ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [1]Binary[0]

    ลำดับตอนที่ #4 : Files 4: Oriented Object

    • อัปเดตล่าสุด 13 พ.ค. 47


                  ยามเช้าของกรุงเทพมหานคร  กระแสแห่งความวุ่นวายสับสนยังคงคุกรุ่นแม้พึ่งจะเริ่มวันใหม่  การจราจรอันติดขัด  มลภาวะทางอากาศ  ผู้คนเบียดเสียดกันขึ้นรถเมล์อย่างเร่งรีบเพื่อไปเริ่มชีวิตอันซ้ำซากน่าเบื่อกับการงานในวันใหม่อย่างไม่เต็มใจ  เด็กนักเรียนพร้อมใจกันออกไปนอกบ้านเพื่อเรียนพิเศษแม้จะเป็นวันหยุด  แข่งกันเรียน แย่งกันเรียน  วัดคุณค่าและตัดสินพฤติกรรมจากผลการเรียน  บางคนก็ตกเป็นเหยื่อ  บางคนก็อาศัยการเหยียบหัวคนอื่นเพื่อจะได้ยกตัวเองที่ไม่มีอะไรเลยแม้แต่น้อยให้สูงขึ้นแม้กระผีกหนึ่ง   ภาพเหล่านี้มันยังคงซ้ำซากจำเจ  ผลจากการดำเนินนโยบายในการพัฒนาสังคมและการศึกษาที่ผิดพลาด   หรือพูดให้ถูก  ทุกอย่างมันดำรงไว้เพื่อสร้างเฟืองตัวใหม่ให้มาขับเคลื่อนและอุดช่องว่างอันหมิ่นเหม่ของสังคมที่มันพร้อมพังทะลาย  ยืดเวลาการตายของสังคมเน่าๆ แห่งนี้ให้มันช้าลง   สิ่งเหล่านี้ชัยวัฒน์รู้ดี  เห็นกันจนชินชา  แม้ไม่อยากจะรับรู้  มันก็พร้อมจะประดังประเดมาให้เขาได้รับรู้อยู๋ทุกเมื่อเชื่อวัน  ในตอนนี้เขายืนอยู่ตรงระเบียงของห้องในอพาร์ทเมนต์ของตนเอง  สูบบุหรี่ มองฟ้าตอนเช้าอันหม่นหมอง  ฝนน่าจะตกอีกแล้ว  เขาคิด  มลพิษ  ฝุ่นควัน  สีหน้าของผู้คน  มันช่างดูหดหู่สิ้นดีแม้ว่าจะเป็นวันเสาร์ก็ตาม   สำหรับเขาเองก็นอนไม่หลับเกือบทั้งคืน  ได้แต่เอาน้ำเปล่าและบุหรี่เป็นเพื่อนตั้งแต่ตีสามจนถึงเจ็ดโมงเช้า แม้ว่าการนอนไม่เต็มอิ่มและสภาพที่เหมือนตายทั้งเป็นจะดูเป็นเรื่องปกติสำหรับเขาไปแล้วนั้น  แต่อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในคืนที่ผ่านมานี้   ไฟล์ที่ขโมยมามันรบกวนจิตใจของเขาเป็นอย่างมาก  เขาพยายามที่จะจัดการกับมันในอีกหลายๆ ครั้งตลอดที่เขานอนไม่หลับ  แต่มันก็ยังไม่เป็นผล  ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม  อันที่จริงเขาก็รู้อยู่กับใจดี  อันที่จริงเขาน่าจะนอนหลับสักตื่นหนึ่ง  สิบนาที ? สิบห้านาที    น่าจะพอปลุกความสดชื่นในตัวเขาได้บ้าง  เขาน่าจะหาอะไรทำเพื่อฆ่าเวลาในช่วงที่นอนไม่หลับ  จะมีก็แต่คอมพิวเตอร์  กับโลกไซเบอร์  แต่ในเวลาเกือบสี่ชั่วโมงนับแต่เขาตัดสินใจจะนอนแล้วก็ตื่นมาตั้งแต่ตอนนั้น  เขาไม่ได้ย่างกรายต่อเข้าไปในอินเตอร์เนทเลยแม้แต่น้อย  เขาดูดบุหรี่หนึ่งอึกก่อนที่จะมองทิวทัศน์รอบนอก  มีตึกบดบังเกือบหมด  หดหู่  ไร้ชีวิตเหลือเกิน  เขาอาจจะกลัวก็ได้  ระแวงเกินไปรึเปล่า  เขาคิดว่า  BadZecTar  คงไม่น่าที่จะรู้อะไรเกี่ยวกับเขามากนัก   ถ้ามันถูกจับ ก็ไม่น่าจะสาวมาถึงตัวเขาได้  เขาเองก็ไม่ใช่โง่  เปลี่ยน ip address แบบสุ่มทุกครั้ง ระบบ firewall  ก็สมบูรณ์แบบ ไม่  ไม่มีใครจะมาลากเขาออกจากที่นี่ได้  ไม่มีทาง และไม่มีวัน ชัยวัฒน์นึก  แต่กระนั้นเขาก็อดถามตัวเองไม่ได้  เขาอยากอยู่ที่นี่จริงๆ อย่างนั้นเหรอ  สถานที่อันหดหู่  คุกทางอารมณ์  พลันดูดบุหรี่อีกหนึ่งอึกก่อนจะสลัดความคิดทิ้งไป  เขาไม่มีทางเลือก  ไปที่ไหนก็เหมือนๆ กัน เฮงซวยพอกัน  ที่นี่เขายังมีอิสรภาพ  มีความยิ่งใหญ่ในกำมือ  มี........... เขาหยุดความคิดตัวเองในทันที  ดูดบุหรี่เข้าปอดอีกหนึ่งอึก  ตามด้วยน้ำเย็น  



    “เจ็ดโมงแล้ว  ลงไปหากาแฟดำซักแก้วละกัน” เขาบ่นพึมพำอย่างซังกะตาย พลางใส่รองเท้าแตะ  เดินออกไปทั้งชุดทำงานเมื่อวาน  สภาพไม่ต่างอะไรกับคนตายหรือศพเดินได้  เขาเดินออกจากห้อง ลงกลอนกุญแจ  เขายังรู้สึกระแวงอยู่ลึกๆ  ทางนี้คงเป็นทางเดียวที่พอจะช่วยป้องกันทางกายภาพได้บ้าง  ชัยวัฒน์เสยผม ดูดบุหรี่  เดินอาดๆ ตรงไปยังบันได  ในตอนนั้นเอง  ที่เสียงของคนคู่หนึ่งดังทำลายความเงียบหดหู่ของอพาร์ทเมนต์อย่างจัง



    “ คุณไม่รักชั้นแล้วใช่มั้ย  ใช่มั้ย !?  ทำไมล่ะ  ทำไม !?” เสียงหญิงสาวเอ่ย  ก่อนจะตายด้วยเสียงฝ่ามือและเสียงตะคอกของชายหนุ่ม



    “มึงมันร่านนี่หว่า  ให้ท่าไปทั่ว  กูจะเอามึงไว้ทำไม  อีกอย่างกูได้มึงแล้ว  เก็บข้าวของแล้วไสหัวไปไหนก็ไป” ชายหนุ่มตะคอกสำทับ  หญิงสาวสะอื้นไห้พูดเสียงสั่นเครือ



    “อย่างนั้นเหรอ  อย่างนี้สินะ  คุณแค่อยากได้ชั้นเพียงชั่วคราวสินะ  ชั้นหมดคุณค่ากับคุณแล้วอย่างนั้นสิ?” หญิงสาวสะอื้นไห้



    “ เออ มึงมันไร้ค่า  อีร่าน  รู้ตัวก็ดีแล้ว จะไปไหนก็ไป” ชายหนุ่มสำทับ  หญิงสาวร้องไห้ด้วยเสียงอันดัง  ก่อนที่จะตามด้วยเสียงฝ่ามืออีกหลายฉาด  ตามมาด้วยประตูห้องที่ไม่ห่างจากชัยวัฒน์มากนักเปิดออก  พร้อมกับชายหนุ่มหน้าตาดี  เปลือยท่อนบน  ผลักหญิงสาวออกมาจากห้อง  พร้อมกับเหวี่ยงข้าวของของเธอออกมาจากห้อง  



    “อย่าเสือกร้องดังนักสิวะ  เห้ย !!  เอาข้าวของออกไปแล้วไสหัวไปให้พ้นได้แล้ว ไป๊ !!” ชายหนุ่มตะคอกสำทับ ในขณะที่หญิงสาวร้องไห้ เก็บข้าวของใส่กระเป๋า แล้วเดินร้องไห้ลงบันไดไป  ชายหนุ่มเกาหัวอย่างหงุดหงิด ก่อนจะหันหน้ามาทางชัยวัฒน์ที่ยืนดูดบุหรี่ไม่ห่างกัน



    “อะไร  มองหาพ่อมึงเหรอ   ?  ไปตายห่าที่ไหนก็ไปสิวะ เห้ย “ ชายหนุ่มตะคอกสำทับ  ชัยวัฒน์มองหน้าเขาอย่างเนือยๆ ก่อนจะเดินไปที่บันไดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ตามมาด้วยเสียงประตูห้องปิดอย่างดัง  สวะ  ชัยวัฒน์คิด  งี่เง่าไร้สติ  เป็นผู้ชายแต่ทำตัวเป็นพวกหน้าตัวเมีย  หลอกฟันหญิง  แมงดาพวกนี้มันจะมีอะไร  ใช่  มันน่าเบื่ออย่างถึงที่สุด  เรื่องแบบนี้มันเกิดตั้งแต่สมัยไหนต่อไหน  แล้วมันก็วนเวียนซ้ำซาก  อย่างว่า  สังคมเรามันก็ประทังด้วยสองอย่าง หนึ่งกับศูนย์   ชัยวัฒน์นึกอย่างซังกะตาย  เดินลงบันไดอันน่าหดหู่  ตรงไปยังร้านเถ้าแก่โกวที่เปิดตั้งแต่หัววัน  มีกลุ่มคนทำงานสองสามคน  ยายเม้าท์ข้างห้องจับกลุ่มพวกช่างทำผมจอมวีนชั้นล่าง  คุยซุบซิบนินทาเรื่องไม่เป็นเรื่องเกี่ยวกับคู่หนุ่มสาวเมื่อสักครู่นี้



    “ นี่ เมื่อกี้นะ  เถียงกันใหญ่เลยนะ แบบว่า ตบกันดังมากเลยนะยะพวกหล่อน โหย  สุดๆ อ่ะ” ยายเม้าท์ออกปากเริ่มประเด็น



    “ จริงเหรอพี่  โห  งี้ล่ะน้า  ไอ้หนุ่มนั่นก็หน้าตาดีใช้ได้เหมือนกันนะ  เห็นหลายรายแล้วล่ะ  เด็กๆ ก็มีนะ  เนี่ย  ตั้งแต่ย้ายมาแล้วล่ะ  เสือผู้หญิงชัดๆ”  ช่างทำผมคนแรกกล่าวเสริม



    “นั่นสิ ตอนกลางคืนนะ เสียงเอากันดังมากอ่ะพี่  หนูนะ ได้ยินแล้ว หงี่ขึ้นเลยอ่ะ แบบ ท่าทางจะเก่งไม่ใช่เล่นนะ พี่คนนั้นน่ะ ”  ช่างทำผมเด็กหน้าตาภูธรกล่าวเสริม  หน้าแดงระเรื่อ  จนมือของช่างทำผมอีกคนฟาดลงไปที่แผ่นหลังเต็มๆ  ก่อนที่จะตามด้วยเสียงของยายเม้าท์



    “นี่ นังวอก  แกไม่เห็นสาวๆ แต่ละคนของเค้าเหรอ  สวยๆ ขาวๆ ทั้งนั้น อย่างแกเค้าไม่ชายตามองหรอกย่ะ “ ยายเม้าท์จีบปากด่า  ก่อนจะจับกลุ่มคุยกันต่อไปในเรื่องเมื่อคืน  เรื่องของคนอื่นๆ  ภาพแบบนี้มันชินชาสำหรับชัยวัฒน์นัก  น่าเบื่อ  งี่เง่า  คงเป็นเรื่องที่พวกนี้ถนัดที่สุดแล้วละมั้ง  ชัยวัฒน์เดินอาดๆ ไปนั่งที่เก้าอี้ม้าหิน  มีตารางหมากรุกอยู่บนโต๊ะ  ในจังหวะที่เถ้าแก่โกวเดินยกแก้วกาแฟสามสี่แก้วตรงไปที่กลุ่มยายเม้าท์  



    “นี่ พวกลื๊อน่ะ  จะไม่สั่งอย่างอื่นรึยังไงกัน  ฮื๊อออ  มาก็สั่งกาแฟ  กินก็ไม่กิน  เอาแต่นั่งคุย เสียของหมดเปล่าๆ นา พวกอีน่ะ “ เถ้าแก่โกวบ่นอย่างเสียไม่ได้  



    “ นี่ เถ้าแก่  พวกชั้นน่ะลูกค้านะ  บริการให้มันดีๆ หน่อย  ทำบ่นนั่นบ่นนี่ไปได้  ขายที่อื่นก็ไม่ได้  สุดท้ายก็มีแต่พวกเราแหล่ะที่ซื้อน่ะ บริการดีๆ หน่อยสิ เถ้าแก่ “ ยายเม้าท์เริ่มจีบปากประชด  เถ้าแก่โกวมองค้อนเล็กน้อย ก่อนจะพูดบ่นเหมือนเด็กๆ



    “ เฮอะ  อั๊วน่ะนะ  ไม่แคร์พวกลื้อแล่ว  บอกห้ายย   ตอนนี้น่ะ อั๊วสั่งซื้อคอมพิวเตอร์มาเลี่ยว  อีกไม่กี่วันก็จะได้ใช้อินตาเนทขายของได้ ไม่ง้อพวกลื๊อหรอก “ เถ้าแก่โกวบอกด้วยความภูมิใจ  แต่แล้วพวกขาเม้าท์กลับหัวเราะกันดังลั่น



    “ ฮ่ะๆๆๆ นี่ เถ้าแก่  เค้าเรียกว่าอินเตอร์เนทย่ะ  แล้วนี่ใช้เป็นแล้วเหรอ  ขนาดเรียกยังเรียกไม่ถูกเลย  ให้พวกชั้นสอนให้เอาป่ะ  เนอะๆ พวกเราเนอะ “ ยายเม้าท์นำทีมประชดเถ้าแก่อย่างสนุกปาก  ตามด้วยเสียงหัวเราะดังลั่น   น่ารำคาญชิบหาย  ชัยวัฒน์นึก  เสียงดังหนวกหู  แม้เขาจะชินชากับสภาพการนอนไม่หลับอยู่บ้าง  แต่เสียงพวกนี้มันก็ทำให้หัวเขาก้องไปหมดเหมือนกัน  บวกกับเช้าอันหดหู่แบบนี้  แน่นอน เสียงหัวเราะของพวกหล่อนไม่ทำให้เขาสนุกได้เลยแม้แต่น้อย  



    “ เฮอะ  อั๊วะไม่ง้อพวกลื้อหรอกนา  อั๊วน่ะ  ได้อาชัยวัฒน์มาช่วยเลี่ยว  เค้าสอนได้ดีก่าพวกลื้ออีก  ฮิๆๆ “ เถ้าแก่โกวกล่าวอย่างอารมณ์ดี   ชัยวัฒน์นั่งส่ายหน้าด้วยความระอาใจอยู่ด้านหลัง  แม่ง กูพูดซักคำรึยังวะว่าจะมาช่วยน่ะ  เหมาเอาเองนี่หว่าไอ้แป๊ะ  ห่าเอ๊ย  ชัยวัฒน์นึกเซ็งในใจ  ก่อนที่จะหยิบหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าขึ้นมาอ่าน พาดหัวข่าวด้านหน้าก็ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจกว่าวันไหนๆ  ฆ่ากันตาย  ปล้นจี้  ข่มขืน  น่าเบื่อเป็นที่สุด  ชัยวัฒน์เสยผมก่อนจะดูดบุหรี่อีกหนึ่งอึกเข้าปอด  สังคมเรามันแสวงหาและบริโภคข่าวสารตามรสนิยมนักข่าวจริงๆ  ถูกกรอกหูด้วยสิ่งที่เขียนขึ้นมาผ่านหนังสือพิมพ์   หรือเสนอออกมาทางโทรทัศน์  โลกจริงๆ มันเลวระยำยังไง  คุณก็มีทางเลือกได้สองทาง  หนึ่ง  รับรู้และบริโภคมันเข้าไป  หรือรับการปรุงแต่งในอีกแง่แล้วหลอกตัวเองไปวันๆ ว่าโลกนี้มันช่างสดใสสีชมพูซะเหลือเกิน  ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง  มันดำแบบสุดๆ  ชัยวัฒน์พับหนังสือพิมพ์วางไว้บนโต๊ะ  นั่งดูดบุหรี่เข้าปอด  พยายามจะรับไอชื้นในอากาศอันน้อยนิดให้กระทบใบหน้า  ในจังหวะเดียวกันที่เถ้าแก่โกวเดินมาพอดี



    “ นี่ๆ อาชัยวัฒน์  ลื๊อเอาอารายดีล่า “ เถ้าแก่โกวกล่าวอย่างอารมณ์ดี  



    “ กาแฟดำ   เถ้าแก่  “ ชัยวัฒน์กล่าวอย่างเนือยๆ  ดูดบุหรี่อีกหนึ่งอึกใหญ่เข้าปอด  พร้อมกับใช้มือเสยผม



    “ ล่ายเลยอาชัยวัฒน์  รอก่องนะ  อั๊วไปทำห้าย “ เถ้าแก่โกวกล่าวอย่างอารมณ์ดี  ก่อนจะหายเข้าไปในร้าน ทิ้งให้ชัยวัฒน์นั่งเหม่อลอยอยู่กับโต๊ะหินอ่อน  ท่ามกลางบรรยากาศอันสกปรกอึมทึม กำแพงแตกร้าว  สีพ่นผนัง  ขยะกองเกลื่อนกลาด  และกลุ่มยายเม้าท์ที่เริ่มเปลี่ยนเป้ามานินทาเขาแล้ว  ถึงจะบอกว่านินทา  แต่ด้วยเสียงอันแปดหลอดของพวกหล่อน  แม้เขาไม่อยากได้ยินก็ต้องได้ยิน  



    “ นี่พวกหล่อน ดูตาบื้อนั่นสิ  ทำหน้าซังกะตายได้ทุกวันเลย “ ยายเม้าท์เปิดฉากการสนทนา



    “ ใช่ๆ  หล่อก็ไม่หล่อ  ดูดบุหรี่จนเหม็นไปหมดแล้ว  แย่จริงๆ “ ช่างทำผมอีกคนกล่าวเสริม



    “ ทำไมที่นี่ต้องมีคนแบบนี้ด้วยนะ ไม่เจริญหูเจริญตาเอาซะเลย “ คนสุดท้ายกล่าวเสริม และตามด้วยอีกหลายต่อหลายอย่าง  ชัยวัฒน์ทำเอาหูทวนลมไม่สนใจ นั่งดูดบุหรี่ นึกเหยียดหยามพวกแปดหลอดเหล่านี้  เฮอะ  นังบ้า  พวกแกมันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากชั้นเท่าไหร่นักหรอก  นอกจากการซุบซิบนินทาแบบนี้แล้วพวกแกทำอะไรเป็น  สุดท้ายก็อยู่ไปอย่างไร้ค่า  ไร้จุดหมาย  ทำไมมันช่างเหมือนกันหมด  ทุกอย่างดำรงอยู่ด้วยความไร้จุดหมาย  ไร้หนทาง  ไม่เข้าใจถึงการมีอยู่ของตัวเองด้วยซ้ำไป  บอดใบ้แม้จะมีตามีหู  เขาเองก็ไม่มีข้อยกเว้น  แต่กลับเป็นที่น่าแปลกที่ว่า  สิ่งที่ไร้ค่าไร้ความหมายเหล่านี้กลับสามารถสร้างสิ่งประดิษฐ์บัดซบที่ชื่อว่าระบบสังคมได้   ช่างเป็นการเกี่ยวเนื่องกันอย่างน่าอัศจรรย์เป็นที่สุด   ระบบสังคมที่ซับซ้อน  ยิ่งใหญ่  ในอดีตที่ผ่านมา  กลับถูกรังสรรค์จากสิ่งมีชีวิตที่ไร้ประสิทธิภาพในการพิจารณาตนเองได้ถึงเพียงนี้   หรือจริงๆ แล้ว สังคมเอง  ที่ทำให้มนุษย์ที่มีความสมบูรณ์อยู่แล้ว  เกิดการเสื่อมประสิทธิภาพ  เขานั่งถอนหายใจอย่างซังกะตาย  ไม่ ไม่ใช่  มนุษย์เป็นสิ่งที่ไม่สมบูรณ์แต่แรกแล้ว   เพราะไม่สมบูรณ์ถึงได้สร้างสิ่งที่ปิดบังความไร้ประสิทธิภาพของตนเองขึ้นมา  ชัยวัฒน์ล่องลอยไปกับความคิดฟุ้งซ่านของตัวเอง  เถ้าแก่โกวเดินออกมาจากร้านพร้อมแก้วกาแฟดำของเขาและจานปาท่องโก๋อีกสามสี่ตัว



    “ ผมไม่ได้สั่งปาท่องโก๋นี่ ? “ ชัยวัฒน์กล่าวถามอย่างเนือยๆ  



    “ เออน่า  ยังหนุ่มยังแน่น  เช้าๆ ลื๊อก็หาอะไรใส่ท้องหน่อยซี่  อาชัยวัฒน์นา อ่ะ ปาท่องโก๋นี่อั๊วเลี้ยงเอง  เออนี่  พรุ่งนี้อาชัยวัฒน์ว่างป่าวอ่า “  เถ้าแก่โกวถาม  ฉีกยิ้มจนเกือบจะแหกกันไปข้าง  ชัยวัฒน์นึกเซ็งในใจ  จะหาเรื่องให้กูไปช่วยเหรอ  ยังไม่เข็ดอีก  เรียกยังเรียกไม่ถูก  แล้วยังจะสะเออะไปใช้คอมพิวเตอร์เนี่ยนะไอ้แป๊ะ  เขานึกเซ็งอย่างสุดๆ  แต่ถึงกระนั้นจะให้ไอ้พวกองค์การโทรศัพท์กับกระทรวงเทคโนโลยีมายุ่งยากกับคู่สายของเขาไม่ได้  ยังไงก็ไม่ได้  เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้ว  เขาก็ตอบกลับไปตามมารยาท



    “ พรุ่งนี้ผมพอว่าง  เดี๋ยวผมไปช่วยติดตั้งคอมพิวเตอร์ละกันนะครับ  เถ้าแก่ “ เขากล่าวอย่างเรียบๆ  มือหยิบเอาปาท่องโก๋ขึ้นมาหนึ่งตัว  กัดกินอย่างซังกะตาย  



    “ ขอบคุงอาชัยวัฒน์มั่กๆ น้า  เฮ้อออ อั๊วะจะได้มีอินตาเนทใช้ซะที  เอาล่ะ อยากได้อะไรอีกบอกอั๊วนะ “ เถ้าแก่โกวกล่าว  พร้อมกับเดินเข้าไปในร้าน   เฮอะ  จะทำ e-commerce เหรอ  บริษัทห้างร้านใหญ่ๆ เขายังต้องอบรมกันเป็นชาติเลย   แล้วร้านโชว์ห่วยจะทำ e-commerce  ขนาดชื่อยังเรียกไม่ถูก  มันจะไปทำได้ได้ยังไงกัน  เขานึกไปด้วยอาการเซ็งในอารมณ์  พลางหยิบแก้วกาแฟดำขึ้นซด  รสชาติบาดคอทะลุไปถึงแก่นสมอง  พอจะช่วยกระตุ้นให้หาย hang จากอาการนอนไม่หลับไปได้  เขาแปลกใจตัวเองไม่น้อยที่พฤติกรรมการใช้ชีวิตแบบนี้ไม่บั่นทอนพลังงานในร่างกายเขาในการคิดวิเคราะห์เท่าไหร่    อาจจะเพราะเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตเขามันไร้สาระจนแทบไม่ต้องใช้หัวในการคิดอะไรมากมายก็ได้  เขานั่งกินกาแฟดำสุดขมกับปาท่องโก๋ต่อไปจนหมด  นั่งไขว่ห้างรับอากาศที่ไม่บริสุทธิ์เท่าไหร่นัก  ร้อนชื้น  หน้าร้อน  ฝนเริ่มลงเม็ดอย่างช้าๆ  ค่อยๆ เพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ  จนเริ่มตกหนัก  ดีจริงๆ  ประจวบเหมาะกับอารมณ์อันหดหู่ในตอนนี้พอดีเลย  ชัยวัฒน์นึกในใจด้วยความหดหู่  ก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องออกไปไหน  อยู่มันในห้องนี่ล่ะ  จะได้เคลียร์ปัญหาตัวเองให้เสร็จๆ ไปซะ  อาจจะลอง emulate ไฟล์ตัวที่ขาดไปอีกซักครั้งหนึ่งอาจจะใช้ได้  เมื่อนึกได้ตามนั้นแล้วก็หยิบเอาธณบัตรฉบับละ  20 บาทออกมาวางไว้ที่โต๊ะ



    “ เถ้าแก่  ค่ากาแฟนะ “  ชัยวัฒน์กล่าวอย่างเนือยนาย  ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะพวกยายเม้าท์  แล้วเอาบุหรี่ลงขยี้ที่โต๊ะหินอ่อนกลางวงของพวกหล่อนทั้งหลาย



    “ ฝากทิ้งด้วย ขอบคุณครับ “ เขากล่าวอย่างเนือยนาย  ก่อนจะเดินตรงไปที่บันไดทางขึ้น  ตามมาด้วยเสียงด่าของยายเม้าท์ด่าไล่หลังมา  เขาหาได้ใส่ใจกับมันไม่  ซ้ำชูนิ้วกลางใส่โดยไม่หันหลังกลับก่อนจะเดินขึ้นบันไดไป  ทำไมเขาต้องทำแบบนี้ด้วย  การหาเรื่องโดยโจ่งแจ้งแบบนี้  ทำไมเขาต้องใส่ใจกับพวกยายเม้าท์ไม่ได้เรื่องพวกนี้ด้วย  มันเป็นเพราะเรากำลังเครียดอย่างนั้นเหรอ  หรือว่าจริงๆ แล้วเขาเห็นว่า  ตัวเขาเองมีสิทธิ์และอำนาจที่จะทำแบบนี้ได้  เพราะเขามีความเหนือชั้นกว่า  ดีกว่า  ฉลาดกว่า อย่างนั้นเหรอ ?  ชัยวัฒน์ส่ายหน้าก่อนจะคีบบุหรี่ตัวใหม่ขึ้นมาจุดสูบอย่างหัวเสีย  กระบวนการการเอาเปรียบอันแสนน่าเบื่อ   ซ่อนตัวอยู่ในมนุษย์ทุกคน  แต่สำหรับเขาเอง   ในตอนนี้ควรจะเงียบๆ ไว้บ้างน่าจะดี   ขณะที่กำลังล่องลอยไปกับความคิดอยู่นั้น   เขาพลันสะดุดกับสาวน้อยวัยหวานคนหนึ่ง  อายุอานามคาดคะเนจากหน้าตาน่าจะประมาณ 16-17 ปี ผมสั้นมัดรวบ หน้าตาขาวสะสวย  หน้าอกเต่ง  สะโพกกลมกลึง  ใส่ชุดกางเกงยีนขายาวเสื้อยืด  ยืดเก้ๆ กังๆ อยู่ด้านหน้าเค้า  เหมือนกำลังหาอะไรอยู่   ชัยวัฒน์พยายามเดินผ่านไปอย่างไม่สนใจอะไร  แต่แล้วก็ต้องหยุดเพราะเสียงร้องทักของเด็กสาว



    “ เอ่อ  พี่คะ ?  ห้อง   609  นี่  ห้องไหนเหรอคะ ?”  เด็กสาวถาม   มึงไม่รู้มาถามกูแล้วจะรู้มั้ย  ชัยวัฒน์นึก  หมายเลขหน้าประตูมีทำไมไม่อ่าน    ในตอนนั้นเองที่ไอ้หนุ่มหน้าหล่อคนเมื่อสักครู่นี้ออกมาจากห้อง  เสื้อไม่ติดกระดุม  กางเกงตัวเก่าจากที่ชัยวัฒน์เห็นเมื่อสักครู่นี้  



    “ แหม  น้องแอน มาแล้วเหรอจ๊ะ  เนี่ย พี่รออยู่ตั้งนานแน่ะ  วันนี้น้องแอนน่ารักมากๆ นะ รู้มั้ย “  ชายหนุ่มป้อสาวทันทีที่เห็น  เด็กสาวเขินหน้าแดง



    “ แหม  พี่โอ๊คก็  แอนเองก็ต้องขอโทษพี่โอ๊คด้วยนะคะที่มาหาซะเช้าแบบนี้  คิดถึงนี่นา “  เด็กสาวพูดเสียงหวาน  หน้าแดง  



    “ แหม  ถ้าเป็นน้องแอนล่ะก็  เช้าขนาดไหนพี่ก็ยอมจ้ะ “ ชายหนุ่มป้อหญิงสาวต่อทันที  จะอ้วก ไอ้แมงดา  ชัยวัฒน์นึก  เมื่อกี้ยังซ้อมผู้หญิงเกือบตาย  ทีงี้ล่ะทำหวาน  แสดงว่าที่ไล่ไปเมื่อกี้นี้รอเด็กล่ะสิ  ชัยวัฒน์นึกพลางพ่นควันบุหรี่ออกมา   ชายหนุ่มหันกลับมาในทันที



    “ เห้ย  มึง!  ยืนทำหอกอะไรแถวนี้ล่ะ  จะไปไหนก็ไปเด้ะ “ ชายหนุ่มขู่สำทับ  



    “ พี่โอ๊คคะ  พี่คนนี้เค้าช่วยหนูหาห้องพี่น่ะค่ะ  แอนไม่เคยมานี่นา  อื้อ เดี๋ยวแอนไปเรียนพิเศษก่อนนะคะ ไว้จะแวะมาใหม่ค่ะ “ เด็กสาวอ้อนและยิ้มให้อย่างไร้เดียงสา  ก่อนจะเดินลงบันไดไปหากลุ่มเพื่อนๆ ที่รอกันอยู่ข้างล่าง หัวเราะคิกคักเดินออกจากซอยไป  ชัยวัฒน์ลอบชำเลืองรูปร่างของเด็กสาว  หน้าอกเต่งตึง สะโพกกลมผายที่ซ่อนในกางเกงยีนเกือบไม่มิด  ทำเอาใจเต้นอยู่บ้างเหมือนกัน  ชายหนุ่มโบกมือลาส่งคำหวานลงไป  ก่อนจะหันกลับมามองชัยวัฒน์ด้วยสายตามาดร้าย



    “ กูไม่รู้ว่ามึงจะมายุ่งอะไรเรื่องชาวบ้านนักหนา  แต่มึงไสหัวไปไกลๆ ดีกว่า แล้วก็อย่าเสือกปูดเรื่องเมื่อเช้าออกมาล่ะ  ไม่งั้นกูเล่นมึงไม่เลี้ยงแน่ๆ “ ชายหนุ่มขู่   แต่ชัยวัฒน์ยังคงยืนดูดบุหรี่ด้วยท่าทางเนือยๆ  ก่อนจะตอบอย่างไม่ยินดียินร้าย  



    “ เรื่องของนาย...........ชั้นจำเป็นต้องใส่ใจด้วยเหรอ   นายไม่ต้องห่วง.........นายจะป้อหรือปี้ ชั้นก็ไม่เห็นว่ามันจะเกี่ยวอะไรกับชั้นตรงไหน ?“ ชัยวัฒน์กล่าวอย่างเนือยๆ ก่อนจะหันหลัง เดินเข้าห้องของตัวเองที่อยู่ด้านข้างอย่างไม่สนใจอะไรในโลกนี้   ชัยวัฒน์อยู่ด้านหลังประตูห้อง สูบบุหรี่อย่างเหนือ่ยหน่ายใจ  ตามมาด้วยเสียงของชายหนุ่มตะโกนมาจากนอกห้อง พร้อมเสียงถีบประตูปึงๆ  เสียงสบถด่า ไอ้ห่า ไอ้สัตว์ ไอ้เหี้ยมั่ง ไปตามเรื่อง แต่ชัยวัฒน์ก็ยังคงสูบบุหรี่ต่อไป  จนกระทั่งมีเสียงหนึ่งดังมาจากทางบันไดทางขึ้น  



    “ นี่  ให้มันน้อยๆ หน่อยนะเธอ  มาถีบปึงๆ อะไรกัน อพาร์ทเมนต์นี่ไม่ใช่ของเธอนะ !!!” เสียงหญิงวัยกลางคนแหวขึ้นมาทันที    ชายหนุ่มหยุดถีบก่อนจะหันกลังกลับไปด่า



    “ เจ๊  !  อย่าเสือกดีกว่า  เงินผมก็จ่ายให้เจ๊ทุกเดือนไม่ขาด  แล้วเจ๊จะเห่าหาวิมานอะไรกันล่ะวะ  ห๊า!!” ชายหนุ่มตะคอก  ในตอนนี้ห้องต่างๆ เริ่มเปิดประตูออกมาดูปาหี่สดกันแล้ว  



    “ เออ  เธอจ่ายของเธอไม่ขาด  แต่ที่เธอถีบน่ะมันประตูห้องคนอื่น ไม่ใช่ห้องเธอ  ให้มันน้อยๆ หน่อย  คนอื่นเค้าก็ร้องเรียนเรื่องเธอมาเยอะนะ  ตอนกลางคืนเอาผู้หญิงจนห้องอื่นเค้าหนวกหูไม่ได้หลับได้นอนกันไปหมด  หลายครั้งแล้วด้วย  อย่าให้ชั้นต้องพูดมาก  ถ้าเธอไม่หยุด  ชั้นเฉดหัวเธอออกจากที่นี่แน่ !! “ เจ๊ประกาศคำขาด  ชายหนุ่มเกาหัวอย่างหัวเสีย  ก่อนจะสบถแม่งออกมาคำหนึ่ง  เดินเข้าห้องตัวเอง ปิดประตูใส่เจ๊ดังปึง  ชัยวัฒน์ฟังประโยคสนทนานี้อย่างครบถ้วนด้วยอาการเบื่อหน่าย  ให้ตายเถอะ  นี่วันเสาร์นะว้อย  ฝนก็ตกแต่เสือกด่ากันดังกว่าเสียงฝนตกซะอีก   อาการปวดหัวของชัยวัฒน์เริ่มกลับมาอีก   ให้ตายเถอะ  วันนี้มันเป็นเหี้ยอะไรนักหนาวะ  เขานึก  ในตอนนั้นที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น  คราวนี้คงไม่ใช่ไอ้หมาบ้าตัวเมื่อกี้แน่ๆ  เขามองลอดผ่านรูประตูให้แน่ใจ  เป็นอาเจ๊นั่นล่ะ  เขาเปิดประตูออกไป  



    “ ขอบคุณเจ๊มากนะครับ “  เขากล่าวอย่างเนือยๆ  ปากยังคาบบุหรี่  ท่าทางก็ไม่ได้สำนึกหรือขอบคุณอะไรเท่าไหร่  เหมือนพูดไปตามบทมากกว่า  



    “ ไม่ต้องมาขอบใจชั้นหรอก  ชั้นอยากจะเตือนเธอไว้ด้วยเหมือนกัน  ถึงคนถีบประตูจะเป็นนายคนนั้น  แต่มันก็มีเรื่องกับเธอ  เธอต้องร่วมรับผิดชอบด้วย “ เจ๊กล่าวอย่างดุดัน



    “ เจ๊  ผมอยากมีเรื่องอะไรที่ไหนกันเล่า  มันมาหาเรื่องผมเองนี่หว่า  เจ๊ก็เตือนมันไปแล้ว  ให้มันแล้วๆ กันไปก็แล้วกัน” ชัยวัฒน์กล่าวอย่างติดรำคาญ เพราะอาการปวดหัวมันชักจะตุ้บๆ ขึ้นมาทุกขณะ  แต่เจ๊ยังตั้งป้อมใส่ต่อ



    “ แต่มันประตูห้องของเธอ !  แล้วมันก็เป็นสมบัติของชั้นด้วย  ถ้าไม่มีเธอ  มันก็ไม่ต้องมาถีบประตูกันโครมๆ แบบนี้หรอก  ชั้นจะเตือนเธอด้วยคน  หันทำตัวให้มันดีๆ  ไม่งั้นเธอเองก็โดนเฉดหัวออกไปจากที่นี่เหมือนกัน !! “ เจ๊ตะแบงข้างๆ คูๆ ก่อนจะสรุปด้วยเหตุผลเดิม  ทำเอาชัยวัฒน์เซ็งในอารมณ์จนถึงที่สุดไม่อาจปิดกั้นทางสีหน้าได้  เขาหรี่ตาลง  พูดอย่างช้าๆ ชัด ๆ



    “ ผมเคยเอาผู้หญิงจนเสียงดังรึเปล่า ?  ไม่  ผมเคยไปถีบประตูห้องคนอื่นรึเปล่า  ? ก็ไม่  ผมเคยจ่ายขาดไปซักเดือนมั้ย  ? นั่นก็ไม่ สรุปจากเหตุผลทั้งหมด เจ๊ไม่มีสิทธิมาไล่ผมออกไปจากที่นี่  ผมจ่ายเช่าถูกต้องตามกฏหมาย  ได้โปรดอย่ามาตะแบงแบบนี้และแถวนี้  สวัสดี” ชัยวัฒน์กล่าวด้วยความเย็นชาจนเจ๊เงียบ  ก่อนจะปิดประตูอย่างเรียบๆ  บรรดาผู้คนที่เปิดประตูออกมาดูต่างแอบกระหยิ่มยิ้มย่องที่ยัยเจ๊หน้าเลือดโดนตอกหน้าเต็มๆ  เจ๊รู้สึกเสียหน้าอย่างมาก  หันซ้ายขวามองไปทางคนที่เปิดประตูห้องมารับฟังปาหี่มหัศจรรย์นี้  ตะโกนด่าอย่างหัวเสีย



    “ แล้วพวกเธอจะออกมาฟังหาสวรรค์วิมานอะไรกันล่ะ  กลับเข้าห้องไป๊ !!!” เจ๊ด่าเสียงดัง  ก่อนจะเดินอย่างหัวเสียลงไปข้างล่าง  ส่วนชัยวัฒน์รู้สึกปวดหัวตุ้บๆ อย่างบอกไม่ถูก  เดินไปที่ห้องน้ำ  คว้าเอาพารามาประมาณห้าหกเม็ด  กรอกเข้าปากก่อนจะตามด้วยน้ำดื่มที่ทิ้งไว้ในห้องน้ำ  มันเกิดห่าอะไรนักหนาในวันนี้วะ  แต่ถึงกระนั้นชัยวัฒน์เองก็อดคิดนิดๆ ไม่ได้ว่า  เรื่องราวแบบนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับชีวิตในที่บัดซบๆ  แบบนี้  เรื่องแย่ๆ  คนแย่ๆ  ชีวิตแย่ๆ  เขาเคยคิดอยากหนีไปให้ไกล  แต่ไปไหนล่ะ ?  ที่ไหนก็เหมือนกัน  อาจจะเจอแบบเจ๊  แบบยายเม้าท์  หรือไอ้หมาบ้านั่นอีก  เหมือนกันหมด  ทุกที่มีแต่ความน่าเบื่อ  มีแต่ความหดหู่  ที่ของเขามีเพียงที่เดียวเท่านั้น   ชัยวัฒน์นึกพลางมองไปที่เครื่องคอมพิวเตอร์  พลางมองไปที่นาฬิกาแขวนผนัง  ตอนนี้แปดโมงกว่าเกือบจะเก้าโมงแล้ว  เขาคิดว่าน่าจะล้มตัวนอนลงซักงีบน่าจะดี  ในขณะที่กำลังจะหาทางจัดการกับที่นอนอันสกปรกซะยิ่งกว่ากองขยะให้เรียบร้อยนั้น  เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น  ชัยวัฒน์หยิบมันขึ้นมาดู  เป็น sms  ที่ส่งเข้ามา



            

    “ รีบเข้ามาที่ห้อง  irc    ต้องการคุยด้วยตอนนี้เลย  

                                คนกลาง “




    “ คุยห่าอะไรซะแก่ไก่โห่ป่านนี้วะ  ไอ้นี่” ชัยวัฒน์สบถอย่างหัวเสีย สรุปแผนการนอนของเขาและการจัดการไฟล์ที่ได้มาเป็นอันต้องพักไว้ก่อน   เอาเหอะ  คงไม่น่ามีอะไรมาก  เขารีบ จัดแจงเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อให้พร้อมสำหรับการเชื่อมต่อเข้าไปในห้องสนทนาทันที  แต่กระนั้นก็ตาม  ลึกๆ ในใจของเขาก็ยังรู้สึกเป็นกังวลถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น  รู้สึกหวาดๆ อยู่บ้างในการที่จะเชื่อมต่อเข้าไปในที่ๆ เขาเองก็คุ้ยเคยกับมัน  มันเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดจริงๆ  แต่ยังไงซะ  เขาเองก็ต้องการจะสืบค้นเกี่ยวกับผู้ว่าจ้างลึกลับจากคนกลางอยู่แล้ว  ในตอนนี้หน้าจอเครื่องคอมพิวเตอร์ของชัยวัฒน์ค่อยๆ มีตัวอักษรขึ้นมา  เขาเคาะแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็วใส่คำสั่งลงไป  จนกระทั่งบนหน้าจอเป็นเส้นสีขาวตัดดำของห้องสนทนา  ในจังหวะเดียวกันที่เขาถูกลากเข้าไปในห้องแยกทันที



    คนกลาง  ::  เออ  รอตั้งนาน  [1]Binary[0]  รอตั้งนานแล้ว  



    [1]Binary[0]  ::  มันอะไรกันนักหนาวะ  ตั้งกะไก่โห่ป่านนี้  



    คนกลาง  ::  จะไม่ให้รีบได้ไงกัน  เมื่อคืนนายทำอะไรลงไปน่ะ  ข่าววงในน่ะ  แจ้งออกมาว่า  BadZecTar  โดนจับแล้วนะโว้ย
      



    ถึงตอนนี้ชัยวัฒน์หน้าซีดเหงื่อตก  แม้จะเป็นดังที่เขาคาด  แต่ก็นึกไม่ถึงว่าเขาจะรู้สึกตื่นกลัวถึงเพียงนี้  เขาเริ่มพรมนิ้วลงบนแป้นพิมพ์อย่างช้าๆ พยายามคุมสติตัวเองไว้  เสียงแป้นพิมพ์ดังแทรกตามเสียงสายฝนที่กำลังตกกระหน่ำ  



    [1]Binary[0]  ::  แล้วยังไงล่ะ   ถ้ามันพลาดจะโดนจับแล้วมันแปลกตรงไหนวะ  งานแบบนี้ชีวิตและสวัสดิภาพของใครก็รักษากันเองสิ  



    ชัยวัฒน์พิมพ์ออกไปอย่างไม่เร่งร้อน  พยายามควบคุมสติ   เขาจะต้องค่อยๆ รวบรวมสติ  เอาน่ะ  BadZecTar  ยังสาวตัวมาถึงเขาไม่ได้  ไม่มีทาง  และไม่มีวัน  แต่แล้วตัวอักษรที่หน้าจอค่อยๆ ขึ้นมา  เป็นข้อความที่ทำเอาชัยวัฒน์ใจหาย



    คนกลาง  ::  แกบอกความจริงชั้นดีกว่า   มันเกี่ยวกับงานของแกใช่มั้ย  [1]Binary[0]  ชั้นจะไม่เป็นกังวลแน่หากว่ามันไม่โดนจับโดย 5 isp ใหญ่น่ะ  ชั้นจำได้  มันเป็นหนึ่งในงานที่ชั้นมอบให้แกไปไม่ใช่เหรอ  ตอนนี้ข่าวจากวงในบอกออกมาว่า  BadZecTar  กำลังโดนสอบสวนอยู่  การแถลงข่าวจะเริ่มขึ้นเพื่อบีบพวกเราให้ตายคามือหลังการสอบสวนสิ้นสุด  ให้ตายเถอะ  แกลากมันมาร่วมเอี่ยวด้วยเหรอ  [1]Binary[0]  



    ชัยวัฒน์ถึงกับหน้าซีด  มันเป็นความจริง  และเป็นเขาเองที่ส่ง  BadZecTar  ถึงมือของพวกมัน   เป็นความผิดพลาดของเขา  ความผิดพลาดอันใหญ่หลวง  เอาล่ะ  ดูเหมือนคนกลางจะยังไม่รู้เรื่องนี้  เขาต้องพยายามปัดความจริงออกไป  เขาต้องการเวลาที่จะใช้ในการตรวจสอบไฟล์ที่ได้มาเมื่อคืน  เขาต้องรู้ให้ได้ว่าผู้ว่าจ้างเป็นใคร  ตอนนี้สมองชัยวัฒน์นึก  แต่มือกลับพรมลงแป้นพิมพ์นำไปก่อนแล้ว



    [1]Binary[0]  ::  ทำไมแกแน่ใจว่าเป็นชั้น  ?  แกให้งานชั้นมาตั้งสามงาน  ชั้นอาจจะเลือกอันไหนก็ได้  ด่วนสรุปแบบนี้ไม่เร็วไปหน่อยเหรอ  BadZecTar  อาจจะอุตริเข้าไปลองดีใน  server  ของพวกนั้นก็ได้  แกอย่าพึ่งกังวลไปก่อนสิวะ  



    คนกลาง  ::  ทำไมชั้นมั่นใจอยู่งั้นเหรอ  ?  เพราะนอกจาก  BadZecTar  จะโดนจับแล้ว  ไฟล์สำคัญใน server  ของพวกนั้นก็โดนตบออกไปด้วย  ทั้งหมด !  แกเข้าใจมั้ยว่าทั้งหมดน่ะ !  ไฟล์สำคัญ ทั้งหมด ชั้นได้ยินมาแค่นี้




    ถึงตรงนี้  ชัยวัฒน์เริ่มรู้สึกแปลก  คนกลางรู้ได้ยังไงกัน ?  ไม่สิ  ไม่รู้แน่ชัด  เครือข่ายของคนกลางตามที่คาดเดาไว้คงต้องกว้างขวาง  แต่ไม่รู้รายละเอียดทั้งหมดแน่  หรือนี่จะเป็นกลลวงในการล้วงความจริงของคนกลาง  ข้อมูลน่าจะถูกต้อง  แต่เหมือนจะเป็นกลลวง  คนกลางคงต้องใช้วิธีนี้กับคนอื่นๆ ในสายด้วยแน่ๆ  เขาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น  หนึ่งเดียวด้วยสิ  หรือไม่ใช่ ? จะแน่ใจได้ยังไงว่าคนกลางจะไม่ได้มอบภารกิจเผื่อคนอีกนอกจากเขาไปด้วย  แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ  อีกไฟล์หนึ่ง  หายไปไหน  ถ้าที่คนกลางพูดเป็นความจริง  นั่นหมายถึงไฟล์เป้าหมายของเขาเมื่อคืน  หายไปหมด  สี่ไฟล์อยู่ที่เขา  แล้วอีกไฟล์ล่ะ ?  ตอนนี้หัวสมองของชัยวัฒน์เริ่มทำงานอีกครั้ง เขาค่อยๆบรรจงพิมพ์ลงบนแป้นพิมพ์อย่างช้าๆ ชัดๆ ทีละตัว



    [1]Binary[0]  ::  เอาล่ะ  ชั้นถามนายมั่งดีกว่า  เมื่อคืนน่ะ  นอกจากชั้นแล้ว  มีใครของานจากนายอีกรึเปล่า  คนอื่น  นอกเหนือจากชั้นน่ะ



    คนกลาง  ::  จะไปมีได้ยังไงกันล่ะ  ปกติงานไหนที่ชั้นมอบหมายให้ใครน่ะ  ชั้นไม่ให้ซ้ำหรอกนะ  ส่วนที่เหลือที่เจ้าของงานจะว่าจ้างใครมาช่วยเพิ่มยังไงก็เป็นสิทธิของเค้า  แต่ชั้นให้งานซ้ำกันไม่ได้หรอก  มันจะเกิดปัญหาน่ะสิ




    น่าแปลกมาก  ชัยวัฒน์นึก  ระบบป้องกันภัยอย่างนั้นเหรอ  เป็นไปได้ยังไงกัน  หรือว่าข่าวของคนกลางจะผิดพลาด  อาจจะเป็นไปได้  แต่อย่างไรที่แน่ๆ  BadZecTar  ถูกจับตัวไป  อันนี้น่าเชื่อถือที่สุด แน่นอน เพราะเค้าเป็นคนส่งมันลงนรกกับมือ  ชัยวัฒน์ค่อยๆ  บรรจงพรมนิ้วลงแป้นพิมพ์อีกครั้งหนึ่ง  



    [1]Binary[0]  ::  เอาล่ะ  ใจเย็นไว้ก่อน  ถึงยังไงการที่พวกมันจะสาวมาถึงเรานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย  ขอเพียงนายทำใจเย็นไว้  ทุกอย่างจะไม่มีปัญหา  BadZecTar  อาจจะอยากลองดีขึ้นมาก็ได้  หรือไม่ก็รับงานมาจากคนอื่นก็ได้  คิดแบบนี้สิ



    เอาล่ะ  ใจดีสู้เสือไว้ก่อน  ตอนนี้บอกปัดไปให้หมด  ไม่รู้เรื่อง ไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น ไม่ยุ่งเกี่ยว ชัยวัฒน์นึก แล้วค่อยหาทางตะล่อมเอาความจริงเกี่ยวกับผู้ว่าจ้างทีหลัง  ตอนนี้ชัยวัฒน์หยุดมือ  รอตัวอักษรบนหน้าจอให้ปรากฏขึ้น  มันจะต้องผ่านพ้นไปได้  ใช่ เขานึกเช่นนั้น  จนกระทั่งตัวอักษรปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา



    คนกลาง  ::  อืม.......อาจจะจริงอย่างที่นายพูด  ตอนนี้เราคงทำอะไรไม่ได้มากนัก  คงต้องกบดานกันก่อน  ข่าววงในบอกว่าการแถลงข่าวจะเริ่มต้นในอีกไม่กี่วัน  รอดูข่าวหนังสือพิมพ์กับโทรทัศน์ไว้ละกัน



    [1]Binary[0]  ::  แกจะบ้าเหรอ  ข่าวโทรทัศน์เนี่ยนะ  มีอินเตอร์เนทไว้ทำไมวะ  



    คนกลาง  ::  นั่นสินะ...... เอาล่ะ  ชั้นมาเพื่อแจ้งข่าวแค่นี้  ตอนนี้เราทุกคนก็โดนหมายหัวกันเกือบหมด  กบดานซักพักละกัน  คิดว่างานคงจะทำยากกว่าเดิมเยอะเลยล่ะ  แล้วชั้นจะติดต่อมาเมื่อมีอะไรคืบหน้า  นายเองก็ติดตามข่าวดีๆ ล่ะ




    เอาล่ะ  ตอนนี้ทุกอย่างควบคุมอยู่แล้ว  ชัยวัฒน์นึก  แต่คิดว่าในตอนนี้คงถามความจริงเกี่ยวกับผู้ว่าจ้างไม่ได้   ตอนนี้หน้าจอของชัยวัฒน์กระเด้งออกมาที่  console  ปกติ  เขาออกมาจากห้องสนทนาแล้ว  ตอนนี้เรื่องราวมันลึกลับซับซ้อนมากกว่าที่เขาคิดเอาไว้   ย้อนกลับไปเมื่อ  7 ชั่วโมงกว่าๆ  ในจังหวะที่เขาดึงเอาไฟล์ออกมา  และส่ง  BadZecTar  เข้าเงื้อมมือพวกมัน  จังหวะที่ระบบ security  ถูกกระตุ้นให้ทำงาน  มันไม่น่าเป็นไปได้  อาจจะมีใครที่ใช้วิธีการเบี่ยงเบนความสนใจ  แล้วพยายามลักลอบเข้าไปแล้วหยิบเศษเหลือออกมาได้ไฟล์หนึ่ง  แยบคายมาก  ตอนนี้กุญแจสำคัญอยู่ที่ไฟล์สุดท้าย  ไฟล์ที่หายไป  คนที่รู้เรื่องนี้ต้องเป็นผู้ว่าจ้างแน่ๆ  แต่จะสาวไปถึงตัวมันได้ยังไงกัน  ชัยวัฒน์นั่งนึก  ตอนนี้บุหรี่ที่ปากหมดไปเกือบครึ่งมวนแล้ว   เขาจ้องมองจุดพิกเซลบนหน้าจออย่างเลื่อนลอย  อยู่หรือตาย............ศูนย์กับหนึ่ง  ตอนนี้  BadZecTar  เป็นศูนย์ไปแล้วในโลกแห่งดิจิตอล  ไม่อาจะดำรงอยู่ได้อีกต่อไป  จบเกมสำหรับมัน  แต่ปัญหาไม่ได้อยู่ที่นั่น  สำหรับเค้า  ปัญหาอยู่ที่  เค้าจะหาคนที่อาศัยความวุ่นวายนี้จนทำให้เขาต้องเสียเวลาเจอรึเปล่า  นี่คือจุดสำคัญ  เขาไม่เชื่อว่าอะไรที่จะเกิดแบบไร้ที่มาแบบนี้  ทุกอย่างไม่ว่าจะในโลกดิจิตอลหรือโลกแห่งความเป็นจริงอันเน่าเฟะ  มันล้วนแต่เกี่ยวข้องกัน  ทั้งทางตรงทางอ้อม   แม้จะโดยสมยอมหรือไม่เต็มใจก็ตาม   สายฝนยังคงตกหนัก  ตอนนี้อาจจะได้เวลาที่เขาจะต้องเริ่มทำการพิจารณาไฟล์ทั้ง 4 ที่ได้มาอีกครั้งหนึ่ง  เขาพรมนิ้วลงบนแป้นพิมพ์เรียกโปรแกรมผู้พัฒนาออกมา  หักข้อนิ้วเล็กน้อย   เขาเอาบุหรี่ออกจากปาก  ขยี้ลงกับโต๊ะแล้วเหวี่ยงไปที่มุมห้อง  ตอนนี้เขาพร้อมแล้ว  ในจังหวะนั้นเอง  เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขัดจังหวะในขณะที่เขากำลังจะเริ่ม



    “เสียงโทรศัพท์........ไอ้นนท์หัวหน้าเฮงซวยตามเคย  คราวนี้อะไรอีกล่ะ “  ชัยวัฒน์บ่นอุบ  ก่อนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู   เบอร์ไม่คุ้นเลย ?  ใครกัน........... โทรผิดมั้ง  เขากดปิดสายในทันที  แต่โทรศัพท์ยังคงดังหลังจากที่เขากดปิด  น่ารำคาญจริงเว้ย  เขานึก ก่อนจะกดรับสาย



    “ ผมไม่รู้ว่าคุณเป็นใครหรอกนะ  แต่คุณโทรผิดแล้วล่ะ  เครื่องผมไม่รู้จักคุณ  วางสายแล้วไปตายซะ “ ชัยวัฒน์พูดน้ำเสียงเนือยๆ  แสดงอาการเบื่อเต็มทน  แต่เสียงตอบกลับมา  กลับเป็นเสียงหัวเราะของหญิงสาว  



    “ ฮ่ะๆๆ  คุณนี่เป็นคนตลกดีนะ  ชั้นยังไม่ได้พูดอะไรเลย “  เธอกล่าว  



    “ เออ พึ่งรู้เหรอว่าผมตลกน่ะ  โอเค  คราวนี้ไปตายที่ไหนก็ไปได้แล้ว “  เขายังคงยืนกรานคำพูดเดิม คราวนี้เสียงหัวเราะดังขึ้นเบาๆ  



    “ คุณไม่คิดจะถามเหรอว่าชั้นเป็นใครน่ะ ?”  เธอกล่าวถาม  ชัยวัฒน์รู้สึกรำคาญนังคนนี้เต็มทนแล้ว  



    “ เออ  ไม่คิดถาม  บอกตรงๆ ผมไม่รู้ว่าคุณเป็นใครและไม่คิดจะสนด้วย “ ชัยวัฒน์กล่าว  เสียงปลายสายเงียบไปพักหนึ่ง  ก่อนจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง



    “ อืม  ชั้นว่าคุณควรสน เพราะชั้นรู้จักคุณดี [1]Binary[0]  เรียกชั้นว่า @เด็กของคุณครู@ ก็แล้วกัน.......\"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×