ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กางเกงลิงตัวนั้น ของฉันใช่ไหม!!? [อ่านฟรี]

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 4 ตังค์หมดแล้วว่ะ

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.ค. 66


    หลังจากเอ็คเดินเข้าห้องฝ่ากองขยะและทิ้งตัวลงนอนบนเตียงเปล่าเอาหน้าซุกหมอนเพราะเริ่มรู้สึกแปลก ๆ บางอย่างในอกคล้ายมันกำลังระเบิดออก

    ภาพจำของก้นเนียน ๆ ที่ได้เห็นเต็มสองลูกตาติดตรึงในความทรงจำจนถึงตอนนี้ ไม่ว่าจะความกลมกลึงของแก้มก้อน ผิวสัมผัสเนียนลื่นราวกับเจลลี่รูปก้น เพียงแค่จินตนาการว่าได้ทิ้งตัวลงบนสิ่งนั้น สัมผัสความนุ่มเด้งและได้จมอยู่ในก้อนแก้มกับกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของครีมอาบน้ำ

    “สั่งข้าวดิ หิวว่ะ”

    เสียงแห้ง ๆ อย่างกับมีเสลดติดคอดังดับความฝันให้พบความจริงอันโหดร้าย เอ็คเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนก่อนลุกขึ้นมาหยิบโทรศัพท์แล้วเริ่มค้นหาเมนูและกดจ่ายตังค์

    “ทิว…”

    “อะไรวะ?”

    “เงินหมดว่ะ ยืมหน่อย”

    อีกคนถอนหายใจหนักก่อนเดินไปหยิบโทรศัพท์กำลังจะโอนเงิน ทว่าเขากลับนิ่งช็อกไม่ต่างพลางหันมามองเอ็คตาโต

    “ตังค์หมดแล้วว่ะ…”

    ทั้งคู่รับรู้ชะตากรรมของความฉิบหาย กว่าเงินที่ครอบครัวส่งมาให้ก็ต้องรออีกอาทิตย์หนึ่ง ถ้าหากตอนนี้เขาไม่มีเงิน แล้วพวกเขาจะเอาอะไรกินหลังจากนี้

    “เราไปยืมเพื่อนในห้องก่อนดีไหม? แล้วค่อยบอกว่าจะจ่ายสิ้นเดือน” เอ็คว่าพลางหยิบโทรศัพท์

    “แกมาคาดหวังอะไรกับเพื่อนเราวะ? แม่งก็สันดานเดียวกันหมด เชื่อดิว่าถ้าโทรไปถามเรื่องเงินต้องเจอคำตอบเดียวกัน” ทิวว่า

    “อย่าใส่ร้ายเพื่อนว่ะ ไม่มีใครใช้เงินแย่อย่างนั้นหรอก”

    เอ็คจัดการโทรหาเพื่อนในกลุ่มทีละคนพลางหันมามองทิวเหมือนเจอเรื่องน่าเหลือเชื่อ

    “ทิว แกมีญาณทิพย์เหรอวะ? ไม่มีใครมีเงินเหลือเลยสักคน ยิ่งไอ้โดมยิ่งแล้วใหญ่ ยังมีหน้ามายืมกลับอีกนะ”

    “เห็นไหมล่ะ? แล้วอย่างนี้จะเอายังไงดีวะ?”

    เอ็คช่วยเพื่อนคิดอีกหนก่อนจิปากรำคาญใจในอก เขานึกถึงคนที่พอพึ่งได้ ทว่าถ้าหากขอไป เขาคงได้โดนบ่นจนหูชาแน่

    “เฮ้อ แกคงไม่ลืมใช่ไหมว่าพวกเรามีน้องอยู่หนึ่งคน”

    “โห่ ไม่อยากคุยกับมันเลยว่ะ เสียงหมาเห่ายังเพราะกว่าโดนมันด่าอีก”

    “แต่มันเป็นทางเลือกสุดท้ายแล้วพวก”

    ทิวส่ายหัวไม่ยอมรับ แต่ก็ยอมกดโทรศัพท์โทรหาน้องชายผู้ได้ความเพียงคนเดียวของบ้าน ส่วนเอ็คยกหูรอสายน้องสาวผู้เลิศเลอประเสริฐศรีในย่านนั้น

    [ไม่ต้องพูด มีให้แค่พันเดียว ใช้ประหยัดก็แล้วกัน]

    “ขอบคุณครับน้องสาวที่น่ารักสุดสวยของพี่”

    [เรื่องนั้นไม่ต้องบอกหนูก็รู้อยู่แล้ว แต่พี่เถอะ ทำไมยังเป็นคนอย่างนี้ แม่ให้เงินพี่ไปตั้งเท่าไหร่ยังไม่รู้จักพออีก แล้วทีนี้เสียเงินไปกับอะไรอีกล่ะ]

    เอ็คนึกพลางเหลือบไปเห็นกางเกงลิงที่ซื้อมาเป็นร้อย

    “อ่า เอ่อ… ของใช้ส่วนตัวน่ะ”

    [รองเท้าอีกล่ะสิ พี่ก็มีเท้าแค่คู่เดียวจะซื้อไปทำไมอีก ทำไมไม่รอให้คู่เก่าพังก่อนแล้วค่อยซื้อ หรือถ้าร้อนเงินมากก็เอารองเท้าที่ซื้อมาไปขายมือสองเลี้ยงชีพไปก่อนก็ยังดี ถ้าหากเดือนหน้าพี่ยังมายืมเงินหนูอีกนะ หนูจะเอาไปฟ้องแม่ให้ไปตรวจสอบความเป็นอยู่ของพี่เลย คิดดูเถอะ ถ้าแม่รู้ว่าพี่ใช้ชีวิตไม่เอาไหน ทำตัวโหลยโท่ยไม่รู้จักบริหารชีวิตตัวเอง แม่คงส่งพี่ไปเรียนเป็นพ่อบ้าน คอยอยู่แต่บ้านไม่ต้องออกไปไหนถ้ายังดูแลตัวเองไม่ได้อย่างนี้อีก]

    “เดือนหน้าจะไม่มีอีกแล้วครับ ให้พี่ยืมตังค์เถอะนะ”

    [หนูพูดแล้วไม่คืนคำหรอก แต่พี่เถอะ สัญญาไปก็เท่านั้น เดือนที่แล้วพี่ก็พูดกับหนูแบบนี้ สุดท้ายก็ยังโทรมาขอเงินอีก ขนาดเงินเก่าพี่ยังไม่เคยคิดจะคืนหนูเลย เดือนหน้าหนูก็คงหมดหวังกับพี่แล้วล่ะ เตรียมตัวไปเรียนเป็นพ่อบ้านเถอะ อย่างน้อยถ้าเกิดพ่อกับแม่ หรือแม้แต่หนูไม่อยู่ดูแลพี่แล้ว พี่จะได้มีความรู้ไว้ดูแลบ้านให้ภรรยาในอนาคต]

    อึก!

    เอ็คถึงกับกลืนน้ำลายลงคอเมื่อได้ยินประโยคนั้น ภรรยาในอนาคตของเขางั้นเหรอ ผู้หญิงที่เขาชอบตอนนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะสนใจเขากลับเลย ไหนจะอาการหวั่นไหวกับผู้ชายด้วยกันอีก การหาภรรยาสำหรับเขาคงไม่ง่ายขนาดนั้น

    “ผู้หญิงที่ไหนจะมาชอบพี่ล่ะ อีฟนั่นแหละต้องอายุยืนยาวอยู่ดูแลพี่อีกนาน ๆ พี่อายุมากกว่าหนูนะ พี่ต้องไปก่อนหนูสิ”

    [โถ่ ขนาดจะตายหนูยังทำไม่ได้เลยเหรอ? พี่น่าจะได้สักครึ่งของพี่ทิวบ้างนะ อย่างน้อยเขาก็ยังหาแฟนไว้ดูแลตัวเองได้]

    อึก!

    จุกรอบสองจนแทบไปต่อไม่ไหว เอ็ครับคำเสียงอ่อยตาละห้อยมองกองขยะตัวลีบ น้องสาวเขาเทศน์อยู่นานจนผ่านไปชั่วโมงเศษเธอถึงบ่นไม่ว่างจะคุยต่อแล้วตัดสายไป ไม่นานหลังจากนั้นเงินในบัญชีก็เด้งเข้ามาให้เห็นยอดเงินมากพอให้ใช้ถึงสิ้นเดือน

    ติ๊ง!

    เสียงโทรศัพท์เพื่อนข้าง ๆ ดังขึ้นไม่ต่าง แต่เมื่อเอ็คหันไปดูกลับต้องหดหู่เมื่อเพื่อนพิเศษของเขานั่งเหม่อมองท้องฟ้าว่างเปล่าราวกับแสงที่มีไม่ได้ช่วยให้ชีวิตสดใสขึ้นเลย

    “ทำไมน้องพวกเรามันเอาไหนไม่เหมือนเราเลยวะ” ทิวว่า

    “ก็ดีแล้วหนิ จะได้มีคนให้ยืมเงิน”

    “ดีกับผีน่ะสิ รู้ไหมมันขู่ว่าอะไร มันบอกว่าจะให้แม่มาตรวจสอบการเป็นอยู่ของพวกเราเว้ย แล้วถ้าแม่ดูแล้วมันไม่ผ่าน ฉันต้องไปเรียนเป็นพ่อบ้านเพื่ออยู่ดูแลบ้านเฉย ๆ แถมยังพูดอีกว่า ถ้าหากพ่อแม่หรือแม้แต่มันไม่อยู่ดูแลฉันขึ้นมา ฉันต้องหาภรรยาไว้ดูแลตัวเองในบั้นปลาย”

    คำด่าราวกับก๊อปวางของสองคู่รักนั้นทำเอาเขาหดหู่ไปตาม ๆ กัน นอกจากแม่ที่เป็นเพื่อนสนิทกันแล้ว น้องของทั้งสองคนยังเป็นแฟนกันอีก เอ็คกับทิวจึงก้ำกึ่งระหว่างเพื่อนกับพี่เขยพี่สะใภ้ เป็นมากกว่าเพื่อนสนิทและนิยามกันเองว่าเพื่อนพิเศษ

    “อย่างน้อยก็ได้ตังค์น่า โดนด่านิดเดียวไม่เห็นเป็นไรเลย เลิกเศร้าได้แล้ว”

    “ไม่ได้เศร้าเพราะโดนด่าอะดิ”

    “อ่าว แล้วเรื่องอะไรวะ?”

    “ก็เรื่องที่ทัศน์มันบอกว่าให้หาภรรยาเก่ง ๆ ไว้ดูแลตัวเองอะดิ ฉันไม่รู้ว่าจะเลือกใครดีว่ะ”

    เอ็คมองทิวตาแข็งกร้าวในขณะที่เจ้าตัวทำหน้าเศร้าใจเหม่อมองท้องฟ้ากว้างไกลแสนว่างเปล่า

    โถ ไอ้หล่อเลือกได้!

     

    ****

     

    สามวันหลังจากที่ลมหนาวโดนเอ็คล้างแค้น ความขุ่นเคืองในครั้งนั้นเริ่มเจือจางเมื่อยกเหตุผลมารองรับการกระทำของเอ็ค แต่ความอับอายยังคงอยู่เมื่อนึกถึงสัมผัสของเขาที่ล่วงล้ำมาในที่สงวนของตัวเอง ที่ที่แม้แต่แฟนยังไม่เคยสัมผัส ลมหนาวไม่กล้าเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังเพราะอย่างน้อยเอ็คก็ไม่เคยบอกใครเรื่องดูก้นเขามาแล้วเหมือนกัน หรือถ้าบอก ลมหนาวก็คงไม่รู้เรื่องนั้นอยู่ดี

    ตึง! ตึง! ตึง! ตึง! ตึง!

    เสียงเคาะห้องรัวทำให้ลมหนาวได้สติก่อนเดินไปดูตาแมวแล้วเห็นหน้าคนที่ตัวเองเพิ่งบ่นถึง

    มาหาเรื่องอะไรอีกล่ะ?

    ลมหนาวเดินไปที่ประตูพยายามแง้มเปิดเบา ๆ ทว่าพออีกคนเห็นว่าห้องเปิดก็รีบดันประตูเข้ามาอย่างไวโดยไม่ขออนุญาต

    “ขอเข้าห้องน้ำหน่อย!!”

    เขาตะโกนพลางปิดประตูห้องน้ำทันที ลมหนาวไม่ทันห้ามอะไรจึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลย

    ป๊าดดดด ปู๊ดดดดด แพร็ด แพร็ด แพร็ด แพร็ด แป๊ดดดดดดดด ปุ๊ง!

    เสียงซาวด์เอฟเฟคฟังดูขมคอทำลมหนาวเริ่มปิดจมูกแม้ไม่ได้กลิ่น สภาพนี้ดูท่าเขาคงท้องเสียมา ด้วยความที่ไหน ๆ เอ็คก็เข้ามาอยู่ในห้องแล้ว จะปล่อยให้ช็อกเพราะขาดน้ำก็ไม่ได้จึงชงน้ำเกลือแร่เอาไว้ให้เขาดื่ม

    เอี๊ยดดดด ตุบ

    เอ็คล้มลงตรงหน้าห้องน้ำอย่างหมดแรง ลมหนาวพยุงเขาให้นอนตักก่อนจะเริ่มป้อนน้ำเกลือแร่รินเข้าข้างปาก

    “ค่อย ๆ กลืนนะ”

    อึก อึก อึก

    ลูกกระเดือกกลิ้งขณะเสียงกลืนดังสอดคล้องกัน น้ำเกลือแร่ที่ลมหนาวชงให้นั้นหมดเกลี้ยงในเวลาต่อมา เอ็คยังคงนอนซบตักลมหนาวอยู่พลางเหม่อมองรอบห้องราวกับเลื่อนลอย

    “เอ็คจะตายไหม? ลมหนาวต้องช่วยเอ็คนะ เอ็คยังไม่อยากตาย”

    เขาซุกหัวกับท้องลมหนาวแน่นเหมือนต้องการที่พึ่งสุดท้าย เพราะความแค้นของทั้งคู่หายกันแล้ว ลมหนาวจึงคลายอคติที่มีต่อเขาลงจนแทบไม่เหลือ ยิ่งอีกคนทำท่าเสียขวัญเหมือนหวาดกลัวจริง ๆ เขายิ่งเห็นใจเป็นเท่าตัว

    “เอ็คถ่ายไปกี่รอบแล้วเหรอ?”

    “ห้ารอบแล้ว มวนท้องจนยืนไม่ไหวเลย”

    เขาว่าพลางซบตักลมหนาวอีกครั้ง แต่เหมือนจะเพิ่งนึกอะไรได้ก็เด้งหัวขึ้นพลางบอกเรื่องสำคัญออกไป

    “ไอ้ทิว ไปช่วยไอ้ทิวด้วย มันก็โดนเหมือนกัน”

    “ทิว? เพื่อนร่วมห้องเธอน่ะเหรอ?”

    เอ็คพยักหน้าหงึกหงักพลางถูกลมหนาวยกหัวออกจากตักแล้วหาหมอนมาหนุนแทน ลมหนาวเดินไปเคาะประตูข้างห้องทว่าไม่มีใครเปิดจึงถือวิสาสะจับลูกบิดแล้วดันเข้าไป แต่ทันทีที่เห็นห้องนอนของเอ็ค ลมหนาวก็แทบลมจับในทันที

    นี่มันห้องของหอเดียวกันจริง ๆ เหรอเนี่ย!!?

    สิ่งที่เห็นในห้องนี้คือกองจานไม่ได้ล้าง ที่ด้านในของเศษอาหารมีหนอนแมลงวันยั้วเยี้ย ทั้งห้องเต็มไปด้วยเศษกระดาษ กองขยะ และบรรดาเสื้อผ้าไม่ได้ซักกระจัดกระจายอยู่ทั่วห้องทำเอาลมหนาวถึงกับต้องอุดจมูกระหว่างเดินเข้ามา

    “ทิว? ไหวไหม? เอ็คให้เรามาดูเธอน่ะ”

    ลมหนาวพูดทักอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ จนเดินไปถึงหน้าห้องน้ำแล้วเงี่ยหูฟังข้างใน ไม่มีเสียงใดรอดออกมาจากในนั้นจนลมหนาวเริ่มแปลกใจ

    ไม่ใช่ว่าเป็นลมไปแล้วหรอกนะ?

    “ทิว…”

    กึก!

    ทิวเดินออกมาจากห้องน้ำอย่างอิดโรย ทว่าทันทีที่เท้าก้าวออกจากพื้นห้องน้ำ เขากลับลื่นจากน้ำขังที่สะสมอยู่แถวนั้นจนล้มไปข้างหน้า มือไม้พยายามไขว่คว้าอะไรก็ตามไม่ให้ล้ม ทว่าดันไปปัดกองจานบนซิงค์ให้ตกลงมา ลมหนาวเห็นท่าไม่ดีพยายามรุดหน้าเข้าไปประคองช่วงหัว

    โครม!

    โชคดีที่ส่วนหัวของทิวไม่ได้กระแทกอะไร ระหว่างที่ลมหนาวกำลังวางใจ จู่ ๆ คอนโดจานก็ได้ไถลลงจากซิงค์ตรงกับที่ทิวกำลังนอนอยู่

    เคร้ง แผละ

    ความหวังดีที่ไม่อยากให้อีกคนบาดเจ็บได้ทำให้ลมหนาวปัดกองจานพวกนั้นออกจนเศษอาหารข้างในหกเรอะใส่แขน ที่ช็อกกว่านั้นคือในกองเศษอาหารมีบรรดาหนอนพยายามไต่ขึ้นตามแขนลมหนาวอย่างรวดเร็ว

    “อ๊าาาาาาาาาาก!!!”

    ลมหนาวร้องทั้งพยายามหาอะไรมาปัดหนอนพวกนั้นออกเลยตัดสินใจไปล้างในห้องน้ำ ใช้ฝักบัวฉีดไล่พวกมันออกจากแขนจนเพิ่งนึกได้ว่ายังมีอีกคนที่โดนเรื่องเดียวกันนี้อยู่

    “อ๊าาาาาาาาาาาาก!!!”

    เขาร้องพลางฉีดน้ำไปตามตัวของทิว ทว่าแรงดันน้ำของฝักบัวไม่มากพอให้ฉีดไปถึง เขาจึงหันไปหาที่ฉีดตูดแล้วฉีดใส่เขาในทันที ทิวไม่มีแม้แต่แรงจะร้อง จึงทำแต่หน้าเหยเกเหมือนอยากจะร้องไห้เต็มทน

    “เกิดอะไรขึ้น!?”

    เสียงคุ้นหูของเอ็คดังออกมาจากทางประตู สิ่งที่เขาเห็นคือเพื่อนนอนกึ่งนั่งตรงทางเดินข้างซิงค์โดยมีสายน้ำฉีดใส่เขาไม่หยุดผ่านประตูของอีกฟาก

    “ช่วยด้วย…”

    ทิวพูดเบา ๆ จนแทบไร้เสียงเมื่อลมหนาวเอาแต่แหกปากพลางฉีดน้ำใส่เขาไปด้วย ความโกลาหลนั้นทำให้เอ็คต้องฮึดใจสู้อีกครั้ง ก้าวข้ามเศษอาหารแล้วเดินเข้าไปจับลมหนาวที่ฉีดน้ำใส่เพื่อนตัวเองทั้งหลับตาปี๋

    “ลมหนาว! หยุดก่อน!”

    คำพูดนั้นทำให้ลมหนาวได้สติ มองทุกอย่างรอบตัวพลางหลอนกับสัมผัสเล็กน้อยเหมือนมีอะไรมาไต่ตัว

    “หนอน มันมีหนอนยั้วเยี้ยเต็มไปหมดเลย!”

    ลมหนาวขวัญเสียจนแทบคลั่ง คนรักความสะอาดอย่างเขาไม่มีเลยสักครั้งที่จะปล่อยให้ที่อยู่อาศัยสกปรกจนมีสัตว์ไม่พึงประสงค์มาเยี่ยม แต่กับเอ็คนั้นไม่ใช่ พอเห็นอีกคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวก็พาไปนั่งที่เตียงกลางห้องแล้วเอาผ้าขนหนูมาให้เช็ดตามตัว

    “แล้วเราล่ะเพื่อน…”

    ทิวว่าพลางหยัดตัวลุกขึ้นนั่ง เอ็คเพิ่งสังเกตเห็นเลยหันไปหาลมหนาวอีกครั้งพลางพูดขอบางสิ่ง

    “เอ็คขอเข้าไปเอาผงเกลือแร่ในห้องลมหนาวได้ไหม?”

    ลมหนาวไม่ตอบได้แต่พยักหน้าอย่างหวาด ๆ กับสิ่งที่เพิ่งเจอ เอ็คลุกขึ้นไปเอาของจากอีกห้องแล้วกลับมาชงน้ำเกลือแร่ให้เพื่อนดื่ม

    ระหว่างนั้นลมหนาวก็เริ่มตั้งสติได้พลางมองรอบ ๆ ห้องที่มีแต่ขยะเต็มไปหมด แม้แต่เตียงก็ไม่มีผ้าปูที่นอนกันฝุ่นเปื้อนสะสม ห้องนี้เรียกได้ว่าเป็นฝันร้ายของลมหนาว ทว่าชายสองคนตรงหน้ากลับอยู่ได้ แต่ใช่ว่าจะราบรื่นเมื่อพวกเขาเผชิญกับอาการท้องร่วงจากอาหารเป็นพิษ

    “เอ็ค… พวกเอ็คกินอะไรถึงท้องเสียเหรอ?”

    หลังจากที่ทุกคนเริ่มมีสติครบถ้วน และเอ็คกับทิวก็ไม่ได้มีอาการมวนท้องหนักอย่างก่อนหน้านี้แล้ว

    “อ่า… เอ่อ… เรากินอาหารหมดอายุแล้วน่ะ ก็เลยท้องเสียกัน”

    “อาหารหมดอายุ? เรื่องนั้นเธอก็หน้าจะรู้นี่ว่ามันกินไม่ได้”

    “ก็รู้แหละ แต่ว่ามันไม่มีทางเลือกอื่นอะ”

    ลมหนาวยังไม่เข้าใจพลางทำหน้าสงสัยอยู่ เอ็คถอนหายใจทิ้งก่อนบอกสาเหตุที่ตัวเองกินของเสียไป

    “เอ่อ… พวกเราไม่มีเงินกันแล้วน่ะ ก็เลยต้องกินอาหารเสียกัน”

    ลมหนาวเริ่มเข้าใจสิ่งที่เขาบอกก่อนเห็นกองอาหารที่ดูเหมือนเพิ่งถูกเปิดกินไป ของกินตรงนั้นล้วนเป็นอาหารในห้างใกล้ ๆ ที่ลมหนาวมักเข้าไปซื้อของบ่อย ๆ ทว่าพอมองกล่องอาหารกล่องอื่นที่ยังไม่แกะก็เห็นป้ายสีเหลืองแปะอยู่คล้ายกับเป็นป้ายลดราคา

    เมื่อเดินเข้าไปใกล้พลางหยิบดูทุกชิ้นอย่างสงสัย ของพวกนี้เลยวันหมดอายุมาหนึ่งวันเต็ม ๆ แล้ว และบางอันก็ข้นหนืดไม่เหมือนอาหารสดที่เคยเห็น ลมหนาวไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงมีเยอะขนาดนี้เลยถามออกไป

    “ทำไมตรงนี้มันมีแต่อาหารหมดอายุล่ะ ถ้ารู้ว่ากินไม่ทันก็ไม่น่าซื้อมาเยอะเลยนี่”

    “เอ่อ… พวกเราซื้อตุนเอาไว้เผื่อสิ้นเดือนนี้น่ะ… ก็เห็นว่ามันลดราคาลงตั้งเยอะเลยซื้อมาเก็บไว้จะได้ไม่อดอยากตอนสิ้นเดือน”

    “แต่มันจะหมดอายุ ไม่มีใครเก็บตุนอาหารที่ใกล้หมดอายุหรอกนะ แล้วพวกห้างร้านก็ชอบลดราคากับอาหารที่ชำรุดหรือไม่ก็จะหมดอายุในสองถึงสามวัน พวกแกจะตุนอาหารก็หัดดูวันหมดอายุบ้างสิ”

    “เอ่อ เรื่องนั้นเราไม่ทันคิดอะ ตอนนี้เงินก็หมด ท้องก็ปวด แถมท้องเสียแล้วก็หิว แต่ก็รู้สึกพะอืดพะอมในไส้อีก ลมหนาวอย่าว่าเยอะได้ไหม มันปวดหัวอะ”

    เอ็คพูดทั้งหน้าหงอย ลมหนาวพูดอะไรไม่ออกก็ได้แต่ถอนหายใจพลางมองกองกล่องอาหารบูดพวกนั้น

    “งั้นเดี๋ยวเราทำข้าวต้มให้กินแก้หิวไปก่อน พักให้หายป่วยสักพักแล้วค่อยคุยเรื่องที่ต้องทำหลังจากนั้นกัน”

    “อืม อย่างนั้นก็ได้”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×