คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : SPECIAL 1 :: SKY & SEA ::
[#MINHOON #WINNER] DAY & NIGHT
SPECIAL 1
:: SKY & SEA ::
-SEA-
ใครจะไปคาดคิดล่ะครับว่าการให้ปากคำในฐานะพยานในที่เกิดเหตุนั้นจะเหน็ดเหนื่อยจนแทบอยากตรงกลับบ้านแล้วทิ้งตัวลงกับเตียงนุ่มๆ
ค่อยๆ หลับตาลงเดินทางเข้าสู่ห้วงความฝันสักสามวันสามคืนก็คงจะดีไม่น้อย
ตั้งแต่เกิดเรื่องในคืนนั้น ผมก็อยู่เฝ้ามินโฮสลับกับซึงฮุน แม้ซึงฮุนจะยืนกรานว่าจะขอเฝ้าไข้มินโฮเองจนกว่าเจ้าตัวจะฟื้น
แต่เพราะร่างกายของซึงฮุนก็เหนื่อยล้าและต้องการพักผ่อนเช่นเดียวกัน
เจ้าลูกหมาคนรักของผมที่มีศักดิ์เป็นน้องชายนั้นกลับใช้อำนาจลากพี่ชายตัวโตกลับไปนอนพักผ่อนอยู่บ้านได้
อย่างน้อยสักสองถึงสามชั่วโมงก็ยังดี
และตั้งแต่มินโฮฟื้นขึ้นมาหลังจากสลบไปราวๆ
สามวันก็เรียกหาแต่ซึงฮุนจนคนเฝ้าไข้เวลานั้นคือผมแทบเป็นหมาหัวเน่า
และเจ้านักวางแผนที่ไม่ทันจะหายดีก็วางแผนบ้าๆ
อะไรก็ไม่รู้จนเรียกความตระหนกตกใจของซึงฮุนได้ไม่น้อย
แม้หมอจะอยากให้พักผ่อนมากกว่านี้ หรือไม่อยากให้ขยับร่างกายมากนักเนื่องจากแผลผ่าตัดยังไม่ทันจะสมานกันดี
แต่เจ้าเด็กผิวคล้ำก็ยังยืนยันว่าจะต้องเจอตัวซึงฮุน จะกอด จะหอมเสียให้ได้
ทำเอาผมและบรรดาหมอพยาบาลส่ายศีรษะจำนนกับอาการหัวรั้นไม่ไหว
เอาเป็นว่าถ้าแผลปริแตกหรืออักเสบติดเชื้อขึ้นมา
คงต้องรักษากันต่อไป
เบื่อพวกบ้านรวยขึ้นมาแล้วสิ
...
หลังจากวันนั้น
ผมและซึงยุนก็ต้องเดินทางเข้าออกสถานนีตำรวจบ่อยๆ เพื่อจัดการเรื่องคดีในคืนนั้น
ทำให้ผมเจอกับนัมแทฮยอน
เด็กตัวสูงที่ต้องเข้าไปพัวพันกับเรื่องนี้แม้จะไม่ตั้งใจก็ตาม
แทฮยอนเอาแต่เงียบทุกครั้งที่ถูกไตร่สวน
ผมคาดว่าเขาคงยังตั้งตัวไม่ทันมั้งครับเพราะคดีนี้เกิดขึ้นเพราะพี่สาวเพียงคนเดียวของตัวเอง
โลกใบนี้ชอบหยิบยื่นอะไรหลายๆ
อย่างให้จนถูกมองว่าใจร้าย
แต่ทุกสิ่งที่โลกเหวี่ยงมาให้เราเผชิญมักจะเป็นบทเรียนอันมีค่าเพื่อให้เรารู้และอยู่อาศัยต่อไปได้อย่างกล้าหาญ
...
"พี่จินอูฮะ
! พี่จินอู" ผมหลุดออกจากภวังค์เมื่อถูกมือนิ่มๆ และเสียงนุ่มๆ
ปลุกให้หายจากอาการเหม่อลอย ผมยังคงเหนื่อยล้าเนื่องจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ
ในเวลายี่สิบสี่ชั่วโมงต่อวันนั้นผมต้องใช้ชีวิตอยู่ในโรงพยาบาล สถานีตำรวจ
รถยนต์คันเก่งคู่ใจที่สามารถพาผมไปได้ทุกหนแห่ง โรงแรม หรือแม้แต่คลับ
จนผมรู้สึกอยากเป็นหุ่นยนต์ชุดเกราะเสียให้รู้แล้วรู้รอด
จะได้ไม่ต้องเหนื่อยเบอร์นี้ "ใจเหม่อลอยไปถึงไหนแล้วครับ ?"
เจ้าเด็กแก้มกลมย่อตัวลงก่อนส่งสาตาเล็กแต่กลับหวานละมุนนั้นมองใบหน้าของผม
ความในใจของซึงยุนอ่านได้อย่างง่ายดายผ่านแววตาคู่นั้นครับ
มันกำลังตั้งคำถามว่าผมเหนื่อยมากไหมที่ต้องใช้ชีวิตอย่างไม่เป็นตัวเองเช่นนี้ทุกวัน
"เหม่อหาซึงยุนนั้นแหละครับ"
ผมตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มแม้ดวงตาของผมจะฟ้องว่าเหนื่อยจนร่างกายจะแยกออกเป็นส่วนๆ
อยู่แล้ว แต่แค่เห็นคนรักแย้มยิ้มกว้างจนโหนกแก้มดันให้หน่วยตาเป็นสระอิก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมา
ริ้วแดงพาดแก้มนุ่มทั้งสองข้างยิ่งทำให้เด็กคนนี้น่ารักน่าเอ็นดูขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว
"ใครสั่งใครสอนให้พูดจาแบบนี้กันนะ
?" ซึงยุนทิ้งตัวนั่งลงบนม้านั่งข้างๆ
ผมก่อนจะเลื่อนมือโอบรอบเอวของผมอย่างถือวิสาสะ
บวกกับผมอ่อนล้าเกินจะนั่งตัวตรงไหวรีบเอนศีรษะซบลงบ่าไหล่ของเด็กตัวโต
หลับตาลงพร้อมดูดซับความอบอุ่นและพลังงานดีๆ พอเป็นแรงให้ลุกขึ้นเดินกลับบ้านไหว
"เหนื่อยมากใช่ไหมฮะ ? กลับกันดีกว่าเนอะ"
ผมพยักหน้าน้อยๆ
แทนคำตอบพร้อมพยุงร่างกายอันแสนเมื่อยขบให้ลุกตามแรงพยุงของเจ้าลูกหมาตัวโต
เราทั้งสองคนเดินผ่านโต๊ะของร้อยเวรที่กำลังพยายามตั้งคำถามสอบปากคำแทฮยอนอย่างไม่หยุดหย่อน
แต่ดูเหมือนแทฮยอนก็ยังไม่พูดอะไรออกมา
ผมสังเกตเห็นม่านน้ำตารื้นปิดหน่วยตาเล็กคู่นั้นตลอดเวลา
สภาพจิตใจของเด็กผมแสกกลางคงยังไม่กลับมาเป็นปกติดี คงต้องพึ่งเวลาอีกสักระยะหนึ่ง
เพราะจิตใจของแทฮยอนนั้นเปราะบางมากเกินไป
คงยังตั้งตัวไม่ติดจริงๆ
เนื่องจากเหตุการณ์ในคืนนั้นกรีดลึกสร้างบาดแผลในใจของแทฮยอน
ทุกอย่างเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ
แทฮยอนไม่อยากให้พี่สาวเพียงคนเดียวอย่างแชรินต้องโทษในคดีพยายามฆ่า
แต่ในเมื่อหลักฐานชัดเจน
โดยตำรวจสามารถจับกุมแชรินพร้อมของกลางซึ่งอยู่ในมือสวยอย่างคาหนังคาเขาภายในที่เกิดเหตุ
มันคงเป็นข้อสันนิษฐานสำคัญให้ตำรวจตั้งข้อหาเอาผิดแชรินได้
แม้ภายหลังจะตรวจพบว่าแชรินมีอาการวิกลจริต
แต่เจ้าตัวกลับกระทำการโดยเจตนา รวมถึงอาการทางจิตดังกล่าวเพิ่งจะรุนแรงเมื่อก่อเหตุแล้ว
จึงไม่อาจนำข้ออ้างเหล่านั้นมาลบล้างความผิดที่ก่อเอาไว้ได้
ผมทิ้งตัวลงกับเบาะนิ่ม
อาการหมดแรงทำให้หนังตารู้สึกหนักอึ้งจนผมต้องหลับตาลง
แต่สติของผมกลับยังไม่หลับเสียสนิทจนสัมผัสได้รู้สึกถึงความนุ่มยุ่นและอุ่นแนบประทับลงกับขมับขวาราวโจรฉวยโอกาสก่อนน้ำเสียงติดจะแหบแต่กลับหวานละมุนจะถูกกรอกเข้ากับหูของผม
"คงจะเหนื่อยแย่เลย
... ขอบคุณนะฮะที่อยู่เคียงข้างผมและครอบครัวของผม ..."
ผมอยากจะลืมตาขึ้นมาตอบคำว่าไม่เป็นไรเพราะเต็มใจ
แต่เพราะความเหนื่อยล้าผนวกกับอาการง่วงเหงาหาวนอนค่อยๆ
ฉุดให้ผมจมลงสู่ก้นบึ้งของมหาสมุทรความฝัน
ผิวน้ำของทะเลนิทรานั้นอยู่สูงเกินกว่าผมจะเอาชนะแหวกว่ายขึ้นไปนั้นทำให้ผมต้องยอมจำนนทิ้งน้ำหนักตัวให้ลงลึกสู่ก้นสมุทรอย่างง่ายดาย
"คุณทะเลฮะ คุณทะเลรู้ใช่ไหมฮะว่าท้องฟ้าอย่างผมอยากอยู่ดูแลคุณทะเลเหมือนแผ่นฟ้าจรดกับผืนทะเล
เราจะมีกันและกัน เราจะไม่พรากจากกันเหมือนกับภาพภาพนั้นนะฮะ"
เปรียบดั่งคำมั่นสัญญาแว่วเข้ากระทบโสตประสาท
ผมคลี่ยิ้มน้อยๆ ด้วยสติที่ค่อยๆ
เลือนลางเพราะความง่วงเป็นคำตอบกลับไปก่อนจะถูกดึงเข้าสู่ห้วงความฝันโดยสมบูรณ์
'คุณท้องฟ้าคงไม่รู้สินะครับว่าคุณทะเลเองก็รักคุณท้องฟ้าไม่ต่างกัน
ตราบใดที่ท้องฟ้ายังยอมทอดกายลงเคียงข้างพื้นทะเล
ตราบนั้นคิมจินอูคนนี้ก็จะอยู่ข้างๆ คอยโอบกอดคังซึงยุนเอาไว้เช่นกันนะครับ'
-SKY-
หากเปรียบเทียบเรื่องราวของผมและพี่จินอูคงคล้ายๆ
กับนิยายที่เดินเรื่องอย่างเรียบง่าย ไม่หวือหวาอะไร
ผมยังคงต้องเรียนในภาคการศึกษาสุดท้ายของมหาวิทยาลัยปูซานจนจบ
ส่วนคิมจินอูก็ต้องทำงานทั้งภาคกลางวันและกลางคืนเพื่อหาเงินใช้จ่ายอย่างเพียงพอในเมืองศิวิไลซ์ที่ค่าครองชีพสูง
หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นทุกคนก็กลับไปใช้ชีวิตประจำวันของตัวเอง
ผมต้องกลับบ้านที่ปูซานจนต้องห่างเหินกับคนรัก
พี่ซึงฮุนก็ต้องเข้ารับการรักษาจนล่าสุดเห็นเจ้าตัวบอกว่าอาการดีขึ้นมากราวกับปาฏิหาริย์
ส่วนมินโฮนั้น ... ผมยอมให้ดูแลอีซึงฮุนพี่ชายเพียงคนเดียวแล้วแหละครับ
หากเกิดปัญหาระหว่างคนสองคนอีก ผมคงต้องปล่อยให้แก้ปัญหากันเองก่อนจะคิดเข้าแทรกแซงตรงกลาง
ไม่ได้คิดขัดขวางหรือทวงคืนอะไรทำนองนั้นหรอกนะครับ
เพียงแต่จะช่วยแก้ไข หรือเป็นตัวกลางคอยเกลี้ยกล่อมให้เข้าใจกันต่างหาก
เพราะผมเองก็รู้แล้วแหละครับว่าการอยู่ห่างจากคนรักนานๆ
มันทรมานมากแค่ไหน
ผมเดินทอดน่องไปตามหาดทราย
ยามเย็นดวงตะวันคล้อยต่ำเช่นนี้หากได้เดินเคียงข้างกับคนรักเหมือนคู่อื่นๆ
ที่โฟกัสสายตาผมมองเห็นได้ในเวลานี้ก็คงจะดี มือของคู่รักอื่นๆ นั้นกุมกันเดินเล่น
ส่งยิ้มให้กันอย่างมีความสุขและสนุกสนาน ต่างกับผมเหลือเกิน มือของผมจะประคองโทรศัพท์มือถือเพื่อรอให้ใครบางคนโทรมาสลับกับกระชับสายกระเป๋าเป้ไม่ให้รั้งไปทางด้านหลังมากเกินไปเกรงจะทำให้ปวดหลังเสียเปล่าๆ
ผมเอี้ยวหัวส่งโฟกัสสายตาเพ่งมองท้องทะเลก่อนจะคลี่ยิ้ม
เห็นผืนน้ำกว้างขวางนี่ที่ไร ทำให้ผมอดจะคิดถึงคิมจินอูไม่ได้เลยทุกที
ตอนนี้คงกำลังปั่นงานจนหัวหมุน
ก่อนเตรียมตัวไปทำงานภาคกลางคืนต่อ
หลังจากช่วงผ่านช่วงเหตุการณ์เลวร้ายมา
พี่จินอูก็ต้องรีบสะสางงานที่คั่งค้างราวดินพอกหางหมูให้เสร็จอย่างเร็วที่สุดแม้พี่ซึงฮยอนจะคอยย้ำอยู่เสมอว่าไม่ต้องเร่งรีบขนาดนั้นก็ได้เพราะงานเรื่องโรงแรมในสาขาปูซานสามารถชะลอไว้ก่อนได้
แต่ด้วยสปิริตของเลขาคิมแล้วนั้น
แม้แต่ความเป็นห่วงเป็นใยของเจ้านายก็คิดละเมิดฝ่าฝืนได้เช่นกัน
พี่ซึงฮยอนคือตัวละครสำคัญของเรื่องราวความรักของผมครับ
หากวันนั้นไม่ได้รับการช่วยเหลือราวพ่อสื่อพ่อชัก
ผมคงไม่ได้ทั้งกายและหัวใจของพี่จินอูได้อย่างง่ายดายเช่นนี้หรอกครับ
เอาจริงนั้น
ผมคงแสดงออกมากเกินไป ผมคงมองพี่จินอูบ่อยๆ จนเป็นที่สังเกตของพี่ซึงฮยอน
พี่จินอูอาจไม่ใช่รักแรกพบของผม
แต่พี่จินอูคือคนที่ฉกฉวยเอาหัวใจของผมไปถือครองกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าข้าวเจ้าของอย่างถือวิสาสะ
โดยที่ผมกว่าจะรู้ตัวเองก็เหมือนจะไม่ทันการณ์เช่นกัน
เปรียบดั่งท้องฟ้าที่กว่าจะรู้ตัวก็ทอดกายลงจรดสัมผัสผืนน้ำของท้องทะเล
แสงตะวันอัสดงกำลังเคลื่อนลงกับขอบฟ้าราวกับแผ่นน้ำกำลังกระหายหาความอบอุ่นกำลังดูดกลืนดวงสุริยันเข้าไปทั้งดวง
แผ่นฟ้าสีส้มแก่ๆ ตัดกับท้องน้ำสีครามสดใสก่อเป็นภาพวาดที่มีชีวิต
คิดถึงคิมจินอู ...
ผมทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นทรายหนานุ่มแต่ไม่หยุดเหลือบมองฟ้าสีส้มอร่ามตรงหน้า
เวลาได้เหม่อมองอะไรแบบนี้มันทำให้ผมนึกย้อนกลับไปช่วงแรกที่เกิดอาการใจสั่นกับพี่จินอู
วันนั้นผมมองฟ้าสดใสจากมุมที่สูงที่สุดของปูซาน
แต่วันนี้ผมกลับต้องมามองภาพอะไรที่ต้องทำให้รู้สึกเหงาและเปล่าเปลี่ยวเปี่ยมไปด้วยความคิดถึงเกินกว่าจะกักเก็บเอาไว้คนเดียวได้
จริงอย่างที่ใครเขาว่ากันแหละครับ
ว่าก่อนตกหลุมรักไม่ทรมานเท่ากับการได้ครอบครองหัวใจของใครสักคน
ยิ่งอยู่ห่างไกลกันคนละฟากของประเทศด้วยแล้ว
ความคิดถึงยิ่งสร้างความทรมานมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว
ผมเลื่อนโทรศัพท์ขึ้นมากดดูเวลาที่หน้าจอก่อนถอนหายใจออกมาสั้นๆ
เวลาหกโมงเย็นเป็นช่วงเวลาของการกลับบ้านเพื่อพักผ่อน
ผมไม่อยากยอมแพ้ให้กับวันและเวลาแต่อำนาจของความคิดถึงแทบทำให้ผมคลั่งเมื่อสุดท้ายแล้วยี่สิบสี่ชั่วโมงกำลังจะหมดไปโดยที่ผมไม่ได้สัมผัสกายนิ่มๆ
ไม่ได้ยินเสียงหวานๆ หรือแม้แต่เห็นหน้าสวยและตาใสๆ ของคนรัก
แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ยืดตัวยืน
ความรู้สึกหนักๆ ทางด้านหลังก็ทำเอาผมตกใจเกินลิมิตจนผมต้องเบิกตาโพลง
ร่างกายโอนเอนมาทางด้านหน้าตามน้ำหนักเมื่อมีอะไรเข้าปะทะจากข้างหลัง
สองแขนรวบโอบกายผมผ่านบ่าไหล่ก่อนประสานมือบริเวณหน้าอก ลมหายใจอุ่นๆ
เป่ารดลงใบหูพร้อมเสียงหวานที่ผมอยากได้ยินมาโดยตลอด
แม้จะได้ยินทุกวันผ่านสัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่ไพเราะพราะพริ้งเท่าเสียงสดจากริมฝีปากสวยสีอ่อนนี่หรอกครับ
"คิดถึงเจ้าลูกหมาจังเลยครับ"
ไม่ผิดแน่ เสียงแบบนี้
เรียกผมว่าเจ้าลูกหมาแบบนี้ก็มีเพียงคนเดียวเท่านั้นแหละครับ
คนในความคิด ความทรงจำ
สมอง และหัวใจของผม ...
คิมจินอู
"พี่จินอู
! มาได้ยังไงฮะ ?"
"ก็ขับรถมาไงครับ"
ผมรีบหันมามองหน้าสวยของคนรักและไวกว่าความคิด
มือของผมก็ถูกยกขึ้นลูบไล้แก้มเนียนนุ่มราวแก้มเด็กนั้นของคนรักโดยลืมไปว่ามืออาจเป็นทรายหยาบๆ
แต่ดูท่าทางพี่จินอูจะไม่คิดรังเกียจแถมยังแย้มยิ้มด้วยความดีใจเสียอีก
กฎอีกหนึ่งข้อของความคิดถึง
...
คือ ความคิดถึงจะมีค่า
หากเรากลับมาเจอกันอีกครั้ง
"ตลกนะฮะ"
"แต่ความรักและความคิดถึงของพี่ไม่ตลกนะครับ"
"พูดแบบนี้
อยากโดนจับกดลงทรายใช่ไหมฮะ ?"
"ก็
..."
พี่จินอูยืดตัวพลางขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นจนลมหายใจเป่ารดลงกับใบหูของผมอีกครั้ง
คราวนี้ความรู้สึกเสียวซ่านค่อยๆ ก่อตัวขึ้นต่างกับครั้งแรก
มือไม้ก็ไม่อยู่นิ่งนั้นค่อยๆ คลายสายกระเป๋าเป้ผมออกจากลาดหลังด้วยความเย้ายวน
ผมก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งนะครับ ทำแบบนี้ไม่กลัวว่าจะเกิดอันตรายกับตัวเองเลยหรือไง ?
"จับกดเลยสิครับ"
ความอดทนของผมขาดผึงเมื่อคำยั่วยวนเชื้อเชิญให้ผมทำตามแต่ใจปรารถนา
ผมเลื่อนมือไปกดร่างบางให้นอนราบไปกับเตียงทรายก่อนยกตัวขึ้นคร่อมพี่ชายหน้าสวย
ผมบดริมฝีปากลงกับกลีบปากบางสวยนั้นเนิบๆ อย่างไม่รุกล้ำ
พี่จินอูก็ตอบรับสัมผัสนั้นด้วยการจูบตอบกลับมาเช่นกัน
แค่ริมฝีปากยังหวานขนาดนี้
ทะเลคิมจินอูนั้นหากยิ่งถลำลึกลงสู่ก้นสมุทร
ความหวานจะยิ่งทวีมากขึ้นหากเสพติดก็เกรงว่าจะเป็นเบาหวานไปเสียก่อน
แต่ผมกลับไม่สนใจอะไรอีกแล้วแหละครับ
ต่อให้เป็นตายร้ายดีอย่างไร ถ้าเป็นคิมจินอู ผมก็ยอม ...
ผมค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกก่อนกวาดตามองดวงหน้าของคนรัก
หน้าสวยขึ้นสีแดงก่ำ
ตากลมโตเหมือนจะจ้องสู้แต่ก็ต้องหลบเมื่อไม่อาจต้านทานสายตาของผมได้ไหว
หน้าใสสะท้อนกับแสงสีส้มของอาทิตย์ใกล้ลับฟ้านั้นยิ่งทำให้พี่จินอูคล้ายเจ้าแห่งสมุทรมากขึ้น
เปล่งประกายไปด้วยสง่าราศีและสดใสยิ่งกว่าเด็กหนุ่มวัยแรกรุ่น
"พี่จินอู"
"คะ
... ครับ ?"
"ผมรักพี่จินอูนะฮะ"
"บอกทุกวันไม่มีเบื่อหรือไงครับ
?"
"ไม่ฮะ
ให้ผมพูดคำนี้ตลอดไปยังได้เลย" ผมพลิกตัวนอนลงกับเตียงทรายข้างๆ
คนรักก่อนเลื่อนแขนเข้าหลังท้ายทอยเพื่อให้พี่จินอูหนุนนอนได้อย่างสบาย ลมทะเลพัดเอื่อยราวกับผ้าห่มผืนโตคอยกระชับให้ร่างกายของเราเข้าแนบชิดกันมากขึ้น
ความกังวลต่างๆ ของคิมจินอูมลายหายไปเมื่อผมแสดงออกถึงความซื่อสัตย์และจริงใจ
ถึงผมจะเป็นผู้ชายเหมือนกัน แม้ผมจะดูเด็กน้อยมากในสายตาของผู้คนรอบข้าง
แต่ผมก็เชื่อในความรู้สึก เชื่อในหัวใจของตัวเองว่าพร้อมจะปกป้องใครสักคนด้วยชีวิตของตัวเอง
ซึ่งคนๆ นั้นก็คือ 'คิมจินอู' คนที่อยู่ข้างๆ
ผมเวลานี้ "พี่จินอูฮะ
แม้ความรักของผมที่มีให้พี่จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วแต่เชื่อผมนะฮะว่ามันจะไม่มีวันจบลงไปอย่างง่ายดาย
แม้เรื่องราวของเราจะเพิ่งเริ่มต้น สุดท้ายมันจะไม่มีวันถึงกาลอวสาน
เชื่อใจคังซึงยุนคนนี้นะฮะ"
แรงพยักหน้าน้อยๆ
ที่ผมสัมผัสได้จากท่อนแขนและบริเวณหน้าอกนั้นคงเป็นคำตอบถึงความเชื่อใจของคนรัก
แม้ไม่พูดออกมาแต่หัวใจของผมก็รับรู้ได้ ...
ถึงท้องฟ้าจะมีเปลี่ยนผันไปตามฤดูกาล
อาจมีคลุ้มคลั่งบ้างตามสภาพอากาศ และแม้ทะเลจะมีน้ำขึ้นน้ำลง
มีดูดกลืนทุกสิ่งเมื่อถึงฤดูมรสุม แต่ตราบใดที่ท้องฟ้ายังคงโอบกอดท้องสมุทร หรือผืนน้ำยังคงยกตัวเองขึ้นเพื่อดูแลผืนฟ้าหากมองไปไกลๆ จนสุดลูกหูลูกตา เมื่อนั้นเราก็จะยังมีกันและกันเสมอ ... และตลอดไปชั่วนิรันดร์
ความคิดเห็น