ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กางเกงลิงตัวนั้น ของฉันใช่ไหม!!? [อ่านฟรี]

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 กางเกงลิงตัวนั้น!

    • อัปเดตล่าสุด 16 ก.ค. 66


    กา~ กา~ กา~

    เสียงนกร้องขับกล่อมยามเช้าให้สดใส ลมหนาวลืมตาตื่นขึ้นเต็มอิ่มพร้อมเหลือบดูนาฬิกา เมื่อเห็นว่าเวลานี้หกโมงเช้าแล้วจึงลุกขึ้นไปล้างหน้า แปรงฟันและเดินไปหุงข้าวเตรียมทำอาหาร ทุกอย่างเป็นไปตามกิจวัตรประจำวันที่ลมหนาวทำจนเคยชิน พอเสร็จสิ้นทุกอย่างถึงเพิ่งนึกได้ว่าต้องไปเก็บกางเกงลิงที่ตากไว้ก่อนเตรียมไปอาบน้ำต่อ

    ทว่า… สิ่งที่เห็นตรงหน้าของนอกระเบียงห้องกลับเป็นท้องฟ้ายามเช้ากำลังทอแสงสีส้มสว่างไสวสมเป็นวันใหม่ของโลกใบนี้

    หว๋า สวยจังเลย~ แต่… เอ๊ะ?

    บนราวตากผ้าไร้เงาร่างของกางเกงลิงทรงสี่เหลี่ยมลายขาวแดงแนวนอนตัวนั้น

    มันหายไปไหน?

    ด้วยความรีบร้อนใจลมหนาวจึงเดินออกไปดูนอกระเบียง ทั้งด้านบน ด้านล่าง ด้านซ้ายและขวากลับไม่เห็นกางเกงลิงทรงสี่เหลี่ยมลายขาวแดงแนวนอนตัวนั้นเลย เขาชะโงกหัวไปดูชั้นล่างซึ่งเป็นด้านหน้าของหอก็ไม่เห็นสิ่งที่มีสีขาวแดงเลยสักชิ้น

    หรือมันจะปลิวเข้าไปในตึก?

    พอคิดได้อย่างนั้นลมหนาวจึงเดินลงไปชั้นล่างแล้วเดินหากางเกงลิงให้ทั่ว ยิ่งเจ้าตัวดูลนลานเหมือนร้อนใจ ยิ่งทำให้ลุงยามสงสัยจนต้องเดินเข้ามาถาม

    “ไอ้หนุ่ม เอ็งกำลังหาอะไรอยู่เหรอ?”

    ลมหนาวหันไปมองคนถามก็รีบตอบในทันทีเผื่อว่าเขาจะเคยเห็นของที่ตัวเองตามหา

    “กางเกงลิงผมปลิวจากราวตากผ้าน่ะครับ มันเป็นทรงสี่เหลี่ยมลายขาวแดงแนวนอน ผมไม่รู้ว่าปลิวตกไปทางไหนด้วย? ลุงเคยเห็นบ้างไหมครับ?”

    “เอ้าเหรอ? ตอนลุงกวาดพื้นหน้าหอก็ไม่เจอเสื้อผ้าใครปลิวลงมานะ ถ้าลุงไม่เห็นมันแถวนี้ก็คงปลิวไปตกที่ไกล ๆ แล้วล่ะ”

    พอได้ยินอย่างนั้นความผิดหวังก็ปรากฏบนใบหน้า ลุงรับรู้ความรู้สึกนั้นเลยอยากปลอบให้วางใจจึงเอ่ยขึ้น

    “ถ้าลุงหาเจอเดี๋ยวลุงเอาไปให้ดีไหม? แล้วเอ็งอยู่ห้องไหนล่ะ?”

    “ผมอยู่ชั้นเจ็ด ห้องเจ็ดหนึ่งสี่ครับ”

    “อืม ๆ ลุงจะจำไว้นะ สีขาวแดงใช่ไหม?”

    “ครับ ลายทางแนวนอนด้วยครับ”

    หลังจากลุงรับปากว่าถ้าเจอจะเอาไปคืนให้ ลมหนาวจึงวางใจแล้วกลับมาเตรียมตัวไปมหาลัยต่อ ตอนไปหากางเกงลิงดันกินเวลาไปตั้งชั่วโมงกว่า ยังดีที่ลมหนาวมีสอบตอนสิบโมงเช้าเลยไม่ได้รีบร้อนอะไร

    ระหว่างทางเดินกลับเข้าที่พัก ลมหนาวเห็นคนข้างห้องของตัวเองรีบร้อนวิ่งออกมาสองคนแถมยังส่งเสียงดังโวยวายอีก คนไม่สู้ใครอย่างลมหนาวจึงรีบเดินหลบให้ทั้งคู่ผ่านไปไม่ขัดขวาง

    “ไอ้เอ็ค รอก่อนสิวะ”

    “เร็ว ๆ ไอ้ทิว เดี๋ยวไปสอบไม่ทัน!”

    “รู้แล้วเว้ย! แต่ให้เร็วกว่านี้ไม่ได้แล้ว มันคันขาหนีบ!”

    เรื่องที่ทั้งคู่คุยกันทำเอาลมหนาวจินตนาการถึงขาหนีบกำลังถูกเกา เขาถึงกับทำหน้าเหยเกทันทีที่เห็นภาพ

    ต้องสกปรกขนาดไหนตรงนั้นถึงคันได้?

    ลมหนาวสะบัดหน้าไล่ความคิดออกจากหัว เรื่องของตัวเองยังแทบไม่รอดไม่มีเวลาเป็นห่วงคนอื่นแล้ว เขาต้องเดินทางไปสอบทั้งที่ไม่มีกางเกงลิงนำโชค คงต้องรีบออกจากห้องตั้งแต่ก่อนเก้าโมงเผื่ออุบัติเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้น และอาจเป็นเหตุให้เขาเข้าสอบไม่ทัน

     

    ****

     

    Whatever can go wrong, will go wrong

    (อะไรก็ตามที่สามารถพลาดได้ มันจะพลาด)

    น่าแปลกที่กฎของเมอร์ฟีถูกพูดถึงตั้งแต่ปี 1949 นั้นยังใช้ได้มาจนถึงทุกวันนี้

    ตั้งแต่ลมหนาวก้าวเท้าออกจากห้อง เขาก็ต้องลื่นล้มก้นจ้ำเบ้าเพราะพื้นบนทางเดินเลอะด้วยน้ำโคลนจากห้องข้าง ๆ ก้นเขาเปียกจากน้ำนั่นจนต้องกลับไปเปลี่ยนกางเกงตัวใหม่ เมื่อออกมาอีกรอบจนเดินลงไปถึงชั้นล่าง ซุ้มพี่วินที่ปกติมักจะว่างกลับมีคนยืนต่อแถวอยู่เต็ม เรื่องนี้ลมหนาวไม่ค่อยแปลกใจเพราะช่วงนี้มีสอบ คนจะทยอยเข้ามหาลัยกันเยอะจึงไม่แปลก แต่ที่แปลกคือคนยืนรอเป็นสิบกลับมีลมหนาวคนเดียวที่โดนขี้นกตกใส่ ยังดีที่ลมหนาวสวมเสื้อคลุมไว้ทำให้เสื้อตัวในไม่เปื้อนขี้นกนั่นไปด้วย

    ค่อยยังชั่ว ดีนะที่คิดไว้อยู่แล้ว ทีนี้ก็เหลือรองเท้าหลุด สะดุดล้ม จมอึหมา ฝนฟ้าตก เครื่องดื่มหก ตกบันได ไปสอบไม่ทัน!

    ยิ่งนึกยิ่งปวดหัว ลมหนาวไล่ความคิดแง่ลบออกจนหมดก่อนมุ่งมั่นว่าต่อให้ไม่มีกางเกงลิงตัวนั้น วันนี้เขาก็ต้องไปสอบให้ได้

    จนแล้วจนรอดลมหนาวได้หอบร่างไร้เรี่ยวแรงมานั่งจุ้มปุ๊กอยู่หน้าห้องสอบ สองตาเลื่อนลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเมื่อนึกถึงเรื่องที่เพิ่งผ่านมา ทั้งเรื่องที่เดินอยู่ดี ๆ หัวรองเท้ากลับขาดทำให้นิ้วเท้าหลุดออกมาดูโลกจนสะดุดแล้วจุ่มลงกองอึน้องหมาเหมือนมีคนตั้งใจวางไว้ให้เขาเหยียบ ยังดีที่ลมหนาวมาถึงอาคารสอบทันก่อนห่าฝนจะลงเม็ดอย่างบ้าคลั่งราวกับพายุเข้าทั้งที่เมื่อเช้าอากาศออกจะดี

    หลังจากลมหนาวเปลี่ยนถุงเท้าที่พกมาเผื่อเรียบร้อยแล้วก็รอลิฟต์เตรียมขึ้น ทว่าลิฟต์ที่ปกติมีสองตัว แต่วันนี้มันกลับเสียไปอีกตัวทำให้คนต่อแถวขึ้นลิฟต์ยาวยิ่งกว่าหางว่าวจนเจ้าตัวจนใจจะรอก่อนเลือกเดินขึ้นบันไดแม้ว่าจะรู้อยู่แก่ใจว่ามันเสี่ยง

    ด้วยความที่มีสติทุกย่างก้าว ลมหนาวจึงไม่ได้สะดุดล้มจนตกบันไดอย่างที่คิด เพียงแต่ข้อเสียเพียงอย่างเดียวของการขึ้นบันไดคืออาการเหนื่อยหอบจนต้องมานั่งหมดแรงอยู่ข้างทางเดินแถวหน้าห้องสอบ

    เมื่อคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา อยู่ ๆ สองตาของลมหนาวก็เริ่มปริ่มน้ำพลางตระหนักได้ว่าเขาต้องมีเครื่องราง ชีวิตจะได้ไม่ยากลำบากขนาดนี้

    “หนาวไหวเปล่า? เดินขึ้นบันไดมาเลยเหรอ? น้ำไหม?”

    “อืม ขอบคุณนะอาร์ม”

    ลมหนาวว่าพลางหยิบน้ำที่เพื่อนยื่นให้มากระดก แต่ยกดื่มได้เพียงสองอึกกลับต้องสำลักเพราะรีบเกินไปจนหายใจไม่ทัน

    อ้าาา ลืมไปเลยว่าต้องระวังเรื่องนี้!

    “ค่อย ๆ กินก็ได้ ไม่มีใครแย่งแกหรอก”

    อาร์มว่าพลางหาทิชชูมาซับให้ เขาเป็นเพื่อนที่เพิ่งมารู้จักกันตอนเข้ามหาลัย แม้จะเพิ่งรู้จักกันไม่นาน แต่เพราะความเฟรนด์ลีของอาร์มจึงทำให้ทั้งสองสนิทกันไวขึ้น

    “หายากนะเนี่ยที่ลมหนาวจะมาเอาป่านนี้ ปกติต้องมานั่งอ่านหนังสือรอสอบหน้าห้องแล้วไม่ใช่เหรอ?”

    “งืมมม มีเรื่องนิดหน่อยอะ แค่มาทันก็ถือว่าดีแล้วล่ะ แล้วมิ้นเตรียมดินสอปากกามาครบรึเปล่า ถ้าไม่มีเราจะได้ให้ยืมก่อน”

    พอเพื่อนทักเรื่องปากกา มิ้นเพื่อนสาวก็รีบควานหาจากกระเป๋าทันที เธอหานานอยู่หลายครั้งก่อนหันมายิ้มแห้ง ๆ ให้ลมหนาว

    “แฮะ ๆ ลืมอีกแล้วอะ”

    ลมหนาวได้แต่ส่ายหัวระอา เพื่อนคนนี้เขารู้จักตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลายในสายวิทย์ด้วยกัน ถึงแม้เธอจะหัวดีอยู่บ้าง แต่กลับชอบลืมของสำคัญอยู่ตลอดเวลาจนลมหนาวต้องคอยคาดเดาว่าเรื่องอะไรบ้างที่เธออาจลืม

    “อะ นี่ปากกา ดินสอ ยางลบ ลิควิด แล้วก็บัตรนักศึกษาที่ตัวฝากไว้”

    ลมหนาวยื่นทั้งหมดให้อย่างรู้งานก่อนอีกคนจะรับไปอย่างว่าง่าย มิ้นเองรู้ตัวดีว่าเป็นคนขี้ลืม แต่เพราะมีลมหนาวคอยดูแลอยู่ตลอดเขาเลยค่อนข้างวางใจ แม้แต่เอกสารสำคัญบางอย่างที่รู้ว่าต้องใช้ ก็มักจะฝากกับลมหนาวไว้ก่อนวันใช้งานจริง

    “ขอบคุณงับ”

    พอได้เห็นรอยยิ้มดีใจของเพื่อน ความเครียดและความกดดันทุกอย่างได้มลายหายสิ้น อาจเป็นเพราะเรื่องนี้ที่ลมหนาวต้องคอยแบกรับความรับผิดชอบแทนคนอื่น คนคิดมากและกลัวความผิดพลาดเพราะความเสียหายที่มีมันมากกว่าแค่เรื่องของตัวเองอย่างลมหนาวถึงต้องคอยพึ่งบางสิ่งที่ทำให้รู้สึกว่าไม่ได้แบกรับอยู่คนเดียวอย่างกางเกงลิงลายขาวแดง

    ถึงเครื่องรางชิ้นนั้นจะหายไป แต่ความตั้งใจเดิมที่อยากช่วยเหลือเพื่อนคนอื่น ๆ ยังไม่หาย แม้จะถูกความโชคร้ายในหัวคอยขัดขวาง ลมหนาวก็แค่ต้องคิดให้หนักขึ้นเพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่อาจเกิด

    ขอให้เจอเครื่องรางไว ๆ ด้วยเถอะ ไม่อยากเจอเรื่องโชคร้ายอย่างวันนี้อีกแล้ว

     

    ****

     

    หลังสอบเสร็จสามเพื่อนซี้พากันไปนั่งร้านคาเฟ่ปรึกษาเรื่องการสอบวันพรุ่งนี้ ระหว่างที่นั่งอ่านหนังสือก็หันไปมองนอกร้านพลางพักสายตากับลานกว้างของสนามบอลเช่า ภาพเหล่านักบอลมือสมัครเล่นกำลังวิ่งไล่บอลพลางตะโกนสั่งเพื่อนร่วมทีมเสียงเข้มอย่างจริงจังทำเอาเพื่อนข้างกายลมหนาวเคลิ้มจนไม่เป็นอันอ่านหนังสือ

    “ซ้ายก็ดี ขวาก็หล่อ เลือกไม่ถูกเลยอะหนาว”

    ลมหนาวหันไปมองบ้างและเห็นด้วยเรื่องความหล่อที่อาร์มพูด ทว่าเรื่องเรียนนั้นสำคัญกว่า ลมหนาวเลยไม่ทำเป็นเห็นด้วยกับเพื่อน

    “ไหนบอกว่าจะอ่านหนังสือ มัวแต่มองผู้ชายเดี๋ยวความรู้ก็ไม่เข้าหัวพอดี”

    “หนังสืออ่านตอนไหนก็ได้ความรู้ทั้งนั้นแหละถ้าตั้งใจอ่าน แต่ตอนนี้ไม่อยากตั้งใจอะ อยากส่องผู้ชายมากกว่า”

    อาร์มว่าพลางหันไปมองนักบอลต่อ ลมหนาวได้แต่ส่ายหน้าระอาเมื่อห้ามอะไรเพื่อนไม่ได้เพราะเรื่องที่เขาว่ามาก็ไม่ผิด

    “ลมหนาวดูคนนั้นดิ นั่นใช่พี่เพชรรึเปล่า”

    เมื่อพูดชื่อใครบางคน ลมหนาวถึงกับทิ้งหนังสือที่อ่านแล้วหันไปมองทันที

    “ไหน ๆ”

    “นั่นไง คนที่เฝ้าโกลอยู่อะ”

    เมื่อได้มองอย่างเต็มตา จ้องอย่างละเอียดก็รู้ได้ทันทีว่าใช่ เขาคนนั้นคือพี่เพชรที่ทั้งคู่กำลังคลั่งไคล้อยู่ตอนนี้

    “ใช่จริง ๆ ด้วยอะอาร์ม นึกว่าช่วงนี้เขางานยุ่งซะอีก ไม่ค่อยเห็นเขาถ่ายรูปลงไอจีเลย”

    “เนอะ เฮ้อ~ คนอะไร น่ารักแถมยังเก่งอีก ไม่รู้ว่าคนที่ได้เป็นแฟนจะโชคดีแค่ไหน”

    “เดี๋ยว ๆ หนาว ไม่ใช่ว่าเมื่อกี้เพิ่งว่าเพื่อนให้อ่านหนังสืออยู่เลยไม่ใช่เหรอ ไหงตอนนี้มาบ้าผู้ชายไปด้วยอะ?” มิ้นว่าพลางทำหน้าไม่เข้าใจ

    “พี่เพชรถือเป็นข้อยกเว้นน่ะ” ลมหนาวกล่าว

    “ใช่ พี่เพชรต้องมาก่อนอะไรทั้งนั้น เขาเป็นนายเอกซีรีส์วายที่เรากำลังตามอยู่ แถมยังช่วยผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียมด้วยนะเผื่อไม่รู้ คนน่ารักที่ใช้ความดังของตัวเองเป็นกระบอกเสียงให้คนอื่นก็ต้องได้รับความรักเยอะ ๆ สิถึงจะถูก” อาร์มพูดต่อ

    “ช่าย ๆ”

    ทั้งคู่พูดขานรับกันเองจนมิ้นถึงกับขมวดคิ้วเป็นปม เรื่องที่สองคนนี้เล่ามาทำไมเธอไม่เคยรู้มาก่อนทั้งที่ก็เป็นเพื่อนสนิทของลมหนาวแท้ ๆ

    “อ้าว ทำไมเรื่องนี้พวกแกรู้กันแค่สองคนอะ ไม่บอกกันมั่งเลยเหรอ?”

    “ก่อนจะว่าฉันแกควรถามตัวเองก่อนว่าทำไมถึงไม่ว่างรับสายเพื่อน โทรไปทีไรก็ติดสายคนอื่นตลอด หวงแฟนขนาดนั้นจะตกข่าวก็ไม่แปลกหรอกย่ะ”

    “น่า ๆ เรื่องนี้เราคิดว่ามิ้นคงไม่สนใจด้วยแหละ ก็เลยไม่ได้เล่าให้ฟัง ปกติมิ้นเองก็ไม่ได้ดูซีรีส์วายอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ จะไม่รู้จักพี่เพชรก็ไม่แปลก”

    แม้ลมหนาวจะช่วยปลอบแต่ดูเหมือนมิ้นยังคงหน้าบึ้งเพราะงอนเรื่องเพื่อนไม่เล่าอะไรให้ฟังบ้าง กลายเป็นว่าตอนนี้ลมหนาวแทบจะสนิทกับอาร์มมากกว่าตัวเองซะแล้ว

    (เสียงโทรศัพท์)

    ระหว่างที่ทั้งสองต่างหน้าบึ้งเพราะความน้อยใจและทิฐิ เสียงโทรศัพท์จากกระเป๋าถือสีครีมได้ดังขึ้นกลบเสียงปลอบของลมหนาวให้ปลิวหาย มิ้นยกมือถือขึ้นมาดูเบอร์ก่อนจะเด้งตัวนั่งตรงแล้วลุกออกจากโต๊ะไปรับสายดังกล่าวทันที

    “เห็นไหม? เพิ่งพูดไปหยก ๆ ว่าให้สนใจเพื่อนบ้าง นางก็หันไปรับโทรศัพท์ไม่แม้แต่จะบอกลากันเลย”

    “ไม่เอาน่า เดี๋ยวมิ้นก็กลับมาเองแหละ แล้วสายนั่นอาจจะสำคัญจริง ๆ ก็ได้”

    อาร์มมองหน้าลมหนาวนิ่งก่อนจะหันไปมองสนามฟุตบอลต่อเพื่อหวีดพี่เพชรเบา ๆ ลมหนาวเองก็มองศิลปินที่ตัวเองชื่นชอบด้วยพลางเห็นคนสองคนดูคุ้นตาเหมือนเพิ่งเคยเห็นหน้ามาเมื่อเช้า

    เพื่อนข้างห้อง!

    พอเห็นหน้าทั้งคู่วิ่งเล่นบอลอย่างสนุกสนาน ความเจ็บที่เคยล้มก้นจ้ำเบ้าเมื่อเช้าก็เริ่มปวดขึ้นมา ความเกรงใจสู้อุตส่าห์เก็บไว้เริ่มเหือดหาย ลมหนาวหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นทักหาไลน์เจ้าของหอเพื่อฟ้องเรื่องที่ทั้งคู่ทำพื้นหน้าห้องเลอะและชอบส่งเสียงดังรบกวนคนอื่นตอนกลางคืน ยังไงเรื่องนี้ก็ต้องเตือนให้รู้สำนึกซะบ้าง และพวกเขาต้องรู้มารยาทในการอยู่ร่วมหอกับคนอื่น

    ไลน์!

    เสียงไลน์ดังเป็นการตอบรับเรื่องร้องเรียนที่ลมหนาวกล่าวไป ไม่นานหลังจากนี้เจ้าของหอคงส่งจดหมายเตือน หรือไม่ก็เข้าไปคุยด้วยตัวเอง คราวนี้ลมหนาวต้องมาลุ้นอีกทีว่าพวกเขาจะจับได้หรือเปล่าว่าเจ้าตัวเป็นคนร้องเรียนไป ถ้าหากว่าลมหนาวเกิดถูกระรานขึ้นมา ไม่พวกเขาก็ลมหนาวจะต้องย้ายออก

    ยังไงก็ดีกว่าอยู่ใกล้คนนิสัยไม่ดีก็แล้วกัน!

    จากที่ก่อนหน้านี้ลมหนาวจะสนใจพี่เพชร กลับต้องจับตาดูคนทั้งคู่ว่ามีพฤติกรรมแบบไหน

    จวบจนเกมฟุตบอลจบและคนในสนามเริ่มทยอยเดินออกไปหาสัมภาระของตัวเอง

    “ลมหนาว พี่เพชรกำลังเดินมาทางนี้แล้ว เอาไงดี? ขอเขาถ่ายรูปดีไหม?”

    เสียงของเพื่อนเร่งเร้าทำเอาลมหนาวหลุดโฟกัสจากเพื่อนข้างห้อง เขาหันมามองทางพี่เพชรที่เดินอ้อมมาหน้าร้านก่อนเปิดประตูเข้า แม้ทั้งคู่จะตื่นเต้น แต่เหมือนจะเพิ่งสังเกตเห็นป้ายไฟเล็ก ๆ ของกลุ่มแฟนคลับโต๊ะอื่นมานั่งมองรอพี่เพชรอยู่ไม่ต่าง

    “ฉันว่าหมดหวังแล้วล่ะ” อาร์มบอก

    “ไม่ได้ถ่ายรูปก็ไม่เห็นเป็นไรเลย ยังไงเราก็ยังชื่นชมเขาอยู่นี่เนอะ จริงไหม?”

    อาร์มพยักหน้าเห็นด้วยพลางเหม่อมองพี่เพชรยืนยิ้มถ่ายรูปคู่กับบรรดาแฟนคลับ กระทั่งคนกลุ่มนั้นได้รูปจนพอใจถึงแยกย้ายจากศิลปินที่ชอบ แต่น่าแปลกตรงที่ยังเหลือน้องผู้หญิงอีกคนที่ยืนไม่ห่าง เหมือนเธอไม่ได้เป็นแฟนคลับของเขา แต่กลับมายืนรอเหมือนต้องการอะไรบางอย่าง

    “คราวหลังไม่ต้องบอกให้เค้ารอเลยนะ กว่าพี่จะกลับเค้านั่งจนเมื่อยตูดหมดแล้วเนี่ย”

    “โอ๋ ๆ ขอโทษคร้าบ คราวหลังจะไม่พามานั่งรออย่างนี้แล้วคร้าบ”

    ทั้งสองพูดทักกันอย่างสนิทสนม เดาว่าคงเป็นคนรู้จักกันก่อนอาร์มจะสะกิดแขนลมหนาวให้หันไปหาอีกที

    “นั่นน่าจะเป็นน้องสาวพี่เพชรที่ชื่อพลอยอะ ได้ยินเขาเล่าถึงตอนออกรายการวาไรตี้อยู่ แต่ฉันเพิ่งจะเคยเห็นหน้าก็วันนี้นี่แหละ”

    “หืม? งี้นี่เอง หน้าตาดีทั้งพี่ทั้งน้องเลยเนาะ ถ้าพลอยอยากเข้าวงการบันเทิง เราว่าเขาคงเข้าได้ไม่ยากเลยอะ”

    ระหว่างที่สายตากำลังมองสองพี่น้องน่ารักอยู่ก็มีกลุ่มชายในชุดบอลแบบเดียวกับพี่เพชรเดินเข้ามาในร้านพลางส่งเสียงดังเฮฮา

    “พี่เพชรจะกลับแล้วเหรอครับ? นึกว่าจะไปต่อกับพี่กันต์ซะอีก”

    “ไปต่ออะไร ช่วงนี้สอบไม่ใช่เหรอ หลังสอบนู่นค่อยเจอกัน”

    “หงอออ พี่พูดแล้วนะ ถ้าหลังสอบพี่ไม่มีคิว ผมแบกไปห้องพี่กันต์แน่”

    “โห แกกล้าขนาดนั้นเลยเหรอวะ? ฮะไอ้เอ็ค?”

    พูดจบพี่เพชรก็จี้เอวชายชื่อเอ็คจนสะดุ้ง และจี้อีกหลายทีจนเจ้าตัวหัวเราะงองุ้มเหมือนทนไม่ไหว”

    “พอพี่ ผมขอร้อง ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”

    คนโดนกระทำดิ้นหนีนิ้วของพี่เพชร แต่กลับถูกเพื่อนอีกคนจับล็อกเอาไว้เหมือนให้ท้ายคนจี้

    “เอาเลยพี่ อย่าหยุด เอาให้มันหัวเราะตายไปเลย”

    “หยุดก่อนพี่ ไม่ไหว หายใจไม่ทัน ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”

    แม้ปกติลมหนาวจะเป็นคนช่างสงสาร แต่แปลกที่เห็นเขาถูกทรมานกลับสะใจชอบกล ระหว่างที่มองกลุ่มคนกำลังยืนหัวเราะทั้งสามอยู่ จู่ ๆ สายตากลับต้องสะดุดค้างเมื่อคนถูกจี้ดิ้นหลบนิ้วจนเสื้อเลิกขึ้นเผยพุงพลุ้ยน้อย ๆ กับขอบกางเกงลิงสีขาวที่มีรอยเย็บยู่ยี่รูปดาวอยู่

    กางเกงลิงตัวนั้น!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×