คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3 แค่นี้ก็พอแล้ว
หลังจากรังแกเพื่อนข้างห้องจนตัวเองยอมถอย เอ็คชายหนุ่มร่างสูงร้อยเจ็ดสิบเก้า ผิวสองสีกับร่างกายแน่นเนื้ออย่างคนชอบเล่นกีฬา เขาเดินเข้ามาในห้องสองเท้าเหยียบพื้นเลอะคราบน้ำจากกองจานไม่ได้ล้างบนซิงค์ตรงทางเข้า ทุกครั้งที่เขาหรือทิวจะล้างมือหรือล้างหน้า มันก็กระเด็นออกจากซิงค์มาเจิ่งนองอยู่บริเวณนั้นจนบางวันไหลออกไปเลอะข้างนอก
แม้จะรู้ว่ามันสกปรก แต่เขากับเพื่อนอีกคนไม่ถือ ตั้งแต่เข้ามาอาศัยในห้องนี้ก็ไม่มีใครคิดจะทำความสะอาดห้องที่ใช้อาศัยอยู่เลย ขยะและเศษอาหาร ถ้ามันล้นมาก ๆ ก็ค่อยเอาไปทิ้ง แต่ไม่ได้กวาดหรือเช็ดถูห้องแม้แต่น้อย ปล่อยให้คราบฝังแน่นจากรอยเท้าและอาหารติดอยู่อย่างนั้นราวกับเป็นลวดลายเดียวกับพื้นห้อง
“เมื่อกี้ไปเจอไอ้คนที่ดึงกางเกงมาด้วยว่ะ”
“เหรอวะ? แล้วไงต่อ”
“มันอยู่ห้องเจ็ดหนึ่งสี่ข้าง ๆ เรานี่แหละ แต่ดันโกหกว่าอยู่อีกห้องเพราะกลัวถูกรังควาน”
“อ้อเหรอ”
“ฉันก็เลยยืนกดดันจ้องหน้าจนขึ้นมาถึงชั้นเจ็ด”
“อื้ม จากนั้นก็?”
เอ็คนึกเรื่องที่จะเล่าต่อจนภาพแววตาหมาน้อยที่อีกคนทำใส่เขาผุดขึ้นมาในหัวส่งผลให้อาการใจสั่นกำเริบอีกครั้ง
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเราวะเนี่ย?
“อ่าว สรุปยังไงต่อ?”
“...ฉันแกล้งเขาแรงเกินไปป่าววะ”
“จ้องหน้า? เอ่อ… ก็แรงนะ”
“ฉันควรเลิกแกล้งเขาใช่ไหมวะ?”
“แกเปิดไลน์ที่ฉันส่งไปรึยัง?”
“ทำไมวะ?”
“ห้องข้าง ๆ ที่แกว่าไปฟ้องเจ้าของหอว่าเราทำพื้นที่ส่วนรวมสกปรกเลอะไปถึงห้องตัวเองจนเขาต้องไลน์มาเตือนหนึ่งครั้งก่อน”
“เหรอวะ กับอีแค่พื้นเลอะถึงกับฟ้องเจ้าของหอเลยเหรอวะ?”
“เออดิ นี่ถ้ามันฟ้องอีกสองครั้งเราจะถูกไล่ออกจากหอ ค่ามัดจำอะไรก็ไม่ได้”
“โห่แม่ง เรื่องแค่นี้น่าจะมาบอกกันก่อน ไม่ก็ติดป้ายเตือนบอกหน้าประตูก็ได้”
“ใช่ไหมล่ะ? คิดดูเอาเหอะว่าจะเลิกแกล้งต่อรึเปล่า”
กองไฟที่เพื่อนสุมโหมกระหน่ำในจิตใจจนความรู้สึกหวั่นไหวมลายสิ้น เอ็คหันไปมองห้องข้าง ๆ เจ้าปัญหาก่อนหยิบขวดน้ำมาปากระทบผนัง
ตึง!
สงสัยพวกเราคงอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขไม่ได้แล้ว!
****
หนึ่งชั่วโมงต่อมา เอ็คลงมาชั้นล่างของหอเพื่อเก็บผ้าที่เอามาซักไปตาก ระหว่างหยิบใส่ตะกร้าก็พบกับกางเกงลิงลายทางขาวแดงที่ตัวเองไปเอาของเขามาใส่ ในมือกำมันแน่นอย่างเจ็บแค้น แต่เขารู้ดีว่าใช้กำลังไปก็ไม่มีประโยชน์ หากคิดจะแก้แค้นใครต้องแยบยลและผลลัพธ์ต้องไม่ทำให้ใครเจ็บตัว
เอ็คยึดมั่นกับสิ่งนี้มาตลอดแม้บางทีจะเผลอไผลไปตามอารมณ์ แต่ด้วยความที่ถูกสอนมาอย่างนั้น เรื่องการยับยั้งชั่งใจในตัวเองจึงมีมากกว่าคนอื่น
“กางเกงลิงสีขาวแดงวัยรุ่นเขาฮิตกันเหรอ? เห็นมีคนมาถามหาด้วย ดูท่ามันจะสำคัญเนอะ”
เมื่อหันไปมองตามเสียงเห็นเป็นลุงยามที่คนข้างห้องยืนคุยด้วยตอนเขาเอาผ้ามาซัก ดูท่าเรื่องกางเกงลิงนี่จะไม่ใช่แค่เขาที่รู้แล้ว พอคิดได้อย่างนั้นไอเดียบางอย่างก็ปิ๊งขึ้นมาในหัว
“อ๋อ ไม่รู้สิครับ เพื่อนผมมันเห็นเกงในนี่มาตกตรงระเบียงห้องแล้วนึกว่าเป็นของผมก็เลยเอามาใส่ตะกร้าไว้ จนผมซักเสร็จแล้วมันถึงเพิ่งมาบอก ไม่รู้เจ้าของกางเกงในตัวนี้เป็นใคร ถ้าเกิดเขาเป็นโรคผิวหนังหรืออะไรขึ้นมา ผมคงต้องทิ้งเสื้อผ้าทั้งหมดนี่ทิ้ง”
“เหรอ!? แย่เลยนะเนี่ย ถ้าเป็นสีขาวแดงอย่างนี้ลองไปทักห้องเจ็ดหนึ่งสี่ดูสิ เผื่อเป็นของเขาจะได้ถามด้วยว่าเขาเป็นโรคอะไรรึเปล่า”
“ครับ ขอบคุณที่บอกครับ”
ลุงยามเดินไปทั้งหน้าตาตื่น เรื่องที่เอ็คพูดล้วนมโนเองทั้งสิ้น เขาเพียงแค่อยากฝังชิปความคิดเข้าไปเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้แผนการต่อไปมันง่ายขึ้น สองมือจับยกตะกร้าผ้าพลางเดินไปข้างหน้าจนถึงลิฟต์ ในหัวได้ลำดับแผนการเป็นขั้นเป็นตอนด้วยใบหน้าชั่วร้ายเกินกว่าจะบรรยายถึง
เมื่อขึ้นมาถึงชั้นเจ็ด เอ็คมุ่งหน้าไปยังห้องเป้าหมายทันที พอถึงหน้าประตูก็วางตะกร้าลงแล้วเคาะเป็นจังหวะสามช่า
แก๊ก!
ประตูเปิดขัดจังหวะเคาะเผยใบหน้าบึ้งตึงของลมหนาวเมื่อรู้ว่าใครมาหา
“อะ เกงในที่เอาไป”
ลมหนาวหยิบมาแล้วตั้งใจจะปิดประตูหนี แต่อีกคนดันเอาเท้าเข้ามาขัด
“เดี๋ยวก่อน”
“อะไรล่ะ?”
“ชื่ออะไร”
ลมหนาวชั่งใจว่าจะบอกดีไหม? แต่ในเมื่อเป็นคนข้างห้องกัน ยังไงก็ต้องรู้จักกันบ้างจึงเอ่ยออกไป
“ชื่อลมหนาว แล้วเธออะ?”
“เอ็ค”
“อืม”
คนขวางประตูเริ่มเอาเท้าออกให้เจ้าของห้องได้ปิดประตูสนิท และเสียงล็อกกลอนก็ดังตามมา
“หึ ลมหนาว”
เขาพูดพลางยิ้มเหี้ยม มันคงแปลกถ้าหากเขาคิดจะแค้นใครแต่กลับไม่รู้ชื่อ ตอนนี้ได้รู้แล้วก็ต้องเริ่มแผนอีกขั้นโดยการไปตากผ้าก่อนกลับมานอนเตียงและค้นหาสินค้าในโหมดเสื้อผ้า ไล่สั่งซื้อกางเกงในลายทางสีขาวแดงมาไม่ต่ำกว่าสิบตัว รอวันที่ของมาส่งเพื่อเริ่มปฏิบัติการก่อการร้ายในสุดสัปดาห์นี้
****
อาทิตย์ต่อมา พัสดุของห้องเจ็ดหนึ่งห้าถูกส่งมาไม่ว่างเว้นในแต่ละวัน เมื่อครบกำหนดวันล้างแค้น เขารีบแกะหอพัสดุชิ้นล่าสุดมาดูว่ามันตรงปกกับที่โฆษณาไว้ไหม? เมื่อใช่ก็เอาไปรวมกับของเก่าที่เขาแกะไว้ก่อนแล้ว
“ก็พอจะรู้นะว่าแกซื้อของทั้งหมดนี่มาแก้แค้น แต่ทำไมต้องรอให้ถึงวันนี้ด้วยวะ?”
“หลังเที่ยงคืนเป็นต้นไปจะมีพายุใหญ่ผ่านเข้ามา ซอยโอลีฟนี่ก็ขึ้นชื่อเรื่องไฟตกเป็นว่าเล่น ระหว่างช่วงโกลาหลคงไม่มีใครสังเกตว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่ เพราะงั้นวันนี้แหละมันเหมาะที่สุดแล้ว”
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง”
ทิวพยักหน้าเข้าใจกับแผนการล้างแค้นของเขา เขารู้จักความเจ้าคิดเจ้าแค้นของเอ็คดีและไม่คิดจะห้ามเพราะวิธีการที่เอ็คใช้มันทำให้เขาสนุกทุกครั้งที่ได้เฝ้าดู
เอ็คนั่งรอเวลาจนถึงเที่ยงคืนพลางออกไปสังเกตเพื่อนข้างห้องว่านอนแล้วหรือยัง เขาสังเกตทุกวันและได้รู้ว่าลมหนาวมักจะนอนตอนสี่ทุ่ม ทำให้เขาไม่ต้องกังวลเลยว่าเจ้าตัวจะตื่นมาเห็นสิ่งที่เขาทำ
จวบจนเวลาล่วงเลยไปตีหนึ่ง คลื่นลมแรง ๆ เริ่มพัดโหมกระหน่ำ เอ็คยังคงจ้องแสงจากนอกหน้าต่าง เฝ้ามองว่าเมื่อไหร่มันจะดับกันอย่างพร้อมเพรียง
แปะ แปะ แปะ ซ่า ซ่าาาาา
ฝนเริ่มลงเม็ดและตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ยิ่งเสียงร้องดังตามหลังฟ้าแลบยิ่งดูขลังราวกับเป็นใจให้เขากระทำการครั้งใหญ่ให้สำเร็จ
เปรี้ยง! พรึบ!
ไฟดับพร้อมกันในทันที เวลานั้นเอ็คไม่รอช้าเปิดประตูห้องไปนอกระเบียงและสาดเทสิ่งที่ซื้อสะสมมาตลอดทั้งอาทิตย์ออกไป ปล่อยให้กางเกงลิงลายทางขาวแดงนับร้อยลอยล่องไปตามลม บ้างก็ลอยไปตกระเบียงห้องคนอื่น ต้นไม้ และลานกว้างหน้าทางเข้าหอ กางเกงลิงพวกนั้นกระจายไปทั่วทุกพื้นที่ที่ลมอาจพาไปถึง เอ็คแสยะยิ้มอย่างมีชัยพลางหันกลับเข้าห้องไปและรอผลของแผนการในวันพรุ่งนี้
****
ประตูห้อง 714
ถูกเคาะตั้งแต่เช้า แม้ลมหนาวจะตื่นอยู่ก่อน แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อไม่คิดว่าจะมีใครมาหาในเวลานี้ เขาเดินไปส่องตาแมวที่ประตู พอรู้ว่าใครมาเคาะจึงรีบเปิดให้พลางถามไถ่ทันที
“มีอะไรเหรอครับคุณลุง?”
“กางเกงลิงเอ็งน่ะสิ ปลิวไปทั่วหอเลย ไปช่วยลุงเก็บหน่อยสิ จะได้หมดไว ๆ”
“กางเกงลิงผม? แต่เมื่อวานผมไม่ได้ตากผ้านะครับ”
“อ่าว ถ้างั้นมันเป็นของใครล่ะ สีขาวแดงด้วยนะ เอ็งแน่ใจนะว่าไม่ใช่ของเอ็ง”
ลมหนาวคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจไปช่วยดูให้ ลุงแนะให้เอาตะกร้าไปด้วย ลมหนาวจึงกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง จังหวะนั้นลมหนาวก็เพิ่งสังเกตที่ระเบียงห้องว่ามีกางเกงลิงลายทางสีขาวแดงคล้ายกับของตัวเองตกอยู่ที่พื้นสามตัว แล้วพอก้มลงไปดูชั้นล่างถึงเห็นอีกหลายสิบตัวกระจายไปทั่วหอ
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย!! มิน่าล่ะ! ลุงถึงขึ้นมาตามให้ช่วยไปเก็บ
ลมหนาวลงมาถึงชั้นล่างเพื่อช่วยลุงเก็บตัวที่ตกอยู่ตรงพื้นก่อน ส่วนตัวที่ตกบนต้นไม้ค่อยหาบันไดกับไม้มาสอย ระหว่างที่ลุงยาม ป้าแม่บ้านและลมหนาวช่วยกันเก็บกางเกงลิงที่ตกเกลื่อนหอ คนที่เดินเข้าออกหอพากันหันมามองพวกเขา บ้างเดินเข้ามาบอกว่าที่ห้องตัวเองก็มีกางเกงลิงลายเดียวกันนี้ตกใส่แล้วค่อยเดินกลับไปเอาที่ห้องเพื่อวางใส่ตะกร้าให้ลมหนาว
แม้ว่ากางเกงลิงพวกนั้นจะไม่ใช่ของลมหนาว แต่คนที่ไม่รู้เรื่องราวละเอียดก็ทึกทักไปเองแล้วว่าคนที่มาเก็บทั้งที่ไม่ใช่คนของหอคนนี้ ต้องเป็นเจ้าของกางเกงลิงพวกนั้นอย่างแน่นอน ที่แย่กว่านั้นคือหลายคนอัดคลิปลงโซเชียลเล่าประสบการณ์ฝนตกเป็นกางเกงลิงจนเป็นไวรัลไปทั่วอินเทอร์เน็ตในแฮชแท็กฝนกางเกงลิง
****
หารู้ไม่ว่าท่ามกลางความวุ่นวายและเหนื่อยยากของคนเก็บ กลับมีใครบางคนยืนหัวเราะร่าในห้อง มองลมหนาวพยายามสอยกางเกงลิงจากต้นไม้
“หึหึหึ ฮะฮะฮะ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
“โอ่ย จะหัวเราะอะไรนักหนา กลัวคนเขาไม่ได้ยินรึไง?”
“ก็ดูไอ้ลมหนาวดิ ต้องปีนขึ้นไปเก็บเกงในบนต้นไม้ สะใจชะมัด”
“เออ รู้ว่าสะใจ แต่มาช่วยกันปั่นแฮชแท็กก่อนไหม?”
“เรื่องนั้นฉันไม่สนแล้ว แค่เห็นลมหนาวสอยกางเกงลิงต่อหน้าคนอื่นก็พอใจแล้วว่ะ”
“เอางั้นก็ได้ นึกว่าจะเล่นให้สุดซะอีก”
“แค่นี้ก็เกินพอแล้ว”
เอ็คยังคงจ้องลมหนาวไม่วางตา มองท่าทีปาดเหงื่อเหมือนเหนื่อยกับสิ่งที่ทำ แต่กลับไม่บ่นเลยสักคำให้เห็น รอยยิ้มแห่งความปีติเริ่มน้อยลงทีละนิดก่อนมองกลุ่มคนเก็บกางเกงลิงนิ่ง ๆ ไร้ความยินดีอย่างเก่า
****
หลังจากที่ทุกคนช่วยกันเก็บกางเกงลิงจนหมด ลมหนาวเริ่มปรึกษากับพี่ที่ทำความสะอาดว่าจะเอายังไงต่อ แล้วก็ได้ข้อสรุปมาว่าคงต้องซักกางเกงลิงทั้งหมดก่อนจะส่งคืนให้เจ้าของตัวจริง แต่ติดปัญหาตรงที่วันนี้พี่แม่บ้านเขาซักผ้าห่มหลายผืน ทำให้ไม่มีที่ตาก คงต้องฝากให้ลมหนาวไปตากไว้ที่ห้องก่อนค่อยเอาไปเก็บไว้ในห้องทำงานของพี่เจ้าของหอ
“พี่ฝากหน่อยนะ ถ้ามันแห้งแล้วน้องค่อยมาเรียกพี่ใหม่”
“ได้ครับ”
“ขอบใจนะที่มาช่วย ไม่ใช่กางเกงในของเราแท้ ๆ”
“ไม่เป็นไรครับ เรื่องแค่นี้เอง”
ลมหนาวว่าพลางหอบเอาผ้าที่ซักแห้งแล้วกลับไปตากที่ห้อง พอขึ้นมาถึงชั้นเจ็ดและเดินมาจนเกือบจะถึงห้องตัวเอง อยู่ ๆ ห้องข้าง ๆ ก็เปิดประตูแล้วสบตากับลมหนาวที่กำลังเดินไปทางนั้นพอดี เอ็คมองลมหนาวจนเดินมาถึงห้องก่อนจะเดินเข้าไปหาพลางขวางประตู
“อะไรอีกล่ะ?”
“ส่งทั้งหมดนั่นมาให้ฉันเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่อยากถูกหาว่าเป็นขโมย”
“ขโมย?”
“ใช่ กางเกงในทั้งหมดนั่นเป็นของฉันเอง ฉันอยากได้คืนจะพูดทวงก็ไม่ผิดรึเปล่า”
“ฮะ? เธอแน่ใจนะว่าเป็นของเธอ?”
“แน่ใจสิ ฉันมีหลักฐาน”
เอ็คชูภาพในโทรศัพท์ที่ตัวเองถ่ายรูปคู่กับกองกางเกงลิงลายทางสีขาวแดง
“ถ้ารู้ตัวอยู่แล้วว่าเป็นของตัวเอง ทำไมไม่ออกไปช่วยคนอื่นล่ะ? ปล่อยให้เขาเก็บกันเองทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่ นิสัยแย่ว่ะ”
ลมหนาวว่าทั้งหน้าดำหน้าแดง เอ็คมองท่าทีนั้นอย่างไม่สะทกสะท้านก่อนเดินเข้าไปดึงเอาตะกร้ากางเกงลิงในมือลมหนาวออกมาไว้ในอกตัวเอง
“คนที่ทำกับคนอื่นเหมือนเป็นผู้ร้ายทั้งที่ไม่ถามหาเหตุผลก็แย่เหมือนกัน”
“แต่อย่างน้อยเราก็พยายามรับผิดชอบกับสิ่งที่ทำนะ”
“ยังไง? รับผิดชอบด้วยอะไรวะ? ด้วยการเปิดตูดคนอื่นในที่สาธารณะเหรอ?”
ลมหนาวพูดไม่ออกเมื่อนึกถึงเรื่องนั้น มันก็จริงที่เขาผิด ใช่ เขาผิดเต็ม ๆ เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะหนีแล้วพรากเอาเครื่องรางชิ้นสำคัญไป เลยทำทุกอย่างเพื่อให้ได้กลับมา ตอนนี้มันเปลี่ยนอะไรไม่ได้แล้ว และการที่เอ็คยังโกรธเขาอยู่ก็เป็นเรื่องที่ลมหนาวต้องรับผิดชอบเหมือนกัน
“แต่ถึงเธอจะไม่ชอบเรา ก็ไม่น่าทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปด้วยเลยนี่”
เสียงเบา ๆ ของลมหนาวทำให้เอ็คใจเย็นชอบกล เขามองลมหนาวอีกครั้ง แต่ไม่ได้พยายามกดดันเหมือนแต่ก่อน
“เรื่องนั้นเราจะไปขอโทษลุงยามกับพี่แม่บ้านเอง แค่นี้โอเคไหม?”
“อื้ม”
“ส่วนเรื่องที่เธอเปิดก้นเราในที่สาธารณะ เธอต้องรับผิดชอบด้วยการเปิดก้นตัวเองให้เราดู”
“ฮะ? ไม่เอาอะ”
“งั้นก็คอยดูแล้วกันว่าครั้งต่อไปใครจะเดือดร้อน”
ลมหนาวชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง เรื่องที่เอ็คทำวันนี้แม้จะไม่ได้ร้ายแรงอะไร แต่ก็ทำให้เขาถูกเข้าใจผิดเป็นยกใหญ่ ไม่รู้ว่าถ้าไม่เปิดก้นให้ดูตอนนี้ เขาอาจทำอะไรที่ลมหนาวจินตนาการไม่ออกอีกเป็นได้
“ก็ได้…”
“งั้นก็หันหลังแล้วเปิดให้ดูสิ”
“ตรงนี้เลยเหรอ?”
“ไม่ใช่ตรงนี้แล้วจะตรงไหนล่ะ?”
“ในห้องได้ไหม?”
“ในห้องมันพื้นที่ส่วนตัว ถ้าเปิดในนั้นก็ไม่สาธารณะสิ”
“แต่ตรงนี้มีกล้องวงจรปิดนะ”
ลมหนาวพูดทั้งเสียงสั่นตัวสั่น กลัวว่าเขาจะไม่ยอมรับแล้วทำให้ลมหนาวถอดกางเกงออกเดี๋ยวนั้นจนอาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นโรคจิตก็ได้
“งั้นไปที่บันได ตรงนั้นไม่มีกล้อง”
เอ็คพูดพลางเดินนำหน้าไป ทิ้งตะกร้าวางไว้แล้วเดินหน้าชำระแค้นต่อ เมื่อทั้งคู่เดินมาถึงบันไดตรงที่พักกึ่งกลางระหว่างชั้น แม้จะไม่มีกล้องวงจรปิดคอยจับผิด แต่ด้วยความที่มีคนใช้อยู่ตลอด ลมหนาวเลยเริ่มอกสั่นขวัญแขวน ไม่กล้าแม้แต่ลงมือเอง
“เอาสิ เปิดเลย สักห้าวินาทีแล้วค่อยใส่คืน”
“เราไม่กล้าอะ มือมันไม่ยอมไป”
เสียงสั่น ๆ ทำให้รู้ว่าเจ้าตัวกลัวสุดขีด ตลอดชีวิตลมหนาวไม่เคยต้องทำอะไรนอกกรอบที่แม่กำหนด ไม่เคยทำอะไรแผลง ๆ ไม่เคยแม้แต่เล่นแรงกับเพื่อนหรือสัตว์เลี้ยง ลูกคนเดียวที่ถูกเลี้ยงมาอย่างทะนุถนอม เพื่อนที่ล้อมรอบล้วนสุภาพไม่กระโตกกระตากอย่างที่เอ็คทำ
“งั้นเราทำเอง แกจับเสื้อไว้ อย่าให้มันหล่นมาบัง”
คำสั่งนั้นทำให้ลมหนาวเริ่มขยับตัวอีกครั้งแล้วดึงเสื้อเลิกขึ้นจนถึงเอวก่อนจะสัมผัสได้ว่ามีมือของใครมาจับขอบกางเกงตัวเอง เรียวนิ้วของเขาร้อนจนลมหนาวแอบเกร็ง ยิ่งผิวสัมผัสรูดลงผ่านเนินก้นพาเอาเหล่าเสื้อผ้าที่ใช้ปกปิดเรือนร่างช่วงล่างออกไปด้วย
สองแก้มก้อนเนียนใสได้เปิดเผยต่อสายตาชายอื่น ลมหนาวเริ่มกล้ำกลืนฝืนทนจนหายใจติดขัด ในบรรยากาศเงียบยิ่งสั่นกลัวอย่างระทึก ก่อนเริ่มรู้สึกถึงแรงดึงพาขอบกางเกงขึ้นมาถึงสะโพก
วินาทีนั้นหยดน้ำตาร่วงหล่นอย่างคนห้ามไม่อยู่ เรื่องนี้เป็นเรื่องน่าอายที่สุดในชีวิตของลมหนาวเท่าที่เขาเคยทำ
เมื่อเอ็คเห็นแรงสะอื้นของอีกคนก็จับให้หันมาเผชิญหน้า พอรู้ว่าตัวเองแกล้งจนทำอีกคนร้องไห้ จิตใจที่เคยแข็งกระด้างพลันหายไป เขาจับลมหนาวดึงเข้ามากอดพลางลูบหัวเบา ๆ เพื่อปลอบไม่ให้อีกคนสั่นกลัวไปมากกว่านี้
“ไม่เป็นไรนะ มันผ่านไปแล้ว ทีนี้พวกเราก็หายกันแล้วนะ เอ็คจะไม่แกล้งอะไรลมหนาวแล้ว”
เสียงทุ้มเบา ๆ คลอเคล้าอยู่ข้างหู แม้ลมหนาวจะไม่ได้ยินยอมให้เขากอด แต่เพราะจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยสู้แรงไม่ไหว ทว่าเสียงที่เขาพูดใส่กลับทำให้ใจอันสั่นกลัวคงที่ คล้ายถูกปลดเปลื้องจากความรู้สึกผิดที่มีทำให้เริ่มตั้งสติอีกครั้ง
“จริงนะ เธอจะไม่แกล้งเราอีกแล้วใช่ไหม?”
“จริงสิ ตอนนี้ลมหนาวเข้าใจความรู้สึกเอ็คแล้วใช่ไหม? เพราะงั้นก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้เอ็คต้องแกล้งลมหนาวอีก”
ลมหนาวได้ยินอย่างนั้นก็วางใจแล้วเริ่มเช็ดน้ำตาที่ไหลเลอะหน้า เอ็คพาลมหนาวเดินกลับมาจนถึงห้องพลางลูบหลังปลอบใจมาตลอดทาง
“ไม่เป็นไรนะ ทุกอย่างมันจบลงแล้ว เดี๋ยวเอ็คเอาผ้าไปเก็บก่อนแล้วค่อยเอาตะกร้ามาคืนนะ”
พูดจบเอ็คก็เดินเข้าห้องไป ส่วนลมหนาวก็เข้าห้องบ้างพร้อมปิดห้องตาม แม้ความรู้สึกกลัวและอับอายจะเริ่มเจือจางลง แต่กลับมีความรู้สึกบางอย่างเข้ามาแทนที่ สัมผัสร้อนที่รูดผ่านเนินก้นทั้งไออุ่นยามถูกกอด หรือแม้กระทั่งเสียงนุ่มทุ้มดังก้องในหู ลมหนาวกลับจำได้ดีเท่ากับความอับอายทั้งหมดที่ตัวเองเจอ
พวกเราหายกันแล้วสินะ เขาคงไม่แกล้งอะไรเราอีกแล้ว
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนหน้า ถ้าหากความกลัว ความอายที่ลมหนาวรู้สึกได้ในตอนนั้น เอ็คก็เคยผ่านเพราะเขาเป็นคนทำเหมือนกัน เขาคงโกรธเอ็คไม่ได้ที่เจ้าตัวตัดสินใจทำอย่างนั้น อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้พาลมหนาวไปเปิดก้นให้คนอื่นดู
แค่เอ็คคนเดียวคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง
ความคิดเห็น