คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : CHAPTER 16 :: SEASON CHANGE ::
[#MINHOON #WINNER] :: DAY & NIGHT
CHAPTER 16 :: SEASON CHANGE ::
'ผมเพิ่งลงจากเครื่องบิน
กำลังรอกระเป๋าอยู่ พี่อยู่ไหน ?'
นิ้วหัวแม่มือของเด็กหนุ่มร่างสูงติดจะใหญ่จิ้มแป้นพิมพ์ของโทรศัพท์มือถือที่ตนเป็นเจ้าของ
ข้อความสั้นๆ ส่งออกไปหาใครบางคนนั้นรอการตอบกลับ แต่เนื่องจากพื้นที่สนามบินนั้นมีผู้คนมากมายหลากหลายเชื้อชาติทำให้การรอกระเป๋าเดินทางวิ่งเลื่อนไปตามสายพานนั้นช่างไม่เหมาะสมกับการยืนกดเล่นเครื่องมือสื่อสารเป็นเวลานานๆ
เจ้าตัวจึงรีบเก็บมันลงกระเป๋ากางเกงยีนส์แฟชั่นของตัวเองก่อนเพ่งสมาธิมุ่งมองสารพัดกระเป๋าเดินทางหลากสีหลายขนาดเลื่อนไหลไปมา
เมื่อเห็นสัมภาระของตัวเอง เจ้าเด็กตัวยักษ์ก็เอื้อมไปหยิบมาวางบนรถเข็นอย่างชำนาญ
ก่อนจะเข็นผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองอย่างง่ายดาย
'พี่รออยู่ฝั่งผู้โดยขาเข้าแล้วค่ะ
เจอกันนะคะน้องรัก'
ตาเรียวเล็กกวาดอ่านข้อความก่อนแสยะยิ้ม
เขาไม่รู้ว่าพี่สาวของเขานั้นต้องการอะไรถึงได้เรียกให้กลับจากฝรั่งเศสโดยด่วนถึงขนาดออกค่าเครื่องบินให้กลับเกาหลีโดยทันทีที่ติดต่อเขาเมื่อวันก่อน
การเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลโดยไม่ทันตั้งตัวนั้นทำเอาเขาอ่อนเพลียไม่น้อย
แม้ร่างกายจะสูงใหญ่ แต่การเรียนและการทำงานพิเศษไปด้วยก็หนักหนาสำหรับนักศึกษาต่างถิ่นเฉกเช่นเขา
ถ้าไม่ใช่ธุระสำคัญจนเขาต้องพักการเรียน
เขาจะด่าพี่สาวให้ลืมยศถาบรรดาศักดิ์ เอาให้ลืมไปเลยว่าใครเป็นพี่เป็นน้อง
ขายาวทอดน่องพลางให้สองแขนออกแรงลากรถเข็นมุ่งตรงไปทางด้านหน้า
หลังจากร่างกายเดินผ่านประตูบานเลื่อนสุดท้าย
ขายาวที่เคยก้าวเดินก็ต้องหยุดชะงักพร้อมอาการตกใจจนตาเล็กเรียวต้องเบิกโพลง
เขาสัมผัสได้ถึงแรงดึงรั้งไปทางด้านหลัง
และความรู้สึกอบอุ่นที่ไม่ได้สัมผัสมาเนิ่นนาน
"ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะน้องรักของพี่"
"ครับ"
"เหนื่อยไหม
?"
"ไม่เท่าไรหรอกครับ"
เด็กหนุ่มปัดผมหนาๆ
ที่ปรกหน้าผากขึ้นเมื่ออ้อมกอดของผู้เป็นพี่สาวคลายออก
เขาสบเข้านัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของหญิงสาวตรงหน้าหวังจะได้คำตอบผ่านแววตานั้น
แต่ผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องนั้นกลับหลบซ่อนความรู้สึกเก่งเหลือเกิน ...
เก่งจนยากจะค้นจนสุดท้ายต้องยอมพังความพยายามของตัวเอง
รอให้คู่สนทนาตรงหน้าบอกเองเสียยังจะดีกว่า
"งั้นกลับบ้านกันนะ
..."
"เดี๋ยวก่อนพี่
'แชริน' ..."
"หืม
... ว่าไงจ้ะ ?"
หญิงสาวที่คล้องเรียวแขนสวยเข้ากับท่อนแขนแกร่งพร้อมควงคู่เดินออกจากบริเวณสนามบินซึ่งมีผู้คนพลุกพล่านแทบจะชนไหล่นั้นชะงักไปชั่วขณะ
แชรินหน้าขึ้นสบเข้าคู่ตาสีเดียวกันกับตนอย่างสงสัยไม่ต่าง
เจ้าเด็กยักษ์เลิกลั่กไม่มีความแน่ใจว่าจะถามมันออกไปดีไหม
แต่สุดท้ายก็ต้องเอ่ยปากพูดถึงสิ่งที่ใจสงสัยมาเสียนาน
"พี่เรียกผมกลับมาทำไมกันแน่
?"
เรียวปากสวยสีแดงสดเนื่องจากแต่งแต้มด้วยลิปสติกแย้มยิ้ม
ไหล่บางยักน้อยๆ พลางส่งคำตอบที่ค่อยน่าพึงพอใจเท่าไรนักแก่น้องชายคนดี
"พี่มีเหตุผลของพี่
..." มือบางสัมผัสเข้ากับมือของเด็กหนุ่มพลางเกลี่ยเบาๆ
เชิงให้เชื่อใจพี่สาวคนนี้เข้าไว้ แต่อย่างไรเสีย
คำพูดของคนเป็นพี่ช่างดูว่างเปล่าแม้จะพยายามจับจุดสังเกตสักเพียงใด น้ำเสียง
รวมถึงท่าทางเก็บซ่อนความรู้สึกเก่งจนน่ากลัวนั้นก็ไม่อาจคลายความกังวลให้ปลิวหายไปจากใจของเด็กหนุ่ม
"ถึงเวลาพี่จะบอกเราเองนะ 'นัมแทฮยอน'"
อาการปวดหัวรุมเล่นงานเจ้าของกายสูงจนยากที่จะลืมตาตื่นขึ้นมาต่อสู้กับมัน
มือหนาเลื่อนขึ้นลูบไล้ขมับซึ่งมีเส้นผมสีสว่างปกคลุมอยู่
ใบหน้ายับยู่เหยเกจนหน้าผากเนียนเกิดริ้วรอยยาว
หนำซ้ำยังรู้สึกเมื่อยขบไปตามร่างกาย
เขาพยายามพลิกตัวจากการนอนคว่ำหน้าจนแก้มฝังลงหมอนนิ่มเป็นการนอนหงายสบายๆ
แต่ช่างยากลำบากเหลือเกิน เมื่อทุกส่วนของร่างกายนั้นช่างไม่สามัคคีกันเสียเลย
มินโฮจึงทำได้แค่ฝืนขยับกายเชื่องช้าเพื่อให้ตนนั้นอยู่ในท่านอนที่สบายที่สุด
แต่ร่างกายสบายได้สักพักก็เหมือนสมองจะตื่นแซงหน้าไป
ตาคมเบิกกว้างส่งหน่วยตากรอกมองโดยรอบ ห้องทรงสี่เหลี่ยมไม่คุ้นตา
ทั้งสีของวอลล์เปเปอร์ เฟอร์นิเจอร์อาทิโซฟา ม่านสีครีมสวย โต๊ะเขียนหนังสือ
เก้าอี้รูปทรงแปลกๆ
ที่แม้เขาจะชอบดีไซน์การออกแบบนั้นแต่มันไม่เคยมีอยู่ในห้องของเขา
รวมถึงร่างของใครอีกคนที่นอนขดใต้ผ้าห่มหนาฟู
ไหล่ขาวมนด้านหลังโผล่พ้นชายผ้านั้นเรียกสติให้มินโฮต้องรีบสำรวจตัวเองว่าท่อนบนของเขานั้นก็เปลือยเปล่าเฉกเช่นเดียวกัน
เรือนผมสีน้ำตาลดูหนาฟูบัดนี้ยุ่งเยิงบ้างก็ทิ้งตัวลู่ไปกับหมอนสีครีม
คนข้างกายไม่ใช่คนรัก ไม่ใช่อีซึงฮุนอย่างแน่นอน
แล้วเป็นใครกัน ?
ศีรษะยังคงปวดและเวียนจะเจ้าตัวต้องรีบยกมือขึ้นกุมเอาไว้ก่อนจะวูบไปอีกครั้ง
อยากหัวเราะเยาะตัวเองให้ฟันหลุด ความรู้สึกสมเพชตัวเองประดังขึ้น
ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยรู้สึกเกลียดตัวเองขนาดนี้เลย
มือหนาสั่นเทาพยายามเอื้อมไปหวังจับไหล่บางนั้นพลิกให้เห็นหน้าคู่นอนที่เขาไม่ได้ตั้งใจ
เห็นมินโฮมีบุคลิกท่าทางคล้ายพวกเจ้าชู้ประตูดินแต่ช่วงเวลาสองปีกว่าๆ
ที่เขาโดนบอกเลิกเพราะผู้หญิงที่ชื่อแชรินนั้น
โรคกลัวความรักก็ปิดกั้นไม่ให้มินโฮสานสัมพันธ์กับผู้หญิงหรือแม้แต่ผู้ชายคนไหนจนมาพบกับซึงฮุน
แต่สิ่งที่เขากำลังทำอยู่ตอนนี้คืออะไร
?
เขากำลังนอกใจซึงฮุนด้วยการนอนกับใครอีกคนที่เขาไม่รู้จักงั้นหรอ
?
ไม่สิ ...
เรื่องเมื่อคืนมันไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพียงแค่เขาเมามากไปเท่านั้น
เมาเพราะสิ่งโง่เง่าที่ไม่ควรเก็บมาใส่ใจมากมาย
เขาควรรวบรวมสติมากกว่านี้
ถ้าเมื่อคืนเขาไปหาซึงฮุน ยอมปรับความเข้าใจ ยอมขืนความรู้สึก
ยอมขัดใจไม่ให้ซึงฮุนอยู่คนเดียว เรื่องบ้าๆ แบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น
เจ้าของกายผิวสีน้ำผึ้งชักมือกลับเมื่อคู่นอนพลิกตัวจากท่าตะแคงหันหลังให้เป็นนอนหงายจนเห็นกรอบหน้าสวยนั้นจนเต็มดวง
ลมหายใจสม่ำเสมอฟ้องว่าอีกฝ่ายยังคงฝังตัวเองลงห้วงฝันหวานอย่างสบาย ต่างกับมินโฮ
เขานั่งมองอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกหลายๆ อย่างประสมปนเปจนจับจุดไม่ได้
ผู้ชายหน้าสวย
คิ้วเรียวทอดเป็นเส้นตรงติดไปทางตกนิดๆ ที่ด้านปลาย
ผิวขาวราวหิมะแรกและมีปากสีชมพูอ่อนคนนี้เป็นใคร ?
แน่นอนว่าคนข้างกายเขาตอนนี้เป็นคนแปลกหน้า
... แน่นอนหนึ่งร้อยเปอร์เซ็น
"นาย
!"
เพียงคำเดียวสั้นๆ
แต่ดังจนลั่นพื้นที่ห้องสี่เหลี่ยมปลุกเรียกให้ชายแปลกหน้าค่อยๆ
เปิดเปลือกตาขาวขึ้น มือข้างหนึ่งเต็มไปด้วยรอยสักสีเขียวเต็มพื้นที่ผิวขาวๆ
ขยี้ตาเล็กน้อยสลัดไล่อาการงัวเงีย
เมื่อรู้สึกตื่นเต็มที่ปากเรียวบางสีอ่อนก็ระบายรอยยิ้มให้ก่อนเอ่ยทักทายยามเช้า
"GOOD MORNING ครับ"
"หึ
!" ไร้เสียงทักทายกลับ มีเพียงสายตาเหยียดหยามส่งให้เด็กหนุ่มเท่านั้น
มินโฮขยับกายลุกขึ้นจากเตียงกว้าง แขนสองข้างกอดประสานระดับอก
ถึงจะจำอะไรไม่ได้แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะทำอะไรผิดพลาดไป "นายเป็นใคร ?"
"อะไรกันครับ
? เมื่อวานพี่ยังเรียกชื่อผมอยู่เลย"
"อย่ามาเล่นลิ้น
!" แววตาสมเพชใครอีกคนนั้นฉายชัดเต็มประดา
แต่เด็กหน้าหวานกลับยิ้มสู้ราวกับไม่รู้สึกอะไรทำเอามินโฮรู้สึกเกลียดคนตรงหน้าเสียเต็มทน
"ถึงฉันจะเมา แต่ภาพสุดท้ายที่ฉันจำได้คือคลับ ..."
"พี่แน่ใจหรอครับ
?" มือขาวบางแต่เต็มไปด้วยรอยสักเขียวไม่ต่างกับเรือนกายของมินโฮนั้นเอื้อมพ้นชายผ้าห่มคว้าโทรศัพท์มือถือบริเวณหัวเตียงขึ้นมา
ไม่นานเสียงน่าเกลียดก็ดังขึ้นจากเครื่องมือสื่อสารนั้น
ระงมทั้งเสียงร้องครางและเสียงเนื้อกระทบกันจนระดับความเกลียดตัวเองพุ่งสูง
ผู้ถือไพ่เหนือกว่าหยัดกายลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงบุกำมะหยี่เนื้อดีก่อนเลื่อนนิ้วหัวแม่มือปิดเล่นเสียง
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
แต่เด็กหัวแหลมกลับหัวเราะขึ้นราวนักแข่งวิ่งเข้าสู่เส้นชัย
"พี่คงปฏิเสธหลักฐานไม่ได้หรอกนะครับ"
"นายต้องการอะไรกันแน่
?"
"ผมไม่ต้องการอะไรหรอกครับ
..." เด็กร่างโตเลิกชายผ้าห่มออกจนพ้นตัว
เนื้อผิวขาวดูสุขภาพดีนั้นเปื้อนไปด้วยรอยสักสีเข้ม
มินโฮรู้สึกฉุนขึ้นมาทันทีเมื่ออีกฝ่ายคอยเล่นแง่ปั่นประสาท
ฝีเท้าไร้สลิปเปอร์ย่องเข้ามาใกล้เขาจนเจ้าของกายหนาคิดอยากเขยิบหนีไปให้ไกลด้วยนึกรังเกียจ
แต่หากถอยหลังก็จะชนกับโต๊ะหัวเตียงขนาดเล็ก จึงทำได้เพียงใจดีสู้เสือเท่านั้น
"ผมแค่อยากให้พี่รับผิดชอบในสิ่งที่พี่ทำกับผมเมื่อคืน ไม่งั้นแล้ว
คลิปเสียงนี้ว่อนไปทั่วแน่ๆ"
"คิดจะแบล็คเมล์กันอย่างนั้นหรอ
?"
"ผมไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนะครับ
แค่อยากให้พี่รับผิดชอบในสิ่งที่พี่ทำลงไปเท่านั้นแหละครับ"
"เสียใจนะ
ฉันมีคนรักอยู่แล้ว ..."
"ถ้าพี่รักและจริงใจกับคนที่พี่รักจริงๆ
เรื่องเมื่อคืนคงไม่เกิดขึ้นหรอกครับ"
"นายนี่มัน
... !"
คำพูดเสียดสี ล้อเลียน
และใบหน้าแย้มยิ้มราวกำลังเยาะเย้ยนั้นช่างน่าหมั่นไส้เสียจนมินโฮแทบเงื้อหมัดขึ้นกลางอากาศ
ถ้าไม่ติดว่าอีกฝ่ายยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเล่นเสียงน่ารังเกียจอีกครั้ง
เจ้าตัวคงเผลอปล่อยกำปั้นนั้นฟาดลงโครงหน้างามนั้นเปรี้ยงใหญ่
ความรู้สึกผิดโถมกระหน่ำเข้ากระทบฝั่งความคิดอีกระลอกเมื่อคิดถึงซึงฮุน
ชายคนเดียวที่ยื่นมือเข้ามาช่วยให้เขาผ่านพ้นโรคบ้าๆ อย่างกลัวความรัก
แม้จะรักเพียงใดหากความผิดครั้งนี้มันเกินให้อภัยเสียจริงๆ
กำปั้นนั้นคลายออกก่อนทิ้งลงข้างตัว
เรื่องนี้เขาเองเป็นคนผิดจริงๆ ใช่ไหม ? คำถามไร้คำตอบนี้เอาแต่ตอกย้ำซ้ำๆ
อยู่ในห้วงความคิดจนคลื่นไส้ ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งกอดเข่า ไม่อาจห้ามน้ำตาอุ่นได้เลยเมื่อสุดท้ายต้องยอมรับความจริงแล้วว่า
...
เขานอกใจอีซึงฮุน
หากคิดย้อนกลับไปเขามันก็เลวจริงๆ
ที่ตอบแทนคนคอยยื่นมือเข้ามาช่วยให้เขาเลิกกลัวความรู้สึกอันบริสุทธิ์อย่างคำว่ารักได้อย่างเย็นชา
มันมืดไปทั้งแปดด้าน ความทรงจำดีๆ ระหว่างเขาและใครอีกคนเพิ่งเริ่มต้นได้ไม่นาน
แต่ก็มีอีกคนเข้ามามีบทบาทแบบนี้ คนกลางอย่างเขาก็ยากจะตัดสินใจ หากเลือกซึงฮุน
เรื่องคาวๆ เมื่อคืนก็จะถูกเผยแพร่อย่างที่เด็กหน้าสวยว่า แต่หากเลือกคนตรงหน้า
เขาก็จะถูกตราหน้าว่านอกใจและทำคนที่รักมากที่สุดต้องเสียน้ำตาเพราะความผิดหวัง
ไม่ว่าทางไหน
ซึงฮุนก็เสียใจทั้งนั้น
โง่เอง ...
ซงมินโฮมันโง่เอง
โง่ที่ทิ้งคนรักของตัวเองเอาไว้ข้างหลัง
และโง่ที่สร้างเรื่องราวยากจะให้อภัยเอาไว้
หากมองย้อนกลับไป
เขาเองก็ไม่อาจให้อภัยได้แน่ๆ
ถ้าเขารู้ว่าคนที่ได้หัวใจไปครอบครองนั้นก่อเรื่องทำนองนี้เอาไว้
ตาคมบัดนี้แดงช้ำและเปื้อนมอมไปด้วยคราบน้ำตาเงยหน้าขึ้นมองผู้อยู่เหนือกว่าด้วยความสับสน
โฟกัสฝ้าฟางจับจุดไม่ได้จนภาพเบลอเลือน
แต่นั้นก็ไม่อาจกลบรอยยิ้มเยาะราวผู้ชนะบนหน้าใสๆ
แต่ซ่อนเร้นด้วยความร้ายไม่เบาได้เลย
"จำชื่อของผมเอาไว้นะครับคนดี
..." ชายแปลกหน้าที่มินโฮไม่เคยพบเห็น ไม่เคยรู้จัก
และไม่เคยคิดอยากสานสัมพันธ์ด้วยนั้นทิ้งตัวนั่งยองๆ ตรงหน้า
มือขาวเลื่อนไล้ปาดน้ำตาร้อนออกจากรูปหน้าหล่อเหลาอย่างเบามือ
ปากหยักสวยได้รูปประดับด้วยหมุดเงินจิ๋วสั่นเครืออย่างเห็นได้ชัดจนนึกสงสาร
แต่เขาต้องห้ามใจอ่อนกับคนตรงหน้าโดยเด็ดขาด "นัมแทฮยอน
ชื่อของคนที่รักพี่มินโฮคนนี้คือนัมแทฮยอนนะครับ"
ความเงียบยังคงเข้าครอบงำโทรศัพท์มือถือที่ซึงฮุนไม่ได้เป็นเจ้าของโดยตรง
ตั้งแต่เมื่อคืนไล่เรียงมาจนถึงวันใหม่
บุคคลผู้ยอมควักเงินจ่ายค่าของฟุ่มเฟือยนี้ยังไม่ติดต่อกลับมาเลย
ยอมรับว่าซึงฮุนเป็นฝ่ายงี่เง่าเอง
แค่คำถามประโยคเดียวไม่น่าเก็บมาคิดให้เรื่องทุกอย่างบานปลายถึงขนาดนี้
แก้หากจะให้ย้อนกลับไปแก้ไขอะไรคงทำไม่ได้จริงๆ
อาจเป็นเพราะกฎเกณฑ์ของโลกใบนี้คือสายน้ำไม่ไหลย้อนกลับ คล้ายๆ
กับเวลาที่ไม่อาจหมุนทวนเข็มนาฬิกาได้
ร่างสูงทำได้เพียงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แม้สายตาจะคอยจับจ้องกับอุปกรณ์สี่เหลี่ยมหน้าจอสีดำสนิท
แม้มือจะคอยหมุนควงปากกาด้ามเล็กอยู่ก็ตาม
แต่กะจิตกะใจล่องลอยจนตกในสภาวะเหม่อโดยสมบูรณ์แบบ
คิดถึง ...
เป็นคำเดียวในระบบประมวลของสมองในเวลานี้
แต่หากจะให้เขาติดต่อกลับไปก่อน
ภาวะวางฟอร์มงอนหรือโกรธโมโหก็จะไร้ความหมาย
ทำได้เพียงแค่รอต่อไป
แล้วเมื่อไรกันล่ะ ?
"พี่
... ซึง ... ฮุน !"
การเรียกขานชื่อย้ำทีละพยางค์ของหญิงสาวคนสนิทปลุกให้ซึงฮุนต้องตื่นจากห้วงอาการเหม่อลอย
หน้าขาวหันซ้ายแลขาวหาต้นเสียงก็ต้องสะดุ้งเบาเมื่อหญิงสาวเจ้าของเสียงใสนั้นยื่นหน้าเข้ามาใกล้ในระยะที่เรียกว่าแทบจะประชิด
ซึงฮุนรีบถดใบหน้าตัวเองออกด้วยอาการตกใจ
ทิ้งปากกาด้ามสวยลงบนโต๊ะพลางยกขึ้นลูบหน้าอกตัวเองปอยๆ หวังเรียกขวัญให้กลับมา
ช่างต่างกับเพื่อนร่วมงานคนสนิทเพียงคนเดียว บัดนี้หัวเราะคิกคักสมใจราวกับว่าสนุกสนานกับการกลั่นแกล้งคนเป็นเด็กเป็นเล็ก
"จีซูอา ... ตกใจหมดเลย"
"พี่ซึงฮุนเหม่อมาตั้งนานแล้วนะคะ
แผนการตลาดมันคงไม่สามารถเสร็จได้ถ้าพี่ไม่คิดมันออกมานะ"
ยิ้มใสแย้มขึ้น
ซึงฮุนผละมองเอกสารต่างๆ บนโต๊ะก่อนจะรีบจัดเรียงให้เป็นระเบียบ
แม้ทุกอย่างจะยังไม่เสร็จสิ้นก็ตาม
"เอ่อ
... พี่จะเริ่มทำเดี๋ยวนี้แหละ"
"พี่ซึงฮุน
..." มือบางตบเบาๆ
บนไหล่กว้างของคนเป็นเพื่อนร่วมงานและรับถือเสมือนพี่ชายตัวเอง
จีซูคิดว่าเข้าใจในสิ่งที่คนตรงหน้ากำลังเป็น เจ้าหล่อนถึงได้กล้าตรงมาดูอาการเช่นนี้ไง
"พี่กับพี่มินโฮคงไม่มีปัญหาอะไรกันใช่ไหมคะ ?"
"จะ
... จีซู ..."
สถานการณ์อันน่าอึดอัดเช่นนี้คืออะไรกัน
? แม้ในออฟฟิศจะมีเครื่องปรับอากาศคลายความร้อนภายในอาคารแล้ว
แต่ผู้ถูกถามกลับเหงื่อกาฬผุดพลาย มือไม้สั่นเทาจนยากจะควบคุม คำถามเสียงใสนั้นช่างคล้ายรถไฟเหาะเครื่องเล่นยอดนิยมตามสวนสนุกซึ่งจับร่างสูงให้ยกขึ้นก่อนจะกระชากและเหวี่ยงให้ทั้งร่างฝ่าช่วงอากาศอย่างรวดเร็ว
สุดท้ายเมื่อลงมาจากเครื่องเล่นนั้น
ใบหน้าก็ชาวูบไหวพร้อมหัวใจเต้นกระตุกราวถูกช็อตด้วยไฟฟ้านับล้านโวลต์
"พี่เอาแต่จ้องโทรศัพท์สลับกับถอนหายใจ
แถมยังไม่ใส่ใจงานทั้งๆ ที่พี่เป็นคนบ้างานจะตาย จีซูเห็นนะ"
ผู้แสดงสวมบทบาทนักสืบสาวยังคงมีท่าทีสงสัย
ตากลมหรี่ลงเล็กน้อยจับผิดผู้อายุมากกว่า
แม้จีซูจะไม่ค่อยรู้เรื่องราวระหว่างพวกเขาเท่าไรนัก
แต่ทุกความเคลื่อนไหวของพี่ชายคนสนิทและไอดอลหนุ่มแม้จะแค่ในคลับหรูแต่หากสอบถามผู้ชายร้อยทั้งร้อยก็คงอยากมีหน้าตา
รู้ร่าง และความเท่ห์แบบซงมินโฮอย่างแน่นอน "พี่ซึงฮุน
อย่าคิดว่าน้องเป็นคนอื่นคนไกลเลยนะคะ
จีซูน่ะเห็นพวกพี่ทั้งสองตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกันเลยนะคะ
อย่าลืมสิคะว่าใครอยู่ในร้านชาบูในวันนั้นด้วย"
เก้าอี้ว่างข้างกายถูกดึงลากเข้าไปก่อนร่างบางของหญิงสาวจะทิ้งกายลงอย่างผ่อนคลาย
ช่างตรงกันข้ามกับซึงฮุนเวลานี้เหลือเกิน ทุกอย่างถูกแขวนไว้บนความอึดอัด
เรื่องต่างๆ
ในใจเหมือนบูมเมอแรงแม้จะขว้างออกไปไกลตัวสักกี่ครั้งก็จะย้อนกลับมาให้คิดอยู่เสมอ
"นั้นสินะ"
"คราวนี้พี่บอกได้ยังคะว่ามีปัญหาอะไร
น้องจีซูคนสวยคอยช่วยเหลืออยู่เสมอน้า ..."
"คิคิ
..."
เพียงแค่ได้ยินคำปลอบโยนติดตลกก็แทบทำให้ผู้มีปัญหาหัวเราะขำขันขึ้นมาเบาๆ
เพียงเท่านี้ภายในหัวใจของซึงฮุนก็คล้ายเติมเต็มด้วยแสงสว่างหลังจากถูกความมืดดำของความโมโหครอบงำอยู่เนิ่นนาน
ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงที่เขาแบกรับเอาความโกรธไร้สาระมากอดไว้
แต่บัดนี้ช่องว่างดำมืดถูกขจัดด้วยคำพูดติดตลกของน้องสาวร่วมงานเพียงคนเดียวเท่านั้น
"ขอบใจนะจีซู แค่นี้พี่ก็สบายใจแล้วแหละ"
"อ้าว
... นี่จะไม่บอกกันจริงๆ หรอคะ ?"
"มันยังไม่ถึงที่สุดน่ะ
ถ้าวันไหนพี่ทนไม่ไหว จีซูจะเป็นคนแรกนะที่พี่คิดถึง ขอบใจมากนะน้องสาว"
แสงตะวันยามเย็นคล้อยถอยลงม่านตึกแต่ไม่อาจปรับกดอุณหภูมิของอากาศให้ต่ำลงได้เลย
กายสูงสีน้ำผึ้งท่อนบนสวมทับเพียงแค่เสื้อกล้ามสีขาวบางเบาอวดรอยสักหลากหลายรูปละลานตานั้นพยายามสูบอัดเอาสารพิษจากมวนบุหรี่แม้ราคาจะแพงลิ่วก็ไม่อาจลดสารอันตรายต่างๆ
ลงได้
กลุ่มควันสีขาวเทาพวยพุ่งออกจากปากหยักที่มีห่วงเงินอันเล็กรัดริมฝีปากล่างของเขาเอาไว้
ตาคมเหม่อลอยออกไปไกลจนไม่อาจบอกได้ว่ามุ่งมองไปทางใด ก้นบุหรี่ราวๆ
ห้ามวนเห็นจะได้ถูกขยี้ลงชามเขี่ยแก้วใบเล็กเป็นหลักฐานสำคัญว่าเจ้าตัวนั้นสูบเข้าไปมากเพียงใด
ไม่นาน
มวนบุหรี่ที่หกก็ถูกขยี้ตามลงไปเป็นเศษซากก่อนเขาจะทิ้งกายนั่งพิงกับซี่กรงเหล็กราวระเบียงห้องพัก
เข่าสองข้างชันขึ้นก่อนใบหน้าคมจะฝังลงหวังหลีกหนีความจริงอันโหดร้าย
ไม่กล้าจะไปหาเจ้าของห้องตรงกันข้าม
...
ไม่กล้าแม้แต่จะส่งข้อความไปหา
ไม่หวังจะปรับความเข้าใจ
ไม่หวังให้อีกฝ่ายอภัยให้เขา
ไม่หวังสิ่งใดทั้งนั้นในเมื่อตอนนี้เขายังคิดอะไรไม่ออก
หนทางแก้ปัญหาเรื่องนี้มืดมนไปหมด
มืดกว่าห้วงฟ้ายามเที่ยงคืนซึ่งไร้แสงจันทราหรือดวงดาราพราวระยับ
เสียงสัญญาณจากประตูด้านหน้าดังขึ้นก่อนจะถูกเปิดและปิดในเวลาอันรวดเร็ว
มินโฮไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมองเมื่อรู้อยู่แล้วว่าใครริอาจเข้าสู่พื้นที่ส่วนตัวโดยเจ้าตัวไม่ทันจะเอ่ยปากอนุญาต
เรียกได้ว่าเกลียดผู้มาใหม่จนไม่อยากจะเงยหน้าขึ้นสบตาเลยด้วยซ้ำ
ประตูกระจกหนาถูกเลื่อนออกแผ่วเบาจนไอความเย็นจากภายในตัวห้องล่องผ่านคลื่นความร้อนกระทบกับกายหนา
มืออุ่นของอีกคนสัมผัสเข้ากับมือของเขาจนเลี่ยงไม่ได้ต้องสบตา
แม้จะรังเกียจมากแค่ไหนก็ตาม
"กินข้าวกันเถอะครับ"
แม้อีกฝ่ายจะแสดงความอ่อนโยนผ่านน้ำเสียงหวานและกรอบหน้าเปื้อนรอยยิ้มสักเพียงใด
หากหัวใจของมินโฮจะบอกว่าไม่ใช่ ต่อให้พยายามทำดีเพียงเพื่อแลกกับความรักเพียงใด
สุดท้ายยังไงคนที่เขารักก็มีเพียงแค่ซึงฮุน ...
ไม่ใช่แทฮยอน !
"ฉันไม่กิน
!"
"พี่ดื้อ"
ผู้เด็กกว่าพยายามคะยั้นคะยอฉุดดึงชายตัวโตให้ลุกตาม ปากบางก็พร่ำบ่นด้วยอาการเอาแต่ใจ
หากคนอื่นมองคงคิดว่าการกระทำของเด็กตรงหน้าคงน่ารักไม่น้อย
แต่สำหรับมินโฮแล้วนั้น เขากลับรู้สึกรำคาญเสียมากกว่า
"ยังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เช้าเลยนะครับ เดี๋ยวป่วยไปซะก่อนนะ ..."
"ฉันจะเป็นอะไรก็เรื่องของฉันเถอะ
!"
"แล้วผมล่ะ
? ไม่คิดว่าผมจะเป็นห่วงพี่หรือไง ?"
"..."
ไม่มีคำพูดใดๆ
โต้ตอบกลับ มีเพียงหมอกความเงียบงันโรยอยู่เหนือบุคคลทั้งสอง
ต้องขอบคุณการจราจรเบื้องล่างคอยขัดไม่ให้ทุกอย่างนั้นน่าอึดอัดจนเกินไป
แม้จะอยู่บนตึกสูงแต่ย่านดังกล่าวมีรถราคอยวิ่งผ่านอยู่ตลอดเวลา
แต่บรรยากาศอันน่าอึดอัดนั้นก็ไม่จีรังหากเสียงรหัสประตูถูกกดอยู่ด้านนอกบวกกับประตูบานเขื่องถูกผลักเปิดเข้ามา
อาคันตุกะผู้มาเยือนนั้นเดินเข้ามาพร้อมกับถุงพลาสติกที่ดูยังไงก็เป็นข้าวของจากร้านสะดวกซื้อใต้ตึก
หากแต่วินาทีนั้น อากาศร้อนรอบตัวแปรเปลี่ยนเป็นความหนาวเหน็บแทบตัดเข้าถึงขั้วหัวใจ
เมื่อตาของมินโฮเสมองผู้มาใหม่คนนั้น
ถุงพลาสติกในมือนั้นหลุดมืออย่างอัตโนมัติ
แววตาเล็กสั่นไหวเพราะน้ำใสๆ รื้นขึ้นเคลือบดวงตาเอาไว้
นิ้วมือทั้งห้ารวบเข้าหาฝ่ามือ หน้าขาวเปลี่ยนเป็นสีแดงจัดด้วยความโมโห
ซ้ำยังฉายความไม่เข้าใจเนื่องจากใครอีกคนที่นั่งกุมมือคนรักของเขาตรงระเบียงห้องนั้น
"ซะ
... ซงมินโฮ ..." ชื่อของเขาเคยถูกเรียกขานด้วยความเอ็นดูนั้น
วันนี้มันเปลี่ยนไป กลับกลายเป็นสั่นเครือ
น้ำเสียงเคยสดใสเมื่อวันวานหากฟังวันนี้ช่างไร้ชีวิตชีวาเสียเหลือเกินเมื่อก้อนน้ำตานั้นแผลงฤทธิ์ให้เจ้าของกายสูงสะอื้นไห้
"นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ?!"
ตัดจบตอนด้วยความสับสนและงุนงงไปค่ะ
แง ... อย่าเพิ่งว่าพี่เรนท์ที่หายไปนานเลยนะคะ
พี่เรนท์เพิ่งหายป่วย หลังจากซมอมพิษไข้ไปเกือบสองวัน
หายได้วันเดียวพี่เรนท์ก็ศีลแตกกินชาไข่มุกจนหวัดกลับน้ำมูกไหลกินยาต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน
แถมเจอคอร์สออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรงของหญิงแม่อีก
ฟิคเรื่องนี้เลยช้าๆ อืดๆ ด้วยประการฉะนี้แล TT
สำหรับพาร์ทของคุณซงนั้น
พี่เรนท์ตั้งใจให้อ่านงงๆ ค่ะ จะได้เข้าใจคุณเขาเนอะ
ส่วนมือที่สามนั้นคือนัมแทฮยอนนั้นเองค่ะ
มาเฉลยแล้วเนอะหลังจากที่พี่เรนท์วางบอมพ์เอาไว้จากตอนที่แล้ว
ขอบคุณสำหรับการติดตามแม้จะช้าแต่ก็อยากพูดคำว่าขอบคุณทุกๆ
คนเสมอค่ะ
รักนะคะ
#DAYNIGHTSTORY
PS. อย่าเพิ่งโทษตัวละครของพี่เรนท์ว่าอ่อนแอหรือโง่งมอะไรเลยนะคะ
ทุกๆ ตัวละครมีเหตุผลของทุกการกระทำค่ะ
ความคิดเห็น