที่ดวงตาปิดลงแบบไม่สนิทดี ริมฝีปากสีซีดของสิ่งมีชีวิตแปลกหน้าขยับเหมือนจะเอ่ยคำพูด แต่ร่างเล็กไม่ใส่ใจจะฟัง เพราะตอนนี้เขาได้ยินเพียงแต่เสียงความโกรธที่โหมอยู่ในอกตัวเองเท่านั้น!
“เอามือสกปรกออกไปจากขากู”
“มะ..........ผม..............อะ..” อาจเป็นเพราะเสียงทุ้มขาดห้วงมาไม่ถึงหูของคนฟัง คนผมสีดำจึงค่อยๆย่อตัวลงมา
“คุณเล่ยอย่าครับ”
“หุบปาก!” ความหวังดีของบอดี้การ์ดคนล่าสุดไม่ได้รับการสนอง ตรงกันข้ามร่างบางยังตวัดสายตาดุใส่เป็นเชิงสั่งให้คนผมสีบลอนด์ซีดเงียบปากไปซะ มือเรียวข้างที่ยังว่างจากการถือปืนเอื้อมออกไปช้าๆ ก่อนจะตะปปลงกลางหัวของคนที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้นถนนอย่างแรง
“อะ...โอ๊ย” กัดฟันแน่นเพราะความเจ็บปวด แม้จะมึนงงเพราะแรงกระแทกที่ทำเอาตัวเขาปวดร้าวไปทุกส่วน แต่ร่างสูงก็ยังคงรับรู้ได้ถึงแรงกระชากที่ดึงทึ้งเส้นผมของเขาจนติดคามือ
“แกเป็นใคร” ริมฝีปากสีแดงสดเคลื่อนเข้ามาชิดติดใบหู เสียงนุ่มๆแต่เย็นกระด้างจนไม่น่าฟังเอ่ยถามคำถามที่คนเจ็บหนักได้ยินชัดแต่ไม่มีสติพอจะตอบได้
“.....”
“กูถามว่ามึงเป็นใคร!!?” ถามแล้วก็พาลออกแรงขยุ้มที่กลุ่มผมเปียกชุ่มของคนถูกถามหนักขึ้นไปอีก จางเล่ยหรี่ตาลงอย่างไม่ชอบใจนักเมื่อน้ำฝนไหลลงมาถูกแผลบนหน้าผากของตนเอง
“อย่าให้กูต้องถามซ้ำเป็นครั้งที่สาม” ครั้งนี้มือขาวเลื่อนปลายกระบอกปืนสีดำสนิทไปจ่อไปที่ใต้คางของคนแปลกหน้า นึกรำคาญขึ้นมาเสียแล้ว เมื่อตัวเขาต้องมาเปียกเหมือนหมาเพราะเศษสวะบางคน
“ผม.......คะ....ชะ........” ร่างสูงพยายามข่มความเจ็บปวดทั้งหมดที่ตีรวนขึ้นมาอยู่แทบจะตลอดเวลาให้กลับลงไป ริมฝีปากที่มีคราบเลือดติดอยู่ประปรายพยายามเอื้อนเอ่ยคำพูดสุดความสามารถ แต่ก็ไร้ค่า... เมื่อเสียงของพายุที่ซาดซัดอย่างบ้าคลั่ง ได้พัดพาข้อความของเขาให้ปลิวหายไปกับสายลม เพียงเท่านั้นคนเจ็บก็ห่อปากเข้าหากัน ยามเมื่อรู้สึกถึงปลายเล็บคมที่จิกลงมาบนหัวของเขาอย่างแรง
“มึงกำลังทำให้กูเสียเวลานะ แล้วนี่อะไร..” ร่างเล็กของคนที่ถูกเรียกว่าคุณเล่ยหรี่ตาลงมองด้วยความสงสัย ยามเมื่อมองเห็นก้อนขนสีเทาหม่นดูสกปรกมอซอขยับอยู่ใต้วงแขนของร่างสูงที่ทั้งตัวเปรอะเปื้อนแต่ขี้โคลน
“หมางั้นหรอ?” เพียงเท่านั้นจางเล่ยก็ประมวลผลในหัวสวยๆของตัวเองอย่างรวดเร็ว วัตถุประหลาดที่ขยับได้ในตอนแรกนั้นคงเป็นเจ้าหมาน่ารังเกียจตัวนี้ แต่เงาที่พุ่งเข้ามาขวางตอนที่เขาสั่งให้ไคพุ่งรถเข้าใส่ คงจะเป็นผู้ชายร่างหนาที่นอนหน้าคว่ำอยู่บนพื้นไม่ผิดแน่
นี่กะว่าจะเอาตัวเข้ามารับแรงกระแทกแทนหมางั้นหรอ?
เหอะ...น่าสมเพชสิ้นดี !
“เอามันขึ้นรถ”
“อะ..อะไรนะครับคุณเล่ย? มันหมายถึง...หมอนี่?” บอร์ดี้การ์ดที่ควบตำแหน่งคนขับรถไปในตัวชี้ไปที่ร่างสูงโปร่งด้วยความงุนงง ใบหน้าคมเข้มของเจ้าตัวปรากฎร่องรอยแห่งความไม่เข้าใจอยู่อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งนั่นเรียกเอาความโกรธที่ซาลงแล้วในอกของร่างบางให้หวนกลับมาใหม่ได้อย่างง่ายดาย มือเล็กตวัดหลังมือตบเข้าที่แก้มสากของบอร์ดี้การ์ดหนุ่ม ก่อนจะยกขาขึ้นถีบลูกน้องของตนให้ล้มลงไปอย่างไร้ความลังเล
“มึงอย่าโง่ให้มันมากนักนะไค อย่าทำให้กูต้องหมดความอดทน”
“คะ...ครับคุณเล่ย ผมขะ...ขอโทษครับ” ร่างสูงยันตัวเองขึ้นอย่างรีบเร่ง ไม่กล้าแม้แต่จะยกมือขึ้นแตะใบหน้าที่ถูกหลังมือพร้อมแหวนเงินของเจ้านายตบเข้าให้เมื่อสักครู่ แม้จะรู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวของเลือดที่คละคุ้งอยู่ในปาก แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้านายเท่านั้น
ระยะเวลาแค่สองเดือนที่เขาเข้ามาเป็นบอดี้การ์ดประจำตัวให้กับคุณชายคนเล็กของบ้านตระกูลจาง ไคก็รู้ซึ้งถึงสิ่งที่เรียกว่าความหวาดกลัวได้เป็นอย่างดี
คุณเล่ยไม่ได้น่ารักแสนดีเหมือนกับภาพลักษณ์ภายนอก
ตรงกันข้าม...เจ้านายของเขาเหมือนปีศาจร้ายที่พร้อมจะฉีกทำลายทุกคนที่ขวางหูขวางตาได้เพียงแค่เสี้ยววินาที
ร่างสูงสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่าน กุลีกุจอไปดึงร่างหนาหนักของผู้ชายที่นอนจมน้ำฝนให้ลุกขึ้น แต่ก็เป็นงานที่ยากเอาการ เมื่อคนแปลกหน้าคนนั้นตัวใหญ่กว่าเขาอย่างน่าตกใจ
“กูให้เวลามึงหนึ่งนาทีไค ถ้าเอาไอ้หมอนี่ขึ้นรถไม่ได้ กูจะฆ่ามึงให้นอนตายอยู่ข้างๆมัน!”
ไม่ใช่แค่ใจร้อน...แต่จางเล่ยยังเกลียดการรอคอยเป็นที่หนึ่ง
ร่างบางกดหัวคิ้ว จ้องไปที่ดวงตาเบิกกว้างของคนถูกขู่อย่างแน่วแน่ คล้ายกับจะย้ำว่าคำที่พูดออกไป เขาสามารถลงมือทำมันได้จริงๆ
ดวงตาหวานซึ้งที่เต็มไปด้วยความเย็นชาเบือนกลับมาเมื่อเห็นว่าบอดี้การ์ดแสนโง่เง่ารับรู้สิ่งที่เขาต้องการจะสื่อแล้ว มือข้างที่กระชากเส้นผมสีเข้มของคนที่สติใกล้ขาดหายค่อยๆคลายออกช้าๆ ทว่าใบหน้างามกลับปรากฎรอยยิ้มเหี้ยมขึ้นอย่างสวนทางกัน
จางเล่ยฉกมือเข้าไปจับปลายคางเรียวแล้วบีบจนแน่น แรงกดจากปลายนิ้วเรียกสติที่ใกล้หลุดลอยของคนเคราะห์ร้ายให้หวนกลับคืนมาได้เป็นระยะเวลาสั้นๆ เพียงเพื่อรับรู้ว่า...
“ไหนๆมึงก็ยอมเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อช่วยหมาตัวเดียวแล้ว กูจะสงเคราะห์มึงเอาบุญด้วยละกัน”
“.........”
“จากนี้เป็นต้นไป...มึงต้องกลายมาเป็นหมาของกู!” พูดจบแล้วก็ตวัดหมัดหนักๆเข้ากลางท้องของผู้ชายตัวใหญ่ทันที ดีที่ไคคอยรับเอาไว้อยู่แล้ว ร่างหนาถึงได้ไม่ล้มลงไปกระแทกกับพื้นเพราะสติที่ดับวูบเป็นครั้งที่สอง จางเล่ยคลี่รอยยิ้มยินดี ก่อนจะรีบพาตัวเองขึ้นไปนั่งรอในลิโม่คันเดิม
“เรียบร้อยแล้วครับคุณเล่ย” ไคพูดขึ้นหลังจากวางร่างหนาหนักลงที่พื้นรถได้ในที่สุด กวาดตามองอย่างเร็วๆแล้วเขาก็พอทราบว่าอาการบาดเจ็บที่คนตรงหน้าได้รับนั้นอยู่ในขั้นสาหัสมากขนาดไหน คนผมสีบลอนด์ซีดลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเมื่อเผลอคิดไปว่าหากทำอะไรให้เจ้านายไม่พอใจ สุดท้ายก็อาจต้องตกอยู่ในสภาพเดียวกับผู้ชายแปลกหน้าคนนี้
คิดแบบนั้นได้ก็ไม่รอช้า สองขาเรียวยาวรีบพาตัวเองมานั่งประจำที่ พลางกดเลื่อนกระจกกั้นระหว่างโซนผู้โดยสารกับคนขับลงเพื่อคอยรับคำสั่งจากเจ้านาย
“จำไว้ คราวหลังอย่าทำโง่ใส่กูอีก”
“ครับคุณเล่ย”
“อ้อ...แล้วอีกอย่างนะ หมาโสโครกตัวนั้นน่ะ....” พูดถึงสิ่งมีชีวิตสี่ขาที่นอนตากฝนอยู่ข้างนอกอย่างอ่อนแรง พลางใช้ปลายรองเท้าหนังเกลี่ยไปตามโครงหน้าสมบูรณ์แบบของคนที่นอนเจ็บอยู่บนพื้นรถเบาๆ ก่อนจะเอื้อนเอ่ยคำสั่งที่ทำเอาบอดี้การ์ดหนุ่มแทบจะร้องอุทานออกมา
“ถอยรถไปทับมันซะให้ตาย!!!!”
พายุพัดมาแล้ว... และมันจะไม่จากไปง่ายๆ
....ยิ่งคุณพยายามหนีมันเท่าไหร่...
มันก็จะยิ่งกลืนกินคุณ !
=============================================
สัวสดีค่ะ (-/|\-) มิตรรักแฟนเพลง(??)ทุกท่าน
ทั้งคนที่ตั้งใจเข้ามาและหลงเข้ามา . . ยินดีตอนรับเข้าสู่ใจกลางพายุด้วยกันนะคะ
เรื่องนี้เลย์ร้าย และพี่คริสถูกทารุณ /*สนองนี้ดคนแต่งล้วนๆ*/
ชอบไม่ชอบติ-ชมกันได้ค่ะ ;) คำเตือนคือจะเป็นแนวแอคชั่นดราม่า และโรมานซ์แบบดิบเถื่อน(????)ถึงใจ
ขอคอมเม้นท์กันซักนิดนะคะ -////- เพราะยูไม่มั่นใจจริงๆว่าแต่งออกมาพออ่านได้รึเปล่า?
TT ทั้งชีวิตแต่งอยู่แต่ฟิคเรื่อยๆเอื่อยๆ มาลองแนวนี้ครั้งแรก กลัวเขียนออกมาไม่ดีจริงๆ *
ส่วนใครที่ต้องการเม้นให้ทางทวิต สกรีมติดแท็ก #ฟิคสารละลาย ได้เลยจ้า <3
ความคิดเห็น