คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #43 : ตอนที่ 26 : 3 เดือน (100% วะฮะฮ่า!!!!)
ตอนที่ 26: 3 เดือน
สัญญาพังทลายลง..เวลาเดียวกัน ที่ข้าเหมือนตาย..
.................
3 เดือนผ่านมา
ยามนี้อาณาจักรอัยชิกำลังแปรปรวน..
บางวันฝนก็ตกติดต่อกัน..บางวันอากาศก็ร้อนจัดแทบเผาร่างไห้มอดไหม้ ถึงกับมีบางครั้งที่จู่ๆหิมะก็ตกหนักและพายุโหมกระหน่ำ..
เหตุนั้นทำไห้อาณาจักรอัยชืที่แสนอ่อนโยนอบอุ่นกลับเริ่มร้างผู้คน ถนนหนทางเมื่อยามอดีตเคยมากมายด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา กลับปรากฏเพียงประปรายในปัจจุบัน เทศกาลสีรุ้งไร้มลขลังแล้วหรือ? ฟ้าอากาศของอัยชิจึงเลวร้ายแบบนี้ ถึงแบบนั้นก็ไม่มีใครรู้สาเหตุ..ยกเว้นบุคคลๆหนึ่ง
ดวงตาสีดำสนิทมองท้องฟ้าอย่างสงบ เส้นผมสีทองอร่ามปลิวตามลมที่เริ่มหอบกลิ่นไอฝนมาจากทางตะวันออก ‘อีกแล้วรึ?..’
‘..เมื่อวานก็พึ่งร้อนไปหยกๆ วันนี้ฝนยังจะมาตกอีก ‘ ชายพเนจรหรืออีกชื่อเรียกสำหรับเมืองนี้คือ จิคาคุ คิดในใจขณะมองท้องฟ้าที่เริ่มตั้งเค้าอีกครั้ง ใบหน้าคมดูกังวลใจ ก่อนรอยยิ้มจะแย้มบนริมฝีปากอย่างมีเลศนัย..
ชายหนุ่มละจากด้านนอกเข้ามายังตัวโรงแรม sweet paradise ภายในแทบจะเรียกได้เลยว่าเงียบเหงาเดียวดาย ถึงจะมีคนยู่บ้างแต่ก็น้อยนัก ดวงตาสีดำเหลือบเห็นร่างอ้อนแอ้นหนึ่งก่อนจะยิ้วหวานหยด
“ หวัดดีพี่สาว” พี่สาวที่ว่าหันมองก่อนแย้มปากสีสดอออกรับ
“ ใครใช้ไห้เจ้าเรียกข้าว่าพี่สาวเจ้าคนจรจัด..” มิซาเนะเอ่ยเสียงเย็น จิคาคุนิ่วหน้าลงอย่างขัดใจ “อารมณ์บูดมาเลยรึ”
“ไสหัวไปไห้พ้น..” แม้ใบหน้างดงามจะยิ้มเป็นมิตร แต่น้ำเสียงกลับบอกความไม่ถูกชะตา ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ราวไม่สนใจก่อนหยอดคำ พลางยิ้มเจ้าเล่ห์
“เอ๋?..อย่าบอกนะว่าหมอนั่นยังไม่เลิกพกริบบิ้นไปไหนมาไหน? “ จิคาคุส่ายหัวไปมา “ก็แบบนี้ล่ะน้า~”
“ ทั้งๆที่ไล่นกหนีไป แต่ต้องมาขลุกกับอสรพิษคงเสียบรรยากาศ”
เพี๊ยะ!
ใบหน้าคมไม่หันตามแรงตบแต่แก้มขวากลับปรากฏรอยแดงซ่าน ดวงเนตรอนธการนิ่งสงบอย่างน่าตกใจแม้ยามนี้ก็ยังไม่ละจากใบหน้าหวานที่โกรธขึ้ง มุมปากยกขึ้นราวกับเยาะเย้ย
“ แทงใจดำรึ?”
“ ข้าบอกไห้ไสหัวไปไงเล่า!!” เสียงตวาดแข็งกร้าว บวกกับดวงตาสีน้ำทะเลแหลมคมราวกับมีดทิ่มแทงผู้ถูกมองไห้พรุน หากจิคาคุกลับยืนนิ่งไม่สะทกสะม้าน จิคาคุรู้ดีว่าคำพูดนี้คงยิ่งกว่าบาดใจนาง.. ใช่..เพราะเรื่องเมื่อ สามเดือนก่อน
-3 เดือนก่อน..-
“ อะไรนะ?..” หางเสียงคำพูดสั่นพร่า ดวงตาสีเลือดเบิกกว้างราวกับไม่เชื่อสิ่งที่เข้าหู
“ ไม่จริง..ไปแล้ว?”
นาราคุกระชากคอเสื้อเจ้าของโรงแรม ก่อนตวาดลั่น! “เจ้าโกหก! หมายความว่าไงที่ว่าเซ็ตโชมารุไปแล้ว!!”
“ ขะ..ข้าไม่ได้ ไม่ได้โกหกขอรับนายท่าน!..ท่านชายคนนั้น..ขะ..เขาเช็คเอ้าออกไปแล้ว” ชายเจ้าของโรงแรมส่ายหน้าพั่บๆ ดวงตาสีเลือดดุดันเหมือนจะกลืนตัวไห้ตายทั้งเป็น ทั้งๆที่จะพยายามตอบเสียงแข็งขัน แต่ทั้งเสียงทั้งขากลับสั่นสะท้าน
“จะ..จริงๆนะขอรับ!” นาราคุนิ่งไป ดวงหน้าคมดูสับสนทำอะไรไม่ถูก
เจ้าของโรงแรมไม่จำเป็นต้องโกหกหรือมีเจตนาแบบนั้น เขารู้เรื่องนั้นดีแต่..!
“ บ้าเอ๊ย!” สิ้นเสียงสบถ นาราคุรีบวิ่งขึ้นไปชั้นสองอย่างร้อนรนโดยไม่สนเสียงเรียกของมิซาเนะที่ดังลั่นอย่างหัวเสีย
หญิงสาวกระซิบลอดไรฟันอย่างหงุดหงิด “ถึงตัวจะไปแต่ก็ยังไม่วายขัดข้าอีกนะ เซ็ตโชมารุ..”
..............
..ทำไม..?
ปัง!
บานประตูแทบจะหลุดจากบานพับเมื่อครึ่งอสูรหนุ่มถลันเข้ามาในห้อง นาราคุตะโกนเรียกเสียงดังจนตัวเองลืมไปแล้วว่าเคยเรียกใครดังขนาดนี้มาก่อน
“เซ็ตโชมารุ!!”
“ จะตะโกนอะไรนักหนา! หูข้าไม่ได้หนวก!”
บนเตียงนั่นเสียงคุ้นหูตวาดกลับอย่างหัวเสีย ดวงตาสีอำพันขุ่นเคืองถูกส่งมาจากเตียง ใบหน้าสวยดูเย็นชาเหมือนเดิมไม่ต่างจากทุกครั้ง
“ เซ็ตโ....” รอยยิ้มคล้ายจะคลี่ออกพลันหายไป
..ไม่มีใครอยู่ในห้องนั้น..ภาพติดตาของเซ็ตโชมารุค่อยๆเลือนลางหายไปเหลือแต่เตียงโล่งๆ..ไม่มีใคร..
“ไม่...” ห้องที่แสนดำทมึนตอบรับเสียงกระซิบเขาด้วยความเงียบ นาราคุกัดฟันกรอดและเหวี่ยงประตูปิดโครมใหญ่ กว่าจะรู้ตัว..นาราคุก็เข้ามาในเมืองอัยชิ ดวงตาสีเลือดที่เคยแข็งกร้าวยามนี้สั่นไหวด้วยความกลัว..กลัวจนอยู่ไม่สุข..กลัวว่าความจริงนั้นมันช่างเลวร้าย
“ เซ็ตโชมารุ!” ชายหนุ่มร้องเรียกนับครั้งไม่ถ้วน ถามผู้คนมากหน้าหลายตาแต่ไม่พบ มีแต่ความร้อนรนเท่านั้นที่มากขึ้นทุกทีๆ
‘..บ้าที่สุด! เจ้าอยู่ไหนบอกข้าที!..’
ชายหนุ่มหยุดวิ่งอย่างเหนื่อยหอบและพิงต้นไม้ใกล้ๆเพื่อพักแรง เพราะวิ่งจนลืมตัวทำไห้ปอดแสบร้อนไปหมด ชั่วเวลาหนึ่งได้ยินแต่เสียงหอบถี่รัวของตัวเองกับความว่างเปล่ารอบกายที่ปราศจากใคร..นาราคุเงยหน้ามองฟ้าสีเทา และหลับตาลง
ไห้ตายสิ...ทำเหมือนคนบ้า..
เปลือกตาปรือเปิดอย่างหัวเสีย ก่อนจะเหลือบเห็นบางอย่างตกอยู่บนพื้นทำไห้ดวงตาสีแดงเบิกโพลงก่อนหยิบมันขึ้นมา
“ ริบบิ้นเส้นนี้?..” มันเป็นริบบิ้นที่ดูคุ้นตา อาจเพราะตัวเองเป็นคนซื้อมา..หรือมันอาจเคยเป็นของใครคนหนึ่ง..
..............................
นาราคุเดินกลับไปที่ห้องในโรงแรมอย่างเงียบๆ จิคาคุที่อยู่ใกล้ๆเดินเข้ามาหา “เจอมั้ย?”
“.........” ไม่มีเสียงตอบรับคำถาม มีเพียงดวงตาสีแดงฉานที่เหลือบมองอย่างไม่อาจคาดเดาอารมณ์ นักพเนจรนิ่งงันไปขณะนาราคุเดินผ่านเข้าไปในห้องเดิม
“ นาราคุ” มิซาเนะเอ่ยเรียก หมายจะเดินตามเข้าไปแต่กลับถูกรั้งไว้
“ ตอนนี้อย่าเลย” จิคาคุมองบานประตูที่ปิดลงเบาๆ “เจ้าคงไม่อยากเห็นหรอก..”
............
มือหนาวางลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา ร่างสูงทรุดร่างลงทอดมองเตียงสีขาวอย่างเหม่อลอย
‘..เจ้าเคยนอนที่นี่..’
ทุกครั้งเมื่อลืมตาตื่น ผมสีเงินจะส่องประกายแยงตาอย่างน่าโมโห แต่พอเห็นใบหน้ายามหลับนั่นความหงุดหงิดทั้งหมดก็หายไป และไม่นานนักเจ้าก็จะตื่น...ขยับตัวไปมาเหมือนนึกรำคาญ กระพริบตาอยู่หลายครั้งกว่าจะตื่นเต็มที่ และสิ่งที่เกิดขึ้นต่อมา..เจ้าจะผลักข้าตกเตียงเสมอๆ....
เตียงซึ่งอบอุ่น..
นาราคุกำริบบิ้นในมือและตะโกนลั่น!
ตอนนี้กลับเย็นชืด..
“ ทำไม!!!”
..ไม่มีเจ้าอยู่
..ไม่มีอีกแล้ว..
“โธ่เว้ย!!!”
โครม! ตึง!
ข้าวของที่อยู่ในห้องระเนระนาดเสียงดัง มิซาเนะถึงกับสะดุ้งโหยงจะเข้าไปห้ามกลับไม่กล้า..เพราะเสียงร้องของชายหนุ่ม มันช่างเกรี้ยวกราดอย่างน่ากลัว ทั้งฟังไม่ได้ศัพท์ และประโยคก้นด่าตัวเองอย่างบ้าคลั่ง
“เกรี้ยวกราดรึ?” จิคาคุทวนเมื่อมิซาเนะหลุดปากออกมา ริมฝีปากกระตุกขึ้นบางๆขณะมองห้องที่มาของเสียงอึกทึก “ ข้าว่าเป็นเสียงสัตว์บาดเจ็บซะมากกว่า..”
ขณะนั้นมีหญิงนางหนึ่งเดินเข้ามาถามอย่างกล้าๆกลัวๆ “เกิดอะไรขึ้นรึคะ?”
จิคาคุยิ้มไห้อย่างอบอุ่นก่อนตอบ “ไม่อะไรมากหรอกครับ ก็แค่..”
“ เผลอปล่อนไห้นกหนีไป...”
....................................
-ปัจจุบัน-
“นี่เจ้า! ถ้าจะไปหานาราคุล่ะก็ข้าไม่อนุญาตนะ!” มิซาเนะรั้งแขนไว้เมื่อร่างสูงกำลังเดินไปที่ห้องของชายคนรัก ทว่าเพียงขยับตัวนิดเดียว มิซาเนะก็ไถลหลุดเกือบตกบันได
จิคาคุเคาะประตูอย่างน่าตาเฉย และถลันเข้าไปทันทีไม่รอคำอณุญาตใดๆทั้งสิ้น
“ หวา! บรรยากาศมาคุเชียว” นักพเนจรเอ่ยทักชายที่อยู่ในห้องทึมเมื่อมองเห็นในตัวห้อง คนถูกทักเหลือบตาสีทับทิมเล็กน้อยก่อนเหม่อมองไปนอกหน้าต่างเช่นเดิม นาราคุนั่งตรงโต๊ะน้ำชาริมหน้าต่างอย่างเดียวดาย นอกจากหน้าต่างที่เปิดออกเพียงบานเดียวนอกนั้นราวกับปิดตายไว้รวมทั้งแสงไฟจนห้องมืดทึมทึบไปหมด
จิคาคุมองรอบห้องแล้วยิ้มน้อยๆก่อนเดินไปนั่งข้างๆอย่างอารมณ์ดี “มิซาเนะหัวเสียเรื่องของที่ระลึกของเจ้าน่ะ”
นาราคุไม่ตอบอันใด แต่มือที่วางบนตักกำเข้าหากัน จิคาคุมองปลายริบบิ้นที่โผล่แวมๆแล้วเอ่ยต่อ “ลูกน้องของเจ้าหาเซ็ตโชมารุไม่เจอใช่มั้ย?”
“มันไม่ใช่เรื่องของเจ้า..” เสียงทุ้มแต่แหบพร่าดังเบาๆแต่ทันที จิคาคุเลิกคิ้วขึ้นแสร้งทำแปลกใจ
“ตอบข้าได้แล้วรึ? แปลว่าหาไม่เจอล่ะสิ..”
“.................” ความเงียบเป็นคำตอบอีกครั้ง ร่างสูงยิ้มเหมือนตลอดสามเดือนนี้เป็นเรื่องปกติ จิคาคุยืนขึ้นเดินไปกลางห้องย่างเบื่อๆ “ ข้าขอถามเจ้าซักข้อสิ..” ดวงตาสีดำสนิทราวหุบเหวเบนมองร่างสูงสันทัดแล้วยิ้มออกมา
“เจ้าเจ็บเรื่องใดที่สุด?” คนตอบยังคงไร้ซึ่งอารมณ์จะตอบ จิคาคุจึงใส่ไฟลงไปอย่างนึกสนุก
“ ข้อก.เซ็ตโชมารุจากเจ้าไปแบบไม่บอกไม่กล่าว”
“ข้อข.คนที่ไปกับเซ็ตโชมารุคือ ชิคัง..”
“ข้อค. ทั้งที่อยากเจอหน้ากลับไม่ได้เห็นเพราะหาไม่เจอ”
“ข้อง.คนที่ทำไห้เซ็ตโชมารุไปคือ ตัวเอง”
เพล้ง!!
กาน้ำชากระแทกกำแพงด้านหลังจิคาคุจนแตกเป็นเสี่ยง หลังจากมันพุ่งผ่านหน้าเขาไปอย่างเส้นยาแดงผ่าแปด ดวงตาสีดำสนิทราบเรียบสบกับเนตรสีทับทิมลุกโชนเป็นเปลวเพลิงเพราะถูกจี้จุดใจดำ
จิคาคุปาดหลังมือเช็กคราบตรงแก้มออกเบาๆ
“หรือ ข้อจ......ถูกทุกข้อ..”
“ออกไปจากห้องข้า!” นาราคุตวาดเสียงดุดัน
“แหม แคนี้อย่าพึ่งยั๊วะสิพี่ชาย” นาราคุลุกพรวดและเดินรี่เข้าหาจนจิคาคุต้องยกมือขอเวลานอก “ ล้อเล่นจ้า ล้อเล่น~”
“บอกธุระเจ้ามา ถ้าไม่มีก็ออกไป!” เมื่อโดนไล่ก็ทำได้แค่ทอดถอนใจ
“งั้นสุดท้าย บอกข้าหน่อยสิว่าทำไมป่านนี้เจ้าถึงยังพกริบบิ้นนั่นอยู่?”
นาราคุที่เดือดพล่านนิ่งงันไป ดวงตาสีเลือดหลุบลงอย่างไม่อาจคาดเดา ร่างสูงหันหลังมองออกไปนอกหน้าต่างทะลุท้องฟ้าที่ตั้งเค้าฝนท่ามกลางความเงียบเชียบ “ออกไป..”
“ คร้าบๆ” นักพเนจรตอบเสียงยานและเดินไปที่ประตู แต่ก่อนจะออกไปนั้นยังทิ้งท้ายไว้ “เส้นทางของเจ้ามีสองทาง..คือลืม..กับไม่ลืม หรือ ปล่อย กับไม่ปล่อยเท่านั้นจำไว้..”
เสียงประตูปิดดังเวลาต่อมา นาราคุยังคงมองไปที่จุดเดิมเงียบๆ เหมือยท้องฟ้านั้นทำไห้นึกถึงเส้นผมสีเงินยวงสวยงามแสนคุ้นเคย ดวงตาสีเลือดนกหรี่ลงและกำรบบิ้นในมือแน่นไม่มีปล่อย
‘ป่านนี้ทำไมเจ้าถึงยังพกริบบิ้นนั่นอยู่?’
“ ก็เพราะตอนนั้น..ข้าไม่ได้ทำแบบนี้น่ะสิ”
.....................................
ต่อนะ
.....................................
อีกด้านหนึ่งไกลจากอาณาจักรอัยชิ ข้ามป่า และภูเขาไป ตัดผ่านแม่น้ำสายใหญ่จนมาถึงชายแดนที่ใครๆต่างเรียกว่า “ขอบทอง”
“ ทอง..ทองๆๆ ทุกอย่างทองไปหมด” เสียงหนึ่งดังท่ามกลางบรรยากาศอบอ้าวร้อนแห้งแล้ง ร่างสูงโปร่งย่ำเท้าลงบนผืนทรายฉ่าร้อนก่อนจะเสยผมสีเทาอย่างหมดความอดทน “ทอง! ทองโว้ยทอง!”
ทอง..ทะเลทรายสีทองสุดลูกหูลูกตา..ทอง..แสงทองอันร้อนเร่าอันแสนทรมานจากดวงอาทิตย์..ทอง..ก้นกระติกน้ำสีทองที่อำลาน้ำหยดสุดท้ายไปเมื่อชั่วโมงก่อน..
ก็นึกว่าขอบทองจะหมายถึงการเปรียบเปรยความอุดมสมบูรณ์ที่เหมือนดั่งทองมีค่า ใครจะไปรู้เล่าว่าจะหมายถึงสีทองอันโหดร้ายของทะเลทราย!
“ ใหนบอกว่าแค่ดวงอาทิตย์ขนานฟ้าก็ถึงเมืองแล้วไง” ชิคังที่อารมณ์เสียด้วยความร้อน ก่อนชี้มือขึ้นฟ้าไปหาดวงอาทิตย์ “แต่พระอาทิตย์มันถึงกลางหัวแล้วนะ กลางหัว! นี่มันถึงตรงไหน!”
คนอารมณ์เย็นที่ปกติจะไม่โหวกเหวก แต่ครั้งนี้เหมือนยิ่งเดินเหมือนยิ่งโหวกเหวกอยางผิดวิสัย ชายหนุ่มตะโกนด่าท้องฟ้าด้วยความหัวเสียจนคนที่เดินอยู่ข้างหน้าคิ้วกระตุกปึด
“ชิคัง..”
“ฮะ?”
ดวงตาสีเทาเบนจากฟ้าหันมามองร่างบางที่ห่มตัวด้วยผ้าสีมอๆกันทรายเช่นเดียวกันกับของเขา ก่อนริมฝีปากได้รูปแต่ขาดน้ำจะพึมพำเสียงแผ่วทว่าหนาวเยือก
“..หากเจ้ายังไม่เลิกโวยวายข้างหลังข้า ปากของเจ้าจะไม่มีวันได้พูดอีกเลยชั่วชีวิต..”
ดวงตาสีทองงดงามยามนี้ดุจดั่งเพชฌฆาต ราวกับถ้าเขาพูดขัดเพียงนิดเดียวเงาหัวที่ครบสมบูรณ์นี้จะหายวับไป ร่างสูงพลันตัวลีบลงและปิดปากสนิททันที
เซ็ตโชมารุหันกลับไปเดินตามทางอีกครั้ง พาไห้คนหวิดไม่รอดถอนหายใจยาว
..นี่ก็ผ่านมากว่าสามเดือนแล้วที่ทั้งเขาและเซ็ตโชมารุออกจากอาณาจักรอัยชิมา เขาซึ่งโอบร่างบางมาตลอดทางได้แต่นิ่งไม่อาจพูดอะไรได้เมื่ออสูรหนุ่มไม่ยอมปริปากพูดอะไรกับเขาเลยจนน่ากังวล ตอนแรกตัวเขานึกว่าโดนรังเกียจเพราะเผลอไปบอกรัก แต่ในรุ่งเช้าของวันต่อมาร่างบางกลับพูดจากับเขาเหมือนปกติ แถมยังบอกไห้รีบตามหาตัวผู้ติดตาม รินหรือจาเก็นอะไรนี่แหละได้หน้าตาเฉยอีก..จนอดโล่งใจที่ไม่ได้ถูกเกลียด
แต่...
ชายหนุ่มปัดเส้นผมปรกหน้าออกอย่างหงุดหงิด
....อารมณ์เสียอย่างบอกไม่ถูก..นับตั้งแต่เวลาสามเดือนใจของเราไม่เคยสงบกลับยิ่งร้อนขึ้นทุกนาที..รู้ตัวว่าอารมณ์ร้อนขึ้น เรื่องที่ไม่เคยโมโหกลับควบคุมอารมณ์ไม่อยู่..สิ่งที่ไม่เคยสนกับสนได้อย่างน่าตาเฉย..แม้แต่อากาศร้อนแค่นี้เรายังโวยวายราวกับเป็นเรื่องใหญ่...
..เรากำลังโมโห..
ชิคังมองแผ่นหลังบางเบื้องหน้า ตอนนี้เจ้าตัวกำลังสาละวนกับการสะบัดผ้าคลุมไปมาอย่างนึกรำคาญ เมื่อมันคอยพันร่างไห้ก้าวลำบากเสมอๆ
ไม่เข้าใจว่าทำไม..แต่..
“ มัวเหม่ออะไรอยู่..”ชิคังสะดุ้งโหยง ก่อนลมหายใจแทบขาดห้วงเมื่อดวงตาคู่คมสีทองกำลังจ้องตาเขาในระยะประชิด ดวงหน้าสวยดูเรียบเฉยแต่แทบทำไห้ร่างสูงอ้ำอึ้ง
“ อะ..เอ่อ”
“ดูนั่นสิ..” เซ็ตโชมารุชี้ไปตรงกลางทะเลทราย ชายหนุ่มขมวดคิ้วก่อนจะหยีตามองฝ่ากลุ่มทรายสีทองไป ก่อนจะเบิ่งกว้าง “ โอเอซิสต์!”
ต้นมะพร้าว ต้นปาล์ม กับพุ่มไม้เตี้ยๆขึ้นประปรายเป็นบริวเณกว้างท่ามกลางทะเลทรายอันร้อนระอุ สิ่งที่เป็นประกายต้องแสงคือทะเลสาบนาดใหญ่สดใสราวกับเป็นน้ำหล่อเลี้ยง โดยไม่ต้องพูดใดๆ ร่างสูงคว้าแขนร่างบางและลากไปทันที คำทัดทานเสียงหลงของเซ็ตโชมารุดูเหมือนจะผ่านหูชิคังไป เมื่อร่างสูงเหาะขึ้นกลางอากาศและกระโดดพรวดเดียวไปถึงโอเอซิสต์ แต่ดูเหมือนไม่พอใจ ชิคังลอยไปกลางทะเลสาบ และปล่อยร่างตัวเองและอสูรหนุ่มลงน้ำทันที
“ว๊าก!”
ซู่ม!
น้ำแตกกระจายเป็นวงกว้างพัดระลอกคลื่นไห้กระทบฝั่งจนกระจาย เซ็ตโชมารุที่จมลงรีบว่ายขึ้นผิวน้ำเพื่อหาอากาศหายใจ
“ ทำอะไรของเจ้า นี่ถ้าข้าว่ายน้ำไม่เป็นไม่ตายเลยเรอะ!” ร่างบางหันมาตวาดคนขี้เล่นที่ยิ้มเผล่อย่างกวนโทโส
“น่าๆ แก้เครียดกันบ้าง” ไม่ว่าเปล่ายังว่ายนวยๆรอบร่างบางเป็นวงกลมราวจงใจแหย่ เซ็ตโชมารุไม่ขัดศรัทธา จัดจแงถีบส่งร่างที่อยู่ใต้น้ำด้เวยความหมันไส้ก่อนว่ายขึ้นฝั่ง
“ ไม่มาว่ายน้ำเหรอ? สบายดีนา ” เสียงกวนโทโสพาไห้ร่างบางหลุบตาลงอย่างเหลือออดก่อนหันมาตวาด
“เชิญว่ายไปคนเดียวเถอะ!!”
.............................
เวลาก้าวเข้าสู่ยามเย็น ทว่าพระอาทิตย์กลับลาลับขอบฟ้าไปก่อนที่ช่วงเวลากลางคืนแท้จริงจะมาถึง กลางโอเอซิสต์ในแดนทะเลทราย กองไฟเล็กๆถูกจุดขึ้นใกล้ทะเลสาบโดยมีผู้พำนักทั้งสองนั่งอังไฟบรรเทาความหนาวเย็นของแดนทะเลทรายที่ตอนเช้าก็แสนร้อน แต่พอกลางคืนกลับหนาวจนสั่น!
“เจ้าแน่ใจนะว่าไม่?”
“ จะไห้ข้าย้ำหลายทีทำไมว่า ‘ไม่’ ”
“แน่ใจนะ?”
“ใช่”
“แน่นะ?”
“แน่..”
“จริงนะ?”
คนที่ถูกซักไซ้ถลึงตาอย่างหงุดหงิด ก่อนพูดขึ้นอีกครั้ง “ข้าไม่กินของแบบนั้นหรอก แล้วไม่ต้องมาถามข้าอีก”
ร่างสูงเบ้หน้าต่อความดื้อแพ่งไม่เปลี่ยนแปลงของอสูรหนุ่ม เขารึสู้อุตส่าหวังดีเห็นไม่ได้กินอะไรเลยมาหลายวัน ออกไปสมบุกสมบันหาอาหารมาแต่คนเบื้องหน้ากลับปฎิเสธอย่างไม่ใยดี “เลือกกินนี่..” เขาบ่นอุบ แต่กลับไม่พ้นหูคนประสาทไวอย่าเซ็ตโชมารุ
“เจ้าว่าใคร?” ใบหน้าจัดไปทางงดงามดูขุ่นเคือง “ถ้าเจ้าคิดว่างูกับซาลาแมนเดอร์ย่างเป็นอาหารถูกสุขอนามัยล่ะก็ กินไปคนเดียวเถอะ!” ร่างบางเมินหน้าหนีสัตว์เลื้อยคลานเสียบไม้ที่มีกลิ่มหอมกรุ่น แต่ลักษณะน่าผะอืดผะอม แถมยังมีการกระตุกเมื่อเจอไฟร้อนอีกต่างหาก
“แต่ข้าอุตส่าหามาไห้นะ”
“ข้าไม่ได้ขอนี่..”
“เฮ้ งั้นไม่ห่วงข้าเลยเรอะไง?”
“หาเอง กินเองสิ..” และการทะเลากันก็เป็นอันจบลงอย่างรวดเร็ว
ชิคังจึงตัดใจกินเองเสียหมดด้วยตัวเองหวังจะประชด แต่คนที่รู้ว่าประชดเพียงหังเราะเยาะเขาที่แทบบ้วนซาลาแมนเดอร์ย่างทิ้งแทบไม่ทัน!
“ข้าไม่ได้หัวเราะนะ..”
“ก็เห็นอยู่ว่าหัวเราะ!” คนที่โกหกหน้าตายกลั้นหัวเราะเต็มที่ จนชิคังเบ้หน้าก่อนยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนกวักมือเรียกด้วยท่าทางไม่น่าไว้ใจ“เซ็ตโชมารุ มานี่ซิ”
ร่างบางหยุดการหัวเราะลงทันทีและพูดด้วยเสียงที่เรียบเฉยและประหม่า“ถ้าเจ้าคิดเล่นพิเรนท์ หยุดความคิดของเจ้าเดี๋ยวนี้..”
“เอ๋? พิเรนท์เหรอ?” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาเอียงคอก่อนพุ่งตัวเข้าหาเซ็ตโชมารุอย่างไม่ตั้งตัว “แบบนี้น่ะเรอะ!”
ร่างบางเอนตัวหลบแต่ก็ไม่พ้นความมือไวของชายหนุ่ม ก่อนจะรู้ตัว คนร่างสูงก็จับเขาไว้ใต้ร่างและขึ้นคร่อม รอยยิ้มชวนหนาวร้อนผุดขึ้นตรงมุมปากก่อนบางอย่างโจมตีที่ช่วงท้อง!
“อุ๊บ ฮะ ฮ่าๆ หยุด..หยุดนะ!” อสูรหนุ่มที่แทบไม่เคยหัวเราะ บัดนี้กลับต้องหลุดเสียงหัวเราะออกมาเพราะมือพิฆาตของชิคังที่กางออกเป็นกรงเล็บและจั๊กจี้ไปทั่วตัวเซ็ตโชมารุอย่างขี้เล่น ร่างสูงหัวเราะร่าและเอ่ยคาดคั้น
“ใหน เมื่อกี้หัวเราะข้าใช่มั้ย? ใช่มั้ย?”
“คิก ข้า ฮะๆๆๆ”
“ เอ้า! พูดซี่”
“โอ๊ย ข้าขอโทษ ไม่หัวเราะแล้วๆ! ฮะๆ”ร่างบางพยายามกลั้นหัวเราะและดิ้นออกจากกรงเล็บของร่างแบ่งภาคหนุ่ม แต่ชิคังดูเหมือนยังไม่พอใจจึงยิ่งจั๊กจี้เข้าไปอีก เสียงหัวเราะที่หายากทำไห้ชิคังแทบไม่รู้ตัวว่าเผลอมองเสี้ยวหน้าต้องแสงไฟนานเท่าไหร่ รอยยิ้มที่ปรากฏบนริมฝีปากได้รูปสีอ่อนทำไห้ชิคังหยุดมือและกลั้นหายใจ พร้อมเสียงหัวใจที่เต้นแรง
“เซ็ตโช..” ไม่ทันตั้งตัว ร่างบางใช้โอกาสทีเผลอนั้นผลักร่างสูงออกและขึ้นคร่อม
ดวงตาสีเทามีแววตื่นตระหนกทันทีเมื่อถูกสลับบทบาท ดวงหน้าสวยมีประกายไม่น่าไว้ใจก่อนจะคว้าบางอย่างหงิกๆงอๆขึ้นมาไว้ในมือ “ไหนๆก็กินเข้าไปแล้ว กินเข้าไปไห้หมดเลยละกัน เจ้าซาลาแมนเดอร์ย่างเนี่ย” พูดเสร็จก็ดึงเนื้อหยึยๆตั้งท่าเตรียมยัด
“ดะ..เดี๋ยวสิ เรื่องนี้เราคุยกันได้” ชิคังเหงื่อตก แต่ชายหนุ่มเบื้องบนกลับตัดบท
“ กินเข้าไปซะ!”
“แว๊ก อุ๊บ แค่กๆ แหวะ!” รสชาติที่เกินบรรยายซาบซ่านไปทั่วปาก ทั้งรสไหม้และบางอย่างมันๆเยิ้มปากจนแทบอ้วก แถมคนที่ถูกแกล้งคราแรกยังดึงเอาตัวซาลามนเดอร์ยัดเข้าไปทั้งตัวจนสำลัก
ร่างบางลุกออกจากร่างสูงที่บ้วนสัตว์เลื้อยคลานไม่น่าภิรมณ์ก่อนปล่อยเสียงหัวเราะเต็มที่เมื่อชายหนุ่มทำหน้าผะอืดผะอม ทันใดนั้นดวงตาสีเทาเรืองวาบก็ตวัดขวับมองร่างบางที่หัวเราะร่วน เซ็ตโชมารุที่มัวแต่หัวเราะพอสบกับดวงตาคู่นั้นถึงกับสะอึกก่อนจะค่อยๆเดินถอยหลังหนีคนที่เริ่มลุกยืน พร้อมปล่อยรังสีทมึนไม่น่าไว้ใจ
“หึๆ เล้นงี้ใช่มั้ยเซ็ตโชมารุ” ชิคังพูดเสียงเจ้าเล่ห์และเดินเข้าใกล้ร่างบางซึ่งเดินถอยหนีไปเรื่อยๆ ก่อนร่างบางจะตัดสินใจหันหลังวิ่งทันที
“อย่าหนีเซ่!”
“เจ้าก็อย่าไล่ตามข้าสิ!” ร่างบางแหวชายที่วิ่งตามมาอย่างไม่ลดละ “คนละทีก็เจ๊าแล้วนี่นา!”
เสียงประท้วงกับเสียงตะโกนไห้หยุดดังอย่างต่อเนื่องไปตลอดค่ำ มองดูแล้วเป็นภาพที่แปลกตาเมื่อใครๆมาเห็นภาพการวิ่งไล่จับอันแปลกประหลาดนี้ เซ็ตโชมารุที่เริ่มเหนื่อยชะลอความเร็วลงอย่างลืมตัวเป็นจังหวะเดียวกันที่ชิคังคว้ากอดหมับจากด้านหลัง
“จับได้แล้ว!” คนพูดยิ้มกริ่มแต่คนถูกจับกลับชักสีหน้าไม่พอใจ และดิ้นขลุกขลัก “ปล่อย! เลิกเล่นได้แล้วน่า!”
“ไหงงั้นล่ะ?! ข้าอุตส่าจับได้ทั้งที งานนี้ไม่ปล่อยหรอกเจ้าโดนแน่” ชิคังหัวเราะหึ ก่อนจะยกเซ็ตโชมารุจนตัวลอยขึ้นพาดบ่า
“เดี๋ยว!” ร่างบางร้องลั่น “ปล่อยข้าลง ชิคัง!”
“ไม่มีทาง ข้าจะอุ้มเจ้าแบบนี้ทั้งคืนเลยคอยดูสิ”
“เจ้าบ้า!!”เซ็ตโชมารุด่าแต่ร่างสูงกลับไม่รู้สึกรู้สาแถมยังหมุนตัวไปรอบๆเพื่อแกล้งร่างบางที่กอดเขาหมับและหลับตาเพราะกลัวตก “ถ้าข้าลงไปได้เมื่อไหร่ล่ะก็..!” ชิคังเพียงหัวเราะร่าต่อคำขู่ ไมท่รู้ว่าเหตุใดใจของเขาตอนนี้มันกลับสงบและเต็มตื้นด้วยความสุขยังไงไม่รู้ ยิ่งได้เห็นทีท่าน่ารักนั้นก็ยิ่งอยากแกล้งจึงหมุนตัวสามร้อยหกสิบองศาเรียกเสียงด่าจากร่างบางบนบ่าได้หลายดอก
แต่เพราะความอยากแกล้งมากเกินไปจึงไม่ดูทางอันเป็นเหตุทำไห้เกิด...
ปึก!
“หวา!!”
หินที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนขัดไห้ชิคังล้มลงโดยพาเซ็ตโชมารุล้มตามไปด้วย แต่เพราะสถานที่ที่ทั้งสองยืนอยู่เป็นเนินสูงของโอเอซิสต์ ร่างทั้งสองจึงกลิ้งขลุกๆตามเนินอย่างไม่อาจควบคุม ทรายสีทึมคลุ้งตลบไปทั่วบริเวณ ขณะใจกลางกลุ่มฝุ่นนั้นกำลังมุ่งตรงไปยัง..ทะเลสาบ
ก่อนจะ..
“อยากบอกนะว่า..!”
ซู่มมมม!!!
น้ำเย็นเจี๊ยบสัมผัสร่างตั้งหัวจรดเท้าจนร่างกายเหมือนมีหนามแทงเป็นครั้งที่ 2 ของวัน ชิคังสะบัดหัวไล่น้ำก่อนจะร้องในใจ ‘ยะ..เย็น!!’ ไม่นานก็นึกขึนได้ ดวงตาสีเทาหันรีหันขวามองร่างอีกร่างหนึ่ง ก่อนะปะทะกับชายหนุ่มที่ลอยครึ่งตัวอยู่ในน้ำไม่ไกล
“ไม่เป็นอะไรนะ เซ็ตโชมารุ”
“....” สรรพเสียงนั้นไร้การตอบรับ ดวงตาสีเทามีแววแปลกใจ พลันใบหน้าคมกลับซีดเผือดกะทันหัน
ดวงหน้าสวยที่นิ่งเรียบค่อยๆหันมาช้าๆราวกับภาพสโลโมชั่น ปรากฏรอยยิ้มอำหิตที่ผุดขึ้นมุมปาก พร้อมเสียงแสนนุ่มเย็นยะเยือก
“..ตายซะเถอะ...”
“ว๊าก! ขอโทษ!!!!!!!”
.................
เปรี๊ยะ..
เสียงฟืนลั่นดังท่ามกลางความเงียบงัน ร่างสูงเขี่ยฟืนเบาๆเพื่อไห้ไฟพอลุกเพื่อทำไห้เสื้อผ้าซึ่งตากไว้ไม่ไกล้ไกลแห้ง พร้อมส่งไออุ่นแก่ร่างทั้งสองที่เย็นเฉีนยบจะการเล่นพิเรนทร์ ดวงตาสีเทาเหลือบมองเจ้าของผมสีเงินที่นั่งทำหน้ามุ่ยอยูตรงข้าม
“ยังไม่หายโมโหอีกเหนอ?” ดวงตาสีทองอำพันงดงามเงยมองก่อนพูดเสียงเย็น “ไม่ได้โมโห แค่โกรธ..”
‘แล้วมันต่างกันตรงไหน..’ ชิคังเบ้หน้า แต่กลับทำไห้รู้สึกเจ็บตรงแก้มซึ่งอีกฝ่ายได้ประทับหมัดอย่างเต็มรักจึงต้องสงบปากไว้เพราะไม่อยากทำไห้ร่างบางประสาทขาด
เวลานั้น ชิคังใช้ความเงียบมองบุคคลที่อยู่เบื้องหลังกองไฟ ใบหน้างดงามดูไม่สบอารมณ์แต่กลับทำไห้เขามิรู้เบื่อจนเผลอจ้องนานเกินไป เซ็ตโชมารุที่รู้ตัวว่าถูกมองก็แค่จ้องกลับจนเจ้าตัวเบือนหน้าหนี ดวงตาสีทองจะชะงักอย่างแปลกใจต่อท่าทีนั้น ก่อนจะสังเกตเห็นเรือนผมเทาสลวยยังคงมีน้ำไหลลงมาอย่างต่อเนื่อง
อสูรหนุ่มค้นในกระเป๋าสัมภาระเพื่อหาบางอย่าง ใบหน้าคมสวยมุ่นคิ้วซักพักก่อนจะคลายเมื่อเจอของที่ต้องการ
“เฮ้!?” ร่างสูงร้องอย่างตกใจเมื่อคนที่โกรธอยู่เมื่อครู่ ลุกเอาผ้ามาขยี้หัวเขาหน้าตาเฉย
“ยังจะพูดอีก ผมเจ้ายังไม่แห้งเลยนะเดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก” คำนั้นแฝงด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงทำไห้ชายหนุ่มนิ่งไปและยอมไห้เช็ดแต่โดยดี ด้วยใจที่ราวกับลอยได้
“ยิ้มอะไร?” เหมือนสังเกตเห็นรอยยิ้มกว้างของเขาร่างบางจึงเอ่ยถาม
“ก็...แค่ดีใจ..” ชิคังบอกเบาๆ
เซ็ตโชมารุพูดเสียงขุ่นขัด “..ไร้สาระ”
ชายหนุ่มซึ่งถูกแขวะหัวเราะในลำคอ มือหนาย้ายจากข้างตัวไปเกาะกุมมือบางที่พลันชะงักกึก “แปลกหรือ?..” เขาถาม
ใบหน้าคมคายซึ่งก้มต่ำค่อยๆหันมาอย่างเงียบงัน รอยยิ้มที่ดูเงียบเหงาแทบจะพาลไห้บางอย่างในร่างกายกระตุก ก่อนดวงตาสีเทาเวิ้งว่างราวสายหมอกจะสบนิ่งกับเนตรอำพันราวอัญมณี “การที่ข้าดีใจ..มันแปลกหรือ เซ็ตโชมารุ?....”
ช่วงเวลาที่ราวกับหยุดนิ่งไม่ขับเคลื่อน มีแต่เสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะในอกกับรอยยิ้มแสนเหงานั้น ดวงตาสีทองดูนิ่งงันไปพร้อมบางอย่าง..บางอย่างที่เขาไม่อยากสัมผัสถึงมัน..
โดยไม่ทันตั้งตัว ผ้าเช็ดผมก็ถูกประเคนเข้าใส่หน้าเต็มรัก “โอ้ย!”
ร่างสูงเกือบหงายหลังได้แต่หยิบผ้าออกจากหน้าอย่างงุนงง พอมองรอบตัวก็ปรากฏว่าคนประทุษร้ายตอนนี้เดินจ้ำๆหนีไปแล้ว
“ ข้าจะไปนอน..” คำเดียวจบแบบไม่ต้องถามอะไรทั้งสิ้น ชิคังได้แต่มองร่างบางที่เดินไปอย่างฉงน ปลายเส้นผมสะบัดล้อลมดูเมือนจะไกลห่างไปเมื่อเงาต้นปาล์มบดบังไป เขาได้แต่นั่งอย่างเงียบงันอยู่ตรงนั้นพร้อมคำตอบที่ยังไม่มีผู้ตอบ
“ ผิดหรือ..ที่ข้าดีใจน่ะ?” เสียงนั้น..ถูกลมกลืนไปท่ามกลางความเงียบงัน
...
อสูรหนุ่มเจ้าของใบหน้าเฉยชาเดินหุนหันออกจากบริเวณกองไฟ และแทบไม่ได้มองกลับไปดูสีหน้าที่แสนฉงนของคนต้นเรื่อง..ไม่ได้มอง..เพราะไม่อยากมอง
‘การที่ข้าดีใจมันแปลกหรือ?..’
เนตรสีทองเกร็งขึงก่อนจะทรุดตัวนอนลงบนพืนผ้าปู มุดร่างในผ้าบางจากไหมพรมราวกับจะพยายามหนีเสียงที่ดูเศร้าหงอยเหงา แต่ทำยังไง ดวงตาสีเทาอันเดียวดายคู่นั้นกลับไม่ยอมหายไปง่ายๆ
“บ้าเอ๊ย!” ใบหน้างดงามมุ่นลงอย่างหงุดหงิดและเอมือปิหน้าที่ร้อนผ่าว ตามด้วยเสียงทุ้มที่แว่วดังเจ้าโสต
‘ แปลกหรือ..?’
เขาพึมพำ “แปลกหรือ?..”ก่อนนำมือสัมผัสบริเวณหน้าอก และหลุบตาลง “ตรงนี้..ก็แปลก..”
..เต้นรัวเร็วราวลอง..ทั้งที่เสียงนั้นดังแผ่ว ยามนี้กลับยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ..ใบหน้าก็ผ่าวร้อน ราวกับเป็นไฟ
“ คนที่แปลก..คือข้าต่างหาก...”
......................
talk :อะเซเดเฮ่ะ วะฮ่าฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ^[ ]^ ซอมบี้เซออนคืนชีพ (เลียตัวเอง) = = เค็มอ่ะ ดองจนเค็ม ทำไมมันเค็ม นี่นึกครึ้มขึ้นมาแต่งนะเนี่ย หุๆๆ วันนี้เห็นดองยาวก็เลยปลอบใจต่อด้วยอีกตอนซะเลย ทุกท่านคงชอบใจ
ชิคัง : หวัดดีสาวๆสวยๆ กับหนุ่มหล่อหลายคนที่อ่านฟิคนี้นะครับ นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ข้าออกมาต่อหน้าผู้อ่านทุกท่าน บังไงก็ขอขอบคุณที่เชียร์มือที่สามอย่างผมนะครับ (ยิ้มโปรย) แต่ยังไงฐานะมือที่สามของผมก็เปลี่ยนแปลงได้ตามอารมณ์ของคนเขียนที่ขึ้นๆลงๆ เพราะฉะนั้น ใครเมตตาผมคนนี้ก็ช่วยเชีย์ผมไห้เป็นพระเอกแทนหมอนั่นด้วยนะครับ ^^
นาราฯ : เฮ้ย! โกงนี่หว่า เขาก็กำหนดเรื่องไว้แล้วว่าข้าเป็นพระเอก ใครใช้ไห้แซง
ชิคัง : กฎมีไว้แหก เนื้อเรื่องมีไว้หัก ใครดีใครได้
จิคาคุ : แหมๆ พูดได้ดี งั้นข้าขอรวบทั้งสามคนได้มะ ^o^
นาราคุ /ชิคัง /เซ็ตโชมารุ/เซออน : ไม่ได้!!!!!!!!
ความคิดเห็น