ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [#MINHOON #WINNER] :: DAY & NIGHT ::

    ลำดับตอนที่ #22 : SPECIAL 1 :: SKY & SEA ::

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 52
      5
      5 ก.ค. 62

    [#MINHOON #WINNER] DAY & NIGHT

     

    SPECIAL 1 :: SKY & SEA ::

     

    -SEA-

     

    ใครจะไปคาดคิดล่ะครับว่าการให้ปากคำในฐานะพยานในที่เกิดเหตุนั้นจะเหน็ดเหนื่อยจนแทบอยากตรงกลับบ้านแล้วทิ้งตัวลงกับเตียงนุ่มๆ ค่อยๆ หลับตาลงเดินทางเข้าสู่ห้วงความฝันสักสามวันสามคืนก็คงจะดีไม่น้อย ตั้งแต่เกิดเรื่องในคืนนั้น ผมก็อยู่เฝ้ามินโฮสลับกับซึงฮุน แม้ซึงฮุนจะยืนกรานว่าจะขอเฝ้าไข้มินโฮเองจนกว่าเจ้าตัวจะฟื้น แต่เพราะร่างกายของซึงฮุนก็เหนื่อยล้าและต้องการพักผ่อนเช่นเดียวกัน เจ้าลูกหมาคนรักของผมที่มีศักดิ์เป็นน้องชายนั้นกลับใช้อำนาจลากพี่ชายตัวโตกลับไปนอนพักผ่อนอยู่บ้านได้ อย่างน้อยสักสองถึงสามชั่วโมงก็ยังดี

     

    และตั้งแต่มินโฮฟื้นขึ้นมาหลังจากสลบไปราวๆ สามวันก็เรียกหาแต่ซึงฮุนจนคนเฝ้าไข้เวลานั้นคือผมแทบเป็นหมาหัวเน่า และเจ้านักวางแผนที่ไม่ทันจะหายดีก็วางแผนบ้าๆ อะไรก็ไม่รู้จนเรียกความตระหนกตกใจของซึงฮุนได้ไม่น้อย แม้หมอจะอยากให้พักผ่อนมากกว่านี้ หรือไม่อยากให้ขยับร่างกายมากนักเนื่องจากแผลผ่าตัดยังไม่ทันจะสมานกันดี แต่เจ้าเด็กผิวคล้ำก็ยังยืนยันว่าจะต้องเจอตัวซึงฮุน จะกอด จะหอมเสียให้ได้ ทำเอาผมและบรรดาหมอพยาบาลส่ายศีรษะจำนนกับอาการหัวรั้นไม่ไหว

     

    เอาเป็นว่าถ้าแผลปริแตกหรืออักเสบติดเชื้อขึ้นมา คงต้องรักษากันต่อไป

     

    เบื่อพวกบ้านรวยขึ้นมาแล้วสิ ...

     

    หลังจากวันนั้น ผมและซึงยุนก็ต้องเดินทางเข้าออกสถานนีตำรวจบ่อยๆ เพื่อจัดการเรื่องคดีในคืนนั้น ทำให้ผมเจอกับนัมแทฮยอน เด็กตัวสูงที่ต้องเข้าไปพัวพันกับเรื่องนี้แม้จะไม่ตั้งใจก็ตาม แทฮยอนเอาแต่เงียบทุกครั้งที่ถูกไตร่สวน ผมคาดว่าเขาคงยังตั้งตัวไม่ทันมั้งครับเพราะคดีนี้เกิดขึ้นเพราะพี่สาวเพียงคนเดียวของตัวเอง 

     

    โลกใบนี้ชอบหยิบยื่นอะไรหลายๆ อย่างให้จนถูกมองว่าใจร้าย แต่ทุกสิ่งที่โลกเหวี่ยงมาให้เราเผชิญมักจะเป็นบทเรียนอันมีค่าเพื่อให้เรารู้และอยู่อาศัยต่อไปได้อย่างกล้าหาญ ...

     

    "พี่จินอูฮะ ! พี่จินอู" ผมหลุดออกจากภวังค์เมื่อถูกมือนิ่มๆ และเสียงนุ่มๆ ปลุกให้หายจากอาการเหม่อลอย ผมยังคงเหนื่อยล้าเนื่องจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ ในเวลายี่สิบสี่ชั่วโมงต่อวันนั้นผมต้องใช้ชีวิตอยู่ในโรงพยาบาล สถานีตำรวจ รถยนต์คันเก่งคู่ใจที่สามารถพาผมไปได้ทุกหนแห่ง โรงแรม หรือแม้แต่คลับ จนผมรู้สึกอยากเป็นหุ่นยนต์ชุดเกราะเสียให้รู้แล้วรู้รอด จะได้ไม่ต้องเหนื่อยเบอร์นี้ "ใจเหม่อลอยไปถึงไหนแล้วครับ ?"

     

    เจ้าเด็กแก้มกลมย่อตัวลงก่อนส่งสาตาเล็กแต่กลับหวานละมุนนั้นมองใบหน้าของผม ความในใจของซึงยุนอ่านได้อย่างง่ายดายผ่านแววตาคู่นั้นครับ มันกำลังตั้งคำถามว่าผมเหนื่อยมากไหมที่ต้องใช้ชีวิตอย่างไม่เป็นตัวเองเช่นนี้ทุกวัน

     

    "เหม่อหาซึงยุนนั้นแหละครับ"

     

    ผมตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มแม้ดวงตาของผมจะฟ้องว่าเหนื่อยจนร่างกายจะแยกออกเป็นส่วนๆ อยู่แล้ว แต่แค่เห็นคนรักแย้มยิ้มกว้างจนโหนกแก้มดันให้หน่วยตาเป็นสระอิก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมา ริ้วแดงพาดแก้มนุ่มทั้งสองข้างยิ่งทำให้เด็กคนนี้น่ารักน่าเอ็นดูขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว

     

    "ใครสั่งใครสอนให้พูดจาแบบนี้กันนะ ?" ซึงยุนทิ้งตัวนั่งลงบนม้านั่งข้างๆ ผมก่อนจะเลื่อนมือโอบรอบเอวของผมอย่างถือวิสาสะ บวกกับผมอ่อนล้าเกินจะนั่งตัวตรงไหวรีบเอนศีรษะซบลงบ่าไหล่ของเด็กตัวโต หลับตาลงพร้อมดูดซับความอบอุ่นและพลังงานดีๆ พอเป็นแรงให้ลุกขึ้นเดินกลับบ้านไหว "เหนื่อยมากใช่ไหมฮะ ? กลับกันดีกว่าเนอะ"

     

    ผมพยักหน้าน้อยๆ แทนคำตอบพร้อมพยุงร่างกายอันแสนเมื่อยขบให้ลุกตามแรงพยุงของเจ้าลูกหมาตัวโต เราทั้งสองคนเดินผ่านโต๊ะของร้อยเวรที่กำลังพยายามตั้งคำถามสอบปากคำแทฮยอนอย่างไม่หยุดหย่อน แต่ดูเหมือนแทฮยอนก็ยังไม่พูดอะไรออกมา ผมสังเกตเห็นม่านน้ำตารื้นปิดหน่วยตาเล็กคู่นั้นตลอดเวลา สภาพจิตใจของเด็กผมแสกกลางคงยังไม่กลับมาเป็นปกติดี คงต้องพึ่งเวลาอีกสักระยะหนึ่ง

     

    เพราะจิตใจของแทฮยอนนั้นเปราะบางมากเกินไป

     

    คงยังตั้งตัวไม่ติดจริงๆ เนื่องจากเหตุการณ์ในคืนนั้นกรีดลึกสร้างบาดแผลในใจของแทฮยอน ทุกอย่างเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ แทฮยอนไม่อยากให้พี่สาวเพียงคนเดียวอย่างแชรินต้องโทษในคดีพยายามฆ่า แต่ในเมื่อหลักฐานชัดเจน โดยตำรวจสามารถจับกุมแชรินพร้อมของกลางซึ่งอยู่ในมือสวยอย่างคาหนังคาเขาภายในที่เกิดเหตุ มันคงเป็นข้อสันนิษฐานสำคัญให้ตำรวจตั้งข้อหาเอาผิดแชรินได้

     

    แม้ภายหลังจะตรวจพบว่าแชรินมีอาการวิกลจริต แต่เจ้าตัวกลับกระทำการโดยเจตนา รวมถึงอาการทางจิตดังกล่าวเพิ่งจะรุนแรงเมื่อก่อเหตุแล้ว จึงไม่อาจนำข้ออ้างเหล่านั้นมาลบล้างความผิดที่ก่อเอาไว้ได้

     

    ผมทิ้งตัวลงกับเบาะนิ่ม อาการหมดแรงทำให้หนังตารู้สึกหนักอึ้งจนผมต้องหลับตาลง

     

    แต่สติของผมกลับยังไม่หลับเสียสนิทจนสัมผัสได้รู้สึกถึงความนุ่มยุ่นและอุ่นแนบประทับลงกับขมับขวาราวโจรฉวยโอกาสก่อนน้ำเสียงติดจะแหบแต่กลับหวานละมุนจะถูกกรอกเข้ากับหูของผม

     

    "คงจะเหนื่อยแย่เลย ... ขอบคุณนะฮะที่อยู่เคียงข้างผมและครอบครัวของผม ..." ผมอยากจะลืมตาขึ้นมาตอบคำว่าไม่เป็นไรเพราะเต็มใจ แต่เพราะความเหนื่อยล้าผนวกกับอาการง่วงเหงาหาวนอนค่อยๆ ฉุดให้ผมจมลงสู่ก้นบึ้งของมหาสมุทรความฝัน ผิวน้ำของทะเลนิทรานั้นอยู่สูงเกินกว่าผมจะเอาชนะแหวกว่ายขึ้นไปนั้นทำให้ผมต้องยอมจำนนทิ้งน้ำหนักตัวให้ลงลึกสู่ก้นสมุทรอย่างง่ายดาย "คุณทะเลฮะ คุณทะเลรู้ใช่ไหมฮะว่าท้องฟ้าอย่างผมอยากอยู่ดูแลคุณทะเลเหมือนแผ่นฟ้าจรดกับผืนทะเล เราจะมีกันและกัน เราจะไม่พรากจากกันเหมือนกับภาพภาพนั้นนะฮะ"

     

    เปรียบดั่งคำมั่นสัญญาแว่วเข้ากระทบโสตประสาท ผมคลี่ยิ้มน้อยๆ ด้วยสติที่ค่อยๆ เลือนลางเพราะความง่วงเป็นคำตอบกลับไปก่อนจะถูกดึงเข้าสู่ห้วงความฝันโดยสมบูรณ์

     

    'คุณท้องฟ้าคงไม่รู้สินะครับว่าคุณทะเลเองก็รักคุณท้องฟ้าไม่ต่างกัน ตราบใดที่ท้องฟ้ายังยอมทอดกายลงเคียงข้างพื้นทะเล ตราบนั้นคิมจินอูคนนี้ก็จะอยู่ข้างๆ คอยโอบกอดคังซึงยุนเอาไว้เช่นกันนะครับ'

     


     

    -SKY-

     

    หากเปรียบเทียบเรื่องราวของผมและพี่จินอูคงคล้ายๆ กับนิยายที่เดินเรื่องอย่างเรียบง่าย ไม่หวือหวาอะไร ผมยังคงต้องเรียนในภาคการศึกษาสุดท้ายของมหาวิทยาลัยปูซานจนจบ ส่วนคิมจินอูก็ต้องทำงานทั้งภาคกลางวันและกลางคืนเพื่อหาเงินใช้จ่ายอย่างเพียงพอในเมืองศิวิไลซ์ที่ค่าครองชีพสูง หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นทุกคนก็กลับไปใช้ชีวิตประจำวันของตัวเอง ผมต้องกลับบ้านที่ปูซานจนต้องห่างเหินกับคนรัก พี่ซึงฮุนก็ต้องเข้ารับการรักษาจนล่าสุดเห็นเจ้าตัวบอกว่าอาการดีขึ้นมากราวกับปาฏิหาริย์ ส่วนมินโฮนั้น ... ผมยอมให้ดูแลอีซึงฮุนพี่ชายเพียงคนเดียวแล้วแหละครับ หากเกิดปัญหาระหว่างคนสองคนอีก ผมคงต้องปล่อยให้แก้ปัญหากันเองก่อนจะคิดเข้าแทรกแซงตรงกลาง

     

    ไม่ได้คิดขัดขวางหรือทวงคืนอะไรทำนองนั้นหรอกนะครับ เพียงแต่จะช่วยแก้ไข หรือเป็นตัวกลางคอยเกลี้ยกล่อมให้เข้าใจกันต่างหาก

     

    เพราะผมเองก็รู้แล้วแหละครับว่าการอยู่ห่างจากคนรักนานๆ มันทรมานมากแค่ไหน

     

    ผมเดินทอดน่องไปตามหาดทราย ยามเย็นดวงตะวันคล้อยต่ำเช่นนี้หากได้เดินเคียงข้างกับคนรักเหมือนคู่อื่นๆ ที่โฟกัสสายตาผมมองเห็นได้ในเวลานี้ก็คงจะดี มือของคู่รักอื่นๆ นั้นกุมกันเดินเล่น ส่งยิ้มให้กันอย่างมีความสุขและสนุกสนาน ต่างกับผมเหลือเกิน มือของผมจะประคองโทรศัพท์มือถือเพื่อรอให้ใครบางคนโทรมาสลับกับกระชับสายกระเป๋าเป้ไม่ให้รั้งไปทางด้านหลังมากเกินไปเกรงจะทำให้ปวดหลังเสียเปล่าๆ ผมเอี้ยวหัวส่งโฟกัสสายตาเพ่งมองท้องทะเลก่อนจะคลี่ยิ้ม เห็นผืนน้ำกว้างขวางนี่ที่ไร ทำให้ผมอดจะคิดถึงคิมจินอูไม่ได้เลยทุกที

     

    ตอนนี้คงกำลังปั่นงานจนหัวหมุน ก่อนเตรียมตัวไปทำงานภาคกลางคืนต่อ

     

    หลังจากช่วงผ่านช่วงเหตุการณ์เลวร้ายมา พี่จินอูก็ต้องรีบสะสางงานที่คั่งค้างราวดินพอกหางหมูให้เสร็จอย่างเร็วที่สุดแม้พี่ซึงฮยอนจะคอยย้ำอยู่เสมอว่าไม่ต้องเร่งรีบขนาดนั้นก็ได้เพราะงานเรื่องโรงแรมในสาขาปูซานสามารถชะลอไว้ก่อนได้ แต่ด้วยสปิริตของเลขาคิมแล้วนั้น แม้แต่ความเป็นห่วงเป็นใยของเจ้านายก็คิดละเมิดฝ่าฝืนได้เช่นกัน

     

    พี่ซึงฮยอนคือตัวละครสำคัญของเรื่องราวความรักของผมครับ หากวันนั้นไม่ได้รับการช่วยเหลือราวพ่อสื่อพ่อชัก ผมคงไม่ได้ทั้งกายและหัวใจของพี่จินอูได้อย่างง่ายดายเช่นนี้หรอกครับ

     

    เอาจริงนั้น ผมคงแสดงออกมากเกินไป ผมคงมองพี่จินอูบ่อยๆ จนเป็นที่สังเกตของพี่ซึงฮยอน

     

    พี่จินอูอาจไม่ใช่รักแรกพบของผม แต่พี่จินอูคือคนที่ฉกฉวยเอาหัวใจของผมไปถือครองกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าข้าวเจ้าของอย่างถือวิสาสะ โดยที่ผมกว่าจะรู้ตัวเองก็เหมือนจะไม่ทันการณ์เช่นกัน

     

    เปรียบดั่งท้องฟ้าที่กว่าจะรู้ตัวก็ทอดกายลงจรดสัมผัสผืนน้ำของท้องทะเล

     

    แสงตะวันอัสดงกำลังเคลื่อนลงกับขอบฟ้าราวกับแผ่นน้ำกำลังกระหายหาความอบอุ่นกำลังดูดกลืนดวงสุริยันเข้าไปทั้งดวง แผ่นฟ้าสีส้มแก่ๆ ตัดกับท้องน้ำสีครามสดใสก่อเป็นภาพวาดที่มีชีวิต

     

    คิดถึงคิมจินอู ...

     

    ผมทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นทรายหนานุ่มแต่ไม่หยุดเหลือบมองฟ้าสีส้มอร่ามตรงหน้า เวลาได้เหม่อมองอะไรแบบนี้มันทำให้ผมนึกย้อนกลับไปช่วงแรกที่เกิดอาการใจสั่นกับพี่จินอู วันนั้นผมมองฟ้าสดใสจากมุมที่สูงที่สุดของปูซาน แต่วันนี้ผมกลับต้องมามองภาพอะไรที่ต้องทำให้รู้สึกเหงาและเปล่าเปลี่ยวเปี่ยมไปด้วยความคิดถึงเกินกว่าจะกักเก็บเอาไว้คนเดียวได้

     

    จริงอย่างที่ใครเขาว่ากันแหละครับ ว่าก่อนตกหลุมรักไม่ทรมานเท่ากับการได้ครอบครองหัวใจของใครสักคน ยิ่งอยู่ห่างไกลกันคนละฟากของประเทศด้วยแล้ว ความคิดถึงยิ่งสร้างความทรมานมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว

     

    ผมเลื่อนโทรศัพท์ขึ้นมากดดูเวลาที่หน้าจอก่อนถอนหายใจออกมาสั้นๆ เวลาหกโมงเย็นเป็นช่วงเวลาของการกลับบ้านเพื่อพักผ่อน ผมไม่อยากยอมแพ้ให้กับวันและเวลาแต่อำนาจของความคิดถึงแทบทำให้ผมคลั่งเมื่อสุดท้ายแล้วยี่สิบสี่ชั่วโมงกำลังจะหมดไปโดยที่ผมไม่ได้สัมผัสกายนิ่มๆ ไม่ได้ยินเสียงหวานๆ หรือแม้แต่เห็นหน้าสวยและตาใสๆ ของคนรัก

     

    แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ยืดตัวยืน ความรู้สึกหนักๆ ทางด้านหลังก็ทำเอาผมตกใจเกินลิมิตจนผมต้องเบิกตาโพลง ร่างกายโอนเอนมาทางด้านหน้าตามน้ำหนักเมื่อมีอะไรเข้าปะทะจากข้างหลัง สองแขนรวบโอบกายผมผ่านบ่าไหล่ก่อนประสานมือบริเวณหน้าอก ลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดลงใบหูพร้อมเสียงหวานที่ผมอยากได้ยินมาโดยตลอด

     

    แม้จะได้ยินทุกวันผ่านสัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่ไพเราะพราะพริ้งเท่าเสียงสดจากริมฝีปากสวยสีอ่อนนี่หรอกครับ

     

    "คิดถึงเจ้าลูกหมาจังเลยครับ"

     

    ไม่ผิดแน่ เสียงแบบนี้ เรียกผมว่าเจ้าลูกหมาแบบนี้ก็มีเพียงคนเดียวเท่านั้นแหละครับ

     

    คนในความคิด ความทรงจำ สมอง และหัวใจของผม ...

     

    คิมจินอู

     

    "พี่จินอู ! มาได้ยังไงฮะ ?"

     

    "ก็ขับรถมาไงครับ"

     

    ผมรีบหันมามองหน้าสวยของคนรักและไวกว่าความคิด มือของผมก็ถูกยกขึ้นลูบไล้แก้มเนียนนุ่มราวแก้มเด็กนั้นของคนรักโดยลืมไปว่ามืออาจเป็นทรายหยาบๆ แต่ดูท่าทางพี่จินอูจะไม่คิดรังเกียจแถมยังแย้มยิ้มด้วยความดีใจเสียอีก

     

    กฎอีกหนึ่งข้อของความคิดถึง ...

     

    คือ ความคิดถึงจะมีค่า หากเรากลับมาเจอกันอีกครั้ง

     

    "ตลกนะฮะ"

     

    "แต่ความรักและความคิดถึงของพี่ไม่ตลกนะครับ"

     

    "พูดแบบนี้ อยากโดนจับกดลงทรายใช่ไหมฮะ ?"

     

    "ก็ ..." พี่จินอูยืดตัวพลางขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นจนลมหายใจเป่ารดลงกับใบหูของผมอีกครั้ง คราวนี้ความรู้สึกเสียวซ่านค่อยๆ ก่อตัวขึ้นต่างกับครั้งแรก มือไม้ก็ไม่อยู่นิ่งนั้นค่อยๆ คลายสายกระเป๋าเป้ผมออกจากลาดหลังด้วยความเย้ายวน ผมก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งนะครับ ทำแบบนี้ไม่กลัวว่าจะเกิดอันตรายกับตัวเองเลยหรือไง ? "จับกดเลยสิครับ"

     

    ความอดทนของผมขาดผึงเมื่อคำยั่วยวนเชื้อเชิญให้ผมทำตามแต่ใจปรารถนา ผมเลื่อนมือไปกดร่างบางให้นอนราบไปกับเตียงทรายก่อนยกตัวขึ้นคร่อมพี่ชายหน้าสวย ผมบดริมฝีปากลงกับกลีบปากบางสวยนั้นเนิบๆ อย่างไม่รุกล้ำ พี่จินอูก็ตอบรับสัมผัสนั้นด้วยการจูบตอบกลับมาเช่นกัน

     

    แค่ริมฝีปากยังหวานขนาดนี้ ทะเลคิมจินอูนั้นหากยิ่งถลำลึกลงสู่ก้นสมุทร ความหวานจะยิ่งทวีมากขึ้นหากเสพติดก็เกรงว่าจะเป็นเบาหวานไปเสียก่อน

     

    แต่ผมกลับไม่สนใจอะไรอีกแล้วแหละครับ ต่อให้เป็นตายร้ายดีอย่างไร ถ้าเป็นคิมจินอู ผมก็ยอม ...

     

    ผมค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกก่อนกวาดตามองดวงหน้าของคนรัก หน้าสวยขึ้นสีแดงก่ำ ตากลมโตเหมือนจะจ้องสู้แต่ก็ต้องหลบเมื่อไม่อาจต้านทานสายตาของผมได้ไหว หน้าใสสะท้อนกับแสงสีส้มของอาทิตย์ใกล้ลับฟ้านั้นยิ่งทำให้พี่จินอูคล้ายเจ้าแห่งสมุทรมากขึ้น เปล่งประกายไปด้วยสง่าราศีและสดใสยิ่งกว่าเด็กหนุ่มวัยแรกรุ่น

     

    "พี่จินอู"

     

    "คะ ... ครับ ?"

     

    "ผมรักพี่จินอูนะฮะ"

     

    "บอกทุกวันไม่มีเบื่อหรือไงครับ ?"

     

    "ไม่ฮะ ให้ผมพูดคำนี้ตลอดไปยังได้เลย" ผมพลิกตัวนอนลงกับเตียงทรายข้างๆ คนรักก่อนเลื่อนแขนเข้าหลังท้ายทอยเพื่อให้พี่จินอูหนุนนอนได้อย่างสบาย ลมทะเลพัดเอื่อยราวกับผ้าห่มผืนโตคอยกระชับให้ร่างกายของเราเข้าแนบชิดกันมากขึ้น ความกังวลต่างๆ ของคิมจินอูมลายหายไปเมื่อผมแสดงออกถึงความซื่อสัตย์และจริงใจ ถึงผมจะเป็นผู้ชายเหมือนกัน แม้ผมจะดูเด็กน้อยมากในสายตาของผู้คนรอบข้าง แต่ผมก็เชื่อในความรู้สึก เชื่อในหัวใจของตัวเองว่าพร้อมจะปกป้องใครสักคนด้วยชีวิตของตัวเอง ซึ่งคนๆ นั้นก็คือ 'คิมจินอู' คนที่อยู่ข้างๆ ผมเวลานี้ "พี่จินอูฮะ แม้ความรักของผมที่มีให้พี่จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วแต่เชื่อผมนะฮะว่ามันจะไม่มีวันจบลงไปอย่างง่ายดาย แม้เรื่องราวของเราจะเพิ่งเริ่มต้น สุดท้ายมันจะไม่มีวันถึงกาลอวสาน เชื่อใจคังซึงยุนคนนี้นะฮะ"

     

    แรงพยักหน้าน้อยๆ ที่ผมสัมผัสได้จากท่อนแขนและบริเวณหน้าอกนั้นคงเป็นคำตอบถึงความเชื่อใจของคนรัก แม้ไม่พูดออกมาแต่หัวใจของผมก็รับรู้ได้ ...

     

    ถึงท้องฟ้าจะมีเปลี่ยนผันไปตามฤดูกาล อาจมีคลุ้มคลั่งบ้างตามสภาพอากาศ และแม้ทะเลจะมีน้ำขึ้นน้ำลง มีดูดกลืนทุกสิ่งเมื่อถึงฤดูมรสุม แต่ตราบใดที่ท้องฟ้ายังคงโอบกอดท้องสมุทร หรือผืนน้ำยังคงยกตัวเองขึ้นเพื่อดูแลผืนฟ้าหากมองไปไกลๆ จนสุดลูกหูลูกตา เมื่อนั้นเราก็จะยังมีกันและกันเสมอ ... และตลอดไปชั่วนิรันดร์

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×