ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กางเกงลิงตัวนั้น ของฉันใช่ไหม!!? [อ่านฟรี]

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3 แค่นี้ก็พอแล้ว

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.ค. 66


    หลังจากรังแกเพื่อนข้างห้องจนตัวเองยอมถอย เอ็คชายหนุ่มร่างสูงร้อยเจ็ดสิบเก้า ผิวสองสีกับร่างกายแน่นเนื้ออย่างคนชอบเล่นกีฬา เขาเดินเข้ามาในห้องสองเท้าเหยียบพื้นเลอะคราบน้ำจากกองจานไม่ได้ล้างบนซิงค์ตรงทางเข้า ทุกครั้งที่เขาหรือทิวจะล้างมือหรือล้างหน้า มันก็กระเด็นออกจากซิงค์มาเจิ่งนองอยู่บริเวณนั้นจนบางวันไหลออกไปเลอะข้างนอก

    แม้จะรู้ว่ามันสกปรก แต่เขากับเพื่อนอีกคนไม่ถือ ตั้งแต่เข้ามาอาศัยในห้องนี้ก็ไม่มีใครคิดจะทำความสะอาดห้องที่ใช้อาศัยอยู่เลย ขยะและเศษอาหาร ถ้ามันล้นมาก ๆ ก็ค่อยเอาไปทิ้ง แต่ไม่ได้กวาดหรือเช็ดถูห้องแม้แต่น้อย ปล่อยให้คราบฝังแน่นจากรอยเท้าและอาหารติดอยู่อย่างนั้นราวกับเป็นลวดลายเดียวกับพื้นห้อง

    “เมื่อกี้ไปเจอไอ้คนที่ดึงกางเกงมาด้วยว่ะ”

    “เหรอวะ? แล้วไงต่อ”

    “มันอยู่ห้องเจ็ดหนึ่งสี่ข้าง ๆ เรานี่แหละ แต่ดันโกหกว่าอยู่อีกห้องเพราะกลัวถูกรังควาน”

    “อ้อเหรอ”

    “ฉันก็เลยยืนกดดันจ้องหน้าจนขึ้นมาถึงชั้นเจ็ด”

    “อื้ม จากนั้นก็?”

    เอ็คนึกเรื่องที่จะเล่าต่อจนภาพแววตาหมาน้อยที่อีกคนทำใส่เขาผุดขึ้นมาในหัวส่งผลให้อาการใจสั่นกำเริบอีกครั้ง

    นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเราวะเนี่ย?

    “อ่าว สรุปยังไงต่อ?”

    “...ฉันแกล้งเขาแรงเกินไปป่าววะ”

    “จ้องหน้า? เอ่อ… ก็แรงนะ”

    “ฉันควรเลิกแกล้งเขาใช่ไหมวะ?”

    “แกเปิดไลน์ที่ฉันส่งไปรึยัง?”

    “ทำไมวะ?”

    “ห้องข้าง ๆ ที่แกว่าไปฟ้องเจ้าของหอว่าเราทำพื้นที่ส่วนรวมสกปรกเลอะไปถึงห้องตัวเองจนเขาต้องไลน์มาเตือนหนึ่งครั้งก่อน”

    “เหรอวะ กับอีแค่พื้นเลอะถึงกับฟ้องเจ้าของหอเลยเหรอวะ?”

    “เออดิ นี่ถ้ามันฟ้องอีกสองครั้งเราจะถูกไล่ออกจากหอ ค่ามัดจำอะไรก็ไม่ได้”

    “โห่แม่ง เรื่องแค่นี้น่าจะมาบอกกันก่อน ไม่ก็ติดป้ายเตือนบอกหน้าประตูก็ได้”

    “ใช่ไหมล่ะ? คิดดูเอาเหอะว่าจะเลิกแกล้งต่อรึเปล่า”

    กองไฟที่เพื่อนสุมโหมกระหน่ำในจิตใจจนความรู้สึกหวั่นไหวมลายสิ้น เอ็คหันไปมองห้องข้าง ๆ เจ้าปัญหาก่อนหยิบขวดน้ำมาปากระทบผนัง

    ตึง!

    สงสัยพวกเราคงอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขไม่ได้แล้ว!

     

    ****

     

    หนึ่งชั่วโมงต่อมา เอ็คลงมาชั้นล่างของหอเพื่อเก็บผ้าที่เอามาซักไปตาก ระหว่างหยิบใส่ตะกร้าก็พบกับกางเกงลิงลายทางขาวแดงที่ตัวเองไปเอาของเขามาใส่ ในมือกำมันแน่นอย่างเจ็บแค้น แต่เขารู้ดีว่าใช้กำลังไปก็ไม่มีประโยชน์ หากคิดจะแก้แค้นใครต้องแยบยลและผลลัพธ์ต้องไม่ทำให้ใครเจ็บตัว

    เอ็คยึดมั่นกับสิ่งนี้มาตลอดแม้บางทีจะเผลอไผลไปตามอารมณ์ แต่ด้วยความที่ถูกสอนมาอย่างนั้น เรื่องการยับยั้งชั่งใจในตัวเองจึงมีมากกว่าคนอื่น

    “กางเกงลิงสีขาวแดงวัยรุ่นเขาฮิตกันเหรอ? เห็นมีคนมาถามหาด้วย ดูท่ามันจะสำคัญเนอะ”

    เมื่อหันไปมองตามเสียงเห็นเป็นลุงยามที่คนข้างห้องยืนคุยด้วยตอนเขาเอาผ้ามาซัก ดูท่าเรื่องกางเกงลิงนี่จะไม่ใช่แค่เขาที่รู้แล้ว พอคิดได้อย่างนั้นไอเดียบางอย่างก็ปิ๊งขึ้นมาในหัว

    “อ๋อ ไม่รู้สิครับ เพื่อนผมมันเห็นเกงในนี่มาตกตรงระเบียงห้องแล้วนึกว่าเป็นของผมก็เลยเอามาใส่ตะกร้าไว้ จนผมซักเสร็จแล้วมันถึงเพิ่งมาบอก ไม่รู้เจ้าของกางเกงในตัวนี้เป็นใคร ถ้าเกิดเขาเป็นโรคผิวหนังหรืออะไรขึ้นมา ผมคงต้องทิ้งเสื้อผ้าทั้งหมดนี่ทิ้ง”

    “เหรอ!? แย่เลยนะเนี่ย ถ้าเป็นสีขาวแดงอย่างนี้ลองไปทักห้องเจ็ดหนึ่งสี่ดูสิ เผื่อเป็นของเขาจะได้ถามด้วยว่าเขาเป็นโรคอะไรรึเปล่า”

    “ครับ ขอบคุณที่บอกครับ”

    ลุงยามเดินไปทั้งหน้าตาตื่น เรื่องที่เอ็คพูดล้วนมโนเองทั้งสิ้น เขาเพียงแค่อยากฝังชิปความคิดเข้าไปเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้แผนการต่อไปมันง่ายขึ้น สองมือจับยกตะกร้าผ้าพลางเดินไปข้างหน้าจนถึงลิฟต์ ในหัวได้ลำดับแผนการเป็นขั้นเป็นตอนด้วยใบหน้าชั่วร้ายเกินกว่าจะบรรยายถึง

    เมื่อขึ้นมาถึงชั้นเจ็ด เอ็คมุ่งหน้าไปยังห้องเป้าหมายทันที พอถึงหน้าประตูก็วางตะกร้าลงแล้วเคาะเป็นจังหวะสามช่า

    แก๊ก!

    ประตูเปิดขัดจังหวะเคาะเผยใบหน้าบึ้งตึงของลมหนาวเมื่อรู้ว่าใครมาหา

    “อะ เกงในที่เอาไป”

    ลมหนาวหยิบมาแล้วตั้งใจจะปิดประตูหนี แต่อีกคนดันเอาเท้าเข้ามาขัด

    “เดี๋ยวก่อน”

    “อะไรล่ะ?”

    “ชื่ออะไร”

    ลมหนาวชั่งใจว่าจะบอกดีไหม? แต่ในเมื่อเป็นคนข้างห้องกัน ยังไงก็ต้องรู้จักกันบ้างจึงเอ่ยออกไป

    “ชื่อลมหนาว แล้วเธออะ?”

    “เอ็ค”

    “อืม”

    คนขวางประตูเริ่มเอาเท้าออกให้เจ้าของห้องได้ปิดประตูสนิท และเสียงล็อกกลอนก็ดังตามมา

    “หึ ลมหนาว”

    เขาพูดพลางยิ้มเหี้ยม มันคงแปลกถ้าหากเขาคิดจะแค้นใครแต่กลับไม่รู้ชื่อ ตอนนี้ได้รู้แล้วก็ต้องเริ่มแผนอีกขั้นโดยการไปตากผ้าก่อนกลับมานอนเตียงและค้นหาสินค้าในโหมดเสื้อผ้า ไล่สั่งซื้อกางเกงในลายทางสีขาวแดงมาไม่ต่ำกว่าสิบตัว รอวันที่ของมาส่งเพื่อเริ่มปฏิบัติการก่อการร้ายในสุดสัปดาห์นี้

     

    ****

     

    อาทิตย์ต่อมา พัสดุของห้องเจ็ดหนึ่งห้าถูกส่งมาไม่ว่างเว้นในแต่ละวัน เมื่อครบกำหนดวันล้างแค้น เขารีบแกะหอพัสดุชิ้นล่าสุดมาดูว่ามันตรงปกกับที่โฆษณาไว้ไหม? เมื่อใช่ก็เอาไปรวมกับของเก่าที่เขาแกะไว้ก่อนแล้ว

    “ก็พอจะรู้นะว่าแกซื้อของทั้งหมดนี่มาแก้แค้น แต่ทำไมต้องรอให้ถึงวันนี้ด้วยวะ?”

    “หลังเที่ยงคืนเป็นต้นไปจะมีพายุใหญ่ผ่านเข้ามา ซอยโอลีฟนี่ก็ขึ้นชื่อเรื่องไฟตกเป็นว่าเล่น ระหว่างช่วงโกลาหลคงไม่มีใครสังเกตว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่ เพราะงั้นวันนี้แหละมันเหมาะที่สุดแล้ว”

    “อ๋อ อย่างนี้นี่เอง”

    ทิวพยักหน้าเข้าใจกับแผนการล้างแค้นของเขา เขารู้จักความเจ้าคิดเจ้าแค้นของเอ็คดีและไม่คิดจะห้ามเพราะวิธีการที่เอ็คใช้มันทำให้เขาสนุกทุกครั้งที่ได้เฝ้าดู

    เอ็คนั่งรอเวลาจนถึงเที่ยงคืนพลางออกไปสังเกตเพื่อนข้างห้องว่านอนแล้วหรือยัง เขาสังเกตทุกวันและได้รู้ว่าลมหนาวมักจะนอนตอนสี่ทุ่ม ทำให้เขาไม่ต้องกังวลเลยว่าเจ้าตัวจะตื่นมาเห็นสิ่งที่เขาทำ

    จวบจนเวลาล่วงเลยไปตีหนึ่ง คลื่นลมแรง ๆ เริ่มพัดโหมกระหน่ำ เอ็คยังคงจ้องแสงจากนอกหน้าต่าง เฝ้ามองว่าเมื่อไหร่มันจะดับกันอย่างพร้อมเพรียง

    แปะ แปะ แปะ ซ่า ซ่าาาาา

    ฝนเริ่มลงเม็ดและตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ยิ่งเสียงร้องดังตามหลังฟ้าแลบยิ่งดูขลังราวกับเป็นใจให้เขากระทำการครั้งใหญ่ให้สำเร็จ

    เปรี้ยง! พรึบ!

    ไฟดับพร้อมกันในทันที เวลานั้นเอ็คไม่รอช้าเปิดประตูห้องไปนอกระเบียงและสาดเทสิ่งที่ซื้อสะสมมาตลอดทั้งอาทิตย์ออกไป ปล่อยให้กางเกงลิงลายทางขาวแดงนับร้อยลอยล่องไปตามลม บ้างก็ลอยไปตกระเบียงห้องคนอื่น ต้นไม้ และลานกว้างหน้าทางเข้าหอ กางเกงลิงพวกนั้นกระจายไปทั่วทุกพื้นที่ที่ลมอาจพาไปถึง เอ็คแสยะยิ้มอย่างมีชัยพลางหันกลับเข้าห้องไปและรอผลของแผนการในวันพรุ่งนี้

     

    ****

     

    ประตูห้อง 714

    ถูกเคาะตั้งแต่เช้า แม้ลมหนาวจะตื่นอยู่ก่อน แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อไม่คิดว่าจะมีใครมาหาในเวลานี้ เขาเดินไปส่องตาแมวที่ประตู พอรู้ว่าใครมาเคาะจึงรีบเปิดให้พลางถามไถ่ทันที

    “มีอะไรเหรอครับคุณลุง?”

    “กางเกงลิงเอ็งน่ะสิ ปลิวไปทั่วหอเลย ไปช่วยลุงเก็บหน่อยสิ จะได้หมดไว ๆ”

    “กางเกงลิงผม? แต่เมื่อวานผมไม่ได้ตากผ้านะครับ”

    “อ่าว ถ้างั้นมันเป็นของใครล่ะ สีขาวแดงด้วยนะ เอ็งแน่ใจนะว่าไม่ใช่ของเอ็ง”

    ลมหนาวคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจไปช่วยดูให้ ลุงแนะให้เอาตะกร้าไปด้วย ลมหนาวจึงกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง จังหวะนั้นลมหนาวก็เพิ่งสังเกตที่ระเบียงห้องว่ามีกางเกงลิงลายทางสีขาวแดงคล้ายกับของตัวเองตกอยู่ที่พื้นสามตัว แล้วพอก้มลงไปดูชั้นล่างถึงเห็นอีกหลายสิบตัวกระจายไปทั่วหอ

    นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย!! มิน่าล่ะ! ลุงถึงขึ้นมาตามให้ช่วยไปเก็บ

    ลมหนาวลงมาถึงชั้นล่างเพื่อช่วยลุงเก็บตัวที่ตกอยู่ตรงพื้นก่อน ส่วนตัวที่ตกบนต้นไม้ค่อยหาบันไดกับไม้มาสอย ระหว่างที่ลุงยาม ป้าแม่บ้านและลมหนาวช่วยกันเก็บกางเกงลิงที่ตกเกลื่อนหอ คนที่เดินเข้าออกหอพากันหันมามองพวกเขา บ้างเดินเข้ามาบอกว่าที่ห้องตัวเองก็มีกางเกงลิงลายเดียวกันนี้ตกใส่แล้วค่อยเดินกลับไปเอาที่ห้องเพื่อวางใส่ตะกร้าให้ลมหนาว

    แม้ว่ากางเกงลิงพวกนั้นจะไม่ใช่ของลมหนาว แต่คนที่ไม่รู้เรื่องราวละเอียดก็ทึกทักไปเองแล้วว่าคนที่มาเก็บทั้งที่ไม่ใช่คนของหอคนนี้ ต้องเป็นเจ้าของกางเกงลิงพวกนั้นอย่างแน่นอน ที่แย่กว่านั้นคือหลายคนอัดคลิปลงโซเชียลเล่าประสบการณ์ฝนตกเป็นกางเกงลิงจนเป็นไวรัลไปทั่วอินเทอร์เน็ตในแฮชแท็กฝนกางเกงลิง

     

    ****

     

    หารู้ไม่ว่าท่ามกลางความวุ่นวายและเหนื่อยยากของคนเก็บ กลับมีใครบางคนยืนหัวเราะร่าในห้อง มองลมหนาวพยายามสอยกางเกงลิงจากต้นไม้

    “หึหึหึ ฮะฮะฮะ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”

    “โอ่ย จะหัวเราะอะไรนักหนา กลัวคนเขาไม่ได้ยินรึไง?”

    “ก็ดูไอ้ลมหนาวดิ ต้องปีนขึ้นไปเก็บเกงในบนต้นไม้ สะใจชะมัด”

    “เออ รู้ว่าสะใจ แต่มาช่วยกันปั่นแฮชแท็กก่อนไหม?”

    “เรื่องนั้นฉันไม่สนแล้ว แค่เห็นลมหนาวสอยกางเกงลิงต่อหน้าคนอื่นก็พอใจแล้วว่ะ”

    “เอางั้นก็ได้ นึกว่าจะเล่นให้สุดซะอีก”

    “แค่นี้ก็เกินพอแล้ว”

    เอ็คยังคงจ้องลมหนาวไม่วางตา มองท่าทีปาดเหงื่อเหมือนเหนื่อยกับสิ่งที่ทำ แต่กลับไม่บ่นเลยสักคำให้เห็น รอยยิ้มแห่งความปีติเริ่มน้อยลงทีละนิดก่อนมองกลุ่มคนเก็บกางเกงลิงนิ่ง ๆ ไร้ความยินดีอย่างเก่า

     

    ****

     

    หลังจากที่ทุกคนช่วยกันเก็บกางเกงลิงจนหมด ลมหนาวเริ่มปรึกษากับพี่ที่ทำความสะอาดว่าจะเอายังไงต่อ แล้วก็ได้ข้อสรุปมาว่าคงต้องซักกางเกงลิงทั้งหมดก่อนจะส่งคืนให้เจ้าของตัวจริง แต่ติดปัญหาตรงที่วันนี้พี่แม่บ้านเขาซักผ้าห่มหลายผืน ทำให้ไม่มีที่ตาก คงต้องฝากให้ลมหนาวไปตากไว้ที่ห้องก่อนค่อยเอาไปเก็บไว้ในห้องทำงานของพี่เจ้าของหอ

    “พี่ฝากหน่อยนะ ถ้ามันแห้งแล้วน้องค่อยมาเรียกพี่ใหม่”

    “ได้ครับ”

    “ขอบใจนะที่มาช่วย ไม่ใช่กางเกงในของเราแท้ ๆ”

    “ไม่เป็นไรครับ เรื่องแค่นี้เอง”

    ลมหนาวว่าพลางหอบเอาผ้าที่ซักแห้งแล้วกลับไปตากที่ห้อง พอขึ้นมาถึงชั้นเจ็ดและเดินมาจนเกือบจะถึงห้องตัวเอง อยู่ ๆ ห้องข้าง ๆ ก็เปิดประตูแล้วสบตากับลมหนาวที่กำลังเดินไปทางนั้นพอดี เอ็คมองลมหนาวจนเดินมาถึงห้องก่อนจะเดินเข้าไปหาพลางขวางประตู

    “อะไรอีกล่ะ?”

    “ส่งทั้งหมดนั่นมาให้ฉันเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่อยากถูกหาว่าเป็นขโมย”

    “ขโมย?”

    “ใช่ กางเกงในทั้งหมดนั่นเป็นของฉันเอง ฉันอยากได้คืนจะพูดทวงก็ไม่ผิดรึเปล่า”

    “ฮะ? เธอแน่ใจนะว่าเป็นของเธอ?”

    “แน่ใจสิ ฉันมีหลักฐาน”

    เอ็คชูภาพในโทรศัพท์ที่ตัวเองถ่ายรูปคู่กับกองกางเกงลิงลายทางสีขาวแดง

    “ถ้ารู้ตัวอยู่แล้วว่าเป็นของตัวเอง ทำไมไม่ออกไปช่วยคนอื่นล่ะ? ปล่อยให้เขาเก็บกันเองทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่ นิสัยแย่ว่ะ”

    ลมหนาวว่าทั้งหน้าดำหน้าแดง เอ็คมองท่าทีนั้นอย่างไม่สะทกสะท้านก่อนเดินเข้าไปดึงเอาตะกร้ากางเกงลิงในมือลมหนาวออกมาไว้ในอกตัวเอง

    “คนที่ทำกับคนอื่นเหมือนเป็นผู้ร้ายทั้งที่ไม่ถามหาเหตุผลก็แย่เหมือนกัน”

    “แต่อย่างน้อยเราก็พยายามรับผิดชอบกับสิ่งที่ทำนะ”

    “ยังไง? รับผิดชอบด้วยอะไรวะ? ด้วยการเปิดตูดคนอื่นในที่สาธารณะเหรอ?”

    ลมหนาวพูดไม่ออกเมื่อนึกถึงเรื่องนั้น มันก็จริงที่เขาผิด ใช่ เขาผิดเต็ม ๆ เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะหนีแล้วพรากเอาเครื่องรางชิ้นสำคัญไป เลยทำทุกอย่างเพื่อให้ได้กลับมา ตอนนี้มันเปลี่ยนอะไรไม่ได้แล้ว และการที่เอ็คยังโกรธเขาอยู่ก็เป็นเรื่องที่ลมหนาวต้องรับผิดชอบเหมือนกัน

    “แต่ถึงเธอจะไม่ชอบเรา ก็ไม่น่าทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปด้วยเลยนี่”

    เสียงเบา ๆ ของลมหนาวทำให้เอ็คใจเย็นชอบกล เขามองลมหนาวอีกครั้ง แต่ไม่ได้พยายามกดดันเหมือนแต่ก่อน

    “เรื่องนั้นเราจะไปขอโทษลุงยามกับพี่แม่บ้านเอง แค่นี้โอเคไหม?”

    “อื้ม”

    “ส่วนเรื่องที่เธอเปิดก้นเราในที่สาธารณะ เธอต้องรับผิดชอบด้วยการเปิดก้นตัวเองให้เราดู”

    “ฮะ? ไม่เอาอะ”

    “งั้นก็คอยดูแล้วกันว่าครั้งต่อไปใครจะเดือดร้อน”

    ลมหนาวชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง เรื่องที่เอ็คทำวันนี้แม้จะไม่ได้ร้ายแรงอะไร แต่ก็ทำให้เขาถูกเข้าใจผิดเป็นยกใหญ่ ไม่รู้ว่าถ้าไม่เปิดก้นให้ดูตอนนี้ เขาอาจทำอะไรที่ลมหนาวจินตนาการไม่ออกอีกเป็นได้

    “ก็ได้…”

    “งั้นก็หันหลังแล้วเปิดให้ดูสิ”

    “ตรงนี้เลยเหรอ?”

    “ไม่ใช่ตรงนี้แล้วจะตรงไหนล่ะ?”

    “ในห้องได้ไหม?”

    “ในห้องมันพื้นที่ส่วนตัว ถ้าเปิดในนั้นก็ไม่สาธารณะสิ”

    “แต่ตรงนี้มีกล้องวงจรปิดนะ”

    ลมหนาวพูดทั้งเสียงสั่นตัวสั่น กลัวว่าเขาจะไม่ยอมรับแล้วทำให้ลมหนาวถอดกางเกงออกเดี๋ยวนั้นจนอาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นโรคจิตก็ได้

    “งั้นไปที่บันได ตรงนั้นไม่มีกล้อง”

    เอ็คพูดพลางเดินนำหน้าไป ทิ้งตะกร้าวางไว้แล้วเดินหน้าชำระแค้นต่อ เมื่อทั้งคู่เดินมาถึงบันไดตรงที่พักกึ่งกลางระหว่างชั้น แม้จะไม่มีกล้องวงจรปิดคอยจับผิด แต่ด้วยความที่มีคนใช้อยู่ตลอด ลมหนาวเลยเริ่มอกสั่นขวัญแขวน ไม่กล้าแม้แต่ลงมือเอง

    “เอาสิ เปิดเลย สักห้าวินาทีแล้วค่อยใส่คืน”

    “เราไม่กล้าอะ มือมันไม่ยอมไป”

    เสียงสั่น ๆ ทำให้รู้ว่าเจ้าตัวกลัวสุดขีด ตลอดชีวิตลมหนาวไม่เคยต้องทำอะไรนอกกรอบที่แม่กำหนด ไม่เคยทำอะไรแผลง ๆ ไม่เคยแม้แต่เล่นแรงกับเพื่อนหรือสัตว์เลี้ยง ลูกคนเดียวที่ถูกเลี้ยงมาอย่างทะนุถนอม เพื่อนที่ล้อมรอบล้วนสุภาพไม่กระโตกกระตากอย่างที่เอ็คทำ

    “งั้นเราทำเอง แกจับเสื้อไว้ อย่าให้มันหล่นมาบัง”

    คำสั่งนั้นทำให้ลมหนาวเริ่มขยับตัวอีกครั้งแล้วดึงเสื้อเลิกขึ้นจนถึงเอวก่อนจะสัมผัสได้ว่ามีมือของใครมาจับขอบกางเกงตัวเอง เรียวนิ้วของเขาร้อนจนลมหนาวแอบเกร็ง ยิ่งผิวสัมผัสรูดลงผ่านเนินก้นพาเอาเหล่าเสื้อผ้าที่ใช้ปกปิดเรือนร่างช่วงล่างออกไปด้วย

    สองแก้มก้อนเนียนใสได้เปิดเผยต่อสายตาชายอื่น ลมหนาวเริ่มกล้ำกลืนฝืนทนจนหายใจติดขัด ในบรรยากาศเงียบยิ่งสั่นกลัวอย่างระทึก ก่อนเริ่มรู้สึกถึงแรงดึงพาขอบกางเกงขึ้นมาถึงสะโพก

    วินาทีนั้นหยดน้ำตาร่วงหล่นอย่างคนห้ามไม่อยู่ เรื่องนี้เป็นเรื่องน่าอายที่สุดในชีวิตของลมหนาวเท่าที่เขาเคยทำ

    เมื่อเอ็คเห็นแรงสะอื้นของอีกคนก็จับให้หันมาเผชิญหน้า พอรู้ว่าตัวเองแกล้งจนทำอีกคนร้องไห้ จิตใจที่เคยแข็งกระด้างพลันหายไป เขาจับลมหนาวดึงเข้ามากอดพลางลูบหัวเบา ๆ เพื่อปลอบไม่ให้อีกคนสั่นกลัวไปมากกว่านี้

    “ไม่เป็นไรนะ มันผ่านไปแล้ว ทีนี้พวกเราก็หายกันแล้วนะ เอ็คจะไม่แกล้งอะไรลมหนาวแล้ว”

    เสียงทุ้มเบา ๆ คลอเคล้าอยู่ข้างหู แม้ลมหนาวจะไม่ได้ยินยอมให้เขากอด แต่เพราะจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยสู้แรงไม่ไหว ทว่าเสียงที่เขาพูดใส่กลับทำให้ใจอันสั่นกลัวคงที่ คล้ายถูกปลดเปลื้องจากความรู้สึกผิดที่มีทำให้เริ่มตั้งสติอีกครั้ง

    “จริงนะ เธอจะไม่แกล้งเราอีกแล้วใช่ไหม?”

    “จริงสิ ตอนนี้ลมหนาวเข้าใจความรู้สึกเอ็คแล้วใช่ไหม? เพราะงั้นก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้เอ็คต้องแกล้งลมหนาวอีก”

    ลมหนาวได้ยินอย่างนั้นก็วางใจแล้วเริ่มเช็ดน้ำตาที่ไหลเลอะหน้า เอ็คพาลมหนาวเดินกลับมาจนถึงห้องพลางลูบหลังปลอบใจมาตลอดทาง

    “ไม่เป็นไรนะ ทุกอย่างมันจบลงแล้ว เดี๋ยวเอ็คเอาผ้าไปเก็บก่อนแล้วค่อยเอาตะกร้ามาคืนนะ”

    พูดจบเอ็คก็เดินเข้าห้องไป ส่วนลมหนาวก็เข้าห้องบ้างพร้อมปิดห้องตาม แม้ความรู้สึกกลัวและอับอายจะเริ่มเจือจางลง แต่กลับมีความรู้สึกบางอย่างเข้ามาแทนที่ สัมผัสร้อนที่รูดผ่านเนินก้นทั้งไออุ่นยามถูกกอด หรือแม้กระทั่งเสียงนุ่มทุ้มดังก้องในหู ลมหนาวกลับจำได้ดีเท่ากับความอับอายทั้งหมดที่ตัวเองเจอ

    พวกเราหายกันแล้วสินะ เขาคงไม่แกล้งอะไรเราอีกแล้ว

    รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนหน้า ถ้าหากความกลัว ความอายที่ลมหนาวรู้สึกได้ในตอนนั้น เอ็คก็เคยผ่านเพราะเขาเป็นคนทำเหมือนกัน เขาคงโกรธเอ็คไม่ได้ที่เจ้าตัวตัดสินใจทำอย่างนั้น อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้พาลมหนาวไปเปิดก้นให้คนอื่นดู

    แค่เอ็คคนเดียวคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×