คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : CHAPTER 13 :: SUNDAY ::
[#MINHOON #WINNER] :: DAY & NIGHT ::
CHAPTER 13 :: SUNDAY ::
โทรศัพท์มือถือที่ไร้การตั้งปลุกยังคงถูกวางอยู่เงียบๆ
ตรงโต๊ะเล็กบริเวณหัวเตียง
วันหยุดสุดสัปดาห์ของการพักผ่อนมันคงดีกว่านี้หากไร้แสงตะวันโผล่พ้นซอกตึกเข้าทำลายห้วงฝันหวาน
กายบางในอ้อมกอดของคนตัวหนาแม้จะสูงยาวกว่าและลาดไผล่กว้างกว่าขยับกายเพียงน้อยนิดเมื่อรู้สึกตัวว่าตนตื่นแล้ว
สิ่งแรกที่ซึงฮุนเห็นในเช้าวันนี้คือหมุดเงินอันเล็กติดอยู่บริเวณใต้ริมฝีปากล่างของคนตัวหนา
"มินโฮ
นายไปเจาะปากตั้งแต่เมื่อไรกัน ?"
"..."
เสียงคำถามแผ่วไร้ซึ่งคำตอบเมื่ออีกฝ่ายยังคงหลับตา
ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอเป่ารดหน้าผากขาวเนียนและสันจมูกทำให้รู้ว่ากำลังหลับสนิท
อ้อมกอดอุ่นยังคงกระชับแน่น
ตาเล็กกวาดมองใบหน้าคมที่ยังคงไม่ทิ้งคราบความหล่อเหลาแม้จะหลับปุ๋ยหากเป็นคนอื่นคงดูไม่ได้แล้วด้วยความรัก
คบกันมาร่วมเดือนซึงฮุนจึงยอมให้อีกฝ่ายเข้านอกออกในบ้านเขาได้อย่างอิสระ
รหัสบ้านไม่ใช่ความลับระหว่างกันอีกต่อไป หากแต่เขาต้องทำงานในช่วงกลางวัน
ในทุกเช้าจึงมีอ้อมแขนอุ่นๆ คอยโอบกอดเอาไว้เสมอเมื่อลืมตาตื่น มันคือความสุขเล็กๆ
พร้อมเป็นวิตามินเสริมให้ร่างกายรับกับกิจกรรมต่างๆ ตลอดทั้งวัน
มือซนเอื้อมขึ้นพลางส่งนิ้วชี้ติดจะป้อมขึ้นจิ้มเข้ากับหมุดกลมแวววาว
แต่นั้นคงเป็นการรบกวนคนนอนดึก เจ้าซงมินโฮถึงได้ครางเบาๆ
ในลำคอก่อนยกมือขึ้นปัดอากาศแม้จะยังกอดอีกคนแน่น
แต่คงถูกใจซึงฮุนไม่น้อย
เขาหัวเราะคิกคักให้กับท่าทีน่าขำขันนั้นเบาๆ
"หือ
... ซึงฮุน ตื่นเร็วจัง"
เพราะมินโฮยังไม่สามารถลืมตาตื่นได้อย่างเต็มที่
ภาพคนรักจึงเลือนลางแต่นั้นก็ไม่วายให้มินโฮปล่อยกายของอีกคนออก
เจ้าของกายขาวกลิ้งออกจากอ้อมแขนแข็งแรงของชายหนุ่มกำยำไปตามเตียงกว้างก่อนดีดตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง
สองตาเรียวสบมองใบหน้าเนียนพลางแย้มยิ้มจนโหนกแก้มยกราวซาลาเปานึ่งใหม่นุ่มฟู
"มันชินน่ะ
..."
บุคคลตัวหนาที่นอนตะแคงปรือตาอยู่ฝังเสี้ยวหน้าลงกับหมอนนิ่มพลางทำปากจุ๊บจิ๊บราวกับพร่ำบ่นไร้เสียงช่างหน้าเอ็นดูจนซึงฮุนอดเผลอเอื้อมมือไปลูบผมยุ่งฟูสีสว่างราวรังนกนั้นไม่ได้
ผู้ถูกกระทำคว้าข้อมือของคนรักได้ก็รีบนำมาวางทาบแก้มราวกับเด็กกำลังออดอ้อนขออะไรสักอย่าง
"ถ้ายังรู้สึกว่าง่วงอยู่ก็นอนอีกสักหน่อยนะ เมื่อคืนนายกลับมาก็เกือบสว่าง
เดี๋ยวจะไม่สบายเอา"
"ไม่อยากนอนเลยถ้านายไม่อยู่ให้กอด"
"เอาแต่ใจ"
แม้จะสบถด่าแต่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนนั้นทำให้มินโฮคิดอยากเอาแต่ใจมากขึ้นไปอีก
ข้อมือที่ถูกจับประคองไว้หลวมๆ
นั้นถูกกระชากจนร่างสูงบางนั้นเสียหลักแม้จะนั่งอยู่จนล้มทับกับแผ่นอกกว้าง
มือปลาหมึกของคนที่นอนจมกับเตียงนุ่มไม่ชักช้ารอให้ซึงฮุนดีดตัวขึ้นไปรีบโอบกอดเสียแน่นโดยไม่สนใจว่าอีกคนจะหายใจออกหรือไม่
มินโฮยอมเป็นคนเห็นแก่ตัวหากได้สัมผัสกายนิ่มๆ
ของซึงฮุนตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง
"ซึงฮุน
ฉันรักนายนะ"
"อื้อ
... รู้แล้ว"
"นายรักฉันบ้างไหม
? ตลอดเวลาเกือบๆ
เดือนฉันยังไม่ได้ยินคำว่ารักจากปากนายเลยนะ ฉันอยากได้ยินคำคำนั้นจัง"
มือหนาข้างหนึ่งของมินโฮเลื่อนขึ้นลูบกลุ่มผมนิ่มสีเข้มของซึงฮุนช้าๆ
ราวกับปลอบประโลมจนซึงฮุนเคลิบเคลิ้มราวลูกแมวเหมียวตัวน้อยกำลังโดนเกาคาง
ถึงอย่างนั้นตาเล็กก็ช้อนขึ้นสบตาคมราวกับส่งคำตอบของคำถามนั้นให้แก่ชายคนรัก
"ให้การกระทำของฉันเป็นคำตอบได้ไหม
? ให้ทุกสิ่งที่แสดงออกสื่อถึงความรู้สึกของฉันที่มีต่อนายเถอะนะ"
ว่าจบ
เจ้าลูกสิงโตก็มุดใบหน้าแดงๆ ราวมะเขือเทศนั้นเข้าหาแผ่นอกแกร่งหวังจะหลบซ่อนความขวยเขินนั้น
แม้เสื้อยืดสีเข้มของมินโฮจะเคล้าด้วยกลิ่นของการเผาไหม้บุหรี่จนเหม็นคลุ้งแต่ก็ไม่นึกรังเกียจ
หากหัวใจยอมรับแล้วว่ารักคนคนนี้ ซึงฮุนยอมมองข้ามสิ่งเล็กน้อยนั้นไปสิ้น
เรียวปากหยักแต่งแต้มด้วยหมุดเงินอันเล็กยกยิ้มมุมปากบางๆ
แม้ไม่ค่อยพอใจกับคำตอบจากพ่อดวงตะวันแต่การกระทำนั้นชัดเจนเสมอ
นับวันซึงฮุนยิ่งน่ารักสำหรับเขาจนบางทีก็อดหมั่นเขี้ยวไม่ได้
แขนแกร่งที่ยังคงโอบกอดรอบตัวเจ้าของกายผอมบางนั้นเลื่อนมือขึ้นลูบเรือนผมนิ่มส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ
ซึ่งมินโฮนั้นสัมผัสได้เพียงคนเดียว
ซ้ำยังเชื้อเชิญให้ปลายจมูกโด่งเป็นสันนั้นฝังลงเพื่อสูดกลิ่นละมุนๆ
นั้นเข้าเสียเต็มปอด
อย่างที่เคยบอก
กลิ่นกายของซึงฮุนนั้นหอมราวอรุณรุ่งสาง
กลิ่นคล้ายใบไม้และดอกไม้สดใสเมื่อยามแสงตะวันสาดส่อง และบริสุทธิ์เหมือนท้องฟ้าสีสวยช่วงเช้าตรู่
"ก็ได้ครับ"
นับตั้งแต่หัวใจยอมรับคำว่ารัก มินโฮยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองให้สุภาพกับซึงฮุนมากขึ้น
เนื่องจากซึงฮุนนั้นอายุมากกว่าถึงหนึ่งปี
มีนิสัยนุ่มนิ่มอ่อนโยนไม่แข็งกระด่างเหมือนเขา แถมยังมีเรื่องโรคร้ายที่รอการบำบัดรักษานั้นคอยค้ำกายเสมอ
"ลุกเถอะครับ วันนี้ไปเที่ยวสวนสนุกกันนะ"
"หืม
... คิดยังไงชวนไปสวนสนุก ?"
"พาเด็กซนไปปล่อย
จะพาเล่นเครื่องเล่นทุกชิ้นเลย"
"ใครเด็ก
? นี่อายุจะสามสิบแล้วเถอะ"
ชายหนุ่มผู้ถูกกล่าวหารีบหยัดตัวขึ้นนั่งพลางฉายสีหน้ายุ่ง
ปากบางคว่ำเบะเคลือบแฝงด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อถูกต่อว่าว่าเป็นเด็ก
ปรายตามองเจ้าของกายหนาที่พยายามยืดตัวขึ้นนั่งบ้างอย่างยากลำบากแล้วรู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมาดื้อๆ
สองขายาวยืดออกพยายามหย่อนให้เท้าสัมผัสไอเย็นจากพื้นหิน
แต่ก็ต้องชะงักเมื่อโดนสวมกอดจากทางด้านหลัง
เรื่องรุงรังนี่ไว้ใจซงมินโฮได้เลย
! ให้ตายสิ
"ขี้งอนแบบนี้ไงถึงโดนมองว่าเป็นเด็ก
อีซึงฮุนเด็กดื้อ !"
"ถ้าฉันมันดื้อก็ปล่อยสิ
จะกอดไว้ทำไม ? เด็กดื้อไม่สมควรโดนกอดไม่ใช่หรอ ?"
"ต่อให้ซึงฮุนจะดื้อกว่านี้อีกร้อยเท่าพันเท่า
แต่มินโฮจะไม่ปล่อยให้ไปไหนครับ จะอยู่เป็นผู้ปกครองคอยกำราบเด็กดื้อคนนี้เอง"
แม้ซึงฮุนจะได้ยินคำหวานจากปากมินโฮมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
แต่ก็ไม่อาจควบคุมหัวใจไม่ให้สั่นไหวได้ทุกครั้ง
คนเขินรีบดึงแขนเจ้าคนปากหวานออกพร้อมผละร่างออกให้พ้นเขตของเตียงนอนกว้าง
หากขืนยังวางก้นให้จมกับที่นอนอยู่แบบนั้นมีหวังได้โดนมนุษย์หมีแต่มือเป็นปลาหมึกคอยรังควานจนไม่ได้ใช้ชีวิตตลอดทั้งวันแน่ๆ
ผ้าเช็ดตัวผืนหนาคือสิ่งที่มือขาวคว้ามาถือไว้ก่อนสองเท้าจะมุ่งหน้าเดินออกจากพื้นที่ห้องนอนไป
แต่ไม่วายยื่นใบหน้าน่ารักเข้ามาแล้วตะโกนเสียงหวานราวเสียงเด็ก
...
"งั้นคุณผู้ปกครองก็เตรียมมาอาบน้ำต่อแล้วกันนะครับ
จะได้ไปเที่ยวกัน"
สุดท้าย ...
ซงมินโฮก็แพ้คลื่นความน่ารักของอีซึงฮุนอยู่ดี
เช้าวันอาทิตย์ที่ถนนสายออกจากกรุงโซลค่อนข้างคล่องตัวต่างจากฝั่งขาเข้า
เครื่องปรับอากาศสะท้อนไอเย็นตัดรังสีของตะวันแรงกล้าทะลุฟิล์มกรองแสงส่งความร้อนเข้ามานั้นไม่ทำให้รู้สึกระคายผิวแม้แต่น้อย
เพลงป๊อบใสๆ แบบที่เจ้าตัวชอบฟังทั้งเก่าและใหม่สลับเปลี่ยนทุกๆ
สี่นาทีทำให้อารมณ์ของผู้ขับขี่สดใสขึ้นมาก
รถยนต์ถูกบังคับให้ขับเคลื่อนไปตามถนนผ่านป้ายสัญลักษณ์รวมถึงป้ายชี้ทางต่างๆ
เจ้าของกายบางยิ้มกริ่มเมื่อสังเกตเห็นคำว่าปูซานอยู่เป็นระยะๆ
พร้อมตัวเลขบ่งบอกความห่างไกลระหว่างตัวรถและจุดหมายปลายทาง
จินอูคว้าแก้วชาผลไม้ที่ยังคงรสชาติหวานอ่อนๆ
แม้น้ำแข็งในแก้วจะเริ่มละลายเป็นน้ำเปล่าใสลอยตัวอยู่เหนือของเหลวสีสวยขึ้นดื่มเพื่อให้รู้สึกตื่นตัว
แม้ถนนเบื้องหน้ายังอีกยาวไกลแต่ด้วยความหวังจะได้พบกับคนรักนั้นก็ส่งให้หัวใจดวงน้อยเต้นแรงจนไม่อาจหยุดยั้ง
กลีบปากบางสวยเผลอแย้มยิ้มเมื่อจินตนาการว่าหากซึงยุนเห็นเขามาเซอร์ไพร์สถึงปูซานนั้นจะมีสีหน้าอย่างไร
เวลาเกือบเดือนรวมถึงความห่างไกลไม่ได้ทำให้ความรักและความเชื่อใจระหว่างจินอูและซึงยุนลดน้อยถอยลง
แม้ซึงยุนจะเรียนหนัก
หรือจินอูจะทำงานตลอดทั้งวันนั้นไม่ได้เป็นประเด็นหยิบยกมาทะเลาะเบาะแว้งให้เสียความรู้สึก
ซึงยุนมีภาวะความเป็นผู้ใหญ่มากพอ
หากจะถามว่าเรื่องราวระหว่างคนทั้งสองนั้นหากใครงี่เง่าหรือไร้เหตุผลมากกว่ากันคงเป็นจินอูเสียเอง
หลายต่อหลายครั้งระหว่างการคุยโทรศัพท์หรือผ่านการแชทจินอูมักจะเป็นฝ่ายเลือดร้อนหรือชอบงี่เง่าก่อนเสมอ
และทุกครั้งก็จะเป็นซึงยุนที่ยอมเขาเกือบทุกอย่าง
แต่ที่ยอมทุกครั้งก็มักจะบอกเหตุผลขึ้นมาว่าทำไมซึงยุนต้องทำแบบนั้น หากจะให้เทียบ
จินอูดูเป็นเด็กกว่าซึงยุนเสียอีก
คิดถึงใบหน้ากลมๆ
ของเด็กตัวโตเมื่อถูกเซอร์ไพร์สแล้วก็แอบยิ้มกริ่ม
คงจะเหวอแลดูน่าเกลียดไม่เบาจนจินอูเผลอหัวเราะขำขันออกมาเบาๆ
ตากลมสวยลอบมองเบาะนั่งทางด้านหลังผ่านกระจกส่องหลังบานเล็กเหนือศีรษะ
ถุงต่างๆ ตั้งแต่ถุงกระดาษจากห้างดังยันถุงพลาสติกจากร้านสะดวกซื้อ
ภายในนั้นบรรจุของต่างๆ ที่ซึงยุนชอบตั้งแต่นมเปรี้ยว โยเกิร์ต
ไปจนถึงเสื้อผ้าตามรสนิยมของเด็กตัวโต
ซึ่งจินอูตั้งใจเก็บเงินตั้งแต่วันแรกที่คบกันเพื่อสรรหาของเหล่านี้ให้เป็นของขวัญวันครบรอบ
เผลอเพียงกระพริบเดียว
ความรักที่เขาไม่เคยคิดว่าจะเป็นไปได้กลับเติบโตได้ถึงขนาดนี้
ช่างมีความสุขอยู่ไม่น้อย
แม้จะไม่ได้เจอกันร่วมเดือน
แต่ก็อุ่นใจเสมอหากคิดถึงวันแรกระหว่างเขาและคังซึงยุน
จินอูตั้งใจขับรถด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจเพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาหากยังใช้รถใช้ถนนอย่างไม่ระมัดระวัง
แรงจูงใจของความตั้งใจนั้นคงหนีไม่พ้นใครบางคนกำลังใช้ชีวิตอยู่ปูซานโดยยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่นั้น
...
คังซึงยุน
ท่ามกลางเหล่ามาสคอตมากมายไม่ว่าจะเป็นตัวละครจากการ์ตูนดัง
เหล่าเจ้าหญิงเจ้าชาย หรือแม้แต่ตัวร้าย มอนเตอร์และเหล่าสัตว์ต่างๆ
พากันเดินขวักไขว่สวนกันไปมาพลางโบกมือทักทายนักท่องเที่ยวโดยไม่แบ่งแยกว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ตามลานจัตุรัสกว้างถัดจากประตูทางเข้าสวนสนุก
ซึงฮุนตื่นเต้นจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่จนต้องวิ่งโลดเข้าไปจับมือรวมถึงไล่กอดมาสคอตสิงโตตัวสีส้มอิฐอย่างลืมตัว
ทิ้งให้มินโฮหัวเราะขำขันกับท่าทางของคนที่แย้งไว้ก่อนมาว่าไม่ใช่เด็กเล็กๆ
อย่างที่หนุ่มร่างหนาเข้าใจ
แต่การกระทำนั้นกำลังสวนทางกับคำพูดอย่างสิ้นเชิง
กล้องถ่ายรูปตัวเก่งถูกนำออกจากกระเป๋าผ้าใบเล็กก่อนจะถูกยกขึ้นเพื่อเก็บรูปความทรงจำแสนน่ารักเอาไว้โดยไม่ให้ซึงฮุนรู้ตัว
ปากหยักยิ้มบางๆ
เมื่อเห็นว่าคนรักนั้นเอาแต่สนุกสนานกับการวิ่งไปหามาสคอตตัวนั้นตัวนี้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยและแคร์สายตาใครโดยเฉพาะเด็กๆ
ตัวเล็กๆ ที่เริ่มยืนมองพี่ชายตัวโตตาละห้อย
แต่พี่ชายหน้าตี๋กลับไม่สนใจสายตา
และยังคงหลงมัวเมากับการเต้นรำกับเหล่ามาสคอตสัตว์ต่างๆ
มินโฮถ่ายรูปมุมเด็กๆ
อย่างเป็นธรรมชาติของคนตัวสูงเพลินจนลืมสังเกตว่าซึงฮุนนั้นเริ่มวิ่งเข้ามาใกล้พลางขยับปากบ่นเรื่องที่โดนแอบถ่าย
"นี่
! แอบถ่ายกันหรอ ? ลบให้หมดเลยนะ !"
"ลบทำไม
มีแต่ภาพสวยๆ"
"แต่ฉันไม่ชอบนี่
! จังหวะตอนเผลอออกจะน่าเกลียด"
"ไม่เห็นจะน่าเกลียดเลย
ออกจะดูดีด้วยซ้ำ ไม่เชื่อใช่ไหม ? นี่ ...
เดี๋ยวเอาให้ดูว่านายน่ะดูดีแค่ไหน"
ว่าจบกล้องตัวเก่งก็ถูกพลิกจนหน้าจอสี่เหลี่ยมสะท้อนภาพถ่ายเข้ากับตาเรียวเล็ก
นิ้วมือของมินโฮกดเลื่อนรูปถ่ายไปเรื่อยๆ เมื่อเห็นว่าซึงฮุนดูด้วยความเงียบพลางลอบยิ้มพออกพอใจกับผลงานก็รีบปล่อยกล้องก่อนเอื้อมมือส่งไปจับมือของอีกคนอย่างอารมณ์ดี
"..."
"ไปด้านในกันดีกว่า
เครื่องเล่นสนุกๆ กำลังรอเราอยู่นะ"
แค่ได้ยินคำว่าเครื่องเล่นหรือสนุก
หูของซึงฮุนแทบจะตั้งหางแทบกระดิกราวกับลูกสุนัข
ใบหน้าขาวฟูไปด้วยความสุขวิ่งลากอีกคนไปตามทางเดินเต็มไปด้วยผู้คนอย่างอารมณ์ดี
มินโฮหัวเราะจนตาเรียวหยีเป็นสระอิ สองเท้าสับวิ่งตามแรงจูงของอีกคน
แม้จะรู้ดีว่าซึงฮุนมีอดีตเลวร้ายจนยากจะจดจำ
แต่เมื่อพามาปลดปล่อยราวกับกำลังคลายแอกพันธนาการกายและใจเอาไว้
ซึงฮุนก็พร้อมวางความกังวลทุกอย่าง
เจ้าของกายสูงตรงหน้าแม้วินาทีนี้มินโฮจะเห็นเพียงด้านหลังนั้นก็รู้ว่าคนคนนี้มีความสุขมากเพียงใด
หนำซ้ำ
ซึงฮุนยังทำตัวเป็นเด็ก วิ่งไปทั่วทั้งอาณาบริเวณของสวน
กระโดดไปมาเพื่อจับผีเสื้อสวยราวกับแมวน้อยจ้องตะครุบเหยื่อ ปากทรงกระจับบางสวยนั้นอ้ากว้างพร้อมเปล่งเสียงหัวเราะออกมาดังๆ
ราวกับมีความสุขกับสิ่งที่มินโฮกำลังหยิบยื่นให้
"ไปเล่นนั้นกัน"
"หืม
? ไม่กลัวเปียกหรือไง ?"
"ฉันกลัวความมืดนะ
ไม่ได้กลัวน้ำเป็นพิษสุนัขบ้าสักหน่อย"
มินโฮมองตามนิ้วชี้ของเด็กในการปกครองไปเห็นเครื่องเล่นที่ชื่อว่า
SUPER SPLASH กำลังลื่นไถลมาตามรางเหล็กก่อนปะทะกับผิวน้ำด้านล่างอย่างรุนแรงจนน้ำกระเด็นออกจากอ่างขนาดใหญ่เปียกไปทั่วทั้งบริเวณรอบข้าง
หากด้านล่างยังคงเปียกขนาดนี้ คนที่อยู่ด้านบนจะชุ่มด้วยน้ำเย็นๆ ขนาดไหนกันนะ ?
"ฉันกลัวนายเป็นหวัดต่างหาก
ก่อนเล่นไปหาชุดกันฝนใส่กันดีกว่า"
มินโฮเดินนำลิ่วไปยังตู้กดเสื้อกันฝนแบบอัตโนมัติเยื้องๆ
กับเครื่องเล่นนั้น ก่อนจัดการหยอดเหรียญตามราคาที่ปรากฏด้านในตู้นั้น
ซึงฮุนเบ้หน้าทันทีที่เห็นเสื้อกันฝนของตัวเองนั้นหนาและสีสดใสกว่าของมินโฮมากโข
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เมื่อสุดท้ายแล้วมันถูกคลุมทับกับกายของตนโดยไม่ทันได้ทักท้วงอะไร
"ทำไมของฉันถึงได้หนาจังล่ะ
แล้วนั้นนายใส่ถุงพลาสติกหรือไง ? สองมาตรฐานจังอ่ะ"
ขนาดบ่นซึงฮุนยังน่ารักจนอยากฟัดแก้มขาวนั้นเสียทีหนึ่ง
แต่ก็ทำได้แค่ข่มใจเอาไว้แล้วจัดแจงดึงหมวกขึ้นปิดศีรษะของคนรักอย่างอ่อนโยน
กิริยานั้นเรียกให้ใบหน้าขาวเห่อร้อนผ่าวๆ
แม้เจ้าตัวจะสูงกว่า แต่เมื่อโดนเจ้าของกายผิวสีเข้มทำตัวละมุนละไมราวปุยเมฆใส่ก็อดที่จะเขินไม่ได้
พยายามบ่ายเบี่ยงต่างๆ นาๆ หวังหลบซ่อนอาการเคอะเขินที่กำลังฉายชัดออกมาทางดวงหน้า
การออกวิ่งราวเด็กชายตัวเล็กกำลังตื่นเต้นจะได้ขึ้นเครื่องเล่นคงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่อาจช่วยเหลือซึงฮุนในวินาทีนั้นได้
แถวตอนเรียงหนึ่งหน้าบันไดเครื่องเล่นคือจุดหมายของซึงฮุนโดยพยายามไม่คิดถึงเรื่องราวอบอุ่นซึ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่
มินโฮได้แต่ยิ้มบางๆ
พลางเดินตามเด็กในปกครองไปเข้าแถวบ้าง ส่วนมือไม้ก็ไม่คิดอยู่สุข
เลื้อยเข้ากอดเอวคนรักราวกับปลาหมึกด้วยความหวงแหน
เกรงว่าหากผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาจะชนเจ้าคนตัวหอมเอาได้
"ที่ชุดกันฝนของนายหนากว่าเพราะฉันไม่อยากให้นายเป็นหวัดไงล่ะ
เข้าใจใช่ไหม ?"
"เข้าใจแล้ว
... ทำไมต้องกระซิบและทำเสียงแบบนั้นด้วยล่ะ ?"
"คงเพราะคิดถึงเรื่องคืนนั้น
..."
"ไอ้คนหื่นกาม
!"
มือขาวฟาดลงต้นแขนแกร่งอย่างแรงแม้จะมีแจ็คเก็ตลายตารางหมากรุกสีดำสลับกับสีแดงตัวหนาคลุมอยู่จนคนถูกตีโอดด้วยความเจ็บปวด
เรียกให้สายตาของนักท่องเที่ยวรอบข้างนั้นส่งสายตามองด้วยความสงสัยเป็นตาเดียว
ทั้งมินโฮและซึงฮุนยิ้มแห้งด้วยความเขินอายก่อนโบกมือน้อยๆ ว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ราวกับให้ลืมๆ เรื่องเมื่อกี้ไปเถอะ
"ฟาดลงมาได้ไงครับ
? อายคนอื่นเขาเลยเห็นไหม ?"
"แล้วใครอยากให้มาพูดอะไรทะลึ่งๆ
ข้างนอกกลางคนนับร้อยแบบนี้ล่ะ ?"
"แล้วใครใช้ให้นายน่ารักกันล่ะ
?"
เมื่อเถียงไปก็ไม่ชนะซึงฮุนจึงเงื้อมือหวังจะฟาดลงอีกครั้ง
แต่ก็ต้องหยุดความคิดหวังทำร้ายร่างกายเมื่อถึงคิวต้องเครื่องเล่น
เจ้าแก้มฟูรีบละความสนใจคุณผู้ปกครองหนึ่งวันก่อนจะวิ่งลุ่นๆ
ขึ้นเครื่องเล่นด้วยสีหน้าเบิกบาน
มินโฮแทบปรับอารมณ์ตามซึงฮุนไม่ทันแต่ก็ต้องตามขึ้นไปเพราะความเป็นห่วง
ทันทีที่เครื่องเล่นลื่นไถลลงตามระดับความสูงเสียงหวีดร้องบ่งบอกความสนุกสนานและตื่นเต้นจากคนที่นั่งข้างๆ
ก็ดังขึ้น มินโฮยกมือขึ้นโอบรอบไหล่กว้าง แม้คนข้างๆ จะดูตัวโตกว่า ไหล่กว้างกว่า
หรือสูงกว่า แต่มินโฮก็พร้อมจะปกป้องผู้เป็นดั่งดวงตะวัน
เป็นเหมือนแสงสว่างในชีวิตของเขาเสมอ
หยาดน้ำเย็นๆ
กระเซ็นขึ้นกระทบผิวหน้าทันทีที่ตัวเครื่องเล่นหนักๆ ตกลงกับแอ่งน้ำใหญ่
ซึงฮุนยังคงร้องตะโกนด้วยความสนุกสนานพลางยกแขนขึ้นโบกไปมาเหนือหัวโดยไม่สนใจสายตาของใคร
แสนน่ารัก ...
ถ้าไม่มีเรื่องของความกลัวในใจเข้ามาเกี่ยวข้อง
ซึงฮุนก็เป็นเพียงเด็กหนุ่มธรรมดาๆ ใช้ชีวิตปกติ เติบโตด้วยความสุขและสนุกสนานตามช่วงพัฒนาการ
สิ่งที่ซึงฮุนแสดงออกมานั้นเรียกรอยยิ้มของมินโฮจนไม่อาจหุบลงได้
ใครจะคาดคิดว่าความกลัวของมินโฮนั้นจะหายเป็นปลิดทิ้งได้เพราะซึงฮุน
"มินโฮ
สนุกอ่า ขอเล่นอีกรอบนะ"
"ไม่ได้ครับ
ไปเล่นเครื่องเล่นอื่นบ้าง เล่นแต่ SUPER SPLASH กลับไปเดี๋ยวก็เป็นไข้หวัดกันพอดี"
"แต่ฉันแข็งแรงดีนะ
..."
"ต่อให้แข็งแรงเป็นไททัน
แต่อากาศร้อนๆ แบบนี้เล่นกับน้ำนานๆ ก็มีโอกาสป่วยได้นะครับ"
มือหนาเอื้อมขึ้นลูบเรือนผมสีเข้มนิ่ม ตาคมจ้องลึกกำราบเข้าเนตรเล็ก
เมื่อเจอกับการปรามด้วยความดุดันเจ้าของแก้มฟูก็แทบหงอย
ปากสวยที่เคยคลี่ยิ้มนั้นหุบคว่ำจนเป็นเส้นโค้ง
แม้จะโดนดุแต่เจ้าของกายสูงก็ยอมเชื่อฟังแต่โดยดีแม้จะรู้สึกขัดใจก็ตาม
"ถ้าซึงฮุนเป็นเด็กดี เดี๋ยวมินโฮจะพาไปกินไอศกรีมนะครับ"
"ไอศกรีม"
ความรู้สึกเศร้าสร้อยเมื่อครู่หายไปเป็นปลิดทิ้งเมื่อพูดถึงของอร่อย
มือหนาถูกคว้าหมับกว่าจะรู้ตัวก็โดนลากไปตามทางเดินหินขรุขระถูกสร้างขึ้นไม่ให้เด็กๆ
ลื่นล้มแม้จะเปียกชื้น ร้านขนมเล็กๆ
ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลคือจุดหมายของเจ้าลูกสิงโตจอมซน
ตู้ไอศกรีมไฟฟ้าถูกเปิดออกก่อนไอเย็นๆ ภายในจะลอยขึ้นกระทบกรอบหน้าคลายความร้อนจากสภาพอากาศลงไปได้บ้าง
ของกินภายในซองพลาสติกถูกหยิบขึ้น ตาสองข้างเป็นประกายวิบวับ
ซ้ำยิ้มบางก็ถูกระบายเปื้อนหน้าขาว
เด็กน้อยจริงๆ
เมื่อกี้ใครกันนะที่งอแงจะเล่นน้ำอีกรอบ
"ให้แท่งเดียวนะครับ"
"ใจร้าย"
"เหลือเงินไว้ซื้อของเล่นด้วยไงครับ"
"ของเล่นอะไร
ไม่ใช่เด็กสักหน่อย"
คำก็เด็กสองคำก็เด็กจนบางทีซึงฮุนก็เริ่มรู้สึกรำคาญ
มือขาวแกะซองพลาสติกออกก่อนเริ่มกัดไอศกรีมรสช็อกโกแลตคำโต
แก้มฟูขยับเมื่อซี่ฟันภายในช่องปากเริ่มขบเคี้ยวของหวานเย็นอย่างเอร็ดอร่อย
ทิ้งให้มินโฮไปจ่ายเงินเพียงลำพังเมื่อสองขาเดินจ้ำอ้าวตรงไปยังร้านขายของที่ระลึกซึ่งส่วนมากจะเป็นพวกตุ๊กตาหรือหมวกรูปร่างคล้ายสัตว์แปลกๆ
เสียมากกว่า
หมวกที่มีหน้าตาคล้ายไดโนเสาร์ถูกหยิบขึ้นมาสวมบนหัวของซึงฮุนโดยที่เจ้าตัวไม่ทันตั้งตัว
"เหมือนนายเลย ..."
"เดี๋ยวก็บอกว่าเหมือนสิงโต
เดี๋ยวก็บอกว่าเหมือนแมว เดี๋ยวก็บอกว่าเหมือนไดโนเสาร์ ตกลงยังไงกันแน่ ?"
"เกรี้ยวกราดจริง"
มินโฮยกมืออีกข้างขึ้นเพื่อจัดให้หมวกใบสวยตรงกระชับกับรูปหน้าของผู้สวมใส่มันอยู่ให้มากที่สุด
"ต่อให้นายจะเหมือนอะไร แต่นายก็คือดวงตะวันของฉันนะ"
"ทำซึ้งไป"
"นี่พูดจริง"
"โว้ย
... พอเลย ไม่ต้องพูดอะไรเสี่ยวๆ แบบนั้นอีกแล้วนะ"
"เขินก็บอกว่าเขิน
ไม่ต้องทำเหวี่ยงโวยวาย"
เมื่อไร้ทางโต้ซึงฮุนจึงทำได้เพียงเดินหนีออกนอกร้าน
แม้จะสวมหมวกไดโนเสาร์สีสดอยู่บนศีรษะก็ตาม
ซึ่งหน้าที่จ่ายเงินคงไม่พ้นซงมินโฮอยู่ดี สายตาคมมองไล่หลังคนเขินออกไปอย่างอารมณ์ดีก่อนควักธนบัตรหลากสีตามราคาสินค้าจ่ายให้แก่พนักงาน
เวลาเคลื่อนคล้อยถึงยามตะวันใกล้จะลับฟ้า
หากแต่มือหนาที่ยังคงกุมมือของอีกคนไว้แน่นกลับไม่ยอมพาเดินตรงไปยังรถยนต์คันงาม
เพียงแค่ต้นแขนสัมผัสยังรับรู้ได้ถึงร่างกายอันสั่นเทิ้ม
อาการกลัวคงกำลังเล่นงานซึงฮุนอีกครั้งแน่นอน ...
"มินโฮ
กลับบ้านกัน"
คำร้องอ้อนวอนเสียงแผ่วเบาราวใบไม้หวิวเมื่อต้องสายลมผ่าน
แต่ถึงอย่างนั้นมินโฮกลับออกแรงบีบมือเชิงปลอบใจคนข้างกาย ตาสวยจ้องเข้าเรียวตาตี๋
ใบหน้าคมคายส่ายน้อยๆ ราวกับให้หยุดความคิดนั้นเอาไว้
แต่ถึงอย่างนั้นกายบางก็สั่นเทาไม่หยุด สีหน้าวิตกกังวลราวสุนัขหูลู่ฉายชัด
ความกลัวทวีความรุนแรงสวนทางระดับของดวงตะวันลาลับ
ยิ่งแสงไฟถนนส่องสว่างตัดกับผืนฟ้าเท่าไร
ร่างกายของซึงฮุนก็ยิ่งตอบสนองมากขึ้นเท่านั้น
"ซึงฮุนครับ
ลองเผชิญหน้ากับความมืดอีกสักครั้งดีไหมครับ ?" ศีรษะน้อยๆ
ส่ายดิกเป็นคำตอบ มินโฮลอบถอนหายใจก่อนจะกวาดวงแขนขึ้นโอบไหล่ติดจะกว้าง
แรงบีบเบาๆ กับลาดบ่ามนนั้นคลายความวิตกในใจของซึงฮุนลงได้เพียงเล็กน้อย
เพียงแค่เล็กน้อยจริงๆ "ลองดูอีกสักครั้งเถอะนะครับ"
ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบอะไร
ผ้าเช็ดหน้าผืนสีเทาก็ถูกดึงออกจากกระเป๋ากางเกงยีนส์และก่อนอีกคนจะรู้ตัว
ผืนผ้าก็ถูกเลื่อนขึ้นปิดคู่ตาเล็กไว้
"ไม่เอาแล้ว
!"
"อีซึงฮุน
อดทนหน่อยนะ ผมอยากให้คุณเห็นความสวยงามที่อยู่ตรงหน้าคุณจริงๆ
ผมไม่ได้ทิ้งคุณไปไหน ผมก็ยังอยู่กับคุณตรงนี้ อย่ากลัวเลยนะซึงฮุน"
มินโฮเท้าก้าวสั้นๆ
อย่างระมัดระวังพาซึงฮุนเดินมั่นคงไปเพียงไม่กี่เมตรก่อนหยุดฝีเท้า
เสียงเพลงสังเคราะห์ราวกับเปิดจากกล่องเพลงที่เคยโด่งดังและเป็นที่นิยมในช่วงวัยเด็กดังขึ้น
แสงสีส้มจากไฟฟ้าทะลุช่องว่างของเนื้อผ้าจนสายตาซึงฮุนเห็นเป็นแสงวิบวับเลือนๆ ลอดผ่านเปลือกตาที่ปิดไม่สนิท
แม้จะเคยผจญมันมาแล้วหลายครั้ง
แต่ก็ไม่ได้ทำให้ซึงฮุนรู้สึกคุ้นชินกับความมืดมนเลยสักนิด
มือขาวชื้นด้วยเหงื่อแฉะจนเหนียวเหนอะ
จังหวะของหัวใจรุนแรงขึ้นเมื่อสัญญาณการเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจแผ่วหวิวอยู่ข้างหู
"ถ้าผมเปิดตาคุณ
สัญญาได้ไหมว่าจะไม่ร้องไห้อีก ผมจะอยู่ข้างๆ คุณเองนะ
คุณอย่ามองข้ามผมอีกเลย"
แม้จะไม่อยากรับปากสักเท่าไร
แต่วินาทีของความกลัวก็กระตุ้นให้เจ้าฉายาพ่อดวงตะวันพยักหน้ารับแทบจะทันที
ลมหายใจหอบถี่เมื่อรู้สึกถึงคู่มือพยายามคลายปมเงื่อนซึ่งผูกไว้ด้านหลังออก
นิ้วทั้งสิบถูกรวบเข้าหาฝ่ามือแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน
แม้เปลือกตาจะปิดสนิทแต่ปฏิกิริยาของร่างกายที่สั่นเทากำลังฟ้องว่าสิ่งตรงหน้าช่างน่ากลัวเหลือเกิน
"มะ
... มินโฮ ..."
เปลือกตาใสยังคงปิดสนิทแม้แพขนตาจะเริ่มชื้นแฉะเนื่องจากไม่อาจกลั้นน้ำตาอุ่นเอาไว้ได้
ในใจเอาแต่พร่ำเอ่ยคำว่าขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่ผิดสัญญาว่าจะไม่ร้องไห้
"ผมอยู่ตรงนี้เสมอครับ
คราวนี้ก็ค่อยๆ ลืมตานะ"
สองมือหนากุมมือที่กำลังสั่นไม่หยุดเอาไว้พลางขยับกายเข้าแนบชิดกว่าเดิมเพื่อให้อีกคนรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาบ้าง
อาการกลัวความมืดของคนที่เขารักตรงนี้นั้นไม่เคยดีขึ้นเลยอย่างที่หมอจีวอนว่าเอาไว้
ผู้เป็นหมออดทนรักษาซึงฮุนมาได้อย่างไรร่วมสิบปี
ในขณะที่มินโฮเองพยายามช่วยให้ซึงฮุนเผชิญหน้ากับความมืดหวังคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับมันลงบ้างก็ไม่ค่อยจะได้ผลสักเท่าไรนัก
ยอมใจหมอจีวอนจริงๆ นะในนาทีนั้น
ซึงฮุนค่อยๆ
ลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก
แค่สมองคิดว่าลืมตาขึ้นมาก็พบเจอกับท้องฟ้าสีหม่นและภาพแสงไฟก็แทบจะถดหลังหนี
หากแต่ซึงฮุนคิดผิด ...
แม้จะมีฉากหลังเป็นฟ้าสีเข้ม
หากแต่รูปที่นูนออกมาคล้ายภาพสามมิตินั้นแทบทำให้ตาเล็กของซึงฮุนเบิกโพลงราวจะถลนออกนอกเบ้า
ม้าหมุนเมื่อตอนกลางวันดูเรียบๆ
นั้นบัดนี้สว่างสดใสไปด้วยแสงไฟสีส้มทองแทบแสบตา
ม้าปั้นสีขาวในวงกลมเคลื่อนที่เป็นวงกลมภายใต้หลังคาราวคณะละครสัตว์เมื่อตอนบ่ายแลดูซอมซ่อหากแต่พวกมันกระทบกับแสงไฟสีอ่อนนั้นแล้วช่างสวยงามราวม้าเผือกในนิทานที่เจ้าชายชอบขี่ไปช่วยเจ้าหญิง
พวกมันขยับวิ่งโยกเป็นวงกลมเข้ากับเพลงจากกล่องดนตรีบรรเลงเสียงเบาช่วยให้ใจสงบไม่น้อย
"นาย
..."
"ชอบไหม
? ผมลงทุนทำให้เลยนะ"
แม้จะรู้ดีว่ามินโฮเป็นลูกบุญธรรมของชเวซึงฮยอนผู้ร่ำรวยติดอันดับของประเทศ
แต่การลงทุนปิดสวนสนุกนอกเวลาทำการมันอาจทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดีก็ได้
แม้สมองจะคิดไปแบบนั้น แต่ปากก็ไม่เคยคิดจะสามัคคีกับหัวใจ
"ชอบ
... ขอบคุณนะมินโฮ"
"รู้สึกดีจังที่ซึงฮุนชอบ"
ความสุขแล่นไปทั่วทั้งกายและใจของชายร่างหมีเมื่อรอยยิ้มคลี่ออกจากริมฝีปากบางทรงกระจับเล็กๆ
นั้น แก้มขาวฟูยกขึ้นเมื่อโดนปากบางๆ นั้นดันขึ้น
ซ้ำตาตี๋ก็แทบจะปิดหากันเป็นสระอิ
ดวงหน้าของความสุขฉายชัดพลอยทำให้มินโฮรู้สึกดีไปด้วย
ขอแค่แสงสีตรงหน้านั้นสวยงามและสว่างมากพอ สีเข้มๆ
ของแผ่นฟ้าด้านหลังองค์ประกอบภาพในโฟกัสสายตาแลดูสลัวจนน่ากลัวนั้นก็ถูกตัดออกไปจนหมดที่แม้แต่ซึงฮุนเองก็ไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำ
"ซึงฮุน ฉันรักนายนะ"
"เหมือนกันนะ"
มินโฮคงจะชินไปแล้วกับการบอกรักของชายตรงหน้า
แม้ไม่มีคำว่ารักตอบกลับออกมาแต่ริ้วแดงสีมะเขือเทศพาดผ่านแก้มใสทำให้รู้แล้วว่าซึงฮุนนั้นก็รู้สึกไม่ต่างกัน
ซึงฮุนซึนเกินไป
แต่เพราะความซึนนั้นเองที่เคลือบความน่ารักในแบบที่ใครก็ไม่อาจมองเห็น
เพียงแค่เผลอไผลไป
ลมหายใจอุ่นๆ ก็เป่ารดกับปลายจมูกโด่งเป็นสัน
ระยะห่างระหว่างใบหน้านั้นเริ่มใกล้เข้าหากันไปทุกที
ก่อนริมฝีปากหนาสีเข้มจะทาบทับเข้ากับริมฝีปากบางสีชมพูอ่อนของอีกคนอย่างนุ่มนวล
ความหวานของไอศกรีมที่กินเมื่อตอนเย็นยังคงติดอยู่กับปลายลิ้นของคนตัวสูงบางนั้นถูกเรียวลิ้นของอีกคนแทรกเข้ามาฉกชิงความหวานนั้นไปจนเกือบหมด
กลิ่นนิโคตินอ่อนๆ
แทนที่แต่ถึงอย่างนั้นซึงฮุนกลับไม่นึกรังเกียจซ้ำยังตวัดปลายลิ้นกับอีกคนราวกับหยอกเย้า
หมุดเงินเย็นๆ ภายปากของอีกคนไม่ได้ทำให้ซึงฮุนรู้สึกผ่อนคลายลงมีแต่จะยิ่งทำให้กระหายสัมผัสของอีกคนมากขึ้น
ท่ามกลางบรรยากาศดีๆ และเป็นใจทำให้ดูคล้ายๆ ฉากฉากหนึ่งในละคร
หากแต่นี่คือชีวิตจริง
เรื่องราวความรักระหว่างคนสองคนจะยาวนานสักเพียงใดก็ไม่อาจหยั่งรู้
มินโฮค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่งราวกับเสียดายช่วงเวลาสุดแสนพิเศษนี้
ไม่ต่างกับซึงฮุนที่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ ก่อนหลบเลี่ยงสายตาคมนั้น
หากได้จ้องตาราวกับพญาอินทรีย์คู่นั้นนานกว่านี้
คงเป็นอีซึงฮุนเสียเองที่จะเหลวเป็นน้ำ
"อย่าไปน่ารักแบบนี้กับใครคนอื่นเชียวนะ
หวง !"
ขอตั้งชื่อตอนนี้เป็นภาษาไทยว่า "มนต์รักสวนสนุก"
ค่ะ 555555
ตอนนี้แต่งเอาใจชาวเรือมินฮุนรัวๆ ไปเลยค่ะ
เต็มที่กับความฟินมาก คึคึ
ที่มาอัดในตอนนี้เพราะไซเรนท์เห็นว่าที่ผ่านมาคุณซงกับคุณอีเขาแทบไม่ได้อยู่ด้วยกันเลย
ตอนนี้เลยเป็นโอกาสดีจัดไปเต็มๆ หนึ่งตอนถ้วนค่ะ
พบกันใหม่ตอนหน้านะคะ สวัสดีค่า
#DAYNIGHTSTORY
ปล.
ตอนนี้ไซเรนท์ใช้เวลาแต่งนานร่วมสองเดือนกว่าๆ เลยค่ะ ติดขัดยังไงขออภัยด้วยนะคะ
ปล. 2 ตอนหน้าไซเรนท์ขอเอาใจชาวแพ YOONWOO บ้างนะคะ ชาวเรือ MINHOON
อย่าเพิ่งน้อยใจน้า
ความคิดเห็น